หัวข้อ: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 28, 2006, 06:49:13 PM จริงๆแล้วหลวงปู่ทวดท่านมีตัวตนจริงๆหรือไม่ครับ ( บ้างก็บอกว่าท่านมีตัวตนจริงๆ บ้างก็บอกว่าเป็นเรื่องเล่าที่แต่งขึ้นมา )
http://www.soonphra.com/geji/tuad/index.html หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ กันยายน 28, 2006, 07:03:38 PM :) ผมเชื่อว่าท่านมีตัวตนจริงครับ แต่เรื่องเกิดนานอาจมีการต่อเติม หรือแต่งแต้มเข้าไปบ้างนะครับ
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 28, 2006, 07:15:35 PM :) ผมเชื่อว่าท่านมีตัวตนจริงครับ แต่เรื่องเกิดนานอาจมีการต่อเติม หรือแต่งแต้มเข้าไปบ้างนะครับ ผมก็คิดเช่นนั้นครับลุงWatt......... ;D ( ลุงWatt )....( แซวเล่ง ) หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Iron ที่ กันยายน 28, 2006, 07:16:07 PM ..
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 28, 2006, 07:17:53 PM หลวงปู่ทวด
วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ท่านเป็นพระมหาเถระที่รู้จักกันทั่วประเทศ ในนาม " หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด " คาถาบูชาท่าน คือ นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา ชาติกาล 3 มีนาคม พ.ศ. 2125 ชาติภูมิ บ้านเลียบ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา บรรพชา เมื่ออายุได้ 15 ปี อุปสมบท เมื่ออายุ 20 ปี มรณภาพ 6 มีนาคม พ.ศ.2225 สิริรวมอายุได้ 99 ปี คติธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ทวด ธรรมประจำใจ พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์ ละได้ย่อมสงบ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ สันดาน " ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมาได้ แต่สันดานของคนเราที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้ง ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือนกันได้ยาก ชีวิตทุกข์ การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ เมื่อเราจะออกจากบ้านก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย บรรเทาทุกข์ การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม เราต้องเป็นตัวของเราเองและเราจะต้องวินิจฉัย ในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่าส่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ ยากกว่าการเกิด ในการที่เราเกิดมา ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย ไม่สิ้นสุด แม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น ยึดจึงเดือดร้อน ทุกวันนี้ เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโนน่ ยึดนี่ ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ โดยไม่คำนึงถึงธรรม สากลจักรวาลโลกมนุษย์นี้ ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน เกิดการฆ่าฟันกัน เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือ หลักความจริงของธรรมะ อยู่ให้สบาย ในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด อยู่กันอย่างไม่ยินดี อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์ เหนือคำสรรเสริญ เหนือนินทา เหนือความผิดหวัง เหนือความสำเร็จ เหนือรัก เหนือชัง ธรรมารมณ์ การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์คือ การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงาน คือรู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องทำ ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่างๆแล้ว ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้น เราย่อมเกิดความโทมนัส เสียใจน้อยใจ เป็นทุกข์ กรรม ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า เกิดเพราะกรรม อยู่เพื่อกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรมแล้ว ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความภิรมย์ มีความรื่นเริง มารยาทของผู้เป็นใหญ่ " ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิดก่อน ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง " มารยาทจรรยาของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือต้องสุขุมรอบคอบ และไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก คือ ต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและสรรเสริญ โลกิยะหรือโลกุตระ คนที่เดินทางโลกุตระ ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้ คนที่เดินทางโลกิยะย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก เพราะอะไร ? ถ้าคนหนึ่งสำเร็จได้ทั้งโลกิยะ และโลกุตระง่ายแล้ว ทำไม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดม ต้องสละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า ถ้าเป็นไปได้ พระองค์เป็นมหาจักรพรรดิพร้อมทั้งธรรมราชา ไม่ดีหรือ? แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ขนานกัน เราต้องตัดสินใจ ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง ศิษย์แท้ พิจารณากาย ในกาย พิจารณาธรรม ในธรรม พิจารณาวิญญาณ ในวิญญาณ นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้ซึ้ง ทุกอย่างจะต้องมีเหตุ เมื่อมีเหตุจึงจะมีผล ผลนั้นเกิดจากเหตุ เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว เราจึงรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา ใจสำคัญ การทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์ จะต้องทำด้วยความศรัทธา ผลสะท้อนมันจะเกิดขึ้น เกินความคาดหมาย หยุดพิจารณา คนเรานี้ ถ้าไม่มีอะไรทำอยู่ในที่วิเวกคนเดียว จิตมันจะฟุ้งซ่าน และถ้าภาวะนั้นตนไม่ปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือหยุดพิจารณาแล้วค้นสัจจะของ ศีล สมาธิ ปัญญา ย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้ บริจาค ทำบุญสังฆทานเป็นจาคะ จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอน การสวดมนต์เป็นการภาวนา การภาวนาเป็นการบริจาคภายใน เพราะฉะนั้น ถ้านับในด้านทิพย์อำนาจ การบริจาคภายในย่อมได้กุศล มากว่า การบริจาคภายนอน นี่คือเรื่องของนามธรรม ทำด้วยใจสงบ เราจะทำบุญก็ดี เราจะทำอะไรก็ดี จงทำด้วยความสงบ อย่าทำด้วยอารมณ์แห่งความร้อน เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้น มันจะพาเราไปสู่หายนะ เมื่อเกิดอารมณ์ร้อน เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จงอย่าทำ นั่งให้จิตใจมันสบายเสียก่อน เมื่อจิตใจสบายแล้วปัญญาก็เกิด เมื่อเกิดปัญญาแล้ว จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดยความสะดวก มีสติพร้อม จะทำสิ่งใดก็ตาม เราต้องมีสติพร้อม คือ อย่าให้มีโทสะ อย่าให้อารมณ์เข้ามาควบคุมสติ อย่าให้เรื่องส่วนตัวและขาดเหตุผลมาอยู่เหนือความจริง เตือนมนุษย์ มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีงานทำในไม่ช้า มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า พิจารณาตัวเอง คืนหนึ่งก็ดี วันหนึ่งก็ดี ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที ไม่ติดต่อกับใคร ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุการณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆ ว่าที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร คือให้ปลีกตัวมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง คิดเอาแต่เรื่องของตัว อย่าไปคิดเรื่องของคนอื่น เพราะมนุษย์เราส่วนมากทุกวันนี้ มักเอาแต่เรื่องของคนอื่นมาคิด ไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของ หลวงปู่ทวด ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Iron ที่ กันยายน 28, 2006, 07:19:18 PM ..
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Iron ที่ กันยายน 28, 2006, 07:20:50 PM ..
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Iron ที่ กันยายน 28, 2006, 07:23:09 PM ..
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 28, 2006, 07:31:06 PM ขอบคุณพี่ ชัช(Iron) และพี่PU45 มากๆครับผม
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Iron ที่ กันยายน 28, 2006, 07:36:18 PM ..
