เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: E_mail ที่ สิงหาคม 12, 2006, 08:30:07 AM



หัวข้อ: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ สิงหาคม 12, 2006, 08:30:07 AM
29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ

การใช้รถอย่างถูกต้อง และดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ช่วยให้ประหยัดและยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น พฤติกรรมผิดๆ ของผู้ใช้รถ ซึ่งอาจส่งผลเสียกับรถยนต์ทันที หรือแสดงผลในภายหลัง ส่วนใหญ่เกิดจากความเข้าใจผิด โดยเฉพาะใน 29 เรื่องต่อไปนี้

ผิด : 1. " สตาร์ทแล้วออกรถได้เลยไม่ต้องอุ่นเครื่อง"

ถูก : อุ่นเครื่องยนต์สักหน่อยก่อนออกรถจะดีกว่า

เมื่อเครื่องยนต์ทำงานขณะที่ยัง "เย็น" อยู่ เช่น ขณะออกรถจากบ้านไปทำงานตอนเช้า หรือติดเครื่องยนต์เมื่องานเลิกเพื่อกลับบ้าน ไอของเชื้อเพลิงที่เข้มข้นจะเกาะผนังกระบอกสูบ และละลายปนกับฟีล์มน้ำมันเครื่องที่ฉาบผนังอยู่ ทำให้การหล่อลื่นแหวนลูกสูบกับผนังกระบอกสูบไม่เพียงพอ สร้างความสึกหรอในเครื่องยนต์มากกว่าปกติ นอกจากนี้ทั้งเชื้อเพลิงที่ระเหยไม่หมด และไอน้ำที่เกิดจากการเผาไหม้ขณะเครื่องยังเย็นนี้ยังละลายปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง ทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วย

ผิด : 2. " รถใหม่สมัยนี้ ไม่ต้อง รันอิน"

ถูก : รถใหม่ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ต้องรันอิน

รถรุ่นใหม่ๆ แม้จะมีการควบคุมคุณภาพอย่างดีแล้วก็ตาม แต่เครื่องยนต์ใหม่ควรต้องผ่านการรันอิน และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสักครั้งก่อนที่จะใช้งานอย่างเต็มที่ เพราะเศษโลหะที่ตกค้างอยู่ในระบบจะได้ถูกชะล้างออกไป การรันอินนั้นทำได้ไม่ยาก โดยในช่วง 1,000 กม. แรก ไม่เร่งเครื่องยนต์อย่างรุนแรง หรือใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงมากๆ ถ้าใช้รอบเครื่องไม่เกิน 3,000 รตน. ได้ก็จะดี และเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนด พูดถึงเรื่องนี้เคยมีผู้ใช้รถบางคนไม่นำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเชค โดยให้เหตุผลว่า เสียเวลา เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทำที่ไหนก็ได้ อย่างนี้ "น่าเสียดาย" แทนจริงๆ เพราะถ้าเกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์จะเรียกร้องเอากับใคร

ผิด : 3. " ยกขาก้านปัดน้ำฝนขณะจอดช่วยยืดอายุใบปัด"

ถูก : สปริงในก้านที่ปัดน้ำฝนจะอ่อน และเสียเร็วขึ้น

ส่วนสำคัญที่ทำให้ที่ปัดน้ำฝนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพประกอบด้วย ใบปัด แผ่นยางซึ่งทำหน้าที่รีดน้ำจากกระจกบังลมหน้า ปกติจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี หากใช้นานกว่านั้นเนื้อยางจะแข็งตัวหรือมีการฉีกขาด ไม่ว่าจะยกไว้หรือไม่ก็ตาม อีกส่วนคือ ก้านใบปัด ที่มีสปริงคอยดึงให้ใบปัดแนบสนิทกับกระจก ซึ่งรับแรงจากคันโยก และมอเตอร์ ตัวนี้มีราคาสูงกว่าใบปัด การยกก้านเมื่อจอดตากแดด สปริงจะถูกดึงให้ยืดออกตลอดเวลา อายุการใช้งานสั้นลง ทำให้ต้องจ่ายแพงกว่าเดิมหลายเท่าถ้าต้องเปลี่ยนทั้งชุด

ผิด : 4. " รถติดไฟแดงค้างเกียร์ D ไว้ดีกว่าเปลี่ยนเกียร์ว่าง"

ถูก : หยุดรถก็โอเค แต่ถ้าติดไฟแดงนานก็ต้องระวังชนคันหน้า

ในกรณีรถติดไฟแดง ผู้ขับรถที่ใช้เกียร์ธรรมดาจะปลดเกียร์ว่าง และเหยียบเบรคป้องกันรถไหล คงจะไม่มีใครเหยียบคลัทช์ และเบรค ใส่เกียร์คาไว้ ให้เมื้อยขา ขณะที่ผู้ขับรถเกียร์อัตโนมัติกลับมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน กลุ่มแรก เหยียบเบรคโดยค้างเกียร์ไว้ที่ตำแหน่ง "D" กลุ่มที่ 2 เบรคเหมือนกัน แต่เลื่อนตำแหน่งคันเกียร์มาที่เกียร์ว่าง "N" กลุ่มสุดท้าย ดันคันเกียร์มาอยู่ที่ "P" ไม่เหยียบเบรค

ถ้าติดไฟแดงนานๆ กลุ่มแรก ต้องระวังมากที่สุด เพราะถ้าขยับตัวแล้วเท้าหลุดจากแป้นเบรค รถอาจพุ่งไปชน
คันหน้า กลุ่มที่ 2 เบาหน่อยแค่เมื่อย ส่วนกลุ่มสุดท้าย สบายใจได้ แต่อาจจะไม่สะดวกกับการใช้งาน วิธีดีที่สุด คือ ใช้เกียร์ว่าง และดึงเบรคมือ

ผิด : 5. " เดินทางไกลลมยางอ่อนดีกว่าแข็ง"

ถูก : ลมน้อย ยางมีโอกาสระเบิดได้มาก

คู่มือการใช้และดูแลรักษายางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหนก็แนะนำตรงกันว่า ผู้ใช้รถควรเติมลมยางตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ และให้เพิ่มแรงดันลมยางให้สูงขึ้นอีก 2-3 ปอนด์ เมื่อต้องเดินทางไกล ลมยางที่อ่อนกว่ามาตรฐานกำหนด นอกจากจะทำให้หน้ายางด้านนอกสึกมากกว่าด้านในแล้ว ยังอาจส่งผลเสียกับโครงสร้างยางได้ และมีโอกาสเกิด " ยางระเบิด" มากกว่าหรือใกล้เคียงกับยางที่มีแรงดันลมยางเกินกำหนด เพราะอุณหภูมิความร้อนที่เกิดจากการเสียดสี

