เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: Nattapol ที่ มกราคม 27, 2005, 05:36:05 PM



หัวข้อ: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ มกราคม 27, 2005, 05:36:05 PM
   
  >
>>>
>>
>>บางที ชีวิตเรา ที่ว่าแย่ๆ ก็อาจจะมีคนอื่น ที่แย่กว่าเรา.....มันขึ้นอยู่กับสมการที่ว่า ....
>>ความสำเร็จ = จุดสูงสุดของชีวิต-จุดเริ่มต้น
>>เพราะฉะนั้น สู้ต่อ
>>ไปนะ....……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
>>
>>Subject: อ่านแล้วมีกำลังใจทำงานขึ้นเยอะเลย
>>ขอโทษคนโพส คือว่าอ่านแล้วรู้สึกดีมากเลยเซฟเก็บไว้ แต่ปรากฏว่าชื่อเค้าหายไป ขออภัย
>>  ไม่อยากเรียกว่าลำบากเพราะเรามีความสุขและเต็มใจทำ เราเป็นลูกคนเล็ก มีพี่ 2 คน
>>  แม่รับจ้างทอดหมึกอยู่หน้าเตาร้อนๆ ค่าแรง วันละ  50 บาท พ่อถีบสามล้อรายได้ไม่แน่นอน ที่บ้านมี
>>หม้อหุงข้าวไฟฟ้า 1 ใบ แล้วก็กระทะจานชามเท่านั้นเครื่องครัวอื่นๆไม่มี แม่เลิกงานตอน 3 ทุ่ม พ่อจะ
>>แวะกลับมาตอน 6 โมงเย็นเพื่อดูว่าลูกกินข้าวเรียบร้อยหรือยังแล้วก็ออกไปถึบรถต่อแล้วก็เลยรับแม่กลับ
>>มา พี่สาวที่อายุมากกว่าเรา 3 ปี เป็นคนทำกับข้าว ตอนนั้นเรา 6 ขวบ คอยเป็นลูกมือ ทำทุกอย่างที่พี่
>>สั่ง กินข้าวเสร็จ ก็เก็บล้างจาน แบ่งข้าวและ กับส่วนนึงไว้ให้พ่อกับแม่ โดยต้องรองน้ำใต้จานให้ดีๆ
>>ไม่งั้นแม่กับพ่อต้องกินข้าวพร้อมมดง่ะ ซักเสื้อ กระโปรงเอง ไม่ต้องซักถุงเท้า ไม่ต้องรีดเสื้อเพราะไม่มี
>>รองเท้า แล้วก็ไม่มีเตารีด เสื้อนักเรียนขอบริจาคมาตอนวันเด็ก หนังสือยืมโรงเรียน
>>(โรงเรียนวัดแหลมสุวรรณาราม) ไม่เคยมีค่าขนมไปโรงเรียน กินข้าวฟรีที่เค้าให้เด็กยากจนกินน่ะ เรา
>>เริ่มหาเงินก้อนแรกในชีวิต ด้วยวัย 6 ขวบนี่แหล่ะ ตอนนั้นพ่อขาหัก (ถูกคนที่นั่งมาใน 3 ล้อเอาไม้หน้า
>>3 ตี ด้วยเหตุ เบี้ยวค่าโดยสาร ในราคา 5 บาท) พ่อไม่ได้นอนโรงพยาบาลแต่มารักษาที่บ้านเพราะ
>>เงินเราไม่มี วันนั้นข้างบ้านเค้ารับจ้างแกะหอยแครงต้ม เรา 3คนพี่น้องก็ไปนั่งแกะ อยากได้เงิน น่ะ
>>นั่งแกะกับพื้นแฉะๆ (มันเมื่อยน่ะ ไม่มีโต๊ะเหมือนคนอื่นเค้า) ตั้งแต่ 5 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่ม เราง่วงมาก
>>ยุงกัด ตัวก็แฉะๆ  แต่มันไม่เท่ามือ มือมันเลือดออก แกะไม่เป็นแล้วเราก็รู้สึกว่ามันแกะยากแต่ก็พยายาม
>>นะเพราะอยากได้เงิน รู้สึกว่า ถ้าได้เงิน แม่คงดีใจ แล้วพ่อก็จะมีเงินซื้อยากิน ตกลงคืนนั้น เราได้ค่า
