เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ปัญหาของมาเลเซีย [27 พ.ย. 49 - 18:49]
 
ขณะที่ บ้านเรามีปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ “มาเลเซีย” เพื่อนบ้าน ความขัดแย้งด้านเชื้อชาติศาสนาก็ยังเป็นไฟสุมขอน ถ้าควบคุมไม่ดี อาจลุกลามขึ้นมาอีกระลอก

การประชุมใหญ่ของพรรคอัมโน แกนนำรัฐบาล ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลย์ที่นับถือศาสนาอิสลามในปีนี้ ผู้แทนพรรคหลายคนหยิบยกเรื่องเชื้อชาติศาสนาขึ้นมาพูดอย่างเผ็ดร้อน บางคนสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง บางคนยุเป็นนัยๆให้ใช้มีดใช้ดาบจัดการปรปักษ์ทางการเมือง บางคนถึงขั้นเรียกร้องให้ “ตัดหัว” พวกนอกศาสนากันเลยทีเดียว

แม้นายกรัฐมนตรี อับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี จะรีบไกล่เกลี่ย และเตือนว่าจะไม่อดทนอดกลั้นกับผู้ยุยงให้เกิดความไม่สงบ แต่ท่าทีของผู้แทนพรรคในที่ประชุม ซึ่งถ่ายทอดสดทางทีวีเป็นครั้งแรก ก็สร้างความไม่สบายใจให้ชนกลุ่มน้อย โดยเฉพาะชาว จีน และ อินเดีย อย่างยิ่ง
นักวิเคราะห์หลายคนชี้ว่า การประชุมใหญ่ของพรรคอัมโนปีนี้เลวร้ายที่สุด ถ้ามองในเรื่องของความพยายามสร้างความสมานฉันท์ภายในชาติ แม้ที่ผ่านๆมา สมาชิกพรรคอัมโนจะระเบิดอารมณ์เรื่องเชื้อชาติศาสนาออกมาเป็นพักๆ แต่ครั้งนี้ดูจะรุนแรงที่สุด

ใครที่ติดตามการเมืองมาเลเซียมาพอสมควรคงจำเหตุจลาจลด้านเชื้อชาติศาสนาครั้งใหญ่ในปี 2512 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยศพได้ ซึ่งนักการเมืองหนุ่มสาวในยุคนั้นที่ได้เป็นใหญ่ในยุคนี้ รวมทั้งตัวนายกฯบาดาวีเองก็หวั่นๆ ว่าจะเกิด “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย” ขึ้นมาอีก

การจลาจลยุคนั้น สาเหตุใหญ่เกิดจากชาวมาเลย์ ชนส่วนใหญ่โกรธเคืองชาวจีนที่ร่ำรวยและกุมกำเศรษฐกิจของประเทศไว้ในอุ้งมือ ซึ่งผลพวงของการจลาจล ทำให้รัฐบาลยุคต่อมาใช้นโยบาย “ภูมิปุตรา” เน้นความสำคัญของชาวมาเลย์เป็นอันดับแรก และนำไปสู่การใช้กฎหมายรักษาความมั่นคงภายในเป็นเวลานาน

ผ่านมาเกือบ 40 ปี อารมณ์เดิมๆเริ่มปะทุขึ้นมาอีก เพราะชาวมาเลย์มีความรู้สึกว่าโลกอิสลามกำลังถูกคุกคาม ขณะที่ชนส่วนน้อยซึ่งไม่ใช่มุสลิม ก็หวาดระแวงว่าฝ่ายมุสลิมหัวรุนแรงมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผนวกกับกระแสถกเถียงเรื่องช่องว่างความจน-รวย ระหว่างชาวมาเลย์กับชาวจีน สถานการณ์ ก็ชักแย่
ไม่นานมานี้ก็หวิดมีเหตุจลาจล เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐไปรื้อวัดของลัทธิเต๋าในรัฐปีนัง ซึ่งสร้างขึ้นอย่างไม่ถูกต้อง ชาวจีนจึงลุกฮือประท้วง เกือบปะทะกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจต้องยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อสลายม็อบนายกฯบาดาวีก็ดูเหมือนจะได้กลิ่นควัน “ไฟ สุมขอน” ที่ว่านี้ จึงมีแผนจะเชิญเหล่าบรรณาธิการทั้งหนังสือพิมพ์มาเลย์และจีนมาประชุม เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้เสนอข่าวในเชิงปลุกปั่นยุยง แต่ถึงแม้จะควบคุมสื่อทีวี วิทยุ และหนังสือพิมพ์ได้ การห้ามไม่ให้ ผู้คนถกเถียงกันทาง “อินเตอร์เน็ต” คงทำได้ยาก

