หัวข้อ: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ กันยายน 12, 2006, 12:12:37 PM เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !?
โดย คำนูณ สิทธิสมาน 11 กันยายน 2549 18:28 น. ประเทศไทยเสียปราสาทเขาพระวิหาร เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 โดยผลคำพิพากษาของยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ปราสาทเขาพระวิหารตั้งอยู่บนทิวเขาพมนดงรัก ระหว่างประเทศกัมพูชากับภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ตัวปราสาทตั้งอยู่ในบริเวณเขตก้ำกึ่งระหว่างอำเภอจอมกระสาน จังหวัดพระวิหาร ของกัมพูชา และบ้านภูมิซรอล อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ของไทย ชื่อเป็นทางการในภาษาเขมรเรียกว่า... ศรีศิขเรศวร เป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นเพื่อถวายให้แก่พระอิศวร หรือพระศิวะ เทพสูงสุดของศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย ตามตำนานแล้วเชื่อว่าพระองค์ทรงประทับอยู่บนยอดเขาไกรลาส ศูนย์กลางของจักรวาล ปราสาทเขาพระวิหารสร้างบนหน้าผาเป้ยตาดีของเทือกเขาพนมดงรักที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางถึง 657 เมตร ทำให้เมื่อมองจากแผ่นดินเขมรขึ้นมาจะเห็นตัวปราสาทเหมือนวิหารสวรรค์ ลอยอยู่บนฟากฟ้า สันนิษฐานว่าปราสาทเขาพระวิหารเริ่มก่อสร้างในพุทธศตวรรษที่ 16 ราวพุทธศักราช 1545 - 1593 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ของขอม และได้มีการสร้างต่อเติมในอีกหลายรัชกาลต่อมา ตัวปราสาทเขาพระวิหารหันหน้าไปทางทิศเหนือ ด้านหน้าและทางขึ้นปราสาทจึงอยู่ในเขตประเทศไทย แต่ตัวปราสาทส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกัมพูชา เมื่อปี 2442 พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฐานภาพข้าหลวงต่างพระองค์ มณฑลอีสาน สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นผู้ค้นพบปราสาทแห่งนี้ แล้วทรงจารึก ร.ศ. ที่ค้นพบ (ร.ศ. 118) และพระนามของพระองค์ไว้ที่บริเวณชะง่อนผาเป้ยตาดีว่า... 118 สรรพสิทธิ ก่อนที่กัมพูชาจะมาอ้างสิทธิการเป็นเจ้าของในอีกกว่า 60 ปีต่อมา อันเนื่องมาจากสนธิสัญญาที่ประเทศไทยทำกับฝรั่งเศสเมื่อปี 2447 (ค.ศ.1904) ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 ฝรั่งเศสได้เขียนแผนที่ขีดเส้นพรมแดนขึ้น และจากเส้นแบ่งพรมแดนนั้น ปราสาทเขาพระวิหารจะอยู่ในอาณาเขตของไทย แต่เมื่อมีการทำสนธิสัญญาเพิ่มเติมในปี 2450 ก็มีการกำหนดเขตแดนขึ้นใหม่อีก คราวนี้ทำให้ปราสาทเขาพระวิหารต้องตกไปอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชา แต่ไทยก็ไม่ได้ทักท้วงแต่ประการใด เพราะจำเป็นต้องยอมทำตามมหาอำนาจฝรั่งเศสในขณะนั้น จึงเท่ากับเป็นการยอมรับไปโดยปริยาย ต่อมา เกิดสงครามเรียกร้องดินแดนระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในปี 2483 สมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ทำให้ไทยได้ดินแดน 4 จังหวัด คือ ไชยบุรี จำปาศักดิ์ เสียมราฐ และพระตะบอง มาจากกัมพูชา ปราสาทเขาพระวิหารก็อยู่ในเขตดินแดนที่ไทยได้มาในยุคปลุกกระแสชาตินิยมครั้งนั้นด้วย แต่ก็เป็นเสมือน ฤดูกาลอันแสนสั้น โดยแท้ เพราะภายหลังเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยจำเป็นต้องปรับสภาพตัวเองไม่ให้เป็นผู้แพ้สงครามตามญี่ปุ่น จึงต้องยอมยกดินแดนที่ได้มาทั้ง 4 จังหวัดนั้นให้กับฝรั่งเศสไป จนเมื่อฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในสงครามอินโดจีนเมื่อปี 2497 ไทยจึงได้ส่งทหารเข้าไปครอบครองพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหารอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศรองรับ ปี 2502 เจ้านโรดม สีหนุ กษัตริย์กัมพูชา ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2502 ว่าประเทศไทยรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา และขอให้ศาลมีคำสั่ง 1. ราชอาณาจักรไทย มีพันธะที่จะต้องถอนหน่วยทหารที่ได้ส่งไปตั้งประจำ ณ บริเวณสิ่งหักพังของปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่ค.ศ.1954 2. อำนาจอธิปไตยแห่งดินแดนเหนือปราสาทพระวิหาร เป็นของราชอาณาจักรกัมพูชา ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชาต้องสะดุดหยุดลง จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ดำเนินการต่อสู้เพื่อยืนยันสิทธิของไทยเหนือดินแดนปราสาทเขาพระวิหาร ทั้งยังขอรับบริจาคเงินจากคนไทยทั้งประเทศคนละ 1 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้คณะทนายความฝ่ายไทยไปต่อสู้ในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่รู้จักกันในนามศาลโลก การไต่สวนพิจารณาคดีเป็นไปอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 3 ปี มีการนัดพิจารณาสืบพยานทั้งหมด 73 ครั้ง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นหัวหน้าคณะทนายความฝ่ายไทยเท่านั้น ตัวแทนฝ่ายไทยในขณะนั้นคือ ม.จ.วงษ์มหิป ชยางกูร เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ คณะทนายความนอกเหนือจากม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชแล้ว ก็มี อังรี โรแลง ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ในมหาวิทยาลัยบรัสเซลส์ และทนายความประจำศาลอุทธรณ์แห่งกรุงบรัสเซลส์, เซอร์แฟรงก์ ซอสคีส อดีตแอททอร์นี เยอเนราล (พอเปรียบได้กับตำแหน่งอัยการสูงสุด) ในคณะรัฐบาลอังกฤษ, เจมส์ เนวินส์ ไฮด์ เนติบัณฑิตแห่งรัฐนิวยอร์ก ร่วมอยู่ด้วย จนในที่สุด ศาลโลกก็ตัดสินให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะคดีด้วยคะแนน 9 ต่อ 3 เสียงเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 ยังผลให้ประเทศไทยต้องยินยอมทำตามข้อเรียกร้องทั้ง 2 ข้อของกัมพูชา นับเป็นการเสียดินแดนครั้งสุดท้ายของประเทศไทยในยุครัตนโกสินทร์ พื้นที่ที่เสียไปทั้งหมดประมาณ 150 ไร่ หลังจากการพ่ายแพ้คดี เป็นครั้งแรกที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์สนับสนุนและยินยอมให้นักศึกษาเดินขบวนประท้วงคำตัดสินคดีของศาลโลก และปิดทางขึ้นปราสาทเขาพระวิหารที่อยู่ในเขตแดนไทย เพื่อเป็นการตอบโต้กัมพูชา ดังนั้น หากชาวกัมพูชาต้องการจะขึ้นไปสู่ปราสาทเขาพระวิหาร ก็ต้องอาศัยผ่านทางช่องเขาแคบ ๆ สูงชัน และอันตราย ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ช่องบันไดหัก แทน เพราะด้านหน้าและทางขึ้น-ลงของปราสาทเขาพระวิหารนั้นอยู่ทางฝั่งประเทศไทย ระหว่างที่ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในการดูแลของกัมพูชาแล้ว กัมพูชาสั่งปิดและเปิดให้เข้าชมอยู่หลายครั้ง ตามแต่สถานการณ์ของประเทศ เพิ่งจะเมื่อไม่นานมานี้เอง ด้วยความร่วมมือระหว่างไทยกับกัมพูชา ปราสาทเขาพระวิหารจึงเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อีกครั้งหนึ่ง สนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส 2447 (แก้ไขเพิ่มเติม 2450) ยังคงก่อปัญหาไม่รู้จบมาจนทุกวันนี้ โดยเฉพาะเส้นเขตแดนทางทะเล ที่กัมพูชายึดแนวที่ประกาศไว้เมื่อปี 2515 อย่างเหนียวแน่น เป็นเส้นเขตแดนที่ผ่าเกาะกูดไปครึ่งหนึ่ง และจะครอบครองแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ประวัติศาสตร์ยังไม่มีวี่แววจะซ้ำรอยปี 2505 ทั้งหมดหรอก เพราะยังไม่มีใครคิดจะนำขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ แต่จะมีความพยายามตกลงกันโดยที่คนไทยไม่รู้หรือเปล่าให้ประเทศไทยยอมรับเส้นเขตแดนนี้ เพื่อแลกกับการเร่งพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย - ผมไม่ยืนยัน! หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: Piak Srisiam ที่ กันยายน 12, 2006, 01:36:06 PM (http://i111.photobucket.com/albums/n160/ongsa2006/logo/sawas8tq.gif)ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ.....น่าเสียดายมาก
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: M 60 - 7 รักในหลวง ที่ กันยายน 12, 2006, 01:42:34 PM ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: e-muak ที่ กันยายน 12, 2006, 02:04:18 PM ขอบคุณครับ
น่าเสียดาย หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ กันยายน 12, 2006, 04:46:05 PM อ่านแล้วพูดไม่ออกเลย เสียดายขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ กันยายน 12, 2006, 05:33:25 PM :) ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: เรือน้อย..น้อย ที่ กันยายน 12, 2006, 05:44:30 PM มีอะไร ในกอไผ่ หรือปล่าว ครับ สำหรับ เกาะกูด ในอนาคต....!!!!