ผิด : 6. " ฝนตกใส่ขับ 4 ล้อเกาะกว่า...2 ล้อ"

ถูก : อย่าใช้ระบบขับเคลื่อนผิดประเภท จะได้ไม่ต้องเสียใจ

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั้นอาจจะช่วยให้รถเกาะถนนมากกว่าระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ แต่สำหรับรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์หรือ "ตามต้องการ" ในรถพิคอัพ หรือพีพีวี ที่มีชุดส่งกำลังแยกเพื่อส่งกำลังไปยังล้อหน้า กำลังจากล้อหลังจะถูกแบ่งมายังล้อหน้า อาการท้ายปัด หรือล้อหลังฟรีก็จะน้อยลง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกาะถนนดี เมื่อต้องเลี้ยวในความเร็วสูง ล้อหน้าที่ถูกลอคให้หมุนจะเลี้ยวได้น้อยลง ทำให้ต้องใช้วงเลี้ยวที่กว้างขึ้น จึงมีรถประเภทนี้หลุดโค้งให้เห็นกันเป็นประจำ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์มีไว้เพื่อช่วยให้รถสามารถผ่านทางทุรกันดานได้ง่ายขึ้น ต่างกับพวกที่เป็นฟูลล์ไทม์หรือ "ตลอดเวลา" ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการยึดเกาะถนน

ผิด : 7. " ตั้งศูนย์ล้อหน้าอย่างเดียวก็พอ"

ถูก : ทุกล้อมีความสำคัญ ตั้งศูนย์ล้อควรทำทั้ง 4 ล้อ

เชื่อหรือไม่ว่า ศูนย์ล้อหลังมีความสำคัญพอๆ กับศูนย์ล้อหน้า หรืออาจจะมากกว่า เพราะมุมที่ล้อหลังเอียงไปเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้รถเสียสมดุลเมื่อเบรค หรือเลี้ยว และทำให้รถเลี้ยวไปมากกว่าที่คิด รถยนต์ส่วนใหญ่จะปรับตั้งศูนย์ล้อได้หน้า /หลัง ยกเว้นรถขับเคลื่อนหน้าบางรุ่นที่ปรับได้แต่เฉพาะล้อหน้าเพียงอย่างเดียว
ไม่สามารถตั้งศูนย์ล้อหลัง ก็ต้องทำใจ

ผิด : 8. " ต้องเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเวลาข้ามแยก"

ถูก : เวลาข้ามแยก รอให้รถว่าง และไม่ควรเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน

ถ้าคุณเปิดไฟฉุกเฉิน รถทั้งด้านซ้าย/ขวา ต่างก็จะเห็นสัญญาณไฟเลี้ยวเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น รถทางขวาอาจจะจอดให้ไป แต่สำหรับทางซ้ายอาจคิดว่าคุณจะเลี้ยวซ้ายจึงไม่หยุดให้ อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นด้วยความเข้าใจผิด จากการใช้สัญญาณไฟแบบผิดที่ ...ผิดทาง

ผิด : 9. " ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัดต้องเปิดไฟฉุกเฉิน"

ถูก : อาจสร้างความสับสนให้ผู้ร่วมทาง ไฟฉุกเฉินใช้เวลาจอดฉุกเฉิน

ในสภาพอากาศที่ไม่ดี และมีทัศนวิสัยแย่มากจนมองแทบไม่เห็นรถคันหน้า การชะลอความเร็ว เปิดไฟหน้า และทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่การใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน ทำให้ที่วิ่งสวนทางมาเข้าใจผิดคิดว่ามีรถจอดเสียอยู่ทางซ้ายริมถนน และหักหลบไปทางขวา ซึ่งเป็นไหล่ทาง กว่าจะเห็นอาจจะสายเกินไป ไม่ลงไปข้างทางก็อาจพุ่งข้ามช่องทางมาชน หรือถ้าหยุดรถก็ขวางทาง และเกิดอุบัติเหตุ การใช้สัญญาณ
ไฟฉุกเฉิน หรือไฟผ่าหมาก ควรใช้เฉพาะเวลาที่รถเสียและต้องจอดอยู่ริมถนน เพื่อบอกให้เพื่อนร่วมทางที่สัญจรผ่านไปมาใช้ความระมัดระวัง และชะลอความเร็วในจุดที่รถจอดเสียอยู่



ผิด : 10. " ผ้าเบรคแข็ง หรือ ผ้าเบรคเนื้อแข็ง ไม่ดี"

ถูก : ไม่แน่เสมอไป ขึ้นอยู่กับความต้องการ

ความเข้าใจผิดๆ เรื่อง "ผ้าเบรค" ที่ว่าผ้าเบรคอ่อนดีกว่าแข็ง เกิดจากบรรดาช่างซ่อมรถที่ไม่ได้อธิบายให้เจ้าของรถเข้าใจ การผสมเนื้อผ้าเบรคให้ใช้งานได้ดี เป็นศาสตร์ชั้นสูง ใช้วัสดุนานาชนิด และมีสัดส่วนที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมีผลต่อคุณสมบัติของผ้าเบรค และมักจะขัดแย้งกันเอง ถ้าเน้นข้อดีข้อใดขึ้นมาก็มักจะมีข้ออื่นด้อยลงไป เช่น การใช้ส่วนผสมที่เบรคหยุดดี ก็จะกินเนื้อจานเบรคมาก หรือร้อนจัด หรือไม่เนื้อผ้าเบรคก็สึกเร็ว พอทำให้สึกช้า ก็แข็ง เบรคไม่ค่อยอยู่ หรือมีเสียงรบกวน ส่วนผ้าเบรค "เนื้ออ่อน" ที่มีจุดเด่นเรื่องไม่กัดกินเนื้อจานเบรค ก็จะมีข้อด้อยตรงจุดอื่น

ผิด : 11. " เอนนอนขับแบบนักแข่ง...สบายที่สุด"