>>แกะหอยแครง เป็นเงิน 7 บาท วิ่งกลับบ้านพร้อมพี่ๆ ด้วยความดีใจ ลืมมือที่เจ็บไปเลย กลับบ้าน แม่ยืน
>>รออยู่หน้าบ้าน ก็เอาเงิน 7 บาทยื่นให้แม่  ตอนนั้นร้องไห้ ไม่รู้หรอก..เห็นแม่ร้องก็ร้องตาม แม่เอามือ
>>ไปจูบ..แล้วเช็ดเลือดที่มันซิบๆอยู่ในมือ..แม่บอก พรุ่งนี้ไม่ต้องไปรับจ้างแล้ว แค่นั้น.. หลังจากวันนั้น 3
>>คนพี่น้อง เริ่มคิดเราจะทำไงให้ได้เงิน เราก็ไม่รู้หรอก ตามพี่ไปเรื่อยๆ ตอนเย็นหลังเลิกเรียน ก็ไปรับ
>>จ้างแกะกุ้งอันนี้สบายหน่อยเพราะไม่เจ็บมือ จนถึง 2 ทุ่ม เสาร์ อาทิตย์ ทำได้ทั้งวัน ไปตัดปลาปั๊กกัง
>>ตัด 1 กิโลได้ 50 สตางค์ ถ้าปลาไม่มี ก็ไปเก็บขวดพลาสติก ตามถังขยะขาย ถ้าวันไหนแม่หยุด ขนม
>>ข้าวเกรียบปากหม้อไปเดินขายตามบ้าน ถูกหมาไล่กัดบ้าง ถูกเจ้าของบ้านไล่บ้าง มีครั้งนึงที่ไปเก็บขยะ
>>ถูกเจ้าของบ้านจับตัว หาว่าเป็นเด็กจรจัดไปขโมยของเค้า สรูปก็คือ วันนั้นขวดพลาสติกที่เก็บได้ถูกยึดไป
>>หมดเลย 3 คนพี่น้อง เดินคอตกกลับบ้าน  แล้วหลังจากนั้นแม่ก็ไม่ให้เก็บอีก..ก็เป็นอย่างนี้ จนเราจบ
>>ป.6 พอขึ้น ม.1 แม่ออกมาขายอาหาร เพราะคิดว่าเงิน 50 ส่งลูกเรียนไม่ได้แน่ๆ อ้อ เราเป็นคน
>>เดียวที่ทางบ้านส่งเรียนหนังสือ พ่อเปลี่ยนมาเป็นออกเรือประมง...แล้วก็เปลี่ยนมาทำอวนเครื่องมือ
>>จับปลา....... ลูกๆ 3 คนตื่น ตี 3 ครึ่งเพื่อมาเป็นลูกมือแม่ในการเตรียมของขาย ช่วงเวลา 3 ปี
>>หลังจากนี้ชีวิตเปลี่ยน.... จากที่แม่ขายของวันแรกขาดทุน 119 บาทวันนี้แม่ได้กำไรวันละ 2500-3000
>>บาท พ่อที่เคยโดนโกงค่าถีบสามล้อ ในราคา 5 บาท ทุกวันนี้เป็นเจ้าของกิจการ(เครื่องมือจับปลา) ที่มี
>>กำไร เดือนละ มากกว่า 7 หมื่น พี่ชายพี่สาว ที่ไม่ได้เรียนหนังสือกลับไปเรียนแบบศึกษาผู้ใหญ่ มีการมี
>>งานเป็นหลักแหล่ง ทุกวันนี้ที่บ้าน มีรถ 4 คัน กะบะ 1 เก๋ง 2 และแวน อีก 1 มีข้าวของทุกอย่างครบ
>>(ซึ่งบางทีอาจจะเกินความจำเป็น) แล้วเด็กจากโรงเรียนวัด ที่ไม่เคยมีเสื้อและหนังสือ รองเท้าเป็น
>>ของตัวเอง ทุกวันนี้ จบปริญาตรี จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ทำงานเป็นนักข่าว มา
>>แล้ว 2 ปี ตอนนี้มีธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเอง และกำลังจะเรียนต่อ ป.โท...แร้ว
>>ปล. พ่อสอนเสมอว่าให้เป็น คนดี จนแค่ไหน อย่าอาย ถ้าจะอาย ก็อายที่เป็นคนไม่ดี พ่อบอก ทำดีสะสม
>>ไว้ แล้วเราจะมีความสุข  อย่างน้อย..ก็ที่หัวใจของเราเอง..
>>
>>
>


