พิมพ์หน้านี้ - คำถามทดสอบว่าคุณเหมาะกับอาชีพอะไร(เฉลยละนะครับ)

สรุปมีท่านใดตอบวงกลมบ้างนะครับ ;D ;D ;D

อันนี้นำมาตอบเสริมนะครับ
“ดูโหงวเฮ้งด้วยตนเอง"

ก่อนอื่น ขอโอกาสทำความเข้าใจเป็นเชิงปรารภ เพื่อให้ได้รับทราบในเจตนา จุดประสงค์ และข้อความอื่นๆ บางอย่าง แต่จะไม่สาธยายถึงสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อท่านโดยตรง เพื่อเป็นการอวดภูมิ อย่างเช่น วิชา ลักษณะเกิดขึ้นจากไหน มีมานานแล้วกี่พันปี อะไรเหล่านี้ เป็นอาทิ

1. ความหมายของ “โหงวเฮ้ง”

คำว่า “โหวงเฮ้ง” แปลความหมายได้ 2 นัย (หนังสือจีนเขียนเป็น 2 ตัว แต่ออกเสียงเดียวกัน) นัยหนึ่ง แปลว่า “ธาตุทั้ง 5” ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ ทอง ใช้ประกอบการพิจารณาทางลักษณะเหมือนกัน แต่อยู่ชั้นสูง หมายถึงต้องใช้ทางจินตนาการเข้าช่วย ส่วนมากหนักไปในทางผูกดวง เรียกว่า “สี่เถียว” แปลว่า “สี่หลัก” คือ วัน เดือน ปี และเวลาเกิดนั่นเอง (มีความแม่นยำพอๆ กับดวงไทย)

ส่วนอีกนัยหนึ่ง แปลว่า “ลักษณะ 5 อย่าง” ได้แก่ จมูก ปาก คอ หู คิ้ว และนัยน์ตา แต่ที่เรียกดังนี้ เพราะอวัยวะทั้ง 5 ดังกล่าว เป็นจุดสำคัญมากกว่าอย่างอื่น และอยู่ในที่ที่เห็นได้ชัด

ความจริงดูกันทั้งตัว ตลอดจนการกิน การนอน กิริยา ท่าทาง เดิน นั่ง เฉพาะบนใบหน้า มีตำแหน่งรวม 130 จุด เพื่อไม่ให้เกิดความเบื่อหน่าย ผมจะเลือกสรรแต่จุดสำคัญที่เหมาะสมแก่โลกปัจจุบันมาเสนอ

2. การใช้ศัพท์

ตำราโหงวเฮ้งจีนได้ตกทอดมาหลายสมัย แต่ละยุค แต่ละสมัยใช้ศัพท์ในการเรียกชื่ออวัยวะแตกต่างกันออกไป ส่วนมากเรียกตามความหมายทางจินต
ภาพอย่างเช่น หน้าผาก เรียกว่า ท้องฟ้า, คาง เป็น แผ่นดิน, จมูก เป็นภูเขา, ปาก เป็น ทะเล, ติ่งหู เป็น ลูกแก้ว, ทั้งนี้จะเรียกจามตำรา เพื่อให้เกิดจินตนาการ ก็เกรงว่าจะทำความยุ่งยากในการจดจำ จึงใช้ชื่อธรรมดาที่เรียกกันเคยชิน

3. เกี่ยวกับการใช้สำนวน

การเขียนหนังสือที่เป็นวิชาการ ควรใช้ศัพท์สูง สุภาพ สำรวม เพื่อให้สมกับฐานะ แต่ทั้งนี้จะเกิดบรรยากาศแห้งแล้ง เคร่งเครียด น่าเบื่อหน่ายในการอ่าน ที่จะเขียนด้วยสำนวนชาวบ้านธรรมดา เพื่อให้เข้าใจง่าย หรือคึกคะนองเพื่อให้เกิดสนุก ชวนอ่าน ก็จะเกิดการกระทบกระเทือนถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเนื้อหาสาระ ถ้าจะเขียนโน้มมาในแนวไสยศาสตร์ ลี้ลับ มหัศจรรย์ ก็จะพากันเข้ารกเข้าพง ทำให้เชื่อถือในทางงมงาย

