เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: เบิ้ม ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 12:45:35 AM



หัวข้อ: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 12:45:35 AM
http://pantip.com/topic/32268703

เข้าใจว่าสังคมเปลี่ยนไปเยอะแล้ว หรือยังมีอยู่มากมั้ยครับ ที่ยังมีประเพณีแบบนั้น  ;D


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 01:09:36 AM
เรื่องนี้จะถึง"คุณ สม ชาย"มั้ยนะ  ถ้าท่านจับเรื่องนี้มาสาง รับรอง ระบือลือลั่นสั่นสะเทือน  จารึกเป็นเกียรติประวัติอภิมหาอมตะนิรันดร์กาลเลยทีเดียว  ::005::


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 01:13:50 AM
คนหนุ่มสาว อายุ20กว่าๆ กู้เงินเรียนสมัยนี้4-5ล้านคน จบมาเงินเดือนหมื่นกว่า เหลือเก็บเดือน1-2พัน จะเอาเงินที่ไหนหลายแสน เป็นล้านมาแต่ง(ว่ะ)  ลูกชาย ลูกสาว จะมาอ้างว่าข้าเลี้ยงมาค่านั้นนี่ บล้าๆๆๆ ต้องสมน้ำสมเนื้อ จะบ้าป่าว ลูกชายเค้าก็เลี้ยงมาเหมือนกัน  ::007::


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: chonthai-รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 01:15:06 AM
ผมว่ายังมีอยู่เยอะครับ. แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยเห็นด้วยเลยครับ


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 01:17:57 AM
ผมว่ายังมีอยู่เยอะครับ. แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยเห็นด้วยเลยครับ

+ครับท่าน มิติวัฒนธรรมแบบนี้ค่อนข้างจะโบราณมากๆ อาจจะมีอยู่ในเอเชียและแอฟริกา  บางประเทศต้องนับวัวควายเป็นสินสอด จัดงานคัดเลือก(ผัว)ให้ลูกสาว  ใครมีฝูงปศุสัตว์มากกว่ามาแลกคนนั้นเอาไป   ::007::



หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 05:05:25 AM
http://pantip.com/topic/32268703

เข้าใจว่าสังคมเปลี่ยนไปเยอะแล้ว หรือยังมีอยู่มากมั้ยครับ ที่ยังมีประเพณีแบบนั้น  ;D

เพื่อนผมก็เจอปัญหานี้ พ่อแม่ฝ่ายหญิงบอกมาเลยว่าเท่าไร ;D ;D ;D เวลาคนไม่มีมันไม่มีเลยนะ จะเอามาจากไหน ก็อยู่กันไปรอไปแล้วกัน 555555 มีเมื่อไรก็ค่อยแต่ง ชายมันไม่เท่าไรอยู่แล้ว

ปัญหาของคนไม่มีครับ พอคนมีเงินแต่งลูก สินสอดที่ได้มาเขาก็ให้ลูกไปตั้งตัวกันหมด นี่แหละครับปัญหาของคนมีกับไม่มีเงิน


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ✿ตุ๊ก...ครับ✿ ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 07:53:07 AM


      กรณีในกระทู้ ผมเห็นเป็นที่คนมากกว่าครับ...

      ตัวประเพนีมีให้ผ่อนสั้นผ่อนยาว จะตึงจะหย่อนอยู่ที่ตัวคน...แต่บางคนก็ดันเอามาเป็นเครื่องมือซะนี่

      ทำอะไรกับคนที่เห็นแก่ได้ เขาก็จะเอาให้ได้ทุกเรื่องนั่นแหละ

     


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Nero Angel01 ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 08:46:15 AM
น่าจะเกือบทั้งหมดของสังคมไทยนะครับ


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: birdwhistle...รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 08:59:26 AM
คนไทยเชื้อสายจีนที่พอจะมีฐานะบ้าง เขามักไม่เรียกร้องจำนวนค่าสินสอด  ซึ่งทำให้ฝ่ายชายอึดอัดพอควร
ใหฟ้น้อยไปก้ไม่สมศักดิ์ศรีหรือเท่ากับไม่ให้เกียรติ จะให้มากไปก็เกินกำลัง
แต่โดยทั่วไปฝ่ายหญิงที่มีหน้ามีตามั่วไป เขามักรักเกียรติของตน โดยไม่ขายลูกสาวกิน