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ มกราคม 27, 2005, 06:02:27 PM
ความสุขอยู่ที่ใจ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: TABOO ที่ มกราคม 27, 2005, 06:03:20 PM
:)ความจนไม่ใช่สิ่งน่าอาย ไร้ความสามารถต่างหากที่น่าอาย ;)


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มกราคม 27, 2005, 06:24:45 PM
คล้ายๆ ท่าน tabooครับ
ความจนไม่ใช่สิ่งน่าอาย การทำความชั่วต่างหากเป็นสิ่งน่าอาย

ถ้าอีตาLaw Enforcement เข้ามา คงบอก

ความจนไม่ใช่สิ่งน่าอาย การโกงประเทศชาติ น่าอายยิ่งกว่า

ซร้วบ..บ..บ..
แทนท่านLaw Enforcement
(ทำไม ผมไม่ได้รับเมล์ดีๆ อย่างนี้มั่งเนาะ)
 :D~ :D~ :D~



หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ มกราคม 27, 2005, 06:32:46 PM
แซวเขาเดี๋ยวก็โดนแซวกลับหรอกท่าน


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มกราคม 27, 2005, 06:41:13 PM
ใครทำใครได้ครับพี่ณัฐ


[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ มกราคม 27, 2005, 06:46:15 PM
คล้ายๆ ท่าน tabooครับ
ความจนไม่ใช่สิ่งน่าอาย การทำความชั่วต่างหากเป็นสิ่งน่าอาย

ถ้าอีตาLaw Enforcement เข้ามา คงบอก

ความจนไม่ใช่สิ่งน่าอาย การโกงประเทศชาติ น่าอายยิ่งกว่า

ซร้วบ..บ..บ..
แทนท่านLaw Enforcement
(ทำไม ผมไม่ได้รับเมล์ดีๆ อย่างนี้มั่งเนาะ)
 :D~ :D~ :D~



......ท่าน Sub ฯ ได้แต่รูปแบบนี้ช่ายมั๊ย

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มกราคม 27, 2005, 06:58:57 PM
รูปแบบที่ว่า..ท่านnattapol ส่งมาให้เองไม่ใช่เหรอ
(หลักฐาน พิสูจน์ที่ชื่อรูป ;D ;D ;D)

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: Mr_Watt ที่ มกราคม 27, 2005, 07:52:07 PM
ขอบคุณครับ ที่นำสิ่งดีๆมาให้อ่าน  :D :D~ :D~ :D~


