เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

เนื่องจากอยากทราบสูตรน้ำยารมดำและวิธีการรมดำ และจำได้ว่ามีเพื่อนสมาชิกนำมาโพสต์ไว้แต่จำไม่ได้ว่าเวปไหน จึงใคร่ขอรบกวนเพื่อนสมาชิกที่ทราบกรุณาโพสต์ให้ใหม่ ขอขอบพระคุณล่วงหน้า

ถ้าเขียนอธิบาย  คงไม่ต่ำกว่า 10 หน้า
น้ำยาแบบที่จัดสารเคมีเป็นชุด  ๆ มีขายที่ร้านรวมเคมี  แถว ๆ ถนนราชดำเนินกลาง  จอดรถได้ที่วัดมหรรณ์ ค่าจอด 10 บาท  ค่าสารเคมีประมาณสองร้อย   แล้วซื้อโซดาไฟเพิ่มมาอีก 1 กก.
เอาแบบย่อ ๆ คือต้องขัดผิวเหล็กให้สะอาด  ล้างเบนซิน หรือแอลกอฮอล์ให้หมดไขมัน  แล้วต้มในสารละลายโซดาไฟจนหมดไขมันจริง ๆ  แล้วค่อยต้มในน้ำยารมดำประมาณครึ่งชั่วโมง   น้ำยาต้องเดือดมีฟองขึ้น  และอุณหภูมิขณะเดือดประมาณ 140 องศา  ถ้าต่ำกว่านี้แปลว่าน้ำยาเข้มข้นไม่พอ  มากกว่านี้แปลว่าข้นไป  (ต้องใช้หม้อสแตนเลส  หาไม่ได้จริง ๆ จะใช้หม้อเคลือบต้มโซดาไฟก็ได้ แต่น้ำยารมดำต้องใช้หม้อสแตนเลส)
น้ำยารมดำเป็นกรดแก่  ถ้าต้มอลูมินั่มจะละลายหายไปเลย  ไม่ต้องบอกนะครับว่าถูกเนื้อจะเป็นยังไง

และที่สำคัญควรทำในที่อากาศถ่ายเทหน่อย...เพราะก๊าซที่เกิดขึ้นเป็นอันตรายและเหม็นมากครับ :)

อย่าเอาจมูกไปเสี่ยงเลยครับ สารเคมีแรงๆทั้งนั้นเลย ส่งทำหรือไม่ก็หาชุดรมดำเย็นมาซ่อมผิวดีกว่า BirchwoodCasey ก็ดีนะครับ แต่ต้องเอาไขมันที่ติดที่ผิวออกให้หมดเท่านั้นเอง หา Lกฮ เข้มข้นหน่อยนะครับ 40 ดีกรีกว่าๆไม่พอคับ ;D

ผมก็ว่าเสียเงินจ้างช่างให้เขาทำดีกว่าครับอย่าเสี่ยงโดยไม่จำเป็นเลยครับ(ค่ายาสมัยนี้มันแพง) ;D ;D

เคยมีหนังสือเรื่องรมดําขาย นานหลายปีแล้ว ( เคยซื้อที่ชีเอ็ดและเคยเห็นหลายร้าน )
ตอนนี้น่าจะหาได้ที่ร้านหนังสือมือสองตามจตุจักร
    มีสูตรรมดําเป็น 10 สูตร  ราคาถ้าจําไม่ผิด เล่มละ 80 บาท
ส่วนเล่มของผมยังหาไม่เจอเพราะเก็บไว้นาน

  แต่ยังมีอีก 1 สูตร ทํารายงานและปฎิบัติจริง (ตอน ปวส) สีดําเข้มดีครับ กลับถึงบ้านแล้วจะพิมพ์ให้ครับ
       
              งานดีหรือไมดีอยู่ที่การขัดผิวครับ
  ป.ล.ถ้าจําไม่ผิดสูตรของผมเป็นด่างอย่างแรงเพราะมีโซดาไฟเป็นหลัก

 :D :D ต่างจิตต่างใจนะครับ ในการทำอะไรสักอย่าง...บางคนอยากจะทำเอง บางคนบอกเสียตังค์ง่ายกว่า..แต่ถ้าดูแล้วเราไม่มีอุปกรณ์ ซึ่งต้องจัดหามาเองทั้งหมด แล้วรมดำปืนกระบอกเดียว (ไม่รู้ผลงานจะออกมาอย่างไรด้วย) ผมว่าจ้างช่างทำคุ้มกว่าครับ...หรือจะหาประสบการณ์ก็น่าลองครับ...เพราะว่าประสบการณ์ไม่มีคำว่าถูกหรือแพงครับ ;D ;D

ช๊อปของเพื่อนผม  เขาใส่น้ำยาไว้ในหม้อสแตนเลส ปิดฝาทิ้งไว้บนเตาเป็นเดือน ๆ   พอแต่งปืนเสร็จก็ปิดแอร์ เปิดหน้าต่าง กับพัดลมดูดอากาศ   แล้วก็ต้มในห้องนั้นเอง   เห็นทำแบบนี้มาสิบกว่าปีแล้ว

