หัวข้อ: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 11:17:43 AM เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014::
หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ สิงหาคม 09, 2014, 11:59:36 AM เบื่อพวกที่ไม่รักษาสัญญา แล้วยังเอาเปรียบอีก
ความเห็นผมนะ เจรจาไกล่เกลี่ยได้ก็ดีแต่จ่ายเงินคืนพร้อมค่าเสียเวลาเท่าดอกเบี้ยที่ศาลเคยกำหนด 7% แต่หากฟ้องร้องแล้วชนะก็ได้ราวๆนี้มังครับ แต่จำเลยต้องจ่ายค่าทนายให้เรา อย่างไรก็ดีลองดูความเห็นท่านอื่นหรือ เพื่อนๆทนายในเวปเราอีกทีครับ หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 12:04:29 PM เบื่อพวกที่ไม่รักษาสัญญา แล้วยังเอาเปรียบอีก ขอบคุณครับ ถ้าว่าเป็นคนยากคนจนก็ว่าไปอย่างครับจะว่าไม่มีเงินมาจ่ายคืนจริงๆความเห็นผมนะ เจรจาไกล่เกลี่ยได้ก็ดีแต่จ่ายเงินคืนพร้อมค่าเสียเวลาเท่าดอกเบี้ยที่ศาลเคยกำหนด 7% แต่หากฟ้องร้องแล้วชนะก็ได้ราวๆนี้มังครับ แต่จำเลยต้องจ่ายค่าทนายให้เรา อย่างไรก็ดีลองดูความเห็นท่านอื่นหรือ เพื่อนๆทนายในเวปเราอีกทีครับ หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: yutthakarn ที่ สิงหาคม 09, 2014, 01:18:40 PM เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งครับ คงจะดำเนินคดีอาญาไม่ได้ ถ้าแจ้งความร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนคงไม่รับแจ้งความ ถ้าจะดำเนินคดี ก็เป็นการฟ้องคดีแพ่งครับ
หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ สิงหาคม 09, 2014, 02:59:32 PM เหมือนผมเลย ซื้อมาสิบปีแล้วยังโอนให้ผมไม่ได้เลย ผมจ่ายให้แค่ครึ่งเดียวแล้วผมกรีดยางจนได้เงินมากกว่าที่ผมจ่ายไปแล้วครับ
หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 09, 2014, 03:09:14 PM เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014:: ไม่ใช่สัญญาซื้อขายที่ดิน แต่เป็นสัญญาจะซื้อ จะขาย ที่ดิน เป็นเรืองทางแพ่ง ครับ คุณ visa จักต้องฟ้องคดีแพ่ง จึงจะได้เงินคืน เรื่องดำเนินคดี เมื่อคุณจัดการเองไม่ได้ ก็ต้องใช้ทนายความ เมื่อเขาทำงานให้กับคุณ เขาต้องได้ค่าจ้าง จะเป็นเท่าไร ก็ตกลงกันก่อน ถ้าพอใจ ก็ให้เขาจัดการให้ ถ้าไม่ฟ้องก็ไม่มีทางได้เงินคืน ถ้าปล่อยไว้นาน ระวังเรื่องอายุความ แล้วจะไม่ได้อะไรเลย ครับ หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 04:32:26 PM ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาแนะนำครับ
หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ สิงหาคม 09, 2014, 04:50:44 PM เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาท กำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ) ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับ ใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจ แบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสน ไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014:: ไม่ใช่สัญญาซื้อขายที่ดิน แต่เป็นสัญญาจะซื้อ จะขาย ที่ดิน เป็นเรืองทางแพ่ง ครับ คุณ visa