เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

  ขอถามหน่อยครับ ผมสงสัยมานานแล้ว ถามใครก็ไม่มีใครรู้ คือบางครั้งเวลาผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้า บางทีนั่งอยู่กับที่ บางทีก็ขับรถอยู่ ผมเห็นเหมือนเป็นกลุ่มควัน ( เหมือนไอพ่น ผมเรียกอย่างนี้ ) พุ่งเป็นทางไปข้างหน้าเรื่อยๆ โดยทิ้งกลุ่มหมอกหรืออะไรก็ไม่ทราบไว้ข้างหลังยาวเป็นทางเลย แต่ไม่เห็นตัวส่วนหัวมันครับ เลยไม่รู้ว่ามันคืออะไร พี่ๆท่านใดรู้ช่วยไขข้อสงสัยให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

เรือบิน  :<><>

สกั๊ด  อิอิ ล้อเล่นนนนนนนน

เครื่องบินครับ..เคยเอากล้องสองตาส่องดูมันก็เครื่องบินโบอิ้งโดยสารธรรมดาๆนี่แหละ

แต่อยู่เพดานบินสูงมาก...แต่มันเกิดสายสีขาวด้วยเหตุผลใดต้องถามท่านผู้รู้ต่อครับ...

สอยลงมาดูเลยดีไหม   อิอิ  ล้อเล้น อีกที  ;D ;D ;D

 ;)  เขาเรียกว่า  CONTRAIL ครับ

http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/X2990933/X2990933.html

ศัพย์ทางการไม่รู้ แต่แถวบ้านผมเค้าเรียกกันว่า "ควันไอเสียจากเครื่องบินไอพ่นน่ะ"

(http://i14.tinypic.com/2gwicsi.jpg)
(http://i14.tinypic.com/4gefb7l.jpg)

ถ่ายไว้ ที่เกาะนางยวนครับ

..

.. :) คิดเหมือนกันครับ.. ว่ามันคือไอเสีย จากเครื่องบินไอพ่น.. อากาศยิ่ง เย็น มาก จะยิ่งเห็นชัดครับ.   :)

ชั้นบรรยากาศข้างบนมันเย็นครับ  เมื่อมันมากระทบกับเครื่องยนต์ของเครื่องบินซึ่งมีความร้อน
มันก็เลยเป็นอย่างที่เราเห็นกันนั้นหละครับ ตอนสมัยเด็กๆผมเรียกว่า..ไอพ้น.. ;D ;D ;D

สวยดี.....

(http://img56.imageshack.us/img56/87/1123058np8.jpg)

แถม....
ภาพประกอบนิยายสไนเปอร์ ตอนเครื่องแกรนด์คาวานเจอเจ็ทสตรีม....

(http://img56.imageshack.us/img56/4705/1091105ds7.jpg)

อาจเป็นนางฟ้าท้องเสียก็ได้นะครับ

เกิดจากเครื่องอุปกรณ์การตรวจวัดอากาศชนิดหนึ่งครับ

เรียกว่า contrail ครับ เกิดจากการควบแน่นของไอน้ำ
ผมยกบทความของพี่นักบินท่านหนึ่งมาให้อ่านเลยดีกว่าครับ ขี้เกียจเรียบเรียง อิอิอิอิ แบบนี้ง่ายดี


เรื่องของความขาว... จากพี่ภัทรครับ 
ติดประกาศ Sunday 05 Sep 04 @ 11:29 โดย phap
 
วันนี้เรามาคุยกันเรื่องของขาว ๆ ในด้านการบินบ้างนะครับ ต้นเหตุของเรื่องนี้ก็คือว่า มีอยู่เที่ยวบินหนึ่ง ขณะที่บินตามเครื่องของสิงคโปร์แอร์ไลน์  ซึ่งบินอยู่ที่ระดับความสูงต่ำกว่าเรา  สายตาก็สังเกตุเห็นสายเมฆสีขาวยาวเป็นแนว ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ว่ามันเกิดจากอะไร ผมจึงรีบไปปรึกษาอาจารย์ Google เพื่อนำเอาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟัง เพราะฉะนั้นเจ้าความขาวที่ผมจั่วหัวไว้นั้น จึงมิได้มีความหมายเป็นอื่นใด นอกเสียจากหมายถึงความขาวที่เราเห็นในท้องฟ้าซึ่งเกิดจากเครื่องบินครับ

(http://www.tgfleet.com/Interviews/Images/Winglet/con4.jpg)

รูปที่ 1 Contrails ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ (จาก www.contrails.nl)

เจ้าเมฆสีขาวนี้คือ  Condensation trails หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Contrails ซึ่งจะมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่ แบบแรก ชื่อว่า Engine exhaust contrails เป็น Contrails ที่เกิดจากไอน้ำควบกลั่น (Condensed vapor) ซึ่งปกติแล้วจะเกิดจากเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่บินใน Moise air ระหว่างช่วงความสูง 25,000 ถึง 40,000 ฟุต หากว่าความชื้นสัมพัทธ์ (Relative humidity) ของอากาศมีค่าต่ำ จะทำให้ตัว Contrails สูญสลายหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าความชื้นสัมพัทธ์มีค่าสูง เจ้าตัว Contrails ก็อาจจะคงอยู่นานหน่อย การเกิดของ Contrails แบบนี้เกิดขึ้นด้านหลังของเครื่องยนต์ เพราะตัวไอน้ำที่พ่นจากท่อท้ายเครื่องยนต์จะมีความชื้นสัมพัทธ์เพิ่มขึ้นเป็น 100 % เมื่อเหล่าไอน้ำเหล่านี้หลุดออกมา ก็มาเจอกับบรรยากาศที่แสนจะหนาวเหน็บ ดังนั้นเจ้าไอน้ำที่มีความชื้นแบบพร้อมที่แข็งตัวจึงแปลงร่างเป็น Ice crystals ซึ่งมาจับกลุ่มคุยกัน (เพราะออกจากมาท่อท้ายอย่างมากและต่อเนื่อง) กลายเป็น Contrails ในที่สุด มีเอกสารบางตัวจากอาจารย์ Google บอกว่าหลักการเกิด Contrails แบบนี้มันก็เหมือนกับไอสีขาว ๆ ที่ออกมาจากจมูกของเรา ในเวลาที่เราหายใจออก ในสถานที่ที่บรรยากาศเย็น ๆ  ไงครับ

