เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 11:17:43 AM



หัวข้อ: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 11:17:43 AM
 เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ สิงหาคม 09, 2014, 11:59:36 AM
เบื่อพวกที่ไม่รักษาสัญญา แล้วยังเอาเปรียบอีก
ความเห็นผมนะ เจรจาไกล่เกลี่ยได้ก็ดีแต่จ่ายเงินคืนพร้อมค่าเสียเวลาเท่าดอกเบี้ยที่ศาลเคยกำหนด 7%
แต่หากฟ้องร้องแล้วชนะก็ได้ราวๆนี้มังครับ แต่จำเลยต้องจ่ายค่าทนายให้เรา อย่างไรก็ดีลองดูความเห็นท่านอื่นหรือ
เพื่อนๆทนายในเวปเราอีกทีครับ


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 12:04:29 PM
เบื่อพวกที่ไม่รักษาสัญญา แล้วยังเอาเปรียบอีก
ความเห็นผมนะ เจรจาไกล่เกลี่ยได้ก็ดีแต่จ่ายเงินคืนพร้อมค่าเสียเวลาเท่าดอกเบี้ยที่ศาลเคยกำหนด 7%
แต่หากฟ้องร้องแล้วชนะก็ได้ราวๆนี้มังครับ แต่จำเลยต้องจ่ายค่าทนายให้เรา อย่างไรก็ดีลองดูความเห็นท่านอื่นหรือ
เพื่อนๆทนายในเวปเราอีกทีครับ
ขอบคุณครับ ถ้าว่าเป็นคนยากคนจนก็ว่าไปอย่างครับจะว่าไม่มีเงินมาจ่ายคืนจริงๆ


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: yutthakarn ที่ สิงหาคม 09, 2014, 01:18:40 PM
เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งครับ คงจะดำเนินคดีอาญาไม่ได้ ถ้าแจ้งความร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนคงไม่รับแจ้งความ ถ้าจะดำเนินคดี ก็เป็นการฟ้องคดีแพ่งครับ


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ สิงหาคม 09, 2014, 02:59:32 PM
เหมือนผมเลย ซื้อมาสิบปีแล้วยังโอนให้ผมไม่ได้เลย ผมจ่ายให้แค่ครึ่งเดียวแล้วผมกรีดยางจนได้เงินมากกว่าที่ผมจ่ายไปแล้วครับ


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 09, 2014, 03:09:14 PM
เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014::

ไม่ใช่สัญญาซื้อขายที่ดิน  แต่เป็นสัญญาจะซื้อ จะขาย ที่ดิน
เป็นเรืองทางแพ่ง ครับ คุณ visa จักต้องฟ้องคดีแพ่ง จึงจะได้เงินคืน เรื่องดำเนินคดี เมื่อคุณจัดการเองไม่ได้ ก็ต้องใช้ทนายความ

เมื่อเขาทำงานให้กับคุณ เขาต้องได้ค่าจ้าง จะเป็นเท่าไร ก็ตกลงกันก่อน  
ถ้าพอใจ ก็ให้เขาจัดการให้ ถ้าไม่ฟ้องก็ไม่มีทางได้เงินคืน ถ้าปล่อยไว้นาน ระวังเรื่องอายุความ แล้วจะไม่ได้อะไรเลย ครับ


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 04:32:26 PM
ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาแนะนำครับ


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ สิงหาคม 09, 2014, 04:50:44 PM

 เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาท
กำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)

ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร
พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ

แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน
ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับ

ใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจ
แบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสน
ไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014::




ไม่ใช่สัญญาซื้อขายที่ดิน  แต่เป็นสัญญาจะซื้อ จะขาย ที่ดิน
เป็นเรืองทางแพ่ง ครับ คุณ visa จักต้องฟ้องคดีแพ่ง จึงจะได้เงินคืน
เรื่องดำเนินคดี เมื่อคุณจัดการเองไม่ได้ ก็ต้องใช้ทนายความ

เมื่อเขาทำงานให้กับคุณ เขาต้องได้ค่าจ้าง จะเป็นเท่าไร ก็ตกลงกันก่อน 
ถ้าพอใจ ก็ให้เขาจัดการให้ ถ้าไม่ฟ้องก็ไม่มีทางได้เงินคืน
ถ้าปล่อยไว้นาน ระวังเรื่องอายุความ แล้วจะไม่ได้อะไรเลย ครับ