เพื่อนของผู้การสุพินท์แต่ละคนนี่สุด ๆ เลยนะครับ
เปิดช็อปรมดำเอง   ปลูกกาแฟเองคั่วเอง  ...เพื่อดื่มเอง   :o

สุด ๆ กว่านี้ก็มีครับ   เป็นนักธุรกิจระดับพันล้าน  แต่ยังแต่งปืนเอง  ผมเอาลำกล้องไรเฟิลไปปรับ ก็ลงมือกลึงให้เอง  ใช้เครื่อง CNC เพราะได้น้ำหล่อเย็นเต็มที่   ค่าต้นทุนทำงานเครื่องวันละเก้าพัน  ทำงานไปสองวัน ก็ตกหมื่นแปด  แพงกว่าราคาลำกล้องเสียอีก   พูดแค่นี้พวกลูกกรดพาดแท่น คงรู้แล้วว่าเป็นใคร

ความมันส์ในการลงมือทำเองมันไม่เข้าใครออกใครครับ ;)
สำหรับผมบ้างครั้งรู้สึกว่าการได้จับต้อง ได้คิดที่จะแต่ง ได้ทำโน่นทำนี่เพิ่มกับมัน มีความสุขยิ่งกว่าได้ยิงอีกครับ
เรื่องรมดำเหมือนกันครับ ซื้อสารเคมีมาทำเล่นแค่ไม่กี่ชิ้นก็ทำ แต่สนุกและได้ความรู้นะครับแถมเนื้องานคิดว่าไม่แพ้ส่งช่างทำ :)

ครับผมไม่ได้ขาประจำลูกกรดพาดแท่น แต่พอรู้ว่าคนที่ว่าอยู่แถวบางนาครับ

เคยเห็นท่านนี้ไปตกกุ้งอยู่แถวสวนหลวง(ถ้าเดาไม่ผิด) ดูท่านใจเย็นดี

ครับ บางนาประมาณ กม.13 และ ประมาณ กม. 25 สุดยอดเลยท่านมีตู้คอนเทนเนอร์ไว้ยิงปืนด้วยนะ :o

ถ้าเราได้ทำเองก็จะมีความภูมิใจมากขึ้นนะครับ

ใช่ครับ   แล้วที่บ้านต่างจังหวัด มีสนามยิงปืนใต้ดิน  ออกแบบผนังด้านข้างให้มีปีก ดูดซับเสียงปืนได้ดีมาก  ยิงปืนขนาดใหญ่ก็ไม่รู้สึกอึดอัด

:) :) :) :)

ถ้าจะทำเอง แนะนำให้ใส่ถุงมือ แว่นตา และทำในที่ๆอากาศถ่ายเทสะดวก
หรือเอาพัดลมมาเป่าไอระเหยของสารไห้ไปทางอื่นได้ก็จะดีครับ

! เมื่อสารสะสายมีอุณหภูมิสูงมาก ระวังอย่าให้มีน้ำเปล่าลงไปในหม้อต้มเด็ดขาด
เพราะจะเกิดปรากฏการณ์ระเหยอย่างเฉียบพลัน (flash) พาเอาสารละลายเข้า
สู่ตัวคนทำได้ครับ !

สูตรสารละลายที่ใช้นั้นตัวหลักคือ NaOH หรือโซดาไฟ อาจจะมีสารเติมแต่ง
ต่างๆกันไป ลองค้นคำว่า "black oxide" จาก yahoo หรือ google ดูครับ

ในเหล็กธรรมดานั้นจะไม่เกิดชั้นออกไซด์เพื่อปกป้องผิวจากการกัดกร่อน
เหมือนกับเหล็กกล้าไร้สนิม (stainless steel) ซึ่งเกิดชั้นที่ว่านี้ได้เอง
ดังนั้นเมื่อเราต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อนเราจึงต้องสร้างชั้น
ป้องกันเองด้วยการเอาเนื้อเหล็กผิวนอกทำปฏิกิริยากับสารละลายด่างแก่
เมื่อใช้งานวัสดุที่รมดำไปนานๆ ชั้นป้องกันนี้ก็จะถูกขัดถูกสีหายไป
และไม่เกิดขึ้นเองใหม่ ต้องการใหม่ก็ต้องรมดำอีก ส่วนเหล็กกล้าไร้สนิมนั้น
จะสร้างชั้นปกป้องนี้ขึ้นเองตลอดเวลาตามธรรมชาติในสภาพบรรยากาศปกติ
ทุกครั้งที่ชั้นเก่าถูกขัดสีหายไป

สุดท้าย ชั้นออกไซด์จากการรมดำอย่างไรเสียก็ไม่หนาแน่นเท่าชั้นออกไซด์
ที่เกิดจากเหล็กกล้าไร้สนิมซึ่งมีโครเมียมช่วย ดังนั้นการทาชิ้นงานรมดำด้วย
น้ำมันอีกชั้นจึงยังเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการกัดกร่อนที่ดีขึ้นครับ

