เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ดำเนินไปอย่างดุเดือดเกือบจะทั่วโลก รัฐบาลสหรัฐแอบตั้งโครงการลับสุดยอด ที่เรียกว่า "โครงการแมนฮัตตัน"

พฤศจิกายน 2485 นักวิทยาศาสตร์ นักฟิสิกส์ ทหารของสหรัฐและอังกฤษระดับหัวกะทิราว 6,000 คน ไปเก็บตัวเงียบในพื้นที่แห่งหนึ่งที่เรียกเป็นชื่อรหัสว่า ลอส อาลาโมส อยู่ที่ระดับความสูงราว 7,000 ฟุต ในรัฐนิวเม็กซิโก ที่แสนจะเงียบเชียบ มีรั้วรอบขอบชิด เหมือนเมืองอิสระ มีการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ต่างคนต่างไม่ทราบว่าเป้าหมายปลายทางของโครงการนี้จะไปจบที่ไหน

มันคือโครงการทดลองผลิตระเบิดปรมาณู ลูกแรกของโลก

16 กรกฎาคม 2488 ผ่านการทำงานไปราว 2 ปีเศษ การทดลองระเบิดปรมาณูลูกแรกตามโครงการในทะเลทรายรัฐนิวเม็กซิโกประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม สหรัฐวางแผนจะนำระเบิดปรมาณูที่คิดค้นได้นี้ไปถล่มกองทัพนาซีเยอรมัน แต่กองทัพอันเกรียงไกรของฮิตเลอร์ประกาศยอมแพ้สงครามในยุโรปไปแล้วเมื่อ 5 พฤษภาคม 2488 สหรัฐเลยประชุมเลือกเมืองที่จะเป็นเป้าหมายอีกครั้ง โดยเลือกเมืองฮิโรชิมา เมืองโยโกฮามา และเมืองเกียวโต เป็นพื้นที่หย่อนระเบิด

มีรายงานที่บรรยายให้ทำเนียบขาวเห็นภาพว่า เมื่อระเบิดทำงานจะส่องแสงสว่างจ้ามากกว่าดวงอาทิตย์ในเวลากลางวันหลายเท่า 30 วินาทีถัดมาจะตามด้วยแรงอัดอากาศขนาดมหึมา ตามมาด้วยเสียง และปิดท้ายกลุ่มควันที่ลอยสูงขึ้นไปบนฟ้าไปรวมตัวกันเป็นรูปดอกเห็ด

สำหรับบริเวณพื้นทรายที่ระเบิดนั้น ด้วยอุณหภูมิประมาณ 4,000 องศาเซลเซียส ทำให้ทรายบริเวณนั้นหลอมตัวกลายเป็นของเหลวแล้วแปรสภาพเป็นวัตถุที่โปร่งใสเหมือนแก้ว

กองทัพญี่ปุ่นอันแสนจะโหดเหี้ยมกำลังขยายสงครามในเอเชียและมหาสมุทรแปซิฟิกไม่หยุดยั้ง ที่ผ่านมา กองทัพอากาศสหรัฐทิ้งระเบิดใส่เมืองต่างๆ ของญี่ปุ่นมาแล้วกว่า 6 เดือน แต่ญี่ปุ่นเฉย

ดร.โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ (Robert Opopenheimer)



ในที่สุด เมืองฮิโรชิมาก็ตกเป็นเป้าหมายแรก

 นี่เป็นการตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์โลก



วอชิงตันสั่งเดินหน้าตามแผนใน 14 กรกฎาคม 2488 เริ่มการขนย้ายวัตถุที่เรียกว่า "เจ้าหนูน้อย" (Little Boy) จากท่าเรือซานฟรานซิสโก ด้วยเรือรบอินเดียนาโปลิส เดินทาง 10 วัน ไปขึ้นบกที่ฐานทัพบนเกาะทิเนียน (Tinian) ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งกองทัพอากาศคำนวณแล้วว่าจะใช้เวลาบินไปถึงเมืองฮิโรชิมาได้ใน 6 ชั่วโมง เกาะทิเนียนนี้ เป็นฐานทัพอากาศของสหรัฐที่มายึดครองไว้ เป็นสนามบินต่อระยะสำหรับเครื่องบินทิ้งระเบิดจำนวนมหาศาลระหว่างสงครามในมหาสมุทรแปซิฟิกที่สหรัฐกำลังรบดุเดือดกับกองทัพลูกพระอาทิตย์