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: visith ที่ มกราคม 27, 2005, 10:35:06 PM
 :D ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ และภาพสวยๆ.... ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ มกราคม 28, 2005, 12:54:06 AM
 :D ชอบที่ภาพประกอบบทความนี่แหละคับ...  ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ มกราคม 28, 2005, 12:20:37 PM
> >วันแรกที่เข้าเรียนในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผมพบเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่ง
> >
> >เมื่อรุ่นพี่บางคนบอกว่า“การอดนอนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเรียนในคณะนี้”
> >
> >วันสุดท้ายในคณะนี้  ผมพบว่าตั้งแต่เรียนมาห้าปี ไม่เคยต้องอดนอนเลย ยกเว้นเมื่อต้องทำงานกลุ่ม
> >
> >ทั้งนี้มิใช่เพราะผมทำงานเร็วกว่าคนอื่น แต่เพราะผมไม่เชื่อในทัศนคตินั้น
> >
> >จึงพยายามพิสูจน์ว่ามันไม่จริง และพบว่า การวางแผนที่ดีแก้ปัญหาได้ทั้งหมดแม้แต่การสร้างสรรค์งานศิลปะ
> >
> >ที่น่าขันก็คือ น้อยคนที่อดนอนได้คะแนนดี
> >
> >ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนมานานร่วมสามสิบปี  ห้าปีในนั้นผมทำงานในต่างประเทศ
> >
> >เมื่อกลับมาเมืองไทย ผมพบเรื่องอัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่ง
> >
> >นั่นคือหลายคนมองการก้าวเท้าออกจากสำนักงานตรงเวลาเป็นเรื่องประหลาดที่สุดในโลก
>
> >ผมรู้ความจริงภายหลังว่า  คนจำนวนมากไม่ยอมออกจากสำนักงานตรงเวลาเพื่อแสดงให้เจ้านายเห็นว่า
ตนเองขยันขันแข็ง ยิ่งอยู่ดึก ยิ่งเป็นพนักงานตัวอย่าง เสียสละเพื่อองค์กรน่ายกย่องชมเชยบ่อยครั้งมีผลถึงการได้รับโบนัสตอนท้ายปี
> >
> >เนื่องจากเจ้านายมักเห็นหน้าเห็นตาใครคนนั้นหลังเวลาเลิกงานแล้วเสมอ
> >
> >หากไม่เคยทำงานในต่างประเทศมาก่อน ผมอาจเข้าร่วมวงไพบูลย์ “มาสายกลับดึก” ด้วย
> >แต่หลายปีในชีวิตการทำงานในประเทศที่มีประสิทธิภาพในการจัดการที่สุดทำให้เห็นค่าเวลาทุกนาทีในชีวิต
> >
> >ผมกลับมองว่าคนที่อยู่ดึกเป็นประจำคือพวกไร้ประสิทธิภาพไม่สามารถทำงานให้เสร็จทันเวลา จึงต้องอยู่ดึก
> >
> > ยิ่งทำงานมากชั่วโมงยิ่งแสดงถึงการทำงานโดยไม่มีการวางแผน  ไม่มองภาพรวม
> >
> >ลองคิดดู  การอยู่ดึกเพื่อทำงานพิเศษหนึ่งคืนหมายถึงค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
> >
> >เครื่องปรับอากาศทำงานมากขึ้น ค่าทะนุบำรุงสูงขึ้น  ผลกระทบต่อคนทำงานคือพักผ่อนน้อยกว่าที่ควรเป็น
> >
> >ยิ่งอยู่ดึก ประสิทธิภาพของงานในวันถัดไปยิ่งตกต่ำลง
> >
> >มือกระบี่ชั้นหนึ่งในแผ่นดินมองท่วงทีของศัตรูอย่างระวังตวัดกระบี่ในมือเพียงฉับเดียวก็เข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม
> >มือกระบี่ชั้นรองต้องประกระบี่ดังโคร้งเคร้งนานนับชั่วโมงราวกับอยากบอกโลกว่าข้าก็ใช้กระบี่นะโว้ย
> >
> >โลกรับรู้ แต่คมกระบี่ก็บิ่น  ต้องเสียเวลาลับกระบี่อีกหลายวัน
> >
> >งานดีอย่างเดียวไม่พอ  ต้องตรงเวลาด้วย งานดีไม่มีทางเกิดขึ้นตามยถากรรมหรืออารมณ์ขึ้นลง
> >
> >ไปจนถึงความหนาแน่นรัดกุมของกฎเกณฑ์ ตอกบัตร
> >
> >ปริมาณเวลาในการทำงานชิ้นหนึ่งไม่ได้เป็นสัดส่วนกับคุณภาพของผลงานเสมอไปบ่อยครั้งเป็นปฏิภาคกัน
> >
> >หลายครั้งงานที่ให้เวลาน้อย  กลับออกมาดีกว่างานที่ให้เวลามาก
> >
> >“คนเก่งไม่เรื่องมาก  คนฉลาดจริงไม่มากเรื่อง”
> >
> >“ทำงานเสร็จแล้วก็เลิก ไม่ต้องรอเทวดาบนสวรรค์วิมานมารับรู้เพราะถึงเวลานั้นเทวดาก็กลับบ้านไปแล้ว”
> >
> >
> >วินทร์  เลียววาริณ



หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: Ninja 19 + รักในหลวง + ที่ มกราคม 28, 2005, 12:40:59 PM

............... :P  แต่สมัยผมเรียน สถาปัตย์ ก็ทั้งอดนอน และนอนดึกประจำครับ  เพราะวิชาเรียนเกือบทุกวิชา อาจารย์ท่านจะให้เขียนแบบ เกือบทั้งหมด ...ดังนั้นหน้าตา เด็กถาปัตย์ สมัยเรียน แต่ละคนจึงดูเบลอๆ แบบคนไม่ได้นอน..555555555555555  แต่ขนาดงานเขียนแบบเยอะขนาดนั้น  ผมยังหาเวลาไปกินเหล้ากับเพื่อนได้เกือบทุกวัน.. :P :P :P :P :P....บางที่เมาๆ ก็ยังต้องนั้งเขียนแบบวัด เพื่อส่งครู  ศิลปะวัดไทย เกือบกลายเป็นวัดเขมร..5555555555555.. :P :P :P
 :~)




หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: ออด ที่ มกราคม 28, 2005, 12:58:38 PM
ขอบคุณครับสำหรับบทความดี ๆ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: ออด ที่ มกราคม 28, 2005, 01:01:53 PM

............... :P  แต่สมัยผมเรียน สถาปัตย์ ก็ทั้งอดนอน และนอนดึกประจำครับ  เพราะวิชาเรียนเกือบทุกวิชา อาจารย์ท่านจะให้เขียนแบบ เกือบทั้งหมด ...ดังนั้นหน้าตา เด็กถาปัตย์ สมัยเรียน แต่ละคนจึงดูเบลอๆ แบบคนไม่ได้นอน..555555555555555  แต่ขนาดงานเขียนแบบเยอะขนาดนั้น  ผมยังหาเวลาไปกินเหล้ากับเพื่อนได้เกือบทุกวัน.. :P :P :P :P :P....บางที่เมาๆ ก็ยังต้องนั้งเขียนแบบวัด เพื่อส่งครู  ศิลปะวัดไทย เกือบกลายเป็นวัดเขมร..5555555555555.. :P :P :P
 :~)


แต่ก่อนกินเหล้า เดี๋ยวนี้เลิกกินแล้วหรือครับ  ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: Ninja 19 + รักในหลวง + ที่ มกราคม 28, 2005, 01:15:52 PM

แต่ก่อนกินเหล้า เดี๋ยวนี้เลิกกินแล้วหรือครับ  ;D

............... ;D..เลิกกินแน่นอนครับพี่ อ.ออด........  คือเลิกกินตั้งแต่ซื้อรถมาขับเอง (สมัยก่อนไม่นั้งแท็กซื่ก็รถเมล์เพราะไม่มีรถ ) คือผมไม่อยากทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนเพราะเมาแล้วขับรถครับ.... :OO


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ มกราคม 29, 2005, 01:16:03 AM

แต่ก่อนกินเหล้า เดี๋ยวนี้เลิกกินแล้วหรือครับ  ;D

............... ;D..เลิกกินแน่นอนครับพี่ อ.ออด........  คือเลิกกินตั้งแต่ซื้อรถมาขับเอง (สมัยก่อนไม่นั้งแท็กซื่ก็รถเมล์เพราะไม่มีรถ ) คือผมไม่อยากทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนเพราะเมาแล้วขับรถครับ.... :OO
:DDอะเอาแบบผมสิพี่นินจามาววววแล้ว หลับ  :DD


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ มกราคม 29, 2005, 01:54:27 AM

............... ;D..เลิกกินแน่นอนครับพี่ อ.ออด........  คือเลิกกินตั้งแต่ซื้อรถมาขับเอง (สมัยก่อนไม่นั้งแท็กซื่ก็รถเมล์เพราะไม่มีรถ ) คือผมไม่อยากทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนเพราะเมาแล้วขับรถครับ.... :OO

 ;) แล้วถ้าวันที่ไม่ขับรถล่ะคับ...  ;)


