เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: Jedth ที่ กันยายน 16, 2011, 02:56:34 PM



หัวข้อ: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ กันยายน 16, 2011, 02:56:34 PM
ขอรบกวนผู้รู้ทุกท่านครับ ::014::

ถ้าอยากทราบถึงความเป็นมาและข้อมูลของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ จะสามารถหาได้จากที่ใดบ้างครับ
เนื่องจากกำลังหาข้อมูลเพื่อทำงานวิจัยครับ

ขอขอบคุณล่วงหน้าในความคิดเห็นและคำแนะนำของทุกท่านครับ ::014::  ::014::  ::014::


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กันยายน 16, 2011, 03:36:23 PM
ผมไม่แน่ใจว่ามีการบันทึกไว้แน่นอนหรือไม่นะครับ ..................

แต่เริ่มแรกที่กองทัพบกก่อน ตั้งแต่กองทัพบกผลิตปืนที่ซื้อแบบจากต่างประเทศมาผลิตเอง เช่น สตาร์ .38 ซุบเปอร์ของสเปน และปรับเป็น ปพ.95 ขนาด .45 รวมทั้งซื้อ โคลท์ .38 ซุบเปอร์เข้าประจำการ ........................ต่อมากองทัพบกก้็รับปืน1911A1เข้าประจำการเป็นปพ.86

ปืน.38 ซุบเปอร์เหล่านี้และรวมทั้ง ปพ.95 บางส่วนก็ทำเป็นปืนสวัสดิการขายให้กำลังในกองทัพในราคาถูก ...................คิดว่าตรงนี้เป็นจุดเริ่มแรกๆของการจัดปืนสวัสดิการให้กับกำลังพล ......................

ต่อมาในส่วนราชการต่างๆที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธนอกจากกองทัพ เช่น ตำรวจ ราชทัณฑ์ ฯลฯ แม้กระทั่งภาครัฐวิสาหกิจที่มีความจำเป็นในบางภารกิจที่จะต้องใช้อาวุธ .............. ก็จัดทำโครงการปืนสวัสดิการขึ้นมา

ถ้าเริ่มแรกๆเลย หน่วยงานที่จัดทำโครงการปืนสวัสดิการก่อนใครๆจะเป็นทหารและตำรวจ ซึ่งมีมานานมากแล้ว ....................

ส่วนสาเหคุที่ทำก็มีหลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่จะอ้างว่าหน่วยงานจัดกาอาวุธให้กำลังพลได้ไม่เพียงพอ กำลังพลต้องจัดหาอาวุธส่วนตัวมาใช้ในราชการ(ซึ่งก้เป็นเช่นนั้นจริงๆ) ราคาปืนในท้องตลาดแพงเพราะนำเข้ามาได้จำกัดตามโควต้าประจำปี ...................เลยมีการจัดทำโครงการขึ้น...................และปืนที่นำมาจำหน่ายในสวัสดิการก็ถูกจริงๆ

ขั้นตอนในช่วงนั้น เริ่มจาก

1. หน่วยงานเป็นผู้ริเริ่มเอง เช่นกองทัพบกต้องการจัดทำโครงการปืนสวัสดิการให้กำลังพลของ ทบ. ก็เริ่มจากการประสานงานและขออนุญาตต่อมหาดไทยก่อน เพราะมหาดไทยเป็นผู้มีอำนาจในการอนุญาตให้นำเข้าอาวุธปืนเข้ามาในราชอาณาจักรได้ ..............เมื่อมหาดไทยอนุญาตก็ทำขั้นต่อไป

2. กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิและกำหนดแบบและราคาของปืนสวัสดิการ.....เรียกง่ายๆว่าตั้งโจทย์ก่อนว่า ใครซื้อได้ และมีปืนอะไรราคาเท่าไหร่?

3. ออกประกาสและระเบียบการดำเนินการทั้งหมด แจ้งให้ผู้มีสิทธิทราบและรับจอง ..................

4. เมื่อได้ยอดจำนวนปืนและแบบ ทั้งหมดแล้ว ......................ก็ขออนุญาตมหาดไทย สั่งปืนเข้ามาในราชอาณาจักร

5. เมื่อปืนเข้ามาแล้ว ก็แจกจ่ายให้ผู้ที่สั่งจองตามเงื่อนไขที่กำหนด ....................(ในขั้นตอนนี้เข้าใจว่าต้องขออนุญาตจำหน่ายให้แก่ผู้จองด้วย).........