เวลา 0815 น. ของวันที่ 6 สิงหาคม 2488 อากาศยานแบบ B-29 รุ่น Superfortress นักบินตั้งชื่อเครื่องบินลำนี้ว่า อีโนลาเกย์ (Enola Gay) ทำหน้าที่ทูตมรณะบินอยู่เหนือเป้าหมาย "เจ้าหนูน้อย" (Little Boy) ถูกปล่อยออกมาจากท้องเครื่องบินตามแผน
(http://www.mx7.com/i/9b6/DXO3Rv.jpg) (http://www.mx7.com/view2/ywIwXCTq2O1tbEfd)
ผ่านไป 43 วินาที ด้วยความกดอากาศทำให้ปฏิกิริยาทางเคมีในตัวลูกระเบิดทำงาน ระเบิดกระทบพื้นเมืองฮิโรชิมา ปลิดชีวิตมนุษย์ในพริบตาราว 130,000 คน มันคือระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก ระเบิดลูกนี้หนักเพียง 60 กก. ประกอบจากธาตุยูเรเนียม 235 ที่มีพลังการระเบิดเท่ากับทีเอ็นที 13 กิโลตัน ฮิโรชิมาราบเป็นหน้ากลองจากพิษสงของปรมาณู

มีข้อมูลที่ปรากฏภายหลังว่ามีคนงานชาวเกาหลีราว 20,000 คน ที่ญี่ปุ่นเกณฑ์เข้าไปทำงานในญี่ปุ่น รวมอยู่ด้วยในบรรดาผู้คนที่เสียชีวิตด้วย

การทดลองระเบิดปรมาณู ณ เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น





นักบินที่รับผิดชอบในการทิ้งระเบิดลูกนี้เป็นใคร

เขาเป็นอดีตนักศึกษาแพทย์ แต่ใจรักการเป็นนักบินจึงลาออกไปเป็นทหารอากาศสหรัฐชื่อ พันตรี พอล ทิบเบ็ตส์ ที่กองทัพอากาศสหรัฐบรรจงคัดเลือกนักบินที่ช่ำชองในการทิ้งระเบิดมากที่สุดมาทำงานครั้งประวัติศาสตร์
(http://www.mx7.com/i/e62/1B4Yoc.jpg) (http://www.mx7.com/view2/ywIwT1aymfgmnfHl)
ก่อนบินขึ้นไปถล่ม พันตรีทิบเบ็ตส์พกยาเม็ดสำหรับการฆ่าตัวตาย หากพลาดท่าโดนสอยร่วงซะก่อน และมีเครื่องบินสำหรับถ่ายภาพยนตร์โดยเฉพาะบินตามไปด้วย
(http://www.mx7.com/i/5b0/mgsbsy.gif) (http://www.mx7.com/view2/ywIy7AzRBJjUc8Db)
หลังการทิ้งระเบิดแบบสะท้านโลกันต์ทำให้พันตรีทิบเบตส์ใช้ชีวิตเก็บตัวเงียบ เกษียณอายุที่ยศพลอากาศจัตวา บอกญาติและเพื่อนสนิทว่าห้ามจัดงานศพของเขา ห้ามมีหลุมฝังศพ ให้เผาศพทิ้งและนำเถ้ากระดูกไปลอยทิ้งทะเลในช่องแคบอังกฤษที่เขาชื่นชอบที่สุด เขาตายในปี พ.ศ.2509 เมื่ออายุ 92 ปี ด้วยโรคชรา ที่เมืองโคลัมบัส โอไฮโอ อเมริกา

ก่อนตายทิบเบตส์เคยกล่าวว่า ไม่เคยรู้สึกภูมิใจที่ได้สังหารคนจำนวนมาก แต่ก็มิได้เสียใจเพราะเป็นการทำตามหน้าที่ และต้องการยุติสงครามที่ยืดเยื้อยาวนาน 4 ปี ที่ผู้คนบนโลกใบนี้เสียชีวิตไปราว 63 ล้านคน

หลังจากเกิดขุมนรกในฮิโรชิมา 3 วัน ญี่ปุ่นยังเงียบเฉย 9 สิงหาคม 2488 กองทัพอากาศสหรัฐเลยขนระเบิดปรมาณูไปถล่มเมืองนางาซากิ เป็นลูกที่ 2 มีชื่อระเบิดว่า "ชายอ้วน" (Fat Man) มีคนตายทันทีอีกราว 150,000 คน

15 สิงหาคม 2488 หลังโดนปรมาณูไป 2 ลูก ญี่ปุ่นจึงประกาศยอมแพ้สงคราม



 ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังการคิดค้นเจ้าระเบิดมหาประลัยล้างโลก

เขาชื่อ ดร.โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ (Robert Oppenheimer) เป็นชาวนิวยอร์ก จบ ป.ตรีด้านเคมีจากฮาร์วาร์ด ได้ทุนไปเรียน ป.โท-ป.เอกที่ ม.ก๊อตทิงตัน ของเยอรมนี จบ ป.เอกด้วยวัยเพียง 23 ปี รูปร่างผอมสูง สูบบุหรี่จัด จบแล้วกลับมาสอนวิชาฟิสิกส์ที่ ม.เบิร์กลีย์ แคลิฟอร์เนีย

ด้วยชื่อเสียงและผลงานอันโดดเด่นจึงได้รับเลือกจากรัฐบาลสหรัฐให้เป็นหัวหน้าโครงการสร้างระเบิดปรมาณู ไม่ใช่ ดร.อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ตามที่ผู้คนจำนวนมากเข้าใจผิด

พ่อของ ดร.ออพเพนไฮเมอร์เป็นชาวยิวมีฐานะดี ที่อพยพเข้าไปตั้งรกรากในอเมริกาในปี 1888 ทำธุรกิจนำเข้าสิ่งทอ

ชีวิตของ ดร.ออพเพนไฮเมอร์หลังสงครามไม่ค่อยจะราบรื่นนัก เพราะนักวิทยาศาสตร์รัสเซียก็สามารถค้นพบวิธีการทำระเบิดล้างโลกนี้ได้เช่นกัน เลยกลายเป็นคู่แข่งกับสหรัฐ

วอชิงตันจึงรีบทำงานวิจัย เพื่อหาทางผลิตระเบิดที่มีอำนาจทำลายล้างสูงขึ้นไปอีก มันคือโครงการผลิตระเบิดไฮโดรเจน

ดร.ออพเพนไฮเมอร์ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ จึงไม่ขอเข้าร่วมด้วย ชีวิตเขาต้องประสบชะตากรรมอันแสนระทม ด้วยข้อหาฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ ถูกประกบติดตามตัวตลอดเวลา ในที่สุดประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ปลดเขาออกจากเจ้าหน้าที่ของรัฐในข้อหาบุคคลอันตรายในปี ค.ศ.1954

เขาเสียชีวิตวัย 62 ปี ด้วยมะเร็งในลำคอเนื่องจากสูบบุหรี่จัด

โลกบันทึกไว้ว่า ดร.ออพเพนไฮเมอร์คือบิดาของระเบิดปรมาณู

ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากปรมาณู 2 ลูกในญี่ปุ่น เมื่อรวมกับการเสียชีวิตด้วยกัมมันตรังสีในภายหลัง มียอดรวมมากกว่า 400,000 คนhttp://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1439185605

ข้อมูลเกี่ยวกับระเบิดลูกที่สองไม่ถูกต้องนะครับ
ในระยะหลังกฎหมายข้อมูลข่าวสารของสหรัฐบังคับให้เปิดเอกสารลับเมื่อพ้น 30 ปี  ทำให้ทราบข้อเท็จจริงหลายอย่าง
เช่นนางาซากิไม่ใช่เป้าหมายที่สอง  แต่เป็นเป้าหมายสำรองสำหรับระเบิดลูกที่สอง
และที่บอกว่าโดนลูกแรกแล้วเฉย  ก็ไม่ใช่  มีการติดต่อยอมแพ้มาแล้ว แต่ติดขัดที่ทหารบางส่วนไม่ยอม มีการเคลื่อนกำลังเข้ามาขัดขวาง แต่สหรัฐก็รู้ว่าองค์จักรพรรด์ต้องการยอมแพ้แล้ว

ระเบิด 2 ลูกนี้ไม่เหมือนกัน  ลูกแรกเป็นแบบ Gun-type assembly ให้ยูเรเนียมพุ่งเข้าชนกันในลำกล้อง  ส่วนลูกที่สองเป็นแบบ Implosion-type ใช้ระเบิดบีบเข้าไปทุกด้าน เข้าหาแกนในที่เป็นพลูโตเนียม

ข้อเท็จจริงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าสหรัฐต้องการทดลองระเบิดทั้งสองแบบ