ยิ่งไปกว่านี้ การบรรยายก็ดี การเปรียบเทียบก็ดี เขียนยาวเกินไปจะเข้าทำนองยืดยาดน่ารำคาญ ถ้าเขียนสั้นไปจะไม่เข้ากระแสความ ก็จะอ่านกันไม่รู้เรื่อง ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากสักหน่อย แต่อย่างไรก็ตาม ได้เลือกทางออกเท่าที่เห็นควร ถ้าไม่ถูกใจ หรือไม่ตรงกับทัศนะของท่านอยู่บ้างก็ขอให้เห็นใจ และให้อภัย

4. เนื้อแท้ของวิชาดูลักษณะเชื่อถือได้

การดูจากลักษณะของอวัยวะต่างๆ ให้รู้ถึงนิสัยใจคอและฐานะความเป็นอยู่ ตลอดจนพื้นเพ วาสนานั้น เป็นสิ่งที่ทำได้โดยแนวและหลักทางวิทยาศาสตร์อย่างแน่แท้ เพราะอวัยวะของมนุษย์แต่ละชิ้น แต่ละหน่วย ทำงานตามหน้าที่ของมันโดยเฉพาะ และแสดงความหมายตามลักษณะที่มีกฎเกณฑ์ตายตัว เมื่อต้องการทราบชีวิตในด้านใด เราก็เก็บข้อมูลจากกฎเกณฑ์ลักษณะมาประมวลเข้าด้วยกัน ผลที่ประมวลนั้น คือคำตอบที่เราต้องการ พูดให้ชัดคือ ความหมายแสดงออกของลักษณะต่างๆ ที่มีกฎเกณฑ์นั้น เสมือนหนึ่งตัวอักษรที่บรรยายถึงสภาพแห่งชีวิต ทุกแง่ ทุกมุมของแต่ละบุคคล และตามลักษณะของแต่ละบุคคลที่มีลักษณะแตกต่างกัน

5. สาเหตุที่ไม่แพร่หลาย

เมื่อลักษณะศาสตร์จัดอยู่ในแขนงวิทยาศาสตร์ดังกล่าวในข้อ 4 เหตุใดจึงไม่แพร่หลายเท่าที่ควร

ประการที่ 1. เนื้อหาสาระของมนุษย์มีความยุ่งยากซับซ้อนแค่ไหน เห็นจะไม่ต้องอธิบาย เพราะเราเจอมันอยู่ทุกวัน หนังสือตำราที่เกี่ยวกับด้านนี้ ได้เขียนไปตามสภาพที่ยุ่งเหยิงแล้ว ยังเพิ่มความลี้ลับขึ้นอีก ทั้งนี้ นอกจากอ่านเข้าใจได้ยาก ทำให้มีคนอ่านน้อยแล้ว ยังทำให้ชนทั่วไป บังเกิดมโนภาพเห็นเป็นไสยสาสตร์

ประการที่ 2. เป็นกฎธรรมชาติอย่างหนึ่ง บุคคลใด เมื่ออยู่ในสภาวะที่หาได้ จ่ายคล่อง หรือมีฐานะอยู่อย่างบรมสุขแล้ว มักจะไม่เชื่อว่าโลกนี้มีอะไร หากมีความสนใจบ้าง ก็เกิดความกลัวในด้านความยั่งยืนของฐานะ มิได้เกิดจากความสนใจในด้านการศึกษา บุคคลที่ตกอยู่ในยามล้มลุกคลุกคลาน ยากจนขัดสน แม้จะเกิดความสนใจอย่างแท้จริง ก็ไม่มีโอกาสจะศึกษา

6. เป็นสิ่งที่จำเป็นแก่คนทุกชั้น

เมื่อลักษณะของมนุษย์สะท้อนถึงนิสัย ความประพฤติ และจุดอ่อน ตลอดจนความสามารถในด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี (ดังความในข้อ 4) และด้วยเหตุที่ต่างมีลักษณะไปเป็นคนละแบบ จึงทำให้ต่างมีความสามารถไปคนละทาง งานใดที่ใช้ความสามารถของแต่ละคนได้ถูกทาง หรือถูกลักษณะ งานนั้นย่อมเกิดประสิทธิภาพ และเจริญรุ่งเรืองได้รวดเร็ว เพื่อให้เลือกจัดคนประจำงานได้เป็นที่เหมาะสม วิชาดูลักษณะจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบุคคลชั้นบริหาร

