เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ลองมาคำนวนราคาปืนกันแบบเล่นๆน๊ะครับ อย่าไปซีเรียดส์ เพราะเราไม่รู้ตัวเลขบางตัวที่แน่นอน

และไม่รู้ว่า ร้านเขาบวกค่าจัดการอะไรบ้าง

แค่เอาไว้เป็นแนวทางในการซื้อ หรือต่อรอง ถ้าสามารถทำได้

แต่จะเอาแน่นอนไม่ได้กับราคาปืน เพราะไม่มีการขึ้นป้ายบอกราคา และไม่อยู่ในความควบคุมของไคร

ขึ้นอยู่กับ ผู้ซื้อและผู้ขายเท่านั้น(ในบ้านเรา)

ผมใช้ขอมูลของตัวเอง ในการคิดคำนวนครับ เพราะฉะนั้น ข้อมูลนี้ไม่ได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์

ผมซื้อปืน ราคา US$ (เป็นราคาที่ประกาศขายในอเมริกา น๊ะครับ) 1,850 $

คำนวนเป็นเงินไทย(คูณ 40 บาทเลยง่ายๆ) = 74,000 บาท

ราคาปืนผมที่ตกลงซื้อขายกันเป็นเงินไทยแล้วคือ 129,000 บาท

คิดค่าดำเนินการของร้าน ภาษี หรืออื่นๆที่ร้านบวกเข้าไป ประมาณ เมื่อลบออกมาจากราคาอเมริกา = 55,000 บาท

ฉะนั้น เมื่อเทียบกับราคา อเมริกา (US$) ทางร้านบวกค่านำเนินการเข้าไป ประมาณ 75 %

เมื่อตกลงกันแล้ว และผมก็ยอมตกลงซื้อ ส่วนจะแพงหรือถูกผมก็ไม่อาจจะบอกได้ ได้แต่เสียตังค์ไปตามจำนวนที่ตกลงกัน

ส่วนราคาปืนที่เพื่อนๆพี่ๆน้อง ๆบอกกล่าวกันมา ว่าแพงหรือถูกก็ลองเอาตัวเลขมาบวกลบคูณหารดูครับ ว่ามันจะสมควรอยู่ที่เท่าไหร่ ส่วนจะถูกแพง ซื้อหรือไม่ซื้อ คนที่มีชื่ออยู่ใน ป.3 ก็ตัดสินใจเองครับ

สูตรคำนวนเล่นๆ

ราคา US $ คูณด้วย บาทไทย =...? คูณด้วยเปอร์เซนต์ที่ร้านบวกเข้าไป บวกด้วยราคาที่คูณมาจาก ราคา US $ ก็จะเป็นราคาที่น่าจะเป็น ของราคาปืนที่เราจะซื้อ

ตัวอย่าง

ราคา ปืน ยี่ห้อ... 750 US $

คิดเป็นราคาเงินบาท คูณด้วย 40 เท่ากับ 30,000 บาท

บวกด้วยค่าดำเนินการของร้าน ค่าภาษี อื่นๆที่ร้านบวกเข้าไป ให้ 100 % เลย เท่ากับ 30,000 บาท

รวมราคา ปืนกระบอกนี้ 60,000 บาทไทย

เมื่อคุณไปถามราคาร้าน เขาจะขายเท่าไหร่ คุณจะซื้อในราคาเท่าไหร่ ก็เป็นเรื่องของคุณแล้วครับ

อ้อ พิจารณา คุณภาพ ยี่ห้อ ชื่อเสียงของปืนที่คุณจะซื้อด้วยครับ อาจมีผลเกี่ยวข้องด้วย

(ตัวอย่างปืนที่ผมนำมาคำนวน ข้างสไลท์ เขียนว่า BAER Custom ครับ)

หมายเหตุ ข้อมูลใช้อ้างอิงไม่ได้ หุๆ

ขอบคุณมาก ครับ

ยิ่งเห็นยิ่งเครียดครับ

ใช้สูตรของอาจารย์ผณิศวรดูนะครับ.....อาจารย์บอกว่าให้เอาเลขในราคาดอลลาร์มาเติมเลข 0 สองตัวก็จะได้ราคาในไทย เช่น 800 US $ จะเท่ากับ 80000 บาท  ถ้าไม่เชื่อก็ดูในอวป.เล่ม 384 คอลลั่ม"สนทนาภาษาปืน" หน้า 123 ได้

อืม.........แต่ละสูตร.ก็ใกล้เคียงความจริงเหมือนกันเลยนะครับ...

