เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ผมทำงานป่าไม้ ทีมผมตั้งด่านตรวจคนล่าสัตว์ เจอชาวบ้าน 2 คน ขี่มอไซด์ผ่านมา จึงขอตรวจค้น ตอนแรกค้นคนไม่พบของผิดกฎหมาย แต่หลังปล่อยมันไปแล้วจนท.เดินย้อนกลับไปพบปืนที่มันซ่อนไว้ ปืนถูกซ่อนในพื้นที่ป่าขนาด .22 มีทะเบียนด้วย มันจะเอาไปล่าสัตว์ป่า ผมเลยเก็บมาด้วยแต่ไม่ส่งตร.เพื่อทำคดี เพราะ เกรงว่ามันต้องวิ่งเต้นหาทางเอาปืนกลับคืนไปแน่นอน เดี๋ยวเอาไปล่าสัตว์ป่าอีก เลยคิดจะเอาไปโยนทิ้งทะเลซะหมดเรื่อง (หรือเปล่าก็ไม่รู้) เพราะมันจะมาหาว่าผมลักทรัพย์ก็ไม่ได้ มันไม่มีหลักฐานสาวถึงผมแน่นอน ขณะนี้ยังเก็บซ่อนไว้รอการทำลายทิ้งโดยผมเองนี่แหละครับ แต่มันส่งคนมาคุยหลายคนแล้วรำคาญมาก ผมก็พยายามบอกไม่รู้ไม่เห็น ไม่รู้มันจะเอาไงต่อ เลยเผื่อทางรอดอีกทางคือให้คืนมันไป แต่ไม่อยากให้มันใช้งานได้อีกทำไงดี หรือท่านอื่นมีความคิดที่ดีกว่านี้ในการจัดการกับเคสนี้ครับ

อย่าหาว่า ผมใจร้ายกับปืนเลยพี่

พี่ก็ถอดเข็ม แล้วถ่วงน้ำทะเล ผมว่าสองวัน แดงเป็น เถือก

เจียเข็มแทงชนวนออกไปสัก2-3 มม. ครับ...................

เหมือนหนัง SHOOTER เลยครับ

ไม่ลั่น ล่ะทีนี้   

ถอดชิ้นส่วนที่จำหน่ายได้โดยไม่ผิดกฎหมายขายในเวปไป...

ชุดลั่นไก ลำกล้อง ที่ขายไม่ได้ทำลายให้หมดสภาพ ขายเป็นเศษเหล็ก...

เอาเงินที่ได้บริจาคเข้ามูลนิธิหรือสวัสดิการของพนักงานป่าไม้ครับ... :D

เจียเข็มแทงชนวนแล้วมันจะเปลี่ยนเข็มแทงชนวนใหม่ได้ไหมครับ

ถ้าซื้อใหม่คงไม่มี   แต่ถ้าทำใหม่ไม่แน่ครับ   แต่คงต้องใช้เวลานานโข.

ได้ครับ ถ้ามีอะไหล่ขาย .................

ที่จริงผมอยากแนะนำให้เจียเซียให้สึกไปเลย แต่อาจจะทำให้ท่าน basu2763  ยุ่งยากไป

..ทำลายเกลียวในลำกล้องได้ไหมครับ ปืนจะได้ยิงไม่แม่น ไม่ถูก
แต่จะทำลายด้วยวิธีใด ยังคิดไม่ค่อยออก ...ใช้น้ำกรด ใช้เหล็กตอก เป็นต้น

ทำลำกล้องให้งอครับ พังเลย จบ

ถ้าบอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่รู้ไม่เห็น ก็ต้องยืนกระต่ายสามขาไปตามนั้นให้ตลอดครับ ไม่ต้องรู้ไม่ต้องเห็นกันต่อไปตลอดชั่วกัลปาวสานกันไปเลย... มันก็ไม่รู้จริงหรอกว่าปืนมันอยู่ที่ไหน ขณะนี้มันก็แค่ทำไก๋ส่งคนมาคุย แต่ทั้งคนที่ส่งมาคุยและคนที่ถูกส่งมาคุยก็ไม่รู้หรอกว่าปืนอยู่ที่ไหนแน่ๆ มันไม่ชัวร์ทั้งนั้นแหละครับ...

เรื่องนี้แยกออกเป็น 2 เรื่องคือ 1) เรื่องคดีแบบเป็นทางการทำนองว่าลักทรัพย์ กับ 2) เรื่องเขม่นหน้าและเป็นศัตรูในทางส่วนตัว...

เรื่อง 1) ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะหลักฐานไม่มีทั้งวัตถุพยานและพยานบุคคล ต่อให้ไปแจ้งความแล้วตำรวจเชื่อ ไปออกหมายศาลมาค้นบ้านยังไงก็ไม่มีทางเจอ ยังไงก็ดำเนินคดีไม่ได้... เรื่อง 2) นี่ก็ยิ่งไม่ต้องสนใจกันไปใหญ่ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายมันมีศัตรูอยู่แล้วโดยธรรมชาติงาน เหมือนตำรวจจะโดนจิ๊กโก๋นั่งหน้าปากซอยเขม่นหน้า แต่มันทำอะไรไม่ได้หรอกหากเราไม่ทำตัวผิดกฎหมายเสียเอง และเรามีวินัยดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท(เช่นไม่ไปนั่งกินเหล้าตามสถานที่อโคจร ฯลฯ)...