การคบเพื่อน หาแฟน หรือเลือกคู่ครอง (สำคัญ) ถ้าได้รู้อุปนิสัย ความประพฤติต่างๆ ของกันและกันแล้ว ย่อมนำพาให้ถึงโลกราบรื่น หรือไม่เกิดการเสียใจภายหลัง นี่เป็นสิ่งจำเป็นในด้านสังคม

การอยู่รอดของชีวิตในโลกมนุษย์ปัจจุบัน ตกอยู่ในภาวะที่ต้องชิงไหวชิงพริบ แข่งขันต่อสู้ บ้างก็ถึงขั้นตะลุมบอน การแข่งขันก็ดี การต่อสู้ก็ดี ถึงแม้ขั้นตะลุมบอนก็ดี ถ้าเรารู้จักจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ หรือแก้จุดอ่อนของตนเองแล้ว ชัยชนะก็จะตกอยู่ในกำมือของเรา ที่ควรศึกษาเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ หรือได้เปรียบในด้านทั่วๆ ไป

7. จุดประสงค์

เนื่องจากมนุษย์ได้เกิดเพิ่มจำนวนมากขึ้น ประกอบกับวัตถุเจริญเป็นสิ่งยั่วยุ ต่างคนต่างเพิ่มภาระในการแสวงหา เพื่อให้ทันกันหรือไม่น้อยหน้ากัน ต่างทำให้มีเวลาเพื่อการอื่นน้อยลงเพื่อให้เหมาะสมกับกาลเทศะ จึงได้พยายามมุ่งหาทางลัด เพื่อพาให้ท่านถึงจุดมุ่งหมายปลายทาง โดยไม่ต้องเสียเวลามากนัก เพื่อให้ทันอกทันใจ หรือทางลัดสมชื่อ ได้จัดรูปลักษณะบุคคล 12 ประเภท มาเสนอเป็นอันดับแรก ท่านอาจจะใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำการวิเคราะห์ได้แล้ว ทั้งนี้มิได้เป็นกลอุบายเพื่อล่อใจ แต่เป็นวัตถุประสงค์เพื่อให้ท่านได้รับทราบในส่วนใหญ่หรือโครงสร้างเสียก่อน แล้วค่อยรับทราบในเนื้อหาที่มีความละเอียดพิสดาร (กายวิภาคและอวัยวะอื่นๆ ) ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ผลิตลักษณะต่างๆ ทั้งเป็นปัจจัยที่สำคัญ ในการวิเคราะห์ที่ถูกต้องแม่นยำ ขอให้เข้าใจตามนี้ และขอเน้นถึงรูปลักษณะ 3 ประการแรก คือ ประเภท สามเหลี่ยม วงกลม สี่เหลี่ยม นั้น เป็นลักษณะหลัก จงทำความเข้าใจให้ดีเพราะจะถูกอ้างถึงอยู่บ่อยๆ

8. จุดหัวใจของการศึกษา

เป็นกฎธรรมชาติอีกอันหนึ่ง ที่มนุษย์มีสันดานไม่อยากให้ตัวเองมีจุดอ่อน (หมายถึงจุดหนึ่งจุดใดที่มีลักษณะบ่งความหมายไปในทางเสีย หรือไม่ดี) ไม่อยากรับรู้ว่าตนเองมีจุดอ่อน ถึงแม้รู้ก็พยายามหาทางปกปิดเพื่อความสบายใจ สรุปว่า จุดอ่อน เป็นสิ่งไม่พึงปรารถนาของทุกคน ดังนั้น จึงยากจะแนะนำให้เข้าใจต่อจุดอ่อนในทัศนะใหม่ และควรปฏิบัติต่อมันอย่างไร

8.1 ผู้ที่ศึกษาใหม่ มักจะมันปาก ชอบวิจารณ์คนโน้นคนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางจุดอ่อน เพราะจุดอ่อนเห็นได้ง่ายกว่า ทั้งนี้ ขอแนะนำว่า ถ้าเราไม่แน่ใจในความเข้มแข็งแห่งกำลังใจของผู้ที่ถูกวิจารณ์พอ ก็ควรสำรวมวาจาให้มาก เพราะจะเท่ากับก่อความทุกข์ใจให้กับผู้ฟังแล้ว บางทีอาจถึงขั้นโกรธเคืองกันขึ้น ความจริง เมื่อพบจุดอ่อน ยังไม่ควรทึกทักเสียทันที ต้องวิเคราะห์จุดที่สัมพันธ์ว่ามาในแบบส่งเสริม หรือบั่นทอนเสียก่อนจึงจะตัดสินได้