 ::014::ขอบคุณครับท่านผู้การสุพินท์  ที่ช่วยแก้ไข  ;D   +

ที่เขียนว่าเป็นกองทัพอากาศสหรัฐ  ก็ผิดอีกเหมือนกัน
ใน ค.ศ.1945 ยังไม่มีกองทัพอากาศสหรัฐ  มีแต่กองบินของกองทัพบกสหรัฐ
กองทัพอากาศสหรัฐตั้งขึ้นตามกฎหมาย National Security Act of 1947 ในสมัยสงครามเกาหลี

http://ww2db.com/photo.php?list=search&sp=&startRow=200&keyword=&source=all&color=all&foreigntype=B&foreigntype_id=49&dt=&image_id=

รวมภาพความโหดร้ายของสงครามนิวเคลียร์  ::004::

ถ้าสามารถทำพลังงานนิวเคลียร์ให้เป็นพลังงานขนาดเล็ก แล้วจับมายัดใส่ถ่านไฟฉาย ใช้กับรถยนต์ใด้ล่ะก็ แจ๋วเลยนะครับ

สวัสดีครับ ท่านผู้การฯ อยากทราบว่าระเบิดทั้ง 2 ลูกนั้น ลูกใดที่มีอานุภาพในการทำลายล้างมากกว่าครับ......ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้และข้อมูลครับท่านฯ

ก่อนหน้านั้นโตเกียวโดนถล่มด้วยระเบิดเพลิงคนตายไปมากกว่าฮิโรชิมาอีก ถ้าไม่รึบทิ้งระเบิดรอสักพักก็คงยอมแพ้ไปเอง

ผมคุ้นๆว่าเคยดูสารคดี ว่ามีการยิงกันด้วยใช่มั้ยครัท่านผู้การฯ

ลูกแรกที่ทดสอบที่นิวเม็กซิโก ชื่อ Trinity เป็นแบบ Implosion-type (เหมือน Fat man) แรงระเบิดเทียบเท่า TNT 20,000 ตัน
บริเวณทดสอบ ปัจจุบันทำเป็น Historic landmark ชื่อ Trinity site ผมพยายามจองคิวจะเข้าไปดูหลายรอบแล้ว แต่คิวยาวมาก รอไม่ไหวซักที

Little boy ที่ฮิโรชิม่า ใช้ยูเรเนียม U-235 หนัก 140 ปอนด์ (ทั้งลูกหนัก 4.4 ตัน) ให้แรงระเบิดเทียบเท่า TNT 15,000 ตัน
Fat man ใช้พลูโตเนียม 14 ปอนด์ (ทั้งลูกหนัก 4.6 ตัน) ให้แรงระเบิดเทียบเท่า TNT 21,000 ตัน

ยิงกับทหารรักษาพระองค์ครับ  แต่เป็นการพยายามจะไปแย่งแผ่นเสียงพระราชดำรัสประกาศยอมแพ้  ไม่ใช่มุ่งกระทำต่อพระจักรพรรด์

  ผมยังนึกไม่ออกนะครับว่าถ่านไฟฉายที่ว่ามันจะต้องเล็กสักเพียงใด เพราะเพียงแค่ 1 แก้วก็ใช้กับเรือดำน้ำ ทั้งขับดัน และปั่นกระแสไฟในเรือได้ตลอดอายุการใช้งานของเรือแล้วละครับ คือเติมครั้งเดียวตอนที่ผลิตเรือดำน้ำออกมาเท่านั้น

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนึกพระราชวังของญี่ปุ่นมีการเผยแพร่พระสุรเสียงของสมเด็จพระจักรพรรดิ์ ในการประกาศยอมแพ้สงครามม(ในรูปแบบของแผ่นซีดี) ซึ่งแผ่นซีดีนี้มีการปรับปรุงคุณภาพของพระสุรเสียงให้ออกมาอย่างชัดเจน
ตอนนั้นทำการบันทึกในห้องลับของพระราชวังอิมพีเรียล...แล้วจึงนำไปออกอากาศวันถัดมา....(ในข่าวว่าอย่างนั้น)
ประชาชนและทหารญี่ปุ่นฟังผ่านทางวิทยุ (ที่สัญญาณแย่มากๆในสมัยนั้น)...บ้างก็ว่าท่านตรัสเรื่องอะไรก็ไม่รู้, บางส่วนก็ฟังไม่ออกว่าพระองค์ท่านประกาศยอมแพ้แล้ว

