เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

เรียนถามท่านสมาชิกที่มีความรู้เรื่องนี้  ผมมีสวนยางพารา หลาย ไร่อยู่คนละจังหวัดกับบ้านพัก มีคนงานดูแล ผมได้มอบปืนลูกซองยาว เป็นชื่อของผมให้เขาครอบครองไว้ และได้ทำใบมอบอำนาจระบุชัดแจ้งว่า" เขาเป็นยาม เฝ้าสวน มอบอาวุธไว้เพื่อป้องกันโจรผู้ร้าย และห้ามยิงปืนขึ้นโดยไม่มีเหตุอันควร ห้ามนำปืนออกจากพื้นที่  ที่ครอบครอง  "  กรณีอย่างนี้  ถ้าหากมีตำรวจมาตรวจค้น ที่สวน คนงานคนนั้นถูกข้อหาปืนผิดมือหรือเปล่าครับ (ในกรณีที่ยังไม่มีการยิงใครนะครับ แค่แบกไปแบกมา)

ที่เคยเห็นมาจะเป็นในนามนิติบุคคล เช่นบริษัทรักษาความปลอดภัย เป็นต้น ปืนก็ซื้อในนามนิติบุคคล
แล้วมอบอำนาจให้พนักงานไปปฎิบัติงานตามวันเวลาและสถานที่ที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจ

แต่ในกรณีนี้ เป็นของส่วนบุคคลมอบหมายให้ลูกจ้างนำไปเฝ้าสวนยางฯ ขอรอฟังท่านผู้รู้มาแนะนำครับ

ตัวผมเองห้ามขาดไม่ให้ทำอันตรายกับผู้บุกรุกที่เพียงประสงค์ต่อทรัพย์
ขอเพียงให้เห็นจดจำรูปพรรณเหตุการณ์ไว้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป  8)

คิดว่า ถ้าเจ้าหน้าที่จะตรวจก็ต้องเป็นเหตุซึ่งหน้า หรือมีหมายมาโดยถูกต้อง
ซึ่งคนของผมก็จะตอบเพียงว่า "เจ้านายมาตรวจงานแล้วลืมไว้"   ;)

ตามพ.ร.บ. อาวุธปืนฯการครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๗
ส่วนการให้อาวุธปืนกับผู้อื่นไว้เพื่อรักษาทรัพย์สินของตน ต้องขออนุญาตตามมาตรา ๑๔
ผมอยากรู้เหมือนกันว่าในทางปฏิบัติ ให้ถูกต้องตามกฎหมาย........เรื่องนี้ทำกันอย่างไร

ขออนุญาตท่านจขกท.  มารอความคิด/ความเห็นท่านอื่นด้วยคนครับ   ;D

ในบ้านหรือที่เอกสารสิทธิ์ ของเราได้ครับ  ลูกจ้างที่มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของนายจ้าง  เหมือนคนในบ้านเอาปืนเรายิงขโมยละครับ

 :).. ตามกระทู้ .. ความเป็นเจ้าของอาวุธปืนยังอยู่กับ เจ้าของเดิม เพียงแต่อนุญาตให้ลูกจ้างครอบครอง
      ไว้เพื่อดูและรักษาความปลอดภัย.. ผู้ครอบครองอาวุธปืน และเจ้าของ จึงไม่น่ามีความผิด เกี่ยวกับเรื่องปืนผิดมือ ..

       การดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณพื้นที่ของเจ้าของอาวุธปืน มีอาณาเขตแน่นอน ชัดเจน อาจมีรั้วรอบ ขอบชิด...
       พื้นที่ดังกล่าว จึงไม่ใช่ที่สาธารณะ.  ที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิของเรา.. ซึ่งมีการทำประโยชน์ พฤติการณ์ของยาม
       ก็เป็นการคุ้มครอง ในอาณาเขต .. ถ้าไม่ใช่การกระทำผิดกฎหมายโดยชัดแจง. ตามประมวล กฎหมายอาญา..
       
       เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงไม่น่าที่จะมีอำนาจในการจับกุม และตั้งข้อหาอย่างใด กับยามของเรา ในเขตที่ดินของเรา ครับ.. 