นายสมชายสรุปว่า จขกท. มีทางเลือกให้เล่นอยู่ 2 ทางครับคือ... 1) ดำเนินคดีเอาดื้อๆ เล่นไปตามข้อเท็จจริงว่าค้นวันที่เท่าไหร่แล้วไม่พบของกลาง จากนั้นมาพบของกลางเอาวันที่เท่าไหร่ มีพยานรู้เห็นการค้นใครบ้าง มั CCTV ไหม, แล้วมีพยานการพบของกลางใครบ้าง พบแล้วได้แจ้งใครในเวลานั้นบ้าง...

เรื่องวิ่งเต้นหาเส้นสายล้มคดีนี่ไม่ต้องกลัวครับ เพราะมันต้อง"ออกแรงวิ่งเต้น" ต่อให้หลุดคดีก็มีชนักปักหลังติดตัวไปจนตาย ไม่มีทางล้างประวัติขาวสะอาดได้ แล้วตัวมันเองก็จะเป็นหนี้บุญคุณคนอื่นไปอีกไม่รู้จบหากยังไม่เปลี่ยนแนวทางการดำเนินชีวิต... จากนั้นมันจะเขม่นในทางส่วนตัวต่อไปก็ช่างมัน เพราะยังไงก็เขม่นอยู่แล้ว เหมือนโปลิสกับขโมยไม่มีทางญาติดีกันได้...

เรื่องแบบนี้มันเหมือนพงหญ้ารกๆนั่นแหละครับ ก่อนเราจะถางก็รู้สึกว่ามันใหญ่โตเสียจนน่ากลัว... แต่พอเอาจอบลงมือถางหนักๆเสียสองสามที แผล็บเดียวพงหญ้าหายหมดครับ, เพราะเรื่องบารมี(ต่อให้เจ้าพ่อ)ทั้งหลายแหล่นั่นเกิดจาก"ความรู้สึก"แต่ถ้าเมื่อไหร่คนรอบข้างคิดว่านายนั่น"กำลังจะแพ้"รับรองแผล็บเดียวเพื่อนพ้องหลีกลี้หนีหายหน้าโม๊ดครับ...

หรือทางที่ 2) หาก จขกท. คิดว่า"ยังไม่พร้อม"เนื่องจากอะไรก็ตามแต่, ต้องทำให้ปืนกระบอกนั้นสาบสูญไปตลอดกาลครับ จะทุบทิ้งหรือเผาไฟก็ได้ อย่าได้คิดถอดอะไหล่ขาย หรือทิ้งทะเล หรือทำอะไรต่างๆที่เราไม่เห็น"กับตา"ว่ามัน"สูญสิ้น"ไปแล้วครับ... แล้วจากนั้นก็ลืมเรื่องนี้เสีย ใครถามก็บอกว่าไม่รู้เรื่องปืนนั่น ให้ยืนกระต่ายสามขาไปตลอดครับ...

ปืนกระบอกนี้หากมีใครรู้เห็นว่ามันอยู่ในความครอบครองของเรา เราอาจพลาดโดนเรื่องลักทรัพย์ครับ จะถอดอะไหล่ขายก็ระวังโดนล่อซื้อ... แล้วตราบใดที่ตัวเจ้าของปืนยังไม่ได้ปืนกลับมา ก็จะนอนหนาวจิตหลอนไปตลอดจนกว่ากล้าแจ้งความหายเพื่อตัดความรับผิดชอบหากเกิดคดีจากปืนกระบอกนี้ครับ...

แต่ถ้าไม่มีใครเห็นปืน แต่ไม่ชัวร์ว่ามัน"มีตัวตนอยู่"... ก็จะเหมือนเล่นเกมส์โป๊กเกอร์ครับ, คือหากทุกคนในเกมส์อยู่นิ่งๆคุมเชิง ใครไม่อยากเดือดร้อนก็ให้อยู่นิ่งเข้าไว้ เพราะไม่มีใครหงายไต๋ก่อนคู่ต่อสู้อยู่แล้วครับ...

            วิธีนี้จบจริงๆ แค่ งอ ออกซ้ายหรือออกขาวนิดหน่อยแล้วส่งคืนปืนยิงได้ปกติแต่ยิงไม่ถูก

ไม่หมานเหมือนเดิม  แล้วเจ้าหน้าก็เลี่ยงการทำลายทรัพย์สินของกลางได้ง่ายกว่า  ครั้นจะซ่อม

 ก็เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี ซ่อมเองก็ลำบากกลับมาได้ ก็ไม่เหมือนเดิม สุดท้ายก็พังโดยสวัสดิภาพ  ::008:: 

เอมาทำนองนี้คุณข้าราชการรังแกประชาชนนะครับ ผมว่าส่งให้ตำรวจดีกว่ามั้งครับ คือถ้าไม่มีใครรู้ก็หมดเรื่องครับ แต่นี้ต่างคนต่างรู้ คุณข้าราชการเองจะทำงานลำบากนะครับ เพราะปืนใคร ๆ ก็รักครับ ::014:: ::014::

ระวังอีตอนคืนปืนจะโดนย้อนตอครับ... ข้อหาลักทรัพย์เป็นความผิดสำเร็จไปตั้งแต่เอาปืนไปพ้นเจ้าของปืนแล้ว(เอาปืนมาคืนก็ยังผิดอยู่), นอกจากนี้ยังมีข้อหาปืนผิดมืออีกด้วย...

