เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: pasta ที่ กันยายน 03, 2011, 10:52:16 AM



หัวข้อ: >>> สองวิธีแก้อาการ โรคกลัวผี <<<
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ กันยายน 03, 2011, 10:52:16 AM
เนื่องจากคนรู้จักและเพื่อนร่วมงานเกิดอาการโรคกลัวผีขึ้นสมอง  
 
ผู้ชาย 1 คน ไม่กล้าบวชพระทดแทนคุณพ่อแม่ เพราะกลัวผีที่วัดกลัวความมืด

ผู้ชาย 1 คนไม่กล้าออกปฎิบัติงานคนเดียวในที่มืดเปลี่ยว

ผู้หญิง 2 คนกลัวผีเพราะเห็นคนที่ตายไปเมื่อ 12 ปีที่แล้วพร้อมกัน ทั้งที่ไม่รู้จัก แต่บอกลักษณะรูปพรรณถูก


ผมถามพวกเขาทั้ง 4 คนว่า...จะกลัวกันไปทำไม แค่ผี ( คนที่ตายไปแล้ว )  คนเป็นๆนี่แหละตัวอันตรายทั้งกาย วาจา ใจ  

*****************************************************************************************************************************************

วิธีแก้อาการกลัวผีแบบสาระธรรม จากเวปธรรมะ

๑. คิดปรารถนาดีต่อชีวิตทั้งปวง (เมตตา) วิธีคิดนี้ง่ายมาก คือสร้างความรักความปรารถนาดีเผื่อแผ่ไปให้แก่ ทุก ๆ ชีวิต โดยจินตนาการให้ความรู้สึก "รัก" นี้แผ่ไพศาลไปทั่วฟ้า มหาสมุทร หรือ ถ้าเป็นสมัยใหม่นี้ ก็ต้องแผ่ไปให้ไกลทั่วแกแล็คซี่ ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ ความคิด "เมตตา"เช่นนี้ถ้าคิดได้อย่างต่อเนื่องจนเป็นสมาธิ ก็จะมีพลังมหาศาล สามารถที่จะสลายความกลัวให้หมดไป
        คนที่มีเมตตามาก ๆ สามารถที่จะสร้างอิทธิพลในทางบวกให้แก่ผี เช่นแบ่งปันความดีงาม ให้ผีสางนางไม้พลอยได้รับส่วนบุญกุศลอีกด้วย นี้แสดงถึงอำนาจของเมตตาที่มีอำนาจเหนือผีนั่นเอง
        กล่าวโดยสรุป คนที่มีเจริญเมตตาอยู่ในใจตลอดเวลา จะมีสมาธิดีมาก จนอำนาจภายนอกไม่ สามารถที่จะมาครอบงำหรือหลอกหลอนได้แต่อย่างไร ไปไหนมาไหนสบายใจ ไม่ต้องสะดุ้งกลัว
        วิธีคิดสร้างเมตตา(ในกรณีต้องไปอยู่ในสถานที่น่ากลัว) "ขอให้ทุก ๆ ชีวิต ณ ที่แห่งนี้จงมีความสุข ขอให้สัตว์เล็กสัตว์น้อย ณ ที่แห่งนี้จงสุขกายสุขใจ ขอให้ความรักความปรารถนาดีของฉันจงมีแก่ทุกชีวิต ขอให้ความรักของฉันจงเผื่อแผ่ไปทั่วสกลจักรวาล อย่างไม่มีขอบเขตไม่มีประมาณ ขอให้ต้นไม้ใบหญ้า ทุกต้นทุกใบจงมีความสันติสุข ขอให้ความเป็นมิตรของฉันจงมีแก่ทุก ๆ ชีวิต ณ ที่แห่งนี้ ขอให้ท่านสุขกาย สุขใจ มีสุขภาพจิตใจที่แจ่มใส ขอเผื่อแผ่ความดีงามที่ฉันได้ทำไว้ มอบให้แก่ท่านทั้งหลาย ขอให้ชีวิตทีเศร้าหมองทั้งหลายจงสดใสร่าเริง ขอให้ทุกชีวิตจงมีความสุขใจโดยพลันเทอญ ฯลฯ "
        วิธีคิดให้เกิดเมตตานี้ สามารถจะปรุงแต่งเป็นความคิดต่าง ๆ นานาได้ตามความปรารถนา เพียงแต่ว่า ให้อยู่ในประเด็นหลักของเมตตา คือ แผ่ความรักปรารถนาดีไปยังสรรพสัตว์อย่างไม่มีขอบเขตไม่มีประมาณ เท่านั้นเอง
        อนึ่ง คนที่ชอบฝันร้าย หากรู้จักแผ่เมตตาก่อนนอน ก็จะฝันดี มีความสุขทั้งตอนหลับและตื่น หาก ปฏิบัติได้เป็นประจำก็ดีเยี่ยมเลยครับ