นานมาแล้ว 30 ปีเศษ ให้สินสอดทางเจ้าสาว 44000 บาทพ่อตาให้กลับมาเป็นทุน 50000 บาท
ให้ทองไปเท่าไหร่ ก็กลับมาทั้งหมด

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็อีกคู่หนึ่ง ที่ฝ่ายหญิงไม่เรียกร้องสินสอด
ฝ่ายชายจัดให้ 1 ล้านบาท ทอง 40 บาท แหวนเพชรเม็ดเดียว 1 กะรัต หมั้นตอนเช้า

ตอนค่ำงานแต่งที่ฝ่ายชายจัด ฝ่ายเจ้าสาวให้คืนมา 1.2 ล้าน ทองหนัก 64 บาท
ทั้งงานเมื่อ 30 ปีก่อน กับงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงขาดทุนเห็น ๆ
แล้วยังค่าเลี้ยงแขกตอนเช้าที่ฝ่ายหญิงดำเนินการเองด้วย




 




หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 10:57:00 AM
คนหนุ่มสาว อายุ20กว่าๆ กู้เงินเรียนสมัยนี้4-5ล้านคน จบมาเงินเดือนหมื่นกว่า เหลือเก็บเดือน1-2พัน จะเอาเงินที่ไหนหลายแสน เป็นล้านมาแต่ง(ว่ะ)  ลูกชาย ลูกสาว จะมาอ้างว่าข้าเลี้ยงมาค่านั้นนี่ บล้าๆๆๆ ต้องสมน้ำสมเนื้อ จะบ้าป่าว ลูกชายเค้าก็เลี้ยงมาเหมือนกัน  ::007::

ตามธรรมเนียมไทย  พ่อแม่มีหน้าที่จัดงานแต่งงานให้ลูก ๆ ครับ   แต่ถ้า พ่อแม่ไม่มีเงิน ก็ไม่จำเป็นต้องทำตามธรรมเนียม
และฝ่ายหญิง ก็จะตอบแทนในจำนวนใกล้เคียงกับเงินสินสอด  ซึ่งตามปกติจะมอบให้กับคู่บ่าวสาวใช้เป็นทุนในการก่อร่างสร้างครอบครัวต่อไป
ตรงนี้ น่าจะเป็นกลวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เกิดการแต่งงานในครอบครัวฐานะใกล้เคียงกัน
การแต่งงานข้ามฐานะ  ออกจะสร้างความกดดันให้ฝ่ายที่ฐานะต่ำกว่า แล้วก็จะเป็นปัญหาภายในครอบครัวต่อไป

แต่ถ้าไปเจอกับครอบครัวที่ต้องการจะขายลูกสาวกิน  ก็น่าจะหลีกเลี่ยงไม่ไปเกี่ยวดองเสียตั้งแต่แรก  นอกจากจะพาปัญหามาให้เราแล้ว  ในอนาคตลูก ๆ จะนับถือตายายแบบนี้หรือ


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 12:46:35 PM
คนไทยเชื้อสายจีนที่พอจะมีฐานะบ้าง เขามักไม่เรียกร้องจำนวนค่าสินสอด  ซึ่งทำให้ฝ่ายชายอึดอัดพอควร
ใหฟ้น้อยไปก้ไม่สมศักดิ์ศรีหรือเท่ากับไม่ให้เกียรติ จะให้มากไปก็เกินกำลัง
แต่โดยทั่วไปฝ่ายหญิงที่มีหน้ามีตามั่วไป เขามักรักเกียรติของตน โดยไม่ขายลูกสาวกิน

นานมาแล้ว 30 ปีเศษ ให้สินสอดทางเจ้าสาว 44000 บาทพ่อตาให้กลับมาเป็นทุน 50000 บาท
ให้ทองไปเท่าไหร่ ก็กลับมาทั้งหมด

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็อีกคู่หนึ่ง ที่ฝ่ายหญิงไม่เรียกร้องสินสอด
ฝ่ายชายจัดให้ 1 ล้านบาท ทอง 40 บาท แหวนเพชรเม็ดเดียว 1 กะรัต หมั้นตอนเช้า

ตอนค่ำงานแต่งที่ฝ่ายชายจัด ฝ่ายเจ้าสาวให้คืนมา 1.2 ล้าน ทองหนัก 64 บาท
ทั้งงานเมื่อ 30 ปีก่อน กับงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงขาดทุนเห็น ๆ
แล้วยังค่าเลี้ยงแขกตอนเช้าที่ฝ่ายหญิงดำเนินการเองด้วย