(http://www.tgfleet.com/Interviews/Images/Winglet/con2.jpg)

รูปที่ 2 การเกิด Contrails จากเครื่องยนต์ (จากหนังสือ PPL ของ เจปพีสัน)

Contrails อีกแบบก็คือ Aerodynamic contrails ซึ่งเกิดขึ้นจาก ความดันอากาศบนผิวปีก มันลดลงอย่างรวดเร็วชั่วขณะหนึ่ง ในสภาพที่อากาศมีความชื้นมาก  ซึ่ง Contrails แบบนี้จะเกิดขึ้นกับเครื่องบินรบ ในเวลาที่นักบินเลี้ยวหรือ maneuvers ด้วยแรง G มาก ๆ   การบังคับเครื่องให้หันหัวเปลี่ยนทิศทางโดยใช้แรง G มากอย่างนี้แน่นอนว่ามันเกิดจากการที่ pressure ด้านบนของปีกนั้นได้ลดลงอย่างรวดเร็ว และการลดลงของ pressure นี้เองได้ก่อให้เกิด Contrails ขึ้นมา

(http://www.tgfleet.com/Interviews/Images/Winglet/con3.jpg)

รูปที่ 3 การเกิด Contrails จากการดึง G (จากหนังสือ PPL ของ เจปพีสัน)

สรุปว่าได้เจ้า Contrails นั้นเขาจะเกิดในเงื่อนไขที่สภาพอากาศมีความชื้นสูง ซึ่งแยกชนิดการเกิดเป็น 2 แบบคือ เกิดจากเครื่องยนต์ (Engine exhaust contrails) และเกิดจากการที่ความดันอากาศบนปีกลดลงอย่างรวดเร็วอันเนื่องมาจากการดึง G (Aerodynamic contrails) ตอนนี้เวลาที่ผมมองท้องฟ้าแล้วเห็นเจ้าสายสีขาว ๆ สวย ๆ นั่น ผมเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่าเขาเกิดมาจากคุณแพรทแอนด์วิทนี่ย์ คุณจีอี คุณโรสรอยล์ ฯลฯ เฮ้อ..ลูกฝรั่งทั้งน้าน


จาก tgfleet ครับ
http://www.tgfleet.com/modules.php?name=News&file=article&sid=10



 

ขอบคุณครับ ผมนึกว่าเป็น ควันบุหรีของเทวดา

เครืองยนต์เครื่องบินมันเก่านะครับทำให้เกิดควันขาว ถ้าเครื่องหลวมจะมีควันดำครับ ฮิ ฮิ

ถ้าเป็นแนวตรง บั้งไฟแน่ๆเลย ;D ;D ;D

...รามสูรขว้างขวานใส่แม่นางเมขลา...;D

อากาศเย็นไหลผ่านเครื่องออกมาเป็นไอร้อน และร้อนกว่าอากาศโดยรอบก็เป็นเช่นนี้แล

(http://img98.imageshack.us/img98/9334/1161827183kk4.jpg)



CONTRAIL
Con มาจากคำว่า Condense หมายถึง การควบแน่น
Trail มาจากคำว่า Trail หมายถึง ทาง สาย ลากหาง สะกดรอย

ภาษาราชการเรียกว่า "ทางเมฆ" 



ในภาพเป็นระดับเพดานบินที่ทำให้เกิด "ทางเมฆ" ครับ มักใช้ในการบินทหาร

(http://i13.tinypic.com/47w80fa.jpg)


ทราบแค่เนี้ย...ครับ

จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น...

คิดว่าทำฝนเทียมซะอีก  ความรู้ใหม่เลยล่ะค่ะ

...เมืองหนาวจะยิ่งมีมาก บางคนเขาถือว่าเป็นมลพิษทางสายตาครับ

 :) :) เอาแบบภาษาชาวบ้านอธิบายให้ง่ายๆนะครับ วิชาการศัพท์เทคนิคไม่เอา Jettrail หรือ Contrail เกิดจาก ความร้อนที่เกิดขึ้นที่ตัวเครื่องบินมากระทบกับอากาศชื้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจึงเกิดเป็นไอน้ำขึ้นมา ครับ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบริเวณท้ายของเครื่องยนต์, ปลายปีกทั้งสองข้าง, บริเวณชายหน้าปีกของเครื่องบิน โดยปรกติทั่วไปจะเกิดกับเครื่องบินเจ็ตมากกว่าเครื่องบินใบพัด จะสังเกตุง่ายๆคือวันที่มีอากาศชื้นมากๆจะเห็นได้ขณะที่เครื่องบินกำลังวิ่งขึ้นหรือลดระดับลงสู่สนามบิน ไม่จำเป็นที่จะเกิดขึ้นในระดับเพดานบินสูงๆครับ ในบริเวณที่เกิดขึ้นในหน้าฝนตัว Jettrail จะเป็นตัวที่ช่วยทำให้อากาศชื้นมารวมกันเกิดเป็นเมฆขึ้นมา แต่หากเกิดในหน้าหนาวมันจะอยู่ได้ไม่นานแล้วจะสลายไปเองครับ

