หัวข้อ: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 12:28:12 AM จาก ฟอร์เวิร์ดเมลล์ครับ อยากให้ได้อ่านกัน.............. ใช้ชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุดทุกท่านครับ
ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เนื้อความ จากคนที่เคยสนุกสนานร่าเริง เฮฮา มีความสุขกับทุกอย่าง มีความฝัน มีความหวัง มีความทะเยอทะยาน อยากทำทุกอย่างที่ใจต้องการ ไฟแห่งความหวังลุกโชติช่วงเต็มที่ พร้อมที่จะนำทางไปยังความสำเร็จ แต่แล้วทุกอย่างก็ดับวูบ มืดลง มันรวดเร็วมาก เหมือนลมพัด ให้แสงสว่างในชีวิตผมดับลง ผมยืนนิ่งอยู่เนิ่นนาน นานจนน้ำตาเริ่มไหลจากหยดเล็กๆ..จนเป็นทาง และตอนนี้มันได้เหือดแห้งไปแล้ว พร้อมกับเวลาที่เหลือน้อยเต็มที...เวลาที่ผมถูกขโมยไป ผมเป็นนักศึกษาปี 4.ที่มีความฝันมาโดยตลอด ผมเป็นความหวังเดียวของพ่อแม่ ผมบอกพ่อแม่ตลอดเวลา ว่าต่อไปผมเรียนจบครอบครัวเรา จะไม่ต้องลำบากอย่างนี้อีกแล้ว รอยยิ้มของแม่ผมยังจำติดตา มันแฝงไปด้วยความภูมิใจ ความดีใจ และที่สำคัญความหวัง ผมเป็นนักเรียนที่เรียนดี ทำงานไปด้วย ทำกิจกรรมไปด้วย แต่ผมมีโรคประจำตัว ตอนนั้นไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้ว่าผมจะปวดหัวเหมือนเข็มสักร้อยอันทิ่มแทงไปในสมอง จนน้ำตาผมไหล ผมเป็นบ่อยมากในช่วง2-3เดือนมานี้ แต่ไม่ได้บอกใคร จนที่สุดผมทนไม่ไหว หมดสติไป ตอนกลางคืนตื่นขึ้นมาพบตัวเอง นอนอยู่ในห้องไอซียู หลังจากนั้นผมก็หลับไป...นานเท่าไรไม่รู้ รู้แต่ว่าผมตื่นมาอีกครั้ง ผมไม่มีผมบนศรีษะ ผมไม่เสียง ไม่มีแรง แม่ของผมซูบผอม แก้มตอบ ร่วงโรย ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร แม่บอกผมทั้งน้ำตา ว่าให้ผมทำใจดีๆทั้งที่น้ำเสียงของแม่สั่นเครือ ผมรู้แล้วว่าผมไม่สบาย แต่ก็อาจหายไม่ใช่เหรอ แม่ส่ายหน้า แม่บอกว่าใน2เดือนข้างหน้า แม่จะรักผมให้มากที่สุด แม่จะอยู่กับผมจนถึงวันสุดท้าย เท่านั้นเองครับ ที่แสงสว่าง แห่งความหวัง และความฝันของผมดับไปผมรู้แล้ว น้ำตาผมเริ่มไหลเป็นหยด...จนเป็นทาง ผมถูกขโมยเวลาไปพร้อมๆกับความหวัง และความฝันของผมและพ่อแม่ อีกแค่ 4 เดือน ผมจะรับปริญญาแต่ผมก็ทำไม่ได้ แม่บอกว่าแม่จะตัดชุดจากผ้าไหม ที่พ่อซื้อมาฝากจากนครพนม แม่ตัดแล้ว แต่คงไม่มีโอกาสใส่ พ่อของผมไม่มีแม้แต่น้ำตา แต่ผมรู้ว่าพ่อเจ็บปวดแค่ไหน ผมบอกพ่อว่าจบแล้ว ผมจะไปสมัครงานที่การบินไทย ผมอยากเป็นนักบิน จากนั้นก็จะเก็บเงินสร้างบ้านให้พ่อให้แม่ พาพ่อแม่ไปเที่ยวฮ่องกง ซื้อของ จากนั้นผมจะแต่งงานมีหลานให้ท่านอุ้ม ฟังดูมีความสุขนะ แต่...