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: NAPALM ที่ กันยายน 29, 2006, 10:08:07 AM ผมอยู่ปัตตานีตั้งแต่เกิด ได้ยินชาวบ้านเรียก " หลวงพ่อทวด " จนปัจจุบัน
เดียวนี้อ่านสื่อหรือคนทางอื่นเรียก " หลวงปู่ทวด " ส่วนตัวรู้สึกแปลก ๆ ไม่ทราบท่านอื่นที่อยู่ทางใต้เป็นแบบผมหรือเปล่า หรือผมคิดมากไป......................... หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: boon ที่ กันยายน 29, 2006, 10:30:43 AM ผมอยู่ปัตตานีตั้งแต่เกิด ได้ยินชาวบ้านเรียก " หลวงพ่อทวด " จนปัจจุบัน หลายปีผ่านมาท่านก็อายุมากขึ้น การเรียกท่านก็ต้องเปลี่ยนไปสิครับ สมัยผมเด็กๆ30กว่าปีมาแล้วเดียวนี้อ่านสื่อหรือคนทางอื่นเรียก " หลวงปู่ทวด " ส่วนตัวรู้สึกแปลก ๆ ไม่ทราบท่านอื่นที่อยู่ทางใต้เป็นแบบผมหรือเปล่า หรือผมคิดมากไป......................... ทางบ้านผมก็เรียกหลวงปู่ทวด ผมเองก็เรียกแบบนั้น แต่ก็ได้ยินคนเรียกหลวงพ่อทวดในสมัยเด็กๆเหมือนกันครับ หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ กันยายน 29, 2006, 11:33:19 AM ;) ผมยังเด็กก็เรียก"หลวงปู่ทวด"
;) คนอายุมากหน่อยเช่นรุ่นปู่ รุ่นตาก็เรียก"หลวงพ่อทวด" ;D หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหัวตลาด ที่ กันยายน 29, 2006, 12:03:37 PM ผมอยู่ปัตตานีตั้งแต่เกิด ได้ยินชาวบ้านเรียก " หลวงพ่อทวด " จนปัจจุบัน เดียวนี้อ่านสื่อหรือคนทางอื่นเรียก " หลวงปู่ทวด " ส่วนตัวรู้สึกแปลก ๆ ไม่ทราบท่านอื่นที่อยู่ทางใต้เป็นแบบผมหรือเปล่า หรือผมคิดมากไป......................... เช่นเดียวกันครับ ที่มาของการเรียกหลวงปู่ทวด...ไม่ทราบ แต่ที่มาของการเรียกหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด มาจากท่านพระครูวิสัยโสภณ(ทิม ธมฺมธโร) อย่างแน่นอน ;D ;D ;D ยินดีที่ได้รู้จักคนตานีเหมือนกันครับ คุณ NAPALM หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Sig228-kolok ที่ กันยายน 29, 2006, 12:21:55 PM ด้วยความเคารพครับ....
พี่ชัชครับ ย่าผมเดิมก็อยู่ใกล้กับพี่ครับนามสกุลเดิม "สุวรรณศิลป์".... :VOV: ที่บ้านบ่อใหม่ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา ครับพี่... ;D ขอบคุณครับ............... หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 29, 2006, 12:53:58 PM ทายาทหลวงพ่อ/หลวงปู่ทวดทั้งนั้น มิน่าถึงรวยเอา รวยเอา
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Army - รักในหลวงครับ ที่ กันยายน 29, 2006, 01:04:10 PM ผมเรียกหลวงพ่อทวดตั้งแต่ผมยังเด็กจนผมเริ่มแก่ :D
ผมอยู่ปัตตานีตั้งแต่เกิด ได้ยินชาวบ้านเรียก " หลวงพ่อทวด " จนปัจจุบัน เดียวนี้อ่านสื่อหรือคนทางอื่นเรียก " หลวงปู่ทวด " ส่วนตัวรู้สึกแปลก ๆ ไม่ทราบท่านอื่นที่อยู่ทางใต้เป็นแบบผมหรือเปล่า หรือผมคิดมากไป......................... หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 29, 2006, 03:17:16 PM แล้วองค์ไหนน่าสนใจบ้างครับ
http://www.amuletcenter.com/product.php?lang=th&cat=9897 หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: NAPALM ที่ กันยายน 29, 2006, 11:13:47 PM ยินดีที่ได้รู้จักคนตานีเหมือนกันครับ คุณ NAPALM[/color
ยินดีเช่นกันครับ หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: M 60 - 7 รักในหลวง ที่ กันยายน 30, 2006, 12:17:37 AM ผมอาราธนาหลวงปู่ทวดติดรถตลอดครับ
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหัวตลาด ที่ กันยายน 30, 2006, 08:42:26 AM องค์นี้ละครับให้เท่าไหร่คุณ Nattapol ฮิๆๆ
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Udomkd ที่ กันยายน 30, 2006, 12:24:56 PM หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ท่านเป็นพระมหาเถระที่รู้จักกันทั่วประเทศ ในนาม " หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด " คาถาบูชาท่าน คือ นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา ชาติกาล 3 มีนาคม พ.ศ. 2125 ชาติภูมิ บ้านเลียบ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา บรรพชา เมื่ออายุได้ 15 ปี อุปสมบท เมื่ออายุ 20 ปี มรณภาพ 6 มีนาคม พ.