หัวข้อ: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: Easy ที่ กันยายน 10, 2012, 08:21:36 PM เคยสงสัยไหม ว่าทำไมสังคมทุกวันนี้มันถึงผิดเพี้ยน ที่ผิดเชิดชูว่าถูก ยกย่องเยินยอว่าเป็นวีรชน คนกล้า
เคยสงสัยกันไหม ว่าทำไมคนที่ดูฉลาด เก่งกาจ จำนวนมาก กลับตกเป็นสาวกลัทธิแปลกประหลาดที่ผิดสามัญสำนึกโดยสิ้นเชิง เคยสงสัยกันไหม ว่าทำไมฝูงชนหมู่มากเมื่อมารวมกัน จึงถูกหลอกให้เชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ และไม่ควรเชื่อได้บ่อยๆ เคยสงสัยกันไหม ว่าชนชาติที่ขยัน อดทน และมีมันสมองชั้นเลิศอย่างญี่ปุ่นและเยอรมัน จึงถูกผู้นำหลอกให้ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำพูดของเขาได้ นักสื่อสาร นักจิตวิทยา ต่างศึกษาจิตใจของผู้คน และกระแสของมวลชน จนสรุปว่า การ propaganda (ไทยแปลศัพท์ว่า โฆษณาชวนเชื่อ) เป็นต้นเหตุของความผิดเพี้ยนทางความคิดทั้งปวง แน่นอนว่า นักจิตวิทยาและนักสื่อสารบางส่วนนำผลสรุปนี้ไปใช้ประโยชน์ สร้างระบบจิตวิทยามวลชน อุปาทานหมู่ เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ทำอย่างไรเราจะรู้ทันการโฆษณาชวนเชื่อนี้ล่ะ หลักการโฆษณาชวนเชื่อ อาจสรุปลงง่ายๆ 7 ข้อ ได้แก่ 1. Ad Hominem : โจมตีตัวบุคคล สร้างศัตรูบุคคลขึ้นมาเป็นหุ่นรับการโจมตีหลัก แล้วจับผิด โจมตี ด่าทอ ต่อว่า ทั้งเรื่องส่วนตัวและคำพูดทุกคำพูดของคนๆนั้น รวมถึงการสร้างภาพให้ฝ่ายศัตรูที่ตั้งขึ้นมาโจมตีเป็นปีศาจร้าย เปรียบเทียบกับความชั่วร้ายในโลกทั้งมวล ทั้งในพระคัมภีร์ศาสนาและประวัติศาสตร์ ตัวอย่างเช่น การโฆษณาชวนเชื่อโจมตีสตาลิน ในยุคลัทธิแม็คคาร์ธีของสหรัฐทศวรรษที่ 60 ว่าโหด ดุร้าย ป่าเถื่อนไร้อารยธรรม การสร้างข่าวโจมตีนายกฯวินสตัน เชอร์ชิลว่าเป็นคนโง่ ดื้อด้าน หรือแม้แต่การโฆษณาโจมตีฮิตเลอร์ว่าเป็นทายาทซาตาน ตัวแทนสัตว์นรก 2. Ad nauseum : พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก มีสำนวนไทยว่าไว้เข้าทีว่า “น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน” แล้วใจคนอ่อนๆจะทนได้อย่างไร เมื่อนำ้คำลมปากกรอกหูเข้าทุกวัน พูดทุกวัน เรื่องเก่าแต่เปลี่ยนวีธีทางในการพูดใหม่ ใส่เรื่องจูงใจให้ผู้ฟังชื่นชอบ แต่ไม่เปลี่ยนจุดมุ่งหมาย วงการเพลงเราก็นำวิธีนี้มาใช้ สั่งให้ดีเจ เปิดมันทุกวัน ไพเราะหรือไม่ไม่ต้องสนใจ เปิดจนกว่าคนฟังจะชิน 3. Big Lie : โกหกคำโต โยเซฟ เกิบเบิลส์(1897-1945) รัฐมนตรีกระทรวงโฆษณาการ(minister of propaganda) มือขวาของฮิตเลอร์ กล่าวว่า “The bigger the lie, the more it will be believed.” “ยิ่งโกหกคำโตเท่าไร, มันยิ่งน่าเชื่อไปเท่านั้น” และ “The great m. of people will more easily fall victims to a big lie than to a small one.” “ฝูงชนมหาศาลถูกหลอกด้วยการโกหกเรื่องใหญ่ ง่ายกว่าโกหกเรื่องเล็กๆ” การโกหกเรื่องเล็กๆ ที่มีรายละเอียดปลีกย่อย อาจมีผู้จับโกหกได้ง่าย แต่การโกหกเรื่องใหญ่ๆเพื่อหลอกให้เชื่อ มันย่อมครอบคลุมเรื่องต่างๆหลากหลาย อย่างน้อยต้องมีข้อใดข้อหนึ่งที่ถูกจริตผู้ฟัง และเมื่อคนพูดพูดในสิ่งที่คนฟังอยากจะเชื่ออยู่แล้ว เขาก็พร้อมจะยอมเชื่อโดยดี แม้ว่าคำโกหกเรื่องใหญ่นั้น จะเท็จครึ่ง จริงครึ่ง หรือไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความจริงอยู่เลย 4. Name calling : สร้างสมญานาม การสร้างชื่อแทนใช้เรียกย่อๆ ง่ายๆ และตีความได้เข้าข้างตัวเอง หรือสร้างภาพเสียหายให้ศัตรู เป็นเทคนิคของการโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนึ่ง เช่น Iron Curtain : ม่านเหล็ก ที่ดูน่ากลัว, The Third Reich ที่ย้อนโหยหาคืนวันอันรุ่งเรืองในอดีต และมักใช้สถาบันที่สูงส่งเข้ามาสร้างภาพเป็นส่วนหนึ่งของชื่อด้วย เช่น Imperial Army 5. Black and White fallacy : ตรรกะผิด-ถูก แบบขาว-ดำ ผู้โฆษณาชวนเชื่อ ต้องสร้างภาพการแบ่งแยกฝ่ายถูกผิดชัดเจนเป็นสีขาว-ดำ ใครเข้าข้างจะเป็นฝ่ายถูก ฝ่ายธรรมะ ส่วนใครไม่เห็นด้วยก็จะถูกผลักไปเป็นฝ่ายผิด เป็นฝ่ายอธรรมทันที ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ คำพูดของจอร์จ บุช จูเนียร์ เมื่อตัดสินใจบุกอิรักว่า “If you don’t be aside with America, you are with terrorrist.” ในโลกสีเทาหม่นๆของความเป็นจริง เราแสวงหาความดี ความถูกต้อง ตามหลักคำสอนทางจริยธรรมและศีลธรรมอยู่เสมอ เมื่อผู้โฆษณาชวนเชื่อตั้งธงให้เข้าร่วมกับความถูกต้องชัดเจนย่อมไม่แปลกที่ จะหลงเชื่อในสิ่งที่เขากล่าวอย่างง่ายดาย และอาจไม่ฉุกคิดเลยว่า สิ่งที่เขาพูดไม่ตรงกับการกระทำอย่างใดเลย 6. Flag Waving, Beautiful thing, and Great People reference : ชูธงสูงส่ง อ้างสิ่งสวยงาม ตามหลักมหาบุรุษ การโฆษณาชวนเชื่อนั้นจะอ้างตนเองและกลุ่ม แนวคิดของตน ให้ดูยิ่งใหญ่ สูงส่ง อลังการ มีคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม ด้วยคำพูดและป้ายประกาศ ใช้ข้อความที่ดูดี อ้างอิงสิ่งเหนือธรรมชาติ หรือนามธรรมที่คนยอมรับว่าดี เช่นเทพเจ้า พระเจ้า เทพยดา อ้างแนวทางของบุคคลในประวัติศาสตร์ ศาสดาที่ยิ่งใหญ่ เช่น พระพุทธเจ้า พระมะหะหมัด พระคริสต์ มหาตมะคานธี อับราฮัม ลินคอล์น อ้างพระคัมภีร์ของศาสนาต่างๆ ฯลฯ แต่การอ้างดังกล่าวแตกต่างไปจากการเผยแผ่หรือโน้มนำที่ดีตามปกติ ด้วยว่าการโฆษณาชวนเชื่อ จะนำภาพลักษณ์ที่ดูสูงส่งสวยงามเหล่านั้นมาบิดเบือนให้เข้าข้างแนวคิดของตน เช่น นาซีอ้างพระคัมภีร์ที่ว่ายูดาทรยศพระคริสต์ มาบ่มเพาะความเกลียดชังชาวยิวทั้งหมด โดยละเลยไปว่าพระคริสต์เองและอัครสาวกก็เป็นชาวยิว, ลิบันอ้างกุรอ่าน ว่าห้ามบูชารูปเคารพ มาทำลายพระพุทธรูปโบราณที่บามิยัน ทั้งๆที่ไม่มีใครแถวนั้นบูชาอีกแล้ว เป็นเพียงมรดกศิลปะเก่าแก่เท่านั้น 