 

๒. ความเชื่อมั่นเคารพในความดีงาม (ศรัทธา)

 วิธีนี้ ชาวพุทธที่มีความศรัทธาอยู่แล้วจะได้เปรียบสักหน่อยนะครับ เพราะความ"ศรัทธา" เป็นพลังความคิดอีกชนิดหนึ่งที่สามารถสลายความกลัวให้หมดลงไปได้เช่นเดียวกัน หากท่านศึกษาในประวัติศาสตร์ของศาสนาต่าง ๆ ท่านจะเห็นว่าคนที่มีความศรัทธาในศาสนามาก ๆ เขาจะไม่กลัวแม้แต่ความตาย ความศรัทธาหรือ ความรู้สึกประทับใจ เชื่อมั่น ซาบซึ้งใจ นี้ในทางพุทธศาสนาถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในขั้นต้นของการปฏิบัติธรรม ศรัทธาทำหน้าที่สร้างพลังขับเคลื่อนไปสู่กระบวนการทางปัญญา คือ ก่อนที่ปัญญาจะวิ่งไปได้ บางทีต้องอาศัย พลังศรัทธาคือความเคารพเชื่อมั่นในความดีงามนี้ทำหน้าที่เป็นตัวสร้างช่องทางนำร่องให้ความคิดเดินไปได้ ไม่อย่างนั้นมันคิดไม่ค่อยจะไปเหมือนกัน
        ยกตัวอย่าง ชาวพุทธในสมัยโบราณก่อนที่เขาจะตัดสินใจจะทำอะไร เขาก็ตั้ง นโม..ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า อันเป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม ความบริสุทธิ์ ความมีปัญญา เพื่อให้จิตใจผ่องใส เมื่อจิตใจดีแล้วเขาก็อาศัยพลังศรัทธานั้นแหละขับเคลื่อนความคิดเชิงเหตุผลต่อไป จนกลายเป็น พลังปัญญาด้วยตัวของมันเอง (ปัญญาพละ) ที่สามารถพึ่งตนเองได้อย่างแท้จริงต่อไป นี้เป็นจุดมุ่ง หมายของศรัทธาในทางพุทธศาสนา
        ผลพลอยได้ของ "ศรัทธา" คือ ช่วยทำไม่ให้กลัวผีได้ด้วยครับ อย่างที่บอกแล้วว่า คนที่ศรัทธามาก ๆ นี่ แม้ "ตาย"ยังไม่กลัวเลย แล้วจะไปกลัวผีได้อย่างไร ดังนั้นหากท่านเกิดความกลัวขึ้น ณ ที่ใด ให้สร้างศรัทธา ขึ้นในใจ ความกลัวผีก็จะหายไปในบัดดล
        วิธีคิดสร้างศรัทธา(เวลาต้องไปอยู่ในที่น่าหวาดกลัว ) ให้หลับตา นึกมโนภาพว่าเรากำลังกราบพระพุทธองค์อยู่ตรงหน้าที่ประทับ พร้อมทั้งระลึกถึงความบริสุทธิ์ของพระองค์ ที่ห่างไกลจากความโลภ โกรธ หลงทั้งมวล (วิสุทธิคุณ) ระลึกถึงความเมตตาอันไม่มีประมาณของพระพุทธองค์ที่รักมวลมนุษย์ชาติดังมารดารักบุตร (เมตตาคุณ) ระลึกถึงปัญญาอันสว่างไสวของพระพุทธองค์ที่ทรงรู้แจ้งสรรพสิ่งในสกลจักรวาล (ปัญญาคุณ) พร้อม ๆ กับ ภาวนา คำว่า " นะโมตัสสะ ภควะโต อรหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ" ไปเรื่อย ๆ ให้นึกวาดภาพว่าตัวเองก้มกราบพระพุทธองค์ พร้อมทั้งระลึกถึงพระคุณทั้งสามประการ อยู่เช่นนี้ตลอดเวลา จิตใจของท่านจะเกิดความร่าเริงแจ่มใส ปีติยินดี ความกลัวต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะเข้ามากล้ำกรายจิตใจอย่างแน่ นอน