ศ.2225 สิริรวมอายุได้ 99 ปี คติธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ทวด ธรรมประจำใจ พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์ ละได้ย่อมสงบ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ สันดาน " ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมาได้ แต่สันดานของคนเราที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้ง ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือนกันได้ยาก ชีวิตทุกข์ การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ เมื่อเราจะออกจากบ้านก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย บรรเทาทุกข์ การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม เราต้องเป็นตัวของเราเองและเราจะต้องวินิจฉัย ในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่าส่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ ยากกว่าการเกิด ในการที่เราเกิดมา ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย ไม่สิ้นสุด แม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น ยึดจึงเดือดร้อน ทุกวันนี้ เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโนน่ ยึดนี่ ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ โดยไม่คำนึงถึงธรรม สากลจักรวาลโลกมนุษย์นี้ ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน เกิดการฆ่าฟันกัน เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือ หลักความจริงของธรรมะ อยู่ให้สบาย ในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด อยู่กันอย่างไม่ยินดี อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์ เหนือคำสรรเสริญ เหนือนินทา เหนือความผิดหวัง เหนือความสำเร็จ เหนือรัก เหนือชัง ธรรมารมณ์ การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์คือ การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงาน คือรู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องทำ ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่างๆแล้ว ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้น เราย่อมเกิดความโทมนัส เสียใจน้อยใจ เป็นทุกข์ กรรม ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า เกิดเพราะกรรม อยู่เพื่อกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรมแล้ว ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความภิรมย์ มีความรื่นเริง มารยาทของผู้เป็นใหญ่ " ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิดก่อน ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง " มารยาทจรรยาของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือต้องสุขุมรอบคอบ และไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก คือ ต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและสรรเสริญ โลกิยะหรือโลกุตระ คนที่เดินทางโลกุตระ ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้ คนที่เดินทางโลกิยะย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก เพราะอะไร ? ถ้าคนหนึ่งสำเร็จได้ทั้งโลกิยะ และโลกุตระง่ายแล้ว ทำไม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดม ต้องสละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า ถ้าเป็นไปได้ พระองค์เป็นมหาจักรพรรดิพร้อมทั้งธรรมราชา ไม่ดีหรือ? แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ขนานกัน เราต้องตัดสินใจ ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง ศิษย์แท้ พิจารณากาย ในกาย พิจารณาธรรม ในธรรม พิจารณาวิญญาณ ในวิญญาณ นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้ซึ้ง ทุกอย่างจะต้องมีเหตุ เมื่อมีเหตุจึงจะมีผล ผลนั้นเกิดจากเหตุ เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว เราจึงรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา ใจสำคัญ การทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์ จะต้องทำด้วยความศรัทธา ผลสะท้อนมันจะเกิดขึ้น เกินความคาดหมาย หยุดพิจารณา คนเรานี้ ถ้าไม่มีอะไรทำอยู่ในที่วิเวกคนเดียว จิตมันจะฟุ้งซ่าน และถ้าภาวะนั้นตนไม่ปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือหยุดพิจารณาแล้วค้นสัจจะของ ศีล สมาธิ ปัญญา ย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้ บริจาค ทำบุญสังฆทานเป็นจาคะ จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอน การสวดมนต์เป็นการภาวนา การภาวนาเป็นการบริจาคภายใน เพราะฉะนั้น ถ้านับในด้านทิพย์อำนาจ การบริจาคภายในย่อมได้กุศล มากว่า การบริจาคภายนอน นี่คือเรื่องของนามธรรม ทำด้วยใจสงบ เราจะทำบุญก็ดี เราจะทำอะไรก็ดี จงทำด้วยความสงบ อย่าทำด้วยอารมณ์แห่งความร้อน เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้น มันจะพาเราไปสู่หายนะ เมื่อเกิดอารมณ์ร้อน เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จงอย่าทำ นั่งให้จิตใจมันสบายเสียก่อน เมื่อจิตใจสบายแล้วปัญญาก็เกิด เมื่อเกิดปัญญาแล้ว จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดยความสะดวก มีสติพร้อม จะทำสิ่งใดก็ตาม เราต้องมีสติพร้อม คือ อย่าให้มีโทสะ อย่าให้อารมณ์เข้ามาควบคุมสติ อย่าให้เรื่องส่วนตัวและขาดเหตุผลมาอยู่เหนือความจริง เตือนมนุษย์ มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีงานทำในไม่ช้า มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า พิจารณาตัวเอง คืนหนึ่งก็ดี วันหนึ่งก็ดี ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที ไม่ติดต่อกับใคร ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุการณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆ ว่าที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร คือให้ปลีกตัวมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง คิดเอาแต่เรื่องของตัว อย่าไปคิดเรื่องของคนอื่น เพราะมนุษย์เราส่วนมากทุกวันนี้ มักเอาแต่เรื่องของคนอื่นมาคิด ไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของ หลวงปู่ทวด ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม สาธุ หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 30, 2006, 12:47:57 PM องค์นี้ละครับให้เท่าไหร่คุณ Nattapol ฮิๆๆ .....แหงะ......องค์พระ ( พระเครื่อง , พระบูชา ) ผมไม่กล้าประเมิณเป็นมูลค่าครับ :D หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: korpat ที่ กันยายน 30, 2006, 01:47:26 PM หลวงปู่ทวดน่าบูชาทุกรุ่นครับ (ถ้าไม่คิดเป็นการค้านะครับ) ถ้าคิดเป็นการค้า ก็ต้องหารุ่นจากวัดช้างไห้ รุ่น แรก ๆ ครับ น่าจะนิยมมากถึงปี 2508 ครับ ผมจะแขวนแต่รุ่นใหม่ ๆ ครับ รุ่นเก่าเก็บไว้ครับกลัวหาย
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: ฅนไฟบิน ที่ กันยายน 30, 2006, 01:52:02 PM มีอยู่ 1 องค์ รุ่นพิมพ์เล็กเนื้อว่านปี 2497
(http://img301.imageshack.us/img301/8925/dscf7147oy7.jpg) (http://imageshack.us) หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: oui ที่ ตุลาคม 01, 2006, 05:51:41 AM ผมแขวนอยู่องค์หนึ่งติดตัวมานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็นรุ่นไหน ปีไหน วัดอะไร ใครพอจะรู้ช่วยบอกให้หน่อยครับ :)
(http://img144.imageshack.us/img144/6362/8034mn2.jpg) (http://imageshack.us) (http://img144.imageshack.us/img144/6256/2hn4.jpg) (http://imageshack.us) ขอบคุณครับ :) หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: muk11m.m ที่ ตุลาคม 01, 2006, 07:26:01 AM หลวงปู่ทวด ท่านเกิดที่ใกล้ๆกับวัดพะโคะครับ อยู่ไม่ไกลกับบ้านผมที่ระโนด มีประวัติบันทึกใว้ที่วัด ไว้มีโอกาสจะถ่ายรูปมาให้ดูครับ สวัสดีครับคุณชัชผมก็คนระโนดเหมือนกันยินดีรู้จักครับ(เด็กท่าพานตีนครับ)ตั้งแต่เกิดแม่ก็เรียกสมเด็จเจ้าพะโคะเหมือนกันครับหัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหัวตลาด ที่ ตุลาคม 02, 2006, 09:50:19 AM องค์นี้ละครับให้เท่าไหร่คุณ Nattapol ฮิๆๆ .....แหงะ......องค์พระ ( พระเครื่อง , พระบูชา ) ผมไม่กล้าประเมิณเป็นมูลค่าครับ :D หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ตุลาคม 02, 2006, 10:12:57 AM ผมงงกับพระองค์นี้ของผมเพราะเอาไปตลาดพระเขาหาว่าปลอม ทั้งๆที่องค์นี้ท่านอาจารย์ทิมกดเองกับมือ ฮิๆๆ ธรรมชาติของวงการพุทธพาณิชย์ครับ เก๊ทำเองลงโฆษณาในหนังสือให้มีอภืนิหารย์หน่อยกลายเป็นแท้ราคาแพง มีพระไว้ให้มั่นใจเรื่องพุทธคุณก็แล้วกัน อย่าไปหลงกับคำชวนเชื่อเลย ยิ่งอ่านหนังสือพวกนั้นมากๆมักหลงทาง หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Iron ที่ ตุลาคม 02, 2006, 12:30:34 PM ..
