เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

เตรียมพร้อมรับมือหน้าเหลี่ยมเข้าไทย! 
 
โดย หมายเหตุผู้จัดการ 5 พฤศจิกายน 2549 17:54 น.
 
 
 
หลังยึดอำนาจสำเร็จ คนบางคนเล็งผลเลิศว่าทักษิณสิ้นอำนาจ ไม่มีทางที่จะฟื้นได้อีกแล้ว จึงดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดถึงสองสถาน และทำให้สถานการณ์ย่ำแย่มาจนถึงขณะนี้
       
       สถานหนึ่ง ดึงศัตรูมาเป็นมิตรเพื่อหวังจะปูฐานสร้างอำนาจ และแสวงหาประโยชน์แบบเดียวกับเผด็จการในอดีต โดยไม่คำนึงและไม่แยแสต่อความรู้สึกนึกคิดของประชาชน
       
       สถานหนึ่ง ผลักไสมิตรเป็นศัตรู กำหนดเป็นเป้าหมายที่จะต้องทำลายเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามในวันข้างหน้า ตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์และเดินแผนบ่อนทำลายในหลายวิถีทาง
       
       เราเห็นสถานการณ์ดังกล่าวอย่างชัดเจน จึงได้นำเสนอต่อพี่น้องร่วมชาติของเราให้ “ถอยขึ้นบนภู ดูเสือกัดกัน” และเสนอให้คุมกำลังตั้งมั่นไม่เป็นเครื่องมือให้ฝ่ายไหนทำลายฝ่ายไหน อบรมบ่มใจให้มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้มั่นคง
       
       เหตุการณ์คลี่คลายไปดังที่เราคาดคิด ศัตรูที่ดึงมาเป็นมิตรกำลังออกฤทธิ์ออกเดชทุกหนทุกแห่งจนประชาชนขยะแขยง โห่ฮาป่าสนั่นลั่นเมือง และจับทิศจับทางที่คนบางคนกำลังทำการอยู่ได้คาหนังคาเขา และรู้เท่าทันสถานการณ์ทุกฝีก้าว
       
       กลายเป็นพลังกดดันทางสังคมที่เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาสี่ประการที่อ้างเป็นเหตุผลในการยึดอำนาจ จนถึงกับดิ้นรนกันเป็นพัลวันอยู่ในขณะนี้
       
       ในอีกด้านหนึ่ง อำนาจเก่าก็ขยายตัวรุกคืบรุนแรงมากขึ้นและเป็นวงกว้างมากขึ้นทุกที
       
       พวกลิ่วล้อทรราชที่ถูกดึงเข้ามาในอำนาจก็ขยายบทบาทวางรากวางฐานกันอย่างสนั่นหวั่นไหว และหมดความเกรงใจผู้มีอำนาจมากขึ้นเป็นลำดับ ปกป้องพรรคพวกลิ่วล้อทรราชด้วยกันอย่างออกนอกหน้า และตั้งหน้าตั้งตาเหยียบย่ำทำลายฝ่ายประชาชนผู้รักชาติอย่างลำพอง
       
       ส่วนพวกลิ่วล้อทรราชที่ยังอยู่นอกวงอำนาจก็เคลื่อนไหวทั้งบนดินและใต้ดิน ทั้งในประเทศและประเทศข้างเคียง รวมทั้งต่างประเทศ ใช้เครื่องมือสื่อสารและเทคโนโลยีทันสมัยนานาชนิดในการปลุกระดมปล่อยข่าว และยั่วยุให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง
       
       เกิดแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้าง จนหลายคนต้องปวดเศียรเวียนเกล้าและดิ้นเร่า ๆ ราวกับเป็นปลาช่อนถูกทุบหัว
       
       ที่สำคัญ มันกระทบต่อการยกเลิกกฎอัยการศึก เป็นเหตุให้ต้องถูกกดดันจากหลาย ๆ ด้าน ทำให้เกิดความรำคาญและลำบากใจเป็นอันมาก
       
       ในทางการเมืองเล่า ก็ถูกรุกเข้ามาถึงหัวใจ ดังเช่นการที่เมียนายทักษิณเดินเหยียบย่ำไปบนหัวใจของประชาชน เข้าไปพบพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ที่บ้านสี่เสาโดยการนำพาของ “ลูกป๋า” บางคนที่เห็นผลประโยชน์ส่วนตัวเหนือผลประโยชน์ของชาติและเกียรติศักดิ์ของเจ้านายตัวเอง
       