55555  อ้าวพี่แป   เป็น  " ศิลปิน Visa  " เหรอ อ่ะ ฮา 55555 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ สิงหาคม 09, 2014, 06:06:57 PM
ชิหายแระ....เค้ามียึกยักกันด้วยเหรอครับ เพิ่งมัดจำไว้แปลงนึง บอกสิ้นเดือนนี้โอนกัน คนไม่รู้จัก เจอกันทีเดียว ร้านกาแฟ เราใจง่าย วางมัดจำไปแระ  ::003::   ::005::



หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ สิงหาคม 09, 2014, 06:26:56 PM
http://www.fpmconsultant.com/htm/advocate_dtl.php?id=440

เรื่องที่ 440 ทนายสอนน้อง ...เรื่อง อายุความตามมูลหนี้สัญญาจะซื้อจะขาย


เรื่อง     ขอคำปรึกษา
เรียน     ที่ปรึกษากฎหมาย

คำถาม
               อยากทราบว่ามูลหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขาย  มีอายุความกี่ปี และเริ่มนับตั้งแต่เมื่อไรค่ะ
               ขอบคุณค่ะ

ตอบคำถาม
               ตามที่ท่านได้ขอคำปรึกษาเรื่อง “มูลหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายมีอายุความกี่ปี
และเริ่มนับอายุความตั้งแต่เมื่อไร” นั้น ที่ปรึกษากฎหมายขอเรียนให้คำปรึกษาดังนี้

               1. อายุความสัญญาจะซื้อจะขาย

                   1.1) สัญญาจะซื้อจะขายคือสัญญาที่คู่สัญญามีเจตนาจะโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
ให้ถูกต้องตามแบบของกฎหมาย
                   1.2) ในการทำสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ
หรือสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาสองหมื่นบาทขึ้นไปต้องทำเป็นหนังสือ
ลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ   หรือได้วางประจำไว้  หรือได้ชำระหนี้บางส่วน

สัญญาจะซื้อจะขายจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ ตามป.พ.พ.มาตรา 456

                   เช่น ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงหนึ่งในราคาแปลงละ 3,000,000 บาท
โดยนัดจะไปจดทะเบียนโอนที่ดินกันในวันเดียวกันนี้ของปีหน้า
โดยผู้ซื้อได้วางเงินมัดจำให้ไว้แก่ผู้ขายเป็นเงิน  100,000 บาท
และคู่สัญญายังตกลงกันอีกว่า จะมาทำหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าวภายใน 7  วัน
เพื่อกำหนดงวดการชำระเงินค่าที่ดิน เช่นนี้

แม้ว่าสัญญาซื้อขายที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์กฎหมายบัญญัติให้ต้องทำตามแบบของกฎหมาย
คือ ต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญาซื้อขายจึงจะสมบูรณ์

แต่กรณีนี้เป็นสัญญาจะซื้อจะขาย แม้ยังไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในขณะที่ทำสัญญา
สัญญานี้ก็ไม่ตกเป็นโมฆะ เนื่องจากคู่สัญญามีเจตนาที่จะดำเนินการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
ถ้าคู่สัญญาผิดสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งก็สามารถบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาได้
เพราะมีหลักฐานการบังคับคดีแล้ว คือได้วางมัดจำนั่นเอง

                   1.3) อายุความตามมูลหนี้สัญญาจะซื้อจะขายไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เฉพาะ
จึงให้มีกำหนดอายุความสิบปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา 193/30
 “อายุความนั้น ถ้าประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นมิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ให้มีกำหนดสิบปี”

                   คำพิพากษาฎีกาที่ 1624/2535, 6368/2541 การฟ้องบังคับตามสัญญาจะซื้อขาย
ไม่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะว่าให้ใช้บังคับเสียภายในระยะเวลาเท่าใด จึงมีอายุความ 10 ปี

               2. หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเริ่มนับอายุความแยกพิจารณาตามมาตรา 193/12 และ 193/13 ดังนี้

                   2.1) กรณีสิทธิเรียกร้องทั่วไป
                          2.1.1) ถ้าเป็นสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้
                          (ก) ในกรณีมีกำหนดเวลาชำระหนี้ให้เริ่มนับวันรุ่งขึ้นจากวันที่ครบกำหนด
                          (ข) ในกรณีที่ไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันทำนิติกรรม
                          (ค) ในกรณีที่สิทธิเรียกร้องไม่ได้เกิดจากนิติกรรม ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป
โดยยึดหลักที่ว่า เริ่มนับตั้งแต่ขณะที่เจ้าหนี้อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้