 

๓. คิดใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา (ฉันทะ)

 อันนี้ใช้พลังปัญญาล้วน ๆ เลย คือความเชื่อมั่นในเหตุผล ในความจริง จิตใฝ่รู้นี้ มีพลังมหาศาล ที่ทำให้เราเกิดความเชื่อมั่นในตนเองจนไม่หวาดหวั่นอะไร คนประเภทนี้ผีหลอกไม่ไหวหรอกครับ เพราะจิตมีกำลังมาก (มีสมาธิ) ดังนั้นคนที่มีความใฝ่รู้จริง ๆ จึงมักจะไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องผี และ ไม่กลัวผี คนประเภทนี้ถ้าผีตัวไหนขืนถลำตัวไปหลอกเข้า ผีตัวนั้นคงเป็นต้องโดนวิ่งไล่จับพิสูจน์เป็นแน่ เพราะคนใฝ่รู้เขาจะเข้าไปหาถึงตัวเลย เพื่อจะดูซิว่าผีมันมีสิวกี่เม็ด, เท้าไม่ติดพื้นจริงหรือเปล่า, เสื้อผ้าผีมีเนื้อผ้าเป็นอย่างไร, ผีทำไมต้องพูดช้า ๆ ยานคาง , ทำไมผีถึงชอบทำหน้าเละ ๆ ฯลฯ แล้วผีที่ไหนจะยอมให้พิสูจน์ล่ะครับ คงต้องหนีลูกเดียว เพราะ ผีมันก็ดีแต่เก่งแค่ทำผลุบ ๆ โผล่ ๆ หลอก ๆ หลอน ๆ แต่คนขวัญอ่อนเท่านั้นเอง เจอคนจริงแบบนี้ ผีก็ไม่ไหวเหมือนกันล่ะครับ ..สวัสดี




หัวข้อ: Re: >>> สองวิธีแก้อาการ โรคกลัวผี <<<
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ กันยายน 03, 2011, 10:56:01 AM
วิธีแก้อาการกลัวผีแบบไร้สาระทำ จากเวปอื่นทั่วไป

