หัวข้อ: เปิดใจมือปืน เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK) เริ่มหัวข้อโดย: กะเเด่ว ที่ มกราคม 18, 2007, 12:38:06 PM พอดีอ่านเจอครับเลยคัดลอกมาให้อ่านกัน เผื่อจะมีประโยชน์กับพี่ๆเพื่อนๆในเวปครับ อย่าลืมไปให้กำลังใจเจ้าของบทความด้วยนะครับ
ต้องเรียนให้ทราบนะครับว่าบทความนี้คัดลอกมาทั้งต้นฉบับ มิได้มีการตัดทอนส่วนหนึ่งส่วนใดออกทั้งสิ้น จึงออกมีข้อผิดพลาดหรือขัดแย้งในตัวของบทความ เช่นความเข้าใจของมือ ปืนเกี่ยวกับการใช้อาวุธ ต่างๆ ซึ่งเข้าใจว่าผู้เขียนคงถอดออกมาจากคำพูดของมือปืนโดยตรง จึงอาจขัดต่อความเป็นจริงก็เป็นได้ หากตรงไหนผิดพลาดก็ลองโพส ติ ชม ได้ครับ ที่ สำคัญอย่าลืมไปให้กำลังใจ คุณปรีชาเจ้าของบทความตัวจริง นะครับ ตอนที่ 1 นานๆ ทีได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสกับ "มือปืน" ระดับพระกาฬครั้งหนึ่ง คงต้องขอถ่ายทอดให้ผู้ติดตามได้รู้ถึงเคล็ดลับอะไรหลายประการ โดยเฉพาะหากคุณรู้ตัวว่า "กำลังถูกล่าสังหาร" การมีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสกับมือปืนในครั้งนี้ เริ่มต้นมาจาก "รายการจุดชนวนความคิด" โดย "เนชั่น" ได้เข้าไปทำให้กับช่อง 9 จะไปทำเรื่อง "ฆ่าตัดตอน" โดยประเด็นที่คาดว่าจะได้จากมือปืนนั้น คือการเปรียบเทียบลักษณะของการยิงระหว่าง คนของรัฐที่มีปืน ไปเกี่ยวโยงกับ "ฆ่าตัดตอน" ในช่วงสงครามยาเสพติด กับ ลักษณะของการยิงของมือปืนรับจ้างนั้นเป็นอย่างไร มือปืนได้วิเคราะห์ให้ฟังว่า ลักษณะของการยิงแบบฆ่าตัดตอนนั้น เป็นเรื่องราวอะไรที่โหดร้ายเกินกว่ามือปืนทั่วไปมาก ลักษณะของการยิงเหยื่อของ "มือปืน "นั้น เริ่มต้นจาก การเจรจากันถึงเรื่องราคาค่าหัวกันก่อน ซึ่งขั้นต่ำประมาณ 100,000 บาทต่อชีวิต ราคานี้อาจมากกว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับเหยื่อคนนั้น มีความ สำคัญขนาดไหน ถ้าระดับผู้ใหญ่บ้าน กำนัน จะต้องใช้เงิน 1 แสนบาทขึ้นไป ถ้าเป็น ส.ส.นักการเมืองต้องพูดกันถึงหลักล้านบาท เจ้าของเงิน หรือผู้จ้างให้ไปยิงหัวใครนั้น คงไม่ได้ลงมาสนทนากับ "มือปืน" เอง แต่จะให้คนที่รู้จักกับมือปืน มาถ่ายทอดอีกครั้งหนึ่ง การรับจ้างยิงคนบางครั้ง ไม่รู้ด้วยว่า "คนจ้าง" เป็นใคร เมื่อตกลงกันได้แล้ว จะต้องจ่ายก่อนล่วงหน้าครึ่งหนึ่ง ถ้ายิงเสร็จแล้ว ต้องจ่ายส่วนที่เหลือทันที ไม่มีผัดผ่อนกัน เมื่อถามเขาว่า เคยถูกเบี้ยวไหม เขา ตอบว่า ไม่มีใครมากล้าเบี้ยวมือปืนหลอก มีแต่จะต้องก่อนล่วงหน้าด้วยซ้ำไป และการจ่ายนั้น ไม่มีเป็นเช็ค หรือโอนเงินเข้าบัญชี มีแต่เงินสดๆ ใส่ซองมาทั้งนั้น +++++++++ โอกาสหน้าจะมาเล่าให้ฟังใหม่++++++++++++ คัดลอกจาก http://www.oknation.net/blog/preecha/2007/01/08/entry-2/comment#read (คุณปรีชา) s.pree@nationgroup.com หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: กะเเด่ว ที่ มกราคม 18, 2007, 12:38:52 PM เมื่อตอนที่แล้วพูดถึงเรื่องค่าหัวที่มือปืนรับงานมา "ซุ้ม"นี้จะรับงานอยู่ประมาณ 1 แสนบาทขึ้นไป
ตอนนี้มือปืนได้เล่าให้ฟังถึงวิธีการไปดูเหยื่อก่อนลั่นไก เมื่อคุยกันเรื่องค่าหัวเรียบร้อยแล้ว ผู้จ้างวาน จะต้องนำรูปมาให้ พร้อมกับแจ้งที่อยู่อย่างน้อย 2 แห่ง คือที่บ้าน และที่ทำงาน จุดสังหารสำคัญที่สุด คือ "ที่บ้าน" ผู้ว่าจ้าง จะต้องมีแผนที่ตรอก ซอก ซอย ประกอบอย่างละเอียด มือปืนบอกว่า จุดสังหารที่สำคัญคือ ปากซอยที่บ้านพัก ก่อนออกจากบ้านหรือเข้าบ้าน เพราะทางโค้งเข้าบ้านนั้น จะต้องชะลอความเร็วรถ และถ้าภายในซอยบ้านใคร มีเนินลูก ระนาดด้วยแล้ว ยิ่งง่ายต่อการสังหารอย่างมาก มือปืนได้ยกตัวอย่างมือปืนที่เข้าไปสังหารนายแสงชัย สุนทรวัตน์ อดีต ผอ.อ.ส.ม.ท. เมื่อหลายปีก่อน ขณะที่รถของนายแสงชัยแล่นมาถึงเนินลูกระยาดภายในซอยบ้าน มือปืน จึงใช้รถ จักรยานยนต์ประกอบยิง ซึ่งการยิงครั้งนั้น มือปืนใช้ปืนยี่ห้อ "บารเร็ตตร้า" ขนาด 9 ม.ม. แต่ยิงได้เพียงนัดเดียว ปืนเกิดขัดลำกล้อง ยิงไม่ออก จึงต้องเร่งเครื่องหนีไป แต่โชคร้ายของนายแสงชัย แม้มือปืนจะยิงได้เพียงนัดเดียวก็ตาม แต่กระสุนมรณะ พุ่งไปเจาะเบาะนั่งรถ พุ่งไปถูกแกนเหล็กหมอนรองศรีษะเข้าไปตัดขั้วหัวใจของ นายแสงชัย พอดี จุดสังหารอีกแห่งหนึ่ง คือ ปากซอยที่ทำงาน หรือทางเข้า-ออก ออฟฟิช มือปืนบอกว่า จุดนี้เป็นจุดที่นิยมไปดักสังหารเหยื่อลองลงมา เพราะจะมีประชาชนเป็นจำนวนมาก เสี่ยงต่อการตกเป็นเป้าสายตา อีกจุดหนึ่งที่นิยมกันค่อนข้างมาก คือ "รถติดไฟแดง" จะใช้รถจักรยายนต์ประกบยิงในระยะไม่เกิน 2 เมตร ส่วนมากจะไม่ค่อยพลาดเท่าไรนัก แต่จุดนี้มีความเสี่ยงอยู่บ้าง เนื่องจากทางแยกไฟแดงแต่ละแห่ง มักจะมีตำรวจอยู่ประจำทางแยกด้วยกันทั้งนั้น บางครั้งดวงไม่ดีอาจถูกจับกุมได้ ซึ่งวิธีการยิงนั้น มือปืนบอกว่า จะค่อยๆ ตามประกบมาห่างประมาณ 5-6 คันรถ ถ้ารถเหยื่อจอดติดไฟแดงคันแรกเลยนั้น เขาจะไม่ลงมือสังหาร ถ้าจอดติดไฟแดงคันที่ 4-5 จะเหมาะ สำหรับการยิงมากที่สุด เพราะถ้ายิงเสร็จแล้ว เขาสามารถขับรถพุ่งออกไปได้ทันที แต่ถ้าติดไฟแดงเป็นคันแรก คนขับรถมีโอกาสขับตามไปชนรถของเขาล้มลงไปได้ เห็นหรือไม่วิธีการสังหารเหยื่อของมือปืน ++++++++++ตอนต่อไปจะมาเล่าให้ฟังอีก++++++++ คัดลอกจาก http://www.oknation.net/blog/preecha/2007/01/11/entry-1 (คุณปรีชา) s.pree@nationgroup.com หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: กะเเด่ว ที่ มกราคม 18, 2007, 12:39:43 PM เปิดใจมือปืนตอนนี้ จะเปรียบเทียบกันระหว่าง "ฆ่าตัดตอน" กับ การสังหารทั่วๆ ไปของมือปืนว่า จะเหมือนหรือแตกต่างกัน
มือปืนคนนี้ได้บอกว่า ลักษณะของการยิงของมือปืนในเมืองไทยนั้น จะไม่กระทำการอุกอาจเหมือน "ฆ่าตัดตอน" ในช่วงประกาศสงครามยาเสพติดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เขาบอกว่า "ฆ่าตัดตอน เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ไม่เกรงกลัวกฎหมายจนเกินไป และมีการกระทำหลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น กรณีสองสามีภรรยา ในอ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ผู้โชคดี "ถูกหวยรางวัลที่ 1 " ได้เงินมาประมาณ 6 ล้านบาท แต่ถูกฆ่าตัดตอน เพราะทางการเข้าใจว่า เขาได้เงินมาจากการค้ายาเสพติด ลักษณะการสังหารสองสามีภรรยาครั้งนั้น เริ่มต้นจากเวลาประมาณตี 5 คนร้ายมาด้วยกัน 3 คน มาจอดรถดักรอเหยื่อบริเวณทางออกหมู่บ้าน เมื่อรถสองสามีภรรยาแล่นมาถึง จึงเรียกรถให้จอด หลังจากนั้น ได้เรียกคนในรถลงมาทีละคนๆ ซึ่งชาวบ้านได้อาศัยมาด้วย 1 คน ถูกเรียกให้ลงมานั่งคุกเข่าเรียงแถวด้วยเหมือนกัน 1 ใน 3 คนร้ายได้ใช้ปืนไม่ทราบขนาดจ่อยิงขณะนั่งคุกเข่าทีละคน แต่ชาวบ้านที่มาด้วยกันไม่ถูกยิง คนร้ายบอกเพียงว่า "รีบวิ่งกลับเข้าไปในหมู่บ้านซะ" และคนร้ายอีกคนหนึ่งเห็นว่า ชาวบ้าน คนนั้นอยู่ในอาการตะลึง จึงเต๊ะก้นไป 1 ครั้ง ทำให้ชาวบ้านคนนั้นรีบวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านได้ รอดตายไป อีกวิธีหนึ่งของการฆ่าตัดตอนในช่วงสงครามยาเสพติดที่ผ่านมา คนร้ายมักจะใช้รถกระบะ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน วิ่งเข้าไปยังบ้านเป้าหมาย เมื่อไปถึงจะนำรูปออกมาแสดงแล้วจะถามว่า "นี่ใช่รูปคุณแน่นะ ใช่แน่นะ" ถ้าเหยื่อที่จะถูกสังหารย้ำว่า "ใช่" คนร้ายจะบอกว่า "งั่นนั่งลง" หลังจากนั้นจะใช้ปืนยิงตายอย่างโหดเหี้ยม มือปืนรายนี้ ได้เปรียบเทียบการสังหารเหยื่อที่ผ่านมาว่า "มือปืน"ในประเทศไทย ไม่เคยไปเรียกเหยื่อที่จะต้องสังหารให้นั่งลง หรือเอารูปไปให้ดูแน่นอน ส่วนมากจะใช้วิธีการ "รอ เหยื่อ" จนกว่ามีโอกาสสังหารได้ ไม่เคยมีไปเรียก หรือไปถามใดๆ ทั้งสิ้น "จะไปถามเขาให้เป็นที่ต้องสงสัยได้อย่างไร บางครั้งผมยอมทนรอเหยื่อนานถึง 7 วัน บางครั้งผมรอนานถึง 15 วันก็มี เมื่อมีโอกาสจึงลั่นไกสังหาร" มือปืนรายนี้ ได้ยกตัวอย่างการสังหารหญิงคนหนึ่ง ให้ฟังว่า เคยรับงานมาให้ไปฆ่า "หญิงสาว" คนหนึ่ง ตอนนั้น ไม่คิดว่า จะฆ่าผู้หญิงคนนั้น เขาไปรออยู่หน้าบ้านหลายวัน แต่หญิงเคราะห์ร้าย คนนั้น ไม่ยอมออกมาจากบ้าน มือปืนรายนี้ เห็นว่าในบ้านไม่มีคนอยู่แล้ว จึงเข้าไปในบ้าน เมื่อเห็นเหยื่อหน้าตาดี จึงเปลี่ยนใจ ไม่อยากฆ่า มือปืนคนนี้ จึงเดินออกมา แต่หญิงสาวคนนั้นคงถึง คราวตายจริงๆ เขาได้วิ่งตามออกมา พยายามสอบถามว่า เข้ามาทำไม และด่าทอ จึงทำให้มือปืนต้องชักปืนไปจนเสียชีวิต +++++++++++ตอนหน้ามีเรื่องมาเล่าให้ฟังอีก++++++++ คัดลอกจาก http://www.oknation.net/blog/preecha/2007/01/15/entry-1 (คุณปรีชา) s.pree@nationgroup.com หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: กะเเด่ว ที่ มกราคม 18, 2007, 12:40:42 PM อาวุธปืนที่ใช้สำคัญไฉน