ถูก : นั่งขับแบบไม่ต้องชะเง้อ จะได้ไม่เมื่อย และไม่อันตราย

ท่าขับแบบนักแข่งตัวจริง ต่างกับการปรับเบาะเอนนอนขับมาก การนั่งท่านี้จะรู้สึกว่าจะหลุดจากเบาะนั่งทุกครั้งที่เบรคแรงๆ แขนที่เหยียดตึงตลอดเวลา นอกจากจะทำให้เมื่อยล้า ยังต้องยกตัวขึ้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลี้ยว เพราะไม่มีแรงหมุนพวงมาลัยและมองทางข้างหน้าไม่เห็น เช่นเดียวกับเวลาถอยหลังจอด สายเข็มขัดนิรภัยที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่าการนั่งขับแบบปกติ อาจจะรั้งคอแทนที่จะเป็นไหล่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ท่านั่งที่ถูกต้องเอาหลังพิงพนักจนสนิทแล้วเหยียดแขนข้างใดข้างหนึ่งไปวางบนส่วนบนสุดของพวงมาลัยแลtตรงกับข้อมือ ขาต้องสามารถเหยียบแป้นคลัทช์จนจม โดยไม่ต้องเหยียดข้อเท้าสุดแบบนักบัลเลต์ ส่วนใต้ของขาอ่อนดันกับเบาะนั่งส่วนหน้าจนรู้สึกว่าน้ำหนักตัวที่ลงตรงสะโพกพอดี และยังสัมผัสกับพนักพิง

ผิด : 12. "นั่งชิดพวงมาลัยเพื่อให้มองเห็นหน้ารถ "

ถูก : อันตราย ตัวอาจกระแทกกับพวงมาลัยบาดเจ็บ

ผู้ที่นั่งใกล้พวงมาลัยเกินไปมักเป็นผู้ที่ไม่ค่อยให้ความสนใจกับรถนัก และได้รับการสอนท่านั่งมาแบบผิดๆ ลำตัวที่อยู่ชิดกับพวงมาลัย นอกจากจะทำให้หมุนพวงมาลัยไม่ถนัดเพราะแขนงอมากเกินไป ยังเพิ่มความเสี่ยงให้แก่ตัวผู้ขับที่อาจจะบาดเจ็บจากการที่ลำตัวกระแทกกับพวงมาลัย และแรงระเบิดจากถุงลมนิรภัย

ผิด : 13. " สอดมือหมุนพวงมาลัยถนัด เบาแรง และปลอดภัย"

ถูก : ไม่ถนัดจริง และอันตรายไม่ควรทำ

การหงายมือล้วงหรือสอดมือจับพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวรถ เป็นการออกแรงดึงเข้าหาตัวจึงทำให้รู้สึกว่าออกแรงน้อยกว่าการจับแบบคว่ำมือหมุน แต่การทำแบบนั้นมี "อันตราย" มาก ถ้าหากล้อหน้าเกิดสะดุดก้อนหิน และเกิดมือหลุดจากพวงมาลัย ดึงมือออกมาไม่ทันก้านพวงมาลัยจะตีมืออย่างแรง การจับพวงมาลัยที่ถูกต้องควรจับในตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา ซึ่งแขนจะงออยู่เล็กน้อย และเพียงพอที่หมุนพวงมาลัยได้จนครบรอบ เมื่อต้องเลี้ยวรถมากกว่าหนึ่งรอบ จะปล่อยมือที่อยู่ด้านหลัง เพื่อมาจับในตำแหน่งเดิม โดยทำในลักษณะนี้ทั้งเลี้ยวซ้าย /ขวา

ผิด : 14. " เกียร์ ซีวีที ขับยากและกินน้ำมันกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป"

ถูก : ขับง่ายและประหยัดน้ำมันกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป

การไม่สามารถเข้าใจเหตุผลก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ ผู้ที่ขับรถใช้เกียร์ ซีวีที บอกว่าขับแล้วรู้สึกเหมือนขับรถที่เกียร์ หรือระบบขับเคลื่อน "มีปัญหา" ให้ความรู้สึกที่ไม่ดี โดยเฉพาะตอนที่ขับด้วยความเร็วคงที่แล้วกดคันเร่งเพิ่ม เกียร์จะเลือกอัตราทดที่เหมาะ ทำให้ความเร็วเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นทันที แต่ความเร็วรถยังเท่าเดิม ให้ความรู้สึกเหมือนรถคลัทช์ลื่ การขับแบบประหยัดเชื้อเพลิง ให้เหยียบคันเร่งไม่ลึกนักขณะออกรถและรักษาระยะที่เหยียบไว้ ช่วงแรกเครื่องยนต์จะส่งกำลังผ่านทอร์คคอนเวอร์เตอร์ พอล้อรถหมุนเร็วพอสมควร และไม่ต้องการความช่วยเหลือจากทอร์คคอนเวอร์เตอร์แล้ว ระบบต่อตรงส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังจานทรงกรวยตัวขับก็จะทำงาน จากนั้นระบบควบคุมจะลดระยะห่างของจานทรงกรวยคู่ที่เป็นตัวขับ เป็นการลดอัตราทดเพื่อเพิ่มความเร็วรถ โดยที่ความเร็วของเครื่องยนต์ค่อนข้างคงที่ ยกตัวอย่างเช่น ประมาณ 1,800 รตน. ความเร็วจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนเดียวกับที่อัตราทดของเกียร์ลดลง จนได้ความเร็วประมาณ 60-70 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดของการเหยียบคันเร่งของเราเท่านี้ เยี่ยมไหมครับ ?

