เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ ธันวาคม 12, 2006, 04:51:42 PM



หัวข้อ: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ ธันวาคม 12, 2006, 04:51:42 PM
เมื่อวานได้พบเห็นแล้วก็เศร้าใจ เรื่องเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดถนนลาดพร้าว มีคนไข้รายหนึ่งมาพบหมอแจ้งหมอประกันสังคมว่าไม่สบาย ปวดหัวมีความประสงค์จะนอนโรงพยาบาล ฝ่ายหมอบอกว่าป่วยแค่นี้ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล แต่คนไข้ก็เถียงหมอว่าจะรู้ดีกว่าคนไข้ได้งัย หมอก็เถียงว่าจะรู้ดีกว่าหมอได้งัย สักครู่คนไข้แจ้งทางพยาบาลว่าขอรักษาโดยจ่ายค่ารักษาเอง ทางพยาบาลก็ไปปรึกษาหมอ ทางหมอก็บอกหน้าด้านๆมาว่า ตามจริงป่วยขนาดนี้ก็นอนโรงพยาบาลได้ :~) :~) :~)


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 12, 2006, 04:59:52 PM
นึกว่าเป็นเฉพาะแถวฝั่งอันดามัน


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: STeelShoTS ที่ ธันวาคม 12, 2006, 05:16:57 PM
ในยุครัฐบาลทักษิณ มีความพยายามทำให้การรักษาพยาบาลเป็นธุรกิจเหมือนอเมริกา...คำว่าจรรยาบรรณแพทย์ไม่มีความหมาย มีเงินจึงจะเข้าโรงพยาบาลได้  น่าเป็นห่วงเมืองไทย...


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: โป้ง*กันบอย - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 12, 2006, 05:17:07 PM
เรื่องนี้กำลังแรงเลยครับ


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: ลานดาว ที่ ธันวาคม 12, 2006, 05:20:35 PM


โชคดีที่ไม่ได้ใช้บริการนี้ในชีวิต...
และก็น่าสงสารคนที่จำเป็นต้องใช้....
ที่ต้องอยู่ในสภาพ..กลืนไม่เข้า..คลายไม่ออก...



หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: ..GlockGlack.. ที่ ธันวาคม 12, 2006, 05:20:47 PM
เงินประกันสังคมเป็นเงินที่โรงพยาบาลได้กันเห็นๆ  แถวที่ทำงานก็มีพนักงานของโรงพยาบาลมาป่าวประกาศชวนให้ไปใช้  ตอนมาบรรยายซะอย่างกะเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง  พอไปใช้จริงเข้ากลายเป็นโรงแรมจิ้งหรีด  :D

ผมใช้ของโรงพยาบาลกรุงธน แถวสำเหร่  ดีครับ  ได้เห็นหน้าหมอสัก 2 นาที  ;D


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: STeelShoTS ที่ ธันวาคม 12, 2006, 05:26:41 PM
เงินประกันสังคมเป็นเงินที่โรงพยาบาลได้กันเห็นๆ แถวที่ทำงานก็มีพนักงานของโรงพยาบาลมาป่าวประกาศชวนให้ไปใช้ ตอนมาบรรยายซะอย่างกะเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง พอไปใช้จริงเข้ากลายเป็นโรงแรมจิ้งหรีด :D

ผมใช้ของโรงพยาบาลกรุงธน แถวสำเหร่ ดีครับ ได้เห็นหน้าหมอสัก 2 นาที ;D
2 นาที คิดค่าเยี่ยมไข้เท่าไหร่ครับ...


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: กะเเด่ว ที่ ธันวาคม 12, 2006, 06:06:12 PM
เทศการปีใหม่นี้ที่พักเต็ม....ลองจองห้องขอ ร.พ.ดูซิครับ.... ;D


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: ..GlockGlack.. ที่ ธันวาคม 12, 2006, 06:11:38 PM
เงินประกันสังคมเป็นเงินที่โรงพยาบาลได้กันเห็นๆ แถวที่ทำงานก็มีพนักงานของโรงพยาบาลมาป่าวประกาศชวนให้ไปใช้ ตอนมาบรรยายซะอย่างกะเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง พอไปใช้จริงเข้ากลายเป็นโรงแรมจิ้งหรีด :D

ผมใช้ของโรงพยาบาลกรุงธน แถวสำเหร่ ดีครับ ได้เห็นหน้าหมอสัก 2 นาที ;D
2 นาที คิดค่าเยี่ยมไข้เท่าไหร่ครับ...
ใช้บัตรประกันสังคมครับ  แต่เห็นแว่บๆ ว่าค่าตรวจไข้ 30-50 บาทครับ  ;D