       หรือดังเช่นกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งมีข่าวว่าจะเป็นแกนนำคนสำคัญในการระดมนักการเมืองดำเนินงานทางการเมืองแบบท่วงทำนองของพรรคสามัคคีธรรมในอดีต แล้วถูกจัดฉากให้ไปเล่นฟุตบอลกับประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ
       
       หักล้างเหตุผลที่ปฏิวัติขับไล่คนเหล่านั้นออกไปอย่างรุนแรง ทำให้ถูกแปรเป็นสัญญาณผิด ๆ ในการตรวจสอบและยึดทรัพย์สินหรือการยุบพรรค หรือแม้กระทั่งเป็นสัญญาณไปสู่การสืบทอดอำนาจแบบเดียวกับ รสช.
       
       ก็ไม่รู้ว่าคนจัดฉากเรื่องนี้คำนึงถึงหรือไม่ว่าภาพเช่นนี้คือการกระทืบลงไปบนหัวใจของประชาชน
       
       เสียงโห่ฮาป่าจึงก้องกระหึ่มไปทั้งแผ่นดิน และควรเป็นบทเรียนอันพึงสังวรว่าธรรมนั้นเป็นอำนาจ ไม่ใช่อำนาจเป็นธรรม เสียงประชาชนคือเสียงของธรรมที่มีพลานุภาพและยุทธานุภาพเหนือกว่าอาวุธใด ๆ ในโลกนี้
       
       มาถึงวันนี้ นอกจากแรงกดดันรุมเร้ารอบทิศแล้ว การขยับหมากสำคัญที่ส่อสัญญาณให้เห็นว่ากำลังจะมีการเปิดฉากรุกทางการเมืองครั้งใหญ่ต่อรัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติของระบอบทักษิณได้ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว
       
       ประการแรก การปลุกระดมให้มีการชุมนุมประท้วงรัฐบาลและคณะปฏิรูปฯ ทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด ประสานเข้ากับการปลุกระดมโดยทางเว็บไซต์หน้าตาใหม่ๆ มากมาย รวมถึงการแจกใบปลิวและปล่อยข่าวลืออย่างกว้างขวางเพื่อล้มล้างรัฐบาลปัจจุบันและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ
       
       การปลุกระดมโจมตีพระมหากษัตริย์ โจมตีประธานองคมนตรี และคณะมนตรีความมั่นคงคือการประกาศศึกที่แตกหักชัดเจนชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
       
       การลักลอบไปจัดตั้งที่มั่นในประเทศเพื่อนบ้านสองประเทศ และขยับขับเคลื่อนกำลังพลระดับต่างๆ ช่างน่าติดตามสนใจยิ่งนัก
       
       ประการที่สอง การทำอุบายป่วยหนักเพื่อแอบกลับเข้ามาทำการใหญ่ประจักษ์ชัดเจนแล้ว มีการปล่อยข่าวว่านายทักษิณเป็นโรคหัวใจ อาการหนักมาสองครั้งแล้ว มีการติดต่อขอกลับมารักษาตัวในประเทศไทยกับบุคคลสำคัญ และแสร้งปล่อยข่าวให้รั่วเป็นทำนองว่าต้องเรียกหมอจากประเทศไทยไปรักษาที่ประเทศอังกฤษ ทำให้บางคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
       
       แต่มันปิดสายตาเราไม่ได้! เราตรวจสอบพบว่าเป็นการโกหก ไม่มีการป่วยจริง มีการลอบเดินทางจากอังกฤษไปฝรั่งเศส และลอบเดินทางจากฝรั่งเศสไปปักกิ่งในห้วงเวลานี้ โดยมีนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล และนายเหยียนปิงประสานงานในเมืองจีน
       
       ก่อนหน้านี้ก็ออกข่าวหลอกว่าจะมีการพบปะกับพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ประเทศจีน ระหว่าง 30-31 ตุลาคม 2549 ซึ่งเป็นการลวงให้หลงเพื่อปกปิดแผนลอบเดินทางเข้าจีนในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 โดยไม่รู้ที่หมายปลายทางข้างหน้าว่าหลังจากนี้แล้วนายทักษิณจะไปไหน จะเป็นลาว พม่า หรือประเทศไทย หรือสิงคโปร์กันแน่
       
       ความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับการปลุกระดมทุกรูปแบบ สอดคล้องกับการขยับรุกทางการเมืองทุกจังหวะก้าว และสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของลิ่วล้อที่แทรกซึมเข้ามาในรัฐบาล ในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ และในสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย
       
       ในประวัติการใช้กลอุบายป่วยหนักเช่นที่นายทักษิณใช้อยู่ในขณะนี้ เท่าที่เคยมีมาในโลกนั้นมักจะเกิดสงครามใหญ่หรือเรื่องใหญ่ติดตามมาเสมอ
       
       โดยวิถีวัตถุนิยมประวัติศาสตร์และสถานการณ์ที่ดำเนินไป เราจึงขอบอกกล่าวให้พี่น้องร่วมชาติทุกคนได้เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมว่าหน้าเหลี่ยมเตรียมแผนเข้าไทยแน่!
       