ข่าวคราวการสังหารเหยื่อของ มือปืน มักจะระบุว่า คนร้ายใช้ปืนขนาด .357 บ้าง ขนาด 9 ม.ม.บ้าง ขนาด 11 ม.ม. บางข่าวรุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธสงครามตั้งแต่เอ็ม 16 อาก้า หรือ เอ็ม 79 ถล่ม กันเลยทีเดียว มือปืนรายนี้ ได้บอกถึงความสำคัญของการใช้อาวุธของมือปืนโดยรวมว่า สมัยก่อนนั้น การเป็นมือปืน จะต้องใช้ 11 ม.ม.สังหารเหยื่อเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้ มือปืน ทั่วๆ ไปไม่ได้คำนึงถึงปืน ขนาด 11 ม.ม.อย่างเดียว แต่จะมองถึงปัจจัยเรื่องของความสะดวกในการพกพา การยิงแล้วมีความแม่นยำ การบรรจุกระสุนได้ครั้งหลายๆ นัด กันเสียมากกว่า สำหรับซุ้มมือปืนที่ยังนิยมใช้ 11 ม.ม.นั้น ยังมีอยู่บ้าง โดยเฉพาะมือปืนที่มาจาก จังหวัดเพชรบุรี ข้อดีสำหรับอาวุธปืนรุ่นนี้ จะเป็นปืนพกที่มีกระสุนใหญ่ที่สุด เมื่อเหยื่อรายใดถูกคมกระสุนรุ่นนี้เข้าไปแล้ว จะไม่ค่อยรอด พูดง่ายๆ ตายเกือบทุกราย และบางยี่ห้อมีคุณสมบัติพิเศษ ซองกระสุน สามารถบรรจุได้มากกว่า 10 นัด ข้อเสียมีอยู่บ้าง คือ "ยิงยาก" เนื่องจากแรงสะท้อนถอยหลัง หรือชาวบ้านเรียกว่า แรงถีบ มีมาก ทำให้ความแม่นยำหายไป จะต้องอาศัยคนข้อแข็งๆ และสิ่งสำคัญไม่สะดวกต่อการพกพา ถ้าเป็น ประชาชนทั่วไปแล้ว ไม่สามารถพกพาได้ จะต้องเป็นนักกีฬา หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น อาวุธปืนที่นิยมใช้ในกลุ่มมือปืนปัจจุบันคือ 9 ม.ม. โดยเฉพาะมือปืนในจังหวัดเพชรบูรณ์ และมือปืนแถบภาคกลาง สาเหตุที่ มือปืน นิยมใช้อาวุธขนาดนี้กัน คงหนีไม่พ้นความเป็นปืน ลูกดก ปืนบางยี่ห้อมีแม๊กกาซีนสามารถบรรจุกระสุนถึง 18 นัด ส่วน แรงถีบขนาด 9 ม.ม.นั้น มีน้อยกว่า 11 ม.ม.แน่นอน ทำให้ความแม่นยำในการยิงมีสูงกว่า ทำไมต้องใช้ปืน ลูกดก ..?? มือปืนได้อธิบายว่า มือปืนสมัยใหม่นี้ ใจ แตกต่างกัน บางคนใจถึง บางคนขี้ขาด มีความกลัวสารพัดอย่าง ประการแรกกลัวเหยื่อไม่ตาย ต้องยิงซ้ำหลายๆ นัดเอาไว้ก่อน ประการต่อมากลัวเหยื่อยิงสู้ ขอยิงซ้ำให้ตายสนิทไปเสียก่อน ประการต่อมากลัวคนรอบข้าง หรือมือปืนติดตามยิงตอบโต้ จึงขอพกปืนลูกดกเอาไว้ก่อน แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ ใจ ถ้าใจนิ่ง ใจถึง เป็นอันว่าสามารถฆ่าคนได้ก่อนลั่นไกแล้ว ส่วนคนลอบข้างหรือมือปืนติดตามนั้น มือปืนบอกว่า ไม่น่ากลัวเท่าไร เนื่องจากคนเหล่านั้นก็ "กลัวตาย"เหมือนกัน เมื่อได้ยินเสียงปืนดังใกล้ๆ มักจะต้องวิ่งหลบเอาตัวรอดเอาไว้ก่อน ส่วนนายจะ ตายหรือไม่ ไม่มีใครอยากรู้ เมื่อตั้งสติได้ มือปืนก็สังหารเป้าหมายเผ่นหนีไปเรียบร้อยแล้ว ผมเองตั้งแต่เป็นมือสังหารมาไม่รู้กี่ปี ผมไม่เคยเจอผู้ติดตามกล้ายิงตอบโต้ขณะลั่นไกฆ่านายเขาเลย มือปืนน้อยรายมากที่ถูกคนใกล้ชิดของเหยื่อที่ถูกสังหารยิงตาย ถ้าเป็นมือปืนถูกคนใกล้ชิด ยิงตายแสดงว่า ใจ ของมือปืนคนนั้น ใช้ไม่ได้ เมื่อเข้าไปยิงเหยื่อจะเกิดความลังเล ตัดสินใจไม่ถูก สุดท้ายถูกยิงตาย หรือถูกจับตัวเอาไว้ได้ ส่วนอาวุธปืนขนาด .357 นั้น เป็นอาวุธปืนลูกโม่ ที่มีดินขับกระสุนแรงมากที่สุดในบรรดาปืนพก ประชาชนทั่วไป ไม่สามารถพกพาหรือครอบครองได้ ต้องเป็นคนพิเศษเท่านั้น มือปืนทั่วไปนิยมใช้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะ รุ่นเก๋า ที่เรียกว่า โป้งเดียวจอด ซึ่งเป็นปืนที่ไม่ค่อยแม่นยำเท่าไรนัก เนื่องจาก โม่บรรจุกระสุนเป็นส่วนหนึ่ง ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงให้พลาดเป้า มีโอกาสพลาดสูงมาก และที่สำคัญปืนขนาดนี้ จะบรรจุกระสุนได้ประมาณ 6 นัดเท่านั้น แต่มือปืนที่นิยมใช้ ส่วนมากจะเป็นมือปืนประเภทไม่ต้องการทิ้งหลักฐานเอาไว้ในที่เกิดเหตุ เพราะเมื่อยิงกระสุนออกไปแล้ว ปืนลูกโม่ จะไม่สลัดปลอกทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ เหมือนปืนแม๊กกาซีน ให้ ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนปืนขนาด .38 นั้น เป็นปืนที่มีคุณสมบัติคล้ายกับ .357 เป็นปืนลูกโม่เหมือนกัน แต่กระสุนจะแรงน้อยกว่าเท่านั้นเอง ซึ่งปืนขนาดนี้ จะสะดวกต่อการพกพาเป็นอย่างมาก เคยใช้อาวุธปืนรุ่นไหนบ้าง ..?? คำตอบที่ได้รับจากมือปืนรายนี้คือ ไม่เลือกขนาด เคยใช้มาทุกขนาดแล้ว ตั้งแต่ .38 ไปจนถึงอาวุธสงครามร้ายแรง แต่ละกระบอกที่ใช้ยิงคนตายด้วยกันทั้งนั้น ข้อดีสำหรับการใช้ปืนหลากหลาย ขนาดนี้ เป็นเทคนิคในการสร้างความไขว้เขวให้กับตำรวจ บางครั้งอยากจะหัวเราะดังๆ ให้กับข่าวที่ลงไปเหมือนกัน บางฉบับลงข่าวการให้สัมภาษณ์ของตำรวจไปว่า เป็นซุ้มมือปืนเมืองเพชร บ้าง ซุ้มบ้านไผ่ เพชรบูรณ์บ้าง ตำรวจหลายคนให้ข่าวอย่างผิดๆ ก็มี -------ตอนต่อไปจะเล่าเรื่อง 3 ลักษณะการยิงให้ฟัง ------- คัดลอกจาก http://www.oknation.net/blog/preecha/2007/01/16/entry-1 (คุณปรีชา) s.pree@nationgroup.com หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: กะเเด่ว ที่ มกราคม 18, 2007, 12:42:01 PM เปิด 3 กลยุทธฆาตรกรรมเหยื่อ
ตอนนี้คงต้องมาพุดกันถึงเรื่องวิธีการ "ยิง" มือปืนรายนี้บอกว่า ทั้งหมดมี 3 วิธี คือ การประกบยิง การยิงถล่ม และการสุ้มยิง มือปืนบอกว่า การประกบยิง เป็นวิธีการสังหารเหยื่อที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แทบจะบอกได้เลยว่ากว่า 85-90 % มาจากการประยิงด้วยกันทั้งสิ้น จุดที่ดักยิงนั้น จะเป็นบริเวณปากซอยเข้าบ้าน หน้าสำนักงาน และยริเวณที่รถเหยื่อติดไฟแดง ดังที่กล่าวไปแล้ว และลักษณะของการประกบยิง เขาจะใช้ปืนสั้นขนาด 9 ม.ม. หรือ 11 ม.ม. เวลาเข้าไปประกบยิงระยะห่างกี่เมตร .? ปืนมือบอกว่า จะอยู่ระหว่าง 1-3 เมตร เท่านั้น จะแบ่งกระสุนการยิงเป็น 2 ชุด โดยชุดแรก เป้าหมายของกระสุนจะอยู่ที่หน้าอก 2-3 นัดเพื่อให้เหยื่อล้ม ลงไปก่อน หลังจากนั้นจะตามไปยิงซ้ำที่ศรีษะอีกไม่น้อยกว่า 2-3 นัดจนแน่ใจว่าตายสนิทเหมือนกัน เหยื่อที่จะถูกยิงต้องเป็นระดับไหน ..? มือปืนบอกว่า คงเป็นแค่ระดับคนธรรมดา ไม่มีมือปืนคุ้มกันอะไร อย่างดีคนๆ นั้นอาจมีปืนพกติดตัวอยู่บ้าง แต่คงไม่ใช่อุปสรรคอะไร เนื่อง จากคน "ระวังตัว" กับคน "จ้องฆ่า" ลักษณะการเตรียมพร้อมคงแตกต่างกัน เช่น ระดับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. บางคน เมื่อยิงเสร็จแล้ว จะใช้รถจักรยายนต์อำนวยความสะดวกในการหลบหนี "ส่วนวิธีการยิงถล่ม" นั้น มือปืนได้อธิบายว่า เริ่มจากอาวุธปืนที่ใช้ก่อน จะต้องเป็นอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 อาก้า หรือเอ็ม 79 เป็นอาวุธยอดฮิตที่สุด หรือแย่ที่สุดเป็นปืนลูกซอง 5 นัด ส่วน ระยะห่างนั้น จะอยู่ประมาณ 5-10 เมตร โดยจุดที่นิยมยิงกันมากที่สุด จะเป็นบริเวณทางแยก ไม่ว่าจะเป็นแยกทางเข้าบ้าน หรือบริเวณแยกไฟแดงก็ตาม บุคคลที่อยู่ในระดับต้องยิงถล่มนั้น จะต้องเป็นระดับ ส.ส. หรือผู้มีอิทธพล มีสมุนติดตามหลายคน เช่น นางกอบกุล นบอมรบดี ส.ส.พรรคไทยรักไทย จ.ราชบุรี หรือนายแคล้ว ธนิกุล อดีตผู้ กว้างขวางของเมืองไทย ถูกยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามร่างแหลกลาญ การยิงลักษณะนี้ จะไปคนเดียวไม่ได้ มือลั่นไกยิงต้องมีไม่ต้องกว่า 2 คน อาวุธปืนอย่างน้อย 2-4 กระบอก เพื่อเตรียมเอาไว้ป้องกันตัว หรือยิงซ้ำ ลักษณะของการยิง จะใช้วิธีการยิง จะถล่มกันเป็นชุด ไม่ต่ำกว่า 15-20 นัด โดยมือยิงคนที่ 1 ต้องเป็นผู้ที่ยิงได้แม่นยำที่สุด ต้องเลือกเป้าหมายที่ต้องการสังหารจริง ต้องการเอาให้ตายไป ก่อน ส่วนมือปืนคนที่สอง จะใช้กระสุนประมาณ 10-15 นัด แต่ต้องยิงถล่มเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้ติดตาม ไม่ได้เจตนาฆ่าให้ตาย แต่ต้องการขู่ไม่ให้มีโอกาสได้ตอบโต้เท่านั้น ส่วนทีมสังหารนั้น จะมีอยู่ 3 คน โดย 2 คนเป็นมือปืน และอีกคนหนึ่งเป็นคนขับรถกระบะพาหลบหนี "การสุ้มยิง" ++++จะมาเล่าต่อในตอนต่อไป+++ คัดลอกจาก http://www.oknation.net/blog/preecha/2007/01/17/entry-3 (คุณปรีชา) s.pree@nationgroup.com หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ มกราคม 18, 2007, 01:10:15 PM อ่านแล้วรู้สึกพิลึกครับ...
เห็นด้วยเรื่อง"ใจ"เพราะมือปืนอาชีพอาศัยใจครับ... ในกรุงนี่ป้องกันยาก เพราะเรายิงก่อนไม่ได้ มีคนแยะ... หลักทั่วไปคือประเมินว่าคนดีหรือคนร้ายครับ คนดีอย่าไปยุ่งเพราะเขาแจ้งความแน่ๆ... บางทีเกิดเรื่องบนท้องถนนบางทีกับคนสุจริต ต้องอย่าลุแก่โทสะครับ... เขาแจ้งความแน่ๆ เราติดคุกแหง... แต่ถ้าแน่ใจว่าไม่ใช่คนดี เราต้องยิงก่อน... นายสมชายว่าคงมีแยะที่มือปืนรับจ้างหรืออันธพาลโดนคนสุจริตแต่เล่นปืน ยิงเอาก่อน ตามท้องถนนห่างไกลหรือตามเมืองท่องเที่ยว... ที่ไม่เป็นเรื่องเพราะมิจฉาชีพไม่แจ้งความครับ... สรุปว่าต้องยิงก่อน... เพราะใจเราไม่ถึงขั้น... โชคดีที่เราๆ ท่านๆ ไม่มีศัตรู... หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: ing เด็ก ส.จ. ที่ มกราคม 18, 2007, 01:12:36 PM เอามาลงอีกคัรบ อยากอ่าน :VOV:
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ มกราคม 18, 2007, 01:23:07 PM อ่านแล้วรู้สึกพิลึกครับ... เห็นด้วยเรื่อง"ใจ"เพราะมือปืนอาชีพอาศัยใจครับ... ในกรุงนี่ป้องกันยาก เพราะเรายิงก่อนไม่ได้ มีคนแยะ... หลักทั่วไปคือประเมินว่าคนดีหรือคนร้ายครับ คนดีอย่าไปยุ่งเพราะเขาแจ้งความแน่ๆ... บางทีเกิดเรื่องบนท้องถนนบางทีกับคนสุจริต ต้องอย่าลุแก่โทสะครับ... เขาแจ้งความแน่ๆ เราติดคุกแหง... แต่ถ้าแน่ใจว่าไม่ใช่คนดี เราต้องยิงก่อน... นายสมชายว่าคงมีแยะที่มือปืนรับจ้างหรืออันธพาลโดนคนสุจริตแต่เล่นปืน ยิงเอาก่อน ตามท้องถนนห่างไกลหรือตามเมืองท่องเที่ยว... ที่ไม่เป็นเรื่องเพราะมิจฉาชีพไม่แจ้งความครับ... สรุปว่าต้องยิงก่อน... เพราะใจเราไม่ถึงขั้น... โชคดีที่เราๆ ท่านๆ ไม่มีศัตรู... อันนี้ผมว่าคงเป็นอันธพาลมากกว่าครับ เพราะมือปืนจริงๆ คงไม่ออกมาเผ่นผ้านตามถนน ;D คงใช่ครับ นายสมชายไม่มีความรู้เรื่องมือปืนครับ... ฮา หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: บอย 14 ที่ มกราคม 18, 2007, 02:33:54 PM ..อ่านแล้วเพลินดี สนุกครับ รอติดตามตอนต่อไปครับ..