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ ธันวาคม 12, 2006, 08:17:06 PM
ไปหาหมอคลีนิคเห็นว่าจ่ายยาได้ไม่เกิน 150 บาท(เมื่อ2ปีก่อน)       ยานอกบัญชียาหลักต้องซื้อเองรพ.ก็ไม่กล้าให้ยานอกบัญชียาหลัก     กลัวประกันสังคมเบี้ยว      เห็นฝรั่งแก่ๆมาเที่ยวมามีเมียไทยแล้วอิจฉาจัง      คนไทยแก่มาก็คงเตรียมเข้าโลงอย่างเดียว    (จากผู้ประกันตน)


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ ธันวาคม 13, 2006, 07:42:08 AM
อ่านแล้วพูดไม่ออกเลยครับ..แล้วจะพึ่งใครละเนี่ย >:(


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 13, 2006, 07:49:07 AM
อ่านแล้วพูดไม่ออกเลยครับ..แล้วจะพึ่งใครละเนี่ย >:(

อตหิ อัตโน นาโถ


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: polymed ที่ ธันวาคม 13, 2006, 08:27:23 AM
ในยุครัฐบาลทักษิณ มีความพยายามทำให้การรักษาพยาบาลเป็นธุรกิจเหมือนอเมริกา...คำว่าจรรยาบรรณแพทย์ไม่มีความหมาย มีเงินจึงจะเข้าโรงพยาบาลได้ น่าเป็นห่วงเมืองไทย...

เป็นมานานแล้วครับ ไม่เกี่ยวกับทักษิณ


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 13, 2006, 10:50:30 AM
ในยุครัฐบาลทักษิณ มีความพยายามทำให้การรักษาพยาบาลเป็นธุรกิจเหมือนอเมริกา...คำว่าจรรยาบรรณแพทย์ไม่มีความหมาย มีเงินจึงจะเข้าโรงพยาบาลได้ น่าเป็นห่วงเมืองไทย...

เป็นมานานแล้วครับ ไม่เกี่ยวกับทักษิณ
กะว่าจะไม่ตอบแล้วเชียวนะครับ......แต่งานท่านอดีตนายกคงตอบได้ว่านี้ไม่เกี่ยวจริง ๆ ........แค่ใช้คนไกล้ชิดไปกว้านซื้อหุ้น รพ.เอกชนเอามาเป็นของตนเอง........คนไกล้ชิดครับ.....คนไกล้ชิด ไม่ใช้ท่านอดีตนายกซะหน่อยที่ไปกว้านซื้อ รพ.เอกชน...................ก็คนไกล้ชิดท่านมีวิสัยทัศว่าอนาคต รพ.ของรัฐที่มีทั้ง 30 บาท มีทั้ง ประกันสังคม บุคลากรทางการแพทย์คงมีงานล้นมือและงบประมาณที่จำกัด อันเกิดจากกับดัก 30 บาท คนที่พอมีกำลังทรัพย์คงหนีไปรักษา รพ.เอกชนมากขึ้น........โอกาศทางธุรกิจทำเงินได้หาก ไม่ขายหุ้นให้ ก็กลั่นแกล้งต่าง ๆ นา ๆ ............. :)
ปล.ผมเคยโดนคุณ จนท.รพ.โวยวายว่าทำมัยไม่ทำบัตรทอง(สมัยยังเบิกค่ารักษาพยาบาลไม่ได้) เลยสวนกลับไปว่า "พอใจจะเสียตังให้ รพ.มากกว่า 30 บาท" :)


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: STeelShoTS ที่ ธันวาคม 13, 2006, 11:12:08 AM
ว่าจะอธิบายเหมือนกัน..อีตาซีอุสชิงตัดหน้าซะ ขอบคุณหลายๆคร้าบ  ;)