ผิด : 15. " ต้องเปลี่ยนไส้กรองทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง"

ถูก : ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกครั้ง แต่ถ้าเปลี่ยนได้ก็ดี

ผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรป แนะนำให้เปลี่ยนพร้อมกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้ง แต่โรงงานผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรอง หรือหม้อกรองทุกๆ ครั้งที่ 2 ของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ถ้าคำนึงถึงคุณภาพของน้ำมันเครื่องยุคปัจจุบันแล้ว น้ำมันเครื่องหมดอายุแล้ว ในหม้อกรองน้ำมันเครื่องจำนวนหนึ่งปนเปื้อน ไม่ถึงกับให้โทษในด้านการหล่อลื่นหรือทำความสะอาดภายในเครื่องยนต์ แต่เมื่อคำนึงถึงราคาหม้อกรอง หรือไส้กรอง ซึ่งถูกกว่าราคาน้ำมันเครื่องแล้ว ควรเปลี่ยนทุกครั้งเพื่อให้น้ำมันเครื่องสะอาดที่สุด และทำหน้าที่รักษาเครื่องยนต์ของเราจะดีกว่า

ผิด : 16. " ควรเติม หัวเชื้อน้ำมันเครื่องเพื่อถนอมเครื่องยนต์"

ถูก : อาจจะหนืดไป แค่ใช้น้ำมันเครื่องดี มีคุณภาพ ก็เพียงพอแล้ว

เราแบ่งหัวเชื้อน้ำมันเครื่องได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของน้ำมันเครื่อง และประเภทที่ช่วยเพิ่มความหนืดของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงในปัจจุบันมีส่วนผสมของสารต่างๆ อยู่ในปริมาณและสัดส่วนที่เหมาะสม จึงไม่ควรใส่สารอื่นเข้าไปทำลายสัดส่วนสารเคมีเหล่านี้ให้เสียสมดุล และกลับให้โทษแก่เครื่องยนต์ ประเภทแรกจึงไม่จำเป็น

ส่วนหัวเชื้อน้ำมันเครื่องที่ช่วยเพิ่มความหนืด อาจช่วยลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์ที่หมดสภาพแล้วได้บ้าง แต่เมื่อคำนึงถึงราคาแล้ว ก็ไม่น่าจะช่วยประหยัดได้ และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วย วิธีที่ถูกต้องคือ การซ้อมใหญ่ หรือ โอเวอร์ฮอล เพื่อให้เครื่องยนต์กลับคืนสู่สภาพดีปกติ

ผิด : 17. " เติมน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงปนกับน้ำมันเครื่องทั่วไปจะได้คุณสมบัติที่ดีขึ้น"

ถูก : การผสมไม่ได้ช่วยให้คุณภาพดีขึ้น ใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพมาตรฐานจะดีกว่า

การนำน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสุดสักครึ่งลิตร มาผสมกับน้ำมันเครื่องคุณภาพปานกลางก็ไม่สามารถเพิ่มคุณภาพขึ้นมาได้ เอาเงินส่วนนี้ไปทำประโยชน์ส่วนอื่นจะดีกว่า เช่นเดียวกับการเอาน้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำมาเติมผสมลงไปน้ำมันเครื่องชั้นดีราคาสูง ซึ่งจะทำให้ส่วนผสมของสารเพิ่มคุณภาพในน้ำมันเครื่องเสียสมดุลไป เท่ากับน้ำมันเครื่องทั้งหมดคุณภาพต่ำไป การเติมน้ำมันเครื่องใหม่เมื่อน้ำมันเครื่องเดิมใกล้จะถึงกำหนดเปลี่ยนถ่ายนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเพราะไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไปเพื่อแลกกับการใช้งานเพียงระยะสั้น ทางที่ดีเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลยจะคุ้มกว่า

ผิด : 18. " ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ทุกๆ 5,000 กม."

ถูก : ขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำมันเครื่องและความต้องการของเครื่องยนต์

ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละราย กำหนดมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่เครื่องยนต์แต่ละรุ่นต้องการใช้อยู่ในคู่มือประจำรถ และกำหนดระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไว้แตกต่างกันด้วย รถยนต์ของค่ายญี่ปุ่นจะมีกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นระยะทางที่สั้นกว่ารถยุโรป เช่น ทุกๆ 5,000 กม. และ 10,000 กม. ส่วนรถค่ายยุโรปส่วนใหญ่ที่เครื่องยนต์ใหญ่ใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำ และมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องไว้สูง เช่น ระดับ SJ สำหรับเครื่องยนต์เบนซินจะกำหนดระยะทางถึง 15,000 กม. หรือมากกว่านั้น

ปัจจุบันกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่มีระยะมากที่สุด เป็นของรถเปอร์โย คือ ทุกๆ 30,000 กม. แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนก่อนเวลาก็ไม่ได้ทำให้เสียหาย เพียงแต่เปลืองเงินกว่าที่ควร เท่านั้นเอง ผู้ใช้รถควรใช้วิจารณญาณในการร่นระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ตามสภาพการใช้งาน เช่น กรณีที่ใช้งานในสภาพการจราจรติดขัดเป็นส่วนใหญ่ เหลือ 70% ที่กำหนดในคู่มือ หรือถ้าต้องสตาร์ทเครื่องยนต์บ่อยๆ และ "รถติด" เป็นประจำด้วย เหลือเพียง 50% ถ้าใช้น้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" คุณภาพสูง แล้วใช้งานหนักมาก เปลี่ยนทุก 5,000 กม. ถ้าใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% เปลี่ยนทุก 10,000 กม. หากใช้งานเบากว่านี้เพิ่มระยะทางได้ตามความเหมาะสม ไม่ใช่กำหนดที่ปั๊มน้ำมัน หรือศูนย์บริการ ฯ ลดทอน เพราะต้องการขายน้ำมันเครื่อง

ผิด : 19. " เครื่องยนต์ดีเซลมีระยะการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเท่ากับเบนซิน"

ถูก : อุณหภูมิภายในไม่เท่ากัน อายุการใช้งานก็ต่างกันด้วย

การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล ก่อให้เกิดเขม่ามากกว่าในเครื่องยนต์เบนซิน ผงเขม่าขนาดเล็กสามารถลอดผ่านกระดาษกรองของหม้อกรองน้ำมันเครื่องได้ เมื่อสะสมแขวนลอยอยู่ในน้ำมันเครื่องมากขึ้น จะทำให้น้ำมันเครื่องมีค่าความหนืดสูงขึ้น คุณสมบัติในการหล่อลื่นจึงลดลง

เครื่องยนต์ดีเซลระบบฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้หรือไดเรคท์อินเจคชันยุคใหม่มีเขม่าน้อยกว่าแบบพรีแชมเบอร์มาก เราจึงสังเกตได้ว่ากำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์แบบนี้ใกล้เคียงกับเครื่องยนต์เบนซินแล้ว

ผิด : 20. " น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% คุ้มกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา"