ไปอ่านเจอมาในเว็บๆนึง น่าจะช่วยให้คนที่กลัวผี หายกลัวขึ้นมาได้ ลองทำกันดูใครถนัดข้อไหน เจอผีแบบไหน ก้อลองทำตามดูได้ไม่ว่ากัน
- อย่านอนเตียงที่มีใต้เตียงโล่ง ถ้ากลัวมากๆก็ให้ไปนอนใต้เตียงแทน ปล่อยผีนอนบนเตียงไป
- ถ้ากลัวผีช่องแอร์ให้เปิดหน้าต่างนอน ให้กระสือมาหลอกแทน
- ถ้ากลัวไฟปิดเปิดเองได้ ให้ถอดหลอดไฟออกทุกดวง เช่นเดียวกับก๊อกน้ำเปิดเอง ก็ให้เปิดมันทิ้งไว้
- ถ้าอยู่ดีๆได้ยินเสียงเพลงไทย ให้เอา ipod มาเปิด hip hop ฟัง
- ถ้าอยู่ดีๆ ได้ยินเสียงเด็กหรือผู้หญิงร้องไห้ ให้ลุกขึ้นมาปลอบใจผี
- ถ้าเพื่อนโดนผีเข้า ให้เมินมันแล้วไปนอน พอไม่มีใครสนใจผีก็จะเซ็งออกไปเอง
- ถ้ามีเงาอะไรผ่านหน้าต่างไป ให้ไปยืนแถวๆหน้าต่าง ทำเงาผ่านย้อนไปบ้าง
- ถ้ากลัวจะมีใครมายืนอยู่ปลายเตียง ก็ให้นอนเอาหัวมาไว้ปลายเตียง (ดูซิจะไปยืนไหน)
- ถ้าผีมาขอส่วนบุญ ให้ถามว่าสามารถโอนเข้าบัญชีได้ที่วัดไหน สาขาอะไร รับบัตรเครดิตหรือเปล่า?
- ถ้าผีจะตามกลับไปอยู่ที่บ้าน บอกให้ผีไปทำเรื่องย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านในฐานะผู้อยู่อาศัยให้ถูกต้องตามกฏหมายเสียก่อน
- ถ้าไปแถวพัทยา อย่าลืมเอา Dictionary ไปด้วย เพราะอาจเจอผีฝรั่ง
- ถ้าเปิดทีวีแล้วเจอภาพบ่อน้ำ ให้เอาทีวีไปวางบนขอบระเบียง (ในกรณีที่เป็นชั้น 3 ขึ้นไป) ผีที่คลานออกมาจากทีวีจะตกระเบียงตายเอง
- ถ้าอยู่ดีๆน้ำฝักบัวที่อาบกลายเป็นเลือด ให้เอาถุงมารอง แล้วนำเลือดไปขายตามโรงพยาบาล
- ถ้าอยู่ดีๆภาพหน้าตัวเองในกระจกเป็นหน้าผี อย่าตกใจ ให้รีบหาสีเมจิกมา 1แท่ง แล้วเติมหนวดลงไปในกระจก
- ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับผีในตู้เสื้อผ้า เขียนป้ายแปะไว้ว่า "ที่หมานอน"
- ถ้ากลัวผีในลิฟท์ ให้ยกของหนักๆไปด้วย ผีจะตามมาด้วยไม่ได้เพราะน้ำหนักจะเกิน
- ถ้าถ่ายรูปแล้วติดผี ให้นำหน้าผีไปตัดต่อกับภาพโป๊ ผีจะอายไม่กล้ามาหลอกอีก
- ถ้าคุณเริ่มเอะใจว่าผู้หญิงที่โบกรถมากับคุณจะเป็นผีหรือเปล่า ให้เรียกเก็บค่าโดยสารก่อนที่เธอจะหายไป
- ถ้าคุณพบผีเปรตในวันฝนฟ้าคะนอง ให้ก้มตัวต่ำ ฟ้าจะผ่าโดนผีก่อน
    


หัวข้อ: Re: >>> สองวิธีแก้อาการ โรคกลัวผี <<<
เริ่มหัวข้อโดย: saengsakul-รักในหลวง ที่ กันยายน 03, 2011, 11:05:33 AM
  ขอบคุณครับ...ผมจะลองปฏิบัติดูเพื่อสร้างเสริมบารมี....๖๘๑ ครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: >>> สองวิธีแก้อาการ โรคกลัวผี <<<
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ กันยายน 03, 2011, 12:22:16 PM
แต่ผมเห็นบังฟีนบอกว่าจะใช้วิธี 'สู้ไม่ได้ก็ต้องเป็นพวก' คือ แกจะไปเป็นผีจะได้ไม่กลัวผี ::005:: ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: >>> สองวิธีแก้อาการ โรคกลัวผี <<<
เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ กันยายน 03, 2011, 02:17:52 PM
แต่ผมเห็นบังฟีนบอกว่าจะใช้วิธี 'สู้ไม่ได้ก็ต้องเป็นพวก' คือ แกจะไปเป็นผีจะได้ไม่กลัวผี ::005:: ::005:: ::005::
จากข้อมูลที่น้าอัตให้มานั้น ผมเชื่อครับว่า สามารถทำได้ แต่...ไม่ใช่ผม  ::004::