       อย่าประมาท อย่าตกเป็นเครื่องมือใคร แต่ต้องพร้อมใจทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาแจ้งข่าวคราวความเคลื่อนไหวของบรรดาคลื่นใต้น้ำลิ่วล้อทรราชให้รัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติทราบอย่างใกล้ชิดทุกเมื่อ ต้องทำใจทำเช่นนี้จึงจะเป็นผลดีต่อบ้านเมือง
       
       ภารกิจพิทักษ์ประเทศชาติราชบัลลังก์คือภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของประชาชนไทยในสถานการณ์ปัจจุบัน.  
 
 
 
 
 

สรุปว่า   จะกลับมาแล้ว...โอย ประเทศไทย

เห็นแก่ประเทศไทย และ ประชาชนชาวไทย อย่าพึ่งรีบกลับมาตอนนี้ได้โปรด

อยากรู้ว่าจตอนศาลท่านเรียกให้มารับโทษ จะอยากรู้ว่าจะเข้ามามัย

ผมว่าให้มันรู้ไปเลยว่าใครเหนือกว่า ....... จะได้จบๆกันไปซะที แล้วเริ่มต้นกันใหม่ อยู่กันแบบนี้ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย
คล้ายๆกับรัฐบาลมะเขือเผาสมัยก่อน หน่อมแน๊มเกินไปจนน่าขนลุกซะแล้ว

ตอนนี้คนในครอบครัวทักษิณก็กลับมาอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้ากันแล้วเพียงแต่ยังใช้ชีวิตไม่ค่อยปกติสุขเท่าไหร่ แม้แต่นายโอ๊คกลางวันเก็บตัวกลางคืนก็ยังออกไปเที่ยวได้ คนไทยลืมง่ายจริงๆมันปกติเกินไปว่าไหมครับ

ตกลงแล้วมันโดนยึดทรัพย์มั้ย 8)

ผมว่าแนวโน้มมาครองอำนาจใหญ่โตกว่าเดิม หากชุดนี้ยังเดินหน้าไม่เป็น

ชอบครับ....วันที่สิบเอ็ดขอชนสิบจอกครับ

กลับมาได้ ถ้าผิดก็ว่าไปตามหลักฐาน

ดำเนินคดีกันไป  คนไทยคนหนึ่ง

 8)

อาจจะกลับได้แต่กระดูกล่ะมั้ง

ให้เค้ากลับมาเถอะ..ยังไงๆ เค้าก็มีบัตรประชาชน ไทย...เหมือนเราๆท่านๆ...1 ใบเหมือนกัน ;)

แต่....เราน่าจะหาวิธี บอกกับคนไทยยังงัย ให้เข้มแข็งทาง...ความเชื่อ...ความหลง...ยังงัยมากกว่า :VOV:

ให้เค้ามีสติที่แจ่มใส ในการไคล่ครวน..ตรึกตรอง....ในแนวคิดการเป็นประชาธิปไตย...ยังงัยที่มันคง และถาวร


 :VOV:หากมีวันนั้นจริง...ไม่ว่าหน้าจะ เหลี่ยม...หน้าแบน...หน้าป้าน...หน้าหัก...ยังงัย ก็ไม่สามารถจะทำให้ประเทศเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ได้เลย

ให้กลับมาเถอะส่วนดีเขาก็มี ยังเป็นคนไทยด้วยกัน  เห็นใจเขาบ้างครับน้ำพริกหนุ่มและแค๊ปหมู ที่ลอนดอน

มันไม่อร่อยเท่า ตี้เมืองเจี๋ยงใหม่หรอกเน่อ....ผมว่าแกคงคิดถึงอาหารบ้านแก..จน อกจะแตกตายแล้ว