ถูก : ราคาแพงกว่าใช้ได้นานกว่า แต่จะคุ้มหรือไม่อยู่ที่ใจ

จุดเด่นแรกของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์อยู่ที่ค่าความหนืดต่ำที่อุณหภูมิต่ำ จึงไหลไปหล่อลื่นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เริ่มติดเครื่องยนต์ในสภาพเย็นจัด เช่น ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ซึ่งสภาวะเช่นนี้ไม่มีในประเทศไทย

ข้อดีประการที่ 2 คือทนต่อความร้อนสูงที่ผนังกระบอกสูบได้ดีกว่า จึงมีอัตราการระเหยเป็นไอได้น้อยกว่าน้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องอาจน้อยกว่าเล็กน้อย

จุดเด่นอีกข้อของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ คือ การมีค่าดัชนีความหนืดสูง จึงไม่ " ใส" เกินไป เมื่อถูกความร้อนจัด น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงมีสารปรับดัชนีความหนืดผสมอยู่ในอัตราที่น้อยกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา เนื่องจากสารปรับดัชนีความหนืดนี้เสื่อมสภาพได้ง่ายตามอายุใช้งาน น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงมีอายุใช้งานยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดามาก

เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% กับราคาน้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" ระดับคุณภาพสูงสุดน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีราคาสูงกว่าราว 2 ถึง 4 เท่า จึงไม่สามารถกล่าวได้ว่า "คุ้มกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา" ยกเว้นพวกชอบใช้ของแพง ได้จ่ายเงินมากแล้วมีความสุข ผู้ที่ต้องการถนอมให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยที่สุด โดยไม่คำนึงถึงราคาว่าคุ้มหรือไม่

ผิด : 21. " ใช้น้ำมันเครื่องราคาถูกแต่เปลี่ยนบ่อยๆ ช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด"

ถูก : ถ้าเจอน้ำมันเครื่องปลอม หรือไม่มีคุณภาพ อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย

ไม่ควรนำน้ำมันเครื่องราคาถูกมาเปลี่ยนบ่อยๆ เช่น ทุก 3,000 หรือ 4,000 กม. แทนน้ำมันเครื่องมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนด เพราะในประเทศเราที่ไม่มีหน่วยงานควบคุมและตรวจสอบคุณภาพของน้ำมันเครื่องอยู่เลย แม้น้ำมันเครื่องระดับคุณภาพสูงที่เราซื้อมาก็อาจเป็นของปลอมที่กรองและฟอกสีมาจากกากน้ำมันเครื่องใช้แล้วได้ วิธีถนอมเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด คือ เลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสุด ก่อนอื่นต้องเลือก "ยี่ห้อ" และสถานที่จำหน่ายที่น่าไว้วางใจได้ เลือกระดับคุณภาพ แล้วจึงดูระดับความหนืด หรือความข้นของน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับอุณหภูมิเฉลี่ยของเมืองไทย เช่น 10W-40/15W-40/15W-50 หรือ 20W-50 ระดับคุณภาพที่รู้จักกันแพร่หลายในประเทศไทย คือ ระดับคุณภาพตามมาตรฐานของ API (AMERICAN PETROLEUM INSTITUTE) ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน ควรใช้น้ำมันเครื่องระดับคุณภาพ SJ หรือ อย่างน้อย SH ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล ควรเลือกระดับ CG - 4 หรืออย่างน้อย CF - 4

ผิด : 22. " เปลี่ยนแบทเตอรีให้ลูกใหญ่ จะได้สตาร์ทง่าย"

ถูก : แบทเตอรีขนาดไหนก็ใช้ไฟเท่าเดิม ใหญ่ไปก็หนักรถ

การใช้แบทเตอรีที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ขณะที่องค์ประกอบอื่นๆ ทั้งเครื่องยนต์ ไดสตาร์ท และไดชาร์จ ยังมีขนาดเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากจะเป็นความสิ้นเปลืองที่เกินกว่าความจำเป็น เพราะความต้องการไฟในการสตาร์ทเครื่องยนต์ยังเท่าเดิมแล้ว ยังอาจส่งผลเสียกับไดชาร์จในอนาคต

แบทเตอรีที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป ไม่เพียงต้องทำให้เจ้าของรถต้องดัดแปลงแทนวางแบทเตอรีใหม่เท่านั้น ยังอาจส่งผลให้ไดชาร์จทำงานเต็มกำลังตลอดเวลา เพื่อบรรจุไฟเข้าไปเก็บในแบทเตอรี ซึ่งจะหยุดก็ต่อเมื่อไฟเต็ม

ผิด : 23. " ดับเครื่องยนต์ และปิดพัดลมแอร์ จะช่วยให้แอร์ไม่เสียเร็ว"

ถูก : ควรปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ ก่อนดับเครื่อง ช่วยยืดอายุตู้แอร์

ระบบทำความเย็นทั้งภายในรถและอาคาร อาศัยหลักการถ่ายเทความเย็น และระบายความร้อน ซึ่งตู้แอร์ หรือคอยล์เย็น จะมีสารทำความเย็นบรรจุอยู่ภายใน โดยมีพัดลมทำหน้าที่เป่าลม การปิดพัดลมหลังดับเครื่อง ความเย็นยังคงอยู่ภายในระบบ ตู้แอร์จึงชื้น และกลายเป็นที่สะสมฝุ่นละออง ซึ่งจะทำให้ลมผ่านได้ไม่สะดวก เกิดการอุดตัน และตู้รั่ว

การปิดคอมเพรสเซอร์ หรือปิดสวิทช์ AC ก่อนดับเครื่องยนต์อย่างน้อย 5-10 นาที จะช่วยไล่ความชื้นในตู้แอร์ ไม่เป็นที่สะสมฝุ่น นอกจากจะช่วยยืดอายุตู้แอร์ยังช่วยลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ที่มักเกิดพร้อมๆ กับความชื้นอีกด้วย

ผิด : 24. " แกสโซฮอลสิ้นเปลืองกว่าเบนซิน 95 เพราะแอลกอฮอล์ระเหยได้ง่ายกว่า"