                   2.2) กรณีสิทธิเรียกร้องที่จะต้องมีการบอกกล่าวให้ชำระหนี้ก่อน

                          2.2.1) กรณีสิทธิเรียกร้องที่ต้องมีการทวงถาม
หมายถึง สิทธิเรียกร้องที่มีการกำหนดให้เจ้าหนี้มีหน้าที่ทวงถามลูกหนี้ให้ชำระหนี้ก่อน
หากเจ้าหนี้ยังไม่ทวงถาม ลูกหนี้ยังไม่ต้องชำระหนี้ การกำหนดให้เจ้าหนี้มีหน้าที่ทวงถาม
ปกติจะกำหนดโดยสัญญาที่ก่อสิทธิเรียกร้องนั้น คือ สัญญาที่ก่อสิทธิเรียกร้องขึ้น
มีข้อตกลงกำหนดให้เจ้าหนี้ทวงถามให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อน โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้คืน (
หรือมีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้คืนก็ได้) และสัญญามีข้อตกลงกำหนดว่า
เมื่อเจ้าหนี้ต้องการให้ชำระหนี้จะต้องบอกกล่าวลูกหนี้ก่อน

                           2.2.2) การเริ่มนับอายุความกรณีทวงถามโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ คือ
เจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องทวงถามลูกหนี้ก่อน จึงจะมีสิทธิฟ้องบังคับคดีได้
โดยสัญญาที่ก่อสิทธิเรียกร้องกำหนดให้เจ้าหนี้มีหน้าที่อย่างเดียว คือ ทวงถามลูกหนี้ก่อน ไ
ม่ต้องกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ให้ลูกหนี้แต่อย่างใด
กฎหมายให้เริ่มนับอายุความ “ตั้งแต่เวลาแรกที่อาจทวงถามได้เป็นต้นไป”

                          คำว่า เวลาแรกที่อาจทวงถามได้ คือ เพียงอาจทวงถามได้เท่านั้น
แม้ยังไม่ได้ทวงถาม อายุความเริ่มนับแล้ว ดังนี้เจ้าหนี้จะทวงถามลูกหนี้หรือไม่
ไม่มีผลต่อการเริ่มนับอายุความ เพราะอายุความเริ่มนับมาแล้วตั้งแต่เวลาแรกที่อาจทวงถามได้
ไม่ได้เริ่มนับเมื่อได้ทวงถาม

                          2.2.3) การเริ่มนับอายุความกรณีทวงถามโดยมีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ คือ
สัญญาก่อสิทธิเรียกร้องกำหนดให้เจ้าหนี้มีหน้าที่ 2 ประการ ได้แก่ หน้าที่ทวงถามลูกหนี้
และหน้าที่กำหนดระยะเวลาชำระหนี้ให้ลูกหนี้ด้วย ซึ่งลูกหนี้จะต้องชำระหนี้
ต่อเมื่อพ้นระยะเวลาชำระหนี้ที่เจ้าหนี้กำหนด กฎหมายให้เริ่มนับอายุความ
“ตั้งแต่ระยะเวลานั้นได้สิ้นสุดไปแล้ว”

                          การเริ่มนับอายุความเมื่อพ้นระยะเวลาชำระหนี้ที่เจ้าหนี้ต้องกำหนดในการทวงถาม
เจ้าหนี้จะได้ทวงถามจริงๆ หรือไม่ ไม่สำคัญ แม้ยังมิได้ทวงถามลูกหนี้เลย อายุความเริ่มนับแล้ว

เช่น ทำสัญญาจะซื้อจะขายเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2549 โดยไม่มีกำหนดเวลาให้ชำระหนี้
แต่สัญญาระบุว่า เมื่อเจ้าหนี้ต้องการให้ชำระหนี้ต้องบอกกล่าวให้ลูกหนี้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน
สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้มิได้กำหนดระยะเวลาไว้ จึงถึงกำหนดในวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย

แต่สัญญากำหนดให้เจ้าหนี้ทวงถามล่วงหน้า 1 เดือน อายุความเริ่มนับเมื่อพ้น 1 เดือน
นับแต่วันทำสัญญาจะซื้อจะขาย คือเริ่มนับวันที่ 1
มกราคม 2550 แม้เจ้าหนี้ยังไม่ได้ทวงถามลูกหนี้เลย อายุความเริ่มนับแล้ว

               จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

จงรักษ์  นรแสน (ที่ปรึกษากฎหมาย)
www.fpmconsultant.com
e-mail : jongrak@fpmconsultant.com