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: toygun ที่ มกราคม 18, 2007, 02:59:34 PM อ่านสนุกครับ
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: ณัฐพนธ์ ที่ มกราคม 18, 2007, 03:00:25 PM จ่ายก่อนครึ่งนึง ทีเหลือ เรานะไม่เบี้ยวมือปืนหลอกเพราะกลัวเขาจะมายิงเอา
แต่ถ้าเราจ่ายก่อนครึ่งนึง แล้วมือปืนเบี้ยวเรา เราจะไปตามยิงมือปืนได้ที่ไหน ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ มกราคม 18, 2007, 03:13:57 PM อ่านแล้วสนุกดีครับ มาหดหู่ก็เรื่องคดี ฆ่าตัดตอนนี่แหละ ไม่รู้อันไหนจริงอันไหนปลอม >:(
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: at75 ที่ มกราคม 18, 2007, 03:20:04 PM อ่าน สนุก ดีครัลบ แต่ความรู้เรื่องอาวุธปืน ของมือปืน นี่ผมว่าออกมั่วนะครับ บอก9 แม่นกว่า11 ไม่พอ บอก.357ยิงไม่แม่นเพราะโม่เหวี่ยง เอากะเค้าซิ :P :P :P
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ มกราคม 18, 2007, 03:41:01 PM ...คนพวกนี้ไม่ได้เก่งกล้าสามารถอะไรเลย แค่ยิงคนทีเผลอ คนไม่มีทางสู้ พวกนี้ไม่ใช่คนใจถึง ไม่มีอะไรดีเด่นเลย แท้จริงแล้ว มีความเอี้ยอย่างเดียวครับ (หมาลอบกัดยังมีความภูมิใจกว่าพวกเหล่านี้ เพราะกัดแล้วอีกฝ่ายยังพอมีโอกาสสู้)
...ขอตั้งข้อสังเกตุว่า บทความแบบนี้จะว่าไปแล้ว เหมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งอ่านกันสนุกๆ พอได้ความรู้นิดหน่อย ผิดบ้างถูกบ้างก็ว่ากันไป แต่อีกด้านหนึ่ง อาจมีผลร้ายเพราะกระตุ้นเด็กและเยาวชนบางคนไปในทางที่ไม่ดี ...นี่ยังไม่รวมการใช้ภาษาไทยที่ผิดมากมายจนขี้เกียจแก้ครับ :) หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: nick ที่ มกราคม 18, 2007, 03:42:02 PM บทความนี้ผมว่าเหมือนเขียนเอามันส์สสสสสส ซะมากกว่า
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ มกราคม 18, 2007, 03:45:21 PM ;D ;D ;D อย่างกะนิยาย
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: ing เด็ก ส.จ. ที่ มกราคม 18, 2007, 03:48:21 PM ...คนพวกนี้ไม่ได้เก่งกล้าสามารถอะไรเลย แค่ยิงคนทีเผลอ คนไม่มีทางสู้ พวกนี้ไม่ใช่คนใจถึง ไม่มีอะไรดีเด่นเลย แท้จริงแล้ว มีความเอี้ยอย่างเดียวครับ (หมาลอบกัดยังมีความภูมิใจกว่าพวกเหล่านี้ เพราะกัดแล้วอีกฝ่ายยังพอมีโอกาสสู้) ...ขอตั้งข้อสังเกตุว่า บทความแบบนี้จะว่าไปแล้ว เหมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งอ่านกันสนุกๆ พอได้ความรู้นิดหน่อย ผิดบ้างถูกบ้างก็ว่ากันไป แต่อีกด้านหนึ่ง อาจมีผลร้ายเพราะกระตุ้นเด็กและเยาวชนบางคนไปในทางที่ไม่ดี ...นี่ยังไม่รวมการใช้ภาษาไทยที่ผิดมากมายจนขี้เกียจแก้ครับ :) บทความนี้ผมว่าเหมือนเขียนเอามันส์สสสสสส ซะมากกว่า ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: billy the kid @ Love The King @ ที่ มกราคม 18, 2007, 03:57:44 PM ผมว่ามือปืนกับนักเลงหรือคนจริงมีความต่างกันมากนะครับ
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: อู๋ รักในหลวง ที่ มกราคม 18, 2007, 05:44:25 PM อ่านเพลินๆ สนุกดีครับ แต่................... ...คนพวกนี้ไม่ได้เก่งกล้าสามารถอะไรเลย แค่ยิงคนทีเผลอ คนไม่มีทางสู้ พวกนี้ไม่ใช่คนใจถึง ไม่มีอะไรดีเด่นเลย แท้จริงแล้ว มีความเอี้ยอย่างเดียวครับ (หมาลอบกัดยังมีความภูมิใจกว่าพวกเหล่านี้ เพราะกัดแล้วอีกฝ่ายยังพอมีโอกาสสู้) ...ขอตั้งข้อสังเกตุว่า บทความแบบนี้จะว่าไปแล้ว เหมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งอ่านกันสนุกๆ พอได้ความรู้นิดหน่อย ผิดบ้างถูกบ้างก็ว่ากันไป แต่อีกด้านหนึ่ง อาจมีผลร้ายเพราะกระตุ้นเด็กและเยาวชนบางคนไปในทางที่ไม่ดี ...นี่ยังไม่รวมการใช้ภาษาไทยที่ผิดมากมายจนขี้เกียจแก้ครับ :) เห็นด้วยครับพี่ ไม่รู้คนเขียนบทความนี้จะภูมิใจอะไรกันนักหนา ยิงคนข้างหลังที่ไม่มีทางสู้ ....ใจ.... ใจอะไรกัน..ไม่เห็นใจเลย อ่าน สนุก ดีครัลบ แต่ความรู้เรื่องอาวุธปืน ของมือปืน นี่ผมว่าออกมั่วนะครับ บอก9 แม่นกว่า11 ไม่พอ บอก.357ยิงไม่แม่นเพราะโม่เหวี่ยง เอากะเค้าซิ :P :P :P อ่านดู เหมือนกับผู้เขียนชำนาญปืนไม่กี่แบบ เลยวิเคราะห์ไม่ได้ว่าขนาดใดแบบใด แม่นกว่ากัน หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ มกราคม 18, 2007, 06:02:59 PM อ่าน สนุก ดีครัลบ แต่ความรู้เรื่องอาวุธปืน ของมือปืน นี่ผมว่าออกมั่วนะครับ บอก9 แม่นกว่า11 ไม่พอ บอก.357ยิงไม่แม่นเพราะโม่เหวี่ยง เอากะเค้าซิ :P :P :P :) ถูกต้องแล้วครับ พวกนี้ไม่มีความชำนาญด้านอาวุธปืนเสียด้วยซ้ำ อาศัยว่ายิงได้ เรื่องความแม่นยำก็ไม่น่าจะเท่าไหร่ เพราะยิงในระยะใกล้มาก จะยิงที่หน้าอกซึ่งเป็นส่วนที่ใหญ่สุดของร่างกายก่อน จนเหยื่อไม่มีทางสู้จึงเข้ายิงที่ศรีษะ :) เห็นด้วยกับพี่แก้ว ผมว่าพวกนี้เป็นพวกเหลือเดนของสังคมมากกว่าคนใจถึง :) บทความจำพวกนี้ หรือหนังเรื่องตี๋ใหญ่ เคยทำให้เด็กวัยรุ่นแถวจังหวัดเพชรบุรีเป็นอาชญากรมาเยอะแล้วครับ ตอนนี้รวมไปถึงเด็กวัยรุ่นใน 3จชต ที่มีการยกระดับตัวเองจากผลงานการสังหารคนบริสุทธิ์ หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ มกราคม 18, 2007, 06:10:36 PM อ่านแล้วรู้สึกพิลึกครับ... ส่วนมากอันธพาลครับ ไม่ใช้มือปืน พวกนี้นั่งกินเหล้า นั่งกินข้าวกับเราถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นมือปืนก็ไม่รู้ครับ...สุภาพ อ่อนน้อม แววตาเหมื่อนคนขี้กลัวอยู่ตลอดเวลา...ดูน่าสงสาร.....ไอ้พวกโวย ๆ ขี้โอ่ ชอบหาเรื่อง นี่รับรองร้อยทั้งร้อยไม่มีใครเขาใช้ไปยิงคนหรอกครับเสี่ยง...............เกินไปเห็นด้วยเรื่อง"ใจ"เพราะมือปืนอาชีพอาศัยใจครับ... ในกรุงนี่ป้องกันยาก เพราะเรายิงก่อนไม่ได้ มีคนแยะ... หลักทั่วไปคือประเมินว่าคนดีหรือคนร้ายครับ คนดีอย่าไปยุ่งเพราะเขาแจ้งความแน่ๆ... บางทีเกิดเรื่องบนท้องถนนบางทีกับคนสุจริต ต้องอย่าลุแก่โทสะครับ... เขาแจ้งความแน่ๆ เราติดคุกแหง... แต่ถ้าแน่ใจว่าไม่ใช่คนดี เราต้องยิงก่อน... นายสมชายว่าคงมีแยะที่มือปืนรับจ้างหรืออันธพาลโดนคนสุจริตแต่เล่นปืน ยิงเอาก่อน ตามท้องถนนห่างไกลหรือตามเมืองท่องเที่ยว... ที่ไม่เป็นเรื่องเพราะมิจฉาชีพไม่แจ้งความครับ... สรุปว่าต้องยิงก่อน... เพราะใจเราไม่ถึงขั้น... โชคดีที่เราๆ ท่านๆ ไม่มีศัตรู... ปล.ผมก็ฟังเขาเล่ามานะครับ แฮ่ ๆ หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: sigsax ที่ มกราคม 18, 2007, 06:15:54 PM มือปืน.๒ห้อยไง ก็ผมก็เป็นอยู่ :~) :~) :~) :~) ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: BADBOY ที่ มกราคม 18, 2007, 09:58:08 PM ผมเคยเจอคนที่เคย ฆ่าคนมาบ้าง ส่วนมาก นิสัยส่วนมากเขาจะ ไม่ค่อยพูดเรื่องราว หรือ ประสบการณ์ที่เขาเคยผ่านมา อย่างชัดแจ้งเท่าใดนัก....แบบว่า ถามคำตอบคำ.....
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: FUFUFUFU ที่ มกราคม 18, 2007, 10:32:46 PM สนุกดีครับ ขอบคุณครับที่หามาให้อ่าน
ที่ว่าสนุกดีเพราะ มันมีหลายๆอย่างที่ขัดๆกับความรู้สึกว่า "โม้" มากไปนิดหนึ่งสำหรับมือปืนท่านนี้ แต่ถ้าอ่านเอามันส์อย่างเดียว ผมว่าใช้ได้เลยครับ หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: truman ที่ มกราคม 18, 2007, 10:42:06 PM :) :) :)...แถวที่ไม่ห่างจากบ้านเคยมีซุ้มมือปืนเหมือนกัน...แต่ต้องนี้แตกไปแล้ว...ลูกน้องโดนจับ..แล้วลูกพี่หน้าหน้าซุ้มถูกยิงตายเหมือนกัน.... :-[ :-[......ซุ้มนี้หัวหน้าเป็นกำนัน......ถูกยิงตายขณะขับรภไปหาที่จอด...ตอนกลางวันเลย... :( :( :(
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: bigbuffalo ที่ มกราคม 18, 2007, 11:36:26 PM เยี่ยม
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มกราคม 19, 2007, 12:58:21 AM เห็นด้วยกะพี่แก้วครับ
ที่จริงน่าจะทำราบงานเชิงวิชาการ เพื่อประโยชน์ทางสังคมมากกว่า เขียนเอามันส์ รูปแบบการเขียน เหมือนจะ ชู "มือปืน" เป็น Hero อย่าง ที่บอกว่า " การฆ่าตัดตอน นั้นเหี้ยมโหดกว่ามือปืนทั่วไป" ??? ถ้าลองได้ ฆ่าแกงกันแล้ว มีโหดน้อย หรือโหดมากกว่ากันเหรอ ... หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: FUFUFUFU ที่ มกราคม 19, 2007, 04:11:37 AM อย่าง ที่บอกว่า " การฆ่าตัดตอน นั้นเหี้ยมโหดกว่ามือปืนทั่วไป" ถ้าลองได้ ฆ่าแกงกันแล้ว มีโหดน้อย หรือโหดมากกว่ากันเหรอ ...
........................................................... ........................................................ มีสิครับ ยิงคนแล้วคนยิงก็หนีไป กับคน ยิงคนแล้วคนยิงยัดยาบ้าใส่ศพแล้วหนีไป อย่างนี้โหดกว่ากันไหมครับ คนโดนยิงตาย ทั้งสองกรณี อาจจะเป็นคนดีก็ได้ทั้งสองกรณี แต่กรณีไหนที่สังคมตราหน้าว่าเป็นคนเลวของสังคม ทั้งๆที่เค้าก็อาจจะเป็นคนดีก็ได้ทั้งสองกรณี อย่างนี้โหดกว่ากันไหมครับ รู้จัก"แพะ" ไหมครับ หุหุหุ "แพะรับบาป" อย่างนี้โหดกว่ากันไหมครับ หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: Audy452 ♥ รักในหลวง ที่ มกราคม 19, 2007, 06:45:17 AM มือปืนเป็นพวกคิดเร็วทำเร็ว...ไฮเปอร์อยู่ไม่นิ่ง...มีอาการทางประสาทนิดหน่อย
ขี้ระแวง...พวกนี้ใช้อาวุธทุกอย่าง...อุปกรณ์ทุกชนิด บางทีเจอเหยื่อขับรถจักรยานยนต์อยู่...ก็ใช้ปิกอัพชนก็มี ลงไปดูถ้าไม่เป็นไร...ยิงซ้ำ...โหดมาก หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 19, 2007, 07:02:30 AM การตัดตอนที่ดี จะควบคู่ไปกับการ "จัดฉาก" ที่ดี ด้วย
การตัดตอนในลักษณะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปแล้วถามเป้าหมายว่า "ใช่หรือไม่" ก่อนลงมือนั้น ไม่ใช่วิธี "ตัดตอน" ที่นิยมใช้กัน ครับ เป็นวิธีการ "สวมรอย" มากกว่า แหล่งข่าว.....น่าจะไม่เคย "ตัดตอน" ในลักษณะของการ "ตัดตอน" จริง ๆ แต่คงอาจจะเคย "ตัดตอน" ในรูปแบบของการ "สวมรอย" ถ้าท่าน ๆ ชอบเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ ผมแนะนำหนังสือเล่มนี้ครับ ข้อมูลที่ใช้ประกอบการเขียน รวมไปถึงการวิเคราะห์ การชี้นำในศีลธรรมและการดำเนินเรื่อง ถือว่า อยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว คุ้มค่ากับราคา 140.- บาท ครับ ถึงแม้จะมิได้ครอบคลุมและเจาะลึกไปทั้งหมด ถึงคำว่า "ซุ้ม" แต่ก็...มิได้ "ยกเมฆ" หรือ "นั่งเทียน" จนน่าเกลียด (http://www.sarakadee.com/bookstore/cover_img/156.jpg) หนังสือเรื่อง "มือปืน" ผู้เขียน: อรสม สุทธิสาคร โดยส่วนตัวผมเองแล้ว... ผมเฉย ๆ กับการนำเรื่องราวในลักษณะนี้มาตีแผ่ แต่ผู้อ่านควรที่จะ "วิเคราะห์" และ "ใช้วิจารณญาณ" หลังจากที่ได้อ่านบทความในลักษณะนี้ด้วย ดั่งเช่นที่ พี่ coda ได้ให้ความเห็นไว้ สิ่งหนึ่ง...ที่เปรียบต่างอย่างเห็นได้ชัด มิใช่ "บทความ" จากผู้เขียน แต่เป็น "วิจารณญาณ" ของผู้อ่านนั่นเอง ครับ ตลอดชีวิตผม...... .....ผมไม่เคยพบ "มือปืน" ที่แสดงตนหรือบอกว่า "ตนเป็นมือปืน" เลย แม้แต่ในขณะการพิจารณาคดี...ครับ จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น... หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: firefly ที่ มกราคม 19, 2007, 08:45:49 AM สิ่งหนึ่ง...ที่เปรียบต่างอย่างเห็นได้ชัด มิใช่ "บทความ" จากผู้เขียน แต่เป็น "วิจารณญาณ" ของผู้อ่านนั่นเอง ครับ 8) 8) เห็นด้วยครับ 8) 8) หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: xiehua dun ที่ มกราคม 19, 2007, 08:50:55 AM อ่านแบบบันเทิงคดี อย่าคิดมากครับ
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: ing เด็ก ส.จ. ที่ มกราคม 19, 2007, 11:27:20 AM ตลอดชีวิตผม......