ถูก : แอลกอฮอล์มีความหนาแน่นของพลังงาน ต่ำกว่าของเบนซิน

การที่แกสโซฮอลสิ้นเปลืองกว่าเพราะแอลกอฮอล์มีพลังงานสะสมในตัวมันน้อยกว่า เมื่อเทียบมวลเท่ากัน เช่น มีพลังงานกี่กิโลแคลอรีต่อมวลหนึ่งกิโลกรัมเท่ากัน หรือกล่าวได้ว่าแอลกอฮอล์มีความหนาแน่นของพลังงาน หรือ ค่าความร้อน (HEATING VALUE) ต่ำกว่าของเบนซิน เกี่ยวกับการระเหยง่ายอย่างที่หลายคนคิด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ น้ำมันเบนซินซึ่งระเหยง่ายมาก และน้ำมันดีเซลซึ่งระเหยยากมาก แต่มีความหนาแน่นของพลังงานหรือค่าความร้อนพอๆ กัน และมากกว่าของแอลกอฮอล์ประมาณเท่าตัว

ผิด : 25. "เติมน้ำยาหล่อเย็นจะทำให้หม้อน้ำรั่ว"

ถูก : น้ำยาเติมหม้อน้ำช่วยลดตะกอนและควบคุมอุณหภูมิของน้ำ

น้ำยาเติมหม้อ หรือน้ำยาหล่อเย็น (COOLANT) ถูกมองว่าเป็นตัวการทำให้หม้อน้ำและปั๊มน้ำรั่วอยู่เสมอ นั่นก็เพราะผู้ใช้รถจะพบปัญหาเหล่านี้หลังจากที่ได้เติมน้ำยาหล่อเย็น ซึ่งในความเป็นจริงเกิดจากระบบหล่อเย็นของรถขาดการบำรุงรักษามาเป็นเวลานาน หรือใช้น้ำที่มีค่าเป็นกรดเป็นด่างมากเกินไป จนเกิดการผุกร่อน ดังนั้นเราควรบำรุงรักษาหม้อน้ำด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาในระบบหล่อเย็นปีละครั้ง รวมทั้งทำความสะอาดถังพักน้ำด้วย ส่วนการผสมน้ำยาหล่อเย็น ควรทำตามอัตราส่วนที่ผู้ผลิตระบุไว้

ผิด : 26. "รถที่ใช้จานเบรค 4 ล้อปลอดภัยกว่ารถที่ใช้ดุมเบรคหลัง"

ถูก : ไม่แน่ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของการใช้งาน

หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าจานเบรคใช้ได้ดีกับรถทุกรุ่นทุกขนาด แม้ว่าคุณสมบัติที่ดีของจานเบรคคือ ระบายความร้อนได้เร็ว ส่วนใหญ่ผู้ผลิตรถจึงใช้กับล้อหน้าที่ผ้าเบรคจับตัวจานเบรคแทบจะตลอดเวลา ดุมเบรคที่ระบายความร้อนได้ช้ากว่าเพราะมีฝาครอบ แต่มีพื้นที่สัมผัสมากกว่าจานเบรคและไม่มีปัญหาเบรคล็อคเหมือนจานเบรคใช้ในล้อหลัง รถที่ใช้งานแบบทั่วไป รวมทั้งรถที่มีระบบเอบีเอส ซึ่งวิศวกรผู้ผลิตรถยนต์จะเลือกใช้จานเบรคตามความเหมาะสม การที่เจ้าของรถนำรถไปดัดแปลงใช้จานเบรคในล้อหลัง ต้องระวัง เพราะหากล้อหลังหยุดก่อนล้อหน้าเมื่อเบรค อาจทำให้รถหมุนได้

ผิด : 27. "เปลี่ยนกรองเปลือย และหัวเทียน ทำให้รถแรงขึ้น"

ถูก : ช่วยอะไรไม่ได้มาก ไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไป

การเปลี่ยนกรองอากาศมาเป็นแบบกรองเปลือยที่ไม่มีกล่องป้องกันฝุ่นและท่อนำอากาศ อาจจะช่วยให้อากาศเข้าได้สะดวกขึ้น แต่ความหนาแน่นของมวลอากาศน้อยลงเพราะอุณหภูมิความร้อนภายในห้องเครื่องยนต์ ซึ่งปริมาณอากาศกับห้องเผาไหม้เท่าเดิม จึงให้กำลังตกลงเมื่อเครื่องร้อน อีกทั้งมีฝุ่นละอองมาก ทำให้ต้องล้างหรือทำความสะอาดบ่อยๆ การใช้หัวเทียนใหม่ช่วยให้การจุดระเบิดสมบูรณ์ แต่ไม่ได้เพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้สูงกว่ามาตรฐานผู้ผลิตรถยนต์ได้กำหนดไว้

ผิด : 28. "ใส่กรองอากาศไม่ต้องเปลี่ยน แค่เป่าลมก็ใช้ได้แล้ว"

ถูก : เปลี่ยนใหม่ จะช่วยให้ประหยัดค่าน้ำมันไปได้นับพันบาท

การใช้ลมเป่าใส่กรองอากาศที่นิยมทำกัน เมื่อมีฝุ่นติดเต็ม จนมองไม่เห็นสีเดิม วิธีนี้ช่วยให้ฝุ่นละอองเบาบางลง อากาศไหลผ่านได้ดียิ่งขึ้น แต่ถ้าเป่าแรงเกินไปแผ่นกรองอาจเสียหายจนใช้งานต่อไม่ได้ เพราะมีรูกว้างจนฝุ่นขนาดใหญ่สามารถผ่านเข้าไปได้ คิดแล้วไม่คุ้ม ยอมจ่ายเงินซื้อของใหม่มาใส่จะคุ้มกว่า การล้างคาร์บูเรเตอร์ หรือหัวฉีด แถมยังประหยัดค่าน้ำมันทางอ้อม อีกด้วย





credit: จากกระทู้ของคุณtoiturbo ห้องจิปาถะ www.siamnaliga.comจ้ะ  :)


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ สิงหาคม 12, 2006, 09:12:35 AM
เห็นด้วยบางข้อครับ


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: BADBOY ที่ สิงหาคม 12, 2006, 09:13:57 AM
...ขอบคุณครับ...ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ...(http://i8.tinypic.com/24do39c.gif)


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: โป้ง*กันบอย - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 12, 2006, 09:15:19 AM
ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ สิงหาคม 12, 2006, 10:17:11 AM
ขอบคุณมากๆครับ