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ สิงหาคม 09, 2014, 07:32:44 PM
อยากได้เงินคืนก็เจรจาสิครับง่ายที่สุด ถ้าอยากได้ดอกเบี้ยด้วยก็อีกเรื่องหนึ่ง ลองเจรจากันดู ทำที่โรงพักลง ปจว.ก็ขลังดี
ถ้าไม่ยอมคืน  จึงค่อยไปหาทนาย สอบข้อเท็จจริงดู พยานหลักฐานมีเพียงพอในการยื่นคำฟ้องใช้สิทธิ์ทางศาลหรือไม่
ค่าทนายเป็นค่าวิชาชีพ ให้เขาทำงานตามวิชาชีพที่เรียนมา  เหมือนจ้างคนพม่าแบกของก็ต้องจ่ายตังให้ ไม่งั้นต้องแบกเอง
ขอให้โชคดีได้เงินคืนครบ


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 08:55:39 PM
 
อยากได้เงินคืนก็เจรจาสิครับง่ายที่สุด ถ้าอยากได้ดอกเบี้ยด้วยก็อีกเรื่องหนึ่ง ลองเจรจากันดู ทำที่โรงพักลง ปจว.ก็ขลังดี
ถ้าไม่ยอมคืน  จึงค่อยไปหาทนาย สอบข้อเท็จจริงดู พยานหลักฐานมีเพียงพอในการยื่นคำฟ้องใช้สิทธิ์ทางศาลหรือไม่
ค่าทนายเป็นค่าวิชาชีพ ให้เขาทำงานตามวิชาชีพที่เรียนมา  เหมือนจ้างคนพม่าแบกของก็ต้องจ่ายตังให้ ไม่งั้นต้องแบกเอง
ขอให้โชคดีได้เงินคืนครบ
ผมตามทวงทุกเดือนมาสองปีกว่าได้แล้วครับ เรื่องค่าทนายไม่ใช่ว่ากลัวได้จ่ายครับแค่ไม่ทราบว่าค่าจ้างทนายเท่าไหร่แค่นั้นเองครับสมมุติว่าค่าทนายหกเจ็ดหมื่นแต่เงินที่ผมจะได้คืนแค่แสนเดียวแบบนี้ก็ไม่คุ้มที่จะฟ้องร้องไงครับ


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: p23-504 รักในหลวง ที่ สิงหาคม 09, 2014, 08:56:20 PM
ใช้วิธีประนีประนอมทางกฎหมายก่อนดีไหม  ลองโทรไปปรึกษากับสำนักงานยุติธรรมจังหวัดดูครับ  อยู่ที่ศาลากลางจังหวัดครับ   ผมไม่ทราบว่าที่แม่สอดจะมีสำนักงานสาขาอยู่หรือไม่  น่าจะดีกว่าการฟ้องคดีครับ  เพราะไม่ต้องเสียค่าทนาย   ::014::  พรุ่งนี้ไปใช้เครื่องที่ห้องทำงานจะลงเบอร์โทรศัพท์ให้ครับ  เอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงานครับ   ::014::


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 09:02:58 PM
เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014::

ไม่ใช่สัญญาซื้อขายที่ดิน  แต่เป็นสัญญาจะซื้อ จะขาย ที่ดิน
เป็นเรืองทางแพ่ง ครับ คุณ visa จักต้องฟ้องคดีแพ่ง จึงจะได้เงินคืน เรื่องดำเนินคดี เมื่อคุณจัดการเองไม่ได้ ก็ต้องใช้ทนายความ

เมื่อเขาทำงานให้กับคุณ เขาต้องได้ค่าจ้าง จะเป็นเท่าไร ก็ตกลงกันก่อน  
ถ้าพอใจ ก็ให้เขาจัดการให้ ถ้าไม่ฟ้องก็ไม่มีทางได้เงินคืน ถ้าปล่อยไว้นาน ระวังเรื่องอายุความ แล้วจะไม่ได้อะไรเลย ครับ
หนังสือที่ผมทำเป็นหนังสือที่ระบุหัวกระดาษว่าสัญญาซื้อขายครับไม่ใช่สัญญาจะซื้อจะขายครับโดยระบุว่าตกลงซื้อขายกันราคาสองแสนบาทฝ่ายผู้ซื้อจ่ายเงินหนึ่งแสนบาทและจะจ่ายส่วนที่เหลือในวันโอนที่ครับ โดยตกลงกันว่าจะอีกหนึ่งปีจะโอนพร้อมจ่ายเงินส่วนที่เหลือครับ พอครบสํญญาฝ่ายคนขายไม่สามารถโอนให้ได้โดยอ้างว่าได้เอาที่แปลงนี้ไปประกันตัวเพื่อนแล้วเพื่อนหนีประกันครับแต่น่าสังเกตุว่ามีที่แปลงข้างๆกันที่โอนกันเสร็จแล้วก็มีครับ หนังสือสัญญาเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะสแกนมาให้ดูอีกทีครับ