แล้วลูกที่สองใครเป็นคนเอาไปทิ้งครับหรือว่าเป็นคนๆเดียวกับลูกแรกครับ

แถลงการณ์พระราชสำนักสมเด็จพระจักรพรรดิ

   
แก่ประชาราษฎรผู้ภักดีของเรา :

หลังจากใคร่ครวญเกี่ยวกับทิศทางหลักของโลกและเงื่อนไขปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับจักรวรรดิของเราในวันนี้ เราได้ตัดสินใจที่จะให้ข้อยุติของสถาณ์

การณ์ในปัจจุบันนั้นมีผลไปในมาตรการพิเศษนี้เราได้มีบัชญาให้รัฐบาลของเราติดต่อไปยังรัฐบาลของ อเมริกา อังกฤษ จีน โซเวียต ว่าจักรวรรดิของ

เรายอมรับปฏิญญาที่พวกเขาได้ร่วมกันประกาศไว้เพื่อเดินหน้าไปสู่ความเจริญรุ่งเรื่องและความสุขร่วมกันของชาติทั้งหลาย รวมทั้งความปลอดภัย

และสวัสดิภาพของประชาราษฎรของเรา ซึ่งเป็นพันธะที่แน่วแน่ที่ถูกส่งต่อลงมาโดยสมเด็จพระบูรพมหาจักรพรรดิราชของเรา และซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่

ใกล้กับหัวใจของเรา เราได้ตัดสินว่าจะไม่ล่วงละเมิดต่ออธิปไตยของชาติอื่นๆ และดำเนินการใดๆในการแผ่ขยายอำนาจ เพราะตอนนี้สงครามได้ยืด

เยื้อยมาเป็นเวลาเกือบสี่ปี แม้ทุกคนจะทำดีที่สุด ทั้งการรบอันกล้าหาญของกองทัพและทัพเรือ ความเพียรพยายามของเหล่าข้าราชการของเรา และ

การทำงานอย่างอุทิศตนของประชาชนกว่าร้อยล้านคนของเรา สถานการณ์สงครามได้ดำเนินไปจนไม่เอื้อประโยชน์ต่อญี่ปุ่นอีก ในขณะที่ทิศทาง

หลักของโลกนี้ได้หันกลับมาทำร้ายผลประโยชน์ของชาติ มากไปกว่านั้น ศัตรูได้เริ่มปล่อยระเบิดใหม่ที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างอย่าง

มหาศาลเหลือคณานับ ที่ได้เอาชีวิตบริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมากเหลือประมาน หากเรายังจะต่อสู่ต่อไป ผลลัพธ์จะไม่เพียงแต่ความพินาศและการ

ทำลายล้างอย่างร้ายแรงของชาติญี่ปุ่น แต่อาจจะยังนำไปสู่การสูญสิ้นของอารยธรรมมนุษย์อย่างถาวร กระนั้นแล้ว เราจะช่วยเหลือประชาราษฎรนับ

ล้านของเรา หรือชดเชยความผิดของเราต่อหน้าวิญญาณของสมเด็จพระบูรพมหาจักรพรรดิราชได้อย่างไร นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงสั่งยอมรับ

ปฏิญญาที่มหาอำนาจร่วมกันประกาศไว้เรานั้นสามารถทำได้เพียงแสดงความเสียในอย่างที่สุดแด่ชาติพันธมิตรเอเชียบูรพา ที่ได้ร่วมมือกันเรื่อยมา

เพื่อนำไปสู่การปลดปล่อยของเอเชียบูรพา เมื่อนึกถึง เหล่าเจ้าหน้าที่ และทหาร และผู้อื่น ที่ได้ล้มลงในสนามรบ ผู้ที่เสียชีวิตในหน้าที่ และผู้ที่เสีย

ชีวิตอย่างกระทันหันและทุกครอบครัวที่ถูกคร่าชีวิตไปนั้น ได้สร้างความเจ็บปวดให้จิตใจของเราทั้งกลางวันและกลางคืน สวัสดิภาพของผู้ที่ได้รับ

บาดเจ็บ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม และผู้ที่สูญเสียบ้านและที่อยู่อาศัย เป็นเป้าหมายของความห่วยใยอันลึกซึ้งของเรา ความยากลำบาก