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ กันยายน 12, 2006, 06:03:52 PM ;Dขอบคุณครับที่นำมาเล่า....เกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเรื่องนี่มีหลายอย่างครับ(เป็นคำบอกเล่าของนายทหารซึ่งลงในหนังสือฉบับหนึ่งนานมากแล้ว).....อาทิท่านทราบหรือไม่ว่าขณะนั้นประเทศไทยเตรียมเครืองบินรบให้ทิ้งระเบิดวังของเจ้านโรดมศรีหนุ เตรียมเครื่องบินลำเลียงไว้บรรทุกทหารเพื่อเข้ายึดวังฯและจับเป็นเจ้านโรดมฯกลับเมืองไทย.......โดยให้ทิ้งระเบิดทั้ง 4 ทิศด้วยนาปาร์มเพื่อตัดกำลังจากภายนอกมิให้เข้ามาช่วยภายในวังได้..........หลังจากนั้นก็โดดร่ม (เอ๋หรือโดดก่อนแล้วทิ้งระเบิดก็จำไม่ค่อยได้ครับอ่านมานานมากแล้ว :~))...........เข้าปฎิบัติการตามแผนที่วางไว้.........แต่ความทราบถึงใต้ฝาละอองธุลีพระบาทจึงทรงมีพระราชดำรัสห้ามผู้คิดการดังกล่าวเสียก่อน......มิเช่นนั้น..........เรื่องนี้คงเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนสำหรับพี่ ๆ ที่เป็นทหารนะครับ :D
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: บ่าวอู๋ ที่ กันยายน 12, 2006, 06:11:39 PM ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ กันยายน 12, 2006, 06:49:50 PM ;Dขอบคุณครับที่นำมาเล่า....เกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเรื่องนี่มีหลายอย่างครับ(เป็นคำบอกเล่าของนายทหารซึ่งลงในหนังสือฉบับหนึ่งนานมากแล้ว).....อาทิท่านทราบหรือไม่ว่าขณะนั้นประเทศไทยเตรียมเครืองบินรบให้ทิ้งระเบิดวังของเจ้านโรดมศรีหนุ เตรียมเครื่องบินลำเลียงไว้บรรทุกทหารเพื่อเข้ายึดวังฯและจับเป็นเจ้านโรดมฯกลับเมืองไทย.......โดยให้ทิ้งระเบิดทั้ง 4 ทิศด้วยนาปาร์มเพื่อตัดกำลังจากภายนอกมิให้เข้ามาช่วยภายในวังได้..........หลังจากนั้นก็โดดร่ม (เอ๋หรือโดดก่อนแล้วทิ้งระเบิดก็จำไม่ค่อยได้ครับอ่านมานานมากแล้ว :~))...........เข้าปฎิบัติการตามแผนที่วางไว้.........แต่ความทราบถึงใต้ฝาละอองธุลีพระบาทจึงทรงมีพระราชดำรัสห้ามผู้คิดการดังกล่าวเสียก่อน......มิเช่นนั้น..........เรื่องนี้คงเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนสำหรับพี่ ๆ ที่เป็นทหารนะครับ :D เวลามีสถานการณ์ จะมีการเขียนแผนแบบนี้ออกมาเยอะ ที่แสบกว่านี้ก็มี เรื่องปกติครับ หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: หินเหล็กไฟ ที่ กันยายน 12, 2006, 07:22:33 PM ก็เล่นขีดเส้นตรงลงมาจากฟ้าเขาเลยได้ไป...ผมมีหนังสือเล่มนึงพูดถึงกรณีนี้โดยเฉพาะเก่ามากแล้วจนกระดาษเหลืองมีภาพเก่าๆด้วยหนาสักสามนิ้วแต่ไม่ได้อ่านสักทีหากอยากดูจะถ่ายมาให้ดู
ผมเที่ยวเดินป่าก็แถวๆนี้แหละครับ...รู้สึกเขมรจะร่วมมือกับญี่ปุ่นทำกระเช้าลอยขึ้นมาเที่ยวเลยนะครับเป็นโครงการที่มาจากข่าวไม่ได้กรอง แต่ก็น่าคิดครับ หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: sigsax ที่ กันยายน 12, 2006, 09:10:06 PM ขอบคุณมากๆครับสำหรับข้อมูลดีๆ
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ กันยายน 13, 2006, 12:17:56 AM ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล แต่สถานการณ์ทำให้ ประเทศเล็กๆต้องรวมตัวกันเป็นตลาดการค้าการลงทุน และมีพื้นที่ท่องเที่ยวร่วมกัน ขณะนี้เขมรก็ต้องพึ่งไทยอยู่มากทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคตลอดไปจนถึงวัฒนธรรม ถึงไม่กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของไทย แต่ประเทศที่มีวัฒนธรรมร่วมกัน และเศรษฐกิจร่วมกันกับไทย อย่างลาวเขมร รวมทั้งรัฐฉาน(หากพม่าเป็นประชาธิปไตยรัฐฉานต้องเป็นประเทศใหม่อย่างแน่นอน) สุดท้ายอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้าก็อาจจะเป็นสุวรรณปฐพีเดียวกันได้เหมือนก่อนนะครับ ถ้าไม่มีพวกเกาะโจรสลัดและข้ารับใช้ตระกูลชินคอยยุแหย่สร้างความแตกแยกน่ะครับ
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 13, 2006, 02:15:28 AM จะยังไงก็รักประเทศไทยเสมอ แม้จะมีพวกขายชาติหลงเหลืออยู่ไม่น้อย แต่สักวันมันต้องสูญพันธ์
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ กันยายน 13, 2006, 10:01:11 AM ประกาศคว่ำเมกะโปรเจกต์!