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 09:05:54 PM
ใช้วิธีประนีประนอมทางกฎหมายก่อนดีไหม  ลองโทรไปปรึกษากับสำนักงานยุติธรรมจังหวัดดูครับ  อยู่ที่ศาลากลางจังหวัดครับ   ผมไม่ทราบว่าที่แม่สอดจะมีสำนักงานสาขาอยู่หรือไม่  น่าจะดีกว่าการฟ้องคดีครับ  เพราะไม่ต้องเสียค่าทนาย   ::014::
ขอบคุณครับ จริงๆแล้วผมก็ไม่อยากฟ้องร้องครับอยากจะเรียกให้มาคุยกันโดยมีเจ้าหน้าที่่เป็นคนกลางนั่นแหละครับแต่ไม่ทราบว่ามีหน่วยงานแบบนี้อยู่ด้วยขอบคุณมากครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: p23-504 รักในหลวง ที่ สิงหาคม 09, 2014, 09:21:49 PM
ที่ท่าน  RO@D - รักในหลวง  ว่านั่นแหละครับถึงแม้ว่าหัวเอกสารจะเขียนว่าสัญญาซื้อขาย  ก็ถือเป็นสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น  เพราะการซื้อขายที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมายต้องไปทำสัญญาซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์กันที่สำนักงานที่ดินเท่านั้น  ผมเคยโดนมาแล้วครับ   ::014:: 


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ สิงหาคม 09, 2014, 09:30:49 PM
        ๒๒ ส.ค.นี้ ครบกำหนดขายฝาก ๑ แปลง
ผมลุ้นให้เจ้าของมาเอากลับ อยากได้ตังค์-ดอกเบี้ย มากกว่าที่ดิน ครับ ::012:: ::012:: ::012::


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ สิงหาคม 09, 2014, 09:32:19 PM
หมื่นเดียวก็มีทนายรับทำ notice กับคำฟ้องให้แล้วครับ  หาพรรคพวกกันช่วยสิครับ ท่านก็ดูกว้างขวางในพื้นที่ไม่น่ามีปัญหาเรื่องพรรคพวก
ผมยังเคยทำคำฟ้องคดีมโนฯให้ฟรีๆเลย โจทก์เป็นชาวนาจนๆ  ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลด้วย เป็นคดีอนาถา

คดีของท่าน ค่าธรรมเนียมศาลตามทุนทรัพย์  สองสามพันบาท ค่าส่งหมาย ปิดหมายอีกไม่เกินพันนึง


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 10:58:35 PM
หมื่นเดียวก็มีทนายรับทำ notice กับคำฟ้องให้แล้วครับ  หาพรรคพวกกันช่วยสิครับ ท่านก็ดูกว้างขวางในพื้นที่ไม่น่ามีปัญหาเรื่องพรรคพวก
ผมยังเคยทำคำฟ้องคดีมโนฯให้ฟรีๆเลย โจทก์เป็นชาวนาจนๆ  ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลด้วย เป็นคดีอนาถา

คดีของท่าน ค่าธรรมเนียมศาลตามทุนทรัพย์  สองสามพันบาท ค่าส่งหมาย ปิดหมายอีกไม่เกินพันนึง
ขอบคุณครับ คนที่รู้จักกันก็ไม่มีใครเคยขึ้นโรงขึ้นศาลกันครับ


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ สิงหาคม 09, 2014, 11:36:57 PM
        ๒๒ ส.ค.นี้ ครบกำหนดขายฝาก ๑ แปลง
ผมลุ้นให้เจ้าของมาเอากลับ อยากได้ตังค์-ดอกเบี้ย มากกว่าที่ดิน ครับ ::012:: ::012:: ::012::


เอาไปเถอะน่า....พี่ครูหมู  ไปปั้นจักรยานได้อะไรขึ้นมาครับ เจ็บไข่  เอาสวนไว้ตัดยางดีกว่า แล้วเอาเงินให้เมียครับ  ::005::