จักต้องฟ้องคดีแพ่ง จึงจะได้เงินคืน เรื่องดำเนินคดี เมื่อคุณจัดการเองไม่ได้ ก็ต้องใช้ทนายความ เมื่อเขาทำงานให้กับคุณ เขาต้องได้ค่าจ้าง จะเป็นเท่าไร ก็ตกลงกันก่อน ถ้าพอใจ ก็ให้เขาจัดการให้ ถ้าไม่ฟ้องก็ไม่มีทางได้เงินคืน ถ้าปล่อยไว้นาน ระวังเรื่องอายุความ แล้วจะไม่ได้อะไรเลย ครับ 55555 อ้าวพี่แป เป็น " ศิลปิน Visa " เหรอ อ่ะ ฮา 55555 ::007:: ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ สิงหาคม 09, 2014, 06:06:57 PM ชิหายแระ....เค้ามียึกยักกันด้วยเหรอครับ เพิ่งมัดจำไว้แปลงนึง บอกสิ้นเดือนนี้โอนกัน คนไม่รู้จัก เจอกันทีเดียว ร้านกาแฟ เราใจง่าย วางมัดจำไปแระ ::003:: ::005::
หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ สิงหาคม 09, 2014, 06:26:56 PM http://www.fpmconsultant.com/htm/advocate_dtl.php?id=440
เรื่องที่ 440 ทนายสอนน้อง ...เรื่อง อายุความตามมูลหนี้สัญญาจะซื้อจะขาย เรื่อง ขอคำปรึกษา เรียน ที่ปรึกษากฎหมาย คำถาม อยากทราบว่ามูลหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขาย มีอายุความกี่ปี และเริ่มนับตั้งแต่เมื่อไรค่ะ ขอบคุณค่ะ ตอบคำถาม ตามที่ท่านได้ขอคำปรึกษาเรื่อง มูลหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายมีอายุความกี่ปี และเริ่มนับอายุความตั้งแต่เมื่อไร นั้น ที่ปรึกษากฎหมายขอเรียนให้คำปรึกษาดังนี้ 1. อายุความสัญญาจะซื้อจะขาย 1.1) สัญญาจะซื้อจะขายคือสัญญาที่คู่สัญญามีเจตนาจะโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ให้ถูกต้องตามแบบของกฎหมาย 1.2) ในการทำสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ หรือสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาสองหมื่นบาทขึ้นไปต้องทำเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ หรือได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วน สัญญาจะซื้อจะขายจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ ตามป.พ.พ.มาตรา 456 เช่น ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงหนึ่งในราคาแปลงละ 3,000,000 บาท โดยนัดจะไปจดทะเบียนโอนที่ดินกันในวันเดียวกันนี้ของปีหน้า โดยผู้ซื้อได้วางเงินมัดจำให้ไว้แก่ผู้ขายเป็นเงิน 100,000 บาท และคู่สัญญายังตกลงกันอีกว่า จะมาทำหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าวภายใน 7 วัน เพื่อกำหนดงวดการชำระเงินค่าที่ดิน เช่นนี้ แม้ว่าสัญญาซื้อขายที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์กฎหมายบัญญัติให้ต้องทำตามแบบของกฎหมาย คือ ต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญาซื้อขายจึงจะสมบูรณ์ แต่กรณีนี้เป็นสัญญาจะซื้อจะขาย แม้ยังไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในขณะที่ทำสัญญา สัญญานี้ก็ไม่ตกเป็นโมฆะ เนื่องจากคู่สัญญามีเจตนาที่จะดำเนินการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ถ้าคู่สัญญาผิดสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งก็สามารถบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ เพราะมีหลักฐานการบังคับคดีแล้ว คือได้วางมัดจำนั่นเอง 1.3) อายุความตามมูลหนี้สัญญาจะซื้อจะขายไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เฉพาะ จึงให้มีกำหนดอายุความสิบปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา 193/30 อายุความนั้น ถ้าประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นมิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ให้มีกำหนดสิบปี คำพิพากษาฎีกาที่ 1624/2535, 6368/2541 การฟ้องบังคับตามสัญญาจะซื้อขาย ไม่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะว่าให้ใช้บังคับเสียภายในระยะเวลาเท่าใด จึงมีอายุความ 10 ปี 2. หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเริ่มนับอายุความแยกพิจารณาตามมาตรา 193/12 และ 193/13 ดังนี้ 2.1) กรณีสิทธิเรียกร้องทั่วไป 2.1.1) ถ้าเป็นสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ (ก) ในกรณีมีกำหนดเวลาชำระหนี้ให้เริ่มนับวันรุ่งขึ้นจากวันที่ครบกำหนด (ข) ในกรณีที่ไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันทำนิติกรรม (ค) ในกรณีที่สิทธิเรียกร้องไม่ได้เกิดจากนิติกรรม ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป โดยยึดหลักที่ว่า เริ่มนับตั้งแต่ขณะที่เจ้าหนี้อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ 2.2) กรณีสิทธิเรียกร้องที่จะต้องมีการบอกกล่าวให้ชำระหนี้ก่อน 2.2.1) กรณีสิทธิเรียกร้องที่ต้องมีการทวงถาม หมายถึง สิทธิเรียกร้องที่มีการกำหนดให้เจ้าหนี้มีหน้าที่ทวงถามลูกหนี้ให้ชำระหนี้ก่อน หากเจ้าหนี้ยังไม่ทวงถาม ลูกหนี้ยังไม่ต้องชำระหนี้ การกำหนดให้เจ้าหนี้มีหน้าที่ทวงถาม ปกติจะกำหนดโดยสัญญาที่ก่อสิทธิเรียกร้องนั้น คือ สัญญาที่ก่อสิทธิเรียกร้องขึ้น มีข้อตกลงกำหนดให้เจ้าหนี้ทวงถามให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อน โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้คืน ( หรือมีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้คืนก็ได้) และสัญญามีข้อตกลงกำหนดว่า เมื่อเจ้าหนี้ต้องการให้ชำระหนี้จะต้องบอกกล่าวลูกหนี้ก่อน 2.2.2) การเริ่มนับอายุความกรณีทวงถามโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ คือ เจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องทวงถามลูกหนี้ก่อน จึงจะมีสิทธิฟ้องบังคับคดีได้ โดยสัญญาที่ก่อสิทธิเรียกร้องกำหนดให้เจ้าหนี้มีหน้าที่อย่างเดียว คือ ทวงถามลูกหนี้ก่อน ไ ม่ต้องกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ให้ลูกหนี้แต่อย่างใด กฎหมายให้เริ่มนับอายุความ ตั้งแต่เวลาแรกที่อาจทวงถามได้เป็นต้นไป คำว่า เวลาแรกที่อาจทวงถามได้ คือ เพียงอาจทวงถามได้เท่านั้น แม้ยังไม่ได้ทวงถาม อายุความเริ่มนับแล้ว ดังนี้เจ้าหนี้จะทวงถามลูกหนี้หรือไม่ ไม่มีผลต่อการเริ่มนับอายุความ เพราะอายุความเริ่มนับมาแล้วตั้งแต่เวลาแรกที่อาจทวงถามได้ ไม่ได้เริ่มนับเมื่อได้ทวงถาม 2.2.3) การเริ่มนับอายุความกรณีทวงถามโดยมีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ คือ สัญญาก่อสิทธิเรียกร้องกำหนดให้เจ้าหนี้มีหน้าที่ 2 ประการ ได้แก่ หน้าที่ทวงถามลูกหนี้ และหน้าที่กำหนดระยะเวลาชำระหนี้ให้ลูกหนี้ด้วย ซึ่งลูกหนี้จะต้องชำระหนี้ ต่อเมื่อพ้นระยะเวลาชำระหนี้ที่เจ้าหนี้กำหนด กฎหมายให้เริ่มนับอายุความ ตั้งแต่ระยะเวลานั้นได้สิ้นสุดไปแล้ว การเริ่มนับอายุความเมื่อพ้นระยะเวลาชำระหนี้ที่เจ้าหนี้ต้องกำหนดในการทวงถาม เจ้าหนี้จะได้ทวงถามจริงๆ หรือไม่ ไม่สำคัญ แม้ยังมิได้ทวงถามลูกหนี้เลย อายุความเริ่มนับแล้ว เช่น ทำสัญญาจะซื้อจะขายเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2549 โดยไม่มีกำหนดเวลาให้ชำระหนี้ แต่สัญญาระบุว่า เมื่อเจ้าหนี้ต้องการให้ชำระหนี้ต้องบอกกล่าวให้ลูกหนี้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้มิได้กำหนดระยะเวลาไว้ จึงถึงกำหนดในวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย แต่สัญญากำหนดให้เจ้าหนี้ทวงถามล่วงหน้า 1 เดือน อายุความเริ่มนับเมื่อพ้น 1 เดือน นับแต่วันทำสัญญาจะซื้อจะขาย คือเริ่มนับวันที่ 1 มกราคม 2550 แม้เจ้าหนี้ยังไม่ได้ทวงถามลูกหนี้เลย อายุความเริ่มนับแล้ว จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา จงรักษ์ นรแสน (ที่ปรึกษากฎหมาย) www.fpmconsultant.com e-mail : jongrak@fpmconsultant.com หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ สิงหาคม 09, 2014, 07:32:44 PM อยากได้เงินคืนก็เจรจาสิครับง่ายที่สุด ถ้าอยากได้ดอกเบี้ยด้วยก็อีกเรื่องหนึ่ง ลองเจรจากันดู ทำที่โรงพักลง ปจว.ก็ขลังดี
ถ้าไม่ยอมคืน จึงค่อยไปหาทนาย สอบข้อเท็จจริงดู พยานหลักฐานมีเพียงพอในการยื่นคำฟ้องใช้สิทธิ์ทางศาลหรือไม่ ค่าทนายเป็นค่าวิชาชีพ ให้เขาทำงานตามวิชาชีพที่เรียนมา เหมือนจ้างคนพม่าแบกของก็ต้องจ่ายตังให้ ไม่งั้นต้องแบกเอง ขอให้โชคดีได้เงินคืนครบ หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 08:55:39 PM อยากได้เงินคืนก็เจรจาสิครับง่ายที่สุด ถ้าอยากได้ดอกเบี้ยด้วยก็อีกเรื่องหนึ่ง ลองเจรจากันดู ทำที่โรงพักลง ปจว.ก็ขลังดี ผมตามทวงทุกเดือนมาสองปีกว่าได้แล้วครับ เรื่องค่าทนายไม่ใช่ว่ากลัวได้จ่ายครับแค่ไม่ทราบว่าค่าจ้างทนายเท่าไหร่แค่นั้นเองครับสมมุติว่าค่าทนายหกเจ็ดหมื่นแต่เงินที่ผมจะได้คืนแค่แสนเดียวแบบนี้ก็ไม่คุ้มที่จะฟ้องร้องไงครับ ถ้าไม่ยอมคืน จึงค่อยไปหาทนาย สอบข้อเท็จจริงดู พยานหลักฐานมีเพียงพอในการยื่นคำฟ้องใช้สิทธิ์ทางศาลหรือไม่ ค่าทนายเป็นค่าวิชาชีพ ให้เขาทำงานตามวิชาชีพที่เรียนมา เหมือนจ้างคนพม่าแบกของก็ต้องจ่ายตังให้ ไม่งั้นต้องแบกเอง ขอให้โชคดีได้เงินคืนครบ หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: p23-504 รักในหลวง ที่ สิงหาคม 09, 2014, 08:56:20 PM ใช้วิธีประนีประนอมทางกฎหมายก่อนดีไหม ลองโทรไปปรึกษากับสำนักงานยุติธรรมจังหวัดดูครับ อยู่ที่ศาลากลางจังหวัดครับ ผมไม่ทราบว่าที่แม่สอดจะมีสำนักงานสาขาอยู่หรือไม่ น่าจะดีกว่าการฟ้องคดีครับ เพราะไม่ต้องเสียค่าทนาย ::014:: พรุ่งนี้ไปใช้เครื่องที่ห้องทำงานจะลงเบอร์โทรศัพท์ให้ครับ เอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงานครับ ::014::
หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 09:02:58 PM เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014:: ไม่ใช่สัญญาซื้อขายที่ดิน แต่เป็นสัญญาจะซื้อ จะขาย ที่ดิน เป็นเรืองทางแพ่ง ครับ คุณ visa จักต้องฟ้องคดีแพ่ง จึงจะได้เงินคืน เรื่องดำเนินคดี เมื่อคุณจัดการเองไม่ได้ ก็ต้องใช้ทนายความ เมื่อเขาทำงานให้กับคุณ เขาต้องได้ค่าจ้าง จะเป็นเท่าไร ก็ตกลงกันก่อน ถ้าพอใจ ก็ให้เขาจัดการให้ ถ้าไม่ฟ้องก็ไม่มีทางได้เงินคืน ถ้าปล่อยไว้นาน ระวังเรื่องอายุความ แล้วจะไม่ได้อะไรเลย ครับ หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 09:05:54 PM ใช้วิธีประนีประนอมทางกฎหมายก่อนดีไหม ลองโทรไปปรึกษากับสำนักงานยุติธรรมจังหวัดดูครับ อยู่ที่ศาลากลางจังหวัดครับ ผมไม่ทราบว่าที่แม่สอดจะมีสำนักงานสาขาอยู่หรือไม่ น่าจะดีกว่าการฟ้องคดีครับ เพราะไม่ต้องเสียค่าทนาย ::014:: ขอบคุณครับ จริงๆแล้วผมก็ไม่อยากฟ้องร้องครับอยากจะเรียกให้มาคุยกันโดยมีเจ้าหน้าที่่เป็นคนกลางนั่นแหละครับแต่ไม่ทราบว่ามีหน่วยงานแบบนี้อยู่ด้วยขอบคุณมากครับ ::014::หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: p23-504 รักในหลวง ที่ สิงหาคม 09, 2014, 09:21:49 PM ที่ท่าน RO@D - รักในหลวง ว่านั่นแหละครับถึงแม้ว่าหัวเอกสารจะเขียนว่าสัญญาซื้อขาย ก็ถือเป็นสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น เพราะการซื้อขายที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมายต้องไปทำสัญญาซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์กันที่สำนักงานที่ดินเท่านั้น ผมเคยโดนมาแล้วครับ ::014::
หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ สิงหาคม 09, 2014, 09:30:49 PM ๒๒ ส.ค.นี้ ครบกำหนดขายฝาก ๑ แปลง
ผมลุ้นให้เจ้าของมาเอากลับ อยากได้ตังค์-ดอกเบี้ย มากกว่าที่ดิน ครับ ::012:: ::012:: ::012:: หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ สิงหาคม 09, 2014, 09:32:19 PM หมื่นเดียวก็มีทนายรับทำ notice กับคำฟ้องให้แล้วครับ หาพรรคพวกกันช่วยสิครับ ท่านก็ดูกว้างขวางในพื้นที่ไม่น่ามีปัญหาเรื่องพรรคพวก
ผมยังเคยทำคำฟ้องคดีมโนฯให้ฟรีๆเลย โจทก์เป็นชาวนาจนๆ ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลด้วย เป็นคดีอนาถา คดีของท่าน ค่าธรรมเนียมศาลตามทุนทรัพย์ สองสามพันบาท ค่าส่งหมาย ปิดหมายอีกไม่เกินพันนึง หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 09, 2014, 10:58:35 PM หมื่นเดียวก็มีทนายรับทำ notice กับคำฟ้องให้แล้วครับ หาพรรคพวกกันช่วยสิครับ ท่านก็ดูกว้างขวางในพื้นที่ไม่น่ามีปัญหาเรื่องพรรคพวก ขอบคุณครับ คนที่รู้จักกันก็ไม่มีใครเคยขึ้นโรงขึ้นศาลกันครับผมยังเคยทำคำฟ้องคดีมโนฯให้ฟรีๆเลย โจทก์เป็นชาวนาจนๆ ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลด้วย เป็นคดีอนาถา คดีของท่าน ค่าธรรมเนียมศาลตามทุนทรัพย์ สองสามพันบาท ค่าส่งหมาย ปิดหมายอีกไม่เกินพันนึง หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ สิงหาคม 09, 2014, 11:36:57 PM ๒๒ ส.