ส่วนที่คิดว่าเป็นควันจากไอเสียนั้น ไอเสียจะออกมาเป็นสีเทาดำ เกิดกับเครื่องยนต์รุ่นเก่าๆ ถ้าเป็นอย่างที่ว่าเครื่องยนต์หลวมผมคงต้องดับเครื่องยนต์แล้ว Declare Emergency ลงแล้วหละครับ อยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีกำลังเครื่องยนต์ มันร่อนได้แต่ต้องร่อนลงสนามบินครับ ลงถนนหรือลงน้ำผมไม่เอาหรอกมันมีแต่ในหนังเพื่อเพิ่มความตื่นเต้นครับ

เดือนหน้าผมจะต้องเข้าฝึก Simulator ใครสนใจบอกเลยครับตีตั๋วไปกับผมได้ อาจจะเป็นที่บรูไน หรือคุนมิง คราวนี้มีฝึกไฟไหม้ในห้องนักบินด้วยครับ ไฟมาจริงๆควันจริงๆเลยครับ เราฝึกเพื่อพร้อมรับกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดครับ  :) :) สนุกดีครับแต่คนเข้าฝึกไม่ว่ากัปตันหรือนักบินผู้ช่วย เหงื่อโง่ออกเพียบครับ

    ตดนางฟ้า..... ;D

ขออนุญาตครับ
 ถึงเครื่องบินจะเก่า  แต่นักบิน ของเรา
ใหม่ๆ  ทั้งน้านนนนนน....ครับ

 ด้วยความเคารพ

 ;D ;D รายละเอียดมากมายจริงๆครับ  ขอบคุณมากครับ ;D ;D

จากรูปของท่าน ทัดมาลาด้านล่าง
ทำให้นึกไปถึง ตอนที่เราเคยคุยกันเรื่อง การบินทะลุกำแพงเสียง
เกิดไอน้ำอย่างนี้เหมือนกันเลย
(http://www.tgfleet.com/Interviews/Images/Winglet/con3.jpg)

Contrails อีกแบบก็คือ Aerodynamic contrails ซึ่งเกิดขึ้นจาก ความดันอากาศบนผิวปีก มันลดลงอย่างรวดเร็วชั่วขณะหนึ่ง ในสภาพที่อากาศมีความชื้นมาก  ซึ่ง Contrails แบบนี้จะเกิดขึ้นกับเครื่องบินรบ ในเวลาที่นักบินเลี้ยวหรือ maneuvers ด้วยแรง G มาก ๆ   การบังคับเครื่องให้หันหัวเปลี่ยนทิศทางโดยใช้แรง G มากอย่างนี้แน่นอนว่ามันเกิดจากการที่ pressure ด้านบนของปีกนั้นได้ลดลงอย่างรวดเร็ว และการลดลงของ pressure นี้เองได้ก่อให้เกิด Contrails ขึ้นมา

********

ขอบคุณครับ กรณีเดียวกับที่ปลายปีกด้วยใช่ไหมครับ?

...และเกิดกับเครื่องยนต์ทุกชนิดที่มีไอเสีย ในภาพ B17 กำลังไปบอร์มเยอรมันตอน WWII

ใช่ครับ แต่ที่ปลายปีกเราจะมีศัพท์เฉพาะเรียกว่า จาก wingtip vortices ครับ

ปรกติจะเกิดบริเวณส่วนปลายปีก แต่อาจมองไม่เห็นก็ได้ถ้าอุณหภูมิและความชื้นไม่เหมาะสม

ในกรณีที่เห็นเป็นเส้นขาวได้ เพราะ ความแตกต่างของความดัน เมื่อความชื้นที่อยู่ในที่ความดันสูง ไหลมาในที่ความดันต่ำกว่า
ทำให้อุณหภูมิของความชื้นลดลงจนเกิดการกลั่นตัว และรวมตัวเป็นหยดน้ำ

รูปนี้ ในกรณีที่ความชื้นและอุณภูมิเหมาะสม
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/15/F-15_wingtip_vortices.jpg/390px-F-15_wingtip_vortices.jpg)

รูปนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ไม่เห็นเป็นเส้นขาว แต่ก็มี wingtip vortices เกิดอยู่ตลอดเวลา เพราะมีการไหลของกระแสอากาศจากความดันสูงไปหาความดันต่ำ เมื่อปล่อยควันสีก็ทำให้เห็นกระแสอากาศได้

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/f/fe/Airplane_vortex_edit.jpg/737px-Airplane_vortex_edit.jpg)

ขอถามต่อครับ อิ อิ

1. การที่ทำแท่งอยู่ปลายปีกยื่นไปข้างหลังก็เพื่อให้เป็นแนวนำอากาศไปข้างหลัังตรงๆ ลดการวนใช่ไหมครับ?

2. และในการทำแพนหางเล็กปลายปีกเพื่อลดอากาศวนเนี่ย จุดประสงค์เพื่อต้องการให้ปลายปีก "เล็กที่สุด" หรือไม่?