ผมก็ทำให้ท่านผิดหวัง เสียน้ำตา ให้ท่านต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดของผม ผมแอบเห็นแม่ร้องไห้ในตักพ่อ ถ้าใครได้มาเห็นภาพนั้น คงจะเข้าใจคำว่าใจจะขาดเป็นยังไง มันเจ็บ เจ็บทั้งตัว ทั้งใจ ทรมานมากผมเคยถามตัวเอง ว่าชาติก่อนผมเคยทำอะไรให้ใคร ชาตินี้ผมจึงต้องมารับกรรมพร้อมกับพ่อแม่อย่างงี้ เหลือเวลาอีก 21 วัน ในขณะที่คนอื่นนับเวลาที่จะเดินไปข้างหน้า ผมกลับนับเวลาเดินถอยหลัง ไม่รู้ว่าวันนั้น ผมจะเจ็บปวดมาแค่ไหน พ่อแม่ผมจะเป็นอย่างไร ผมเป็นห่วง ผมบันทึกข้อความนึง ไว้ในสมุดบันทึกเงินเดือนของพ่อ เพราะว่าอีก 28 วันแม่ต้องเปิดมันเพื่อเขียนรายรับในบ้าน ผมบอกท่านว่า "ผมรักพ่อกับแม่นะครับ ชาติหน้า เรามาเป็นพ่อแม่ลูกกันอีกนะ ผมสัญญาว่า จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังและเสียใจอีก..สัญญาครับ" ทุกคนที่อ่านอยู่ขอให้รู้ไว้นะครับ ว่าเราไม่มีทางรู้เลยว่าพรุ่งนี้เราจะเป็นอย่างไร อยู่หรือตายจากโลกนี้ไป ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าเวลาสำคัญกว่าอื่นใด ไม่ว่าเงินหรือทองก็ซื้อมันไม่ได้ ขอให้ทุกคนใช้ว่าให้คุ้มค่า และหวงแหนมัน อย่าให้ใคร ขโมยมันไปจากคุณเหมือนกับผมนะครับ ผมถูกขโมยเวลาไป...จากโลกนี้ 2 เนื้อความ ในที่สุดวันที่พวกเราไม่อยากให้มันเกิดก็มาถึง กานต์ซึ่งเป็นเพื่อนกับเรามาตั้งแต่ม.4ก็มาจากเราไป จากพ่อแม่ของมันไป คุณคงจำเรื่องของกานต์ได้นะ ที่ผมมาโพสต์ไว้ว่าเค้ากำลังจะตายในอีก 21 วัน ในวันที่21 พวกเราพร้อมกับพ่อแม่ของมัน อยู่กับมันทั้งวันด้วยความรู้สึกที่ว่ามันจะไม่เดียวดาย แต่แล้ววันที่21 ก็ผ่านไปพร้อมน้ำตาของทุกคน พวกเราดีใจแต่ยังไม่วางใจนักยังคงมาเฝ้ามัน2-3วันเมื่อเห็นว่ามันไม่เป็นไรจึงเบาใจ........ วันที่30 ตุลาคม 2546 เวลา18.25นาที ผมได้รับโทรศัพย์จากพ่อกานต์ว่า"กานต์ไปแล้วนะลูก" ผมถามพ่อว่ากานต์ไปไหน พ่อไม่ตอบ เท่านั้น ผมก็รู้แล้วว่าเวลาของเพื่อนผมหมดลงแล้ว ผมรีบขับรถมาที่ร.