 




ของผมก็แบบนี้ครับ เห็นควรว่าอย่างไรก็ใส่มา

พอรับไหว้กันเสร็จก็คืนมาหมด ตกเย็นโปะกลับมาให้อีกเท่าตัว แถมนัดกับญาติๆใส่ทองมาอีกสิบกว่าแท่ง


แต่งงานมาแล้วสิบกว่าปี พ่อตากับแม่ยายยายคอยดูแลครอบครัวผมในทุกมิติ

สำนึกในพระคุณอยู่เสมอว่าได้พ่อ+แม่ที่ประเสริฐเพิ่มมาอีก2คน  ::014::


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 12:51:31 PM
คนหนุ่มสาว อายุ20กว่าๆ กู้เงินเรียนสมัยนี้4-5ล้านคน จบมาเงินเดือนหมื่นกว่า เหลือเก็บเดือน1-2พัน จะเอาเงินที่ไหนหลายแสน เป็นล้านมาแต่ง(ว่ะ)  ลูกชาย ลูกสาว จะมาอ้างว่าข้าเลี้ยงมาค่านั้นนี่ บล้าๆๆๆ ต้องสมน้ำสมเนื้อ จะบ้าป่าว ลูกชายเค้าก็เลี้ยงมาเหมือนกัน  ::007::

ตามธรรมเนียมไทย  พ่อแม่มีหน้าที่จัดงานแต่งงานให้ลูก ๆ ครับ   แต่ถ้า พ่อแม่ไม่มีเงิน ก็ไม่จำเป็นต้องทำตามธรรมเนียม
และฝ่ายหญิง ก็จะตอบแทนในจำนวนใกล้เคียงกับเงินสินสอด  ซึ่งตามปกติจะมอบให้กับคู่บ่าวสาวใช้เป็นทุนในการก่อร่างสร้างครอบครัวต่อไป
ตรงนี้ น่าจะเป็นกลวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เกิดการแต่งงานในครอบครัวฐานะใกล้เคียงกัน
การแต่งงานข้ามฐานะ  ออกจะสร้างความกดดันให้ฝ่ายที่ฐานะต่ำกว่า แล้วก็จะเป็นปัญหาภายในครอบครัวต่อไป

แต่ถ้าไปเจอกับครอบครัวที่ต้องการจะขายลูกสาวกิน  ก็น่าจะหลีกเลี่ยงไม่ไปเกี่ยวดองเสียตั้งแต่แรก  นอกจากจะพาปัญหามาให้เราแล้ว  ในอนาคตลูก ๆ จะนับถือตายายแบบนี้หรือ


 ::014:: ขอบคุณท่านผู้การฯสุพินท์ครับ  ฟังผู้ใหญ่เล่า  ;D

+ทุกท่านครับ ได้ความรู้หลากหลายดีครับ  :VOV:


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: วีระศักดิ์ รักในหลวงครับ ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 01:41:59 PM
เดี๋ยวนี้ก็ยังมีพบเห็นอยูาทั่วไปนะครับ ประเภทที่ว่า  เอาเงินเอาทองมากองโชว์ชาวบ้านก่อนน่ะครับ   :~)เพื่อเอาหน้าเอาตา    หรือบางทีก็เรียกเอาแบบจริงๆจังๆเลยก็มีครับ  ผมว่าน่าสงสารหนุ่มสาวมากกว่าเห็นบางคู่จัดงานเสร็จก็มานั่งใช้หนี้กันต่อ  คู่ผมโชคดีครับที่ไม่เจอปัญหานี้เพราะผมเป็นหนี้อยู่ก่อนแล้วครับ  :~)


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Ghostreporting ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 02:59:41 PM
มันจะเกี่ยวกับที่สมัยนี้คนแต่งงานกันช้าไหมครับ


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Nero Angel01 ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 03:19:36 PM
มันจะเกี่ยวกับที่สมัยนี้คนแต่งงานกันช้าไหมครับ
สมัยนี้ส่วนหนึ่งอยู่ก่อนแต่งครับ บางคู่ก็ไม่แต่งเลย


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Ghostreporting ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 03:27:27 PM
รุ่นพี่ผม อายุสามสิบห้าแล้วยังไม่แต่ง จะว่าเกย์ไม่ใช่เพราะมันชวนเราไปตีหม้ออยู่เลยครับ สงสัยรักอิสระ