ความขัดแย้งทางเชื้อชาติศาสนานี่ละเอียดอ่อนสุดๆ ถึงแม้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแล้ว แต่ถ้ามีใครหรือเงื่อนไขใดไปจุดชนวน ก็พร้อมจะระเบิดขึ้นมาอีกได้ทุกเมื่อ

พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยคือตัวอย่างหนึ่ง!!!
   http://www.thairath.co.th/news.php?section=international04&content=27959

เวรกรรมที่ไม่ต้องรอชาติหน้าได้สนองมาเลย์แล้วครับ และน่าจะรุนแรงกว่าที่มาเลย์ทำกับไทย เพราะของเรายังเจอแค่ปลายสุดด้ามขวาน แต่ของมาเลย์จะเกิดจลาจลทั่วประเทศทีเดียว เพราะชนกล่มน้อยต่างเผ่าพันธ์กระจายอยู่ทั่วมาเลย์ ยิ่งเหตุการณ์ในมาเลย์รุนแรงเท่าไหร่ เหตุการณ์ในไทยยิ่งสงบเท่านั้น เพราะการสนับสนุนโจรก่อการร้ายจะทำได้ไม่สะดวก ยุทธศาสตร์การแก้ปัญหานี้ต้องใช้แผนเกลือจิ้มเกลือถึงจะหยุดเหตุร้ายในบ้านเมืองเราได้ ง่ายๆเหมือนๆกับคนข้างบ้านเอาก้อนหินขว้างหลังคาบ้านเรา แล้วเราแค่ซ่อมหลังคาและเก็บก้อนหิน แต่ถ้าเราขว้างกลับไปบ้างอาจจะรู้สึกและหยุดได้ครับ ที่ผ่านมายุทธศาสตร์การแก้ปัญหาภาคใต้เราใช้วิธีตั้งรับตลอด การที่ทำให้มาเลย์วุ่นวายและวุ่นวายต่อไปไม่รู้จบจึงเป็นทางออกเดียวที่จะทำให้มนุษย์เลวๆพันธ์นี้หยุดแทงข้างหลังเราครับ เรื่องนี้ต้องเราต้องซ้ำถึงขั้นประเทศมาเลย์แตกเลยเพราะมิฉะนั้นหากมาเลย์เข้มแข็งอีกเมื่อไหร่มันก็แทงข้างหลังเราไม่หยุดหย่อนครับ

อย่าไปว่ากันเลยครับ มันเป็นโรคของกรรม

กรรมติดจรวด

  ถ้าเป็นเรื่องที่เค้าก่อขึ้นจริง ก็สมควรแก่เวลาที่จะโดนซะบ้าง คุณเพื่อนบ้านทุรยศ >:(

น่าจะแลกกัน เอามุสลิมใต้ที่ไม่รักชาติไป แล้วเอาจีนมาเลย์มาแทน

อินโด-มาเลย์...คบยากครับ  >:( >:(

กรรมออนไลน์ ไวกว่ากรรมติดจรวด

กรรมของเวร

ทุกคนเกิดมามี1สมอง+2มือเหมือนกัน ทำไมต้องแบ่งแยก

กริชหยักคด  ไม่น่ากลัวเท่าคนใจคด

จีน อินเดีย ที่นั่นเสียวเลย  ;D ;D ;D แล้วคิดจะอยากลี้ภัยมาบ้านเราบ้างอะเปล่า

ก็คงลี้ภัยไปสิงคโปร์กับไทย

.