และความทุกข์ของชาติเราที่จำต้องอยู่ภายใต้หลังจากนี้จะมีความหนักหนาอย่างแน่นอน เราทราบอย่างที่สุดจากก้นบึ้งของความรู้สึกของพวก

ท่าน,ประชาราษฎรของเรา อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปตามลิขิตของเวลาและโชคชะตาที่ว่าเราได้ตั้งใจที่จะปูทางสำหรับสันติภาพเพื่อลูกหลานสืบต่อ

ไปโดยการอดทนในสิ่งที่ไม่อาจทนทานได้ และยอมรับความทรมานในสิ่งที่ไม่อาจรับความทรมานได้ด้วยความสามารถที่จะพิทักษ์และคงไว้ซึ่ง

โครงสร้างของรัฐจักรวรรดิ เรานั้นจะอยู่กับท่านเสมอ,ประชาราษฎรผู้ภักดีของเรา ด้วยพึงพาความจริงใจและซื่อสัตย์ของท่าน จงระวังอย่างที่สุดกับ

การปะทุของอารมณ์ซึ่งอาจก่อความเสียหายซ้ำซ้อนที่ไม่จำเป็น หรือการแก่งแย่งกันระหว่างพี่น้องร่วมชาติ และการปะทะกัน ซึ่งอาจสร้างความ

สับสน นำท่านหลงผิด และทำให้ท่านสูญเสียความเชื่อมั่นบนโลกใบนี้ ขอให้ประเทศชาติดำเนินต่อไปเป็นครอบครัวเดียวกัน จาก รุ่นสู่รุ่น ให้มั่นคง

ในศรัทธาในความไม่เสื่อมทอยย่อยยับของแผ่นดินศักดิสิทธิ์เสมอ และเอาใจใส่กับภาระอันหนักหน่วงของความรับผิดชอบ และถนนอันยาวไกล

เบื้องหน้า รวมแรงกายของท่านเพื่อทุ่มเทในการสร้างอนาคตข้างหน้า ปลูกฝังวิถีแห่งความถูกต้อง ประคับประคองความสูงส่งแห่งจิตวิญญาณ และ

การทำงานด้วยความแน่วแน่ เพื่อท่านจะได้เพิ่มพูนเกียรติภูมิอันดั้งเดิมของรัฐจักรวรรดิ และรักษาไว้ซึ่งหน้าที่ของการขับเคลื่อนโลก

— สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ พระจักรพรรดิโชวะ แห่งญี่ปุ่น

เครดิต วิกิพีเดีย
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%AD%E0%B8%87_%E0%B9%82%E0%B8%AE%E0%B9%82%E0%B8%8B

มีผู้ที่รู้(แบบไม่จริง)บอกว่า บิดาของระเบิดนิวเคลียร์คือท่านผู้นี้
(http://image.goosiam.com/imgupload/g/ntsj1smHzh2S.jpg) (http://image.goosiam.com/view.asp?uid=69395&s=ntsj1smHzh2S)
ซึ่งจริงๆท่านเป็นบิดาของทฤษฎีสัมพันธภาพ(สมการตามรูป)ซึ่งคนที่เรียนฟิสิกส์ทั่วโลก ท่านผู้นี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของวิชาฟิสิกส์ ที่เกี่ยวข้องกับระเบิดนิวเคลียร์คือทฤษฎีสมการสัมพันธภาพที่ท่านคิดค้นขึ้นมาแค่นั้น ที่อธิบายถึงค่าพลังงานอันมหาศาลของปฏิกริยาการแตกตัวอะตอม แต่นักวิทยาศาสตร์ที่คิดค้นสร้างระเบิดจริงๆก็ตามบทความในกระทู้ โครงการสร้างระเบิดนี้ใช่ชื่อ"โครงการแมนฮัดตัน"หรือเปล่า(ขออภัย ถ้าข้อมูลไม่ถูกต้อง นานแล้ว จำไม่ค่อยได้ครับ) ;D
ผมว่าสงครามโหดร้ายเสมอ และผู้ที่ชนะจะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ ญีปุ่นก็ทำกับประเทศที่คู่สงครามโหดร้ายเหมือนกัน อย่างที่หนานกิงที่จีนอะไรนั้น หรือเอาผู้หญิงเกาหลีใต้มาบำเรอกามทหารของตัวเอง สำหรับกรณีนี้ ผมไม่สงสารที่ญีปุ่นถูกกระทำ ::010::