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: p23-504 รักในหลวง ที่ สิงหาคม 10, 2014, 01:39:50 PM
ท่านแปจีหล่อ เบอร์โทรตรง สำนักงานยุติธรรมจังหวัดตาก 055 516996 อีกเบอร์เป็นมือถือของ จนท.(คนสวยครับ) 085 0417218 สอบถามปัญหาได้ทุกเรื่องครับ  ยกเว้นปัญหาหัวใจ   :VOV:   ::014::


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 10, 2014, 05:42:39 PM
ท่านแปจีหล่อ เบอร์โทรตรง สำนักงานยุติธรรมจังหวัดตาก 055 516996 อีกเบอร์เป็นมือถือของ จนท.(คนสวยครับ) 085 0417218 สอบถามปัญหาได้ทุกเรื่องครับ  ยกเว้นปัญหาหัวใจ   :VOV:   ::014::
ขอบคุณครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: krooyak ที่ สิงหาคม 11, 2014, 10:34:24 AM
เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014::

มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า สัญญาที่ทำขึ้นมิได้ติดอากร สัญญาจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลบังคับตามกฏหมาย หากจะฟ้องร้องต้องฟ้องตามความผิดฐานยักยอกทรัพย์ เนื่องจากตกลงว่าจะขายที่ดินให้กับโจทย์ และมีการเรียกเอาเงินมัดจำ เมื่อสัญญาไม่เกิดขึ้นจึงขอเงินมัดจำคืน เมื่อไม่ให้คืนจึงถือว่ามีเจตนายักยอกทรัพย์ของผู้อื่น เป็นคดีอาญา แต่คดียักยอกทรัพย์ สามารถยอมความกันได้  การวางเงินมัดจำดังกล่าว มีใบเสร็จรับเงินหรือไม่ หรือ มีเอกสารแสดงว่าผู้จะขายได้รับเงินไปแล้วจริงหรือไม่ เรื่องอย่างนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ฟ้องศาลทุนทรัพย์ไม่ถึงสามแสนบาท ฟ้องศาลแขวงได้เลย ขอทนายความอาสาจากสำนักงานยุติธรรมที่มีอยู่ทุกจังหวัด บ่ต้องเสียเงินเด้อครับบบบบบบ


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ สิงหาคม 11, 2014, 11:25:16 AM
เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014::

มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า สัญญาที่ทำขึ้นมิได้ติดอากร
สัญญาจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลบังคับตามกฏหมาย
 
หากจะฟ้องร้องต้องฟ้องตามความผิดฐานยักยอกทรัพย์
เนื่องจากตกลงว่าจะขายที่ดินให้กับโจทย์ และมีการเรียกเอาเงินมัดจำ
เมื่อสัญญาไม่เกิดขึ้นจึงขอเงินมัดจำคืน
เมื่อไม่ให้คืนจึงถือว่ามีเจตนายักยอกทรัพย์ของผู้อื่น เป็นคดีอาญา
แต่คดียักยอกทรัพย์ สามารถยอมความกันได้ 

การวางเงินมัดจำดังกล่าว มีใบเสร็จรับเงินหรือไม่
หรือ มีเอกสารแสดงว่าผู้จะขายได้รับเงินไปแล้วจริงหรือไม่
เรื่องอย่างนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ฟ้องศาลทุนทรัพย์ไม่ถึงสามแสนบาท ฟ้องศาลแขวงได้เลย
ขอทนายความอาสาจากสำนักงานยุติธรรมที่มีอยู่ทุกจังหวัด บ่ต้องเสียเงินเด้อครับบบบบบบ



5555  สัญญา  "  จะซื้อ จะขาย ที่ดิน "  ไม่ต้องติดอากร คร๊าบ อ่ะ ฮา 5555  ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: krooyak ที่ สิงหาคม 11, 2014, 12:33:13 PM
เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014::

มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า สัญญาที่ทำขึ้นมิได้ติดอากร
สัญญาจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลบังคับตามกฏหมาย
 
หากจะฟ้องร้องต้องฟ้องตามความผิดฐานยักยอกทรัพย์
เนื่องจากตกลงว่าจะขายที่ดินให้กับโจทย์ และมีการเรียกเอาเงินมัดจำ
เมื่อสัญญาไม่เกิดขึ้นจึงขอเงินมัดจำคืน
เมื่อไม่ให้คืนจึงถือว่ามีเจตนายักยอกทรัพย์ของผู้อื่น เป็นคดีอาญา
แต่คดียักยอกทรัพย์ สามารถยอมความกันได้ 