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Nero Angel01 ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 03:35:32 PM
รุ่นพี่ผม อายุสามสิบห้าแล้วยังไม่แต่ง จะว่าเกย์ไม่ใช่เพราะมันชวนเราไปตีหม้ออยู่เลยครับ สงสัยรักอิสระ
อ้าว ผมต้องเรียกท่านว่าน้องแล้วมั้ง 555


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 03:56:16 PM
ผมเข้าไปอ่านแล้ว เหมือน คนปฎิเสธสังคม ความเห็น มันทะแม่ง ๆ แบบอ่านหนังสือ แล้วไม่เข้าใจ
นำความไม่เข้าใจ ให้เป็นความเข้าใจผิด แล้วไปต่อ-ยอดอีก

ปรกติ คนประเภทนี้ ผม จะผ่านไป ไม่เก็บ เอามาคิดให้ ปวด ขมอง เสียเวลาเปล่า

ขนบธรรมเนียม ดีอยู่แล้ว และมีกฎหมายรับรองให้ ส่วนใครจะทำได้/ไม่ได้ หรือทำได้ไม่ดี นั่นเป็นเรื่องของบุคคล
แต่เราควรยึดถือ สิ่งที่ดี มาเป็นหลักในการ  ไว้ ครับ


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ กรกฎาคม 12, 2014, 04:06:42 PM
กฏเกณฑ์ ขนบธรรมเนียมประเพณืที่ดีงามและถือปฏิบัติมานาน ถูกคนบางกลุ่มพยายามบิดเบือนโดยการสร้างความชอบธรรมทางสังคมอีเลคนิคโทรนิคส์
รักสาวต้องพยายาม พิสูจน์ความรักด้วยคสามขยันหมั่นเพียรสร้างฐานะ กฏหมายครอบครัวยังมีเรื่องราวว่าด้วยสินสอดและการหมั้นแสดงว่านี่คือบรรทัดฐานสังคม
กฏธรรมชาติยังต้องอาศัยความแข็งแกร่งของสัตว์เพศผู้เป็นตัวกำหนดความอยู่รอดของเผ่าพันธ์

คนขี้เกียจมักตำหนิกฏเกณฑ์โชคชะตา  ตรงข้ามกับคนขยันอดทนกลับมองอุปสรรคเป็นโอกาศ
คนเลวทำผิดกฏหมายมักหาข้ออ้างความจำเป็นเช่นความรวยความจน  ตรงข้ามกับคนดีที่เสียสละโดยไม่สนใจสิ่งตอบแทน


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กรกฎาคม 13, 2014, 02:11:48 PM
มันจะเกี่ยวกับที่สมัยนี้คนแต่งงานกันช้าไหมครับ
สมัยนี้ส่วนหนึ่งอยู่ก่อนแต่งครับ บางคู่ก็ไม่แต่งเลย

ผมว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอายุครับ เพราะคนแต่งมันมีตลอดที่แต่งอายุน้อยไปจนถึงมาก ;D ;D ;D เรื่องไม่แต่บางทีก็ดีนะครับ บางคนแต่งแล้วมีรู้ว่ามีปัญหาก็อย่าไปแต่งให้อีกคนมีปัญหาไปด้วยก็ดี

สมัยใหม่ ผมเห็นหลายคู่เขาบอกเลยว่า ไม่อยากมีลูกกันทั้งคู่ ก็ดีอยู่กัน ก่อนแต่งก็ตกลงกันให้รู้เรื่องจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง

เรื่องอยู่ก่อนแต่งเดี๋ยวนี้ผมว่าไม่ค่อยแปลกแล้ว บางครั้งเพราะไม่พร้อมจะจัดงานถ้ามีความสุขแล้วก็อยู่กันไปดีกว่า ดีกว่าจัดใหญ่โตสามเดือนเลิกเห็นบ่อย


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Ghostreporting ที่ กรกฎาคม 13, 2014, 02:27:45 PM
รุ่นพี่ผม อายุสามสิบห้าแล้วยังไม่แต่ง จะว่าเกย์ไม่ใช่เพราะมันชวนเราไปตีหม้ออยู่เลยครับ สงสัยรักอิสระ
อ้าว ผมต้องเรียกท่านว่าน้องแล้วมั้ง 555
ครับ ผมเพิ่งยี่สิบหกเอง