.....ผมไม่เคยพบ "มือปืน" ที่แสดงตนหรือบอกว่า "ตนเป็นมือปืน" เลย แม้แต่ในขณะการพิจารณาคดี...ครับ ชอบตอนนี้จังเลย ส่วนมากจะมีคนตั้งให้มากว่าครับ ;D หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 19, 2007, 11:39:05 AM ตลอดชีวิตผม...... .....ผมไม่เคยพบ "มือปืน" ที่แสดงตนหรือบอกว่า "ตนเป็นมือปืน" เลย แม้แต่ในขณะการพิจารณาคดี...ครับ ชอบตอนนี้จังเลย ส่วนมากจะมีคนตั้งให้มากว่าครับ ส่วนตัวผมเองตอบกระทู้นี้มาก มากกว่ากระทู้อื่นๆ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ แค่อยากให้รู้จัก อันธพาล, นักเลง, และมือปืน บุคคล 3 ประเภทนี้ จะมีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ ที่กล้าพูดก็ไม่ใช่อะไรครับ พวกผม, เพื่อนผม, พี่ๆผม ก็เคยเดินทางนี้มาเหมือนกัน บางคนก็ได้ดี บางคนก็ยังอยู่ในคุก และที่สำคัญคือ การซื้อใจครับ ไม่ต้องใช่เงิน ใช้แค่คำพูดไม่กี่คำ ก็สามารถซื้อใจลูกน้องได้แล้ว 8) ขอบพระคุณครับ ที่ท่าน ing ชอบ..ครับ ผมเอง...ไม่เคยได้สัมผัสกับวงการเลยครับ... เพราะ...ไม่เคยพบ...กับบุคคลตามที่ผม post ไปอ่ะครับ จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น... หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ มกราคม 19, 2007, 11:42:42 AM ตลอดชีวิตผม...... .....ผมไม่เคยพบ "มือปืน" ที่แสดงตนหรือบอกว่า "ตนเป็นมือปืน" เลย แม้แต่ในขณะการพิจารณาคดี...ครับ ชอบตอนนี้จังเลย ส่วนมากจะมีคนตั้งให้มากว่าครับ ส่วนตัวผมเองตอบกระทู้นี้มาก มากกว่ากระทู้อื่นๆ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ แค่อยากให้รู้จัก อันธพาล, นักเลง, และมือปืน บุคคล 3 ประเภทนี้ จะมีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ ที่กล้าพูดก็ไม่ใช่อะไรครับ พวกผม, เพื่อนผม, พี่ๆผม ก็เคยเดินทางนี้มาเหมือนกัน บางคนก็ได้ดี บางคนก็ยังอยู่ในคุก และที่สำคัญคือ การซื้อใจครับ ไม่ต้องใช่เงิน ใช้แค่คำพูดไม่กี่คำ ก็สามารถซื้อใจลูกน้องได้แล้ว 8) ขออวยพรให้ไม่มีเหตุการณ์ต้องใช้ปืนนอกสนามนะครับ... คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกคบเพื่อนได้... หวังว่าคงเลือกคบได้ถูกคนนะครับ... ไม่ฮา หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 19, 2007, 12:02:01 PM ยินดีรับใช้เสมอครับ...ท่าน ing
จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น... จากเรา..ซึมเศร้าฯ ทีม หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: กะเเด่ว ที่ มกราคม 19, 2007, 02:05:54 PM แถวนี้ อบต. ย่อมาจาก อันตราย บาดเจ็บ ตาย.......... ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: ing เด็ก ส.จ. ที่ มกราคม 19, 2007, 02:24:05 PM เรียนถาม ท่าน 51 หนังสือ หาซื้อได้ที่ไหนครับ ;)
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 19, 2007, 02:35:04 PM เรียนถาม ท่าน 51 หนังสือ หาซื้อได้ที่ไหนครับ ;) ลองดูที่นี่ซิครับ ท่าน ing http://www.sarakadee.com/bookstore/modules.php?op=show&sop=detail&bookid=156 หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: ing เด็ก ส.จ. ที่ มกราคม 19, 2007, 03:33:09 PM เรียนถาม ท่าน 51 หนังสือ หาซื้อได้ที่ไหนครับ ;) ลองดูที่นี่ซิครับ ท่าน ing http://www.sarakadee.com/bookstore/modules.php?op=show&sop=detail&bookid=156 ขอบคุณครับ สั่งซื้อไปแล้วครับ หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: east ที่ มกราคม 19, 2007, 04:52:14 PM อ่านแล้วได้ความรู้ ดีครับ ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มกราคม 19, 2007, 06:28:46 PM หนังสือที่ท่าน51แนะนำ ผมเคยซื้อ เคยอ่านเมื่อหลายปีมาแล้ว
ทราบว่าปัจจุบันยังพิมพ์ซ้ำ จำหน่ายอยู่ คุณอรสม สุทธิสาคร ทำการบ้านมาดีครับ (ว่าไป เรื่องของคุณอรสม สุทธิสาคร น่าอ่านหมดแหละ อ่านมือปืนแล้ว อ่านนักโทษประหารด้วย จะสร้างบาลานซ์ให้ชีวิตดีมาก) หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: AR15 ที่ มกราคม 20, 2007, 01:23:28 AM จะเป็นใครก็ช่าง หากเบียดเบียนชีวิตมนุษย์และสัตว์โลกด้วยกันแล้ว ย่อมไม่ดี ไม่น่าสรรเสริญ ไม่ว่าจะฆ่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ดีแค่ไหน เลวแค่ไหน ก็ไม่มีสิทธิไปฆ่าเขา ผิดศีล
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: mayis ที่ มกราคม 20, 2007, 08:40:09 AM จะเป็นใครก็ช่าง หากเบียดเบียนชีวิตมนุษย์และสัตว์โลกด้วยกันแล้ว ย่อมไม่ดี ไม่น่าสรรเสริญ ไม่ว่าจะฆ่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ดีแค่ไหน เลวแค่ไหน ก็ไม่มีสิทธิไปฆ่าเขา ผิดศีล เห็นด้วยครับ....หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ มกราคม 20, 2007, 10:08:53 AM หนังสือที่ท่าน51แนะนำ ผมเคยซื้อ เคยอ่านเมื่อหลายปีมาแล้ว ทราบว่าปัจจุบันยังพิมพ์ซ้ำ จำหน่ายอยู่ คุณอรสม สุทธิสาคร ทำการบ้านมาดีครับ (ว่าไป เรื่องของคุณอรสม สุทธิสาคร น่าอ่านหมดแหละ อ่านมือปืนแล้ว อ่านนักโทษประหารด้วย จะสร้างบาลานซ์ให้ชีวิตดีมาก) ;)อ่านครับ...เขียนได้ดี...มองเห็นภาพ หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: ing เด็ก ส.จ. ที่ มกราคม 20, 2007, 11:14:01 AM หนังสือที่ท่าน51แนะนำ ผมเคยซื้อ เคยอ่านเมื่อหลายปีมาแล้ว ทราบว่าปัจจุบันยังพิมพ์ซ้ำ จำหน่ายอยู่ คุณอรสม สุทธิสาคร ทำการบ้านมาดีครับ (ว่าไป เรื่องของคุณอรสม สุทธิสาคร น่าอ่านหมดแหละ อ่านมือปืนแล้ว อ่านนักโทษประหารด้วย จะสร้างบาลานซ์ให้ชีวิตดีมาก) :OO :OO ;D ;D หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ถึงตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: กะเเด่ว ที่ มกราคม 26, 2007, 12:09:30 AM หลักพื้นฐานว่าด้วยการ "ซุ่มยิง"
อยากสรุปเมื่อตอนที่ผ่านมา การสังหารเหยื่อของมือปืนนั้น ผ่านไปแล้ว 2 วิธีคือ การประกบยิง ด้วยอาวุธปืนสั้น ซึ่งอาวุธที่นิยมมากที่สุดคือ 9 มม. อีกวิธีการหนึ่งคือ การยิงถล่มด้วยอาวุธปืนสงคราม อาวุธปืนที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ เอ็ม 16 อาก้า และเอ็ม 79 แย่ที่สุดคือลูกซอง 5 นัด ตอนนี้ต้องพูดกันถึงเรื่อง "การซุ่มยิง" วิธีการนี้ สำหรับมือปืนเมืองไทยแล้ว ไม่ค่อยนิยมการซุ่มยิง หรือลอบยิงมากเท่าไรนัก เพราะการยิงในลักษณะนี้ ต้องเป็นคนที่ขึ้นชื่อว่า "แม่นปืน" เบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยเลยทีเดียว ปัจจัยที่ "ไม่นิยม"นั้นมีเหตุผลดังต่อไปนี้ ประการแรก ต้องยิงระยะไกลต้งแต่ 50 เมตร บางคนต้องสุ้มยิงไกลถึง 1,000 เมตร ไม่เป็นนักแม่นปืนจริงๆ จะหวังสังหารเหยือให้ดับดิ้นคงเป็นเรื่องยาก ประการที่ 2 ต้องใช้ปืนยาวติดกล้อง จึงไม่สะดวกในการพกพา ไม่ว่าจะเป็นก่อนลงมือยิง หรือหลังยิงเหยื่อเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถใช้รถมอเตอร์ไซด์ในการหลบหนี ประการที่ 3 อาวุธปืน พร้อมอุปกรณ์มีราคาสูงมาก อาวุธปืนนั้นมีตั้งแต่ประมาณ 20,000 บาท คือปืนยี่ห้อ "ซีแซด" ขนาด .22 เป็นปืนยิงนกแถบชายทุ่ง มีระยะหวังผลอยู่ประมาณ 50-70 เมตร อาวุธปืนติดกล้องขนาด .22 นี้ จะเป็นปืนที่นิยมค่อนข้างมาก เพราะเป็นปืนที่ราคาถูกที่สุด ในบรรดากลุ่มปืน "ไรเฟิล" และสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าปืนแถววังบูรพาทั่วๆ ไป นอกจากนี้อาวุธปืนขนาด .22 หรือ "ปืนลูกกรด" มือปืนนิยมใช้เพราะ กระสุนราคาถูกนัดละ 2 บาท เสียงไม่ค่อยดังเท่าไรนัก และยังสามารถสร้างที่เก็บเสียงแบบง่ายๆ ขึ้นมารองรับได้ ส่วน "กล้อง"ติดปืน ราคาจะอยู่ประมาณ 20,000 บาท (ไม่ใช้กล้องแถบชายแดนเขมร หรือพม่า ราคาประมาณ 2,000-3,000 บาท ซึ่งกล้องถูกๆ อย่างนี้ ยิงนัดสองนัด ศูนย์เคลื่อนหมดแล้ว) กล้องติดปืนบางรุ่นมีราคาสูงถึง 200,000 บาท สามารถขยายได้สูงตั้งแต่ 3-50 เท่า อาวุธปืน "ไรเฟิล" ขนาด .223 (ปืนเข็มชนวนกลาง) เป็นปืนไรเฟิลที่หน่วย "คอมมานโด" รวมถึงหน่วยรบพิเศษของทหารนิยมใช้กันมากที่สุด เป็นปืนที่มีระยะหวังผลประมาณ 300-400 เมตร ส่วนการซื้อกระสุนนั้น ถ้าเป็นการซื้อกันในตลาดมืดจะไม่แพงมากนัก บางคนสามารถขอพรรคพวกที่เป็นคนในเครื่องแบบนอกแถว ได้ง่ายไม่ยากนัก ถ้าเป็นการสั่งกระสุนชนิดพิเศษ ใช้ดินพิเศษ จะต้องเสียเงินนัดหนึ่งประมาณ 100-200 บาท ส่วนกระสุนปืนขนาดนี้ ในหน่วยราชการเรียกว่า "หาง่าย" อยากให้เข้าใจตามประสาชาวบ้านคือ ลูกกระสุนปืนเอ็ม 16 นั่นแหละ..!!เมื่อถามว่า มือปืนไทยนิยมใช้ปืนประเภทนี้ซุ่มยิงหรือไม่ เขาบอกว่า พอสมควร เพราะเป็นปืนที่มีราคาระหว่างต่ำสุดประมาณ 50,000 บาท สูงไปถึงหลักหลายแสนบาท ส่วนกล้องติดปืนขนาดนี้นั้น ราคาตั้งแต่ 20,000 บาทถึงหลักเแสนเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับ "ยี่ห้อ" และกำลังการขยาย เพราะบางยี่ห้อนั้น จะมองผ่านเลนส์แล้วใส แม้ว่าเป้าหมายจะอยู่ในมุมมืดมากๆ ก็ตาม อีกรุ่นหนึ่งเป็น "ไรเฟิล" ขนาด 308 ใช้กระสุนของ เอ็ม 60 หรือกระสุนปืนกลของเหมือนกัน พระเอกหนัง "แรมโบ้" ใช้พันรอบตัว เป็นปืนที่นิยมใช้อีกรุ่นหนึ่ง แต่มีราคาค่อนข้างสูงมาก ตั้งแต่ 60,000 บาท ถึงหลักหลายๆ แสนเหมือนกัน ส่วนระยะหวังผลในการสังหารเป้าหมายจะอยู่ระหว่าง 800-1,000 เมตร มือปืนเมืองไทยไม่ค่อยนิยมใช้เท่าไรนัก นอกจากมือปืนในเครื่องแบบ เพราะราคากระสุนนัดหนึ่ง จะตกประมาณ 300 บาทขึ้นไป แต่ส่วนมาก มักจะไม่ค่อยซื้อกัน เนื่องจากไปขอจากพรรคพวกเพื่อนฝูงที่เป็นคนในเครื่องแบบนอกแถวบางคนแล้ว สามารถหาได้ไม่ยากนัก ส่วนกล้องติดปืนนั้น จะใช้แบบเดียวกัน .223 +++++ยังมีอีก ++ ตอนต่อจะไปเล่าให้ฟังถึงเรื่องการสุ้มยิงคนสำคัญระดับเจ้าพ่อค้ายาเสพติดแล้วรอดตาย เปรียบเทียบกับการสุ้มยิงอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้++++++++ คัดลอกจาก http://www.oknation.net/blog/preecha/2007/01/08/entry-2/comment#read (คุณปรีชา) s.pree@nationgroup.com หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ตอนที่ 6-8 มาแล้วครับ เริ่มหัวข้อโดย: กะเเด่ว ที่ มกราคม 26, 2007, 12:15:47 AM ตอนที่ 7