จะมาแล้วเหรอ ขอนุญาตไปตั้งศูนย์ปืนไรเฟิลก่อนนะ    แว๊ปปปปปปปปปปปปปป

ขอพึ่งศาลครับ

ยากนะ
*เหล็กคดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว คนคด อย่างเดียวใช้การไม่ได้

*เงินง้างเหล็กแข็งที่สุดได้

บารมี อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่ทักษิณไม่มีครับ

ตรงประสพการ์ณเลยครับ เงินทำให้เหล็กเเข็งๆไปทางไหนก็ได้  :~)

ผมเจอมากะตัว งง ไปเลย สถานที่ของผมเจอท่อสูบน้ำของราชการท่อเหล็กใหญ่ๆกำลังเดินเครื่องสูบน้ำ

ติดต่อไปบอกไม่สามรถขยับหลบได้มันรื้อไม่ได้กำลังปฏิบัติหน้าที่ของหลวงนะเฟ้ย

เลยไม่รู้จะทำไงต้องใช้พื้นที่ตรงนั้น เลยใช้ตังในกระเป๋าค่อยๆผลักท่อเหล็กแข็งๆหันไปทางอื่นซะเลย ;D ;D

เฮ้อ เมืองไทย  :~)

 >:( >:(อย่างนี้ต้อง...เผาพริกเผาเกลือ... ไล่กันอีกแล้วเหรอนี่ ?  เฮ่อ!! มันจะมาทัมม้ายยยยย....ยุ่งตาย h'a..เวร >:( >:(

ระวังน๊า กล่าวหาเขาไว้มาก หากลงโทษเอาผิดเขาและพิสูจน์ตามคำกล่าวหาไม่ได้ เขาจะกลายเป็นผู้บริสุทธิไปเลยทันที และจะได้คะแนนสงสารอีกเป็นโข๋ ระวังกระแสจะตีกลับ คนดีจะกลายเป็นคนร้ายรังแกคนอื่น คนร้ายจะกลายเป็นคนดีเพราะถูกรังแกใส่ร้าย  (ผมเป็นคนชอบค้านคน เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดเพื่อเสริมสร้างรสชาตการแลกเปลี่ยนความคิด ไม่เกี่ยวกับเชียรใครฝ่ายไหนนะครับออกตัวบอกไว้ก่อน)

ให้เขามาเถอะ  เพราะเขาจะกลับมารับโทษในเมืองไทย
ว่าแต่ว่า  เห็นเคยบอกว่าจะยึดเงิน  7 หมื่น 3 พัน ล้าน ก็อย่าลืมซะละ
เห็นเรื่องเงียบๆไปแล้วพักใหญ่ ไม่รู้จะเอากันจริงไหม

หึ   ......   หึ    .....    หึ    .....      ;D ;D       จะกลัวอะไร   ?    กันหนักหนา



(http://img379.imageshack.us/img379/4467/400529517rq2.jpg) (http://imageshack.us)

ดีนะที่ไม่มาหันในพื้นที่ผม...
ไม่งั้นโดนลูกซ้อม 2 ลังเป็นอย่างน้อย.. ;D ;D

 :)..  กลับไม่กลับ อยู่ที่ ตัวทักษิณ. ว่าจะขอใช้สิทธิของคนไทย หรือไม่
       ผมเชื่ออย่างปราศจากข้อสงสัย  .. อดีตนายก ที่ปากกล้า ท่านนี้.
       จะไม่กล้าพลาดพลั้งอีกครั้ง ที่จะทำให้สังคมขุ่น วุ่น และพาชีวิตและครอบครัวตัวเองชิบ..

       เคยชี้ไม้เป็นนก ชี้คนให้เป็นเทวดา กระทำอะไรที่ผิดปรกติได้..
       เพราะเพียงตนผู้เดียว.. ที่ถืออำนาจรัฐ .อยู่ในมือ.

       เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยน ..อำนาจรัฐเปลี่ยนไปแล้ว.
       บุคคลกรที่บังคับใช้ มีอำนาจตามกฎหมาย กำลังดาหน้า
       เป็นเหมือนหอกแหลม จะจิ้ม. จะเสียบ..

       ประเมินสถานการณ์  รู้เขา รู้เรา.. ถ้ายังยอมพลาดอีก. ก็ไม่ใช่ เทวดาทักษิณ แล้ว ครับ :)

       อย่าไปมองดู ส่วนลำตัว ส่วนหาง ที่ทำตามความหยาก..
       ที่จะดึงส่วนหัวที่พ้นบ่วงไปแล้ว ให้มาร่วมชะตา อีก .