โดย หมายเหตุผู้จัดการ 12 กันยายน 2549 16:56 น. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคยแถลงการณ์ไว้ในแถลงการณ์ฉบับล่าสุดว่าไม่รับรองการทำสนธิสัญญาหรือข้อตกลงใด ๆ ที่รัฐบาลรักษาการได้ทำกับหน่วยงานต่างประเทศหรือนิติบุคคลต่างประเทศ หากประเทศใดหรือหน่วยงานของประเทศใดดึงดันทำสัญญาหรือข้อตกลงใด ๆ จะถือว่าไม่ผูกพันประเทศไทยและไม่ผูกพันหน่วยงานของรัฐบาลไทย แถลงการณ์ดังกล่าวถือว่ารัฐบาลรักษาการขณะนี้เป็นรัฐบาลเถื่อน เป็นประเพณีการปฏิบัติในระบอบประชาธิปไตยว่าผู้ทำหน้าที่เป็นรัฐบาลรักษาการนั้นไม่มีอำนาจและไม่พึงกระทำในเรื่องนโยบายหรือโครงการขนาดใหญ่ หรือกิจการที่ก่อภาระผูกพันด้านงบประมาณให้กับประเทศชาติ แต่ปรากฏว่ารัฐบาลรักษาการชุดนี้ไม่เคยคำนึงถึงกฎหมายบ้านเมืองและประเพณีปฏิบัติหรือมารยาททางการเมืองใด ๆ ก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ไม่สนใจว่าจะขัดรัฐธรรมนูญ จะผิดกฎหมาย ผิดธรรมเนียมประเพณีทางการทูตและมารยาททางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นคำประกาศตามแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงมีความชอบธรรม มีเหตุผลและมีน้ำหนักที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องช่วยกันสนับสนุนและช่วยกันปฏิเสธข้อตกลงหรือสนธิสัญญาใด ๆ ที่รัฐบาลไทยหรือหน่วยงานของรัฐบาลไทยได้ทำหรือกำลังจะทำกับหน่วยงานของต่างประเทศในห้วงเวลานี้ทั้งหมด และต้องช่วยกันแจ้งไปยังรัฐบาลของมิตรประเทศทั่วโลกว่าอย่าทำข้อตกลงหรือสนธิสัญญาใด ๆ กับรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐบาลไทยในห้วงเวลานี้ และให้แจ้งหน่วยงานต่าง ๆ ของมิตรประเทศให้ปฏิบัติอย่างเดียวกัน หากดึงดันไม่ฟังกันคนไทยทั้งประเทศจะไม่รับผิดชอบและไม่รับรองข้อตกลงหรือสนธิสัญญานั้น ๆ มีโครงการหรือสนธิสัญญาอะไรบ้างที่ทำขึ้นหรือกำลังจะทำในห้วงเวลาเช่นนี้? หนึ่ง โครงการร่วมมือหรือร่วมทุนการสำรวจขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่เป็นผลประโยชน์ร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งนายทักษิณได้เชิญสมเด็จฮุนเซนมาเจรจากันที่เขาพระวิหารในวันที่ 3 กันยายน ศกนี้อีกครั้งหนึ่ง แต่กลับมีลับลมคมในไม่บอกกล่าวให้คนไทยได้รู้ว่าจะคุยกันเรื่องอะไร เราเรียกร้องรัฐบาลนายฮุนเซนผ่านสถานทูตกัมพูชาในประเทศไทยให้ยุติการทำข้อตกลงในเรื่องนี้จนกว่าประเทศไทยจะมีรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว สอง โครงการจัดหารถบัสใช้ก๊าซเอ็นจีวีจำนวน 2,000 คันของ ขสมก. ที่จะทำกับหน่วยงานของรัฐบาลหรือประเทศจีน โครงการนี้คือโครงการโกงชาติ เพราะเนื้อหาของมันคือการจัดหารถบัสใช้ก๊าซเอ็นจีวีที่มีราคาแท้จริงเพียงคันละประมาณ 3 ล้านบาท แต่ ขสมก. จะต้องจ่ายเงินถึงคันละ 12 ล้านบาท เป็นเงินที่โกงประเทศไทยถึง 14,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย เราเรียกร้องให้รัฐบาลจีนและสถานทูตจีนประจำประเทศไทยตรวจสอบเรื่องนี้ อย่าได้มีส่วนร่วมในการโกงประเทศไทยและคนไทยโดยเด็ดขาด สาม โครงการรถไฟฟ้าสามสายของกระทรวงคมนาคมที่ต้องใช้เงินกู้จากเจบิคของญี่ปุ่นประมาณ 100,000 ล้านบาท และการจัดหาจัดจ้างระบบรถไฟฟ้าสามสายดังกล่าวจากต่างประเทศ ซึ่งเราทราบว่าตกลงภายในกันไว้แล้ว รอแต่จะเปิดตัวเท่านั้น โครงการนี้มีเงินส่วนต่างหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจและความชอบธรรมที่จะทำได้เลย เราเรียกร้องรัฐบาลญี่ปุ่น รัฐบาลฝรั่งเศส และรัฐบาลของมิตรประเทศใด ๆ ก็ตามที่จะเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ให้ยุติการกระทำทั้งปวงไว้ในทันที คนไทยไม่ต้องการที่จะปฏิเสธการชำระหนี้เงินกู้ให้เสียศักดิ์ศรีของชาติบ้านเมือง แต่ถ้าพวกท่านสมคบกับคนโกงชาติ โกงประเทศไทย และโกงคนไทย เราก็จำเป็นต้องเลียนแบบประเทศพม่า นั่นคือปฏิเสธการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นที่กู้ยืมจากเอ็กซิมแบงก์ของประเทศไทย แต่เงินไม่ได้ตกถึงมือรัฐบาลพม่า เพราะมีการออกเช็คข้ามถนนไปให้กับบริษัทนักการเมืองในประเทศไทย สี่ โครงการสำรวจและถมอ่าวจังหวัดภูเก็ต วงเงิน 100,000 ล้านบาท ซึ่งกำลังประสานงานหาผู้ลงทุนต่างประเทศ นัยว่าเจ้ามือใหญ่คือสิงคโปร์เจ้าเก่า โครงการนี้ทำลายธรรมชาติของภูเก็ตอย่างยับเยิน ทำลายความเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดของโลกแห่งหนึ่งของประเทศไทยอย่างยับเยิน เพียงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนต่างราว 20,000 ล้านบาทเท่านั้น เป็นโครงการที่เหลวไหลที่สุดเพราะถ้าต้องการที่ทำศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าของภาคใต้จริง ๆ แล้ว ไม่ต้องลงทุนถมทะเลให้เสียหายยับเยินเช่นนั้นก็ได้ เพราะเพียงแค่เพิกถอนที่ดิน สปก. แล้วออกเป็นโฉนดที่ดินสัก 2,000 ไร่ หรือ 3,000 ไร่ ก็มีความคุ้มค่ากว่าและเป็นจริงได้มากกว่า เพียงแต่โกงไม่ได้มากมายเท่านั้น โครงการนี้ยังมีนัยยะที่จะยกจังหวัดภูเก็ตให้สิงคโปร์บริหารโดยใช้มาตรการเขตเศรษฐกิจพิเศษในอนาคตอีกด้วย ห้า โครงการสร้างถนนเชื่อมจังหวัดตากกับพม่า ซึ่งกำลังศึกษาโครงการกันอยู่ เป็นแค่ผู้รักษาการ อาศัยสิทธิ์และอำนาจอะไรไปทำโครงการผูกพันชาติบ้านเมืองมากมายมหาศาลขนาดนี้! เราจึงขอประกาศต่อมิตรประเทศทั่วโลกว่ารัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจในการก่อภาระผูกพันใด ๆ กับรัฐบาลหรือหน่วยงานต่างประเทศ และยิ่งเป็นการก่อภาระผูกพันโดยมีการทุจริตจำนวนมหาศาลอยู่ด้วยแล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นอาชญากรรมที่กระทำต่อประเทศชาติของเรา มิตรประเทศใดหรือหน่วยงานของมิตรประเทศใดดึงดันทำข้อตกลงในห้วงเวลานี้ และในลักษณะทุจริตโกงชาติบ้านเมืองของเรา เราจำเป็นที่จะต้องถือว่าท่านร่วมกับนักการเมืองทุจริตโกงประเทศไทย เราจะไม่รับผิดชอบและไม่ยอมรับข้อตกลงเหล่านั้น เราขอวิงวอนให้ผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย ช่วยกันแปลและแจ้งเรื่องนี้ให้รัฐบาลมิตรประเทศทั่วโลกได้รับทราบโดยทั่วกัน รวมทั้งช่วยกันจัดส่งแก่สถานทูตทุกประเทศที่ประจำอยู่ในประเทศไทยด้วย. หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: worth ที่ กันยายน 13, 2006, 10:46:28 AM พันธมิตรเป็นใคร? เป็นตัวแทนของใคร? เราน่าจะแก้ปัญหาโดยระบบสภา แต่พรรคใหญ่ก็ไม่ยอมลงเลือกตั้ง นี่แหละคือปัญหา ก็น่าเห็นใจฝ่ายค้าน ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ ไม่มีโอกาได้เกิด ทักษิณเป็นนายกยาวแน่นอน เห็นด้วยครับ ตรวจสอบกันตามครรลองประชาธิปไตย น่าจะมีผลกระทบน้อยกว่าปัจจุบันนี้ ที่ค้านดะไปทุกเรื่อง ??? ??? หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ กันยายน 13, 2006, 11:05:54 AM เมื่อ 1 ปีก่อนผมก็สงสัยเหมือนกันครับ ก็เลยไปดู รายการเมืองไทยรายสัปดาห์