ตอนที่แล้ว ได้บอกถึงมือปืนเมืองไทย จะรับงาน "ฆ่า" ด้วยวิธีการ "ซุ่มยิง" มากเท่าไรนัก เนื่องจาก มีปัญหาหลายประการ 1.ปัญหาต้องยิงระยะไกล 50-1,000 เมตร 2.ปัญหาการใช้ปืนยาวติดกล้อง จึงไม่สะดวกในการพกพา 3.ปัญหาอาวุธปืน พร้อมกล้องราคาสูงมาก ต่ำสุดต้องมีงบประมาณ 40,000 บาทขึ้นไปเป็นหลายๆ แสน และกระสุนก็มีราคาแพงเช่นกัน บางรุนสูงถึงนัดละ 300 บาท เมื่อได้ปืนมาแล้ว ยังมีปัญหาตามมาไม่รู้จบ ประการที่ 4 "การตั้งศูนย์" ปืนประเภทติดกล้องนี้ จะต้องยิงหลายนัดกว่าจะตั้งศูนย์ให้ยิงแม่นยำถูกเป้าหมายได้ เป็นไปตาม "สไตล์"ของปืนติดกล้อง กล้องบางรุ่นต้องยิงปรับเป้าหมายนับร้อยนัด กว่าจะตั้งศูนย์เข้าที่พร้อมยิงได้ กล้องติดปืน ประการที่ 5 "การซ้อม" มือปืนจะต้องซ้อมอาวุธปืนประเภทนี้ เพื่อให้เกิดความชำนาญในการใช้อาวุธ เรียกกันง่ายๆ ว่า "ให้มือนิ่ง" เพราะการยิงระยะไกลนั้น มือจะสั่นไม่ได้แม้แต่ "มิลลิเมตร" เพราะการขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ผิดเป้าหมายได้เป็นคืบเลยทีเดียว นอกจากนี้การซ้อมยังคงต้องเริ่มต้นจากการมองผ่านกล้องไปยังเป้าหมายก็สำคัญ ถ้าเป็นมือใหม่ เชื่อว่า ไม่สามารถหาเป้าหมายเห็นได้ง่ายๆ ซึ่งการมองกล้องจริงๆ นั้น ไม่ได้ง่ายเหมือนกับในหนังฝรั่งบู้ๆ กว่าจะมองหาเป้าหมายเห็น เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง กล่าวโดยสรุปว่า มือปืนเมืองไทย ไม่นิยมลอบสังหารเหยื่อ ด้วยการใช้ปืน "ไรเฟิล" ยิงระยะไกล เพราะมีอุปสรรคใหญ่หลวงมากมาย การเล็งมองหาเป้าหมาย มือปืน บอกอย่างชัดเจนว่า เขาเป็นคนหนึ่ง เขาใช้วิธีการประกบยิงมากที่สุด ไม่ใช้วิธีการลอบสังหารเหยื่อด้วยไรเฟลิติดกล้องเลย ปัจจัยสำคัญนั้นคือ "ยิงซ้ำ" ไม่ได้ มีโอกาสพลาดสูงมาก หรือถ้ายิงซ้ำได้คงซ้ำได้ไม่เกิน 2 นัด แต่จะต้องใช้ปืนไรเฟิล แบบกึ่งออโตเมติค คือสามารถยิงดับเบิ้ลได้ โดยไม่ต้องชักลูกเลื่อนขึ้นลำกล้องใหม่ แต่มีมือปืนเมืองไทย เคยใช้วิธีการลอบสังหารเหยื่อ ด้วยปืนไรเฟิลบ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะในช่วงประกาศ "สงครามยาเสพติด" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีนักค้ายาเสพติดหลายคน ถูกสังหารด้วยอาวุธปืนไรเฟิลยิงระยะไกลตายไปหลายราย แต่ก็มีหลายรายที่รอดจากการสังหารไปบ้างก็มี ตัวอย่างของผู้ที่รอดจากการตกเป็นเหยื่อกระสุนปืนไรเฟิลคนสำคัญเลยนั้น คือ นายพนม ทรัพย์เอนก หรือ สจ.อ็อด เจ้าพ่อรถบรรทุกที่ใหญ่ที่สุดแห่งเมืองลำปาง ถูกทางการตามล่าตัวกล่าวหาว่า เป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ จนสามารถสร้าง "บ้านทรงไทย"ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทยเลยทีเดียว ก่อนที่ นายพนม จะถูกจับกุม ได้ถูกมือปืนลอบยิงระยะไกลไม่น้อยกว่า 300 เมตร แต่โชคดีครั้งนั้นรอดตายไปได้ คนร้ายปฏิบัติการใช้ปืนติดกล้องเล็งเข้าไปในบ้าน จนสามารถมองเห็นเป้าหมาย ขณะที่นายพนม กำลังก้าวขึ้นบันไดบ้านทรงไทยขันที่ 2 เพื่อขึ้นขั้นที่ 3 นั้น กระสุนปืนปริศนาพุ่งเข้าเจาะอกด้านบน ใกล้ๆ ไหปลาร้า ผู้ถูกขึ้นบัญชีดำว่าค้ายาเสพติดรายนี้ล้มลงทันที แต่คนร้ายไม่มีโอกาสลั่นไกซ้ำแต่อย่างใด การยิงของคนร้ายครั้งนั้น คาดว่า ตั้งใจจะยิงเพื่อให้เข้าศรีษะ แต่เป็นจังหวะที่เขาก้าวขึ้นบันได ทำให้พลาดมาถูกเข้าที่อกด้านบน เฉี่ยวขั้วหัวใจไปไม่มากนัก มือปืนได้อธิบายจุด "โฟกัส" ของการซุ่มยิงระยะไกลว่า ส่วนมากมือปืนจะตั้งเป้าหมายยิงที "ศรีษะ" มากกว่าการยิงที่ "อก" โดยมีเหตุผล 3 ประการคือ ประการแรก มือปืนจะมั่นใจในการทำงานของกระสุนว่า มีความแรงพอที่จะระเบิดสมองให้เหยื่อตายลงได้ทันที ประการที่สอง ไม่นิยมยิงหน้าอกซึ่งเป็นเป้าใหญ่สุดของร่างกาย เหมือนกับการประกบยิง เพราะบางคนสวมเสื้อเกราะ อาจทำให้เป็นอุปสรรคในการตายได้ แม้ว่ากระสุนปืนบางชนิดจะเจาะเกราะได้ก็ตาม ประการสุดท้าย มือปืนมั่นใจว่ากล้องติดปืนนั้น ไม่น่าจะทำให้พลาดเป้าหมายได้ ----------- เดี๋ยวตอนต่อไปค่อยพูดกันถึงเรื่อง การลอบสังหาร อดีตประธานธิบดีสหรัฐ ก็แล้วกันนะครับ ------------ คัดลอกจาก http://www.oknation.net/blog/preecha/2007/01/23/entry-1 (คุณปรีชา) s.pree@nationgroup.com หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ตอนที่ 6-8 มาแล้วครับหน้า4 เริ่มหัวข้อโดย: สตางค์ ที่ มกราคม 26, 2007, 12:48:22 AM :~)บาบกรรมๆ :~) อยากรู้จังเป็นเรื่องจริงหรือข่าวที่รัฐจัดมาครับ
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ตอนที่ 6-8 มาแล้วครับหน้า4 เริ่มหัวข้อโดย: กะเเด่ว ที่ มกราคม 26, 2007, 12:52:41 AM ตอนที่ 8
(ตอน)ซุ่มยิง"จอห์น เอฟ เคนเนดี้" หลังจากได้สัมภาษณ์เปิดใจมือปืนรับจ้าง ของเมืองไทยกันแล้ว พอสรุปได้ว่า ความนิยมในการล่าสังหารเหยื่อนั้น จะไม่ชอบการ "ซุ่มยิง" แต่จะใช้วิธีประกบยิงกันมากกว่า เมื่อยิงเสร็จแล้ว จะใช้รถ "มอเตอร์ไซด์" ในการหลบหนี ผิดจากหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะ "สหรัฐอเมริกา" จะนิยม "ซุ่มยิง" เสียมากกว่า โดยเฉพาะบุคคลสำคัญตั้งแต่ระดับประธานธิบดีลงมาเลยทีเดียว "เปิดใจมือปืน" ตอนนี้ จะพาท่านผู้ติดตามไปถึงสหรัฐฯ เป็นการเปรียบเทียบการซุ่มยิงผู้นำระดับโลก กับวิธีการเตรียมการซุ่มยิงของมือปืนเมืองไทยกันบ้าง "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" หรือ เจเอฟเค อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นอีกผู้หนึ่งที่ถูกสังหารด้วยอาวุธปืนไรเฟิล เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1963 กลางเมืองดาลลาส แห่งรัฐเท๊กซัส ขณะที่ขบวนของผู้นำประเทศเคลื่อนมาถึง บริเวณทางโค้งก่อนเข้าอุโมงค์ มุ่งหน้าไปยังสนามบินดาลลาส ท่ามกลางการคุ้มกันอย่างหนาแน่นนั้นเอง คนร้ายขึ้นไปดักรอบนชั้น 6 ของอาคาร 8 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณมุมทางโค้ง ก่อนลงอุโมงค์ดังกล่าว "จอห์น เอฟเคนเนดี้" ได้นั่งเบาะหลังอยู่กับภรรยา บนรถประจำตำแหน่ง ซึ่งเป็นรถเปิดประทุน เพื่อจะได้สะดวกในการโบกมือทักทายประชาชนที่ยืนให้การต้อนรับทักทายอยู่สองฝั่งถนนจำนวนมาก แต่บริเวณทำเลที่คนร้ายเลือกนั้น เป็นจุดที่ประชาชนยืนต้อนรับอยู่เบาบางแล้ว เพราะเป็นทางโค้ง และทางลงอุโมงค์ ทันทีที่รถ "จอห์น เอฟ เคเนดี้" ค่อยๆ แล่นผ่านทางโค้งมาด้วยความเร็วไม่มากนัก ไปได้ประมาณ 15 เมตร คนร้ายได้ลั่นกระสุนนัดแรกเข้าบริเวณต้นคอ เมื่อรถแล่นไปได้ประมาณ 10 เมตร หรือประมาณ 5-6 วินาที คนร้ายได้ลั่นกระสุนนัดที่สอง เข้าบริเวณศรีษะ แรงกระสุนเจาะจนกระโหลกเปิด คดีนี้มีความอึมครึมมาตลอด ไม่มีความกระจ่างอะไรให้กับชาวโลกได้รู้เลย ถ้าลองวิเคราะห์การซุ่มยิงอดีตผู้นำครั้งนั้น ถ้า "มือปืน" มาคนเดียว ซุ่มรอเหยื่ออยู่บริเวณชั้น 6 ต้องยอมรับว่า ต้องเป็นผู้ชำนาญในการใช้อาวุธปืนอย่างมาก เพราะระยะเวลาไม่กี่วินาที สามารถชักลูกเลื่อนปืนเพื่อยิงนัดที่ 2 ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเข้าสู่เป้าหมายได้อย่างจังเลยทีเดียว มือปืนเมืองไทยเองยังไม่สามารถทำได้ขนาดนี้ ทั้งหมดนี้ได้รับการถ่ายทอดจาก "เอ็ดเวิร์ด ฮิวก์" ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญวิทยา ของมหาวิทยาลัยนอร์ธเท๊กซัส ได้อธิบายให้กับผู้เข้าอบรมหลักสูตรพิเศษการบริหารงานยุติธรรมเชิงรุกแบบบูรณาการ รุ่นที่ 3 ประกอบด้วยข้าราชการ 9-10 ผมเป็นนักข่าวเพียงคนเดียวที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมอบรมหลักสูตรดังกล่าวด้วย ซึ่งเป็นโครงการของกระทรวงยุติธรรม ที่มหาวิทยานอร์ธเท๊กซัส สหรัฐอเมริกา "เอ็ดเวิร์ด ฮิวก์"บรรยายให้ผู้เข้าอบรมหลักสูตรพิเศษการบริหารงานยุติธรรมเชิงรุกแบบบูรณาการ รุ่นที่ 3 ที่ มหาวิทยาลัย นอร์ธ เท๊กซัส สหรัฐอเมริกา การบรรยายของ "เอ็ดเวิร์ด ฮิวก์" ได้เตรียมวิดีโอมาฉายภาพเหตุการณ์จริงมาเปิดให้ผู้เข้าอบรมกว่า 20 คนหลายรอบ เพื่อให้สังเกตุพร้อมวิพากษ์วิจารณ์ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นกัน ภาพวิดีโอที่ปรากฏ เริ่มจาก ขบวนรถของ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" แล่นผ่านฝูงชนจำนวนมากที่รออยู่สองฝั่งถนน มุ่งหน้าสนามบินดาลลาส เมื่อรถแล่นมาถึงทางโค้งเป็นจุดที่คนร้ายซุ่มยิงอดีตผู้นำสหรัฐฯ 2 นัด กระสุนนัดแรก "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" เจาะเข้าบริเวณลำคอ ทำให้เกิดอาการ "ฟุบ" ค่อยๆ เอนเข้าไปซบภรรยาที่นั่งอยู่ด้านข้าง แต่ยังไม่ทันซบกระสุนนัดที่สองพุ่งออกมา คราวนี้ เล่นเอากระโหลกเปิด ด้วยความตกใจของภรรยา คงทำอะไรไม่ถูก จึงปีนไปยังกระโปร่งหลังของรถ จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ต้องวิ่งปีนท้ายรถขึ้นไปช่วยกันจับภรรยาผู้นำเอาไว้ ภรรยาของ"จอห์น เอฟ เคนเนดี้" ปีนไปท้ายรถ เชื่อหรือไม่ว่า ภายในห้องอบรมสงบเงียบไปตามๆ กัน เมื่อผู้เข้าอบรมตั้งสติได้ ต่างวิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ตั้งแต่การยิงของคนร้าย รวมไปถึงภรรยาของผู้นำประเทศ อยากรู้หรือไม่ว่า ผู้เข้าอบรมคนไทย วิจารณ์ภรรยาอดีตผู้นำสหรัฐฯว่า "ปีนหนีเอาตัวรอดล่ะซิ" บางคนวิจารณ์ว่า "กลัวลูกหลงล่ะซิ" บางคน วิจารณ์ว่า "โดนลูกหลงเข้าแล้ว" บ้าง เชื่อหรือไม่คำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นผิดหมดเลย อยากให้ผู้ติดตามในเรื่องนี้ ลองวิพากษ์วิจารณ์กันดูว่า "ภรรยาของจอน์ห เอฟ เคนเนดี้ ปีนไปท้ายรถ ขณะที่สามีตัวเองถูกยิง เพื่อทำอะไร ...???" ขอใบ้ไว้ตอนท้ายนิดหนึ่งว่า เธอจงรักภักดีต่อ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" อย่างมาก ---------- ตอนต่อไปจะมาเฉลย -------- คัดลอกจาก http://www.oknation.net/blog/preecha/2007/01/25/entry-1 (คุณปรีชา) s.pree@nationgroup.com หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ตอนที่ 6-8 มาแล้วครับหน้า4 เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ มกราคม 26, 2007, 01:56:34 AM ;D อ่านด้วยความวิเคราะห์ในข้อเท็จจริงด้วยนะครับ พี่ ๆ น้อง ๆ
บทความกับความเป็นจริง ข้อเท็จเจริงอาจต่างกันแบบสุดขั้วก็ได้ หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ตอนที่ 6-8 มาแล้วครับหน้า4 เริ่มหัวข้อโดย: P1911- รักในหลวง ที่ มกราคม 26, 2007, 07:17:55 AM อ่านเอาสนุกได้ครับ วิเคราะห์ให้ดีๆๆ
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ตอนที่ 6-8 มาแล้วครับหน้า4 เริ่มหัวข้อโดย: อู๋ รักในหลวง ที่ มกราคม 26, 2007, 09:30:47 AM อ่านแค่พอสนุก ;D ไม่ต้องเก็บเอาไปคิดต่อ
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ตอนที่ 6-8 มาแล้วครับหน้า4 เริ่มหัวข้อโดย: Arthorn Art. ที่ มกราคม 26, 2007, 09:58:10 AM ...คนพวกนี้ไม่ได้เก่งกล้าสามารถอะไรเลย แค่ยิงคนทีเผลอ คนไม่มีทางสู้ พวกนี้ไม่ใช่คนใจถึง ไม่มีอะไรดีเด่นเลย แท้จริงแล้ว มีความเอี้ยอย่างเดียวครับ (หมาลอบกัดยังมีความภูมิใจกว่าพวกเหล่านี้ เพราะกัดแล้วอีกฝ่ายยังพอมีโอกาสสู้) ...ขอตั้งข้อสังเกตุว่า บทความแบบนี้จะว่าไปแล้ว เหมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งอ่านกันสนุกๆ พอได้ความรู้นิดหน่อย ผิดบ้างถูกบ้างก็ว่ากันไป แต่อีกด้านหนึ่ง อาจมีผลร้ายเพราะกระตุ้นเด็กและเยาวชนบางคนไปในทางที่ไม่ดี ...นี่ยังไม่รวมการใช้ภาษาไทยที่ผิดมากมายจนขี้เกียจแก้ครับ :) ถูกต้องที่สุด หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ตอนที่ 6-8 มาแล้วครับหน้า4 เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 26, 2007, 10:22:42 AM (http://i10.tinypic.com/2vbpt2q.jpg)
จากภาพ น่าเป็นการปีนขึ้นไป เพื่อที่จะดึงหลังคาที่เปิดประทุนอยู่ขึ้นมาให้ปิดประทุน ครับ สังเกตได้จากมือขวาของเธอและแนวสายตาของเธอกำลังมองลงไปเบื้องล่าง มิได้มองไปที่อื่นเลย...ถ้าจะ หนี ต้องมองไปในทิศทางที่จะ หนี ครับ จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น.. หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ตอนที่ 6-8 มาแล้วครับหน้า4 เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 26, 2007, 10:27:37 AM (http://i11.tinypic.com/2r5xcsm.jpg)
เธอตกใจในขณะที่สามีเธอถูกกระสุน แต่เธอทราบทันทีถึงบาดแผลและทิศทางที่มาของกระสุน ว่ามิได้มาจากแนวราบ... เธอจึงพยายามที่จะหาสิ่งที่มาปิดบังเป้าหมายไว้ ในขณะนั้น ผมเชื่อว่า...เธอค่อนข้างจะแน่ใจในทันทีว่า สามีเธอไม่รอด จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น... หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ตอนที่ 6-8 มาแล้วครับหน้า4 เริ่มหัวข้อโดย: BADBOY ที่ มกราคม 26, 2007, 11:06:51 AM สนุกดีครับ...