พทันที เพื่อมองหน้าเพื่อนรักของผมเป็นครั้งสุดท้าย บอกกับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้ เมื่อไปถึงห้องภาพแรกที่เห็น มันทำให้ผมถึงกับทรุด ภาพของกานต์นอนคลุมทั้งตัว โผล่มือออกมาแม่กานต์จับมือแล้วบอกว่าแม่ไม่ให้ไป แม่พร่ำพูดอยู่อย่างนั้น จนผมเริ่มชาทั้งตัว ผมเดินไปเปิดผ้ามือสั่น แล้วภาพที่ผมเห็นก็ทำให้ผมร้องไห้จนได้ ผมไม่อายใครแล้วทั้งนั้น ผมบอกกานต์ว่าโชคดีนะเพื่อน แล้วเดินออกมาพร้อมสมุดบันทึกมันซึ่งผมอยากให้คุณได้อ่าน ************************************************************ 12 ส.ค 45 วันนี้วันแม่ แต่ไม่มีอะไรจะให้ กลับมาถึงบ้านเลยทำสาคูไส้หมู ที่เพิ่งไปเรียนมาทำให้แม่กินโดยไม่บอกว่าทำเอง เห็นแม่ชมว่าซื้อมาจากไหนอร่อยดีทำไส้ไม่กลัวขาดทุน แค่นี้ก็ชื่นห้วใจน้อยๆของลูกอย่างเราแล้ว เออเมื่อเช้าไปเรียน OB เจออาจารย์ถามว่าใกล้จบแล้วนิอีกปีนึง หยุดคิดแล้วก็มองตัวเองจะจบแล้วเหรอจะได้ทำงาน จะเป็นเสาหลักของครอบครัวแล้ว ดีใจจัง 8 พ.ย 45 วันนี้มีเรื่องมากวนใจเราอีกแล้ว เราไปทำงานหลังเลิกเรียนตามปกติ จากนั้นก็มีเพื่อนจากมหาลัยเข้ามาทัก เราก็คุยด้วยดีๆ เพื่อนผู้หญิงของเพื่อนเราก็ถามว่า ไม่มีตังแล้วทำไมไม่เรียนรามคะ เสียใจจังที่ถามเราอย่างงี้ ทำไมเค้าไม่คิดก่อนพูดนะ ถึงเราไม่มีเงินแต่เรามีสมอง มีความสามารถ มีความทะเยอทะยาน และที่สำคัญมีความฝัน เราทำงานเรียนเราก็ภูมิใจของเรา เพราะฉะนั้นอย่ามาทำลายคุณค่า(ที่มีอยู่น้อย)ในตัวเราอีกเลย 1 ม.ค 46 ปีใหม่แต่คนเดิม ฝันเดิมๆ ยังขี่รถเมย์ไป ม. ยังพาตังส์วันละ70บาท ยังกลับมากินข้าวที่บ้านตอนเย็น ยังพาหมา... ไอ้ขี้งอนไปวิ่ง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต่างจากวันเดิมๆคือเราเอาเงินเดือนที่ได้จากทำงานซื้อพิซซ่าให้พ่อแม่ ไอ้ขี้งอนกิน เห็นบ่นอยากกินตั้งนาน ภูมิใจจังบอกแม่ว่าปีนี้เอาพิซซ่าไปก่อนนะ ปีหน้าทำงานแล้ว จะพาไปกินอาหารทะเลที่ชะอำ แม่บอกว่าสงสารลูก ต้องทำงานเลี้ยงแม่ ชะอำมันไกลไปเอาเป็น 13 เหรียญแทนแล้วกัน โหแม่เรา.... 24 ม.ค46 นั่งรถกลับบ้านรถติดมาก แต่ปกติของที่นี่ ข้างทางมีอะไรให้ดูเยอะแยะ แต่สิ่งนึงที่สะกิดใจเรา เราเห็นน้องๆวัยรุ่น รวมกลุ่มกันเดินห้าง ซื้อของ เดินเล่น อิจฉาจังกับชีวิตเด็ก หากเทียบกันแล้วเราก็อายุไล่เลี่ยกับเค้า แต่ทำไม่เราถึงไม่มีชีวิตอย่างนั้นบ้าง เราอยากไปดูหนังกับเพื่อนให้บ่อยขึ้น อยู่ทำกิจกรรมกัน พูดคุยกันให้มาก ไอ้เอกมันบ่นเสมอว่ากูมีเพื่อนก็เหมือนไม่มี มันบอกว่าถ้ามันเป็นลูกเรามันเป็นเด็กขาดความอบอุ่นไปนานแล้ว ฮึ ถึงเราจะไม่มีเวลาให้แต่ยังไงไอ้เอก มันก็เป็นเพื่อนรักคนเดียวของเรา เราว่าถ้าเราไม่อยู่แล้ว เราก็ไว้ใจที่จะฝากพ่อแม่ ไว้กับมันนี่แหละ 14 ก.