นายสมชายว่าวิธีตั้งราคาคือตั้งให้แพงที่สุดเท่าที่ขายได้ตลอดปีครับ...

ตั้งถูกไปปืนหมดโควต้าเร็ว... เวลาที่เหลือก็นั่งมองร้านอื่นขายแพงกว่า ก็ของเหลือน้อยแล้วนี่ครับ ยิ่งแพง...

ตั้งแพงไปไม่มีรายได้เข้าร้านช่วงต้นปี... ตังค์ก็ไม่มีใช้...

ทางปฏิบัติคือบอกราคาแพงๆ เข้าว่า... ลูกค้าเดินหนีก็ตั้งถูกลงจนกว่ากระบอกแรกขายได้... แล้วใช้ราคานั้นเป็นจุดเริ่มต้นบวกโน่นบวกนี่ไปเรื่อยๆ จนกว่าลูกค้าเริ่มจะหนี... ก็เอาใหม่อีกรอบนึง...

นี่หมายถึงขายปรกติไม่ได้เลี้ยงกาแฟ ชวนคุยจนทราบข้อมูลลูกค้าว่ามาจากไต้ หรือต่างจังหวัด... ยิ่งทราบว่ามีเวลาน้อย ต้องร๊บเดินทางกลับจะแกล้งชวนคุย จับกระบอกโน้นกระบอกนี้จนเหนื่อนใจ... จวนหมดเวลาแล้วเลยต้องรีบซื้อ...

ยังไม่นับลูกเล่นว่าไปเอาของจากโกดังฝั่งธนฯ จากโน่นจากนี่... (ที่แท้ออกหลังร้านไปร้านใกล้ๆ)... ทั้งหมดถ่วงเวลาให้ลูกค้าเหนื่อยและล้าไงครับ...

 ;Dคำนวณแล้วปวดใจครับ

 เห็นด้วยกับนายสมชาย(ฮา) เพราะของมีน้อย แต่คนต้องการมาก คนขายอยากได้กำไรมากๆ คนซื้อก็ไม่เกี่ยงเพราะจะเอา ราคาสูงจึงเกิดขึ้น

ถ้าปืนมีมากเหมือนมอเตอร์ไซค์

ผมว่าน่าจะพกกันรอบเอว คงสนุกน่าดู

.22 .32 .44 .45 วันนี้พกดับเบิ้ล พรุ่งนี้พกซิงเกิ้ล แบกปืนยาวด้วย
โดนตำรวจจับ หาป.4กันตาแตก ว่ามันอยู่ใหน ใบใหนเป็นของกระบอกใหน แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

ให้มันแพงๆอย่างนี้และดีแล้ว จะได้ไม่ต้องทำอย่างที่กล่าวมา อิๆ

แพง ( อิ๊บ..อ๋าย )  สู้เถื่อนไม่ได้ใช้แล้วโยนทิ้ง...ขอบคุณครับ..สงสารคนซื้อจริงๆ

ก็ไม่รู้จะทำไงนี่ครับ (ทำใจอย่างเดียว) ไม่มีใครควบคุมราคาว่าให้บวกต้นทุน ...บวกนั่นนี่...ได้เท่าไหร่นี่ มิหนำซ้ำรัฐก็ขอแบ่งกำไรด้วย..แบ่งไปซะเยอะอีกต่างหาก พวกหาว่าสุจริตชนที่ซื้อหาปืนได้นั้นร่ำรวยครับ..ว่ามั้ย ประเทศไทยนี่ครับ ผลิตขายเองไม่ได้ก็ทำมันซะอย่างงี้...ง่ายดี...สบายกว่ากันเย๊อะ..เฮอะ..เฮอะ ;D ;D ;D

ไม่รู้เสียเลยก็ดี จะได้ไม่เสียดายเงิน

ตลาดเป็นของผู้ขาย แต่เงินอยู่ในมือเราครับ ก่อนจะปล่อยให้ใคร ขอให้คุ้มค่าเหนื่อยที่หามาหน่อย