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 13, 2014, 04:54:05 PM
ทราบหรือไม่ครับว่า  สินสอดหรือ Dowry นั้น  ในประเทศอินเดีย พ่อแม่เจ้าสาวจะมีหน้าที่เป็นฝ่ายจัดงานแต่งงาน และจ่ายเงินสินสอดให้กับเจ้าบ่าว
ตรงนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะชาวฮินดูเท่านั้น  ซิกข์กับมุสลิมก็รับเอาธรรมเนียมนี้มาด้วย  ในปัจจุบันอินเดียมีกฎหมายห้ามเรียกกับห้ามรับ Dowry    แต่ก็ไม่ได้ผล

แต่เมื่อแต่งงานไปแล้ว  หญิงอินเดียจะไม่ทำงานนอกบ้าน  เจอเฉพาะที่มุมไบเท่านั้นที่มี Working woman ส่วนที่อื่น ๆ มีแต่ผู้ชายทำงาน แม้แต่งานบริการเช่นโรงแรม ร้านอาหาร ก็มีแต่ผู้ชาย  ขนาดที่สนามบิน มีตำรวจหญิงนั่งง่วง ๆ อยู่ 3-4 คน ได้ความว่ามีไว้ค้นตัวผู้หญิงด้วยกัน


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Nero Angel01 ที่ กรกฎาคม 13, 2014, 08:03:49 PM
ทราบหรือไม่ครับว่า  สินสอดหรือ Dowry นั้น  ในประเทศอินเดีย พ่อแม่เจ้าสาวจะมีหน้าที่เป็นฝ่ายจัดงานแต่งงาน และจ่ายเงินสินสอดให้กับเจ้าบ่าว
ตรงนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะชาวฮินดูเท่านั้น  ซิกข์กับมุสลิมก็รับเอาธรรมเนียมนี้มาด้วย  ในปัจจุบันอินเดียมีกฎหมายห้ามเรียกกับห้ามรับ Dowry    แต่ก็ไม่ได้ผล

แต่เมื่อแต่งงานไปแล้ว  หญิงอินเดียจะไม่ทำงานนอกบ้าน  เจอเฉพาะที่มุมไบเท่านั้นที่มี Working woman ส่วนที่อื่น ๆ มีแต่ผู้ชายทำงาน แม้แต่งานบริการเช่นโรงแรม ร้านอาหาร ก็มีแต่ผู้ชาย  ขนาดที่สนามบิน มีตำรวจหญิงนั่งง่วง ๆ อยู่ 3-4 คน ได้ความว่ามีไว้ค้นตัวผู้หญิงด้วยกัน
ผู้การครับ แล้วจีบกันยังไง ฝ่ายหญิงจีบ ฝ่ายหญิงขอเหรอครับ


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กรกฎาคม 13, 2014, 08:12:54 PM
ทราบหรือไม่ครับว่า  สินสอดหรือ Dowry นั้น  ในประเทศอินเดีย พ่อแม่เจ้าสาวจะมีหน้าที่เป็นฝ่ายจัดงานแต่งงาน และจ่ายเงินสินสอดให้กับเจ้าบ่าว
ตรงนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะชาวฮินดูเท่านั้น  ซิกข์กับมุสลิมก็รับเอาธรรมเนียมนี้มาด้วย  ในปัจจุบันอินเดียมีกฎหมายห้ามเรียกกับห้ามรับ Dowry    แต่ก็ไม่ได้ผล

แต่เมื่อแต่งงานไปแล้ว  หญิงอินเดียจะไม่ทำงานนอกบ้าน  เจอเฉพาะที่มุมไบเท่านั้นที่มี Working woman ส่วนที่อื่น ๆ มีแต่ผู้ชายทำงาน แม้แต่งานบริการเช่นโรงแรม ร้านอาหาร ก็มีแต่ผู้ชาย  ขนาดที่สนามบิน มีตำรวจหญิงนั่งง่วง ๆ อยู่ 3-4 คน ได้ความว่ามีไว้ค้นตัวผู้หญิงด้วยกัน
ผู้การครับ แล้วจีบกันยังไง ฝ่ายหญิงจีบ ฝ่ายหญิงขอเหรอครับ
ยังดีไม่เจอลัทธิเก่าสามีตายหญิงต้องตายตามครับ ::012::