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ตอนที่ 6-8 มาแล้วครับหน้า4 เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ มกราคม 26, 2007, 11:17:32 AM วิเคราะห์ได้เยี่ยมมากโอม
[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ] หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ตอนที่ 6-8 มาแล้วครับหน้า4 เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มกราคม 26, 2007, 11:23:29 AM ;D อ่านด้วยความวิเคราะห์ในข้อเท็จจริงด้วยนะครับ พี่ ๆ น้อง ๆ บทความกับความเป็นจริง ข้อเท็จเจริงอาจต่างกันแบบสุดขั้วก็ได้ ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน ตอนนี้ตอนที่ 6-8 มาแล้วครับหน้า4 เริ่มหัวข้อโดย: กะเเด่ว ที่ มกราคม 29, 2007, 03:05:47 PM เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK)
เมื่อตอนที่ผ่านมา ได้ทิ้งท้ายไปด้วยปริศนาว่า ภรรยาของ "จอน์ห เอฟ เคนเนดี้" ตกตะลึงสุดขีด เมื่อเห็นสามีถูกลอบยิง จนศรีษะระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ จึงอยากให้ทุกคนทายกันว่า เธอไปทำอะไร (http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/8/8/images/j5.jpg) ภาพเหตุการณ์ภรรยาของประธานาธิบดี "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" ไปเก็บเศษกระโหลกศรีษะของสามี (http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/8/8/images/j1.jpg) "จอห์น เอฟ เคนเนดี้"ถูกยิงนัดที่ 1 (http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/8/8/images/j2.jpg) "จอห์น เอฟ เคนเนดี้"ถูกยิงนัดที่ 2 (http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/8/8/images/j4.jpg) สภาพร่างกายเต็มไปด้วยเลือด เชื่อหรือไม่ ตามที่ทุกคนร่วมสนุกทายกันมานั้น ตอบผิดกันทุกคน คงไม่ใช่เป็นคนแรก ที่ตอบคำถามผิดเช่นนั้น ส่วนมากมักจะตอบว่า ปีนไปเพื่อปิดประทุน จะได้กันกระสุนคนร้าย ที่น่าจะยิงกราดมาอีก หรือบางคนตอบว่า หนีเพื่อเอาตัวรอด เพราะกลัวคนร้ายจะกระหน่ำยิงซ้ำอีก คำตอบที่ถูกต้องคือ ภรรยาของ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" เสี่ยงตายปีนไปท้ายรถ ขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ เนื่องจากมองเห็นเศษกระโหลกชิ้นหนึ่งของสามี กระเด็นไปค้างอยู่ท้ายกระโปรงรถ จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องวิ่งตามรถปีนขึ้นไปช่วยกันจับ เพราะเกรงว่า ภรรยาของ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" จะตกลงมาจากรถ เมื่อได้เศษกระโหลกก้อนนั้นมาแล้ว จึงกำเอาไว้ในมือจนแน่น หลังจากนั้นจึงมานั่งประคองศรีษะของสามี เลือดไหลกระพุ่งกระฉูดท่วมร่างทั้งสองคน เมื่อรถนำร่างไร้วิญญาณของ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" ไปถึงโรงพยาบาล ภรรยาผู้จงรักภักดี ได้นำชิ้นส่วนของกระโหลกศรีษะไปให้แพทย์แล้วบอกว่า "ช่วยนำเศษกระโหลกนี้ไปต่อให้สามีฟื้นคืนชีพมาที" ถ้าลองวิเคราะห์สัญชาติญาณของมือปืนทั่วโลก รวมถึงมือปืนเมืองไทย ที่ได้สัมภาษณ์กันมาแล้วนั้น จะยืนยันตรงกันว่า การสังหารเหยื่อแต่ละครั้งนั้น มือปืนจะไม่ยิงมั่ว เมื่อเขาต้องการจะสังหารเหยื่อรายใด หมายความว่า เขาจะต้องพุ่งเป้าสังหารไปยังคนนั้นเพียงคนเดียว มือปืนแต่ละคนจะไม่มีความประสงค์ยิงคนรอบข้างเลย นอกเสียจากคนข้างๆ หรือ "บอร์ดี้การ์ด" คนนั้น จะหยิบอาวุธมาต่อสู้หรือทำร้ายร่างกายเท่านั้น คนติดตามหลายคนมักจะรอดเสมอ ตัวอย่างในเมืองไทยก็มีให้เห็น โดยเฉพาะการยิงถล่ม "แคล้ว ธนิกุล" อดีตผู้กว้างขวางอันดับ 1 ของเมืองไทย ถูกถล่มด้วยอาวุธสงครามร้ายแรง จน"แคล้ว"ตายสนิท แต่มือปืนคนหนึ่งชื่อว่า "หมึกเพชร" รอดตายราวกับปฏิหาริย์ ย้อนกลับมาเรื่องการสังหารอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ กันอีกครั้ง คดีนี้ยังไม่สามารถคลีคลายได้ในหลากหลายประเด็น แม้ว่าการยิงของ "มือปืน" รายนี้ ไม่ได้ยิงมั่วก็ตาม แต่การสอบสวนของตำรวจที่เมืองดาลลาส ต้องยอมรับว่า "มั่ว" สุดๆ เริ่มจากศักยาภาพในการเผชิญเหตุนั้น ไม่ทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าคนร้ายยิงผู้นำของเขาอยู่ทางทิศไหน กว่าจะรู้กันได้เล่นเอาหลายนาที เมื่อคนร้ายยิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนยังอยู่ในอาการตะลึง หลายคนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่พยายามจะนำ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" ไปส่งโรงพยาบาล เพื่อรักษาตัว ให้รอดชีวิตเอาไว้ก่อน ข้อสังเกตุประการหนึ่งคือ คนร้ายรายนี้ อยู่บนอาคารชั้น 6 ไม่น่าจะหลบหนีไปได้ เพราะต้องใช้เวลาวิ่งลงมาหลายนาทีพอสมควร แต่ตำรวจที่นั่น ไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ในทันที ปล่อยให้หนีลอยนวลไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจดาลลาส คาดว่า เมื่อคนร้ายลงมาจากอาคารแล้ว จึงค่อยเดินเลี่ยงหลบออกไปด้านหลังอาคาร ในตอนนั้นเชื่อว่า คนร้ายมีอาการ "นิ่ง" ไม่ตื่นตระหนกตกใจ จึงไม่มีใครรู้ว่า เป็นมือปืน จึงไม่มีใครสนใจ ทำให้เขาหนีรอดไปได้ ทั้งนี้คนร้าย ไม่ได้นำปืนกระบอกนั้นวิ่งหลบหนีลงมาด้วย เมื่อยิงเสร็จได้ทิ้งปืนไว้บริเวณนั้นเอง ส่วนสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นไปตรวจบริเวณอาคารนั้นล่าช้า เนื่องจาก ไม่สามารถจับจุดได้ว่า เสียงปืนนั้นดังมาจากด้านไหน เพราะบริเวณนั้น เป็นพื้นที่โล่ง ทำให้เสียงปืนดังก้องกระจายจนจับทิศทางไม่ถูก เชื่อหรือไม่ว่า ถ้าไม่พบหลักฐานที่เป็นปืน และปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุ คงจะสรุปไม่ได้เหมือนกันว่า คนร้ายนั้นอยู่จุดไหนกันแน่ และขนาดเห็นหลักฐานขนาดนั้น ยังสรุปกันไปคนละทิศ คนละทาง ---------- ในตอนต่อไปจะเล่าให้ฟังว่า การผ่าพิสูจน์ศพ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" ไม่แตกต่างกับ การพิสูจน์ศพ "ห้างทอง ธรรมวัฒนะ" เล่นกันไปคนละทิศคนละทางเหมือนกัน --------------- คัดลอกจาก http://www.oknation.net/blog/preecha/2007/01/28/entry-1 (คุณปรีชา) s.pree@nationgroup.com หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK) เริ่มหัวข้อโดย: bigbuffalo ที่ มกราคม 30, 2007, 09:48:50 PM น่าสนใจ ต้องยกครับพี่น้อง
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK) เริ่มหัวข้อโดย: ing เด็ก ส.จ. ที่ มกราคม 31, 2007, 06:18:40 PM "หมึกเพชร" ตอนนี้ก็หายไปแล้ว ญาติพี่น้องต้องเผาชื่อแทนร่างไร้วิญญาณ
แต่อีกสายนึ่งแจ้งมาว่า เจอค้าอยู่ทางเหนือครับ ;D เข้ามาอ่านพอดีรู้จักกัน หัวข้อ: ปริศนาคดีลอบสังหาร เคนเนดี้ เริ่มหัวข้อโดย: narongt ที่ มกราคม 31, 2007, 08:36:37 PM http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=20449.msg545151#msg545151
นานๆเข้ามาทีขออนุญาต จขกท นี้โพสท์แจมด้วยครับ :VOV: ปริศนาคดีลอบสังหาร "เคนเนดี้" คดีลอบสังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/3f/John_F_Kennedy.jpg/200px-John_F_Kennedy.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/John_F._Kennedy_assassination) ยังคงเป็นความลับดำมืดอยู่แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบ 40 ปีแล้วก็ตาม หลักฐานที่ได้จากฟิล์มภาพยนตร์ และรูปถ่ายในวันเกิดเหตุแสดงให้เห็นถึงชายลึกลับ 2 คนที่อยู่ใกล้กับเคนเนดี้ มากที่สุดในวินาทีที่เขาถูกยิง แต่กลับดูเหมือนว่าชายทั้ง 2 จะไม่มีตัวตน! วันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ได้เดินทางไปยังเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/0/00/02140503l.jpg/225px-02140503l.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Dallas%2C_Texas) ตามกำหนดการเดินสายหาเสียงในรัฐต่างๆ ทางใต้ เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 ของเขา เวลา 11:40 น. ประชาชนชาวดัลลัสต่างต้อนรับการเดินทางมาของเคนเนดี้และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง อย่างอบอุ่น ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส จอห์น คอนเนลลีย์ และภรรยา (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/5/5e/JFKmotorcade.jpg/180px-JFKmotorcade.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/John_Connally) นั่งในรถลิมูซีน คันเดียวกับท่านประธานาธิบดีเพื่อเดินทางจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมือง เมื่อขบวนรถได้เคลื่อนมาถึงเดลีย์พลาซา (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/a/a3/Dealey_Plaza.jpg/250px-Dealey_Plaza.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Dealey_Plaza) (http://mcadams.posc.mu.edu/plazao.jpg) ณ เวลา 12:30 น. ก็เลี้ยวขวาจากถนนเมน เข้าถนนฮิวส์ตัน เพื่อที่เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเอล์ม (http://www.jfk-assassination.de/images/route.gif) (http://www.jfk-assassination.de/media/drawings/route.php) ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเท็กซัส (Texas School Book Depository) (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/6/68/SchoolbookDepository.jpg/180px-SchoolbookDepository.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Texas_School_Book_Depository) ทันทีที่รถคันที่เคนเนดี้นั่งแล่นผ่านป้ายบอกชื่อถนนทางด่วนสเตมมอนส์ ที่อยู่ข้างหน้า (http://www.jfkmurdersolved.com/images/knoll2.jpg) ภรรยาของผู้ว่าจอห์นก็ได้ยินเสียงปืน เธอจึงเหลี่ยวหลังไปมองเคนเนดี้ที่นั่งอยู่เบาะหลังของรถ เธอเห็นท่านประธานาธิบดีเอามือกุมที่คอ วินาทีถัดมาผู้ว่าฯ จอห์นก็รู้สึกปวดที่ด้านหลังเขารู้ทันทีว่าเขาถูกยิง http://www.btinternet.com/~dr_paul_lee/JFK.htm (http://www.btinternet.com/~dr_paul_lee/JFK.htm) (http://www.btinternet.com/~dr_paul_lee/z-225.jpg) (http://www.btinternet.com/~dr_paul_lee/z-260.jpg) ไม่กี่วินาทีต่อมาผู้ว่าจอห์น ก็ได้ยินเสียงปืนนัดที่ 3 ภรรยาของท่านประธานาธิบดียังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอคิดว่าเป็นเสียงประทัดหรือดอกไม้ไฟที่ประชาชนจุดต้อนรับขบวน แต่เมื่อเธอหันหน้ามามองสามีเธอ ที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอก็ต้องตกใจที่เห็นท่านประธานาธิบดีถูกยิงเข้าที่ศรีษะ มันเป็นกระสุนนัดสุดท้ายที่ สังหารเคนเนดี้ (http://www.jfkmurdersolved.com/images/zaplow.gif) (http://www.jfkmurdersolved.com/images/Headshot-large.gif) http://www.assassinationresearch.com/v2n2/zfilm/zframe313.html (http://www.assassinationresearch.com/v2n2/zfilm/zframe313.html) เมื่อประชาชนที่คอยเฝ้าต้อนรับรถขบวนอยู่ 2 ข้างทางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างก็แตกตื่นพากันนอนราบ ลงกับพื้นหรือไม่ก็วิ่งหนีออกไปจากบริเวณนั้น เพื่อหลบลูกกระสุนที่อาจเกิดการยิงขึ้นมาอีก (http://www.jfkmurdersolved.com/images/bond1.jpg) ยกเว้นคน 2 คน! (http://www.jfkmurdersolved.com/images/knoll.jpg) http://www.dallasnews.com/cgi-bin/bi/dallas/photography/photography.cgi?step=View%20Slideshow&show=420&thisImage=6583 (http://www.dallasnews.com/cgi-bin/bi/dallas/photography/photography.cgi?step=View%20Slideshow&show=420&thisImage=6583) http://www.dallasnews.com/s/dws/spe/2005/jfk (http://www.dallasnews.com/s/dws/spe/2005/jfk) ปริศนาคนถือร่ม จากการวิเคราะห์ฟิล์มภาพยนตร์ขนาด 8 มม. ที่ถ่ายโดย อับราฮัม แชพรูเตอร์ http://youtube.com/watch?v=GU_cbEIPXw0&search=Abraham%20Zapruder (http://youtube.com/watch?v=GU_cbEIPXw0&search=Abraham%20Zapruder) (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/1/1d/Zapruder.