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: boon ที่ มกราคม 29, 2005, 02:24:08 AM
ความจนไม่ใช่สิ่งน่าอาย การทำความชั่วต่างหากเป็นสิ่งน่าอาย
 ถ้าเป็นท่านซับคงตอบว่า....
ความดำไม่ใช่สิ่งน่าอาย การทำความชั่วต่างหากเป็นสิ่งน่าอาย


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: นาจา™รักในหลวง ที่ มกราคม 29, 2005, 06:28:32 AM
ความจนไม่ใช่สิ่งน่าอาย การทำความชั่วต่างหากเป็นสิ่งน่าอาย
 ถ้าเป็นท่านซับคงตอบว่า....
ความดำไม่ใช่สิ่งน่าอาย การทำความชั่วต่างหากเป็นสิ่งน่าอาย

 ;D ;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ มกราคม 29, 2005, 07:52:32 AM
ความจนไม่ใช่สิ่งน่าอาย การทำความชั่วต่างหากเป็นสิ่งน่าอาย
 ถ้าเป็นท่านซับคงตอบว่า....
ความดำไม่ใช่สิ่งน่าอาย การทำความชั่วต่างหากเป็นสิ่งน่าอาย


  ถ้าท่าน Sub ฯ ยืนคู่กับผมคนคงนึกว่า " ทางม้าลาย  เนาะ......"    ;D ;D ( แซวเล่นจ้า )


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: Ninja 19 + รักในหลวง + ที่ มกราคม 29, 2005, 03:30:35 PM

 ;) แล้วถ้าวันที่ไม่ขับรถล่ะคับ...  ;)

..............  ;D..เลิกกินตจริงๆเลยครับ ไม่ว่าจะขับ  หรือไม่ขับรถ ...อยู่ในวงเหล้า ขอแค่โค๊ก เย็นๆ ก็พอ..นั้งได้ยันเช้าครับ..5555555555 ;D



หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ มกราคม 31, 2005, 04:25:29 PM
.............อันนี้ของเก่า แต่เอามาย้ำความทรงจำ................> >>  ปี 2553 จุดจบประเทศไทย
> >>
> >>ถ้ายังเป็นคนไทยต้องอ่าน
> >>
> >>ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย
> >>เรื่องนี้ คนไทยทุกคน ควรที่จะได้รู้
> >>ประเทศต่างๆในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน
> >>
> >>
> >>สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน
> >>จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค
> >>ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง
> >>เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น
> >>6-14ประเทศ
> >>ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น
> >>แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์ก็เริ่มเป็นจริง! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น
> >>ติมอร์ และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศอาเจะ และอีกหลายประเทศที่จะเกิดตามมา
> >>ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ
> >>คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ
> >>แน่นอน! ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ
> >>โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs
> >>จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์
> >>สินค้าเกษตรต่างๆจากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล
> >>ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน
> >>
> >>และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจาก
>ต่างประเทศ
> >>ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง
> >>เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย
> >>จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน
> >>คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน คนปลูกหอม
> >>กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน
> >>เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้
> >>
> >>เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากินเนื่องจาก
>สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า
> >>เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๋ย ยาของต่างประเทศ
> >>พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากในอีก 10
> >>ปีข้างหน้าพันธุ์กรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs
> >>และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้
> >>วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย
> >>
> >>รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้
> >>เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว ไฟฟ้าก็แพงขึ้น
> >>น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์
> >>แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้วเขาสามารถตั้ง
>ราคาได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่าเขาจะไม่มีกำไรธุรกิจ
>จะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น
> >>ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์
> >>คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้
> >>
> >>ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบๆๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้
> >>การขายที่ดินราคาถูกๆและจำนวนมหาศาลจะตามมาคนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ
> >>ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏ
> >>แล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว
>เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ก็ไม่สามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้
> >>เพราะธุรกิจอื่นๆ ได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว
> >>ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Big C, Lotus,
> >>Carrefour,ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat,
> >>McDonal,สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ ดังนั้น
> >>เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก
> >>เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด...เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้ รัฐจะอยู่ได้ ฤา ?
> >>
> >>4 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย
> >>เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553
> >>คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศเพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย
> >>การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง
> >>การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้นจนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาล
>ใช้กำลังทหาร
> >>ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย
> >>ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว
> >>การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นานจากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง
> >>ฉะเชิงเทรา จะขอแยกตัวตามมา
> >>เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
> >>เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ
> >>ทั้งสมุนไพร อาหารต่างๆ เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ
> >>การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย
> >>คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia ถ้าไทยต่อต้าน
> >>เจอทหารต่างชาติแน่
> >>
> >>เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ? ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ
> >>มาหลายปีและสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่า
> >>
> >>หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิไปแปลลงหนังสือพิมพ์
>ต่างประเทศ
> >>ในการวิเคราะห์บ่อยครั้ง ที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมๆ
> >>กันรวมทั้งประวัติศาสตร์ เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ
> >>ก่อนล่มจริงๆ เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้ง
> >>อนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้ นิติภูมิ
> >>ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย แทนที่ไปเดิน big-c lotus careflour
> >>เพราะผมบอกแม่บ้านและลูกๆ ว่า เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน
> >>ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน100
> >>บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86บาท เหลือให้คนไทย 14บาท
> >>เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน
> >>นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ3ห้างดัง
> >>
> >>ผมตกใจมาก
> >>และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้นเพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า
> >>90 เปอร์เซ็นต์แล้ว บางห้าง 86 เปอร์เซ็นต์
> >>สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี้
> >>
> >>เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริงๆๆ
> >>ถ้าซื้อห้าง1,000บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900บาท ที่เหลือ 100 บาท
> >>ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว
> >>ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศ
> >>คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ100 เปอร์เซ็นต์
> >>เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร
> >>ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบๆ ห่อน้อยลง
> >>เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด ผมอธิบาย
> >>
> >>วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กๆ ที่บ้านลูกๆ ฟัง
> >>หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ
> >>ได้ผลลูกเปลี่ยนวิธีกิน วิธีคิดไปเลย เปลี่ยนไปได้มาก พอเย็นๆ สั่งผม
> >>ซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ
> >>ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา3ขาไก่ทอดแบบไทยๆ แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น
> >>เลือกน่อง ครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย ผมก็อธิบายคำว่า license
> >>ค่าลิขสิทธิ์ ให้ลูกฟัง ผมบอกว่า X ไก่ 35บาท ค่าไก่ 15บาท
> >>ที่เหลือเป็นลิขสิทธ์
> >>ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ์ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ์
> >>มันเป็น วัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน X ขนมต่างชาติ ห่อสวย
> >>แพง
> >>เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ์ เวลามันหล่นที่พื้น
> >>ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน200ปี ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย
> >>ผมทำได้และทำแล้ว
> >>
> >>
> >>ปล.ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ
> >>
> >>ยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่าน เพื่อที่ไทยเราจะได้อยู่รวมเป็นชาติไทยต่อไป
> >>
> >>** เมื่อกี้ดูที่นี่ประเทศไทย เปิดเพลงชาติให้ฟัง
> >>ไม่เคยฟังแล้วรู้สึกว่าอยากร้องไห้เท่าวันนี้เลย
> >>ฟังแล้วเห็นภาพที่คนไทยทั้งประเทศช่วยกันช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้แต่อยากจะขอ
>อีกอย่างหนึ่งคือรักชาติหน่อย
> >>ช่วยกันหน่อยครับซื้อสินค้าไทย
> >>เลิกได้แล้วกับการซื้อของแบรนเนม
> >>มันจะทำให้ชาติล่มจม
> >>
> >>




หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าจาก Fw : e-mail ( ขออนุญาตนอกเรื่อง )
เริ่มหัวข้อโดย: โจ ™ ที่ มกราคม 31, 2005, 05:23:51 PM
ขอบคุณครับพี่ณัฐ  อ่านแล้ว  คิดได้ทุกที  แต่สักพักก็ลืมอีกล่ะ  สอนไม่จำจริงๆ  เราเนี่ย   :'(