พ.46 วันวาเลนไทน์ เราเอาดอกไม้ให้จ๋า 1 ดอก ให้เอก 1 ดอก(หน้าวัว) ไอ้เอก เอาตุ๊กตากระบือมาให้ 1 ตัวดีใจจังเพื่อนรักชมว่าเราขยันอดทน... อ่านข่าววัยรุ่นช่วงนี้เค้าคิดอะไรของเค้านะ เค้าเคยคิดถึงพ่อแม่ คิดถึงตัวเองบ้างไหม เรารู้ว่าสิ่งที่เค้าทำเป็นสิ่งที่เค้าพอใจ เค้าคิดเอง ตัดสินใจเองได้แล้ว แต่ก็น่าจะคิดถึงคนที่รัก เป็นห่วงเค้าบ้างนะ เค้าเสียใจ แต่คนที่รักเค้าเสียใจเป็นสองเท่าเพราะบวกความรักความห่วงใยไปด้วย แต่เราจะไปทำอะไรได้ตัวเราเองยังเอาไม่รอด จะไปแนะนำสั่งสอนใครเค้า 3 .มี.ค46 พักนี้ปวดหัวบ่อยจังไม่รู้เป็นไรไม่ได้บอกแม่ และขี้เกียจไปหาหมอไม่มีเวลาด้วย(ข้ออ้าง) เรารู้สึกว่าเรายังมีอะไร ที่อยากทำอีกตั้งเยอะแนะ 24 ชั่วโมงน้อยไปสำหรับเรา เราอยากเรียนเทคอนโด อยากสอบโทอิก อยากไปการบินไทย อยากขูดหินปูน อยากเรียนทำอาหารญี่ปุ่น อยากเรียนแฟรช อยากเรียนคอม เฮ้อ ใครมีเวลาเหลือๆเอามาให้เรายืมหน่อยสิ จะใช้ให้คุ้มเชียว เพื่อนเราคนนึงเป็นผู้หญิง เราเห็นเค้าไม่เห็นทำอะไรเลย ตื่นนอน 11 โมง เรียน2คาบ กลับห้องนอนตื่นอีกที ทุ่มนึงกินข้าว ดูทีวี นอน เป็นอย่างงี้ตลอด น่าเสียดายเวลาแทนเค้านะ ทุกคนได้เวลาเป็นทุนเท่ากัน แล้วแต่ใครบริหารให้มีกำไรแก่ชีวิตมากกว่ากัน 18 พ.ค.46 เหนื่อยกับชีวิต เมื่อไหร่เราจะได้หยุดพักบ้าง เราเหนื่อยกับการทำทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่เหมือนมันกลับเลวร้ายลง เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เราร้องไห้ ธกศ.แจ้งมาว่าให้ไปชำระหนี้ ในขณะที่ที่บ้านไม่มีเงิน แม้แต่รักษาโรคปวดหัวของเรา แล้วยังโรคเก่าของพ่อกำเริบอีก เรานั่งร้องไห้ในห้อง แม่ทำกับข้าวอยู่ข้างนอก พ่อนอนอยู่ ถึงเวลาเช็ดน้ำตาแล้วออกไปทำงานแล้วล่ะ หากเราไม่ตายเสียก่อน เราจะเอาชนะโชคชะตาให้ได้...คอยดู 4 ก.ค.46 เอกมาที่บ้านถามว่าทำไมไม่ไปเรียน ไม่รู้จะตอบว่าไง เรียนพิเศษจีนก็โดดมา2วันแล้ว ปวดหัวจนบอกไม่ถูก น้ำตาไหลเลย เป็นอะไรหนักหนา ทำไมไม่หยุดจองเวรเราและครอบครัวเราเสียที จะให้เราตายไปก่อนเหรอถึงจะพอใจ แม่ถามว่าเป็นอะไรไม่ไปเรียนเราต้องโกหกแม่ว่า ไม่มีเรียน เฮ้อ ทำบาปอีกแล้ว 16 ก.