ค.นี้ ครบกำหนดขายฝาก ๑ แปลง ผมลุ้นให้เจ้าของมาเอากลับ อยากได้ตังค์-ดอกเบี้ย มากกว่าที่ดิน ครับ ::012:: ::012:: ::012:: เอาไปเถอะน่า....พี่ครูหมู ไปปั้นจักรยานได้อะไรขึ้นมาครับ เจ็บไข่ เอาสวนไว้ตัดยางดีกว่า แล้วเอาเงินให้เมียครับ ::005:: หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: p23-504 รักในหลวง ที่ สิงหาคม 10, 2014, 01:39:50 PM ท่านแปจีหล่อ เบอร์โทรตรง สำนักงานยุติธรรมจังหวัดตาก 055 516996 อีกเบอร์เป็นมือถือของ จนท.(คนสวยครับ) 085 0417218 สอบถามปัญหาได้ทุกเรื่องครับ ยกเว้นปัญหาหัวใจ :VOV: ::014::
หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ สิงหาคม 10, 2014, 05:42:39 PM ท่านแปจีหล่อ เบอร์โทรตรง สำนักงานยุติธรรมจังหวัดตาก 055 516996 อีกเบอร์เป็นมือถือของ จนท.(คนสวยครับ) 085 0417218 สอบถามปัญหาได้ทุกเรื่องครับ ยกเว้นปัญหาหัวใจ :VOV: ::014:: ขอบคุณครับ ::014::หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: krooyak ที่ สิงหาคม 11, 2014, 10:34:24 AM เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014:: มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า สัญญาที่ทำขึ้นมิได้ติดอากร สัญญาจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลบังคับตามกฏหมาย หากจะฟ้องร้องต้องฟ้องตามความผิดฐานยักยอกทรัพย์ เนื่องจากตกลงว่าจะขายที่ดินให้กับโจทย์ และมีการเรียกเอาเงินมัดจำ เมื่อสัญญาไม่เกิดขึ้นจึงขอเงินมัดจำคืน เมื่อไม่ให้คืนจึงถือว่ามีเจตนายักยอกทรัพย์ของผู้อื่น เป็นคดีอาญา แต่คดียักยอกทรัพย์ สามารถยอมความกันได้ การวางเงินมัดจำดังกล่าว มีใบเสร็จรับเงินหรือไม่ หรือ มีเอกสารแสดงว่าผู้จะขายได้รับเงินไปแล้วจริงหรือไม่ เรื่องอย่างนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ฟ้องศาลทุนทรัพย์ไม่ถึงสามแสนบาท ฟ้องศาลแขวงได้เลย ขอทนายความอาสาจากสำนักงานยุติธรรมที่มีอยู่ทุกจังหวัด บ่ต้องเสียเงินเด้อครับบบบบบบ หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ สิงหาคม 11, 2014, 11:25:16 AM เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014:: มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า สัญญาที่ทำขึ้นมิได้ติดอากร สัญญาจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลบังคับตามกฏหมาย หากจะฟ้องร้องต้องฟ้องตามความผิดฐานยักยอกทรัพย์ เนื่องจากตกลงว่าจะขายที่ดินให้กับโจทย์ และมีการเรียกเอาเงินมัดจำ เมื่อสัญญาไม่เกิดขึ้นจึงขอเงินมัดจำคืน เมื่อไม่ให้คืนจึงถือว่ามีเจตนายักยอกทรัพย์ของผู้อื่น เป็นคดีอาญา แต่คดียักยอกทรัพย์ สามารถยอมความกันได้ การวางเงินมัดจำดังกล่าว มีใบเสร็จรับเงินหรือไม่ หรือ มีเอกสารแสดงว่าผู้จะขายได้รับเงินไปแล้วจริงหรือไม่ เรื่องอย่างนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ฟ้องศาลทุนทรัพย์ไม่ถึงสามแสนบาท ฟ้องศาลแขวงได้เลย ขอทนายความอาสาจากสำนักงานยุติธรรมที่มีอยู่ทุกจังหวัด บ่ต้องเสียเงินเด้อครับบบบบบบ 5555 สัญญา " จะซื้อ จะขาย ที่ดิน " ไม่ต้องติดอากร คร๊าบ อ่ะ ฮา 5555 ::007:: ::007:: ::007:: หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: krooyak ที่ สิงหาคม 11, 2014, 12:33:13 PM เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014:: มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า สัญญาที่ทำขึ้นมิได้ติดอากร สัญญาจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลบังคับตามกฏหมาย หากจะฟ้องร้องต้องฟ้องตามความผิดฐานยักยอกทรัพย์ เนื่องจากตกลงว่าจะขายที่ดินให้กับโจทย์ และมีการเรียกเอาเงินมัดจำ เมื่อสัญญาไม่เกิดขึ้นจึงขอเงินมัดจำคืน เมื่อไม่ให้คืนจึงถือว่ามีเจตนายักยอกทรัพย์ของผู้อื่น เป็นคดีอาญา แต่คดียักยอกทรัพย์ สามารถยอมความกันได้ การวางเงินมัดจำดังกล่าว มีใบเสร็จรับเงินหรือไม่ หรือ มีเอกสารแสดงว่าผู้จะขายได้รับเงินไปแล้วจริงหรือไม่ เรื่องอย่างนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ฟ้องศาลทุนทรัพย์ไม่ถึงสามแสนบาท ฟ้องศาลแขวงได้เลย ขอทนายความอาสาจากสำนักงานยุติธรรมที่มีอยู่ทุกจังหวัด บ่ต้องเสียเงินเด้อครับบบบบบบ 5555 สัญญา " จะซื้อ จะขาย ที่ดิน " ไม่ต้องติดอากร คร๊าบ อ่ะ ฮา 5555 ::007:: ::007:: ::007:: ผมไม่ได้หมายถึง สัญญาจะซื้อจะขายครับ แต่เจ้าของกระทู้บอกว่า เป็นสัญญาซื้อขาย แต่จะโอนกรรมสิทธิให้เมื่อครบหนึ่งปี และมีการเรียกเงินมัดจำ หรือผมอ่านกระทู้ผิดไป 5555555+ หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ สิงหาคม 11, 2014, 01:05:23 PM เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014:: มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า สัญญาที่ทำขึ้นมิได้ติดอากร สัญญาจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลบังคับตามกฏหมาย หากจะฟ้องร้องต้องฟ้องตามความผิดฐานยักยอกทรัพย์ เนื่องจากตกลงว่าจะขายที่ดินให้กับโจทย์ และมีการเรียกเอาเงินมัดจำ เมื่อสัญญาไม่เกิดขึ้นจึงขอเงินมัดจำคืน เมื่อไม่ให้คืนจึงถือว่ามีเจตนายักยอกทรัพย์ของผู้อื่น เป็นคดีอาญา แต่คดียักยอกทรัพย์ สามารถยอมความกันได้ การวางเงินมัดจำดังกล่าว มีใบเสร็จรับเงินหรือไม่ หรือ มีเอกสารแสดงว่าผู้จะขายได้รับเงินไปแล้วจริงหรือไม่ เรื่องอย่างนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ฟ้องศาลทุนทรัพย์ไม่ถึงสามแสนบาท ฟ้องศาลแขวงได้เลย ขอทนายความอาสาจากสำนักงานยุติธรรมที่มีอยู่ทุกจังหวัด บ่ต้องเสียเงินเด้อครับบบบบบบ 5555 สัญญา " จะซื้อ จะขาย ที่ดิน " ไม่ต้องติดอากร คร๊าบ อ่ะ ฮา 5555 ::007:: ::007:: ::007:: ผมไม่ได้หมายถึง สัญญาจะซื้อจะขายครับ แต่เจ้าของกระทู้บอกว่า เป็นสัญญาซื้อขาย แต่จะโอนกรรมสิทธิให้เมื่อครบหนึ่งปี และมีการเรียกเงินมัดจำ หรือผมอ่านกระทู้ผิดไป 5555555+ 55555 หนังสือ สัญญา " ซื้อ - ขาย " ที่ดิน ก็ไม่ต้อง ติดอากร อ่ะ คร๊าบ ฮา สมมุติ ซื้อขายกัน "สามล้าน " มัดจำแสนเดียว ติดอากรเท่าไหร่ อ่ะ ฮา ร้อยละเท่าไหร่ สามจุดสาม หรือเปล่า อ่ะ ฮา จะแปะอากร เต็มจำนวน หรือ เท่าที่มัดจำ อ่ะ ฮา แล้วตอนไปโอน "โดน