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ สิงหาคม 12, 2006, 10:41:50 AM
 ;D ข้อ 1 ผมขี้เกียจรอ ใช้วิธีการขับไปแต่ใช้รอบเครื่องไม่มากนัก ประมาณพันนิด ๆ ไปสักระยะ ผมว่าดีกว่าฟรีเครื่องทิ้งไว้เฉย ๆ ครับ ;D
 ;D ข้อ 2 ผมแค่เปลี่ยนน้ำมันตอน 1,000 กิโลเมตรแรกเท่านั้น เรื่องขับผมขับปกติครับ ;D
 ;D ข้อ 3 เมื่อก่อนใช้ตัวค้ำใบปัดอันเล็ก ๆ ค้ำให้ใบปัดลอยเหนือกระจกเล็กน้อย ยางใบปัดจะไม่พับเอน และจะยืดตรงช่วยเพิ่มอายุใบปัดได้ครับ แต่ตอนนี้หาซื้อตัวค้ำนี่ไม่ได้เลยไม่ได้ใช้ ;D
 ;D ข้อ 6 ถ้าโค้งตามเส้นทางทั่วไปผมว่าที่แหกโค้งเพราะมั่นใจในขับ 4 มากเกินไปครับ แต่ถ้าเลี้ยวมุมแคบ ๆ อย่างหักสอกหรือกลับรถนั้นจริงครับ เพราะเมื่อใส่ขับ 4 แล้ววงเลี้ยงจะกว้างขึ้น ;D
 ;D ข้อ 15 ผมเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องต่อการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 2 ครั้งครับ ;D
 ;D นอกนั้นเห็นด้วยครับ ;D


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 12, 2006, 11:31:50 AM
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: รัตตรา ที่ สิงหาคม 12, 2006, 12:25:15 PM
เรื่องไฟฉุกเฉินข้อนี้เห็นด้วยสุดๆ  เจอตอนฝนตกบ่อยมาก แล้วชอบเปลี่ยนช่องทางซะด้วย

ไม่รู้จะเปิดหาพระแสงอะไร ใครขับตาม ไม่รู้จะหลบทางไหนเลยเสียบท้ายกันประจำ

อีกเรื่องครับควร รณรงค์ คือการเปิดไฟหรี่หรือไฟหน้ารถ ขณะวิ่งอยู่ในชั้นจอดรถครับ

เนื่องจากในชั้นจอดรถค่อนข้างจะมีแสงสว่างน้อย และรถแต่ละคันก็ติดฟิล์มมืด

การปรับสายตาจากที่แจ้งเข้าที่มืด กระทันหัน จะดูเหมือนว่าชั้นจอดรถมืดมาก

ควรเปิดไฟแสดงตำแหน่งของตัวเองจะ "ปลอดภัย" ที่สุด  แก่ตนเองครับ

ผมกระทำเป็นประจำเมื่อเข้าที่ชั้นที่จอดรถในอาคารครับ


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ สิงหาคม 12, 2006, 02:05:26 PM
ด้วยความเคารพครับ

ขอบคุณครับที่นำสิ่งดีๆมาฝากกันครับ

ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ สิงหาคม 12, 2006, 05:30:08 PM
;D ข้อ 3 เมื่อก่อนใช้ตัวค้ำใบปัดอันเล็ก ๆ ค้ำให้ใบปัดลอยเหนือกระจกเล็กน้อย ยางใบปัดจะไม่พับเอน และจะยืดตรงช่วยเพิ่มอายุใบปัดได้ครับ แต่ตอนนี้หาซื้อตัวค้ำนี่ไม่ได้เลยไม่ได้ใช้ ;D
 
ผมใช่โฟมที่กันกระแทกเครื่องใช้ไฟฟ้ามาตัดชิ้นพอประมาณแล้วค้ำให้ใบปัดลอยครับ
สะดวกดีเวลาต้องการปัดน้ำก็ทำได้ทันทีกระเด็นไปก็ทำใหม่ครับ


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ สิงหาคม 12, 2006, 05:40:53 PM
ขออนุญาตบ่นหน่อยครับ

พวกที่ใช้ไฟเลี้ยวสีฟ้า ( ไฟเบรคสีฟ้าก็เคยเจอ )   จะใช้สีฟ้าหาป๋าหรือครับ  ผมเกือบจิ้มตูดคุณๆ 2 หน  ก็เพราะใช้สีฟ้านี่แหละครับ  ( ขับกลางวันที่สายเอเซีย  แดดจัด มองไม่เห็น )

อีกอย่างก็เพิ่งเคยเห็นเมื่อวันที่ 8 และ 9 / 8 / 2549 ที่ผ่านมานี่เอง   ผมขับขับรถกลับบ้านเวลา 2 ทุ่มกว่า   พี่ท่านใช้ไฟท้ายแบบกระพริบตลอดเวลา ( แถมดันใช้สีส้มอีกต่างหาก , กระพริบแบบไฟไหว้เจ้าเคยเห็นไหมครับ กระพริบแบบไฟมันเต้นๆนะครับ ) คนขับตามหลังก็ระแวงสิครับ


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: Sig228-kolok ที่ สิงหาคม 12, 2006, 06:04:21 PM
ด้วยความเคารพครับ........

ส่วนมากจะปฏิบัติตามนี้อยู่ครับ......

โดยเฉพาะไฟผ่าหมากนี้นะขอเหอะ........ความเชื่อผิดๆ ผมเคยเกือบชนรถหกล้อ ตรงสามแยกผมจะเลี้ยวความมันจะตรง เสือกเปิดไฟผ่าหมาก ไอ้ด้านขวาผมมองไม่เห็นก็นึกว่ามันจะเลี้ยวซ้ายโชคดีที่ขับไม่เร็วไม่งั้นมีชนแล้วครับ....

เรื่องเกียร์โอต้อนี่ผมเคยได้ฟังมาจากผู้เชี่ยวชาญถ้ารถติดไม่นาน ก็เหยีบเบรคไว้ได้ครับ แต่ถ้านานก็ให้อยู่ที่ P แล้วดึงเบรคมือ...ส่วนผมเองอยู่บ้านนอกติดไฟแดงแป๊ปเดียว เลยอยู่ที่ D เหมือนเดิมแล้วเหยียบเบรคเอาครับ.....

ขอบคุณครับ..........