จะทำอะไรต้องรอบคอบด้วยครับ... วิธีที่รอบคอบที่สุดคือปิดช่องโหว่ทุกอย่างไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสเล่นงานคืน แต่ไม่ใช่หวังพึ่ง"สัจจะในหมู่โจร"ว่าจะไม่เอาเรื่อง, เพราะข้อหาลักทรัพย์ก็มีอายุความฯ หากโดนเก็บหลักฐานเอาไว้ก็จะนอนหนาวจิตไปตลอดอายุความฯ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะโดนย้อนตอฯ...

ประมวลดูแล้วผมว่าทำเฉยไม่รู้ไม่ชี้ดีกว่าปลอดภัยที่สุด

สรุปว่า งอลำกล้องครับ แล้วเอาไผปวางไว้ที่เดิม อย่าลืมเช็ดรอยนิ้วมือด้วยนะครับ เอาช่วงกลางของลำกล้องครับ

นั่นแน่ !! ผมอุสาห์ส่งคนไปถามตั้งหลายครั้ง
คุณดันบอกปัดเรื่อยมา วันนี้แหละ ผมจะพาตำรวจไปค้นดู



ผมล้อเล่นน่ะครับ อิอิ

เลื่อยตัดเหล็ก ไฟเบอร์ตัดเหล็กเหมือนตามร้านทำเหล็กดัด

เครื่องเชื่อมก็ได้ตั้งไฟสูงสุดลวดเชื่อมสองสามเส้น

เหล็กเล็กๆ อย่างปืนขาดหมด

ง่ายๆ ถูกๆ ก็ค้อนทุบไปเรื่อยๆ ครับ

ทำบันทึกตรวจยึดไว้ครับแล้วส่งมอบเจ้าหน้าที่...แล้วทำเรื่องร้องขอต่อศาลว่าปืนดังกล่าวพบและตรวจยึดำได้ในบริเวณรักษาพันธ์สัตว์ป่าคาดว่าจะนำมาใช้เพื่อล่าสัตว์...จึงร้องขอต่อศลาเพื่อทำลาย...ผมว่าน่าจะได้นะครับ...และ...จขกท.เป็นเจ้าหน้าที่ด้วยสามารถทำการบันทึกตรวจยึดได้อยู่แล้ว...เท่านี้ก็พ้นข้อหาลักทรัพย์ครับ...

ทำลายปืน...ไม่ได้ประโยชน์อันใด  เพราะไม่ได้ทำลายจิตใจที่ต้องการล่าสัตว์..ของคนกระทำความผิด   เสียปืนไป..เขาก็ซื้อหามาเพื่อยิงสัตว์ได้ใหม่  จึงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องเหมาะสม

ควรรีบทำคดี..และขอยึดปืนกระบอกนั้นเสียโดยเร็ว  ปล่อยช้าไป..ท่านเองจะตกเป็นจำเลย..เสียเปล่า ๆ

ส่วนเขาจะวิ่งเต้นอย่างไร...ก็เป็นเรื่องของผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย...ถ้ายังมีคนช่วยเขา..ในเรื่องนี้  แสดงว่า...เขาคนนั้นก็ไม่ธรรมดา.....คุณเองก็ควรจะดำเนินการด้วยความระมัดระวังมากกว่านี้   

คำตอบของผม...คือดำเนินคดีไปตามความผิด  ส่วนผลจะเป็นอย่างไร  ก็ต้องเป็นไปเช่นนั้น  อย่าไปกังวลเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง  โดยเฉพาะ..เขามาทวงกับคุณแล้ว  แน่ใจได้อย่างไรว่า....เขาไม่รู้ว่าท่านเป็นคนเอาปืนเขาไป  ไม่ใช่ลักไก่ถามแน่ ๆ   นะครับ

ในเมื่อเจ้าของกระทู้เป็นเจ้าหน้าที่ มีอำนาจตามกฎหมาย ก็ดำเนินดดีไป ส่วนศาลจะเชื่อว่าเกี่ยวโยงกันหรือไม่ กรณีไม่พบของกลางขณะค้นตัว ก็ยังสำคัญน้อยกว่า

ขณะนี้เจ้าของกระทู้กำลังครอบครองปืนเจ้าปัญหาอยู่นะ

มีสิทธิโดนย้อนเกล็ดสูง

เอากรดหยอดรังเพลิง... จากนั้นก็เอาไปโยนๆ ทิ้งไว้ที่เดิม... พอเจ้าของเดิมได้ไป... ยิงไปก็ปลอกแตกละครับ... จะซ่อมคงยาก... ;D ;D ;D


...แต่ผมว่าทำตามขั้นตอนของกฏหมายดีกว่าครับ...::014::

ถูกต้องครับ
ในพื้นที่ป่าไม้  สามารถยึดทรัพย์ที่ทำผิดกฎหมาย (ทั้งรถทั้งปืน) ได้โดยที่ไม่ต้องรอผลคดี  แบบที่ยึดกันแถววังน้ำเขียว
แต่ต้องให้ จนท.กรมบังคับคดีทำให้นะครับ

ขอบพระคุณทั้ง 2 ท่านครับ, เล่นตามกฎหมายดื้อๆแบบขาวสะอาดแบบนี้แหละครับ... จขกท. จะได้บารมีเพิ่มด้วย...