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Abraham_Zapruder) และภาพถ่ายจากกล้องของผู้อื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ ประกอบกับคำให้การของพยานขณะที่ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ถูกลอบสังหารนั้นแสดงให้เห็นสิ่งผิดปรกติที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีนั้นมากมาย ภาพถ่ายจากพยานที่ยืนอยู่ริมถนน ตรงกันข้ามกับป้ายบอกชื่อถนนทางด่วนเสตมมอนส์ จับภาพชาย 2 คนนั่งอยู่ริมถนนบริเวณป้ายนั้น (http://www.jfk-assassination.de/images/umbrella.gif) (http://www.jfk-assassination.de/articles/umbrella.php) ซึ่งเป็นคนที่อยู่ใกล้กับประธานาธิบดีมากที่สุด ชายทั้ง 2 ดูเหมือนเป็นเพียงประชาชนธรรมดาๆ ที่มาต้อนรับ ประธานาธิบดีในดวงใจของพวกเขาเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่นั้น แต่เมื่อรถของประธานาธิบดีแล่นมาถึง หนึ่งในนั้นก็ลุกขึ้นยืนกางร่ม (http://www.jfk-assassination.de/images/umbrella2.gif) ที่มันน่าแปลกก็เพราะว่าวันนั้นเป็นวันที่อากาศแจ่มใส ไม่มีเค้าว่าจะมีฝนหรือแดดก็ไม่จัด ที่สำคัญคือ ชายคนนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่กางร่มในที่เกิดเหตุ เขากางร่มออกเพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็หุบมันลง ในขณะที่ชายคนที่นั่งข้างๆ เขาลุกขึ้นยืนโบกมือ และวินาทีเดียวกันนั้นเองเสียงปืนก็ดังขึ้น! สิ้นเสียงปืนความโกลาหลก็บังเกิดขึ้น ฝูงชนแตกตื่นไปคนละทิศละทาง ยกเว้นชาย 2 คนนี้ที่ทรุดตัวนั่ง ลงที่เดิม หนึ่งในนั้นหยิบวัตถุบางอย่างที่มีเสาอากาศออกมา เขาจ่อมันที่ปากเหมือนกับว่าเขากำลังพูด วิทยุรับ-ส่ง จากนั้นชายทั้ง 2 ก็แยกย้ายกันไปคนละทาง ชายที่ถือร่มเดินไปทางอาคารเก็บหนังสือโรงเรียน ส่วนอีกคนเดินไปทางถนนลอดใต้ทางด่วน (http://www.hobrad.com/dcmanradio.jpg) "ชายผิวคล้ำ" (Dark complected Man) หยิบวัตถุบางอย่างที่มีเสาอากาศมาจ่อที่ปากหลังจากที่เคนเนดี้ถูกยิง (http://www.hobrad.com/dcmanwalk.jpg) หลังจากที่เคนเนดี้ถูกยิง เขาก็ลุกขึ้นยืนเอาวิทยุเหน็บหลังแล้วเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สัญญานมรณะ (http://www.ratical.com/ratville/JFK/images/TUM7.gif) เป็นไปได้ไหมว่า ชายทั้ง 2 คนกำลังส่งสัญญานให้กับมือปืนที่ซุ่มรออยู่ เพื่อบอกให้เริ่มปฏิบัติการได้ ที่ต้องให้สัญญานก็เพราะมือปืนไม่ได้มีแค่คนเดียวอย่างที่เอฟบีไอ ได้ทำสรุปสำนวนการสืบสวน เป็นที่แน่นอนว่าเมื่อเสียงปืนดังขึ้น ความโกลาหลย่อมเกิดขึ้น หน่วยรักษาความปลอดภัยและ "เหยื่อ" จะต้องรู้ตัว ดังนั้นเพื่อให้ปฏิบัติการสัมฤทธิ์ผล ปืนอย่างน้อย 3 กระบอกจะต้องถูกยิงในเวลาเดียวกันจากมุมต่างๆ หลังจากนั้นชายทั้ง 2 จะหยุดดูผลงาน แจ้งข่าวและหนีออกจากที่เกิดเหตุอย่างสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีผู้ตั้งข้อสังเกตุว่า สัญญาน "ร่ม" อาจเป็นสัญลักษณ์สื่อความหมายถึงปฏิบัติการส่งกองกำลังสนับสนุนทางอากาศ ย้อนกลับไปเดือนเมษายน ค.ศ. 1961 เมื่อ ซีไอเอ ได้ส่งกำลังทหารเข้าไปยังคิวบาเพื่อเข้าต่อต้านกองทหาร ฝ่ายปฏิวัติของ ฟิเดล คาสโตร เรียกว่า ปฏิบัติการบุกอ่าวสุกร (Bay of Pigs Invasion) ซีไอเอ ได้ให้สัญญากับ กองทัพของเขาว่าจะมีการส่งกำลังสนับสนุนทางอากาศเข้าไปช่วยหลังจากที่พวกเขาถึงอ่าวสุกรแล้ว แต่เหตุการณ์ ไม่เป็นไปตามแผน เนื่องจากประธานาธิบดีเคนเนดี้ ปฏิเสธคำขอของซีไอเอ ที่จะส่งกำลังทหารเข้าไปช่วยกองทัพ ของซีไอเอราว 1,300 คน ที่ล่วงหน้าไปยังที่นั่นแล้ว ปฏิบัติการครั้งนั้นจึงล้มเหลวไม่เป็นท่า การกางร่มออกของ ชายลึกลับอาจสื่อความหมายถึง กองกำลังสนับสนุนทางอากาศที่พวก ซีไอเอ รอคอย ร่มเป็นอาวุธลับ (http://www.ratical.com/ratville/JFK/images/TUM1.gif) (http://www.ratical.com/ratville/JFK/TUM.html) โรเบิร์ท คัทเลอร์ นักวิจัยที่มีชื่อเสียงได้ตั้งข้อสังเกตุว่า "ร่ม" อาจเป็นปืนยิงลูกดอก ซึ่งทฤษฏีนี้ได้รับการยืนยันว่า มีความเป็นไปได้ เนื่องจากในปี ค.ศ. 1975 นักวิจัยทางด้านอาวุธของ ซีไอเอ ผู้หนึ่งได้ให้การต่อเจ้าหน้าที่สืบสวน สอบสวนว่าในปี ค.ศ. 1963 ซีไอเอ ได้สั่งผลิตอาวุธลับปืนยิงลูกดอกที่เป็นรูปร่มจำนวน 50 กระบอก ลูกดอกจะถูกยิงอย่างเงียบๆ ออกมาจากก้านร่มขณะที่ผู้ถือกางร่มออก (http://mcadams.posc.mu.edu/piece1.gif) โรเบิร์ท ยังได้ให้ความเห็นอีกว่า รอยบาดแผลที่คอของประธานาธิบดีเคนเนดี้ นั้นอาจเป็นบาดแผล ที่เกิดจากกระสุนลูกดอก แต่มันถูก "ตกแต่ง" เสียใหม่ระหว่างที่มีการชันสูตรศพ (http://www.jfkmurdersolved.com/images/BE3_HI.jpg) และเจ้าลูกดอกอาบยาพิษนี่เองที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านประธานาธิบดีไม่แสดงอาการตอบสนอง และนั่งเป็น "เป้านิ่ง" ขณะที่เสียงปืนดัง ข้อสังเกตุทั้งหลายที่กล่าวมานี้ยังไม่มีหลักฐานแน่นหนาพอที่จะยืนยันได้ว่าถูกต้อง ดูเหมือนทฤษฏีกางร่ม เป็นสัญญานนั้นจะฟังดูเป็นไปได้มาก แต่คำตอบที่ดีที่สุดก็คือ การนำเอาตัวชายลึกลับทั้ง 2 คน มาสอบสวนปากคำ แต่ว่าจะหาตัวพวกเขาได้ที่ไหน? ไม่มีตัวตน เป็นเรื่องเหลือเชื่อมากที่ชายทั้ง 2 คนไม่มีตัวตนอย่างเป็นทางการทั้งเอฟบีไอและคณะกรรมาธิการวอร์เรน (Warren Commission เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อสอบสวนคดีลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้) (http://en.wikipedia.org/wiki/Warren_Commission) ไม่เคยพูดถึงชายลึกลับทั้ง 2 คนในการสืบสวนสอบสวน แต่ต่อมาเมื่อได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการรัฐสภา เพื่อให้มาดูแลการสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญนี้ พวกเขาได้สั่งให้ หาตัวชายลึกลับทั้ง 2 คนมาสอบสวน อีกทั้งยังได้ติดประกาศรูปชายทั้ง 2 ให้ประชาชนช่วยชี้เบาะแสหากว่า เคยเห็นหรือรู้จักพวกเขา หลังจากที่ติดประกาศตามหาตัวได้ไม่นาน จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์จากผู้ไม่ประสงค์จะออกนามแจ้งมายัง เพนน์ โจนส์ หนึ่งในคณะกรรมาธิการรัฐสภาว่าชายลึกลับที่ถือร่มนั้นเป็นพนักงานขายประกันในดัลลัสชื่อ หลุยส์ สตีเวน วิทท์ (Louie Steven Witt) เพนน์ จึงรีบประสานงานกับแหล่งข่าวของเขาในดัลลัสทันที (http://mcadams.posc.mu.edu/umbrell1.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Louis_Steven_Witt) พยาน "เตี๊ยม" ในที่สุด เพนน์ ก็พบชายถือร่ม หลุยส์ ยอมรับว่าวันที่ประธานาธิบดีถูกลอบสังหาร เขาอยู่ในที่เกิดเหตุ เพนน์ มีความรู้สึกว่า หลุยส์ ได้รับการ "เตี๊ยม" มาเป็นอย่างดีในการให้ปากคำ อันที่จริงเขายังไม่ได้ถูกตั้งข้อหา ซึ่งเขามีสิทธิที่จะปฏิเสธการตอบคำถามแต่เขาก็ไม่ได้ทำ เขาตั้งข้อแม้แค่เพียงว่าเขาจะตอบคำถามจาก การไต่สวนของคณะกรรมาธิการรัฐสภาเท่านั้น คำถามทุกคำถามที่ เพนน์ ถาม หลุยส์ ได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว ดูลงตัวสมบูรณ์แบบไปในด้านบวก (พยานบริสุทธิ์) เขาบอกว่าที่เขากางร่มออกขณะที่รถขบวนของประธานาธิบดีเคนเนดี้ แล่นผ่านก็เพราะว่ามีคนบอกเขาว่าเคนเนดี้ จะโกรธมากถ้าเขาเห็นคนกางร่มโดยไม่มีเหตุผลต่อหน้าเขา หลุยส์ บอกแต่เพียงว่าเขาต้องการยั่วให้ท่านประธานาธิบดีโกรธเท่านั้น แต่เขาไม่ยอมบอกว่าทำไมเขาถึง ต้องทำอย่างนั้น เขายังให้การต่ออีกว่าตอนนั้นเขานั่งอยู่บนสนามหญ้าริมถนน เมื่อรถขบวนของประธานาธิบดี แล่นมาถึงเขาก็ลุกขึ้นยืนและกางร่มออก ขณะที่กางร่มนั้นเขาก็เดินมาที่ริมถนนซึ่งเป็นวินาทีเดียวกับที่เคนเนดี้ถูกยิง กรรมการสอบสวนท่านหนึ่งได้ตั้งข้อคิดว่าบิดาของประธานาธิบดีเคนเนดี้ เคยรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำอังกฤษ (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/f/fd/Joseph_Kennedy.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Joseph_P._Kennedy%2C_Sr.) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ร่มเป็นสัญลักษณ์แทนนายกรัฐมนตรีเนวิลล์ เชมเบอร์เลน (ซึ่งมีนิสัยชอบถือร่มเป็นประจำ) (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4b/Arthur-Neville-Chamberlain.jpg/200px-Arthur-Neville-Chamberlain.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Neville_Chamberlain) และนโยบายทางการเมืองของเขาที่โน้มเอียงไปทางลัทธินาซี โดยที่นโยบายของเขาได้รับการสนับสนุน โดยบิดาของเคนเนดี้ คำให้การขัดแย้ง เนื่องจาก หลุยส์ อยู่ใกล้กับท่านประธานาธิบดีมากที่สุดในขณะที่ท่านถูกลอบสังหาร ดังนั้นเขาอาจจะเห็นอะไรบางอย่าง ที่พอจะเป็นเบาะแสให้คณะกรรมาธิการรัฐสภาใช้ในการสืบสวนคดีได้ แต่คำตอบที่ได้จากเขานั้นกลับไม่เป็นอย่างที่คิด! เมื่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาถาม หลุยส์ ว่าเขาเห็นอะไรบ้างระหว่างที่เคนเนดี้ถูกยิง หลุยส์ กลับตอบว่าเขาไม่เห็นอะไรเลย เขาบอกว่าเขานั่งอยู่บนสนามหญ้าใกล้ถนน และเมื่อรถขบวนแล่นมาถึงเขาก็ลุกขึ้นยืนเพื่อกางร่มในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็เดินตรงไปที่ถนน ซึ่งเป็นวินาทีที่เขาเข้าใจว่า "คนอื่นๆ" ได้เห็นท่านประธานาธิบดีถูกยิง แต่เขามองไม่เห็นอะไรเลย เนื่องจากเจ้าสิ่งนี้(ร่ม)มันบังเขาอยู่ ช่วงวินาทีนั้นทัศนวิสัยถูกบังโดยร่มที่กำลังกางออก แต่คำให้การของ หลุยส์ ขัดแย้งกับหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายและภาพยนตร์ เนื่องภาพที่เห็นจากในนั้น "คนถือร่ม" นั้นยืนอยู่ ในขณะเดียวกันก็ชูร่มขึ้นเหนือศรีษะในท่าเตรียมพร้อม เมื่อรถของท่านประธานาธิบดีแล่นผ่านจุดที่เขายืนอยู่ เขาก็กางร่ม ออกทันที กรรมการสอบสวนหลายท่านลงความเห็นว่าคำให้การของหลุยส์เป็นเท็จและไม่เชื่อว่าเขาเป็นชายถือร่มตัวจริง (Umbrella Man) ชายลึกลับยังคงลึกลับ เมื่อคณะกรรมการสอบสวนได้ถามถึงชายอีกคนที่ยืนโบกมืออยู่ข้างๆเขา หลุยส์ ก็ตอบว่าเขาไม่รู้จักชายคนนั้น แต่เมื่อคณะกรรมการยืนยันว่ามีพยานหลายคนเห็น หลุยส์ พูดคุยกับชายคนนั้น เขาบอกว่าเขาจำได้แต่เพียงว่า มี "ไอ้มืด" (Nigro Man) คนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้กับเขาเอาแต่บ่นพึมพำว่า "พวกนั้นยิงพวกเขาแล้วเพื่อนเอ๋ย" ดูเหมือนจะไม่ได้อะไรคืบหน้าจากการสอบสวน หลุยส์ สตีเวน วิทท์ เขาอาจเป็นเพียงคนที่ถูก "เมค" ขึ้นมา เพื่อให้คณะกรรมาธิการรัฐสภา ได้ไต่สวนตามที่ปรากฏในหลักฐานภาพถ่ายเท่านั้น ส่วนชายที่ยืนโบกมือข้างๆ เขาซึ่งถูกเรียกว่า "ชายผิวคล้ำ" (Dark complected Man) ที่มีพยานบางคนระบุว่าเห็นเขาหยิบวัตถุบางอย่าง ที่มีเสาอากาศมาจ่อที่ปากหลังจากที่เคนเนดี้ถูกยิงนั้นตามตัวเขาไม่พบจนบัดนี้ ทั้งชายถือร่มและชายผิวคล้ำยังคงเป็นบุคคลลึกลับที่ชวนสงสัยว่าพวกเขาเป็นใครและทำไมพวกเขาจึงมี อากัปกิริยาแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ? ปริศนาคดีลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ชายถือร่มและชายผิวคล้ำ สรุปสำนวนสอบสวน ของเอฟบีไอ ยังมีเรื่องอื่นที่ขัดแย้งกับความจริง แม้ว่าภายหลังจะมีการจับกุม ลี ฮาร์วี ออสวอลด์ ผู้ที่ถูกระบุว่า เป็นคนลั่นกระสุนประวัติศาสตร์ แต่เขาเป็นฆาตกรตัวจริงแน่หรือ? http://www.ratical.org/ratville/JFK/GoD.html (http://www.ratical.org/ratville/JFK/GoD.html) หัวข้อ: แพะรับบาป คดีลอบสังหารเคนเนดี้ เริ่มหัวข้อโดย: narongt ที่ มกราคม 31, 2007, 08:38:38 PM http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=20449.msg548777#msg548777
แพะรับบาป คดีลอบสังหารเคนเนดี้ http://en.wikipedia.org/wiki/Kennedy_assassination_theories (http://en.wikipedia.org/wiki/Kennedy_assassination_theories) คนทั่วโลกต่างก็รู้ว่าผู้ที่เป็นมือปืนลอบสังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ นั้นก็คือ ลี ฮาร์วี ออสวอลด์ (Lee Harvey Oswald) (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/0/0c/LHO14.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Lee_Harvey_Oswald) http://www.spartacus.schoolnet.co.uk/LHO.htm (http://www.spartacus.schoolnet.co.uk/LHO.htm) ผู้มีใจฝักใฝ่ในรัสเซียและคิวบา แต่หลักฐานที่เอฟบีไอ นำมาแสดงต่อสาธารณชนนั้นดูเหมือนว่า จะมีอะไรเเคลือบแคลงแอบแฝงอยู่ เวลา 11:40 น. ของวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ และภรรยา แจคเกอร์ลีน (Jacqueline Kennedy Onassis) (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/3/39/Whitehouseportraitjackie.jpg/250px-Whitehouseportraitjackie.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Jacqueline_Kennedy_Onassis) ได้เดินทางมาถึง สนามบินเลิฟฟิลด์ (http://maps.google.com/maps?ll=32.847111,-96.851778&spn=0.03,0.045&t=k) ในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ตามกำหนดการหาเสียงเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 รถขบวนได้เคลื่อนออกจากสนามบิน เข้าสู่ตัวเมืองตาม ถนนเมน เพื่อตรงไปยังทางด่วนสเตมมอนส์ แต่เมื่อรถขบวนของท่านประธานาธิบดีแล่นมาถึงจุดตัดระหว่าง ถนนเมน กับ ถนนฮิวสตัน พวกเขาก็ต้อง เปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน เนื่องจาก ถนนเมน ในช่วงนี้ได้ปิดซ่อมแซม ดังนั้นรถขบวนจึงเลี้ยวขวาขึ้น ถนนฮิวสตัน โดยมีจุดประสงค์ที่จะไปเลี้ยวซ้ายที่แยกหน้าเพื่ออ้อมไปทางถนนเอล์ม ผ่านดีเลย์พลาซา และตรงไปยังทางที่ปลายถนนซึ่งบรรจบกับถนนเมน ซึ่งเป็นเส้นทางที่กำหนดไว้แต่แรก (http://www.jfk-assassination.de/images/route.gif) (http://www.jfk-assassination.de/media/drawings/route.php) ก็อย่างที่เล่าให้ฟังไปเมื่อตอนที่แล้วละครับว่าพอรถขบวนแล่นตัดเข้าถนนเอล์ม ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารเก็บหนังสือ โรงเรียนเท็กซัส (Texas School Book Depository Building) ไปถึงบริเวณป้ายบอกชื่อถนนทางด่วนสเตมมอนส์ เมื่อเวลา 12:30 น. เสียงปืนก็ดังขึ้น ประธานาธิบดีเคนเนดี้ถูกลอบสังหารที่บริเวณนี้ ทันทีที่เสียงปืนดังขึ้นและเห็นว่าท่านประธานาธิบดีและผู้ว่าการรัฐเท็กซัส จอห์น คอนเนลลีย์ ถูกยิง คนขับรถก็เหยียบคันเร่งเพื่อรีบนำตัวเคนเนดี้ ไปส่งยังโรงพยาบาลปาร์คแลนด์ที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที แต่เขาก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตลงเมื่อเวลา 13:00 น. ย้อนกลับไปยังที่เกิดเหตุ ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบต่างก็เข้าสอบปากคำพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุทันที เผื่อว่าจะมีใครเห็นอะไรที่พอจะเป็นเบาะแสนำไปสู่การจับกุมคนร้ายที่ลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้ได้ พยานกว่าร้อยคนถูกบันทึกปากคำและแน่นอนว่าทุกตารางนิ้วบนสองข้างทางของถนนเอล์ม ต้องถูกค้นอย่างหนัก และนั่นก็รวมถึงอาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเท็กซัส หลักฐานชิ้นแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นทั่วทั้งบริเวณทางรถไฟที่อยู่ด้านหลังของดีเลย์พลาซ่า ด้านหลังของรั้วไม้ ที่อยู่ทางตอนเหนือของถนนเอล์ม ที่ภายหลังถูกเรียกว่าเนินหญ้า (Grassy Noll) (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/7/76/Grassy_Knoll_2003.jpg/180px-Grassy_Knoll_2003.