ความจริงเยอรมันก็ศึกษาอยู่แต่ไปทดลองกับ Deuterium (2H)ซึ่งข้ามขั้นไปหน่อย ภายหลัง Deuterium ถูกนำมาใช้เป็นระเบิดไฮโดรเจน โดยใช้ระเบิดพลูโตเนียมเริ่มปฎิกริยา Fusion นั่นเอง

จะว่าใช่ก็ได้ครับ
เพราะตอนนั้นอเมริกาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
โครงการแมนฮัตตัน เกิดจากนักวิทยาศาสตร์ยิวที่ยุโรปสองสามคน (ผมจำชื่อได้คนเดียว คือเอนริโก เฟอร์มี สัญชาติอิตาลี เป็นคนแรกที่สร้างเตาปฏิกรณ์ที่อเมริกาได้) เดินทางมาอเมริกาเพื่อบอกข่าวความคืบหน้าโครงการนิวเคลียร์ของเยอรมัน  แต่นักวิทยาศาสตร์พวกนี้ไม่มีเครดิตพอที่จะติดต่อกับรัฐบาลสหรัฐได้  จึงได้ไปพบไอน์สไตน์ เพื่อให้เขียนจดหมายถึง ปธน.สหรัฐ

ขนาดไอน์สไตน์ออกหน้าให้  ก็ยังมีนายพลคนสำคัญ ไม่เชื่อว่าระเบิดนิวเคลียร์จะใช้เป็นอาวุธได้  เอาแพะมาล่ามไว้ตัวหนึ่ง ท้าให้ลองทำให้แพะตายให้ดูหน่อยเถอะ

ไม่ข้ามหรอกครับ
พลูโตเนียมไม่มีในโลกนี้ (มีเหมือนกันแต่น้อยมาก น้ำทะเลหลายตัน มีไม่ถึงกรัม)  ต้องสังเคราะห์ขึ้นจากยูเรเนียมในห้องทดลอง  และในขั้นตอนนั้นต้องใช้ D₂

ขอบคุณทุกท่านสำหรับข้อมูลครับ แล้วปัจจุบันระเบิดนิวเคลียร์ได้พัฒนาเป็นหัวรบแบบที่รุนแรง คือระเบิดไฮโดเจนใช่มัยครับ
ถึงใครจะยิงใส่ก่อนแล้วโดนยิงตอบโต้กัน พินาศทั้งคู่ไม่พอทั้งโลกคงกระทบด้วย

ใช่ครับพลูโตนียมเกิดจากการสังเคราะห์ขากยูเรเนียมและอื่นๆในเตาปฎิกรที่ใช้ผลิตไฟฟ้าก็มีเจ้านี่ออกมาเป็นผลพลอยได้อยู่นิดหนึ่ง
ระเบิดลูกที่สองใช้พลูโตเนียมแสดงว่าได้มีการเตรียมไว้แล้วซิ

สวัสดีครับ แสดงว่าในโลกนี้มีประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นที่ได้รับการระเบิดปรมาณูถึง 2 ครั้งจากประเทศสหรัฐฯ

H bomb คือระเบิดเทอร์โมนิวเคลียร์  ที่จำลองปฏิกริยาฟิวชั่นของดวงอาทิตย์  ทำให้อะตอมของธาตุเบารวมตัวเป็นธาตุหนัก

A bomb เป็นระเบิดที่เกิดจากอะตอมธาตุหนักแตกตัว  คายพลังงานยึดเหนี่ยวภายในอะตอมออกมา  คืออะตอมจะมีแกนนิวเคลียส มีนิวตรอนที่โคจรอยู่รอบ ๆ ด้วยความเร็วของแสงซึ่งต้องใช้พลังงานมหาศาลถึงจะวิ่งเร็วขนาดนั้นได้  และนิวเคลียสเองก็ต้องมียิ่งกว่าพลังมหาศาลถึงจะดึงดูดนิวตรอนไว้ แต่เมื่ออะตอมถูกทำให้แตกตัว  พลังงานพวกนั้นก็จะทะลักออกมาเป็นแรงระเบิด  ประมาณว่า U235 หนัก 1 ปอนด์จะให้พลังงาน 36 ล้านล้านวัตต์  น่าจะมากกว่าหลอดไฟ LED ทั้งโลกรวมกัน

H bomb ต้องใช้ปฏิกริยาฟิสชั่นของ A bomb จุดให้อะตอมของไฮโดรเจนซึ่งเป็นธาตุเบาที่สุดในโลกเกิดปฏิกริยาฟิวชั่น รวมตัวตัว ซึ่งจะคายพลังงานออกมา