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ ธันวาคม 13, 2006, 11:48:26 AM
ยังไม่เคยใช้   และจะไม่ใช้เด็ดขาด
ถึงโรงพยาบาลเอกชนจะเข้าร่วมรายการด้วย  แต่ยาที่ได้รับ  หากเป็นยาชั้นรอง ยาเกรด F
สู้ไปจ่ายเองดีกว่า   แบบนี้เขาเรียนว่าหวยกินรวบ
ยังไงก็บ่นไปแล้ว ก็บอกเกร็ดสมุนไพรให้ เพื่อน น้องๆเอาไปใช้บ้างแล้วกัน
1.ท้องร่วง(ทั่วไป)  ผมใช้ใบฝรั่งเคี้ยวและกลืนลงไปสัก3-4 ใบ  ภายใน 2-3 ชั่วโมงอุจจาระจะแข็ง
2.เป็นแผล มีดบาดเล็กๆ ใช้ใบสาบเสือเคี้ยวแล้วโปะ  แผลจะปิดสนิท
3. กล้วยน้ำว้าสุกสนิท(ปลิดขั้วแล้วไม่มียางเยิ้มออกมา) เป็นยาระบายชั้นยอด  ดีกว่ามะละกอ  ลองดูเองนะครับ


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: polymed ที่ ธันวาคม 13, 2006, 11:54:06 AM
กะว่าจะไม่ตอบแล้วเชียวนะครับ......แต่งานท่านอดีตนายกคงตอบได้ว่านี้ไม่เกี่ยวจริง ๆ ........แค่ใช้คนไกล้ชิดไปกว้านซื้อหุ้น รพ.เอกชนเอามาเป็นของตนเอง........คนไกล้ชิดครับ.....คนไกล้ชิด ไม่ใช้ท่านอดีตนายกซะหน่อยที่ไปกว้านซื้อ รพ.เอกชน...................ก็คนไกล้ชิดท่านมีวิสัยทัศว่าอนาคต รพ.ของรัฐที่มีทั้ง 30 บาท มีทั้ง ประกันสังคม บุคลากรทางการแพทย์คงมีงานล้นมือและงบประมาณที่จำกัด อันเกิดจากกับดัก 30 บาท คนที่พอมีกำลังทรัพย์คงหนีไปรักษา รพ.เอกชนมากขึ้น........โอกาศทางธุรกิจทำเงินได้หาก ไม่ขายหุ้นให้ ก็กลั่นแกล้งต่าง ๆ นา ๆ ............. :)
ปล.ผมเคยโดนคุณ จนท.รพ.โวยวายว่าทำมัยไม่ทำบัตรทอง(สมัยยังเบิกค่ารักษาพยาบาลไม่ได้) เลยสวนกลับไปว่า "พอใจจะเสียตังให้ รพ.มากกว่า 30 บาท" :)

คุณ Zeus คิดมากไปหรือเปล่า?? ถึงไม่มีนโยบาย 30 บาทในสมัยทักษิณ งานก็ล้นมือบุคลากรทางการแพทย์อยู่แล้ว เหตุเพราะ
 1. ขาดแคลนบุคคลากรทางการแพทย์ (โดยเฉพาะในที่ห่างใกลตัวเมือง)
 2. ความไม่เท่าเทียมในด้านการรับบริการ คุณคิดว่าระหว่างชนบท กับในเมือง ใครมีทางเลือกที่จะได้รับบริการ
     ด้านสาธารณสุบมากกว่ากัน
 3. นโยบายรัฐที่ผ่านมาเน้นซ่อมสุขภาพมากกว่าการสร้างเสริมป้องกันสุขภาพ ทำให้ประชาชนมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วย
     มากขึ้น เช่น การดืมสุรา การสูบบุหรี สิ่งเหล่านี้ประชาชนรู้ว่าเสียงต่อการเจ็บป่วยและป้องกันได้แต่ไม่เลิกพฤติกรรมเสียง
     จนเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา ก็ต้องพึ่งให้แพทย์ พยาบาล และจนท.สาธารณสุข ซึ่งมีน้อยและงานมากอยู่แล้ว load งานมากขึ้นไปอีก


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ ธันวาคม 13, 2006, 12:00:40 PM
เคยไปใช้สิทธ์ประกันสังคมครั้งหนึ่ง บอกหมอว่าไม่สบายมีอาการไอปวดหัว หมอจ่ายยาพารากับยาแก้ไอแบบน้ำดำตราเสือดาว กะค่ายาคร่าวๆคงไม่เกิน 30 บาท  :~) :~)