ผม แค่ ไปที่มืดๆ  ก็ ยังพอได้ ครับ แต่ ห้ามมีเสียงอะไร ที่นอกเหนือจากความเป็นจริง ที่มีอยู่ เช่น เดินไป ในสวนยาง มักจะเจอเสียง จิ้งหรีด เสียงไม้หัก(เหมือน คนเหยียบ)
หรือเสียง ธรรมชาติ แบบนี้พอ ทนได้ครับ
แต่ถ้ามีเสียง  แปลกๆ เช่น คนคุยกัน เสียงคนร้อง เสียงหัวเราะ แ่ต่ไม่มีใครอยู่  หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ไม่น่าจะมี แบบนั้นผมวิ่งก่อนครับ  ::012:: ::004::

ครั้งนึง เคยนั่งในขน๋ำ (กระท่อม) คนเดียว สวนยางผมอยู่บนเขา  มีเสียงลูกไก่ร้อง จิ๊บๆๆๆๆ  ผมแปลกใจมากว่า เราไม่เคยเลี้ยง ไก่นี่นา  ??? แล้วไก่มาจากไหนว่ะ
นึกในใจ "ชิบหายแล้วกู ผีลูกไก่แน่ๆ "  :~) :~)   เอ๊ะ แล้วกูจะกลัวมันทำไม  มาดิ กูจะเหยียบให้จมดินเลย   ::005:: ::005::  >:(
ว่าแล้วก็เิดิน ลงไป ด้านล่าง (ขนำ เป็น กระท่อมยกสูง)  พร้อมกับ ใส่รองเท้า้ผ้าใบ  แล้วก็พูดว่า " แน่จริงมึงออกมา ไอ้ไก่เวร "  ::013::
สายตาผมมองไปเห็น คุณเมย์ อยู่ไม่ไกล นัก ในใจคิดว่า "ยังไงก็ก็เีรียกเมียกูได้ว่ะ"  ::007::
แต่เมื่อ สิ้นเสียงของผม เสียงลูกไก่ ก็หายไป แต่ก็ไม่ได้เล่าให้แฟนผมฟัง   ::007::  รุ่งเช้าพร้อมกับไปสำรวจ สวนยางเพื่อน ว่าเลี้ยงไก่หรือไม่  สรุปก็คือไม่มีใครเลี้ยงซักคน
 หลังจากนั้นอีกคืนนึง  ก็มีเสียงแบบ นี้อีกครั้ง   ที่นี้ผมถือไม้ ลงไปด้วยกะว่า "เอาว่ะ  มึงโดนแน่ๆวันนี้ ผีก็ผผีเถอะว่ะ "  ::010::เมื่อผมลงจากขนำ เสียงก็เงียบลงไปอีก
   ผมก็ขึ้นไปบนขนำอีกซักพักมันก็ร้องอีก  นึกในใจ" ไอ้ผีไก่เอี้ยเนี้ย มึงจะเอาไงกับกูว่ะ" ::013::
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถ มอเตอร์ไซค์คันนึงมาจอดที่ขนำ ก็คือ คนตัดยาง ข้างๆสวน ปกติเค้าจะมาก่อไฟต้มน้ำกินกาแฟ
ผมก็บอกเค้าว่า "ผมได้ยินเสียงลูกไก่ ด้วยครับ "  
เค้าตอบว่า " ลูกไก่ที่ไหน นั้นมันเสียง งูกะปะ" (งูกะปะหรือปากบุกนี่แหละครับ)ผมจำ ไม่ได้ แต่อยู่ใน 2 ชื่อนี้ครับ  
ผม  ??? ??? :OO :OO ::003:: ::003::  นึกในใจ " เกือบไปแล้วมั้ยกู "  :~) :~)  

เฮ้อ....ผีลูกไก่คิดได้ไงว่ะกรู  ::004::  แต่ก็นะ จิตมันเตลิด อะไรๆก็คิดได้ทั้งนั้น   :~) ::004::

 


หัวข้อ: Re: >>> สองวิธีแก้อาการ โรคกลัวผี <<<
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ กันยายน 03, 2011, 05:47:44 PM
แต่ผมเห็นบังฟีนบอกว่าจะใช้วิธี 'สู้ไม่ได้ก็ต้องเป็นพวก' คือ แกจะไปเป็นผีจะได้ไม่กลัวผี ::005:: ::005:: ::005::
จากข้อมูลที่น้าอัตให้มานั้น ผมเชื่อครับว่า สามารถทำได้ แต่...ไม่ใช่ผม  ::004::