7. Disinformation by mass media : ควบคุมกำจัดข้อมูลผ่านสื่อสารมวลชน การบอกข้อมูลไม่ครบ บอกความจริงไม่หมด เลือกแต่เฉพาะข้อมูลหรือข่าวที่ส่งผลดีต่อฝ่ายตนเอง ใช้การอ้างนอกบริบท หรือนำคำพูดที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาแต่งเติมเสริมเข้าไปให้ดูดี ยิ่งใช้สื่อมวลชนที่เข้าถึงคนหมู่มาก ยิ่งบอกผ่านกันไปปากต่อปาก และยิ่งดูน่าเชื่อถือ หลายๆคนพอตั้งข้อสงสัย ก็ถูกตอบว่า “ก็ทีวีว่ามาอย่างนี้ล่ะ” ข้อนี้เราคงเห็นกันตามสื่อสารมวลชนอยู่ทุกวันแล้วนะครับ ปกติหน้าที่ของสื่อข้อหนึ่งคือ Gatekeeper ผู้คัดกรองข่าวสาร เลือกข่าวสารที่มีประโยชน์และเป็นจริง และกำจัดข้อมูลชยะที่เป็นเท็จและไม่เป็นประโยชน์ทิ้งไป รวมถึงการเรียบเรียงข้อมูลให้เข้าใจง่ายขึ้น แต่เมื่อสื่อมาโฆษณาชวนเชื่อแล้ว การคัดกรองข่าวสารก็จะบิดเบี้ยว กลาย เป็นว่า คัดเฉพาะข้อมูลที่เข้าข้างฝ่ายตน มีประโยชน์ต่อตนเอง หรือหากข้อมูลเป็นกลางก็จะนำมาตัดแต่งเติมต่อตีความให้เข้ากับแนวคิดของตนเอง รวมทั้งการเรียบเรียงให้ง่าย (simplification) ที่ตัดทอนและละเลยข้อเท็จจริงไป แล้วนำเรื่องยากซับซ้อนต้องใช้ความรู้ความเข้าใจสูงมาพูดเป็นเรื่องพื้นๆให้ คนเชื่อตาม การโฆษณาชวนเชื่อ แตกต่างและน่ากลัวกว่าการโฆษณาและชักจูงตามปกติ เพราะมันจะทำให้ตรรกะของคุณบิดเบี้ยวโดยคุณไม่รู้ตัว คุณจะเห็นคนอื่นผิดหมด ขณะที่ตัวเองถูกต้องเพียงคนเดียว คุณจะไม่เหลียวแม้แต่หางตามองสิ่งที่อยู่นอกเหนือความเชื่อของคุณ คุณจะกล้าใช้ถ้อยคำหยาบคาย ด่าทอ เสียดสี คนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ ทั้งๆ ที่คุณไม่เคยมีนิสัยหยาบคายมาก่อน คุณจะพร้อมบริจาค ทุ่มเททั้งกำลังกายและทรัพย์สินให้กับสิ่งที่คุณเชื่อโดยไม่เหลือให้ตัวเองและครอบครัว และเมื่อคุณรู้ตัวสังคมของคุณจะเหลือเพียงแต่กลุ่มคนที่เชื่อโฆษณาชวนเชื่อแบบเดียวกับคุณเท่านั้น อ้างอิง : กิติมา สุรสนธิ. การสื่อสารสาธารณมติ. คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2550. http://en.wikiquote.org/ http://en.wikipedia.org/wiki/Propaganda http://www.holocaustresearchproject.org/holoprelude/nazprop.html หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 10, 2012, 08:30:17 PM บางเรื่องเล่าอะไรให้ใครฟังก็ยากที่เขาจะเชื่อ
หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 10, 2012, 09:56:34 PM ต้องฟังแล้วคิดบ้าง ไม่ใช่เชื่อเสียหมด
หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 10, 2012, 09:57:29 PM ;D ;D ;D 36 ครับ
หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ กันยายน 10, 2012, 10:29:15 PM ปตท. ทำอยู่ทุกวันครับ เกี่ยวกับเรี่องแก๊ส แล้วนำค่าใช้จ่ายมารวมกับค่าการตลาด... คนไทยคงโง่จริงๆในสายตาของพวกมัน...
หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: อิติปิโสธงชัย รักในหลวง ที่ กันยายน 11, 2012, 01:00:47 AM ปตท. ทำอยู่ทุกวันครับ เกี่ยวกับเรี่องแก๊ส แล้วนำค่าใช้จ่ายมารวมกับค่าการตลาด... คนไทยคงโง่จริงๆในสายตาของพวกมัน... + ::002:: ::002:: ::002:: ::002::หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: ห ม า ย จั น ท ร์ ที่ กันยายน 11, 2012, 07:24:16 AM +38 กลับมาที่คนเช่นเดิม ไม่วิเคราะห์แยกแยะก็กลายเป็นหมากให้แก็งค์ ชวนเชื่อ ;D
หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: T-รักในหลวง ที่ กันยายน 11, 2012, 09:55:38 AM สวัสดีครับ
ณ ที่แห่งนี้ (เวบอาวุธปืน) ยังมีการเตือนสติกันตลอดเวลาครับ หนักบ้าง เบาบ้าง ว่ากันไปตามเนื้อความ ;) + ครับ ::014:: หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: pranburi ที่ กันยายน 11, 2012, 10:02:11 AM สิ่งที่เราเห็น ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป
หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: คนตัวอ้วน+ผมรักในหลวง ที่ กันยายน 11, 2012, 10:08:04 AM เงิน...คือตัวแปรที่สำคัญ...ณ...เวลานี้...
หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กันยายน 11, 2012, 10:08:23 AM ตอนเรียนจิตวิทยา เขาบอกว่าจิตคนเป็นสิ่งอ่อนแอครับ
คนตัวโต แข็งแรง หรือคนฉลาด เรียนสูง ตำแหน่งใหญ่โต ไม่ได้หมายความว่าจิตเข้มแข็งทุกคนไป หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ กันยายน 11, 2012, 10:37:38 AM +1 ครับ คงเป็นเพราะยุคนี้การสื่อสารรวดเร็ว ใครสามารถชิงพูดหรือเสนอหน้ามีสิ่งล่อ สื่อสารได้เร็วและถี่กว่า
ย่อมมีอิทธิพลครอบง่ำความคิดของผู้ฟัง ได้ส่วนหนึ่งให้คล้อยตาม ปราศจากการผ่านกระขบวนการความคิด ด้วยตนเอง ผมเชื่อว่าคนยุคหลังๆต่อจากนี้คงมีสมองไว้แค่บันทึกความจำไม่ต้องแม้แต่จะคิดเอง หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: Ghostreporting ที่ กันยายน 11, 2012, 12:10:21 PM http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V12594570/V12594570.html ปวดตับกับพวกเชี่ยร์ ปตทชะมัด น้ำมัน ก้อมาว่าชาวบ้านไม่ประหยัด
หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: R2D2 ที่ กันยายน 11, 2012, 12:17:38 PM เรื่องความเชื่อ/ไม่เชื่อ ผมดันสงสัยไปอีกแนว เช่น สงสัยว่า..ผี เทพ เทวดา นางไม้ เจ้าที่ ฯลฯ มีจริงไหม ?,ชีวิตหลังความตายมีไหม ?,คนเราตายแล้วเกิดจริงไหม ? หรือตายแล้วสูญ, เราตายแล้วตกนรก-ขึ้นสวรรค์จริงไหม ?, ความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิปาฏิหาริย์ ของเครื่องราง-ของขลัง มีจริงหรือ ?..ฯลฯ
หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: Ghostreporting ที่ กันยายน 11, 2012, 12:20:08 PM นึกถึงธรรมโกย ชอบใช้รางวัลเว่อร์ล่อให้ให้บริจาคเว่อร์ๆ
หัวข้อ: Re: ทำยังไง ให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ กันยายน 11, 2012, 01:51:16 PM บางเรื่องเล่าอะไรให้ใครฟังก็ยากที่เขาจะเชื่อ ยกตัวอย่างเช่น พี่จอยไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ไปแระ ได้แทงพุงคนก่านอนหลับแระ |