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 13, 2006, 02:50:04 PM
กะว่าจะไม่ตอบแล้วเชียวนะครับ......แต่งานท่านอดีตนายกคงตอบได้ว่านี้ไม่เกี่ยวจริง ๆ ........แค่ใช้คนไกล้ชิดไปกว้านซื้อหุ้น รพ.เอกชนเอามาเป็นของตนเอง........คนไกล้ชิดครับ.....คนไกล้ชิด ไม่ใช้ท่านอดีตนายกซะหน่อยที่ไปกว้านซื้อ รพ.เอกชน...................ก็คนไกล้ชิดท่านมีวิสัยทัศว่าอนาคต รพ.ของรัฐที่มีทั้ง 30 บาท มีทั้ง ประกันสังคม บุคลากรทางการแพทย์คงมีงานล้นมือและงบประมาณที่จำกัด อันเกิดจากกับดัก 30 บาท คนที่พอมีกำลังทรัพย์คงหนีไปรักษา รพ.เอกชนมากขึ้น........โอกาศทางธุรกิจทำเงินได้หาก ไม่ขายหุ้นให้ ก็กลั่นแกล้งต่าง ๆ นา ๆ ............. :)
ปล.ผมเคยโดนคุณ จนท.รพ.โวยวายว่าทำมัยไม่ทำบัตรทอง(สมัยยังเบิกค่ารักษาพยาบาลไม่ได้) เลยสวนกลับไปว่า "พอใจจะเสียตังให้ รพ.มากกว่า 30 บาท" :)

คุณ Zeus คิดมากไปหรือเปล่า?? ถึงไม่มีนโยบาย 30 บาทในสมัยทักษิณ งานก็ล้นมือบุคลากรทางการแพทย์อยู่แล้ว เหตุเพราะ
 1. ขาดแคลนบุคคลากรทางการแพทย์ (โดยเฉพาะในที่ห่างใกลตัวเมือง)
 2. ความไม่เท่าเทียมในด้านการรับบริการ คุณคิดว่าระหว่างชนบท กับในเมือง ใครมีทางเลือกที่จะได้รับบริการ
     ด้านสาธารณสุบมากกว่ากัน
 3. นโยบายรัฐที่ผ่านมาเน้นซ่อมสุขภาพมากกว่าการสร้างเสริมป้องกันสุขภาพ ทำให้ประชาชนมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วย
     มากขึ้น เช่น การดืมสุรา การสูบบุหรี สิ่งเหล่านี้ประชาชนรู้ว่าเสียงต่อการเจ็บป่วยและป้องกันได้แต่ไม่เลิกพฤติกรรมเสียง
     จนเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา ก็ต้องพึ่งให้แพทย์ พยาบาล และจนท.สาธารณสุข ซึ่งมีน้อยและงานมากอยู่แล้ว load งานมากขึ้นไปอีก
ไม่คิดมากหรอกครับ.....เป็นความบังเอิญครับที่ไปรู้มา ผมมันพวกจอมสาระแน เที่ยวแอบไปรู้จักชาวบ้านชาวช่องไว้แยะ เลยรู้ข้อมูลตรงนี้.....สำหรับคำถามผมไม่เถียงครับ
1.เราขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์มานานแสนนานแล้วครับ แต่ที่เกิดขึ้นหลังจากนโยบาย 30 บาทคือสิ่งที่เขาเรียกว่าสมองไหลครับ
2.ไช้ครับ เพราะเราแบ่งวิธีการรักษาคือจากอนามัย ไล่ไป รพ.ประจำอำเภอ ไล่ไป รพ.ประจำจังหวัด แล้วก็ รพ.ศูนย์ หรือ หน่วยแพทย์ที่มีความเชียวชาญเฉพาะด้าน อาทิศูนย์มะเร็ง เป็นต้น จะให้อนามัยมีแพทย์ที่จบมาโดยตรงด้านผ่าตัดสมองเชี่ยวชาญด้านรังสีวิทยาก็ใช้เหตุเพราะเหตุผลตามข้อ 1 ครับ
3.ผมขอแย้ง................ระดับนโยบาย จำไม่ค่อยได้ครับว่าสมัยก่อนกับสมัย30 บาทนี่ต่างกันยังไง จำได้แต่ว่า เรามีพวก อสม.(อาสาสมัคสาธารณสุข)มีการรณรงค์ในเรื่องต่าง ๆ อยู่เสมอแต่ไม่ได้ผลาญงบประมาณแบบ วันดีคืนดีก็นัดเกณคนมาใส่เสื้อเหลื่องแล้วเต้น ๆ ๆ เจอมากับตัวตอนประชุมเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ นี่ผู้นำเต้นทุกเกือบท่านไม่สามารถตอบได้ว่า ได้ท่าที่คุณนำเขาเต้นนะรู้หรือไม่ว่ามันมีความเกี่ยวพันธ์กับกล้ามเนื้อส่วนไหนมั่ง และก็ไม่รู้จักการวอร์มอัพ วอร์มดาว ไม่มีความเหมาะสมในการเสริมสุขภาพเลยซักนิด (คนที่ว่าเรื่องนี้คือ ดร.ท่านหนึ่งที่ต่างประเทศยอมรับในความสามารถของท่านในการจัดการออกกำลังกาย)..... :)
วกกลับไปที่ปัญหาตามข้อ 2 ปัญหาในสมัยก่อนนั้นหากเจ็บมากก็จะส่งตัวไล่ไปตามลำดับ หากไม่มีเงินก็เป็นพวกคนไข้อนาถารักษาฟรี พวกพอมีเงินแต่เบิกไม่ได้ก็จะถูกเรียกเก็บเงินตามปรกติ ส่วนไอ้พวกเบิกได้(แบบผมตอนเด็ก ๆ)ก็จะโดนขอชาร์ทค่ารักษานิดหน่อย(เพื่อเอาเงินส่วนต่างไปใช้กับคนไข้อนาถา).....งบประมาณที่ลงมาเพียงพอที่อย่างน้อย ๆ ก็สามารถรักษาให้อาการทรงตัว(ยาตาม รพ.เล็ก ๆ จะไม่ครบเหมื่อน รพ.ประจำจังหวัด รพ.ศูนย์)...........แต่ปัญหาที่พบในปัจจุบันคือ ยาไม่เพียงพอครับ เหตุผลคือ งบให้ตามคนที่มาขึ้นทะเบียนบัตรทอง....อะไรตามมาครับหน่วยงานพวกอนามัย รพ.ต้องเร่งออกสำรวจ เกณคนทำบัตรให้ได้มาก ๆ เพื่องบประมาณ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นกับดักคือ เมื่อเขามีบัตรทอง 30 บาท คนกลุ่มกลาง(คือไม่อนาถา พอมีเงินแต่เมื่อเขาโดนครอบว่ารักษาฟรี เขาก็ใช้สิทธิตามนั้นไม่ผิด.........แต่บังเอิญว่าผมมันพวกคนดื้อครับไม่ทำซะอย่างใครจะทำมัย...เต็มใจจะเสียเงินมากกว่า 30 บาท ซึ่งจริง ๆ ผมจ่ายเงินต่อครั้งไม่เกิน 200 -300 บาทซะที ) ก็ใช้บัตรทอง นโยบายเสริมสร้างสุขภาพก็เปรียบเสมื่อนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ จนแล้วจนรอดก็ไม่เกิดผล..............เมื่อยมือแล้วครับ จบดื้อ ๆ แค่นี้ดีกว่า ;D
ปล.หมอจ๋า หมออยู่ไหน 3 หมอไม่ยักมาตอบเลย :D
ว่าจะอธิบายเหมือนกัน..อีตาซีอุสชิงตัดหน้าซะ ขอบคุณหลายๆคร้าบ ;)
คนหล่อและโสดอย่างผมย่อมว่องไวดุดกระต่ายเปรียว ครับพี่ :DD