ผมซื้อมาสอง-สามโครงการก่อนหน้านี้เป็นสิบปี .................... ลักษณะเป็นแบบนี้หมด(ในส่วนของกองทัพบก)

จนในปัจจุบันก็ยังจัดทำกันอยู่แต่ต่างจากเดิมมาก..................เรียกว่า มหาดไทยทำเองขายเอง ;D


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ กันยายน 16, 2011, 04:31:18 PM
ขอบพระคุณผู้การมะขิ่นมากครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: คนส่องกล้อง ที่ กันยายน 16, 2011, 06:57:45 PM
ขอรบกวนผู้รู้ทุกท่านครับ ::014::

ถ้าอยากทราบถึงความเป็นมาและข้อมูลของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ จะสามารถหาได้จากที่ใดบ้างครับ
เนื่องจากกำลังหาข้อมูลเพื่อทำงานวิจัยครับ

ขอขอบคุณล่วงหน้าในความคิดเห็นและคำแนะนำของทุกท่านครับ ::014::  ::014::  ::014::


           ทำวิจัยหัวข้อเรื่องอะไรหรือครับ


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ กันยายน 16, 2011, 08:34:14 PM
ขอรบกวนผู้รู้ทุกท่านครับ ::014::

ถ้าอยากทราบถึงความเป็นมาและข้อมูลของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ จะสามารถหาได้จากที่ใดบ้างครับ
เนื่องจากกำลังหาข้อมูลเพื่อทำงานวิจัยครับ

ขอขอบคุณล่วงหน้าในความคิดเห็นและคำแนะนำของทุกท่านครับ ::014::  ::014::  ::014::


           ทำวิจัยหัวข้อเรื่องอะไรหรือครับ

เป็นการวิจัยเชิงสำรวจครับ คิดว่าหัวข้อคงประมาณนี้ครับ
"อาวุธปืนและเครื่องกระสุน: ความคิดเห็นของประชาชนและการใช้งาน"  ถามเกี่ยวกับความคิดเห็นที่มีต่อนโยบายของรัฐเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนและการใช้งานอาวุธปืนของประชาชนครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: คนส่องกล้อง ที่ กันยายน 16, 2011, 08:38:02 PM
   แสดงว่าเรียนรัฐศาสตร์   8)


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ กันยายน 16, 2011, 08:43:18 PM
   แสดงว่าเรียนรัฐศาสตร์   8)

อยู่ข้างๆ กันครับ เรียนรัฐประศาสนศาสตร์ครับ


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: cadet38 -รักในหลวง- ที่ กันยายน 16, 2011, 11:01:19 PM
 ::002:: ::014::


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: eazycompany ที่ กันยายน 17, 2011, 07:38:18 AM
   แสดงว่าเรียนรัฐศาสตร์   8)

อยู่ข้างๆ กันครับ เรียนรัฐประศาสนศาสตร์ครับ



      สาขานี้ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยรามคำเเหง    จัดเป็น1ในสาขาของรัฐศาสตร์ครับ    เรียกว่าวิชารัฐศาสตร์ สาขาการบริหารรัฐกิจ    มีให้เลือกเรียนอีก2สาขาคือการปกครอง  กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ      บอกไว้เพื่อใครสนใจจะเรียนม.รามฯจะได้เลือกถูกครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: คนส่องกล้อง ที่ กันยายน 17, 2011, 08:42:00 AM
           ผมจบ สาขานี้ที่ มสธ. ครับ


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ กันยายน 17, 2011, 05:58:03 PM
   แสดงว่าเรียนรัฐศาสตร์   8)

อยู่ข้างๆ กันครับ เรียนรัฐประศาสนศาสตร์ครับ



      สาขานี้ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยรามคำเเหง    จัดเป็น1ในสาขาของรัฐศาสตร์ครับ    เรียกว่าวิชารัฐศาสตร์ สาขาการบริหารรัฐกิจ    มีให้เลือกเรียนอีก2สาขาคือการปกครอง  กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ      บอกไว้เพื่อใครสนใจจะเรียนม.รามฯจะได้เลือกถูกครับ ::014::

เพื่อนผมก็จบจากรามคำแหงครับ ตอนนี้เป็นปลัดสังกัดอปท. ในแถบจังหวัดทางภาคกลางครับ  ::002::  ::014::


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ กันยายน 17, 2011, 05:59:11 PM
           ผมจบ สาขานี้ที่ มสธ. ครับ

ผมกำลังจะสมัครเรียนในเทอม 2 นี้ครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ กันยายน 18, 2011, 11:34:01 AM
ผมไม่แน่ใจว่ามีการบันทึกไว้แน่นอนหรือไม่นะครับ ..................