8.2 ขณะอ่าน ถ้าจุดอ่อนใด เกิดตรงกับลักษณะของตัวก็อย่าได้วิตกกังวลหรือเกิดความหดหู่ทางใจขึ้น เพราะยังไม่แน่ตาม ข้อ 8.1 ถึงแม้เป็นจุดอ่อนที่แท้จริง ก็ควรยอมรับความจริงและเผชิญหน้ากับมันด้วยความกล้าหาญ ทั้งปีติยินดีที่ค้นพบจุดอ่อนของตัว ซึ่งทำให้มีโอกาสปรับปรุงหรือขจัดให้พ้นไปจากตัวเราได้ ทั้งนี้ นับว่าเป็นหัวใจของการศึกษา ดังคำบรมครูที่กล่าวไว้ตอนปิดตำราว่า “บ้อเสี่ยงอู๋ซึมเสี่ยว
สุ่ยซิมแซ” แปลความว่า “ลักษณะไม่ดี มีกำลังใจดี ลักษณะจะดีขึ้นตามกำลังใจ”

ขอจบคำปรารภเพียงนี้ เชิญแกะลายแทงด้วยความสนุก ผลสำเร็จอยู่ที่ความสนใจ มุมานะอดทน และพยายาม ขอให้ประสบผลดีตามความปรารถนา
ที่ชอบรูป “สามเหลี่ยม”

นิสัย

มีอุดมคติสูง ชอบฝัน ชอบสร้างมโนภาพ

ชอบอ่าน ชอบเขียน ชอบสืบเหตุหาผลต่อสิ่งต่างๆ

การครองชีพแบบง่ายๆ ไม่สนใจต่อวัตถุที่บำเรอความสุข

นัก

การสังคมไม่เก่ง เพราะถือตัวและไม่อยากทำในสิ่งที่ไร้

สาระ

รสนิยมคืออาหารและจิตใจ

อาชีพขาย

เหมาะแก่งานที่ใช้สติปัญญา ความคิด สร้างโครงการ

งานวางแผน ขายสินค้าประเภท IT หรือขายสินค้า

ประเภท “โครงการ” ที่ต้องคิด ค้น ทำ Configurations

ให้แก่ลูกค้า

สินค้าที่ต้องการรูปแบบของนำเสนอ (Presentation) การ

นำเสนอที่เป็นทางการ

และ “ชอบทำอะไรที่เป็นทางการ เสนอรูปแบบที่เป็นรูป

เล่ม ชัดเจน สวยงาม”

จุดเด่น

เนื่องจากลักษณะนี้อยู่ภายใต้ระบบเส้นประสาทสาย

ปัญญาโดยตรงจึงทำให้อุดมด้วยมโนภาพ

ความรู้สึกฉับไว ความคิดเฉียบแหลม ริเริ่มสิ่งที่ในโลกไม่

มีให้มีขึ้น สิ่งที่มีอยู่แล้วให้เจริญขึ้นไปอีก

ฉะนั้นผู้มีลักษณะรูปร่างประเภทนี้จึงเด่นชัด จึงมีผลงาน

อันสูงส่งถูกจารึกว่าเป็นสิ่งผู้ประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ของโลก