2.1 ถ้าทำปลายปีกแหลมออกไปในแนวเดิมจะได้ผลเหมือนกันหรือไม่? ถ้าได้ผลเหมือนกันที่ทำแพนหางขึ้นบนมากกว่าและมีลงล่างนิดนึงเป็นเพื่อต้องการไม่ให้เกะกะใช่ไหมครับ?

2.2 แบบนี้ดีกว่าแบบในข้อ 1 ยังไงครับ?

ขอบคุณครับ
สมัยก่อนผมนึกว่าเขาทำฝนเทียม เคยเถียงกับแฟน ทีหลังจึงรู้ว่ามันไม่ใช่การทำฝนเทียม มันเกิดจากเครื่องบินโดยสารที่บินอยู่สูง ๆ...ฮ่า ๆ โดนแฟนว่าเอาซะ

หมายถึง winglet ตามรูปนี้หรือเปล่าครับ

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/9/9a/DSCF6963a.jpg/800px-DSCF6963a.jpg)

Wingtip vortices มักจะเกิดกับปีกที่ อ้วนๆ สั้นๆ มากกว่า ปีกที่เล็กเรียวครับ
การออกแบบปีกให้บางเพรียวและยาวจะลดการเกิด wingtip vortices ได้
แต่จะมีปัญหาในเรื่องของโครงสร้างและการควบคุมเครื่องบินตามมา
ถ้าปีกยาวมากๆย่อมมีการแอ่นตัวและผลจากโมเมนต์ ซึ่งถ้าวัสดุไม่ดีพอจะเกิดปัญหากับโครงสร้าง
อย่างที่ Airbus 380 พบอยู่ตอนนี้ เกิดปัญหาการแคร็กของวัสดุที่โคนปีก จึงทำให้ดีเลย์ก็การส่งมอบไปร่วมๆปีครับ
(** Boeing 747 เมื่อเข้าสภาพอากาศ  ปลายสุดของปีกสามารถกระพือได้ 2 เมตรครับ ยังมีสปริงพอที่จะไม่เสียหายจากความล้า
ถ้าไปนั่งเห็นปีกกระพือขึ้นลงอย่าตกใจครับ เครื่องเค้ากำลังจะกลายเป็นนก อิอิอิอิ)

ตัวอย่างปีก ที่มีสัดส่วนความยาวต่อความกว้าง ต่ำ และสูงครับ
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/0/08/Aspect.ratio.arp.750pix.jpg)
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/35/Aspect.ratio.b52.arp.jpg/800px-Aspect.ratio.b52.arp.jpg)

กลับมาเรื่อง winglet ครับ เจ้า winglet ตัวนี้ทำหน้าที่เหมือนการยืดปีกให้ยาวออกไป
แต่แทนที่จะยืดออกทางข้าง ซึ่งสร้างปัญหาทางโครงสร้าง และมีผลต่อระยะในหลุมจอดของอากาศยานทั่วไป
ก็ออกแบบให้โค้งขึ้น แต่จะเป็นมุมด้านหน้า ลู่หลัง หรือสูงแค่ไหนขึ้นกับการดีไซน์ตามจุดประสงค์การใช้งานเฉพาะแบบของเครื่อง

โดยรวมแล้วเจ้า winglet นี้ ช่วนลดแรงต้านอากาศ ช่วยเพิ่มแรงยกและเพิ่มแรงฉุด งงไหมครับว่าทำได้ยังไง

ถ้าดูดีๆเจ้า winglet  จะอยู่ในมุมแอ่นขึ้น ซึ่งแรงต้านอากาศที่เห็นจากรูปก่อนๆที่เป็นวงม้วนจากด้านล่างเข้าหาปลายปีกนั้น

จากเดิมถ้าไม่มีเจ้า winglet นี่ อากาศนั้นมันจะไหลมาทำลายแรงยกและสร้างแรงต้านให้กับเครื่อง
แต่พอมีจะกำแพงชิ้นนี้ ความดันตรงนั้นโดนกั้นโดย winglet แล้ว ความดันนั้นที่ม้วนมาจากด้านล่างจะมายกปลายปีกขึ้น
ซึ่งจะช่วยสร้างแรงยก และในมุมของ winglet ที่เหมาะสม มันจะดันเครืองบินไปด้านหน้าด้วย ได้ประโยชน์สองต่อครับ

รวมถึงเจ้า winglet มันช่วยลด wingtip vortices ทำให้ เครื่องที่บินตามหลังปลอดภัยจากความปั่นป่วนของอากาศครับ

เราจะพบในเครื่องโดยสารที่บินในระยะทางไกลๆ เช่น airbus 340, boeing 747-400

อ้อประโยชน์อีกอย่างคือ บางสายการบินใช้ติดโฆษณาครับ
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/9/9b/Interior_of_westjet_winglet.jpg/800px-Interior_of_westjet_winglet.jpg)

รูปนี้ชัดดีครับ...

(http://img172.imageshack.us/img172/8287/1127008sk0.jpg)

ขอบคุณหลายครับคุณกัปตันทัด เจอบนเครื่องขอเข้าไปค้นห้องนักบิน เอ้อ ลูกเรือหน่อยนะ

อ่านะ ท่าน จนท.