ซึ่งพันธมิตร ปชช. มีมาหลายเดือนแล้วครับ พันมิตรเป็นใคร ...คนอื่นผมไม่รู้ ส่วนตัวผมเป็นพันธมิตรคนหนึ่ง ทำงานที่สีลมเลิกงานก็มุดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินไปสวนลุมฟังข้อมูลดีๆ บางทีก็ล่องเรือไปธรรมศาสตร์ มีชุมนุมก็ไปกับเขาเพราะพอรู้ข้อมูล ก็มีจุดยืนของตัวเอง ประชาธิปไตย... คนไทยต้องศึกษาให้มากกว่านี้ครับ ที่เราฟังนักการเมืองเอามาอ้างนั้น แค่ประเด็นที่สมประโยชน์ของเขาครับ เขาไม่โกหก แต่พูดไม่ครบ เหมือนนักโภชนศาสตร์ บอกว่า หัวกลอย มีวิตามิน แต่ไม่ยอมบอกว่า ก่อนจะกินได้นั้น ต้องเอาไปฝานแช่น้ำล้างพิษกี่คืน และต้องหุงให้สุก จึงจะเอามากินได้ คนกินกลอยดิบก็อาจจะเมา ตาย ประชาธิปไตยก็มีเงื่อนไขเหมือนกันครับ ว่า ประชาชนต้องไม่ถูกปิดกั้นด้านข้อมูลข่าวสาร มีสิทธิแสดงความเห็น 9ล9 ซึ่งบ้านเราไม่เป็นเช่นนั้น ความจริงก็คือความจริง จะแฉในฟรีทีวี หรือ โดยการชุมนุม ความจริงยังเป็นความจริง หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: JC357 ที่ กันยายน 13, 2006, 09:01:15 PM เชิญครับ...ผมเบื่อจริงๆ กับกระทู้แบบนี้ โต้กันไปโต้กันมา...ผมรอครับเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ไปใช้สิทธิผมก็เท่านั้น.. >:(
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ กันยายน 13, 2006, 10:19:34 PM นั่นคือปฏิเสธการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นที่กู้ยืมจากเอ็กซิมแบงก์ของประเทศไทย แต่เงินไม่ได้ตกถึงมือรัฐบาลพม่า เพราะมีการออกเช็คข้ามถนนไปให้กับบริษัทนักการเมืองในประเทศไทย
ขอรายละเอียดหน่อยครับ ตกลงพม่าเบี้ยวเงินกู้ธนาคารexim bank ที่พม่ากู้ไปจ่ายชินคอร์ป โดยรัฐบาลไทยค้ำประกันหรือครับ ประชาธิปไตยประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่ารัฐสภาและรัฐบาลรักษาการณ์(รักษาการณ์มาเกือบปีแล้วนานเกินไปจนน่าจะเป็นรัฐบาลเถื่อนจริงๆนะ รัฐบาลรักษาการณ์ที่ถูกทำนองคลองธรรมไม่น่าจะนานเกิน3 เดือนเต็มที่ก็ครึ่งปีว่ามั้ยครับหน้าด้านหน้าทนยื้ออำนาจจริงๆ)จะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจครับ หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: M 60 - 7 รักในหลวง ที่ กันยายน 14, 2006, 12:48:53 AM เข้ามาติดตามข้อมูลข่าวสารอีกครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ กันยายน 14, 2006, 10:33:10 AM เท่าที่ทราบ อาจจะเป็นอย่างนั้น และ ประเทศไทย(ไม่รวมพวกไอ้...)อยู่ในภาวะเสียเปรียบ
รัฐบาลพม่า กู้เงินจาก ไทย (exim bank) รัฐบาลไทยค้ำประกัน เพื่อเอาไปลงทุนด้านคมนาคมในพม่า โดยมี ลูกเหลี่ยม และลูกนายพลพม่าคนหนึ่ง(ขิ่นยุ้นต์หรือเปล่าไม่แน่ใจ) จอยกันเพื่องาบโครงการนี้ ผลก็คือเงินแค่ฝ่านบัญชีพม่าเท่านั้น ท้ายที่สุดก็ไปจ๋อมลงในกระเป๋าสองผู้นำผ่านลูกนอมินี(ทุจริตเชิงนโยบาย) จากนั้นเกิดการยึดอำนาจผู้นำพม่าคนนั้นจากข้อหาคอรัปชั่น เมื่อเกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจ ธุรกิจสื่อสารของ SATTEL ในพม่าจึงสั่นไหวไปด้วย เพราะเป็นแหล่งรายได้ใหญ่ของSATTEL อายุสัมปทานกี่ปีจำไม่ได้ ต้องถามทักษินเพราะบินไปพม่าบ่อยๆ เราจึงเห็นการเดินทางไปพม่าของทักษิณในครั้งก่อนที่โดนวิจารณ์อย่างกว้างขวาง นั่นคือปฏิเสธการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นที่กู้ยืมจากเอ็กซิมแบงก์ของประเทศไทย แต่เงินไม่ได้ตกถึงมือรัฐบาลพม่า เพราะมีการออกเช็คข้ามถนนไปให้กับบริษัทนักการเมืองในประเทศไทย ขอรายละเอียดหน่อยครับ ตกลงพม่าเบี้ยวเงินกู้ธนาคารexim bank ที่พม่ากู้ไปจ่ายชินคอร์ป โดยรัฐบาลไทยค้ำประกันหรือครับ ประชาธิปไตยประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่ารัฐสภาและรัฐบาลรักษาการณ์(รักษาการณ์มาเกือบปีแล้วนานเกินไปจนน่าจะเป็นรัฐบาลเถื่อนจริงๆนะ รัฐบาลรักษาการณ์ที่ถูกทำนองคลองธรรมไม่น่าจะนานเกิน3 เดือนเต็มที่ก็ครึ่งปีว่ามั้ยครับหน้าด้านหน้าทนยื้ออำนาจจริงๆ)จะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจครับ หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ กันยายน 14, 2006, 10:35:55 AM จดหมายเปิดผนึก
บ้านพระอาทิตย์ 102/1 ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 14 กันยายน 2549 เรื่อง เรียกร้องขอให้ให้ทหารหาญของชาติ แสดงจุดยืนปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากกรณีการเร่งรัดแบ่งเขตแดนทางทะเล ไทย-กัมพูชา เรียน ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผ่านไปยังพี่น้องทหารหาญในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกท่าน ตามที่ได้เป็นที่ประจักษ์กันทั่วไปแล้วว่า การเดินทางไปเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมานนั้น มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเร่งเจรจาปัญหาการปักปันเขตแดนทางบก และการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนในทะเล โดยมุ่งหวังจะเร่งให้เกิดการเปิดสัมปทานขุดเจาะก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อน ราชอาณาจักรไทย กับราชอาณาจักรกัมพูชา อยู่ระหว่างกระบวนการเจรจาและกำหนดพิกัดเขตแดน ตลอดแนวพรมแดน 798 กิโลเมตร ทั้ง 73 หลักเขต ที่ได้ดำเนินอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2543 ทั้งนี้ โดยเป็นไปตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (ลงนามเมื่อ 14 มิถุนายน 2543) แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเขตแดนทางทะเลกลับมีความสลับซับซ้อนและละเอียดอ่อนมากกว่า สืบเนื่องมาตั้งแต่ปี 2515 ที่ราชอาณาจักรกัมพูชาประกาศเขตทางทะเลฝ่ายเดียว โดยวัดจากหลักเขตที่ 73 บ้านหาดเล็ก อำเภอหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เป็นแนวเส้นตรงพาดผ่านเกาะกูด และวกลงใต้ลากยาวขนานกับชายฝั่งอ่าวไทยจนถึงบริเวณคาบสมุทรสทิงพระ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ต่อมาเมื่อปี 2516 ราชอาณาจักรไทยได้ประกาศเขตทางทะเล ที่มีเขตแดนเป็นคนละเส้นกับที่ราชอาณาจักรกัมพูชาได้ประกาศไว้ ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายต้องเจรจาเรื่องการแบ่งเขตทางทะเลอย่างเป็นทางการมาแล้ว 3 ครั้ง คือ เมื่อเดือนธันวาคม 2516 เดือนเมษายน 2538 และเดือนกรกฎาคม 2538 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ พื้นที่ไหล่ทวีปทับซ้อนระหว่างราชอาณาจักรไทย กับราชอาณาจักรกัมพูชา อันเป็นปมปัญหาให้ต้องเจรจากันดังกล่าวนี้มีพื้นที่ประมาณ 25,789 ตารางกิโลเมตร เป็นที่รับรู้กันทั่วว่าเป็นแหล่งที่คาดว่าจะมีทรัพยากรก๊าซธรรมชาติและน้ำมันที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแหล่งหนึ่งในเอเชียอาคเนย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี มีความพยายามจะเจรจาเรื่องเขตแดนทางทะเลดังกล่าวมาแล้วอย่างต่อเนื่อง พร้อม ๆ กับการเตรียมการจะหาประโยชน์จากแหล่งทรัพยากรดังกล่าวพร้อมกันไป ดังจะเห็นได้จากข่าวที่นายโมฮัมเหม็ด อัลฟาเยด มหาเศรษฐีชาวอียิปต์ เจ้าของห้างสรรพสินค้าแฮร์รอดส์ และสโมสรฟุตบอลฟูแล่ม ในประเทศอังกฤษ เดินทางมาประเทศไทยในฐานะแขกส่วนตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2543 ในชั้นแรกก็อ้างว่าเพื่อสังเกตการณ์พัฒนาการฟุตบอลไทย