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Piak Srisiam ที่ ตุลาคม 02, 2006, 01:33:09 PM ผมก็นับถือเลื่อมใสในตัวหลวงปู่มากครับ.........ชอบพระหลวงปู่เพราะเวลาปลุกเสก ใช้วิธีการประทับทรงแล้วเสก
(ทั้งหลวงปู่ทิมและอาจาร์ยนอง) ต่างจากเกจิท่านอื่นที่บริกรรมคาถา หรืออธิฐานจิต ....หาเก็บได้แต่ของใหม่ครับ รุ่นเก่าๆหมดหวัง..................แม้แต่รูปจำลองของท่านที่ไม่ได้ผ่านการปลุกเสก(เก๊)ยังบูชาได้ครับ ท่านช่วยเสมอ ...........นะโม โพธิสัตโต อาฆันติมายะ อิติภะคะวา............ (หลวงปู่ท่านเป็นมหาสมณะที่บำเพ็ญเพียรมุ่งโพธิสัต ต่างจากเกจิท่านอื่นๆ ที่ส่วนมากมุ่งนิพพาน) หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: monny ที่ ตุลาคม 02, 2006, 04:38:17 PM ผมก็นับถือหลวงปู่ทวดเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ ตุลาคม 02, 2006, 04:49:08 PM องค์นี้ละครับให้เท่าไหร่คุณ Nattapol ฮิๆๆ .....แหงะ......องค์พระ ( พระเครื่อง , พระบูชา ) ผมไม่กล้าประเมิณเป็นมูลค่าครับ :D (http://img177.imageshack.us/img177/8108/dscf2465xp0.jpg) (http://imageshack.us) หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: rapee. ที่ ตุลาคม 03, 2006, 12:08:34 PM ผมก็เก็บท่านไว้บูชาหลายองค์เหมือนกันครับ ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Udomkd ที่ ตุลาคม 06, 2006, 10:44:31 AM ไม่มีรุ่นครับ แต่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ สำหรับผมแค่นั้นเอง เป็นความภูมิใจเล็กๆของผม ที่ได้บูชา
(http://img148.imageshack.us/img148/4009/copyofimage002resizexb3.jpg) (http://imageshack.us) หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Udomkd ที่ ตุลาคม 06, 2006, 11:02:15 AM อีกหนึ่งมหัศจรรย์ สำหรับตัวผมครับ
(http://img97.imageshack.us/img97/7861/copyofimage003resizezp8.jpg) (http://imageshack.us) หัวข้อ: Re: ขออนุญาตถามเรื่องหลวงปู่ทวด เริ่มหัวข้อโดย: Udomkd ที่ ตุลาคม 06, 2006, 11:04:56 AM รวมมหัศจรรย์(สำหรับตัวผมครับ) ที่เคยคุยกระทู้กับพี่ปู
(http://img136.imageshack.us/img136/8191/copyofimage004resizekp8.jpg) (http://imageshack.us) |