..มีเพื่อนที่เป็น ป.ชั้นผู้น้อยบอกว่าปืนลูกซองของหลวงสนิมขึ้นและซีดตามอายุใช้งานอยากจะรมดำใหม่บอกว่าจะทำยังงั้ยของบหลวงนายคงใม่ให้ ก็บอกแกเล่นๆว่าไปซื้อสีเสปรย์กับเล็คเกอร์และกระดาษทรายจากร้านทำสีรถมาและให้ลูกน้องที่เป็น อส.จัดการเลยแกเชื่อและก็ทำอย่างที่บอกเห็นบอกว่านายชมว่าประหยัดงบหลวงดีและก็รักษาสภาพใหม่ด้วย ตอนที่แกถาม ถามกันในวงที่กำลังดื่มยาธาตุนักเลงกันอยู่ ..ปล.ปืนลูกซองยีห้อชาเว็จ(ไม่รู้ว่าปืนนี้เป็นยุโรป หรือ อเมริกา) ;D :D

ปืนลูกซองแฝด  อย่าเอาไปรมดำแบบต้มน้ำยา  ส่วนใหญ่เข้าคู่ลำกล้องด้วยวิธีบัดกรีแข็ง  ทนน้ำยารมดำไม่ได้หรอกครับ   อาจจะได้ปืนเดี่ยว 2 กระบอกมาแทน

 :o :oคงไม่ใช่สะสมในร่างกายนะ  ;D ;D

แน่ะ มีของสะสมในร่างกายจริง ๆ ด้วย  ;D

 :D :D ตกลงแล้วมันรมดำยังไงครับเนี่ย ช่วยบอกด้วยครับ แบบ เอาหม้อมา เติมน้ำ ต้มให้เดือด เอาชูรสไส่ อีกห้านาทีไส่กระปิ อะไรแบบนี้ได้ไหมครับ :D :D

จ้างเค้าเถาะครับ

ลูกซองซาเวจ Savage เป็นของอเมริกาครับ

เรื่องรมดำและงานชุบเอง ถ้าเป็นผม ผมไม่ทำเองหรอกครับ สาเหตุเพราะสุขภาพเราสำคัญทีสุด สารเคมีที่ใช้เป็นพิษต่อร่างกายทั้งนั้น

เคยมีคนต้มลำกล้องปืนลูกซองในหม้อต้มรมดำ ตอนต้มไม่เท่าไรแต่ตอนที่แกยกลำกล้องขึ้นจากหม้อต้มเพื่อล้างน้ำเย็น น้ำยารมดำที่ค้างอยู่ในลำกล้องไหลใส่รองเท้าแก ผลลัพธ์ได้แกนอนโรงพยาบาลเป็นเดือน (ปล.เท้าของแกพองเต็มรองเท้ารวมทั้งไม่สามารถถอดได้ หมอต้องตัดรองเท้าที่ติดกับหนังแกออก)

การรมดำลูกซองแฝดที่นิยมทำกับจะทำโดยการรมดำเย็น ซึ่งจะใช้กรดทำปฏิกริยากับผิวงาน และล้างน้ำพร้อมขัดคราบแดงออก แล้วทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะผิวปืนจะดำได้ที่ เสร็จแล้วก็ต้มในน้ำร้อน แล้วแช่ในน้ำมัน(อะไรประมาณนี้หล่ะครับ จำไม่ค่อยได้แล้ว)

โซดาไฟ....ทำลายเนื้อเยื่อ...จ้างเถอะครับ..รักษาบรรยากาศ...

จ้างแพงไหม เขาคิดยังไงครับ ร้านที่ไหนดีครับ

เอา  จ้างก็จ้างครับ :D :D

ที่ร้านปืนสังเวียน รมด้านฟอสเฟส 25K 1991 ตัวเต็มครับ....
ภามเพิ่มเติมว่ารมแบบที่ว่านั้นมีขั้นตอน เหมือนหรือแตกต่างกันกับรมดำทั่วไปไหมครับและผมที่ได้ แตกต่างกันไหมครับ..... ;D

แถวบ้านผม  มีรถปิคอัพมาเร่ รับรมดำและซ่อมปืน ทุกเดือน ส่วนมาก คิดกระบอกละ 1,500 บาท ครับ สำหรับปืนสั้น

น่าทึ่งมากครับ รมดำซ่อมปืนแบบ Delivery...............ก๊าบ

ที่ร้านปืนสังเวียน รมด้านฟอสเฟส 25K

----------------------------------------

25K = 25,000 บาท  โอ้โห !!!!

สองพันห้ามั้งครับ 

เคยได้ยินเขาพูดกันว่าใช้น้ำมันเครื่องต้มเหล็ก
จะให้ผลคล้ายกับการรมดำปืน
จริงหรือเปล่าครับ

เป็นการเผาเหล็กให้แดงแล้วจุ่มลงในน้ำมันเครื่องเก่าๆ แบบที่ถ่ายทิ้งตามอู่ มากกว่า แบบนั้นถือเป็นการชุบแข็งด้วย และได้ผิวดำสวยดี