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 12, 2006, 07:13:47 PM
 :).. ขอบคุณมากครับ คุณจ้าว..   :D


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: วรกฤษ ที่ สิงหาคม 12, 2006, 08:01:58 PM
ขอบคุณครับ...ไม่มีให้ปฏิบัติตามแล้วครับ :~) :~)


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: CT_Pro4 ที่ สิงหาคม 12, 2006, 09:34:39 PM
;D ข้อ 3 เมื่อก่อนใช้ตัวค้ำใบปัดอันเล็ก ๆ ค้ำให้ใบปัดลอยเหนือกระจกเล็กน้อย ยางใบปัดจะไม่พับเอน และจะยืดตรงช่วยเพิ่มอายุใบปัดได้ครับ แต่ตอนนี้หาซื้อตัวค้ำนี่ไม่ได้เลยไม่ได้ใช้ ;D
 
ผมใช่โฟมที่กันกระแทกเครื่องใช้ไฟฟ้ามาตัดชิ้นพอประมาณแล้วค้ำให้ใบปัดลอยครับ
สะดวกดีเวลาต้องการปัดน้ำก็ทำได้ทันทีกระเด็นไปก็ทำใหม่ครับ

...ตัวค้ำเล็กๆ ยังพอหาได้ครับ ผมเห็นที่ Autobac แถวถนนนราธิวาสฯ ครับ ผมก็ใช้เจ้าตัวค้ำเล็กๆ นี้กับรถแฟนผม ช่วยยืดอายุการใช้งานของใบปัดน้ำฝนได้เยอะเลยครับ เพราะใบปัดจะไม่ถูกกดกับกระจกอยู่ตลอดเวลา...  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: visith ที่ สิงหาคม 12, 2006, 11:14:48 PM
...ขอบคุณครับ ที่ช่วยรวบรวมเกล็ดความรู้มาให้ทบทวน ที่ยังสงสัยก็เรื่องเกียร์ CVT เปรียบเทียบกับเกียร์ออโต ทั่วไปมีจุดเด่น/ด้อย ต่างกันอย่างไร เทียบกับเกียร์ออโตของ Mitsu ตัวไหนดีกว่ากัน และปัจจุบันมีรถค่ายไหนใช้เกียร์ CVT บ้าง


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ สิงหาคม 13, 2006, 06:19:56 PM
...ยาวจัง  โทร.มาเล่าให้ฟังหน่อยดิ  ;D


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ สิงหาคม 13, 2006, 06:25:55 PM
...ยาวจัง โทร.มาเล่าให้ฟังหน่อยดิ ;D

เอาเบอร์โทรมาดิ  ;D  ;D  ;D


9-10กย.ที่สนามวิภาวดีมีจัดแข่ง  พี่แก้วลงมาแข่งด้วยบ่ครับ  :D


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ สิงหาคม 13, 2006, 06:33:37 PM
...ยาวจัง โทร.มาเล่าให้ฟังหน่อยดิ ;D

เอาเบอร์โทรมาดิ  ;D  ;D  ;D


9-10กย.ที่สนามวิภาวดีมีจัดแข่ง  พี่แก้วลงมาแข่งด้วยบ่ครับ  :D

...เอาค่าเครื่องบินมาดิ  ;D


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ สิงหาคม 13, 2006, 07:22:56 PM
แงะ...... :OO

ลงมาเอาดิ ออกให้แต่ขาลงนะเออ  ;D



คิกๆๆๆๆ  ;D  ;D  ;D


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ สิงหาคม 13, 2006, 07:26:52 PM
...มีตั๋วฟรี  แต่เสียดาย  ;D ;D


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ สิงหาคม 14, 2006, 02:45:44 PM
งั้นขาลงพี่แก้วใช้ตั๋วฟรี ขากลับผมซื้อรอไว้ให้ดีมั๊ยจ๊ะ  :-*


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: T-05 ที่ สิงหาคม 16, 2006, 02:18:51 AM
ขอถามหน่อยครับ รถเกียร์ออโต เนี่ย เวลารถติดนานๆใส้เกียร์D ไว้เเล้วเหยียบเบรค จะส่งผลกระทบอะไรต่อผ้าเบรคไหมครับ? เเล้วถ้าดึงเบรคมือล่ะครับ?
 อีกเรื่องนึงขอเเสดงความคิดเห็น(บ่น)ครับ ตามทางหลวงระหว่างเมืองที่มีรถสัญจรพลุกพล่าน  ผมข้องใจมากๆเลยครับ กับรถที่ วิ่งขวา...สุด เเต่ความเร็วน้อยยย มากๆน่ะครับ  เเช่ บางทีเกือบ10 กิโล  เปิดไฟสูงก้อเเล้ว บีบเเตรก้อเเล้ว ผลสุดท้ายต้องรอจังหวะเลนซ้ายว่างๆโฉบเเซงซ้าย ออกมา ดั๊น.....เจอ เจ้าพ่อทางหลวง โบกมือหยอยๆให้เข้าข้างทางพร้อมเเจ้งข้อหาว่า เเซงซ้าย ขับประมาท หวาดเสียว   โอ๊ววววววววววว   ก๊อดดดดดดด  โดนไปอีก ร้อยยยย พี่ๆเพื่อนๆ อย่าเอาอย่างน๊ะค๊าบบบบ บางทีรถหลังตามกัน เป็นสิบ หลบซักติ๊ดดดนึงเเล้วค่อยออกมาขวาใหม่ก้อได้คร๊าบบบบบบ   ด้วยความเคารพครั๊บบ :VOV:


หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ,มีประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ สิงหาคม 16, 2006, 07:34:04 AM
ขอถามหน่อยครับ รถเกียร์ออโต เนี่ย เวลารถติดนานๆใส้เกียร์D ไว้เเล้วเหยียบเบรค จะส่งผลกระทบอะไรต่อผ้าเบรคไหมครับ? เเล้วถ้าดึงเบรคมือล่ะครับ?
 

 รถติดนานๆแต่ไม่เข้าเกียร์ P หรือ N ใช้เหยียบเบรคไว้แทน 
1. เท้าเราจะล้าครับ ถ้าเผลอปล่อยเท้ารถเราอาจพุ่งไปชนคันข้างหน้าเรา
2. น้ำมันเบรคจะร้อนครับ ( อันนี้รุ่นพี่บอกมา )

รถเกียร์ออโต้ มีผู้รู้บอกว่าถ้ารถติดนานๆให้เข้าเกียร์ N ( ถ้ากลัวรถไหลก็ดึงเบรคมือช่วย )  จะดีกว่าครับ
เพราะถ้าเข้าเกียร์ P แล้วมีรถมาชนข้างหลังรถเราชุดเกียร์จะเสียหายครับ