โดยได้ร่วมมือกับโครงการของพรรคไทยรักไทยส่งนักฟุตบอลเยาวชนไปฝึกที่อังกฤษ แต่ในชั้นต่อมาก็มีข่าวว่านายโมฮัมเหม็ด อัลฟาเยดมีความสนใจที่จะร่วมลงทุนในกิจการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในอ่าวไทย และเขตทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ด้วย รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาปัญหาเขตทับซ้อนทางทะเล ไทย-กัมพูชา ด้วยการมีบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยกับกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2544 ยังผลให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา ประชุมกันครั้งแรกเมื่อ เดือนธันวาคม 2544 นับจากนั้นมา การเจรจาเรื่องเขตแดนทางทะเล ไทย-กัมพูชาได้รับการจับตาอย่างใกล้ชิดจากผู้ที่รักชาติรักแผ่นดิน เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายได้มีข้อเสนอที่ชัดเจนของตนเอง โดยเฉพาะฝ่ายไทย ยืนยันที่จะดำรงสิทธิและอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะกูด ซึ่งมีหลักฐานที่พิสูจน์ชัดทั้งทางประวัติศาสตร์และหลักฐานทางวัฒนธรรมว่า ดินแดนตรงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรไทยโดยสมบูรณ์ จนทำให้ต้องมีการกันพื้นที่ในการเจรจาออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. เหนือเส้นละติจูดที่ 11 องศาเหนือขึ้นไป เป็นจุดที่ยากจะเจรจาลงตัว 2. ใต้เส้นละติจูดที่ 11 องศาเหนือลงมา เป็นพื้นที่สำหรับการพัฒนาร่วมทรัพยากรปิโตรเลียมในเขตพื้นที่ทับซ้อน ที่กำหนดให้มีการพัฒนาร่วม คณะทำงานฝ่ายต่าง ๆ อาทิ คณะนายทหารกรมแผนที่ทหาร นายทหารจากกองทัพเรือ ผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่ และข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ พยายามดำเนินการเจรจาปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความยากลำบาก และด้วยเจตจำนงที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาติอย่างเต็มที่ จนกระทั่ง การเดินทางไปราชอาณาจักรกัมพูชาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา ได้มีกระบวนการเร่งรัดให้การเจรจาปักปันเขตแดนทางทะเลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพียงเพื่อหวังให้มีการเจรจาเปิดสัมปทานขุดเจาะก๊าซและน้ำมันในพื้นที่พัฒนาร่วม หรือ JDA เป็นหลัก การเร่งรัดที่มีเป้าหมายดั่งว่านั้น ทำให้คณะทำงานฝ่ายไทยที่พยายามจะกันประเด็นละเอียดอ่อนที่ยังตกลงไม่ได้ออกมาก่อนในหลายประเด็น จำเป็นต้องรื้อเรื่องดังกล่าวกลับมาเร่งเจรจา เพื่อให้ได้ข้อตกลงกับราชอาณาจักรกัมพูชาตามที่รัฐบาลกำหนด ผมทราบมาว่า นายทหารหาญของกองทัพไทยที่ได้รับการปลูกฝังให้พิทักษ์ผืนแผ่นดินและน้ำทุก ๆ ตารางนิ้วหลายคน มีความกังวลใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะว่า หากราชอาณาจักรไทย ยอมรับ เขตแนวพื้นที่พัฒนาร่วมใต้เส้นละติจูด 11 องศาเหนือ เพื่อเร่งเปิดสัมปทานขุดเจาะน้ำมัน ก็เท่ากับเป็นการ ยอมรับโดยปริยาย ในเส้นแบ่งเขตแดนเหนือเส้นละติจูด 11 องศาเหนือ ซึ่งจะทำให้การเจรจาเรื่องเขตแดนช่วงดังกล่าวมีความยากลำบากขึ้นหลายเท่า หรืออาจจะกล่าวได้ว่า นี่คือการเร่งรัดให้ราชอาณาจักรไทยยอมรับเส้นเขตแดนทางทะเลที่ราชอาณาจักรกัมพูชาขีดทาบทับเกาะกูดในการเจรจารอบต่อ ๆ ไปนั่นเอง ในอดีต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช ผู้ทรงเป็นพระบิดาของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เคยทรงตรอมพระทัยเศร้าโศกอย่างยิ่งยวดในครั้งที่ประเทศไทยต้องเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้กับมหาอำนาจ เมื่อ ร.ศ.112 (พ.ศ. 2436) ถึงขนาดที่ทรงพระประชวรหนัก ไม่เสวยพระโอสถ ไม่โปรดให้บุคคลใกล้ชิดเฝ้า จนเป็นที่ปริวิตกแก่บรรดาเจ้านายและข้าราชการบริพารที่เฝ้าดูพระอาการของท่านอยู่ ทรงพระราชนิพนธ์โคลง-ฉันท์ ลาสวรรคต พระราชทานแด่พระบรมวงศานุวงศ์สองสามพระองค์ โดยทรงเปรียบสถานการณ์เหมือนกับครั้งกรุงศรีอยุธยาเสียให้พม่า ทรงเปรียบพระองค์เหมือนกับขุนหลวง 2 พระองค์ คือ ขุนหลวงหาวัด และขุนหลวงเอกทัศน์ ที่เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่สามารถรักษาบ้านเมืองได้ เหตุการณ์ครั้งนั้นยังตราตรึงเป็นที่ประจักษ์ในจิตใจของทหารหาญแห่งกองทัพไทยทุกผู้ทุกเหล่า กระนั้น ก็ยังคงมีเหตุการณ์ให้ราชอาณาจักรไทยมีอันต้องเสียดินแดนอีกครั้งหนึ่งจนได้ โดยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 อันเนื่องมาจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้พิพากษา ให้ ปราสาทเขาพระวิหาร พื้นที่ประมาณ 150 ไร่ เป็นของราชอาณาจักรกัมพูชา ยังความเจ็บปวดช้ำให้กับชนชาวไทยที่ร่วมกันบริจาคเงินคนละ 1 บาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้คณะทนายความไปสู้คดีสำคัญแทนคนไทยทั้งประเทศ อย่างไรก็ดี การเสียดินแดนครั้งสำคัญ 2 ครั้งที่ยกตัวอย่างมาก็เป็นไปด้วยเหตุสุดวิสัย ครั้งแรกเป็นไปด้วยความจำเป็นเพื่อรักษาเอกราชของราชอาณาจักรไทยโดยรวมไว้ เสมือนเป็นการจำใจตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต ในครั้งต่อมา เป็นเพราะปัญหาทางเทคนิคเรื่องการทำแผนที่ เพราะฝรั่งเศสเป็นผู้จัดทำแผนที่ไว้ และรัฐบาลรวมทั้งประชาชนชาวไทยทั้งมวลได้ร่วมกันต่อสู้ตามกฎกติการะหว่างประเทศอย่างถึงที่สุดแล้ว กล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว การเสียดินแดนครั้งสำคัญ 2 ครั้งที่ยกตัวอย่างมา และครั้งอื่น ๆ ล้วนถือเป็นความเจ็บช้ำที่เกิดจากคนภายนอก หรือมหาอำนาจต่างชาติ หยิบยื่นให้กับประชาชนชาวไทย แต่ในครั้งล่าสุดที่กำลังจะเป็นปัญหาอยู่นี้ หากว่าราชอาณาจักรไทยต้องเสียดินแดนเหนือเกาะกูด และ ในผืนน้ำของอ่าวไทย แม้แต่ตารางนิ้วเดียว โดยเกิดจากวาระซ่อนเร้นของกลุ่มผลประโยชน์ที่ครองอำนาจรัฐอยู่ด้วยความฉ้อฉล จะต้องถือว่าราชอาณาจักรไทยต้องเสียดินแดนอีกครั้งหนึ่งโดยน้ำมือของคนในชาติโดยแท้ ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศจะเจ็บช้ำยิ่งกว่ากรณีร.ศ. 112 และคดีเขาพระวิหารอีกสักกี่ทบเท่า ! โดยฉันทานุมัติของพี่น้องประชาชนที่ร่วมติดตามรับชมรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร กระผมขอเรียกร้องมายังพี่น้องทหารหาญทุกหมู่เหล่าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทำหน้าที่พิทักษ์ผืนแผ่นดินทุกตารางนิ้วของราชอาณาจักรไทย ได้ร่วมกันติดตาม ตรวจสอบ และป้องกันการเจรจาแบ่งปันเขตแดนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชาในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด หากมีเหตุผิดปกติอันเกิดจากกลุ่มอำนาจอาธรรม์เร่งรัดให้คณะทำงานฝ่ายไทยยินยอมตามข้อเสนอใด ๆ ที่ไม่ยินยอมมาก่อน ขอให้พี่น้องทหารหาญทุกหมู่เหล่าช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ในทุกวิถีทางอย่างสุดความสามารถ เพื่อมิให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มิให้พระองค์ต้องทรงโศกเศร้าพระทัย ซ้ำรอยสมเด็จพระเมื่อครั้งราชอาณาจักรสยามประเทศเสียดินแดน จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และร่วมใจกันดำเนินการปกป้องมาตุภูมิ เพื่อถวายเป็นราชพลีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อลูกหลานไทยในภายภาคหน้าสืบไป ขอแสดงความนับถือ (นายสนธิ ลิ้มทองกุล) ผู้ดำเนินรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: godsira รักในหลวง ที่ มิถุนายน 30, 2009, 03:54:46 PM UP กระทู้ครับ