เอารูปห้องนอนคนจนไปดูก่อนละกัน

ชุดแรก ของ Jumbo ครับ 747-400  2 รูปแรกของ นบ.ครับ
(http://www.tgfleet.com/modules/Forums/images/avatars/pa20.jpg)

(http://www.tgfleet.com/modules/Forums/images/avatars/pa21.jpg)

รูปต่อมาเป็นของ เคบิน
(http://www.tgfleet.com/modules/Forums/images/avatars/pr6.jpg)

ชุดนี้ของ Airbus 340 ครับ

รูปแรกของ นบ. ตามด้วย เคบินที่ท้ายเครื่อง
(http://www.tgfleet.com/modules/Forums/images/avatars/20_160.jpg)

(http://www.tgfleet.com/modules/Forums/images/avatars/108.jpg)

(http://www.tgfleet.com/modules/Forums/images/avatars/109.jpg)



ที่มา http://www.tgfleet.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2846  (http://www.tgfleet.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2846)

พอดีไปเจอกระทู้นี้ ดูเจ้า contrail ที่ถ่ายจากบนฟ้าบ้างครับ

(http://www.tgfleet.com/modules/Forums/images/avatars/pp5.jpg)

รูป 2 และ 3 เมื่อสองเครื่องบินสวนกัน

(http://www.tgfleet.com/modules/Forums/images/avatars/pp1_900.jpg)

(http://www.tgfleet.com/modules/Forums/images/avatars/pp3.jpg)

(http://www.tgfleet.com/modules/Forums/images/avatars/pp2_124.jpg)

(http://www.tgfleet.com/modules/Forums/images/avatars/pp4.jpg)

(http://www.tgfleet.com/modules/Forums/images/avatars/dsc_2859.jpg)

ที่มา  http://www.tgfleet.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2669

โอ้ มีห้องนอนซะด้วย ผมนึกมาตลอดว่ากัปตันและพวกนั่งเอนหลังที่เก้าอี้นั่นแหละ จริงๆ นะเนี่ย โบอิ้งสู้ไม่ได้ตรงไม่มีม่านรูดนี่แหละ
ขอถามต่อ

1. เครื่อง 747 เคยขึ้นห้างครั้งเดียวและไม่ได้เหล่ เครื่งอื่นๆ เตียง นบ. อยู่ที่ไหนครับ โผล่ไปเหล่เห็นแต่เก้าอี้เลย?

2. เคบินที่ท้ายเครื่องใครนอนครับ?

3. ทำไมต้องมีหลายเตียงนัก พนักงานต้อนรับไม่ได้นอนไม่ใช่เหรอ? ต้องมีนักบินอย่างน้อนหนึ่งคนเตรียมพน้อมใช่ไหนครับ? ดังนั้น อย่างมาก 2 - 3 เตียงก็น่าจะพอ เผื่อเหตุบาดเจ็บ

ปล. ลำเมฆนึงยังกะงูงวงช้าง

เครื่องที่มีที่นอน จะเป็นพวกเครื่อง Long haul ครับ บินข้ามทวีป ข้าม Time zone  เช่น 747 หรือ 340 ถ้าเที่ยวสั้นๆ ไม่มีที่นอนครับ  เตียงของ นบ. ปรกติก็แค่ 2 เตียงครับ ที่เห็นเยอะๆอันนั้นเป็นของ cabin crew 

โดยปรกติต้องมี นบ.ประจำ สองคน การที่จะเหลือคนเดียว หมายถึงเวลาที่อีกคนออกไปเข้าห้องน้ำครับ
และพวกที่บินยาวมากๆ เป็นสิบๆ ชม. จะมีนักบินมาผลัด ครั้งละคน หรือ สองคน ขึ้นอยู่กับแบบเครื่องและ ชม.ในการบิน  เช่น อาจจะบิน 2 ชม. แล้วพัก หรือ 3 ชม. สลับก็แล้วแต่ครับ

Flight Tme ยาวๆ ต้องมีการพักครับ ทั้ง Flight crew และ Cabin crew ไม่อย่างนั้น Index เกิน บินไม่ได้ครับ
อย่าง 747 ไม่ได้เสิร์ฟตลอดเวลา ช่วงดึกๆ เค้าก็ผลัดกันนอน เป็นผลัดๆครับ

คนทำงานในอากาศจะมี Fatigue Index เป็นตัวกำหนด ว่า อาทิตย์หนึ่งบินได้กี่ ชม. ต้องพัก กี่ ชม.
เดือนหนึ่งได้เท่าไร ปีหนึ่งไม่เกินเท่าไร  ถ้าไม่ระวัง Index เกิน ก็เกิดความเสียหาย

ปกติ นักบินต้องตรวจสุขภาพ ปีนึงกี่ครั้งครับ

ไม่รู้ควันขาวแบบนี้ไม่ใช้คาสตรอลมั้ยเอ่ย

อายุต่ำกว่า 40 ปี ปีละครั้งครับ
ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป 6 เดือนครั้ง

เครื่องบินไอพ่นครับ
หรือไม่ก็เครื่องบินจัมโบ้ ที่เผาไหม้ไม่ดี

สอบถามคุณทัดมาลาครับ เพราะไหน ๆ ก็คุยเรื่องเครื่องบินแล้ว .