ภาพการทดลอง H bomb ครั้งแรก ท่อนที่เหมือนหม้อพักท่อไอเสียรถบรรทุกนั่นละครับ H bomb ลูกแรกของโลก
https://www.youtube.com/watch?v=yEje927dygM

มันมีทั้งที่เป็นประโยชน์และโทษ....ผมขอสิ่งที่ดี ๆ ก่อนก็แล้วกันครับ.. ;D

ฝากวีดีโออันนี้ครับ...ดูแต่ไม่เข้าใจ

https://www.youtube.com/watch?v=UTdy1Yp1h5A

ขอบคุณครับผู้การฯ   ::014::
พัฒนา H Bomb ได้เร็วและน่ากลัวมาก ทั้งที่เพิ่งยุติจสงครามโลกได้แค่ 10 ปีเอง  
ได้ยินว่าในช่วงสงครามเย็น ก็คงเกือบได้ใช้เหมือนกัน  โชคดีครับที่ไม่เริ่มใช้กัน  ::014::

ยังมี Neutronium bomb อีกไม่รู้ว่าทำต่อกันหรือเปล่า

ไม่ได้ใช้หรอกครับ  มันเกิดได้แป็บเดียวก็ล้าสมัย
ตัวที่มาแทนจะเป็น Advanced thermonuclear ไม่ต้องใช้ไฮโดรเจน  แต่ใช้ยูเรเนียมแบบ fissionable ซึ่งเป็นยูเรเนียมธรรมดา ที่พบในธรรมชาติ หุ้มด้านนอกของ A bomb ไว้  ปฏิกริยาฟิวชั่นด้านในจะทำให้เกิดฟิสชั่นด้านนอก  เกิดพลังงานความร้อนมากกว่า A bomb เป็นสิบเท่าตัว

มีตัวอื่นน่ากลัวกว่าเยอะครับ
เป็นตระกูล Cobalt bomb ใช้ธาตุหลายตัวหุ้มระบิด A bomb ไว้  ฟิวชั่นจะทำให้ธาตุที่หุ้มกลายเป็นไอโซโธป  Fallout รังสีฆ่าสิ่งมีชีวิต มีอายุตั้งแต่หลายชั่วโมงจนถึงหลายปี  แต่ที่เรียกโคบอลท์บอมบ์ เพราะเริ่มทดลองกับโคบอลท์ ที่กลายเป็นโคบอลท์-60 ครึ่งอายุ 5 ปี

โห้ย พัฒนาการทำลายล้างเผาจนราบยังไม่พอ ยังทิ้งกัมมันตรังสีให้อีก
สิ่งมีชีวิตบนโลก คงสูญพันธุ์ถาวรกลายเป็นดาวร้างเลยครับ

:<<

ทดสอบกระสุนปืนใหญ่นิวเคลียร์ขนาด 15 Kตัน ยิงจากปืน 280 มม.รุ่นเก่า ระยะยิง 10 กม.เมื่อ ค.ศ.1953
หลังจากนั้นอีก 10 ปีก็สามารถลดขนาดลงมาจนยิงในปืน M198 ขนาด 155 มม.ได้ เป็นหัวรบขนาดเล็กมาก หนักเพียง 58 กก.ให้แรงระเบิดเทียบเท่า TNT 100 ตัน
อาวุธพวกนี้เรียกว่าอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี  ผู้บังคับหน่วยทหารใช้ได้ตามความจำเป็น
หลังจากนั้นอีกไม่กี่ปีก็ถูกยกเลิกทั้งหมด  เหลือแต่อาวุธทางยุทธศาสตร์  ที่จะใช้ได้ต่อเมื่อได้รับคำสั่งโดยตรงจาก ปธน.เท่านั้น

+ทุกท่านครับ  ดูความรุนแรงของอาวุธนิวเคลียร์แล้วเข้าใจเลย ทำไมเค้าถึงซีเรียสกับบางประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง

เคยได้ยินว่าระเบิดนิวเคลียร์ที่มีอยู่ในโลกหลายประเทศ  สามารถทำลายโลกใบนี้ได้หลายดวงเลยทีเดียว  แต่คิดว่าในช่วงชีวิตเราไม่น่าจะได้เห็นอาวุธมหาประลัยชนิดนี้มาใช้กันนะ  ::013::