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Ghostreporting ที่ กรกฎาคม 13, 2014, 08:13:43 PM
แต่งงานแล้วต้องเป็นแม่บ้านเหมือนสาวยุ่นเลย


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 14, 2014, 10:55:24 AM
ทราบหรือไม่ครับว่า  สินสอดหรือ Dowry นั้น  ในประเทศอินเดีย พ่อแม่เจ้าสาวจะมีหน้าที่เป็นฝ่ายจัดงานแต่งงาน และจ่ายเงินสินสอดให้กับเจ้าบ่าว
ตรงนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะชาวฮินดูเท่านั้น  ซิกข์กับมุสลิมก็รับเอาธรรมเนียมนี้มาด้วย  ในปัจจุบันอินเดียมีกฎหมายห้ามเรียกกับห้ามรับ Dowry    แต่ก็ไม่ได้ผล

แต่เมื่อแต่งงานไปแล้ว  หญิงอินเดียจะไม่ทำงานนอกบ้าน  เจอเฉพาะที่มุมไบเท่านั้นที่มี Working woman ส่วนที่อื่น ๆ มีแต่ผู้ชายทำงาน แม้แต่งานบริการเช่นโรงแรม ร้านอาหาร ก็มีแต่ผู้ชาย  ขนาดที่สนามบิน มีตำรวจหญิงนั่งง่วง ๆ อยู่ 3-4 คน ได้ความว่ามีไว้ค้นตัวผู้หญิงด้วยกัน
ผู้การครับ แล้วจีบกันยังไง ฝ่ายหญิงจีบ ฝ่ายหญิงขอเหรอครับ

ระบบ Matchmaking ครับ  และตัวแม่สื่อเองก็จะได้คอมมิสชั่นจากค่าสินสอด  แต่ผมไม่ได้ถามว่าได้กี่เปอร์เซ็นต์ เพราะแค่นี้ไกด์ก็หน้าหงิกหน้างอเต็มทีแล้ว
และต้องมีการแสดงความสามารถของแต่ละฝ่ายด้วย  ฝ่ายชายน้อยหน่อย แค่บอกว่าทำงานอะไร เรียนอะไรมา  ส่วนเจ้าสาวต้องโชว์เยอะมาก  พูดภาษาอังกฤษ ภาษาฮินดี (ภาษากลางของอินเดีย) ให้พ่อแม่ฝ่ายชายฟัง   สุขภาพต้องดี  หุ่นสูงยาวเข่าดีแบบดารา นางแบบเมืองไทย ที่อินเดียขายไม่ออกหรอก  ต้องท้วมนิด ๆ เพื่อจะเป็นแม่ที่มีคุณภาพ

อย่าไปดูถูกระบบแม่สื่อนะครับ  ในทางวิชาการถือว่าเป็นงานบริการสังคมที่มีคุณภาพประเภทหนึ่ง  ที่สิงคโปร์มีหน่วยงาน Matchmaking services อยู่ในกระทรวง Community Development, Youth and Sports of Singapore ด้วย


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: birdwhistle...รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 14, 2014, 11:06:20 AM
20 กว่าปีก่อน ที่ทำงานผม ยังมีแขกขี่จักรยานเข้ามาขายถั่วอายุเขาตอนนั้นราว 30 กว่า ๆ  ผมเห็นเขามาขายตั้งแต่ผมบรรจุใหม่ ๆ (ปี2523)
ตอนกลางวันคุยกับเรื่องนี้ ถามว่า ทำไมที่อินเดีย ผู้หญิงถึงต้องจ่ายสินสอด ฝ่ายชายทำไมไม่จ่ายให้ฝ่ายหญิง เขาตอบว่า

อีนี้จ๋านจ่ายทำมะร้ายยย  จ๋านต้องเลี้ยงดูเขา อีนี้เลี้ยงไปจนตายหนาาา เท่านี้จ๋านก็ขาดทุนสินสอดแล้ววว
ได้มาไม่พอให้จ่านเลี้ยงดูเขาตลอดไปหร้อกกก........

ถามเขาว่า แล้วแต่งงานหรือยัง เขาบอกว่าแต่งแล้ว ทีมาทำงานเมืองไทยก็ต้องส่งกลับไปให้มันนั่นแหละ....