         กรณีห้องน้ำบนเครื่อง ห้ามนั่งชักโครก ขณะที่ีกดปุ่มทีี่ดูด..อุนจิ ใช่หรือไำม่ครับ  เคยอ่านเจอนานมาแล้วครับว่ามีคนใส้ไหลออกจากทวาร ( เป็นผู้หญิง ส่วนผู้ชายยังไม่มีรายงาน )  เพราะว่ากดปุม ขณะยังนั่งอยู่บนชักโครก เท็จจริงประการใดครับ  ( แต่ลมดูดแรงจริง ๆ คิดเผื่อไว้หากลืมตัวกด กลัวอย่างอื่นจะหลุดมากกว่าไส้ครับ )  ;D

         ขอบคุณครับ

  ขอบคุณนะครับสำหรับทุกคำตอบ ทุกข้อมูลของพี่ๆทุกท่าน หายสงสัยซะทีครับ :) :)

ห้องน้ำในเครื่องเป็นแบบ Vacuum System คือจะมีการดูดโดยใช้ระบบนิวแมติกส์ ไม่ได้รุนแรงมากครับ เพียงแต่เสียงอาจจะดังน่ากลัวแค่นั้นเอง แล้วระยะเวลาในการดูดก็ประมาณแค่ 3 วินาทีเท่านั้น

ข่าวผู้หญิงนั้นเคยมีข่าวแต่ไม่มีการยืนยันว่าจริงหรือเท็จครับ แว่บไปอ่านเอกสารที่เคยลงไว้ สันนิษฐานกันว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะมีอาการมาก่อนมากกว่าครับ  ที่เคยมีเหตุการณ์จริงๆ เป็นเด็กชายอายุ 14 ไปว่ายน้ำแล้วโดนดูดจากปั๊มป์น้ำในสระ อันนั้นน่ากลัวครับ ผมขอไม่เล่าละกัน แต่ไม่เกี่ยวกับเครื่องบินครับ

ส่วนกรณีที่เคยเป็นข่าวกันบ่อยๆก็คือก้นติดครับ แต่กรณีนี้ ต้องตัวอ้วนมากๆ มากขนาดธิดาช้างนะครับ และไม่ใช้ฝารองนั่งด้วย คือนั่งดื้อๆลงไปกับโถเลย  ขนาดรูปร่างขนาดคนปรกติยากมากๆที่จะติดครับ

ในกรณีทำธุระปรกติ ฝาที่รองนั่งนั้น จะยกสูงจากขอบประมาณ 0.5-1 นิ้ว มีช่องว่างให้ลมรอบๆตัวเราเข้าไปได้ จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่เราจะติดหรือโดนดูดอะไรหายไปครับ

ถ้าอยากสบายใจก็แนะนำให้ ยืนขึ้น ปิดฝาครอบลงมา  แล้วค่อยกดครับ กันไว้ก็ไม่เสียหาย อิอิ

มีทริกอีกอย่าง คือ  ก่อนทำธุระให้เอากระดาษชำระใส่ไปในโถสักหน่อยครับ แล้วหลังจากทำธุระเสร็จก็เอากระดาษปิดทับลงไป จะช่วยให้เวลาทำความสะอาดง่ายขึ้นครับ

ขอบคุณมากครับคุณทัดฯ อิ อิ

ง่า....ท่านทัดพอมีทริกเล็กๆน้อยๆ ที่จะช่วยให้น้องๆ แอร์โฮสเตส ให้เบอร์โทรป่ะครับ

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ท่านกัปตันทัดมาลา ( อยากเจอบนเครื่องจัง จะได้ขอไปนั่งในห้องอีกครั้ง หลังจาก 911 ไ่ม่ได้เข้าำไปอีกเลย )  :D


ผมว่าระดับ คุณซับ ( งูเรียกพี่ ) น่าจะขอเบอร์ได้ไม่ยาก กลัวอย่างเดียว สจ๊วตจะแอบให้เบอร์แทนง่ะ  ;D

มีคนฝากถามมาว่า......."เวลาที่นักบินขับรถ เค้าเคยเผลอลืมเหยียบคันเร่งหรืออะไรทำนองนี้มั้ย ?"

ขอรบกวนท่านกัปตันทัดมาลาและสมาชิกที่เป็นนักบินช่วยตอบหน่อยนะครับ 8)

สาธุ ขอให้ได้เป็นกัปตันเร็วไวดังทุกท่านอวยพรครับ

ตอนนี้ผมนักบินตัวเล็กๆ รอสะสมความรู้และฝีมือ จนแก่กล้าก่อนครับ


เรื่องขับรถ มีครั้งหนึ่งสมัยเป็นศิษย์การบิน เพื่อนที่เรียนด้วยกันไม่ได้ออกจากค่ายพักศิษย์หลายอาทิตย์
ผมติดรถเค้าไป อยู่ดีๆ พี่ท่านก็เอามือซ้าย มาจับอากาศข้างๆพวงมาลัย เลยต้องถามว่า ทำอะไร
แกลืมครับ จะเร่งเครื่อง ด้วยความเคยชิน เอื้อมมือไปคว้า Throttle อากาศ ฮามาก เป็นเรื่องอำจนถึงเดี๋ยวนี้

เรื่องรถนี่ลองสังเกตุครับ นักบินชอบขับรถเลนกลาง ถนัดให้เส้นขาวผ่ากลางตัว อยากอยู่บนรันเวย์ครับ มีพื้นที่ข้างๆเหลือเยอะมันอุ่นใจว่า  ไม่ต้องกินหญ้า  ถ้าถนนว่างจะคร่อมเลนเป็นธรรมชาติ

กรึ๋ยส์......มีลืมจริงๆด้วย 5555.....ขอบคุณครับท่านทัดฯ.....