ถ้าเป็นผมไม่คืนครับ ไม่มีพยานด้วย ถ้าคุณคืนเมื่อไหร่ก็แสดงว่าคุณเอาไปแน่นอน ถ้าเราบอกไม่ได้เอาไป จะไปเอาความที่ไหน แค่บุกรุกล่าสัตว์มันก็ผิดกฏหมายอยู่แล้ว แต่คุณกลับจะเอาปืนคืนให้ไป ทั้งที่คุณเคยบอกไม่รู้ไม่เห็นมาก่อนคุณมีสิทธิ์โดนคดีได้แน่นอน

หั่นเป็นชิ้น ๆ ชั่งกิโลกขาย

พานท้ายไม้ก็เผาครับ

ทำให้ถูกตามกฏหมายดีที่สุดครับ เป็นเจ้าหน้าที่จะมาทำไม่ถูกต้องเสียเองไม่อายหรือครับ

ดีที่สุด  ::002::

ผมว่าตามปกติ .22 LR มันก็ยิงไม่ค่อยออกโดยสภาพมันอยู่แล้วครับ ด้านบ้าง คาบปลอกบ้าง  ::005::

ทำให้ถูกต้องนั่นแหละครับดีที่สุดครับ ต่อให้ทำปืนเสียหายอย่างไร เค้าก้อจะหาปืนใหม่มาใช้ล่าสัตว์อีกแหละครับ  ::014::

     ในฐานข้าราชคนหนึ่ง ผมว่าไม่ควรเรียกประชาชนว่า มัน ผมว่าท่านทำตัวเหมือนศาลเตี้ย

ขอสอบถามครับ ตัวสีแดง

1. คำว่า คาดว่า ใช้อ้างในศาลให้ยึดทรัพย์ได้เลยหรือครับ เพราะไม่เจอเจ้าของ ปืนอยู่เฉยๆ มันล่าสัตว์เองไม่ได้นะ

2. ปืนที่ยึดได้ ได้ทำผิดกฏหมายหรือยังเพราะแค่นำเข้าไปยังไม่ได้ยิงสักนัด จขกท.ค้นพบอยู่ในป่าแค่นั้น ไม่พบเจ้าของด้วย

3. ทำไมเมื่อตรวจพบปืนและทำการตรวจสอบแล้วมีทะเบียนไม่ดำเนินการตรวจสอบทะเบียนกับทาง อำเภอว่าเป็นของใคร แล้วแจ้งให้เจ้าของมาชี้แจงเหตุผลก่อน ถ้าผิดก็แจ้งข้อกล่าวหา ถ้าไม่ผิดก็คืนเจ้าของไป ว่ากันตามกฏหมายครับ กรณีนี้แสดงว่า จขกท พยายามทำผิดระเบียบและกฏหมายเอาตความคิดของตนเองมาตัดสินหรือไม่

4. พก(พา)ปืนเข้าป่าแล้วไม่ได้ล่า(ไม่มีซากสัตว์)เขาจะผิดข้อหาอะไร เพราะมีหลายกระทู้แจ้งว่าสามารถนำเข้าไปได้เขตป่าไม่ห้ามยิง กับ ห้ามล่าเท่านั้น ตามกระทู้(ขออภัยเจ้าของกระทู้ ::014:: )

http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=24838.15

5. ชาวบ้าน 2 คนที่คุณค้นไม่พบของผิดกฎหมาย แสดงว่าเขาบริสุทธิ์ไม่ไช่ผู่กระทำผิดถูกต้องใหม่ครับ

เอาปืนเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เจ้าหน้าที่ยึดไว้ด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นการนำเข้าไปเพื่อล่าสัตว์จึงยึดไว้ หากใครโต้แย้งก็ไปแสดงตัวและรับทราบข้อหา ทีนี้ก็ตกเป็นผู้ต้องหาแล้วก็หาพยานหลักฐานมาต่อสู้คดีละกัน

ก็นั่นแหละทำไมไม่ทำให้มันถูกต้องตามกฏหมายแล้วให้ศาลตัดสินหล่ะ ระเีบียบ ขั้นตอน กฏหมายมีอยู่เป็น จนท.ต้องทำให้ถูกต้องซิครับใครผิดใครถูกก็ว่าไป
คนผิด คนถูก ศาลตัดสิน
ปืนผิด ปืนถูก ศาลตัดสิน
ไม่อยากให้ติดกันไปเองแล้วเป็นการทำเกินหน้าที่ ผิดกฏหมาย ทำร้ายผู้อื่น นะจริง ๆ

เห็นด้วย +1

ขอตอบในประเด็น...คาดว่า...นะครับผมประเด็นอื่นผมขอไม่ก้าวล่วงครับ...ขอนำเรียนชี้แจงดังนี้ครับ...คำว่า "คาดว่านำมาใช้เพื่อกระทำความผิด"...เป็นการชี้แจงต่อศาลท่านครับ อยู่ที่ท่านจะพิจารณาเช่นใด...หากบอกว่า ปืนกระบอกนี้เป็นปืนที่กระทำผิดท่านก็จะซักถามกลับมาว่าทราบได้อย่างไร...แบบนี้ตอบยาก...จึงมีคำว่าคาดว่ามีไว้เพื่อความผิดครับ แล้วท่านก็พิจรณาเอง...