การวางเงินมัดจำดังกล่าว มีใบเสร็จรับเงินหรือไม่
หรือ มีเอกสารแสดงว่าผู้จะขายได้รับเงินไปแล้วจริงหรือไม่
เรื่องอย่างนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ฟ้องศาลทุนทรัพย์ไม่ถึงสามแสนบาท ฟ้องศาลแขวงได้เลย
ขอทนายความอาสาจากสำนักงานยุติธรรมที่มีอยู่ทุกจังหวัด บ่ต้องเสียเงินเด้อครับบบบบบบ



5555  สัญญา  "  จะซื้อ จะขาย ที่ดิน "  ไม่ต้องติดอากร คร๊าบ อ่ะ ฮา 5555  ::007:: ::007:: ::007::

ผมไม่ได้หมายถึง สัญญาจะซื้อจะขายครับ แต่เจ้าของกระทู้บอกว่า เป็นสัญญาซื้อขาย แต่จะโอนกรรมสิทธิให้เมื่อครบหนึ่งปี และมีการเรียกเงินมัดจำ หรือผมอ่านกระทู้ผิดไป 5555555+


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ สิงหาคม 11, 2014, 01:05:23 PM

 เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014::

มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า สัญญาที่ทำขึ้นมิได้ติดอากร
สัญญาจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลบังคับตามกฏหมาย
 
หากจะฟ้องร้องต้องฟ้องตามความผิดฐานยักยอกทรัพย์
เนื่องจากตกลงว่าจะขายที่ดินให้กับโจทย์ และมีการเรียกเอาเงินมัดจำ
เมื่อสัญญาไม่เกิดขึ้นจึงขอเงินมัดจำคืน
เมื่อไม่ให้คืนจึงถือว่ามีเจตนายักยอกทรัพย์ของผู้อื่น เป็นคดีอาญา
แต่คดียักยอกทรัพย์ สามารถยอมความกันได้ 

การวางเงินมัดจำดังกล่าว มีใบเสร็จรับเงินหรือไม่
หรือ มีเอกสารแสดงว่าผู้จะขายได้รับเงินไปแล้วจริงหรือไม่
เรื่องอย่างนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ฟ้องศาลทุนทรัพย์ไม่ถึงสามแสนบาท ฟ้องศาลแขวงได้เลย
ขอทนายความอาสาจากสำนักงานยุติธรรมที่มีอยู่ทุกจังหวัด บ่ต้องเสียเงินเด้อครับบบบบบบ



5555  สัญญา  "  จะซื้อ จะขาย ที่ดิน "  ไม่ต้องติดอากร คร๊าบ อ่ะ ฮา 5555  ::007:: ::007:: ::007::

ผมไม่ได้หมายถึง สัญญาจะซื้อจะขายครับ

แต่เจ้าของกระทู้บอกว่า เป็นสัญญาซื้อขาย แต่จะโอนกรรมสิทธิให้เมื่อครบหนึ่งปี
และมีการเรียกเงินมัดจำ หรือผมอ่านกระทู้ผิดไป 5555555+



55555  หนังสือ  สัญญา   " ซื้อ - ขาย " ที่ดิน  ก็ไม่ต้อง   ติดอากร  อ่ะ คร๊าบ  ฮา

สมมุติ  ซื้อขายกัน  "สามล้าน "  มัดจำแสนเดียว  ติดอากรเท่าไหร่ อ่ะ ฮา
ร้อยละเท่าไหร่  สามจุดสาม  หรือเปล่า  อ่ะ  ฮา
จะแปะอากร  เต็มจำนวน หรือ  เท่าที่มัดจำ อ่ะ ฮา

แล้วตอนไปโอน  "โดน อากร "  อีกหรือเปล่า อ่ะ ฮา

กฎหมายบัญญัติว่า  " ต้องไปจดทะเบียน ทำนิติกรรม "  กับเจ้าหน้าที่ ที่ดิน อ่ะ ฮา

พอตอน  "จดทะเบียน โอน "  ตอนนี้ ต้องจ่ายค่า  อากร 
ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ   รวมถึง เงินได้  ค่าพยาน  แล้วล่ะ คร๊าบ  ฮา


55555  ถ้าไปแอบขายกันเอง    " ตกเป็น โมฆะ "  อ่ะคร๊าบ ฮา  55555


หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ สิงหาคม 11, 2014, 02:15:10 PM

 เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014::

มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า สัญญาที่ทำขึ้นมิได้ติดอากร
สัญญาจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลบังคับตามกฏหมาย
 