อ่า อย่างแรกเปลี่ยนโฉมให้ใกล้ท่านทัดก่อนนะครับ

ส่วนตัวผมไม่เคยครับ ตั้งแต่เป็นนักบินเด็กๆ..แล้วครับ เพราะเบรคของเครื่องบินมันอยู่ที่เท้าเหมือนกัน ฮ๋า...........ส่วนคันเร่งหรือ Throttle มันอยู่ที่มือครับ

ว่าจะถามเมื่อครั้งมิ้ตติ้งครั้งที่แล้วก็ลืม ผมยังสงสัยไม่หาย ว่าทำไมเวลาเครื่องขึ้นลงต้องเปิดหน้าต่าง ??? ;D

ผมว่าน่าจะเป็นแค่เครื่องบินที่นั่งเดี่ยวสมัยสงครามโลกครั้งที่สองนะครับ เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินตอน "ก่อน" ขึ้นจากพื้น หรือ "หลัง" ลง จะได้โดดหนีเร็วขึ้น

อือม์ เลยขอถามด้วยครับ ผมอ่านในเรื่อง The big show โดย Pierre Clostermann เป็นนักบิน Spitfire สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เวลาจะลงช่วงสุดท้ายจะแตะพื้นจริงๆ ทำไมถึงปิดวิทยุสื่อสาร? หรือสมัยนั้นมีสายต่อจากหูฟังไปที่เครื่อง เลยดึงสายออกก่อนเพื่อให้โดดหนีได้เร็วขึ้น?

หมายถึงเปิดตอนแท็กซี่ไปถึงรันเวย์ พอจะขึ้นแล้วปิด แล้วขกลับลงถึงพื้นเรียบร้อยแล้วเปิดหรือเปล่าครับ

ถ้ากรณีนี้ เครื่องรุ่นเก่าๆไม่มีแอร์ครับ ถ้าไม่เปิดหูช้าง หรือแง้มคาโนปี้ เวลาแท๊กซี่ไปถึงรันเวย์ เหงื่อแตกพลั่กครับ


ส่วนของท่าน จู๊ด ลอว์ เรียนตามตรงว่า ไม่ทราบคร้าบบบบบบบบบบ

ว่างๆขอยืมหนังสือมาอ่านหน่อยครับ อาจจะพอสังเคราะห์ได้ว่าทำไม

โอ เช แล้วจะเอาไว้ในรถครับ ตานี่เป็นนักบินเสรีฝรั่งเศสไปประจำกับ RAF อังกฤษ ครับ เขียนบรรยายไล่ยิงกันดุเดือดดี

บ่ใจ๊ หมายถึงปัจจุบันนี่แหละครับ ทุกสายการบิน จะบอกพร้อมกับให้ปิดมือถือ แล้วจะบอกอีกครั้งตอนให้พับเก็บโต๊ะหน้าที่นั่ง บางครั้งกำลังหลับสบายพวกดันเรียกให้เปิดหน้าต่างเสียนี่ ;D

อ๋อ.....................

ไอ้กระผมก็นึกว่าเปิดรับลม อันนี้เค้าให้เปิดม่านที่หน้าต่าง..........เน้อ พี่จอย...

ด้วย 2 เหตุผลครับ

1. เหตุผลด้านแสงสว่างในกรณีฉุกเฉิน ถ้าเกิดไฟดับ หรือมีกลุ่มควัน  แสงจากภายนอกจะได้เข้ามาได้ ผู้โยสารจะได้รู้ว่าควรจะออกไปทางไหนอย่างไร

2. คือ ถ้าเกิดมีความบกพร่องภายนอกตัวเครื่อง ท่านที่นั่งริมอาจจะมองเห็นและแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันครับ

เอาะอ๊อ พอเข้าใจแล้วครับ เคยมีครั้งหนึ่ง เป็นตัวโช๊คน่าจะเป็นระบบเบรคอากาศเกินหลุดก่อนเครื่องกำลัจะลง เลยแจ้งนักบินให้ทราบ นักบินบอกไม่เห็นมีสัญญาณเตือน แต่นักบินก็บอกว่าถึงสนามบินแล้วจะแจ้งให้ช่างทราบ :OO

เคยได้ยินครับว่าการที่หรี่ไฟเวลาเครื่องจะขึ้นนั้น ไม่ใช่เพราะต้องใช้ไฟมากเวลาเร่งเครื่องแต่เป็นเพราะต้องการให้สายตาผู้โดยสารชินกับความมืด เวลามีเหตุจะได้มองเห็นได้ดีกว่า

ท่าน L/E ครับ...ที่ถามนี่เป็นตอนที่นักบินเค้าทำอะไรครับ(อ่านแล้วงงๆอ่ะ) กำลังสละเครื่องโดดร่มหนีเหรอครับ?

ท่าน L/E ครับ...ที่ถามนี่เป็นตอนที่นักบินเค้าทำอะไรครับ(อ่านแล้วงงๆอ่ะ) กำลังสละเครื่องโดดร่มหนีเหรอครับ?