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: ENOLA GAY ที่ ธันวาคม 14, 2006, 11:10:18 PM
ทุกอาชีพย่อมมีบุคคลากรที่มี ไม่มี เปี่ยม หรือพร่องจรรยาบรรณ มากน้อยขึ้นอยู่กับการปลูกฝังคุณธรรมตั้งแต่เยาว์วัย กลไกทางสังคมของสังคมหรือสายอาชีพนั้น กลไกทางสังคมหรือสายอาชีพ ที่ว่ารัฐฯก็มีส่วนกำหนด การปลูกฝังก็ขึ้นอยู่กับทั้งครอบครัว สังคมแวดล้อม(ซึ่งรูปแบบก็มีอิทธิพลจากภาครัฐฯอีกนั่นแหละ) คนอาชีพเดียวกับผมและห่วยๆก็เยอะครับ เผลอๆผมจะจัดอยู่ในกลุ่มกับเค้าด้วยเปล่ายังไม่รู้เลย เฮ้อออออออ


หัวข้อ: Re: ร.พ.ประกันสังคม
เริ่มหัวข้อโดย: nick ที่ ธันวาคม 15, 2006, 01:13:21 AM
ผมไปพบแพทย์โรงพยาบาลย่านสำโรง

วันนัดฟังผล  ยังต้องเสียตังค์เลยครับ

ค่าพบแพทย์   โอววจ๊อด มันช่างยอดจริงๆ