แต่เริ่มแรกที่กองทัพบกก่อน ตั้งแต่กองทัพบกผลิตปืนที่ซื้อแบบจากต่างประเทศมาผลิตเอง เช่น สตาร์ .38 ซุบเปอร์ของสเปน และปรับเป็น ปพ.95 ขนาด .45 รวมทั้งซื้อ โคลท์ .38 ซุบเปอร์เข้าประจำการ ........................ต่อมากองทัพบกก้็รับปืน1911A1เข้าประจำการเป็นปพ.86

ปืน.38 ซุบเปอร์เหล่านี้และรวมทั้ง ปพ.95 บางส่วนก็ทำเป็นปืนสวัสดิการขายให้กำลังในกองทัพในราคาถูก ...................คิดว่าตรงนี้เป็นจุดเริ่มแรกๆของการจัดปืนสวัสดิการให้กับกำลังพล ......................

ต่อมาในส่วนราชการต่างๆที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธนอกจากกองทัพ เช่น ตำรวจ ราชทัณฑ์ ฯลฯ แม้กระทั่งภาครัฐวิสาหกิจที่มีความจำเป็นในบางภารกิจที่จะต้องใช้อาวุธ .............. ก็จัดทำโครงการปืนสวัสดิการขึ้นมา

ถ้าเริ่มแรกๆเลย หน่วยงานที่จัดทำโครงการปืนสวัสดิการก่อนใครๆจะเป็นทหารและตำรวจ ซึ่งมีมานานมากแล้ว ....................

ส่วนสาเหคุที่ทำก็มีหลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่จะอ้างว่าหน่วยงานจัดกาอาวุธให้กำลังพลได้ไม่เพียงพอ กำลังพลต้องจัดหาอาวุธส่วนตัวมาใช้ในราชการ(ซึ่งก้เป็นเช่นนั้นจริงๆ) ราคาปืนในท้องตลาดแพงเพราะนำเข้ามาได้จำกัดตามโควต้าประจำปี ...................เลยมีการจัดทำโครงการขึ้น...................และปืนที่นำมาจำหน่ายในสวัสดิการก็ถูกจริงๆ

ขั้นตอนในช่วงนั้น เริ่มจาก

1. หน่วยงานเป็นผู้ริเริ่มเอง เช่นกองทัพบกต้องการจัดทำโครงการปืนสวัสดิการให้กำลังพลของ ทบ. ก็เริ่มจากการประสานงานและขออนุญาตต่อมหาดไทยก่อน เพราะมหาดไทยเป็นผู้มีอำนาจในการอนุญาตให้นำเข้าอาวุธปืนเข้ามาในราชอาณาจักรได้ ..............เมื่อมหาดไทยอนุญาตก็ทำขั้นต่อไป

2. กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิและกำหนดแบบและราคาของปืนสวัสดิการ.....เรียกง่ายๆว่าตั้งโจทย์ก่อนว่า ใครซื้อได้ และมีปืนอะไรราคาเท่าไหร่?

3. ออกประกาสและระเบียบการดำเนินการทั้งหมด แจ้งให้ผู้มีสิทธิทราบและรับจอง ..................

4. เมื่อได้ยอดจำนวนปืนและแบบ ทั้งหมดแล้ว ......................ก็ขออนุญาตมหาดไทย สั่งปืนเข้ามาในราชอาณาจักร

5. เมื่อปืนเข้ามาแล้ว ก็แจกจ่ายให้ผู้ที่สั่งจองตามเงื่อนไขที่กำหนด ....................(ในขั้นตอนนี้เข้าใจว่าต้องขออนุญาตจำหน่ายให้แก่ผู้จองด้วย).........