********

คือเป็นตอนร่อนลงฉุกเฉินครับ ตามที่เขาเขียนนักบิน ว. คุยกันหอมาตลอด แต่เมื่อใกล้แตะพื้นจริงๆ เขาเขียนว่าปิด ว. ก่อนทุกที เลยงงว่าการปิด ว. ช่วยในการลงยังไง? ช่วยให้โดจากเครื่องลงพื้นได้เร็วขึ้นเหมือนการเลื่อนฝาครอบไปไว้ข้างหลังหรือไม่? อย่างไรก็ตามไม่ใช่การเลื่อนฝาครอบเพื่อโดดสละเครื่องโดยใช้ร่มชูชีพนะครับ เป็นการโดดหนีไฟ/การระเบิด ฯลฯ ลงพื้นธรรมดาเมื่อเครื่องยังอยู่บนพื้น/ลงพื้นแล้วครับ

ภาพ 1. เครื่อง Spitfire กำลังลงฝาครอบเลื่อนไปไว้ข้างหลังแล้ว
ภาพ 2. เครื่อง Spitfire กำลังลง หรือขึ้น ฝาครอบถูกเลื่อนไปไว้ข้างหลัง ตามมุมของเครื่องล้อหลังไม่ติดพื้น

สมัย WWII โดดเองไม่มีดีดแบบนี้ครับ

ภาพนักบินเยอรมันโดดจากเครื่อง Focke Wolf 190 จากกล้องเครื่องเมกัน Mustang ไฟเริ่มออกจากเครื่องยนต์ล่างขวา

ง่ะ......ตายล่ะ ผมเดาเหตุไม่เจอครับ ลองดูโครงสร้างเครื่องสปิตไฟร์ก็ไม่น่าจะมีเหตุให้ปิดวิทยุเลย....ถังน้ำมันก็ไม่ได้อยู่ใกล้ด้วย

ปล. ขออภัยด้วย...หนังสือมันเก่ามีแต่รอยขี้มือ

(http://img437.imageshack.us/img437/5502/spitfireii9.jpg)

ผมนึกว่าเป็น Smoking fight ;D ;D

กระทู้นี้ทำให้ฉลาดขึ้นเยอะเลยขอบคุณหลายๆครับ

 ;D ;Dเพิ่งทราบเหมือนกัน

กลับมาต่อท่าน ลอว์

การหรี่ไฟ  จะทำในเที่ยวบินที่แสงน้อยๆ เช่น ย่ำค่ำ กลางคืน และเที่ยวบินที่มีการข้าม Time zone หรือ มีการเปลี่ยนสภาพแสงไปสู่ที่มืดครับ เพื่อให้ตาชินกับสภาพแสงน้อย ถูกต้องคร้าบบบบ

การ Bail out หรือสละเครื่องนั้น ในปัจจับันยังมีเครื่องอีกหลายรุ่นที่ประจำการในกองทัพและต้องสละเครื่องเองครับ อย่างเช่น CT-4 A/B/E (Chicken) ของ ร.ร.การบินฯ หรือ AU-23  (Peacemaker) ของกองบิน 53 ประจวบฯ  นักบินต้องผูกร่มที่หลังเวลาทำการบิน ถ้าจะสละเครื่องก็ต้องโดดออกมาเองครับ

เรื่องการปิดวิทยุก่อนลงสนามในกรณี Force landing  ผมคาดว่าเพื่อให้ลดโอกาสที่จะเกิดประกายไฟครับ คือทำการปิดระบบไฟฟ้าทั้งหมด หรือเหลือไว้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น  ไม่คอนเฟิร์มนะครับ เพราะแต่ละเครื่องจะมีขั้นตอนต่างกัน

สำหรับเครื่องที่ผมเคยบินตอนเป็นศิษย์การบิน  ในกรณีมีการลงฉุกเฉิน ใน Procedure เมื่อใกล้ถึงพื้นที่ที่จะลง  หลังจากทำการดับเครื่องและปรับพื้นบังคับให้อยู่ในท่าทางที่ต้องการแล้ว ก็ให้ตัดระบบไฟฟ้าทั้งหมดเหมือนกันครับ

เรื่อง Canopy หรือประทุนนั้น ผมหาข้อมูลจากในเนท ได้ความว่า การไสลด์ไปด้านหลัง เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการบินครับ ในช่วง Taxi และ Take off ซึ่ง คงรวมถึงตอน Landing ด้วยครับ แล้วก็ที่ประทุนด้านบนเป็นทรงโค้ง ไม่เป็นเหลี่ยมๆเหมือนอย่างเครื่องอื่นๆในช่วงเวลาเดียวกัน  เพื่อให้ลดโอกาสที่ศรีษะนักบินจะไปกระแทกประทุน ในขณะที่ทำการ Taxi ครับ อย่าลืมนะครับ สนามบินในช่วงสงครามโลก เป็นพื้นดินสนามหญ้าธรรมดาๆ
 
จากที่นี่ครับ   http://freespace.virgin.net/john.dell/spitcom.htm
 http://freespace.virgin.net/john.dell/spithome.htm

ป.ล. ทราบไหมครับว่า วัสดุที่ใช้ทำประทุนของ Spitfire เป็นวัสดุชนิดแรกๆที่ถูกใช้เป็นเลนส์แก้วตาเทียม สำหรับการผ่าตัดต้อกระจก เพราะ Sir Harold Ridley พบว่า นักบินเครื่อง Spitfire ที่เคยประสบอุบัติเหตุ มีผลึกของประทุนฝังในดวงตา ไม่พบอาการแพ้ หรือต่อต้านจากร่างกายครับ

แล้วแบบนี้ล่ะครับ..
ใช่ทะลุกำแพงเสียงรึป่าว...
ปกติ เป็นไอน้ำขาวๆ ครั้งนี้ดู ขุ่นๆ

(http://img246.imageshack.us/img246/7351/avia068gn9.jpg)


ส่วนอันล่าง...ไม่ทราบของประเทศไหน ให้ดูเล่นๆ
(http://img101.imageshack.us/img101/7368/avia063ov6.jpg)