แล้วความรักมันอยู่ตรงไหน.....แล้วทำไมออกลูก หลานกันมากมายจนเป็นที่ 2 รองจากจีน  

 


 

 


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Ghostreporting ที่ กรกฎาคม 14, 2014, 11:24:49 AM
สงสัยไฟฟ้าไม่มีใช้ครับ สองทุ่มต้องดับตะเกียงละ


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Nero Angel01 ที่ กรกฎาคม 14, 2014, 01:19:33 PM
ทราบหรือไม่ครับว่า  สินสอดหรือ Dowry นั้น  ในประเทศอินเดีย พ่อแม่เจ้าสาวจะมีหน้าที่เป็นฝ่ายจัดงานแต่งงาน และจ่ายเงินสินสอดให้กับเจ้าบ่าว
ตรงนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะชาวฮินดูเท่านั้น  ซิกข์กับมุสลิมก็รับเอาธรรมเนียมนี้มาด้วย  ในปัจจุบันอินเดียมีกฎหมายห้ามเรียกกับห้ามรับ Dowry    แต่ก็ไม่ได้ผล

แต่เมื่อแต่งงานไปแล้ว  หญิงอินเดียจะไม่ทำงานนอกบ้าน  เจอเฉพาะที่มุมไบเท่านั้นที่มี Working woman ส่วนที่อื่น ๆ มีแต่ผู้ชายทำงาน แม้แต่งานบริการเช่นโรงแรม ร้านอาหาร ก็มีแต่ผู้ชาย  ขนาดที่สนามบิน มีตำรวจหญิงนั่งง่วง ๆ อยู่ 3-4 คน ได้ความว่ามีไว้ค้นตัวผู้หญิงด้วยกัน
ผู้การครับ แล้วจีบกันยังไง ฝ่ายหญิงจีบ ฝ่ายหญิงขอเหรอครับ
ยังดีไม่เจอลัทธิเก่าสามีตายหญิงต้องตายตามครับ ::012::
เคยได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังทำนองนี้ละครับ อีกอย่างคือถ้าแแก่มากๆทำงานไม่ได้ เผ่าหนึ่งทางลาวสมัยก่อนจะฆ่าแล้วเอามาทำอาหาร
ทีแรกผมก็ขำ แต่พออ่านกระทู้ชักคิดว่าคติเก่าๆแบบนี้สมัยก่อนน่าจะมีกันจริง

 
ทราบหรือไม่ครับว่า  สินสอดหรือ Dowry นั้น  ในประเทศอินเดีย พ่อแม่เจ้าสาวจะมีหน้าที่เป็นฝ่ายจัดงานแต่งงาน และจ่ายเงินสินสอดให้กับเจ้าบ่าว
ตรงนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะชาวฮินดูเท่านั้น  ซิกข์กับมุสลิมก็รับเอาธรรมเนียมนี้มาด้วย  ในปัจจุบันอินเดียมีกฎหมายห้ามเรียกกับห้ามรับ Dowry    แต่ก็ไม่ได้ผล

แต่เมื่อแต่งงานไปแล้ว  หญิงอินเดียจะไม่ทำงานนอกบ้าน  เจอเฉพาะที่มุมไบเท่านั้นที่มี Working woman ส่วนที่อื่น ๆ มีแต่ผู้ชายทำงาน แม้แต่งานบริการเช่นโรงแรม ร้านอาหาร ก็มีแต่ผู้ชาย  ขนาดที่สนามบิน มีตำรวจหญิงนั่งง่วง ๆ อยู่ 3-4 คน ได้ความว่ามีไว้ค้นตัวผู้หญิงด้วยกัน
ผู้การครับ แล้วจีบกันยังไง ฝ่ายหญิงจีบ ฝ่ายหญิงขอเหรอครับ

ระบบ Matchmaking ครับ  และตัวแม่สื่อเองก็จะได้คอมมิสชั่นจากค่าสินสอด  แต่ผมไม่ได้ถามว่าได้กี่เปอร์เซ็นต์ เพราะแค่นี้ไกด์ก็หน้าหงิกหน้างอเต็มทีแล้ว
และต้องมีการแสดงความสามารถของแต่ละฝ่ายด้วย  ฝ่ายชายน้อยหน่อย แค่บอกว่าทำงานอะไร เรียนอะไรมา  ส่วนเจ้าสาวต้องโชว์เยอะมาก  พูดภาษาอังกฤษ ภาษาฮินดี (ภาษากลางของอินเดีย) ให้พ่อแม่ฝ่ายชายฟัง   สุขภาพต้องดี  หุ่นสูงยาวเข่าดีแบบดารา นางแบบเมืองไทย ที่อินเดียขายไม่ออกหรอก  ต้องท้วมนิด ๆ เพื่อจะเป็นแม่ที่มีคุณภาพ