ผมซื้อมาสอง-สามโครงการก่อนหน้านี้เป็นสิบปี .................... ลักษณะเป็นแบบนี้หมด(ในส่วนของกองทัพบก)

จนในปัจจุบันก็ยังจัดทำกันอยู่แต่ต่างจากเดิมมาก..................เรียกว่า มหาดไทยทำเองขายเอง ;D

ขออนุญาตเติมประเด็น ต้นทุนราคาปืนและภาษี ของปืนสวัสดิการสักนิด
ว่าเดิมเป็นการจัดสวัสดิการให้กับกำลังพลของแต่ละหน่วยงาน บางหน่วยได้ขอยกเว้นอากรตาม พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากรฯ
ต่อมาได้มีกรณีของทอ. ที่ศาลฎีกาตัดสินว่า การที่ทอ.นำเข้ามาเพื่อจำหน่ายให้แก่ข้าราชการของตนเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับส่วนราชการ
ถือไม่ได้ว่าเป็นยุทธภัณฑ์ที่ใช้ในราชการอันอยู่ในข่ายที่จะได้รับการยกเว้นอากรตาม พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ภาค 4 ประเภท 13
ทอ.ต้องรับผิดเสียภาษีอากร......

ดังนั้น....ปืนสวัสดิการจึงมีค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกับปืนร้านทั่วๆไป แถมภาษียังต้องอยู่บนฐานราคาที่ต้องสำแดงตัวจริงอีกด้วย

ต่อมามท.ได้จัดโครงการร่วมกับร้านค้าปืน ขยายฐานลูกค้าออกไป ก็มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการที่สูงขึ้นบวกเพิ่มไปในปืนแต่ละกระบอก
ปืนสวัสดิการจึงเป็นปืนที่มีต้นทุนตรงที่สูงกว่าปืนร้านค้า  แต่การที่มท.มีอำนาจในการจำกัดการนำเข้า ทำให้เป็นช่องทางในการปั่นราคาปืนร้านค้าขึ้นไป
เพื่อใช้ส่วนต่างราคาเป็นตัวกระตุ้นการขาย เมื่อโครงการที่มีเงื่อนไขห้ามโอนยกเว้นมรดกเริ่มขายฝืด ก็ออกโครงการโอนได้หลัง ๕ ปี ออกมา.....





หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: ckanoon ที่ กันยายน 18, 2011, 11:52:34 AM
           ผมจบ สาขานี้ที่ มสธ. ครับ

     เรียนถามครับรับพระราชทานปริญญาบัตรปีไหนครับ ผมจบปี ๒๕๔๘ รับปริญญาปี ๒๕๕๐

     รุ่นแรกที่รับใน มสธ.ครับ


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: คนส่องกล้อง ที่ กันยายน 18, 2011, 12:48:43 PM
       ปี 35 ครับ

       ขออภัย 35 จบ วิทยาการจัดการ
       บริหารรัฐกิจ จบปี 42 ครับ

       นอกไมค์ดีกว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นกระทู้สถาบันไป ครับ   ;)


หัวข้อ: Re: ความเป็นมาของโครงการเกี่ยวกับปืนสวัสดิการ
เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ กันยายน 18, 2011, 03:31:02 PM
ผมไม่แน่ใจว่ามีการบันทึกไว้แน่นอนหรือไม่นะครับ ..................

แต่เริ่มแรกที่กองทัพบกก่อน ตั้งแต่กองทัพบกผลิตปืนที่ซื้อแบบจากต่างประเทศมาผลิตเอง เช่น สตาร์ .38 ซุบเปอร์ของสเปน และปรับเป็น ปพ.95 ขนาด .45 รวมทั้งซื้อ โคลท์ .38 ซุบเปอร์เข้าประจำการ ........................ต่อมากองทัพบกก้็รับปืน1911A1เข้าประจำการเป็นปพ.86

ปืน.38 ซุบเปอร์เหล่านี้และรวมทั้ง ปพ.95 บางส่วนก็ทำเป็นปืนสวัสดิการขายให้กำลังในกองทัพในราคาถูก ...................คิดว่าตรงนี้เป็นจุดเริ่มแรกๆของการจัดปืนสวัสดิการให้กับกำลังพล ......................

ต่อมาในส่วนราชการต่างๆที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธนอกจากกองทัพ เช่น ตำรวจ ราชทัณฑ์ ฯลฯ แม้กระทั่งภาครัฐวิสาหกิจที่มีความจำเป็นในบางภารกิจที่จะต้องใช้อาวุธ .............. ก็จัดทำโครงการปืนสวัสดิการขึ้นมา

ถ้าเริ่มแรกๆเลย หน่วยงานที่จัดทำโครงการปืนสวัสดิการก่อนใครๆจะเป็นทหารและตำรวจ ซึ่งมีมานานมากแล้ว ....................