       แต่ทั้งนี้ ถ้ายามของเราเกิดไป กระทำการเกินกว่าเหตุ จนเกิดความรับผิดฐานละเมิดในทางแพ่งขึ้น
       ท่านจะต้องร่วมรับผิดในทางแพ่ง กับยาม นั้นด้วย ครับ..   :)

ตรงนี้แหละที่เป็นห่วงครับ........เช่น...ลูกจ้างยิงขโมย ใช้อาวุธปืนของเรา อ้างว่าเพื่อป้องกันทรัพย์ของเรา
...แต่ที่สุดของคดีอาญา....ถ้าศาลเห็นเป็นเกินกว่าเหตุ หรือหนักกว่าเป็นเจตนาฆ่า...ลูกจ้างต้องรับผิดทางอาญา
...ความแพ่งที่ญาติผู้เสียหาย/ผู้ตายเรียกร้อง....เราต้องรับผิดชอบร่วมแค่ไหนอย่างไรครับท่านRo@d

 :) คุณธำรง ครับ..
       .. ความผิดในทางอาญา .. จะเห็นว่า เป็นเพียงให้ยาม รักษาทรัพย์ ในขอบเขตของกฎหมาย ในเขตของที่ดินเรา..
       เป็นสิทธิตามกฎหมายที่จะกระทำได้  .. ไม่ใช่เป็นเรื่องส่งเสริมให้ยาม กระทำผิดกฎหมาย.

       แต่เมื่อยาม เกิดกระทำเกินกว่าเหตุ ยาม จะต้องรับผิดทางอาญา..
       ส่วนตัวเจ้าของปืนเจ้าของทรัพย์ จำต้องรับผิดชอบในทางแพ่ง ในฐานะนายจ้าง
       ที่ลูกจ้างได้กระทำการไปตามทางที่จ้างครับ..   ไม่มีเหตุปัดความรับผิดชอบได้เลยครับ..
   
       แม้ลูกจ้าง นำอาวุธปืนไปก่อเหตุ นอกเขต ..
       ก็อาจถือเป็นความเลินเล่อของนายจ้าง ที่ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกด้วย ..
       จะอ้างว่าจัดการนอกสั่ง คงอ้างไม่ได้   :)

       กรณีนี้ ต้องมีมาตรการที่รัดกุม และต้องคัดเลือก คัดยามอย่างดี     
       เพราะเหตุว่า นายจ้างจะปฎิเสธ ในความรับผิดทางแพ่ง ไม่ได้เลยครับ.. :)
     

ขอบคุณท่านRo@dที่ให้ความกระจ่าง ขอบคุณท่านจขกท....ผมวิสาสะมาเอากระทู้ของท่านมาถามขยายความ  :P

 :).. ที่ผมมีความเห็นนั้น เป็นเพียงหลักกฎหมาย..
       แต่ต้องดูข้อเท็จจริงด้วยครับว่า ทรัพย์สินที่ จะต้องคุ้มครอง..
       มีเหตุถึงขนาดที่จะต้องใช้อาวุธปืน .. ยิง หรือไม่..

       การลักทรัพย์ .. ยังไม่ถือเป็นเหตุที่สมควรจะใช้อาวุธปืนยิง..
       แต่ถ้าเป็นการชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ .. ต้องดูอาวุธที่คนร้ายใช้ ..ถ้ามีปืนเป็นอาวุธ
       จึงอาจพอจะมีเหตุพอสมควรที่จะใช้อาวุธปืน ครับ.. 

       ตามกระทู้ การคุ้มครองสวนยาง .. ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงละเอียดนัก..
       แต่ถ้าเพียงป้องกันการลักขโมย..  อาวุธปืนที่ยาม ถือน่าจะหนักไปทางปรามเสีย มากกว่า..
       ถ้ายิง อาจถือเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุครับ..  :)..

       แต่ถ้าเป็นเรื่อง เรียกค่าคุ้มครอง..  น่าจะมีเหตุให้ใช้อาวุธปืน ได้พอสมควรแก่เหตุ..
       ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และพฤติการณ์ การใช้อาวุธปืนของคนร้าย ด้วยครับ..  :)

ถ้ายามเกิดยิงตายไม่ว่าถูกหรือผมก็คุยยาวอยู่ดีแหละครับ

ขอขอบพระคุณ ทุกท่านครับที่ให้คำตอบ  เข้าใจแล้วครับผม