อย่าไปดูถูกระบบแม่สื่อนะครับ  ในทางวิชาการถือว่าเป็นงานบริการสังคมที่มีคุณภาพประเภทหนึ่ง  ที่สิงคโปร์มีหน่วยงาน Matchmaking services อยู่ในกระทรวง Community Development, Youth and Sports of Singapore ด้วย
นึกว่ามีแต่แถบอาหมวยจีน เกาหลี ญี่ปุ่น


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กรกฎาคม 14, 2014, 01:26:52 PM
ทราบหรือไม่ครับว่า  สินสอดหรือ Dowry นั้น  ในประเทศอินเดีย พ่อแม่เจ้าสาวจะมีหน้าที่เป็นฝ่ายจัดงานแต่งงาน และจ่ายเงินสินสอดให้กับเจ้าบ่าว
ตรงนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะชาวฮินดูเท่านั้น  ซิกข์กับมุสลิมก็รับเอาธรรมเนียมนี้มาด้วย  ในปัจจุบันอินเดียมีกฎหมายห้ามเรียกกับห้ามรับ Dowry    แต่ก็ไม่ได้ผล

แต่เมื่อแต่งงานไปแล้ว  หญิงอินเดียจะไม่ทำงานนอกบ้าน  เจอเฉพาะที่มุมไบเท่านั้นที่มี Working woman ส่วนที่อื่น ๆ มีแต่ผู้ชายทำงาน แม้แต่งานบริการเช่นโรงแรม ร้านอาหาร ก็มีแต่ผู้ชาย  ขนาดที่สนามบิน มีตำรวจหญิงนั่งง่วง ๆ อยู่ 3-4 คน ได้ความว่ามีไว้ค้นตัวผู้หญิงด้วยกัน
ผู้การครับ แล้วจีบกันยังไง ฝ่ายหญิงจีบ ฝ่ายหญิงขอเหรอครับ

ระบบ Matchmaking ครับ  และตัวแม่สื่อเองก็จะได้คอมมิสชั่นจากค่าสินสอด  แต่ผมไม่ได้ถามว่าได้กี่เปอร์เซ็นต์ เพราะแค่นี้ไกด์ก็หน้าหงิกหน้างอเต็มทีแล้ว
และต้องมีการแสดงความสามารถของแต่ละฝ่ายด้วย  ฝ่ายชายน้อยหน่อย แค่บอกว่าทำงานอะไร เรียนอะไรมา  ส่วนเจ้าสาวต้องโชว์เยอะมาก  พูดภาษาอังกฤษ ภาษาฮินดี (ภาษากลางของอินเดีย) ให้พ่อแม่ฝ่ายชายฟัง   สุขภาพต้องดี  หุ่นสูงยาวเข่าดีแบบดารา นางแบบเมืองไทย ที่อินเดียขายไม่ออกหรอก  ต้องท้วมนิด ๆ เพื่อจะเป็นแม่ที่มีคุณภาพ

อย่าไปดูถูกระบบแม่สื่อนะครับ  ในทางวิชาการถือว่าเป็นงานบริการสังคมที่มีคุณภาพประเภทหนึ่ง  ที่สิงคโปร์มีหน่วยงาน Matchmaking services อยู่ในกระทรวง Community Development, Youth and Sports of Singapore ด้วย


 ::014::   เมืองไทยกำลังต้องการครับท่านผู้การสุพินท์   ::005:: 


คนหนุ่มสาวคุณภาพดีโสดเยอะนะครับ(มัวแต่ทำงาน แถมมีคุณภาพซะด้วย) แล้วไยรัฐไม่เห็นความสำคัญ รึจะเอาแต่ประชากรด้อยคุณภาพ  :~)   ::005::


หัวข้อ: Re: ยังมีอยู่อีกกี่%ครับในสังคมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Ghostreporting ที่ กรกฎาคม 14, 2014, 01:28:05 PM
แว๊นสก๊อยกุ๊ยขี้ยาขยันทำลูกกันจัง ทีพวกเรียนจบโทเอกการงานดีมีลูกยากแท้