ผม แค่ ไปที่มืดๆ  ก็ ยังพอได้ ครับ แต่ ห้ามมีเสียงอะไร ที่นอกเหนือจากความเป็นจริง ที่มีอยู่ เช่น เดินไป ในสวนยาง มักจะเจอเสียง จิ้งหรีด เสียงไม้หัก(เหมือน คนเหยียบ)
หรือเสียง ธรรมชาติ แบบนี้พอ ทนได้ครับ
แต่ถ้ามีเสียง  แปลกๆ เช่น คนคุยกัน เสียงคนร้อง เสียงหัวเราะ แ่ต่ไม่มีใครอยู่  หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ไม่น่าจะมี แบบนั้นผมวิ่งก่อนครับ  ::012:: ::004::

ครั้งนึง เคยนั่งในขน๋ำ (กระท่อม) คนเดียว สวนยางผมอยู่บนเขา  มีเสียงลูกไก่ร้อง จิ๊บๆๆๆๆ  ผมแปลกใจมากว่า เราไม่เคยเลี้ยง ไก่นี่นา  ??? แล้วไก่มาจากไหนว่ะ
นึกในใจ "ชิบหายแล้วกู ผีลูกไก่แน่ๆ "  :~) :~)   เอ๊ะ แล้วกูจะกลัวมันทำไม  มาดิ กูจะเหยียบให้จมดินเลย   ::005:: ::005::  >:(
ว่าแล้วก็เิดิน ลงไป ด้านล่าง (ขนำ เป็น กระท่อมยกสูง)  พร้อมกับ ใส่รองเท้า้ผ้าใบ  แล้วก็พูดว่า " แน่จริงมึงออกมา ไอ้ไก่เวร "  ::013::
สายตาผมมองไปเห็น คุณเมย์ อยู่ไม่ไกล นัก ในใจคิดว่า "ยังไงก็ก็เีรียกเมียกูได้ว่ะ"  ::007::
แต่เมื่อ สิ้นเสียงของผม เสียงลูกไก่ ก็หายไป แต่ก็ไม่ได้เล่าให้แฟนผมฟัง   ::007::  รุ่งเช้าพร้อมกับไปสำรวจ สวนยางเพื่อน ว่าเลี้ยงไก่หรือไม่  สรุปก็คือไม่มีใครเลี้ยงซักคน
 หลังจากนั้นอีกคืนนึง  ก็มีเสียงแบบ นี้อีกครั้ง   ที่นี้ผมถือไม้ ลงไปด้วยกะว่า "เอาว่ะ  มึงโดนแน่ๆวันนี้ ผีก็ผผีเถอะว่ะ "  ::010::เมื่อผมลงจากขนำ เสียงก็เงียบลงไปอีก
   ผมก็ขึ้นไปบนขนำอีกซักพักมันก็ร้องอีก  นึกในใจ" ไอ้ผีไก่เอี้ยเนี้ย มึงจะเอาไงกับกูว่ะ" ::013::
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถ มอเตอร์ไซค์คันนึงมาจอดที่ขนำ ก็คือ คนตัดยาง ข้างๆสวน ปกติเค้าจะมาก่อไฟต้มน้ำกินกาแฟ
ผมก็บอกเค้าว่า "ผมได้ยินเสียงลูกไก่ ด้วยครับ "   
เค้าตอบว่า " ลูกไก่ที่ไหน นั้นมันเสียง งูกะปะ" (งูกะปะหรือปากบุกนี่แหละครับ)ผมจำ ไม่ได้ แต่อยู่ใน 2 ชื่อนี้ครับ   
ผม  ??? ??? :OO :OO ::003:: ::003::  นึกในใจ " เกือบไปแล้วมั้ยกู "  :~) :~) 

เฮ้อ....ผีลูกไก่คิดได้ไงว่ะกรู  ::004::  แต่ก็นะ จิตมันเตลิด อะไรๆก็คิดได้ทั้งนั้น   :~) ::004::

 

น่าจะลงไปกระทืบมันซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยนะครับ... ถ้าเห็นว่าเป็นงูก็ตะโกนด่ามันดังๆ เลยว่า... "หนอย... แปลงกายเป็นงูเร๊อะ... คิดว่าจะรอดบาทาฟีนไปได้... ไม่มีทางซะละ..." จากนั้นก็... กระทืบๆ ไล่จากหางไปก่อน... ::008:: ::008:: ::008::

::014::



หัวข้อ: Re: >>> สองวิธีแก้อาการ โรคกลัวผี <<<
เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ กันยายน 03, 2011, 05:56:53 PM
 ::001::


หัวข้อ: Re: >>> สองวิธีแก้อาการ โรคกลัวผี <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Tanate(รักในหลวง) ที่ กันยายน 03, 2011, 06:59:28 PM
วันนั้นผมไปนอนที่สวน ก่อนนอนผมไม่ได้ไหว้พระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรให้คุ้มครอง   

นอนได้สักพัก ผมรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก

ชั่ววูบนั้นเอง พลันคิดได้ว่า "ซวยแล้วเรา สงสัยผีมาเหยียบหน้าอก"

อึดอัดได้สักพักหนึ่งก็มีความคิดพิเรนแล่นเข้ามาสมอง ผมก็เลยขยับตัวนอนตะแคงซะ ดูซิผีมันจะเหยียบอกได้ยังไงอีก  ;D




จริงๆเหตุการณ์วันนั้นผมเอาพัดลมเป่าหน้าครับ เลยคัดจมูก แต่เพราะดูหนังผีแล้วหลอนไปหน่อย


หัวข้อ: Re: >>> สองวิธีแก้อาการ โรคกลัวผี <<<
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ กันยายน 03, 2011, 11:18:49 PM
แต่ผมเห็นบังฟีนบอกว่าจะใช้วิธี 'สู้ไม่ได้ก็ต้องเป็นพวก' คือ แกจะไปเป็นผีจะได้ไม่กลัวผี ::005:: ::005:: ::005::
จากข้อมูลที่น้าอัตให้มานั้น ผมเชื่อครับว่า สามารถทำได้ แต่...ไม่ใช่ผม  ::004::

ผม แค่ ไปที่มืดๆ  ก็ ยังพอได้ ครับ แต่ ห้ามมีเสียงอะไร ที่นอกเหนือจากความเป็นจริง ที่มีอยู่ เช่น เดินไป ในสวนยาง มักจะเจอเสียง จิ้งหรีด เสียงไม้หัก(เหมือน คนเหยียบ)
หรือเสียง ธรรมชาติ แบบนี้พอ ทนได้ครับ
แต่ถ้ามีเสียง  แปลกๆ เช่น คนคุยกัน เสียงคนร้อง เสียงหัวเราะ แ่ต่ไม่มีใครอยู่  หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ไม่น่าจะมี แบบนั้นผมวิ่งก่อนครับ  ::012:: ::004::