คนจีนในมาเลย์น่าสงสารมาก ถูกกีดกันอย่างชัดเจนและเป็นกฏหมาย เช่นการศึกษา การทำงาน ชีวิตความเป็นอยู่ ประชาชนชั้นสองชัดๆ คุณสังเกตุใหมแค่เรื่องกีฬา นักเตะทีมชาติมาเลย์ จะไม่มีคนจีนเลย จะเป็นกีฬาที่คนมาเลย์ไม่นิยมเท่านั้นที่คนจีนได้เล่น เช่นปิงปอง ว่ายน้ำ เป็นต้น ผิดกับประเทศไทยเราให้เกรียติทุกคนเท่ากันไม่แบ่งเชื้อชาติ ศาสนา โดยที่ไม่ต้องเขียนเป็นกฏหมายด้วย แต่ด้วยใจที่บริษัทเช่นคนไทย สมานฉันท์ แต่บางกลุ่มเขาไม่ยอมสมานด้วย เราจำเป็นต้องเด็ดขาดบ้าง มันทำขนาดฆ่าพระเนี่ย เป็นบางประเทศแค่ต่างนิกายกัน แผ่นดินยังลุกเป็นไฟ เอาไว้ไม่ได้แล้วครับ ต้องเด็ดขาด ทำไมต้องยกมือไหว้ขอโทษฆาตกร แสดงความไร้ประสิทธิภาพในการปราบปราม ต้องว่ากันตามกฏหมาย อย่างนี้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติเหนื่อยครับ เหนื่อย

ผมว่าอีกหน่อยคนจีนกันคนแขกอินเดีย ปากีสตานในมาเลย์ก็คงจะเข้าไปในไทยมากขึ้นนะครับ


บางทีก็เห็นใจเจ้าหน้าที่เหมือนกันครับ
เพราะทำอะไรที่มันขัดกฏหมายก็กลัวมีคนติฉินเอาว่าเป็นรัฐตำรวจหรือไง

 ดีๆ ชอบๆ   ถ้าเป็นจริงก็สมน้ำหน้ามัน

ซ้ำครับงานนี้ต้องซ้ำ ถ้ามาเลย์ยังสงบอยู่ถือว่าหน่วยงานด้านงานลับประเทศเราล้มเหลว นี่ความจริงที่โหดร้ายของการเมืองระหว่างประเทศ ต่อหน้ายิ้มแย้มใส่กันลับหลังก็ใส่กันไม่ยั้งแบบที่มาเลย์เคยทำกับเราจนภาคใต้เราวุ่นจนหาทางจบแทบไม่เจอครับ

ผู้คนในประเทศไทยหลายท่านทำตัวเหมือนนายบุช คือพยายามสร้างเงื่อนไขและให้ความหวังอย่างลมๆแล้งๆว่า ในอนาคต ถ้าเราทำ สิ่งนี้ ไม่ทำสิ่งนั้น ความสงบจะจบลงในดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้ของไทย  
แล้วเป็นไง ทำ A ก็แล้ว ทำ B ก็แล้ว ความไม่สงบเคยจบไหม?  

ไม่มีทางจบหรอกครับ บ้านไหนยังใช้ถ่านหุงข้าว ท่านเอาถ่านเขียนไว้ที่ข้างฝาบ้านได้เลยว่า ถ้าแก้ไขไม่ถูกวิธีจริงๆ พ.ศ. 2553 บางชาติบ้านเมืองในโลกนี้จะมีความโกลาหลอลหม่านขนาดหนักทุกตารางนิ้ว ไม่มีทางดึงทุกส่วนให้อยู่ในเอกภาพได้
 วิธีแก้ไขให้ถูก ไม่ใช่วิธีที่ทำย้ำกันอยู่อย่างนี้ ดูตัวอย่างที่อิรักหรือที่เชชเนียซี ว่าบั้นปลายท้ายที่สุดแล้ว มันจบสงบลงอย่างที่คาดเดากันไว้ไหม ตราบใดที่...  


http://www.thairath.co.th/news.php?section=international01&content=28067

สมัยต้นรัตนโกสินทร์สมัยอยุธยาทำอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้นประวัติศาสตร์บอกเอาไว้หมดแล้วครับ

เมื่อวานนี้เหมือนกัน คิวรถตู้ในอำเภอเบตง ที่วิ่งระหว่าง “เบตง-หาดใหญ่” ก็ประกาศเปลี่ยนเส้นทางเดินรถ จากเดิมต้องวิ่งผ่านพื้นที่อำเภอ บันนังสตา, ธารโต และ ยะหา แต่ปัจจุบันพื้นที่ 3 อำเภอนี้กลายเป็น “พื้นที่สีแดง” ไปเสียแล้ว

เส้นทางสายใหม่ รถตู้โดยสารจะวิ่งจากเบตงเข้าไปในประเทศมาเลเซีย แล้วค่อยอ้อมเข้ามาที่หาดใหญ่ทางด่านนอก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา

เท่ากับว่าพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดยะลา คือ บันนังสตา, ธารโต และยะหา ถูกผู้ก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนยึดไปอย่างไม่เป็นทางการแล้ว  คนในพื้นที่บอกว่า เจ้าหน้าที่รัฐเองก็เข้าไปลำบาก เพราะผู้ก่อการร้ายโรยตะปูเรือใบปิดกั้นถนนทุกเส้นทาง

http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=28090
แผ่นดินไทยที่คนไทยไม่สามารถใช้ได้ งงๆกันไหมครับกองทัพจะทำอะไรอย่างไรหนักเบาแค่ไหนก็ทำไปได้เต็มที่เลยคนไทยทุกคนสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้วกับเรื่องรักษาอธิปไตยของชาติครับ

หลายคนยังไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดคนไทยด้วยกันจึงคิดทรยศแผ่นดินเกิด ด้วยการแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้ไปตั้งรัฐปัตตานี ประชาชนก็แค่ล้านเศษ พื้นที่ก็ไม่ ใหญ่โต เศรษฐกิจก็ไม่แข็งแรง ถ้าแยก ไปตั้งรัฐอิสระจะยืนอยู่ได้อย่างไร??

คำตอบก็คือถ้าแบ่งแยกดินแดนสถาปนาเป็นรัฐปัตตานีได้จริงๆ ก็จะไม่สามารถอยู่ได้ ด้วยตัวเอง แต่จะถูกพ่วงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ของมาเลเซียเหมือนรัฐกลันตัน เหมือนรัฐตรังกานู  ฯลฯ นั่นแหละโยม

“แม่ลูกจันทร์” พยายามหักห้ามใจไม่พูดถึงปัญหาวิกฤติไฟใต้บ่อยเกินควร แต่ใน เมื่อปัญหาชายแดนใต้เป็นวิกฤติสูงสุดของชาติบ้านเมือง พี่น้องผู้บริสุทธิ์เป็นเหยื่อถูกฆ่าตายรายวัน เราจะทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้อย่างไร??

ต้องให้เครดิตศูนย์ข่าวอิศรา ของสมาคมนักข่าวฯ ที่เกาะติดสถานการณ์และเสนอข้อมูลเจาะลึกที่ลึกซึ้งถึงกึ๋นจนเห็นสภาพปัญหาชัดเจน

ชัดเจนว่ากลุ่มก่อการร้ายกุมสภาพเหนืออำนาจรัฐมากขึ้นทุกวัน!!

มีการจัดตั้งองค์กรปกครอง (ใต้ดิน) ทั้งระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล ระดับอำเภอ ระดับจังหวัดครบวงจร

แต่ที่ยังไม่รู้อย่างเดียว...คือไม่รู้ว่าหัวหน้าใหญ่คือใคร??

ศูนย์ข่าวอิศราระบุว่า ขณะนี้ 1 ใน 3 ของ 1,600 หมู่บ้านใน 3 จังหวัดภาคใต้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลกลุ่มโจรแบ่งแยกดินแดน

ถ้าข้อมูลนี้เป็นความจริงก็เท่ากับจำนวนพื้นที่สีแดงเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว??

“แม่ลูกจันทร์” มองในแง่ดีว่าชาวบ้านในพื้นที่ถูกดึงเข้าไปเป็นแนวร่วมโจรเพราะกลัวอันตราย

ส่วนที่เต็มใจเป็นแนวร่วมก็เป็นส่วนน้อยที่เป็นเหยื่อการปลุกระดม

ยุทธศาสตร์ที่ขบวนการบีอาร์เอ็นใช้ปลุกระดมคือ ความเป็นมลายู เป็นปัตตานี และเป็นอิสลาม

เพื่อสร้างความรู้สึกเกลียดชังต่อต้านราชการไทย!!

กลุ่มบีอาร์เอ็นเป็นสมอง กลุ่มอาร์เคเคเป็นหน่วยปฏิบัติการ

เน้นการลอบโจมตี ลอบฆ่าผู้บริสุทธิ์ เพื่อข่มขู่ประชาชนให้เกิดความเกรงกลัวคาดว่าเดือนหน้าซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปี และเป็นเดือนสุดท้ายของปีสุดท้ายตามแผนเจ็ดขั้นของแผนตั้งรัฐปัตตานี กลุ่มโจรก่อการร้ายจะยกระดับการปฏิบัติการก่อกวนหนักยิ่งกว่าเดิม

http://www.thairath.co.th/news.php?section=hotnews03&content=28203

อื่ม...........ง