บทเรียนราคาแพงตั้งแต่ตอนยุบสภาแล้วครับ อยู่ที่ว่าจะจำหรือทำเป็นลืม หรืออยากประสบเคราะห์กรรมซ้ำซาก

สรรพากรกลับลำเรียกเก็บภาษี “โอ๊ค-เอม” ขายหุ้นชินฯ 5.8 พันล้าน!
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 พฤศจิกายน 2549 20:45 น.
 
 
       สรรพากรกลับลำเรียกเก็บภาษีหุ้นชินฯ จาก “โอ๊ค-เอม” 5.8 พันล้าน “ศิโรตม์” ฟันธง แอมเพิล ริช ขายหุ้นคืนให้ 2 ทายาท “แม้ว” ต้องเสียภาษีตามราคาจริง พร้อมยันเปล่าเลือกปฏิบัติกับตระกูลชินวัตร เนื่องจากต้องรอการรวบรวมข้อมูลก่อนพบข้อเท็จจริงดังกล่าว
       
       

 
 
 
 
       นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังงานเสวนา “ความรู้คู่เด็กไทย...ร่วมใจกับกรมสรรพากร” วานนี้ (7 พ.ย.) ว่า ตนไม่เคยพูดว่านายพานทองแท้ และพิณทองทา ชินวัตร ลูกชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องเสียภาษีจากการซื้อหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป โดยขณะนี้ได้ออกหนังสือเรียกทั้งสองคนมาชี้แจงถึงสาเหตุที่ไม่เสียภาษีกลางปีซึ่งครบกำหนดตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา
       
       ส่วนกรณีการตอบหนังสือหารือของครอบครัวชินวัตร เมื่อปลายปี 2548 นั้น เป็นเพียงการสอบตามสมมติฐานที่ถามมา ซึ่งขณะนี้ปรากฏข้อเท็จจริงแล้วกรมสรรพากรจึงจำเป็นต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่เห็นว่าหากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ต้องการข้อมูลจากกรมสรรพากร ก็สามารถส่งหนังสือมาขอได้แต่ยืนยันว่ากรมฯ ไม่จำเป็นต้องชี้แจงไปก่อน เพราะ สตง.ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา
       
       เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 ที่ผ่านมา นายศิโรตม์ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบของกรมสรรพากรออกหมายเรียกตรวจสอบการเสียภาษี ถึงนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา เนื่องจากกรมสรรพากรตรวจสอบพบว่าการที่บริษัท แอมเพิล ริช จำกัด ได้ขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้แก่บุคคลทั้งสองเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 จำนวน 329.2 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดเฉลี่ยอยู่ที่หุ้นละ 47-49 บาท ถือว่าส่วนต่างราคาหุ้นดังกล่าวเป็นรายได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี ตามมาตรา 39 ของประมวลรัษฎากร
       
       นายศิโรตม์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ต้นปี 2549 กรมสรรพากรได้รวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกรณีดังกล่าวมาโดยตลอด และพบว่าข้อเท็จจริงที่รวบรวมได้มานั้นแตกต่างจากข้อหารือที่กรมสรรพากรเคยตอบไป โดยทั้ง 2 คนจะต้องมีการประสานงานกับกรมภายใน 30 วันนับตั้งแต่มีการออกหนังสือเชิญ โดยขณะนี้กรมสรรพากรได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังแล้ว
       
       “ตอนที่แถลงข่าว ผมก็ไม่ได้ยืนยันว่าไม่ต้องเสียภาษี แต่เป็นการพูดไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้ไปถอดเทปดู พูดอย่างนี้คงไม่แฟร์เท่าไร อย่างไรก็ตาม ต้องเลือกระหว่างการปฏิบัติกับการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เพราะมันแปลว่าจะอยู่ในคุกหรืออยู่นอกคุก ดังนั้น ใครที่สติดีก็ต้องเลือกอยู่นอกคุก” นายศิโรตม์ กล่าว และว่าการที่กรมมีการแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2549 นั้นเป็นการชี้แจงตามการตอบหนังสือหารือที่เป็นการสอบถามมาด้วยการตั้งสมมติฐานว่าหากมีเงื่อนไขอย่างนี้เกิดขึ้นจะต้องทำอย่างไร โดยขอยืนยันว่าไม่เคยกล่าวว่าไม่ต้องเรียกเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นดังกล่าว แต่จากข่าวที่ผ่านมาเป็นการกล่าวอ้างกันไปเอง
       
       แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากสามารถพิสูจน์ได้ว่านายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทามีการถ่ายโอนเงินจริงก็จะพิจารณาเก็บภาษีตามมาตราที่ระบุว่าเป็นการซื้อหุ้นในราคาถูกกว่าราคาในตลาดหลักทรัพย์ แต่หากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการถ่ายโอนเงินจริงก็จะเข้าข่ายมาตราที่ระบุว่าเป็นการได้หุ้นฟรี ซึ่งในกรณีนี้จะต้องชำระภาษีและค่าปรับมากกว่ากรณีแรก
       
       เฉพาะกรณีดังกล่าวนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ได้รับผลประโยชน์จากส่วนต่างราคาหุ้น 15,800 ล้านบาท หากต้องจ่ายภาษีจะคิดเป็นเม็ดเงิน 5,846 ล้านบาท
       
       แฉหลักฐานมัด “ศิโรตม์”
       
       เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา แหล่งข่าวจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุว่า จากการสอบสวนและพิจารณาเอกสารรวมถึงการกระทำต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้น บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น ความผูกพันของนายศิโรตม์ในฐานะที่เป็นอธิบดีกรมสรรพากร ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของกรม ทำให้นายศิโรตม์จะหนีพ้นความผิดฐานเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไปไม่ได้ แม้จะอ้างว่าในเอกสารตอบข้อหารือของ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ เลขาฯ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ไม่มีการลงลายมือชื่อของนายศิโรตม์ก็ตาม แต่การกระทำของนายศิโรตม์ และนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ที่ร่วมกันแถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่ากรณีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปให้กองทุนเทมาเส็ก ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2549 ถือเป็นหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่าผู้บริหารระดับสูงทั้งสองรายปฏิบัติหน้าที่ในทางสนับสนุนการซื้อขายหุ้นโดยไม่เสียภาษี นับเป็นหลักฐานที่ออกสู่สายตาของคนทั้งประเทศถือว่าแน่นหนาพอที่จะเอาความผิด
       
       นอกจากนี้ ในหนังสือตอบข้อหารือของ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ในข้อ 1 วงเล็บ 1 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า หากการขายหุ้นดังกล่าวต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินค่าตอบแทนตามราคาตลาดในวันที่โอนหุ้นได้ตามมาตรา 65 ทวิ (4) แห่งประมวลรัษฎรกร ซึ่งหากผลการสอบสวนสรุปออกมาแล้วพบว่าไม่เป็นจริงตามนั้นก็ต้องมีการเรียกเก็บภาษีที่เกิดจากการซื้อขายและดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
       
       อย่างไรก็ตาม ความหมายที่นายศิโรตม์อ้างว่าตนไม่เคยพูด อาจเป็นเพราะผู้ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากรในขณะนั้น เป็นผู้ลงรายชื่อในท้ายหนังสือตอบข้อหารือ คือ นางเบญจา หลุยเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง  

 :(
ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
ที่พวกพนักงานของ บริษัทที่จดทะเบียนในตลาด  ได้อีสปวอร์แรนต์  ตอนแปลงเป็นหุ้นแม่ยังต้องเสียภาษีเลย
นี่  ผู้นำเป็นเสียเอง 
 

รอดูครับ ไม่ง่ายอย่างที่คิด...

 :).. ผมเห็นสอดคล้อง ที่ คุณ Chayanin  นำเสนอ ครับ..

      หลายข้อเท็จจริง ผู้กระทำ เข้าใจข้อกฎหมายเอาเอง.
      หลายร้อยข้อคิดที่จะสนับสนุนตัวเอง ว่าไม่ผิด..  :OO
      จะเจตนา กระทำอย่างไร ก็ตาม  ข้อเท็จจริงนี้
      นักกฎหมาย กลาง กลาง ย่อมมองได้กระจ่าง ชัด. :)

      น่าจะไม่แคล้ว ให้ศาลยุติธรรม วินิจฉัย  จะถึงบทสรุปตอนนั้น .  :)

      กรงขัง ไม่ต้องล้าง..  ขยายให้กว้างหน่อย ก็พอครับ.  :OO
     
     

 แผ่นดินไทย สูงขึ้นกว่าเดิม  แป๊ป...เดียวเอง...

ยังสูงอยู่ครับ แต่คนเริ่มชินแล้ว

 ให้ประชาชนตัดสินใจเถอะครับ

ประเทศไทยเป็นของ  ประชาชน  หรีอ  เป็นของใคร ?
 รับประทาน พาราเซต  ดีกว่า