       ผู้ที่จะนำคดีส่งฟ้องให้ศาลท่านตัดสินแทนหลวงคืออัยการเพราะเขาถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดในเขตุความรับผิดชอบของท่านแต่มันเป็นที่หลวง ท่านเองขึ้นศาลในฐานพยานโจทย์เท่านั้น ไม่ได้ขึ้นศาลในฐานโจทย์ ดังนั้นเมื่อมีการกระทำผิด พรบ.ของท่าน ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ ท่านอาจจะมีอำนาจควบคุมตัว แต่ไม่มีอำนาจสอบสวน(แต่อาจจะร่วมได้)และกักขังนะครับ อย่าไปทำคุกในอุทยานหละครับ

       ส่วนหลักฐานของกลางที่ใช้กระทำความผิดตาม พรบ.ของท่าน ท่านมีหน้าที่เก็บรักษาและต้องมอบให้พนักงานสอบสวนคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อใช้สนับสนุนข้อกล่าวหาของท่าน การที่ท่านไปทำลายของกลาง(ซึ่งจะผิดหรือเปล่าต้้องให้ศาลท่านตัดสิน) ท่านน่าจะมีความผิดฐานปกปิดซ่อนเร้นอำพราง หรือทำลายวัตถุพยาน

       เอาไปเอามาการที่ท่านทำให้ปืนใช้ไม่ได้ เป็นเหตุให้จำเลยยกขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้ให้พ้นความรับผิด เนื่องจากพิสูจน์ได้ว่าปืนที่พาไปมันใช้ไม่ได้(เพราะท่านทำให้มันหมดสภาพการใช้งาน) อาจจะเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดช่วยเหลือจำเลยเข้าไปอีก นะครับ

       ระวังเขาชิงแจ้งความฐานลักทรัพย์(ปืน) เพราะปืนเขามีทะเบียน ในฐานข้าราชการนอกจากจะมีความผิดทางอาญาแล้ว อาจถูกตั้งกรรมการสอบฐานรังแกชาวบ้านนะครับ

       ด้วยความเคารพ ทั้งหมดให้ศาลท่านตัดสินเองดีกว่า อย่าตัดสินผิดถูกด้วยตัวเอง ทุกวันนี้ชาวบ้านเขาไม่ได้โง่ เขามีความรู้ครับ

เอาอย่างที่คุณคนส่องกล้องบอกก็ดีครับ ถูกต้องตามกฎหมายและปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่ด้วย

ขอเพิ่มนิดหน่อยนะครับ...กรณีคำว่า "คาดว่า" ถ้าเชิงของของการสอบสวนน่าจะเป็นแบบนี้มากกว่า...การบันทึกตรวจยึด ก็ต้องมีพฤติการณ์ขณะพบเห็น ท่านก็เขียนไปตามพฤติการณ์ที่ท่านพบเห็นในขณะนั้น โดยในใบบันทึกก็เขียนว่าพฤติการณ์มีดังนี้...........................(ก็เขียนไปครับตามเหตุที่ท่านว่า)...กรณีขอบันทึกทำลายหรือยึดตกเป็นของหลวง ก็ ชี้แจงท่านว่า กรณีดังกล่าว ขณะพบเห็นปืนกระบอกนี้ หลังจากค้นตัวนายนี้แล้วไม่พบปืน แต่เห็นปืนตกอยู่ไม่ห่างจากตัวนายนี้ขณะค้นตัว และตรงบริเวณพุ่มไม้ที่ปืนตกทับพบร่องลอยกิ่งไม้หักและร่องลอยของกิ่งไม้ยังสดใหม่อยู่ ดังนั้น จึงเป็นเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ปืนกระบอกดังกล่าวเป็นของนายนี้และควรเชื่อได้ว่าเป็นปืนที่ใช้ในการประกอบความผิด ตาม พ.ร.บ.สัตว์ป่าคุ้มครอง และ พ.ร.บ.อาวุธปืน...ครับผม

คือผมอยากถามว่าตัวสีแดงจริงๆ ไม่ได้คิดเป็นอย่างอืน อยากให้กระจ่าง

1. ทั้ง 2 พรบ. กรณีนี้ จนท. พบว่ามีการกระทำผิดหรือยังครับ...
2. ผิดมาตราใหนทั้ง 2 พรบ...
3.พบเห็นว่าใครเป็นคนเอาปืนไปวางหรือไม่
4. ถ้าพบปืนวางอยู่เฉยๆ แล้วจะแจ้งข้อหาใครอย่างไร
5. การจะแจ้งข้อกล่าวหาต้องมีการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่
6. ถ้ามีการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิด จขกท ทำไมไม่ดำเนินการตามกฏหมาย

หากจะ"เล่นจริง"แล้วเจ้าของปืนมีโอกาสสูงว่าจะมีความผิดนะครับ จะติดคุกหรือรอลงอาญาก็ว่าไป... คือคนที่มีนิสัยชอบเข้าป่าล่าสัตว์ในเขตป่าสงวนแบบนี้ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆเหมือนเห็ดผุดจากพื้นดินได้โดยไร้ร่องรอยนะครับ, ตามสูตรทั่วไปของตำรวจ(ที่ขยันทำงาน)เขาก็จะตามดูสักพัก เก็บหลักฐานทั้งวัตถุพยานและพยานบุคคลเอาให้พร้อม แล้วขอศาลออกหมายค้นบ้าน ก็จะได้หลักฐานเพิ่มเติม จากนั้นก็ส่งฟ้องศาลครับ...

เรื่องปืนยาวแค่กระบอกเดียวนี่ยึดได้แน่ๆ เพราะค้นตัวค้นรถแล้วไม่เจอ แต่ไปเจอก่อนออกจากด่านฯ... ตรงนี้ถ้าจะตั้งข้อหาล่าสัตว์ กับพกพาอาวุธปืนฯ, ยังไงก็เสร็จแน่ๆ แต่ถ้าจะมัดไม่ให้ดิ้นก็ต้องตามดู+ขอหมายศาลค้นบ้าน จากนั้นส่งฟ้องศาลมัดรวมฯ...