เปิดหลักฐาน สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ระบุชัด เกาะกูด คือสมบัติชาติไทย! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2552 15:18 น. http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000073883 นักวิชาการ กม.ทางทะเล ชี้ชัด เกาะกูด และทรัพยากรในอ่าวไทย คือสมบัติของชาติไทยที่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนในสนธิสัญญากรุงสยาม-กรุงฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี ค.ศ.1907 กัมพูชาจึงไม่มีสิทธิในพื้นที่เกาะกูด รวมถึงเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลที่เขียนขึ้นมาเองก็ไม่สามารถนำมากล่าวอ้างได้ จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ประเทศกัมพูชาได้จัดทำแผนที่และลากเส้นเขตหลักแดนทางทะเลของประเทศกัมพูชาแล้วเตรียมประกาศเป็นหลักเขตแดนร่วมกับไทย แต่แผนที่ดังกล่าวได้มีการลากเส้นเขตแดนผ่านเข้ามาในบริเวณเกาะกูด กล่าวคือได้มีการอ้างว่าพื้นที่บนเกาะกูดเป็นของไทย วันนี้ (30 มิ.ย.) ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ได้รับข้อมูลและหลักฐานอันเป็นประโยชน์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวจากนักวิชาการด้านกฎหมายทางทะเล คณะลอจิสติกส์ มหาวิทยาลัยบูรพา ที่เปิดเผยข้อมูลว่า แท้จริงแล้วสิ่งที่ทางการกัมพูชากล่าวอ้างว่า เกาะกูด เป็นของกัมพูชานั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะใน สนธิสัญญาระหว่างกรุงสยาม และกรุงฝรั่งเศส ปี ค.ศ.1907 (ซึ่งปัจจุบันก็มีหลักฐานดังกล่าวปรากฏอยู่ทั้งที่ในกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศของไทย และกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส) ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า รัฐบาลฝรั่งเศส ยอมยกดินแดนเมืองด่านซ้าย และเมืองตราด กับทั้งเกาะหลายซึ่งอยู่ภายใต้แหลมสิงห์ลงไปจนถึงเกาะกูดนั้นให้แก่กรุงสยาม นอกจากนี้ เมื่อฝรั่งเศสได้ทำสัญญาระบุว่าดินแดนดังกล่าวเป็นของประเทศไทยแล้ว ข้อมูลดังกล่าวก็ได้ถูกนำมาประกาศในราชกิจจานุเบกษาของไทย เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ร.ศ.๑๒๕ (ค.ศ.๑๙๐๗) โดยระบุข้อความว่า รัฐบาลฝรั่งเศส ยอมยกดินแดน เมืองด่านซ้าย และเมืองตราดกับทั้งเกาะทั้งหลาย ซึ่งอยู่ภายใต้แหลมสิงลงไป จนถึงเกาะกูดนั้น ให้แก่กรุงสยาม เช่นเดียวกับในสนธิสัญญา ดังนั้นจึงมีหลักฐานปรากฏอย่างชัดเจนว่า เกาะกูด เป็นสมบัติของไทยอย่างแน่นอน นักวิชาการผู้นี้กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ตั้งแต่อดีต เกาะกูดถือเป็นอาณาเขตพื้นที่ของไทยมาเป็นเวลานานแล้ว โดยบนเกาะพบว่ามีหลักศิลาจารึกโบราณแผ่นหนึ่ง ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าพื้นที่บริเวณเกาะกูดแห่งนี้เป็นแผ่นดินสยาม อีกทั้งยังมีการสร้างกระโจมไฟเอาไว้อำนวยความสะดวกด้านการเดินเรือทางทะเลของคนไทย ซึ่งในปัจจุบันทั้งพื้นที่ซึ่งแผ่นศิลาจารึกตั้งอยู่ และกระโจมไฟดังกล่าวก็อยู่ในเขตพื้นที่ของทหารเรือไทยดูแล จึงยิ่งเป็นสิ่งตอกย้ำได้อย่างชัดเจนว่าไทยได้ถือครองกรรมสิทธิ์ในแผ่นดินเกาะกูดนานมากแล้ว และทางกัมพูชาเองก็ไม่เคยอ้างสิทธิ์ใดๆ ดังนั้น การที่กัมพูชาเขียนแผนที่เขตแดนใหม่ว่าเกาะกูดเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่งนั้นจึงไม่ถูกต้อง ซึ่งไทยก็จะต้องมีการดำเนินการเจรจาในเรื่องดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ หากสังเกตจากในภาพแผนที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นคนขีดเส้นแบ่งขึ้นมาใหม่ (เส้นประยาว) จะเห็นได้ว่า แผนที่ซึ่งทางกัมพูชาวาดขึ้นนั้น มีการตัดแบ่งเกาะกูดออกเป็น 2 ส่วน เพื่อที่เมื่อลากเส้นเขตแดนทางทะเลแล้วจะปรากฏว่าพื้นที่กรรมสิทธิ์ทางทะเลของกัมพูชา เลยเข้ามาในเขตอ่าวไทยมากยิ่งขึ้น (ซึ่งบริเวณนั้นเองที่เต็มไปด้วยทรัพยากรปิโตรเลียม และน้ำมัน) และหากกัมพูชาจะลากเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลตามที่ควรจะเป็นตามหลักสากล นั่นคือ 12 ไมล์ทะเลจากแผ่นดินของกัมพูชาแล้วก็ได้แนวเขตตามเส้นประสั้น ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอาณาเขตทางทะเลของกัมพูชาไม่เหลื่อมล้ำเข้ามาในพื้นที่อ่าวไทย แต่อย่างไรก็ตาม นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยบูรพาผู้นี้ระบุว่า สาเหตุที่ตนนำหลักฐานและข้อมูลดังกล่าวมาเปิดเผยนั้นก็เพื่อต้องการให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ข้อเท็จจริงถึงกรณีดังกล่าว และคลายความกังวลว่าพื้นที่ทะเลในอ่าวไทยจะต้องตกไปเป็นของประเทศกัมพูชา เพราะเท่าที่ตนได้ทำการศึกษาค้นคว้ามานาน ซึ่งก็ได้พบหลักฐานมากมายตามที่กล่าวมา ประกอบอีกหนึ่งหน้าที่ของตนนั้นก็ได้ช่วยงานด้านพื้นที่ทางทะเลของกระทรวงการต่างประเทศมานาน ก็ทำให้ทราบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของข้อพิพาทที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยและกัมพูชาจะต้องนำหลักฐานมาอ้างอิงและอธิบายกับนานาประเทศต่อไป ไม่ได้หมายความว่าเมื่อกัมพูชาทำแผนที่มาแล้วไทยจะต้องยอมรับเสมอไป คือที่นำเรื่องนี้มาพูดก็คือ ต้องการอยากจะบอกกับประชาชนทั่วไปว่า ไม่ต้องกังวล เพราะทางกระทรวงการต่างประเทศของไทย ในฝ่ายเทคนิค ฝ่ายกฎหมาย หรือกรมต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมานาน และก็ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศมาโดยตลอด ดังนั้น ไม่ต้องกังวล ยืนยันได้ว่าเกาะกูดยังเป็นของไทย และจะไม่เสียไปให้ใครโดยเด็ดขาด ซึ่งเรื่องข้อพิพาทในเขตแดนทางทะเลของเรากับกัมพูชาก็ต้องมีการตกลงเจรจาแบบทวิภาคีกันต่อไป พร้อมกล่าวด้วยว่า ส่วนที่มีการกังวลกันว่าจะมีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้องหรือไม่ อันนี้ผมว่าไม่นะ เพราะการเจรจาเรื่องแบบนี้มันถือเป็นเรื่องใหญ่ซึ่งฝ่ายเทคนิคของกระทรวงต่างประเทศ เป็นผู้เจรจาดำเนินงาน รัฐบาลหรือรัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวกในการเจรจาเสียมากกว่า แล้วอีกอย่างหากมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องเขตแดนจริงก็ต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย และนานาประเทศ ตลอดจนต้องมีการลงในราชกิจจานุเบกษาที่ประมุขของทั้งสองประเทศจะต้องลงนาม จึงอยากให้ประชาชนได้มั่นใจว่าเรื่องนี้ว่าจะมีการดำเนินการอย่างโปร่งใส และถูกต้องที่สุด หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 30, 2009, 03:59:53 PM ถ้า ฮุนเซง เกิด ตายขึ้นมาดื้อๆ...