ค.46 เมื่อคืนฝันว่าตัวเองตาย เห็นภาพงานศพตัวเอง เห็นตัวเองนั่งอยู่ข้างแม่แต่แม่ไม่สนใจ เอาแต่ร้องไห้ เห็นเพื่อนๆยืนคุยกันเราเข้าไปคุย ไม่มีใครคุยกับเราเลย อึดอัดจังการไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้น่ะ ตื่นมาภาพยังชัดเจนทำไม่มันเหมือนจริงขนาดนี้ ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลย เราบอกแม่ว่าเราอยากให้พ่อแม่แก่ตาย ก่อนที่เราจะตาย เพราะเราไม่อยากทิ้งท่านไป ไม่มีเราคงลำบากกันน่าดู 12 ส.ค46 วันแม่อีกแล้วช่วงนี้เรารู้สึกรักพ่อแม่ มากกว่าเมื่อก่อนไม่รู้ทำไม เราไม่อยากจากไปไหนไกล กลัวจะไม่ได้กลับมา ไร้สาระจริง พ่อเคยพูดว่าพ่อขอโทษ ที่ทำให้เราต้องเกิดมาลำบาก ไม่สบายเหมือนลูกคนอื่น เราไม่โทษพ่อกับแม่เลย เราภูมิใจด้วยซ้ำที่เกิดมาเป็นลูกท่าน ถ้าไม่มีท่านก็ไม่มีเรา และถ้าเราไปเกิดเป็นลูกคนอื่น เราก็จะไม่เป็นคนดีในสายตาคนอื่น อย่างเช่นทุกวันนี้ เราจะทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจที่มีเราให้ได้ เฮ้ย ปวดหัว พอก่อนนะ 18 ก.ย.46 ปวดหัวมากอยากไปหาหมอ จะได้รู้สักทีว่าเป็นอะไร แต่ไม่มีเงิน เราไม่อยากให้ที่บ้านลำบากเพราะเราอีก ถ้าเราเป็นอะไรไปจนถึงขั้นต้องเลือก ระหว่างตายกับพิการ เราขอตายดีกว่า อย่างน้อยเราจะได้ไม่รู้สึกว่าทำให้พ่อแม่เดือดร้อน เป็นภาระกับท่านอีก อีกไม่กี่เดือนก็จะรับปริญญาแล้ว อยากไปถ่ายรูปชุดครุยเก็บไว้ แต่เงินเดือนยังไม่ออกรอไปก่อน คิดแล้วมีความสุขอุตส่าห์เรียนมาตั้งนาน เหนื่อยด้วย รู้สึกภูมิใจตัวเองที่สุดก็ตอนนี้แหละ เอกบอกว่าปีที่แล้วมีรุ่นพี่คนนึงตายก่อนรับปริญญา 4 วัน เศร้านะ ถ้าเป็นเราเราจะทำไงเนี๊ยะ ไม่อยากคิดเลย ยังไงเราคงไม่โชคร้ายซ้ำซ้อนขนาดนั้นหรอกนะ แต่อะไรก็ไม่แน่นอน สักวันเรื่องเรื่องนี้อาจเกิดกับเราก็ได้...เฮ้อ ****************************************** ในขณะที่ผมโพสต์อยู่เพื่อนรักของผม ก็คงเหลือแต่กระดูกที่อยู่ในโกฏิ ไม่น่าเชื่อว่ากานต์ คนตัวสูง ผิวขาว ผมดำ ที่ผมเคยรู้จักจะเหลือเพียงแค่กระดูกให้เก็บไว้ ทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องราวส่วนนึง ในบันทึกของกานต์ที่ผมได้คัดลอกมาทุกตัวอักษร ผมเองไม่เคยรู้มาก่อน ว่ามันจะเจอเรื่องราวมากมายขนาดนี้ หลังจากวันที่มันสลบจนเข้าโรงพยาบาล มันก็ไม่ได้เขียนอีกเลย ผมอยากจะบอกมันว่าผมรักมัน และภูมิใจที่มันมาเป็นเพื่อน ผมจะจดจำมันไปตลอดชีวิต และก็ขอขอบคุณเพื่อนๆ ด้วยที่ให้กำลัง ผมเชื่อว่าส่วนนึงที่ทำให้มันอยู่มาได้ต่อถึง 9วันก็เพราะกำลังใจจากเพื่อนๆ ขอบคุณแทนมันนะครับ ถึงแม้วันนี้จะไม่มีกานต์แต่ผมคิดว่ามันด้วยคงจะดีใจ ที่อย่างน้อยเรื่องของมันจะ ทำให้คุณหยุดคิดถึงตัวเองสัก นาทีแล้วตอบคำถามตัวเองว่า สิ่งที่คุณต้องการคืออะไร บางทีพรุ่งนี้ของคุณอาจดีกว่าวันนี้ก็ได้ -------------- หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: Choltit ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 12:42:21 AM พูดไม่ออกครับ