ปัญหาของประเทศไทยคือเรื่องการบังคับใช้กฎหมายครับ... คนกระทำผิดกฎหมายไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมมือกฎหมายไปได้ เพราะไม่มีอาชญากรคนไหนในโลกนี้ที่ประกอบอาชญากรรมสมบูรณ์แบบครับ...

เรื่องที่ว่าความผิดอาญาต้องมีหลักฐานแน่นหนาว่ามีการกระทำผิดจริงอย่างชัดแจ้ง ศาลจึงลงโทษนั้น... ตามกระทู้นี้ข้อมูลยังไม่ครบถ้วนหรอกครับ, แต่ในทางปฎิบัติ หากตำรวจเอาจริงแบบไม่ได้ตามดู+ขอหมายศาลค้นตามสูตร...

เขาก็จะใช้วิธีเรียกเจ้าของมาให้คำชี้แจงแล้ว"แคะข้อมูล"จากคำชี้แจง ทั้งวิธีวิเคราะห์(จำแนกแยกแยะรายละเอียด)และสังเคราะห์(จับข้อมูลประกอบขึ้นใหม่แล้วเติมแผ่นจิ๊กซอว์ที่ว่าง)... จากนั้นก็จะได้เบาะแสเพิ่มจนพอให้ตั้งข้อหาครับ, ประเด็นที่ควรเจาะคือ 1) ทำไมปืนมาอยู่ที่นี่ 2) ใครเป็นคน"พา"ปืนมาบนทางสาธารณะจนเข้าเขตป่า และ 3) พามาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร(ตรงนี้หากยังไม่ได้ล่าฯ ก็จะโดนเรื่องพยายาม - โทษ 2 ใน 3 จากโทษเต็ม)...

หากเจอพนักงานสอบสวนเก่งๆ ขู่สลับปลอบแผล็บเดียวได้เรื่องครับ... อยู่ที่ว่าจะ"เอาจริง"แค่ไหนเท่านั้นเอง...

ถ้าตามนี้ผมเห็นด้วยครับ เพราะเป็นไปตามกระบวนการ  ::002::

แต่ถ้ายังไม่พบการกระทำผิดแล้วพยายามทำให้ผิด ผมว่าไม่แฟร์กับชาวบ้านตาดำๆ ที่ไม่รู้กฏหมายนะ  ???

กรณีนี้เมื่อเทียบกับกรณี จนท.ตร จับข้อหาพกพา นำพา แล้วคิดว่าหากปล่อยไปต้องพกพา นำพาอีกหรือคาดว่าจะพกพา นำพาไปยิง ฯลฯ เหเมือนเดิมอีกตรูขอยึดปืนไว้ทำลายให้ยิงไม่ได้ไว้ก่อนมันต่างกันใหม.. ;D

            ถามเป็นความรู้หน่อย ครับ ว่า ที่ว่าห้ามพาปืนเข้าไปในเขตป่าสงวน หรืออุทยาน เขียนไว้ในกฎหมายใด ครับ เท่าที่เจอมามีแต่ ระเบียบกรมป่าไม้ ว่าด้วยการเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2533 แต่ก็ไม่ได้เขียนไว้ ครับ

คนรักปืนอย่างเรา ๆ จะทำร้ายปืนลงคอเชียวหรือ ปืนเป็นวัตถุไม่ได้ทำผิดอะไร(ไม่เหมือนยาบ้า สารกัมมันตรังสี หรือ..ฯลฯ ที่เป็นพิษในตัวเอง)..คนต่างหาก  

ไฟเบอร์ตัดเหล็ก

พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๔ มาตรา ๑๖ (๑๕)

แล้วถ้าเกิดว่าเจ้าของปืนเค้าจะไปไร่ไปสวนแต่ถนนเส้นนั้นมันตัดผ่านป่าสงวนล่ะครับแล้วพอดีมีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านอยู่ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของปืนกลัวโดนจับเลยเอาปืนซ่อนไว้ แล้วท่านเจ้าของกระทู้ไปเจอแล้วเอาปืนเค้าไปทำลายหรือว่าเก็บไว้ก็ดีผมว่ามันไม่ถูกต้องนะครับ ควรทำตามกฏหมายดีที่สุดครับ

     ขอบพระคุณครับ

     ถ้าอย่างนี้เจ้าหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ว่า เจ้าของปืนพาปืนเข้าไปในเขตอุทยาน ในฐานเป็นเครื่องมือล่าสัตว์

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของพี่ๆ ทุกท่านครับ ผมขอแก้ไขที่เรียกว่า "มัน" เป็น "ผู้นั้น" นะครับ
ตอนนี้ปืนไม่อยู่ที่ผมแล้วเนื่องจากผู้บังคับบัญชาผมเอาไปเก็บเองแล้วครับ ท่านก็บอกไม่คืนด้วยเช่นกัน
ได้ความรู้ใหม่ๆ เยอะแยะเลย ทั้งที่ตาม กฎหมายและนอกกฎหมาย ผมเชื่อในระบบศาลยุติธรรมครับ
แต่ในทางปฏิบัติผมคิดว่า หากปืนกระบอกนี้กลับไปอยูกับผู้นั้นอีก เขาก็จะเอาไปล่าสัตว์ต่อ
ในทางลับก็พอจะทราบว่าปืนกระบอกนี้แหละที่สังหารสัตว์ป่ามาหลายศพแล้ว โดยผู้นั้นได้ทำการดักแร้วไว้
พอสัตว์ป่ามาติดเข้าจะใช้ปืนกระบอกนี้แหละยิงสัตว์ให้ตายก่อนเอาไปขาย
ตราบใดที่ปืนไม่ไปอยู่กับเขาสัตว์ป่าทั้งหลายก็มีลมหายใจต่อไปอีกหลายปีก่อนจะตายตามธรรมชาติครับ สัตว์ป่าพูดไม่ได้
ถ้ามันพูดได้มันคงบอกผมว่า "อย่าคืนเลย ข้ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้วันใดจะถูกปืนกระบอกนี้(หรือกระบอกไหนๆ)ยิงอีก"
ที่น่าสลดใจกว่านั้นมีจนท.บางคนทุบหม้อข้าวตัวเอง ล่าเอง ขายเอง หน่วยงานผิดพลาดมาก
ที่รับพรานเก่ามาเป็นจนท.ป่าไม้  คิดแล้วเศร้าใจครับ
ตอนนี้ก็คงยืนยันได้ว่าผมไม่รู้ไม่เห็นน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ

แถวบ้านผมเอาตะไบหางหนู แทงเข้าตรงรังเพลิง กับส่วนปลายก็เจ๊งหมดท่าแล้วครับ

ตะไบหางหนูแทงรังเพลิง กับปลายลำกล้องก็พอ

อย่าคิดเอาเองซิครับ
อ่านกฎหมายมาตรานี้ครบหรือยัง

ครับ
ตอบตามคำถามนะครับ
ทุบ..ทิ้ง ครับ
 :VOV:

    ถ้าผมป็นทนายจำเลย ผมจะสู้ตรงนี้ ครับ

นายสมชายเอาตัวบทมาให้ดูครับ ตามตัวสีฟ้า... ความเห็นนายสมชายว่าหากทนายจำเลยจะสู้ประเด็นนี้ ก็ต้องนำสืบให้ได้ว่าปืนลูกกรดตามกระทู้นี่มันล่าสัตว์ไม่ได้นั่นแหละครับ ถึงจะพ้นผิด...

แล้วก็จะต้องนำสืบให้ได้ว่ามัน"ใช้การไม่ได้"ตั้งแต่ก่อนเข้าเขตป่าแล้วครับ... นั่นคือปืนมันใช้การไม่ได้ตั้งแต่"ก่อน"เจ้าหน้าที่จะไปพบในบริเวณป่าตามท้องเรื่องในกระทู้นี้, ดังนั้นที่เห็นว่าปืนมัน"เสียหาย"นั่นไม่ได้เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ เพราะมันพังก่อนเข้าเขตป่าตั้งแต่แรก...

เจ้าของปืนก็จะไม่ต้องรับโทษ เพราะความผิดไม่ครบถ้วนตามองค์ประกอบ... แล้วก็รับ"ซากปืน"นั้นกลับบ้านไปเสียโดยดี, คราวหน้าก็อย่าทำอีก เพราะอาจไม่มีช่องให้หลุดรอดแบบนี้ ส่วนคราวนี้ก็เป็นอุทธาหรณ์แก่ผู้อื่นว่าอย่าละเมิดกฎหมาย เพราะอาจไม่รอดเหมือนตามกระทู้นี้ครับ...
มาตรา 16 ภายในเขตอุทยานแหงชาติ ห้ามมิให้บุคคลใด

                (1) ยึดถือหรือครอบครองที่ดิน รวมตลอดถึงก่นสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า

                (2) เก็บหา นำออกไป ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งยางไม้ น้ำมันยาง น้ำมันสน แร่ หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น

                (3) นำสัตว์ออกไป หรือทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์

                (4) ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายหรือทำให้เสื่อมสภาพแก่ดิน หิน กรวด หรือทราย

                (5) เปลี่ยนแปลงทางน้ำหรือทำให้น้ำในลำน้ำ ลำห้วย บึง ท่วมท้นหรือเหือดแห้ง

                (6) ปิดหรือทำให้กีดขวางแก่ทางน้ำหรือทางบก

                (7) เก็บหา นำออกไป ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งกล้วยไม้ น้ำผึ้ง ครั่ง ถ่านไม้ เปลือกไม้ หรือมูลค้างคาว

                (8 ) เก็บหรือทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่ดอกไม้ ใบไม้ หรือผลไม้

                (9) นำยานพาหนะเข้าออก หรือขับขี่ยานพาหนะในทางที่มิได้จัดไว้เพื่อการนั้นเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

                (10) นำอากาศยานขึ้นลงในที่ที่มิได้จัดไว้เพื่อการนั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

                (11) นำหรือปล่อยปศุสัตว์เข้าไป

                (12) นำสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์พาหนะเข้าไป เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติของรัฐมนตรี

                (13) เข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

                (14) ปิดประกาศ โฆษณา หรือขีดเขียนในที่ต่างๆ

                (15) นำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆ เข้าไปเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และปฏิบัติตามเงื่อนไขซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้อนุญาตนั้นกำหนดไว้

                (16) ยิงปืน ทำให้เกิดระเบิดซึ่งวัตถุระเบิด หรือจุดดอกไม้เพลิง

                (17) ส่งเสียงอื้อฉาวหรือกระทำการอื่นอันเป็นการรบกวน หรือเป็นที่เดือดร้อนรำคาญแก่คนหรือสัตว์

                (18) ทิ้งขยะมูลฝอยหรือสิ่งต่างๆ ในที่ที่มิได้จัดไว้เพื่อการนั้น

                (19) ทิ้งสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงซึ่งอาจทำให้เกิดเพลิง