ส่วนสาเหคุที่ทำก็มีหลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่จะอ้างว่าหน่วยงานจัดกาอาวุธให้กำลังพลได้ไม่เพียงพอ กำลังพลต้องจัดหาอาวุธส่วนตัวมาใช้ในราชการ(ซึ่งก้เป็นเช่นนั้นจริงๆ) ราคาปืนในท้องตลาดแพงเพราะนำเข้ามาได้จำกัดตามโควต้าประจำปี ...................เลยมีการจัดทำโครงการขึ้น...................และปืนที่นำมาจำหน่ายในสวัสดิการก็ถูกจริงๆ

ขั้นตอนในช่วงนั้น เริ่มจาก

1. หน่วยงานเป็นผู้ริเริ่มเอง เช่นกองทัพบกต้องการจัดทำโครงการปืนสวัสดิการให้กำลังพลของ ทบ. ก็เริ่มจากการประสานงานและขออนุญาตต่อมหาดไทยก่อน เพราะมหาดไทยเป็นผู้มีอำนาจในการอนุญาตให้นำเข้าอาวุธปืนเข้ามาในราชอาณาจักรได้ ..............เมื่อมหาดไทยอนุญาตก็ทำขั้นต่อไป

2. กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิและกำหนดแบบและราคาของปืนสวัสดิการ.....เรียกง่ายๆว่าตั้งโจทย์ก่อนว่า ใครซื้อได้ และมีปืนอะไรราคาเท่าไหร่?

3. ออกประกาสและระเบียบการดำเนินการทั้งหมด แจ้งให้ผู้มีสิทธิทราบและรับจอง ..................

4. เมื่อได้ยอดจำนวนปืนและแบบ ทั้งหมดแล้ว ......................ก็ขออนุญาตมหาดไทย สั่งปืนเข้ามาในราชอาณาจักร

5. เมื่อปืนเข้ามาแล้ว ก็แจกจ่ายให้ผู้ที่สั่งจองตามเงื่อนไขที่กำหนด ....................(ในขั้นตอนนี้เข้าใจว่าต้องขออนุญาตจำหน่ายให้แก่ผู้จองด้วย).........

ผมซื้อมาสอง-สามโครงการก่อนหน้านี้เป็นสิบปี .................... ลักษณะเป็นแบบนี้หมด(ในส่วนของกองทัพบก)

จนในปัจจุบันก็ยังจัดทำกันอยู่แต่ต่างจากเดิมมาก..................เรียกว่า มหาดไทยทำเองขายเอง ;D

ขออนุญาตเติมประเด็น ต้นทุนราคาปืนและภาษี ของปืนสวัสดิการสักนิด
ว่าเดิมเป็นการจัดสวัสดิการให้กับกำลังพลของแต่ละหน่วยงาน บางหน่วยได้ขอยกเว้นอากรตาม พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากรฯ
ต่อมาได้มีกรณีของทอ. ที่ศาลฎีกาตัดสินว่า การที่ทอ.นำเข้ามาเพื่อจำหน่ายให้แก่ข้าราชการของตนเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับส่วนราชการ
ถือไม่ได้ว่าเป็นยุทธภัณฑ์ที่ใช้ในราชการอันอยู่ในข่ายที่จะได้รับการยกเว้นอากรตาม พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ภาค 4 ประเภท 13
ทอ.ต้องรับผิดเสียภาษีอากร......

ดังนั้น....ปืนสวัสดิการจึงมีค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกับปืนร้านทั่วๆไป แถมภาษียังต้องอยู่บนฐานราคาที่ต้องสำแดงตัวจริงอีกด้วย

ต่อมามท.ได้จัดโครงการร่วมกับร้านค้าปืน ขยายฐานลูกค้าออกไป ก็มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการที่สูงขึ้นบวกเพิ่มไปในปืนแต่ละกระบอก
ปืนสวัสดิการจึงเป็นปืนที่มีต้นทุนตรงที่สูงกว่าปืนร้านค้า  แต่การที่มท.มีอำนาจในการจำกัดการนำเข้า ทำให้เป็นช่องทางในการปั่นราคาปืนร้านค้าขึ้นไป
เพื่อใช้ส่วนต่างราคาเป็นตัวกระตุ้นการขาย เมื่อโครงการที่มีเงื่อนไขห้ามโอนยกเว้นมรดกเริ่มขายฝืด ก็ออกโครงการโอนได้หลัง ๕ ปี ออกมา.....





ขอบคุณพี่ธำรงมากครับ  ::014::