นักศิลป์ นักประพันธ์ ปรัชญา นักโฆษณา

นักออกแบบ ตลอดจนศาสตราจารย์ต่างๆ ที่มีชื่อเสียงโด่ง

ดัง แต่จะดังมากดังน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะเด่นมาก

เด่นน้อยเป็นเกณฑ์

จุดเสีย

บุคคลประเภทนี้ส่วนมากร่างกายอ่อนแอและค่อนข้างขี้

เกียจ

ประกอบกับนิสัยหยิ่งจองหอง ประจบใครไม่เป็น ทั้งมี

สันดานมักมากหรือสันโดษ

จึงทำให้เป็นเจ้าของกิจการได้ยาก หรือจำนวนน้อย ส่วน

มากมีชีวิตในฐานะลูกจ้าง

ให้เป็นผู้ออกแบบความคิดหรือขายความคิดเพื่อครองชีพ

การเป็นพนักงานขายของบุคคลประเภทนี้ ไม่ค่อยชอบ

ออกไปหาลูกค้า มักจะนั่งวางแผนอยู่ในบริษัท ไม่อด

ทน ไม่ชอบที่จะไปนั่งรอลูกค้านานๆ มักจะนัดไปก่อน

ถ้าลูกค้าให้รอ มักจะอารมณ์เสีย และขอตัวกลับทันที

พนักงานขายประเภทนี้ ไม่ค่อยมีลูกเล่น ทำอะไรตรงไป

ตรงมา การปิดการขายจึงค่อนข้างทื่อๆ เช่น ถามลูกค้า

ว่า ตกลงจะเอาหรือเปล่าครับ เมื่อไหร่จะตัดสินใจครับ

เมื่อลูกค้าบอกมา ก็จะไม่ไปตามอีก รอให้ลูกค้าสั่งซื้อ

เข้ามาเอง หรือหลุดไปให้คู่แข่งเป็นประจำ
ที่ชอบรูป “สี่เหลี่ยม”

นิสัย

ซื่อสัตย์และกตัญญูรู้คุณ

ชอบความยุติธรรมและตรงไปตรงมา (ไม่ใช่โกงไปโกงมา)

พูดจริงทำจริง เมื่อถึงคราวสู้เพื่อความยุติธรรม แล้วจะสู้

แบบไม่คิดถึงชีวิตทีเดียว

มีสันดานไม่ชอบอยู่นิ่ง ไม่ชอบความนึกฝันวาดมโนภาพ

คิด แต่เรื่องจริงและสิ่งที่เป็นไปได้

สรุปว่า ชอบกระกระทำจริงๆ มากกว่าทางนึกคิด

มีรสนิยมทางวัตถุและการกีฬา

อาชีพขาย

เหมาะสำหรับขายสินค้าพวกเครื่องจักกล บึกบึน ถ้า

เป็น “เซลส์ผู้หญิง” จะขายได้ดีมาก เพราะลูกค้ามักจะทึ่ง

ในความรู้ความสามารถ และความตรงไปตรงมา

หรือถ้าจะเป็นพ่อค้าแม่ขาย ก็ต้องอาศัยความอดทน เอา

แรงเข้าสู้ มีความสุขกับการใช้แรงงาน ขยันหาลูกค้า

ขยันทำมาหากิน ไม่ตระหนื่นตกใจกับสภาวะเศรษฐกิจที่

เลวร้ายทั่วไป

จุดเด่น

อุดมด้วยพลังการกระทำ ปฏิบัติจริงจัง อดทนต่อความ

เหน็ดเหนื่อย

ต่อสู้ด้วยอุปสรรคด้วยความเข้มแข็งไม่ท้อถอย

มีความสามารถทางสังเกตเก็บความรู้จากการสังเกตมาเป็น

ประสบการณ์ เพื่อเป็นหลักในการปฏิบัติงานต่อไป

จุดเสีย

จริงจังต่อสิ่งแวดล้อมมากไป ผิดต้องเป็นผิด ถูกต้องเป็น

ถูก โดยไม่ยอมผ่อนเส้นผ่อนยาวแก่ เหตุการณ์ที่เกิด ผล

คือการวิวาทกัน

อนึ่งในสมองของเขาคิดแต่เรื่องก้าวไปข้างหน้า โดยไม่

คิดทีหนีทีไล่

จึงเสี่ยงต่ออันตรายเสียหาย ซึ่งสุดความสามารถจะแก้

ปัญหาได้ทัน

ข้อเสียอีกประการหนึ่งคือ ไม่ชอบอ่านหนังสือ ย่อมทำให้

ความรู้รอบตัวหรือวิชาอื่นๆ ด้อยไป

ถ้าเป็นพนักงานขายที่เป็นลูกจ้าง ก็มักจะเห็นใจลูกค้า

มากกว่าบริษัท ไม่ชอบการโกหกหลอกลวง ขายให้ใครก็

ราคาเดียวกัน ไม่มีการบวกราคาไว้เผื่อต่อรอง บางทีก็ลด

ให้ลูกค้าจนต่ำสุด ถ้ามีความเห็นว่า บริษัทเอากำไรมาก

เกินไป

และมักจะเป็นเซลส์ที่เป็นที่ปวดเศียรเวียนเกล้าของผู้

จัดการ เพราะต่อรองไม่เป็น มีอะไร ก็ลดให้ลูกค้าจน

หมด เพื่อความ "ยุติธรรม"
ที่ชอบรูป “วงกลม”