และผมไม่รู้ว่าคิดถูกหรือไม่ว่า.......การเล่นอินเตอร์เน็ทเป็นสิ่งที่ผลาญเวลาไปมากที่สุด หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: east ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 12:54:54 AM เศร้า
หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 01:04:03 AM เรียนคุณอ๋อง...
เล่นเนทผลาญเวลาจริงๆคับ... แฟนผมบ่นประจำเลย...อิ..อิ.. หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: Choltit ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 01:11:43 AM เรียนคุณอ๋อง... เล่นเนทผลาญเวลาจริงๆคับ... แฟนผมบ่นประจำเลย...อิ..อิ.. เอาเวลาไปทำสิ่งที่สำคัญกว่าได้อีกตั้งเยอะ...... เฮ้อ... หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: เทพ กังฟูแพนด้า รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 04:07:37 AM เรียนคุณอ๋อง... ขอลอกครับ ;Dเล่นเนทผลาญเวลาจริงๆคับ... แฟนผมบ่นประจำเลย...อิ..อิ.. หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: noomrider ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 05:01:08 AM ผมว่าเราก็ได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆจากอินเตอร์เน็ตเยอะเหมือนกันนะ อยู่ที่ว่าจะใช้มันยังไงมากกว่าครับ
หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 06:39:52 AM ;D เพื่อน ๆ ดู ระยะเวลาที่เราอยู่ในเวปนี้ซิ แล้วจะได้รู้ว่าใช้เวลาไปมากเท่าไร
หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 07:41:41 AM ช่างแต่งเรื่องจัง ปวดหัวมากแต่ไม่มีตังค์ไปหาหมอ บัตรทองได้ทำไว้หรือเปล่า
รู้จักคิดรักษาสิทธิตนเองหรือไม่ .......... โอ้ย?? ยาวจัง อ่านแล้วเวียนหัวฮิ หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 08:59:22 AM อย่าคิดมากเลยโยม อยู่ดีมีแฮงก็พอแล้ว คนรวยกว่าเราเขายังไม่ได้กลับบ้านเลย
หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: ฅนแผ่นดิน ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 09:03:42 AM เห็นด้วย...........
หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 02:44:06 PM พูดไม่ออกครับ และผมไม่รู้ว่าคิดถูกหรือไม่ว่า.......การเล่นอินเตอร์เน็ทเป็นสิ่งที่ผลาญเวลาไปมากที่สุด โลกนี้ ไม่มีของฟรีครับ ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง..... เสียเวลากับการเล่นอินเตอร์เน็ต แต่เราก็ได้อะไรๆจากอินเตอร์เนตบ้าง.... หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 03:15:26 PM เรียนคุณอ๋อง... เล่นเนทผลาญเวลาจริงๆคับ... แฟนผมบ่นประจำเลย...อิ..อิ.. เอาเวลาไปทำสิ่งที่สำคัญกว่าได้อีกตั้งเยอะ...... เฮ้อ... บางครั้งคนเราไม่สามารถทำสิ่งที่สำคัญที่สุดตลอดเวลาได้ ;D ;D ;D บางครั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดอาจบั่นทอนเวลาของชีวิตเราได้ เช่น คนงานในโรงงานสารเคมีเป็นพิษ บางครั่งสิ่งที่สำคัญที่สุดอาจอันตรายมากว่าเล่นเน็ทก็เป็นได้ เช่น ทหาร นักแข่งรถ เน็ทเล่นไปเถาะแต่อย่าให้เสียงานเสียการ ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 03:16:36 PM ผมว่าเราก็ได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆจากอินเตอร์เน็ตเยอะเหมือนกันนะ อยู่ที่ว่าจะใช้มันยังไงมากกว่าครับ เห็นด้วย ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: ลานดาว ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 04:56:03 PM เวปนี้แหละ..ตัวดี..ที่ขโมยเวลาของฉันไป.. เดี๋ยวจะเอาคืนบ้าง... ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 05:59:58 PM เวปนี้แหละ..ตัวดี..ที่ขโมยเวลาของฉันไป.. เดี๋ยวจะเอาคืนบ้าง... ;D ;D ;D ถึงเวลาเอาคืน ;D ;D ;D เอาเลยยยยยยย หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 06:03:45 PM เรียน วมต. ครับ ระวังสมาชิกแจ้งความข้อหาขโมยเวลาเขานะครับ
หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: paisan2 ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 06:10:14 PM เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาครับ เสียใจด้วย :-\
หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: Jead ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 06:53:51 PM เรียนคุณอ๋อง... เล่นเนทผลาญเวลาจริงๆคับ... แฟนผมบ่นประจำเลย...อิ..อิ.. เหมือนกันเลยครับ แฟนผมก็บ่น ;D ;D หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: ลานดาว ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 09:27:18 PM เวปนี้แหละ..ตัวดี..ที่ขโมยเวลาของฉันไป.. เดี๋ยวจะเอาคืนบ้าง... ;D ;D ;D นี่ไงค่ะ....กำลังเอาคืนจากผู้ที่ตอบกระทู้ของเรางัยค่ะ.. อิ..อิ....หลงกล....เสียเวลาให้เราบ้างแล้ว... ;) ;) ;) หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 10:25:55 PM เรียนคุณอ๋อง... เล่นเนทผลาญเวลาจริงๆคับ... แฟนผมบ่นประจำเลย...อิ..อิ.. เอาเวลาไปทำสิ่งที่สำคัญกว่าได้อีกตั้งเยอะ...... เฮ้อ... เพราะเล่นเนต ผมเลยอยู่ติดบ้าน...ออกนอกบ้านเฉพาะเรื่องงาน พาครอบครัวไปเที่ยว สังสรรค์เฉพาะรายการที่เลือกแล้ว :D หัวข้อ: Re: ผมถูกขโมยเวลา...ไปจากโลกนี้ เริ่มหัวข้อโดย: msirimas ที่ พฤศจิกายน 22, 2006, 11:04:29 PM เสียใจด้วยครับ... ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยากช่วงชิงเวลานั้นกลับคืนมา
|