หากจะฟ้องร้องต้องฟ้องตามความผิดฐานยักยอกทรัพย์
เนื่องจากตกลงว่าจะขายที่ดินให้กับโจทย์ และมีการเรียกเอาเงินมัดจำ
เมื่อสัญญาไม่เกิดขึ้นจึงขอเงินมัดจำคืน
เมื่อไม่ให้คืนจึงถือว่ามีเจตนายักยอกทรัพย์ของผู้อื่น เป็นคดีอาญา
แต่คดียักยอกทรัพย์ สามารถยอมความกันได้ 

การวางเงินมัดจำดังกล่าว มีใบเสร็จรับเงินหรือไม่
หรือ มีเอกสารแสดงว่าผู้จะขายได้รับเงินไปแล้วจริงหรือไม่
เรื่องอย่างนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ฟ้องศาลทุนทรัพย์ไม่ถึงสามแสนบาท ฟ้องศาลแขวงได้เลย
ขอทนายความอาสาจากสำนักงานยุติธรรมที่มีอยู่ทุกจังหวัด บ่ต้องเสียเงินเด้อครับบบบบบบ



5555  สัญญา  "  จะซื้อ จะขาย ที่ดิน "  ไม่ต้องติดอากร คร๊าบ อ่ะ ฮา 5555  ::007:: ::007:: ::007::

ผมไม่ได้หมายถึง สัญญาจะซื้อจะขายครับ

แต่เจ้าของกระทู้บอกว่า เป็นสัญญาซื้อขาย แต่จะโอนกรรมสิทธิให้เมื่อครบหนึ่งปี
และมีการเรียกเงินมัดจำ หรือผมอ่านกระทู้ผิดไป 5555555+



55555  หนังสือ  สัญญา   " ซื้อ - ขาย " ที่ดิน  ก็ไม่ต้อง   ติดอากร  อ่ะ คร๊าบ  ฮา

สมมุติ  ซื้อขายกัน  "สามล้าน "  มัดจำแสนเดียว  ติดอากรเท่าไหร่ อ่ะ ฮา
ร้อยละเท่าไหร่  สามจุดสาม  หรือเปล่า  อ่ะ  ฮา
จะแปะอากร  เต็มจำนวน หรือ  เท่าที่มัดจำ อ่ะ ฮา

แล้วตอนไปโอน  "โดน อากร "  อีกหรือเปล่า อ่ะ ฮา

กฎหมายบัญญัติว่า  " ต้องไปจดทะเบียน ทำนิติกรรม "  กับเจ้าหน้าที่ ที่ดิน อ่ะ ฮา

พอตอน  "จดทะเบียน โอน "  ตอนนี้ ต้องจ่ายค่า  อากร 
ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ   รวมถึง เงินได้  ค่าพยาน  แล้วล่ะ คร๊าบ  ฮา


55555  ถ้าไปแอบขายกันเอง    " ตกเป็น โมฆะ "  อ่ะคร๊าบ ฮา  55555



555555  ยายมา  " ขยายความ " นิ๊ดนุงส์  อ่ะ ฮา 5555

ไอ้หนังสือ  วางเงิน มัดจำ  เนี่ยะ  เขาเรียกว่า  " จะซื้อ จะขาย " อ่ะ ฮา
ทำมัยเรียกอย่างนี้    ก็เพราะมัน  " ยังไม่ได้จ่าย  เต็มจำนวน "  อ่ะ ฮา

ส่วนหนังสือ  " สัญญา  ซื้อ - ขาย " ที่ดิน  ฮา
เจ้าพนักงานที่ดิน  เขาจะ  ใช้  " แบบฟอร์ม ของที่ดิน"  อ่ะ ฮา
เขาจะ  " กรอก ชื่อ คนขาย - คนซื้อ "  ราคา  แล้ว ปริ๊นซ์ ออกมาอ่ะ ฮา

ไอ้หนังสือนี้แหละ  ที่ต้อง " แปะอากร " ฮา
แต่เดียวนี้  เขาไม่แปะกันแล้ว  ใช้วิธี  ให้ "จ่าย ค่าอากร " แทน อ่ะ ฮา
ตอนจ่ายเงิน  เขาจะมี "ใบเสร็จ สีฟ้า "  ให้เรา ไว้เป็นหลักฐาน อ่ะ ฮา

5555 ส่วนด้านคนขาย  หากได้ที่ดินมาเกิน  " ห้าปี " ยกเว้นค่าภาษี ธุรกิจเฉพาะ อ่ะ ฮา555