ขอบคุณพี่สมชายครับ ถูกแล้วครับในเขตอุทยานแห่งชาติข้อห้ามกำหนดไว้รัดกุมมาก แค่เด็ดดอกไม้หรือนำหินสักก้อนออกไปก็ผิดแล้วครับ ฉะนั้นการพบว่าเอาปืนเข้ามาด้วยอย่างน้อยก็เปรียบเทียบปรับครับ กรณีดังกล่าวหากผู้นั้นบริษุทธิ์จริง ก็แสดงความบริษุทธิ์ออกมา ผมก็แค่เปรียบเทียบปรับไป ฐานนำเครื่องมือล่าสัตว์เข้าไปในเขตอุทยานฯ (แต่ผมมีจนท.ตชด.ไปด้วยสามารถาจับฐานพกพาอาวุธได้อีกนะครับผู้นั้นเลยทิ้งปืนเพราะกลัวความผิดไม่ว่าฐานล่าสัตว์ป่าหรือพกพาก็ตาม)มาทราบทีหลังว่ากระบอกนี้ล่ามาหลายศพแล้วเลยต้องทำให้มันหายไปดีกว่า ถ้ากระทบกับความรู้สึกของใครผมก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ แต่ไม่ว่าอย่างไปปืนกระบอกนี้ก็ไม่มีใครเคยเห็นมันนะครับ ผมก็ไม่รู้อยู่ไหน สรุปว่าเคสนี้ผมแค่ยกเมฆมาโพสต์หารือข้อกฎหมายละกันครับ

ว้าาา เจ้านายยึดไปแล้ว กำลังจะบอกให้เอากรดกัดเกลียว แล้วเอาไปฝังดินไว้ที่เดิม  ;D
ดีใจจังที่คนที่เป็นคนที่พัฒนาแล้ว ยึดมั่นในกฎหมาย และหน้าที่ แต่ผมเข้าใจเจ้าของกระทู้ด้วยนะ เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องนอกเกมนิดหน่อย ส่วนเรื่องเรียกใครว่า มัน นั้นก็ตามสมควรละครับ เรารักษาป่า คนมาล่าสัตว์ ต้องรอเขายิงมาก่อนเหรอถึงจะเรียกว่า มัน ได้ เขาเรียกเราว่า มัน มาตั้งแต่ก่อนออกบ้านแล้วครับ น้องผมก็เป็นป่าไม้ ขอคุณพระและรุกขเทวดารักษานะครับ เป็นกำลังใจให้

    ชาวบ้านแค่หาเช้ากินคำคงจะเงินชื้อไม่ได้ง่ายๆหรอกครับ  ผมไม่รู้ว่าระบบการทำงานของคุณเป็นยังไง  แต่ถ้าพวกคุณมีแนวคิดอย่างตอนตั้งกระทู้แรกๆ ผมว่าฉิบหายชิครับ เป็นข้าราชการแท้ๆ
    พวกคุณพวกป่าไม้ เคยมองในมุมมองของชาวบ้านไหม ผมว่าชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำพวกนี้ไม่ทำให้ป่าไม้ฉิบหายหรือสัตว์สูนพันธ์หรอกครับ ที่ฉิบหายคือพวกนายทุ่นลักลอบตัด
ผมไม่ได้ประชดนะครับผมปวดใจจริงๆ    ในหน่วยงานของพวกคุณมีโครงการที่จะพัฒนาชาวบ้านไหมที่จะทำยังไงให้เลิกล่า มีงานวิจัยที่ทำขึ้นมาเพื่อหาทางแก้ปัญหานี้ไหม  ผมมีว่ามีแน่นอน   แต่พวกคุณท่านทั้งหลายทำหรือเปล่าหรือพวกคุณชอบมาแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างเดียว  ตราบใดท้องมันหิวความต้องขั้นพื้นฐานปัจจัย4ยังไม่พอ ปัญหานี้แก้ไม่ได้ครับ  ผมเห็นใจชาวบ้าน  ผมดีใจที่เจ้าป่าทำงานเต็มที่  แต่อย่ามองข้ามความเป็นมนุษย์เลย ถ้าเข้าเหล่านั้นมีทางเลือกอื่นเขาคงไม่ทำ ::014:: ::014:: ::014::   

จะมีโครงการอะไรให้เลิกทำเล่าครับ ไม่อยากทำก็เลิกเองก็ได้, ทำไมต้องให้ใครเข้าไปช่วยเหลือทำวิจัยโน่นวิจัยนี่ด้วยเล่าครับ... คนอื่นอื่นเขาไม่ทำผิดกฎหมายก็ออกแยะไป ไม่เห็นอ้างอะไรไม่เห็นรอให้มีใครไปวิจัยเลยนี่ครับ...

ยิ่งอ้างว่าท้องหิวก็เลยต้องการพื้นฐานปัจจัย 4 นี่ยิ่งฟังไม่ขึ้นครับ... มันก็เหมือนอ้างหิวแล้วขโมยของ ยิ่งมีอาวุธในมือด้วยก็อ้างหิวแล้วปล้นก็ได้เหมือนกันซิครับ มันก็เหตุผลเดียวกันนั่นแหละ, หรืออย่างนี้อ้างมีอารมณ์ทางเพศก็ยังไหว เพราะเป็นความต้องการทางกายภาพเหมือนกัน ยิ่งมีปืนอยู่ในมือด้วย เดี๋ยวก็เอาข้ออ้างแบบเดิมนั่นแหละไปข่มขืนผู้หญิง มันจะแย่ไปใหญ่ ก็เพราะอ้างเหตุผลอย่างนี้นี่แหละครับ...

+1 ครับพี่สมชาย อันนี้โดน ๗๓ครับ