จะมีผลดีกับไทย มากน้อยเพียงใด ครับ... :) หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: sig_surath7171 ที่ มิถุนายน 30, 2009, 04:17:32 PM ถ้า ฮุนเซง เกิด ตายขึ้นมาดื้อๆ... ฮุนเซ็งเฮงซวยตาย พระเจ้าขี้เมืองหน้าเหลี่ยมๆขาดคู่คิดแผนการชั่วๆครับ จะมีผลดีกับไทย มากน้อยเพียงใด ครับ... :) หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ มิถุนายน 30, 2009, 04:55:45 PM ถ้า ฮุนเซง เกิด ตายขึ้นมาดื้อๆ... จะมีผลดีกับไทย มากน้อยเพียงใด ครับ... :) แผ่นดินเขมรสูงขึ้นทันทีเป็นอย่างมาก มีผลให้แผ่นดินไทยก็สูงขึ้นด้วย...แต่อาจไม่มากถ้า..ยังมีอีกคนอยู่ หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ มิถุนายน 30, 2009, 07:44:17 PM ฮุนเซ็นตาย ทักษิณลำบากมากขึ้นครับ ::005::
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 01, 2009, 02:16:50 PM เกือบแล้ว....ฮุนเซง :D
Takhmao explosion injures two Written by Vong Sokheng Tuesday, 30 June 2009 Blast near Hun Sen's house causes no fatalities: Cabinet. AN EXPLOSION near the Kandal province residence of Prime Minister Hun Sen injured two military officials Sunday night, one of them seriously, according to a press release issued by the prime minister's Cabinet. The reported injury count could not be independently verified, and the site remained closed to reporters and rights group workers who attempted to access it Monday. The statement said the explosion occurred after a military truck loaded with ammunition caught fire at 7:30pm. Residents on Sunday reported hearing a series of explosions that lasted between 10 and 15 minutes. Chea Savath, a monitor for the rights group Adhoc who went down to the site, said he heard reports from residents that the series of explosions was punctuated with nine loud blasts that sounded like "heavy bombs". He said rights group officials and others were not allowed direct access to the site, adding that Adhoc had no choice but to take the government's word on the number of injuries. "The incident is related to national security. Therefore, all of the authorities have tried to keep silent," Chea Savath said. He added: "I think there were not many serious casualties. I think it just made several hundred villagers afraid and shocked." The Cabinet statement said: "After the fire was completely put out, following a detailed report to Prime Minister Hun Sen, he authorised the Cabinet to report this regrettable incident to the public." Heng Ratana, director general of the Cambodian Mine Action Centre (CMAC), said CMAC teams had cooperated with local authorities and soldiers to rid the site of pieces of ammunition that had not detonated during the series of explosions. He said villagers, living two kilometres from the premier's residence in Takhmao town, did not report any casualties. "It is safe now," Heng Ratana said. http://www.phnompenhpost.com/index.php/2009063026808/National-news/Takhmao-explosion-injures-two.html หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กรกฎาคม 01, 2009, 02:21:17 PM น่าจะให้โดนเต็มๆนะ
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: godsira รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 01, 2009, 04:07:00 PM up อีกครับ จะกลายเป็นกระทู้ ฮุนเซ็น ไปแล้ว แต่อ่านแล้วมันโมโหครับ ดูถูกคนไทย ทหารไทย >:( ไอ้..........
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9520000074199 ฮุนเซน ปูดลับ หนำใจขู่ได้ทั้ง เทพเทือก-ประวิตร!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กรกฎาคม 2552 10:15 น. ผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีกัมพูชาสมเด็จฯ ฮุนเซน ได้ออกเตือนไทยอีกครั้งหนึ่งในวันอังคาร (30 มิ.ย.) หากคิดจะบุกยึดปราสาทพระวิหารกลับคืน จะต้องสู้รบกับทหารเขมรที่กรำศึกมาตลอด และฝ่ายไทยอาจจะต้องใช้ทหาร 30,000-50,000 คนเพื่อการศึกครั้งนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าวว่า ได้เตือนเรื่องนี้กับนายสุเทพ เทือกสุบบรรณ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แล้วครั้งหนึ่งวันเสาร์ (27 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ที่บ้านพักเมืองตาขะเมา (Ta Khmao) ชานกรุงพนมเปญ เว็บไซต์ข่าวภาษาเขมรยอดนิยม Everyday.com.kh ตีพิมพ์เผยแพร่คำเตือนและคำขู่ของผู้นำกัมพูชาเมื่อวันอังคาร โดยกล่าวว่าสมเด็จฯ ฮุนเซนประกาศเรื่องนี้ระหว่างปราศรัยที่สถาบันการศึกษาแห่งชาติ (National Education Institute) ในตอนเช้า ถ้าหากทหารไทยจะทำศึกเพื่อเอาคืนปราสาทพระวิหาร กองทัพบกไทยจะต้องเตรียมพร้อมที่จะใช้กำลังพลอย่างน้อย 30,000-50,000 เว็บไซต์ข่าวดังกล่าวระบุ ผู้นำกัมพูชาอ้างว่า ก่อนหน้านี้ได้เตือนนายสุเทพ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กับ พล.อ.ประวิตร รัฐมนตรีกลาโหม ที่ไปเยือนกัมพูชาอย่างไม่เป็นทางการ ระบุว่าไทยจะต้องใช้ทหาร 3-5 หมื่นคน เพื่อรบกับทหารกัมพูชาราว 10,000 คน แต่ทั้งหมดเป็นทหารที่มีประสบการณ์ในสงครามและกรำศึกมาตลอด นายกฯ กัมพูชากล่าวด้วยว่า ประเทศไทยมีประชากร 66 ล้านคน และกองทัพกำลังพลกว่า 300,000 คน แต่กัมพูชามีประชากรแค่ 14 ล้าน กับกำลังพลในกองทัพ 100,000 คน แต่ฝ่ายไทยจะต้องใช้กำลังพล 3-5 หมื่นสู้กับทหารกัมพูชา 10,000 คน >:( >:( >:( ขณะเดียวกัน สัปดาห์นี้สื่อต่างๆ ในกัมพูชาพากันตีพิมพ์ข่าวเกี่ยวกับข้อเสนอของไทยถูกคณะกรรมการมรดกโลกปัดปฏิเสธไม่นำขึ้นพิจารณาในการประชุมประจำปี สื่อบางแห่งพาดหัวข่าวว่า เป็นความปราชัยที่น่าอดสู ของรัฐบาลไทย >:( >:( คณะกรรมการมรดกโลกได้ปิดการประชุมที่เมืองเซวิลล์ (Seville) ประเทศสเปน ในวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่มีการนำข้อเสนอของไทยที่ ขอให้ทบทวนการพิจารณาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ประเทศไทยปราชัยอย่างน่าอดสูที่สุดในการเรียกร้องให้ทบทวนการขึ้นทะเบียนพระวิหารเป็นมรดกโลก หนังสือพิมพ์ดืมอัมปึล (Deum Ampil) กล่าว สื่อออนไลนส์กับหนังสือพิมพ์ภาษาเขมรหลายฉบับ ออกบทวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ในช่วงวันจันทน์กับวันอังคาร (29-30 มิ.ย.) กรณีที่คณะกรรมการมรดกโลกไม่นำข้อเสนอของไทยขึ้นพิจารณา ผู้แทนจากประเทศไทยไม่ได้รับอนุญาตให้แถลงใดๆ ในการประชุม ดืมอัมปึลกล่าว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารได้ก่อให้เกิดความตึงเครียดตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศ และยังจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นอีกในระยะเวลาข้างหน้า คณะผู้แทนของไทยได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ระบุว่า คณะกรรมการมรดกโลกไม่มีข้อมูลเพียงพอในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร และ ไม่ได้รับฟังข้อมูลที่จำเป็นของฝ่ายไทยก่อนขึ้นทะเบียน ปราสาทตัวปัญหาตั้งอยู่บนยอดสูงริมหน้าผาชันและอยู่ในเขตสันปันน้ำของไทย ศาลระหว่างประเทศในกรุงเฮกตัดสินยกให้เป็นของกัมพูชาในปี 2506 โดยไม่ได้มีการตัดสินเกี่ยวกับอาณาบริเวณโดยรอบ รัฐบาลไทยได้โต้แย้ง ทำบันทึกถึงศาลโลกยืนยันในสิทธิเหนือดินแดนรอบๆ ปราสาทพระวิหารมาตั้งแต่นั้น ปัจจุบันอาณาบิเวณบางส่วนของปราสาทพระวิหารอยู่ในอาณาเขตของไทย นอก พื้นที่พิพาท รวมทั้งบริเวณที่เรียกว่า ผามออีแดง นอกจากนั้น ทางขึ้นที่สะดวกที่สุดไปยังปราสาทก็ต้องขึ้นจากฝั่งไทย รัฐบาลไทยได้พยายามขอร่วมขึ้นทะเบียนอาณาบริเวณเหล่านี้เป็นมรดกโลกด้วย เพื่อพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กรกฎาคม 01, 2009, 04:23:05 PM ไหนว่าเขาเลื่อนไม่ใช่เหรอไม่ใช่ไม่รับฟังสื่อเขมรเข้าข้างตัวเองกันใหญ่แล้ว