นิสัย

มีอารมณ์เย็น ชอบสังคม และคล่อง ในการสังสรรค์

เก็บความรู้สึกเก่ง มีเล่ห์เหลี่ยมจัด ภายนอกเห็นเป็นคน

อารีอารอบ ยอมเสียสละ แต่ในใจเขา ได้คำนวณสิ่งตอบ

แทนคุ้มค่าไว้แล้ว

ชอบความสบาย เช่น พิถีพิถันต่อที่อยู่อาศัยตลอดจน

เครื่องใช้ไม้สอยทุกอย่าง

รสนิยมทางอบายมุข

อาชีพขาย

เหมาะสำหรับขายสินค้าประเภทรถยนต์ คอนโดนิเนี่ยม

หรือเครื่องเพชร พลอยสำหรับผู้หญิง

เหมาะที่จะต้องใช้การหว่านล้อม ชักแม่น้ำทั้งห้าสาย

ชอบขายสินค้าประเภทหรูหรา เครื่องประดับ ตกแต่ง

เครื่องอำนวยความสะดวก ความสวยงามเป็นต้น

จุดเด่น

มีความฉลาดและไหวพริบดี เป็นตัวกระตุ้นให้เจริญวัตถุ

มีความสามารถในด้านการปกครองและประสานงาน

ทุกอย่างได้ยอดเยี่ยม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการหมุนเงิน เขามีวิธีพิเศษที่

ใช้เงินต่อเงินได้อย่างน่าทึ่ง

ทั้งเป็นนักฉวยโอกาสตัวยง

เป็นคนชอบพบปาสังสรรค์กับลูกค้า ชอบพูด ชอบคุย

ชอบสนุกเฮฮา เข้าได้กับทุกสังคม

เมื่อเข้าสังคมกับกลุ่มไหน จะสร้างให้กลุ่มนั้น รู้จักกัน

ปรองดองกัน และมีความสุขในการที่จะได้พบปะสังสรรค์

กัน

เป็นคนที่ชอบบุหรี่และดื่มเหล้าเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเซลส์

ผู้ชาย ส่วนเซลส์ผู้หญิงก็แอบจิบๆ บ้าง เพื่อไม่ให้คนเห็น

เป็นคนหักด้ามพร้าด้วยเข่าไม่เป็น ดังนั้น เมื่อเห็นท่าไม่

ดี ท่าทางจะขายไม่ได้ ก็จะหลบออกไปก่อน ไม่ใคร่

ชอบได้ยินคำพูดว่า “NO” จากลูกค้า

ชอบคุยเรื่อง “Exclusive” หรือ “ความลับเฉพาะ” กับ

ลูกค้า ทำให้เกิดความสนิทสนมกันปากจะกลืนกิน

จุดเสีย

มีสันดานโลภมาก เห็นแก่ได้ท่าเดียว มักมากใน

อบายมุข

ชอบกิน หรือกินมากนอนมาก เป็นเหตุให้ร่างกายเหมือน

ถังเบียร์

ก่อให้เกิดความขี้เกียจเพราะน้ำหนักตัวมาก

เลยกลายเป็นนาบุญแห่งโรคเบาหวานและโรคโลหิตตีบตัน

ทำงานแบบลวกๆ ไม่ค่อยเอาใจใส่ในเรื่องรายละเอียด

ถือว่า “Connection” คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการขาย

มักจะแต่งกายหรูหรา บางครั้งก็เกินความเป็นพนักงาน

ขาย ชอบแฟชั่น หรือ ชอบใช้ของใหม่ Model ใหม่ๆ อยู่

ตลอดเวลา เช่น มือถือ ต้องใช้รุ่นใหม่ล่าสุด

มักจะเงินงบค่า Entertain เกินลิมิต จนเจ้านายมักต้อง

เตือนบ่อยๆ
จาก “ดูโหงวเฮ้งด้วยตัวเอง” อ.ชิน หัตถเวทย์ เรียบเรียง
ขอขอบพระคุณลุงแอ็ดแห่งห้องสีลมเวปพันทิพย์มานะที่นี้นะครับ

เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ สิงหาคม 15, 2006, 09:03:42 PM