ครั้งนึง เคยนั่งในขน๋ำ (กระท่อม) คนเดียว สวนยางผมอยู่บนเขา  มีเสียงลูกไก่ร้อง จิ๊บๆๆๆๆ  ผมแปลกใจมากว่า เราไม่เคยเลี้ยง ไก่นี่นา  ??? แล้วไก่มาจากไหนว่ะ
นึกในใจ "ชิบหายแล้วกู ผีลูกไก่แน่ๆ "  :~) :~)   เอ๊ะ แล้วกูจะกลัวมันทำไม  มาดิ กูจะเหยียบให้จมดินเลย   ::005:: ::005::  >:(
ว่าแล้วก็เิดิน ลงไป ด้านล่าง (ขนำ เป็น กระท่อมยกสูง)  พร้อมกับ ใส่รองเท้า้ผ้าใบ  แล้วก็พูดว่า " แน่จริงมึงออกมา ไอ้ไก่เวร "  ::013::
สายตาผมมองไปเห็น คุณเมย์ อยู่ไม่ไกล นัก ในใจคิดว่า "ยังไงก็ก็เีรียกเมียกูได้ว่ะ"  ::007::
แต่เมื่อ สิ้นเสียงของผม เสียงลูกไก่ ก็หายไป แต่ก็ไม่ได้เล่าให้แฟนผมฟัง   ::007::  รุ่งเช้าพร้อมกับไปสำรวจ สวนยางเพื่อน ว่าเลี้ยงไก่หรือไม่  สรุปก็คือไม่มีใครเลี้ยงซักคน
 หลังจากนั้นอีกคืนนึง  ก็มีเสียงแบบ นี้อีกครั้ง   ที่นี้ผมถือไม้ ลงไปด้วยกะว่า "เอาว่ะ  มึงโดนแน่ๆวันนี้ ผีก็ผผีเถอะว่ะ "  ::010::เมื่อผมลงจากขนำ เสียงก็เงียบลงไปอีก
   ผมก็ขึ้นไปบนขนำอีกซักพักมันก็ร้องอีก  นึกในใจ" ไอ้ผีไก่เอี้ยเนี้ย มึงจะเอาไงกับกูว่ะ" ::013::
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถ มอเตอร์ไซค์คันนึงมาจอดที่ขนำ ก็คือ คนตัดยาง ข้างๆสวน ปกติเค้าจะมาก่อไฟต้มน้ำกินกาแฟ
ผมก็บอกเค้าว่า "ผมได้ยินเสียงลูกไก่ ด้วยครับ "   
เค้าตอบว่า " ลูกไก่ที่ไหน นั้นมันเสียง งูกะปะ" (งูกะปะหรือปากบุกนี่แหละครับ)ผมจำ ไม่ได้ แต่อยู่ใน 2 ชื่อนี้ครับ   
ผม  ??? ??? :OO :OO ::003:: ::003::  นึกในใจ " เกือบไปแล้วมั้ยกู "  :~) :~) 

เฮ้อ....ผีลูกไก่คิดได้ไงว่ะกรู  ::004::  แต่ก็นะ จิตมันเตลิด อะไรๆก็คิดได้ทั้งนั้น   :~) ::004::

 

น่าจะลงไปกระทืบมันซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยนะครับ... ถ้าเห็นว่าเป็นงูก็ตะโกนด่ามันดังๆ เลยว่า... "หนอย... แปลงกายเป็นงูเร๊อะ... คิดว่าจะรอดบาทาฟีนไปได้... ไม่มีทางซะละ..." จากนั้นก็... กระทืบๆ ไล่จากหางไปก่อน... ::008:: ::008:: ::008::

::014::


แค่ยกหางมันขึ้นมันก็ทำอะไรไม่ได้แล้วครับ บังน่าจะลองดู จะได้เลิกกลัวผี  ::002::








เพราะจะเป็นเอง  ::005::


หัวข้อ: Re: >>> สองวิธีแก้อาการ โรคกลัวผี <<<
เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ กันยายน 03, 2011, 11:19:36 PM
จะไปหาพี่อนัตตาคนแรกเลยคอยดู  ::006::


หัวข้อ: Re: >>> สองวิธีแก้อาการ โรคกลัวผี <<<
เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ กันยายน 03, 2011, 11:21:29 PM
วิธีจับงูที่ถูกต้องต้องจับหางนะครับ  ;D



หัวใช้ไม้กดไว้ด้วย   ::008::


หัวข้อ: Re: >>> สองวิธีแก้อาการ โรคกลัวผี <<<
เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ กันยายน 03, 2011, 11:22:32 PM
วิธีจับงูที่ถูกต้องต้องจับหางนะครับ  ;D



หัวใช้ไม้กดไว้ด้วย   ::008::
ใครจะไปเทพ อย่างพี่กวางล่ะครับ   :~) :~)  แแค่ผมเห็นก็วิ่งแล้ว   ::004::


หัวข้อ: Re: >>> สองวิธีแก้อาการ โรคกลัวผี <<<
เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ กันยายน 03, 2011, 11:25:56 PM
วิธีจับงูที่ถูกต้องต้องจับหางนะครับ  ;D



หัวใช้ไม้กดไว้ด้วย   ::008::
ใครจะไปเทพ อย่างพี่กวางล่ะครับ   :~) :~)  แแค่ผมเห็นก็วิ่งแล้ว   ::004::
ผีน่ะเจอบ่อยจนชินละ  แต่เกือบสิบปีแล้วแฮะที่ไม่เจอ