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 01, 2009, 05:31:05 PM น่าจะเกี่ยวกับสองข่าวนี้... :D
Cambodia-Thailand talks on border issue "fruitful": Cambodian PM www.chinaview.cn 2009-06-30 PHNOM PENH, June 30 -- Cambodian Prime Minister Hun Sen said Tuesday that the talks he had made with Thai Deputy Prime Minister Suthep Thaugsuban and Defense Minister Prawit Wongsuwan on Saturday were "fruitful and honest." He said the meeting, which was held in a private and close-door form. Elaborating the content of the talks, Hun Sen said the Thai delegation, upon his prior warning, did not raise Preah Vihear issue, but many other topics such as those related to joint development projects between the two nations. Attributing to the points, he said, "We talked about developments of overlapping maritime areas that aimed at exploiting oil and gas, among others development projects." The premier, however, said he did reiterate how to ease border tension in general and to avoid further armed clashes and urged Thailand to withdraw their troops from the area near Preah Vihear Temple. He said Cambodian troops will never withdraw unless 30 Thai troops deployed near Preah Vihear temple first withdraw. Also, during the talks, Hun Sen said he had warned Thai side not to fly their military aircraft over Cambodian territory, saying his armed forces have been newly equipped with modern ground-to-air missiles. Hun Sen, however, said his statement meant nothing to show off his country's armament or any will to have warfare, but they were stocked and would be used only for self-defense purposes. Cambodia and Thailand have had border dispute after Cambodia's Preah Vihear temple was listed as World Heritage site in July last year. Editor: Fang Yang Cambodia gets more time to submit Preah Vihear plans http://www.nationmultimedia.com By The Nation Published on July 1, 2009 Cambodia has until February next year to submit its plan for safeguarding and developing the Preah Vihear temple, Natural Resource and Environment Minister Suwit Khunkitti said yesterday. The World Heritage Committee's decision initially obligated Cambodia to submit its plan by February this year, following the temple's heritage inscription last July. However, Phnom Penh has not been able to submit many details of the plan, including a map of buffer zones around the site, owing to its boundary conflict with Thailand. Fortunately, the delay has given Thailand a chance to campaign for a joint nomination of the Hindu temple with Cambodia, Suwit said. The controversial Preah Vihear attracted renewed international attention after Thailand maintained its objection to the temple's inscription, which resulted in an angry outburst from Cambodian Prime Minister Hun Sen and tension at the border. Prime Minister Abhisit Vejjajiva did not discuss the campaign for a joint nomination. However, he did say that since Cambodia has more time to submit its plan, it would have an opportunity to follow the World Heritage Committee's decisions and clear up any difficulties along the border. "We have expressed our concerns to the World Heritage Committee over several sensitive issues because we don't want to have problems or any tension with Cambodia," Abhisit said. However, acting government spokesman Panitan Watanayagorn interpreted the delay as a victory for Thailand, following Suwit's heavy campaign during the committee's meeting in Spain from June 23 to 30. He said the delay would give Thailand a chance to seek better understanding from members of the World Heritage Committee. "The government hoped the World Heritage Committee would allow the two countries to jointly run the temple," Panitan told reporters. Army chief General Anupong Paochinda said he would redeploy troops to border areas adjacent to the Hindu temple in accordance with the government's policy to pave the way for a peaceful solution. "We don't have a timeframe, but it depends on the satisfaction of both countries. We have a common intention not to use force," he said. หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: C-bird รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 05, 2009, 02:17:10 PM อยากให้เพื่อนสมาชิกลองแวะเข้าไปอ่านดูครับเกี่ยวกับอธิปไตยเหนือเกาะกูด http://www.openbase.in.th/files/Saranrom_34_09.pdf (http://www.openbase.in.th/files/Saranrom_34_09.pdf) เขียนโดย ครู พล.ร.อ.ถนอม เจริญลาภ ::014:: ท่านเป็นหนึ่งในคณะเจรจาแบ่งปันเขตแดนไหล่ทวีป (คือพื้นที่ทับซ้อนต่าง ๆ ในทะเล) ซึ่งประเทศไทยเจรจาหมดแล้วยกเว้นกับกัมพูชา และเกาะอีก 3 เกาะชายแดนกับพม่า (เกาะขี้นก เกาะคัน และเกาะหลาม) ถ้าชอบเรื่องแบบนี้แนะนำให้ลองอ่านหนังสือเรื่อง กฎหมายทะเล และเขตทางทะเลของประเทศไทย ซึ่งครูท่านเป็นคนเขียนเอง กึ่งสารคดี กึ่งวิชาการ อ่านง่ายครับแต่อย่าหวังเนื่อหาจะสนุกเหมือนนิยาย แล้วจะได้ทราบว่าการเจรจาเขตแดนเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกินเพราะผู้เจรจาของแต่ละชาติต่างมีเป้าหมายรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กรกฎาคม 05, 2009, 04:23:50 PM ตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน... เส้นเขตแดนถูกเขียนด้วยพลังแห่งกองทัพครับ...
หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร 2505 เกาะกูด 2549 !? เริ่มหัวข้อโดย: aero2502 ที่ กรกฎาคม 05, 2009, 09:02:36 PM ดีครับได้รู้ประวัติศาสตร์บ้างครับ
|