อากร " อีกหรือเปล่า อ่ะ ฮา กฎหมายบัญญัติว่า " ต้องไปจดทะเบียน ทำนิติกรรม " กับเจ้าหน้าที่ ที่ดิน อ่ะ ฮา พอตอน "จดทะเบียน โอน " ตอนนี้ ต้องจ่ายค่า อากร ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมถึง เงินได้ ค่าพยาน แล้วล่ะ คร๊าบ ฮา 55555 ถ้าไปแอบขายกันเอง " ตกเป็น โมฆะ " อ่ะคร๊าบ ฮา 55555 หัวข้อ: Re: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ สิงหาคม 11, 2014, 02:15:10 PM เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ::014:: มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า สัญญาที่ทำขึ้นมิได้ติดอากร สัญญาจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลบังคับตามกฏหมาย หากจะฟ้องร้องต้องฟ้องตามความผิดฐานยักยอกทรัพย์ เนื่องจากตกลงว่าจะขายที่ดินให้กับโจทย์ และมีการเรียกเอาเงินมัดจำ เมื่อสัญญาไม่เกิดขึ้นจึงขอเงินมัดจำคืน เมื่อไม่ให้คืนจึงถือว่ามีเจตนายักยอกทรัพย์ของผู้อื่น เป็นคดีอาญา แต่คดียักยอกทรัพย์ สามารถยอมความกันได้ การวางเงินมัดจำดังกล่าว มีใบเสร็จรับเงินหรือไม่ หรือ มีเอกสารแสดงว่าผู้จะขายได้รับเงินไปแล้วจริงหรือไม่ เรื่องอย่างนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ฟ้องศาลทุนทรัพย์ไม่ถึงสามแสนบาท ฟ้องศาลแขวงได้เลย ขอทนายความอาสาจากสำนักงานยุติธรรมที่มีอยู่ทุกจังหวัด บ่ต้องเสียเงินเด้อครับบบบบบบ 5555 สัญญา " จะซื้อ จะขาย ที่ดิน " ไม่ต้องติดอากร คร๊าบ อ่ะ ฮา 5555 ::007:: ::007:: ::007:: ผมไม่ได้หมายถึง สัญญาจะซื้อจะขายครับ แต่เจ้าของกระทู้บอกว่า เป็นสัญญาซื้อขาย แต่จะโอนกรรมสิทธิให้เมื่อครบหนึ่งปี และมีการเรียกเงินมัดจำ หรือผมอ่านกระทู้ผิดไป 5555555+ 55555 หนังสือ สัญญา " ซื้อ - ขาย " ที่ดิน ก็ไม่ต้อง ติดอากร อ่ะ คร๊าบ ฮา สมมุติ ซื้อขายกัน "สามล้าน " มัดจำแสนเดียว ติดอากรเท่าไหร่ อ่ะ ฮา ร้อยละเท่าไหร่ สามจุดสาม หรือเปล่า อ่ะ ฮา จะแปะอากร เต็มจำนวน หรือ เท่าที่มัดจำ อ่ะ ฮา แล้วตอนไปโอน "โดน อากร " อีกหรือเปล่า อ่ะ ฮา กฎหมายบัญญัติว่า " ต้องไปจดทะเบียน ทำนิติกรรม " กับเจ้าหน้าที่ ที่ดิน อ่ะ ฮา พอตอน "จดทะเบียน โอน " ตอนนี้ ต้องจ่ายค่า อากร ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมถึง เงินได้ ค่าพยาน แล้วล่ะ คร๊าบ ฮา 55555 ถ้าไปแอบขายกันเอง " ตกเป็น โมฆะ " อ่ะคร๊าบ ฮา 55555 555555 ยายมา " ขยายความ " นิ๊ดนุงส์ อ่ะ ฮา 5555 ไอ้หนังสือ วางเงิน มัดจำ เนี่ยะ เขาเรียกว่า " จะซื้อ จะขาย " อ่ะ ฮา ทำมัยเรียกอย่างนี้ ก็เพราะมัน " ยังไม่ได้จ่าย เต็มจำนวน " อ่ะ ฮา ส่วนหนังสือ " สัญญา ซื้อ - ขาย " ที่ดิน ฮา เจ้าพนักงานที่ดิน เขาจะ ใช้ " แบบฟอร์ม ของที่ดิน" อ่ะ ฮา เขาจะ " กรอก ชื่อ คนขาย - คนซื้อ " ราคา แล้ว ปริ๊นซ์ ออกมาอ่ะ ฮา ไอ้หนังสือนี้แหละ ที่ต้อง " แปะอากร " ฮา แต่เดียวนี้ เขาไม่แปะกันแล้ว ใช้วิธี ให้ "จ่าย ค่าอากร " แทน อ่ะ ฮา ตอนจ่ายเงิน เขาจะมี "ใบเสร็จ สีฟ้า " ให้เรา ไว้เป็นหลักฐาน อ่ะ ฮา 5555 ส่วนด้านคนขาย หากได้ที่ดินมาเกิน " ห้าปี " ยกเว้นค่าภาษี ธุรกิจเฉพาะ อ่ะ ฮา555 |