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Dealey_Plaza#The_.22grassy_knoll.22) แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไรจนกระทั่งเวลา 13:12 น. เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้นในอาคารเก็บหนังสือ โรงเรียนเท็กซัส (http://www.ratical.org/ratville/JFK/images/GoD1.gif) (http://en.wikipedia.org/wiki/Texas_School_Book_Depository) พวกเขาก็พบปลอกกระสุนปืนไรเฟิลที่ยิงแล้วจำนวน 3 ปลอกที่ชั้น 6 ของอาคารหลังนี้ (http://www.manuscriptservice.com/SN/fig26.jpg) (http://www.manuscriptservice.com/SN/carcases.htm) อีก 10 นาทีต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบปืนไรเฟิล ซุกอยู่ในซอกที่มีกล่องบังอยู่ที่บริเวณชั้น 6 ของอาคารเช่นกัน จากการตรวจลายนิ้วมือในภายหลังพบว่าลายนิ้วมือที่อยู่บนกล่องนั้นตรงกับลายนิ้วมือของ ลี ฮาร์วี ออสวอลด์ (Lee Harvey Oswald) จับตัวฆาตกร ไล่เลี่ยกันนั้นเอง เวลาประมาณ 13:15 น. จอห์นนี่ เคลวิน บรูเวอร์ (Johny Calvin Brewer) (http://www.jfkassassination.net/brewer.jpg) พนักงานขายรองเท้าร้านฮาร์ดี้ แจ้งตำรวจว่าเขาเห็นคนยิงตำรวจเสียชีวิตที่บริเวณหัวมุมถนน 10 กับแพตตัน ขณะนี้ฆาตกรได้หลบหนีเข้าไปในโรงหนังเท็กซัส (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/c/c0/TexasTheater_oswaldsSeat.jpg/220px-TexasTheater_oswaldsSeat.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Texas_Theater) เมื่อได้รับแจ้งความ ตำรวจก็รุดมายังโรงหนังเท็กซัสทันที พวกเขามาถึงเมื่อเวลาประมาณ 13:50 น. และตรงเข้าไปจับคนร้ายได้โดยละม่อม (http://www.spartacus.schoolnet.co.uk/LHO30.jpg) ฆาตกรคนนี้ทราบชื่อภายหลังว่า ลี ฮาร์วี ออสวอลด์ ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นมือสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้ที่ดีเลย์พลาซ่า จากการค้นตัวเจ้าหน้าที่ก็พบบัตรประจำตัวปลอมของ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (Selective Service System) (http://en.wikipedia.org/wiki/Selective_Service_System) ที่ใช้ชื่อว่า อเล็ก เจมส์ ไฮเดลล์ (Alek James Hidell) (http://www.answers.com/topic/lee-harvey-oswald) ตำรวจสันนิษฐานว่าออสวอลด์สังหาร พลตำรวจ เจดี ทิพพิท (J. D. Tippit) (http://www.answers.com/topic/j-d-tippit) เพราะว่าเขาคิดว่า เขาถูกพลตำรวจทิพพิท สะกดรอยตามมาหลังจากที่เขาได้สังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ หลักฐานมัดตัว จากการสอบสวนของเอฟบีไอ พบหลักฐานมัดตัว ลี ฮาร์วี ออสวอลด์ แน่นหนาชนิดดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ประวัติเขาพัวพันกับเคจีบี รัสเซีย และคิวบา วันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1963 ออสวอลด์ เคยถูกจับที่นิวออร์ลีนส์ในข้อหาทะเลาะวิวาทหลังจากมีปากมีเสียง กับชาวคิวบา 3 คนที่พยายามจะให้เขาหยุดแจกใบปลิวต่อต้านรัฐบาลสหรัฐในการแทรกแซงการเมืองคิวบา (http://www.spartacus.schoolnet.co.uk/LHO4.jpg) ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1959 ออสวอลด์ ได้เดินทางไปที่มอสโคว์ ประเทศรัสเซีย และได้อาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1960 ก็ได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองมินส์ก (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/9a/Victory-square.jpg/250px-Victory-square.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Minsk) (สมัยนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต) และที่นี่เองเขาก็มีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่เคจีบี และที่นี่ ออสวอลด์ ก็รู้จักกับหญิงสาวชาวรัสเซียที่ชื่อ มารีน่า นิโคลาเยฟนา พรูซาโคว่า (Marina Nikolaevna Prusakova) (http://www.spartacus.schoolnet.co.uk/JFKmarina2.jpg) (http://www.spartacus.schoolnet.co.uk/JFKoswaldM.htm) ทั้งคู่แต่งงานกัน เมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 1961 ออสวอลด์และภรรยาเดินทางกลับมาสหรัฐเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1962 เขาอาศัยอยู่ที่เมืองฟอร์ทเวิร์ท ในรัฐเท็กซัส จากนั้นเขาก็เริ่มหางานทำ เขาย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ และเปลี่ยนงานบ่อย จนครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1963 เขาก็ได้งานที่อาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเท็กซัส ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ถูกระบุว่าเขาใช้เป็นที่ซุ่มยิง (Snipers Nest) ประธานาธิบดีเคนเนดี้ (http://www.jfklancer.com/photos/WindowViews/ce1312.jpg) (http://www.jfklancer.com/WindowView.html) ปิดปากฆาตกร วันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 สองวันหลังจากที่ออสวอลด์ ถูกตำรวจจับตัวได้เขาก็ถูกกำลังตำรวจ หลายสิบนายคุ้มกันอย่างแน่นหนาเพื่อส่งตัวจากสถานที่คุมขังในสถานีตำรวจดัลลัสเพื่อส่งต่อไปยัง เรือนจำของรัฐเท็กซัส ตามกำหนดแล้วออสวอลด์ จะต้องออกเดินทางตั้งแต่เวลา 10:00 น. ของวันที่ 24 พฤศจิกายน แต่มีอะไรบางอย่างที่ทำให้กำหนดการต้องเลื่อนออกไปชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้การ ในภายหลังว่า สาเหตุที่ต้องเลื่อนก็เพราะตัวออสวอลด์เองต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้า เหมือนเป็นสูตรสำเร็จเลยครับว่า ทุกครั้งที่มีเรื่องราวที่เป็นปริศนาต้องมีเหตุบังเอิญเข้ามาเกี่ยวข้อง และครั้งนี้ก็เช่นกันด้วยเหตุบังเอิญที่ต้องเลื่อนการส่งตัวผู้ต้องหาออกไปจึงทำให้ แจค รูบี้ (Jack Ruby) (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/b/b6/Jack_Ruby_mugshot.jpg/250px-Jack_Ruby_mugshot.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Jack_Ruby) เดินทางมาถึงสถานีตำรวจดัลลัสได้ทันเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพาตัวออสวอลด์ มาขึ้นรถพอดี ท่ามกลางการคุ้มกันของตำรวจหลายสิบนาย ต่อหน้าประชาชนที่ชมการถ่ายทอดสดหลายล้านคน แจค รูบี้ เดินตรงไปยังออสวอลด์ ลั่นกระสุนสังหารออสวอลด์ เสียชีวิตบนทางเดินไปยังที่จอดรถ ใต้ถุนตึกที่ทำการสถานีตำรวจดัลลัสนั่นเอง (http://www.spartacus.schoolnet.co.uk/LHO9.jpg) แจค รูบี้ เจ้าของคลับระบำโป๊เล็กๆ ในเท็กซัส แต่มีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับองค์การมาเฟียใหญ่ ในรัฐชิคาโก อัล คาโปน (Al Capone) (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/a2/CaponeMugShot.jpg/180px-CaponeMugShot.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Al_Capone) ให้การว่าเขาเจ็บแค้นออสวอลด์ เป็นอย่างมากที่บังอาจมาสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้ อันเป็นที่รักของเขา ทำให้เขายับยั้งอารมณ์ไม่อยู่ต้องฆ่าเสียให้ตาย ปิดแฟ้มคดีลอบสังหาร ทั้งเอฟบีไอและคณะกรรมาธิการวอร์เร็น (Warren Commission) ต่างก็สรุปคดีนี้ตรงกันว่า ลี ฮาร์วี่ ออสวอลด์ เป็นผู้สังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ แต่เพียงผู้เดียว โดยเขาใช้ปืนไรเฟิลที่ทำในอิตาลี แบบแมนนิเชอร์ คาร์ซาโน (Mannlicher-Carcano) (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/6/6e/Oswaldrifle.jpg) (http://en.wikipedia.org/wiki/Mannlicher-Carcano) ลอบยิงทั้งหมด 3 นัดจากชั้น 6 ของอาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเท็กซัส แอฟบีไอได้นำหลักฐานภาพถ่าย แฟ้มประวัติของออสวอลด์ และปืนพร้อมปลอกกระสุน 3 ปลอก ที่พบบนชั้น 6 ของอาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเท็กซัส มาแสดงเพื่อยืนยันว่าเขาเป็นมือสังหาร แต่จากการสืบสวนของ คณะกรรมาธิการรัฐสภา (United States House Select Committee on Assassinations) (http://en.wikipedia.org/wiki/House_Select_Committee_on_Assassinations) และนักวิเคราะห์บางคนพบสิ่งผิดปรกติมากมายในสำนวนและหลักฐานที่เอฟบีไอ และคณะกรรมาธิการวอร์เร็นทำสรุป หลักฐานขัดแย้ง เริ่มแรกเรามาดูกันที่ลายนิ้วมือของออสวอลด์ ที่พบบนกล่องในอาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเท็กซัสแล้วถูกโยงไปว่า เขาเป็นเจ้าของปืนไรเฟิลที่พบในที่เกิดเหตุนั้นดูจะทะแม่งๆ ด่วนสรุป เพราะออสวอลด์ ทำงานอยู่ที่นั่น การที่มีลายนิ้วมือของเขาจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร มีลายนิ้วมือของคนอื่นอีกมากมายที่บริเวณนั้น แต่ทำไมจึงไม่มีการสืบหาตัว? การที่ออสวอลด์ เคยอาศัยอยู่ในรัสเซียและแต่งงานกับสาวชาวรัสเซียก็ไม่ได้หมายความว่า เขาต้องการเป็นสายลับเคจีบี และการที่เขามีความคิดทางการเมืองไม่เห็นด้วยกับการรุกรานคิวบาก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะต้องทำการรุนแรง ถึงขั้นลอบสังหารประธานาธิบดี ถึงแม้ว่ามันจะใช้นำมาผูกเรื่องราวได้เป็นอย่างดีก็ตาม ภาพถ่ายของออสวอลด์ที่อ้างว่าถูกพบในบ้านออสวอลด์ ที่เอฟบีไอบอกว่าถ่ายโดยภรรยาของเขาเอง เป็นภาพออสวอลด์ ยืนอยู่หลังบ้านของเขาเอง มือข้างหนึ่งถือปืนไรเฟิลกระบอกที่ใช้สังหารเคนเนดี้ ในขณะที่อีกมือหนึ่งนั้นถือใบปลิวต่อต้านการรุกรานคิวบานั้น ออสวอลด์ได้ปฏิเสธว่าเขาไม่เคยถ่ายภาพนี้ ใบหน้าของบุคคลในภาพนั้นเป็นเขาแต่ร่างน่ะไม่ใช่อย่างแน่นอน (http://www.spartacus.schoolnet.co.uk/LHO1.jpg) (ความเห็นส่วนตัวว่า จากภาพที่เห็นจะเหมือนกับสมัยนี้ที่ใช้โปรแกรมตกแต่งภาพตัดรูปหน้าเข้าไปแปะ บนภาพถ่ายของคนอื่น แต่ในสมัยก่อนอาจจะไม่สะดวกเท่าสมัยนี้และไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่! และวิธีสร้างหลักฐานเท็จแบบนี้ทำให้นึกถึงหน่วยงานรัฐของไทยหน่วยงานหนึ่ง (ขอเหน็บหน่อยอย่าโกรธนะ คุณ...ทั้งหลาย)) ออสวอลด์ ยังให้ความเห็นอีกด้วยว่า เมื่อเขาถูกตำรวจจับที่โรงหนังเท็กซัส ก็มีนักข่าวจำนวนมาก ได้ถ่ายภาพของเขา ทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถมีภาพถ่ายใบหน้าของเขาและนำไปตัดต่อได้ และถ้าหากมองดูภาพถ่ายนี้ให้ดี เราก็จะพบสิ่งปรกติที่เงาบนใบหน้าซึ่งมีลักษณะเงาเป็นรูปสามเหลี่ยม เหนือริมฝีปากของเขา ซึ่งเกิดจากการที่แสงส่องมาเหนือศรีษะเยื้องมาตรงหน้า ซึ่งขัดกับเงาที่ตัวของเขา พาดลงบนพื้นเยื้องไปทางด้านขวาของร่างกาย เอฟบีไอ ก็รีบออกมาแก้เกี้ยวโดยการทำการถ่ายภาพเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของเขาที่จุดเดียวกันกับในภาพถ่าย ของออสวอลด์ พร้อมกับบอกนักวิเคราะห์ทั้งหลายว่าเห็นไหมล่ะ เงานั้นตกเยื้องไปทางขวาเหมือนในรูปเป๊ะเลย แต่ใบหน้าของเจ้าหน้าที่นายนั้นกลับไปถูกป้ายด้วยหมึกดำ ทำให้มองไม่เห็นว่าเงาบนใบหน้านั้นเป็นรูปสามเหลี่ยม เหนือริมฝีปากบนหรือไม่ (ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นอยู่แล้ว) เอฟบีไออ้างว่า ที่ต้องทำเช่นนั้นก็เพราะเจ้าหน้าที่ ที่เป็นแบบให้นั้น เป็นสายลับของเอฟบีไอจึงต้องปิดบังโฉมหน้าไว้ (แล้วทำไมดันทะลึ่งเอาคนที่เปิดเผยตัวไม่ได้มาเป็นแบบล่ะ!) แค่เรื่องเงาในภาพ เอฟบีไอก็หน้าแตกแหลกยับเยินแล้วล่ะครับ นี่ยังไม่ได้พูดถึงความไม่สมดุลของขนาดศรีษะ และร่างกายของคนในภาพ และความไม่สมดุลของความยาวของปืนกับส่วนสูงของร่างกายของบุคคลในภาพ ที่ถูกอ้างว่าเป็นออสวอลด์นะครับ เรื่องจุดที่เอฟบีไอ บอกว่าเป็นที่ซุ่มยิงก็เช่นกันพอนักวิเคราะห์ขึ้นไปลองเอาปืนไรเฟิลส่องกล้องดูก็พบว่า ที่จุดนี้เมื่อส่องไปยังจุดที่เคนเนดี้ถูกยิงนั้น เขามองไม่เห็นอะไรเลยเพราะ มันถูกต้นไม้บังพอดี (http://www.ratical.org/ratville/JFK/images/GoD9.gif) (http://www.ratical.org/ratville/JFK/GoD.html) และจากการวิเคราะห์ฟิล์มภาพยนตร์ที่จับภาพตอนที่เคนเนดี้ถูกยิงนั้น กระสุน 3 นัดได้เจาะร่างเขา ในเวลาน้อยกว่า 6 วินาที แต่จากการยิงปืนไรเฟิลและขึ้นลำใหม่เพื่อยิงครั้งต่อไปนั้น ต้องใช้เวลาราว 2.3 วินาทีต่อครั้ง จึงเป็นไปไม่ได้ที่ ลี ฮาร์วี ออสวอลด์ จะยิงกระสุนทั้ง 3 นัด เมื่อวิเคราะห์ภาพถ่ายของนักข่าวที่ตามตำรวจขึ้นไปบนชั้น 6 อาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเท็กซัส ตอนที่พวกเขาพบปืนไรเฟิลนั้น ก็ปรากฏว่าในภาพนั้นไม่ใช่ปืนไรเฟิลชนิด แมนนิเชอร์ คาร์ซาโน แต่เป็นชนิดเมาเซอร์ (Mauser) (http://personal.stevens.edu/~gliberat/carcano/images/rifle1.jpg) แต่ออสวอลด์ ไม่มีโอกาสที่จะได้เปิดเผยความจริง ดังนั้นความลับในคดีลอบสังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ จึงยังคงเป็นหนึ่งในคดีปริศนาที่ลึกลับที่สุดของสหรัฐ 3 ปีหลังจากเกิดเรื่อง พยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุหลายสิบคนต้องเสียชีวิตลงอย่างผิดธรรมชาติ เช่น ถูกสังหารระหว่างโดนปล้น จมน้ำ เกิดอุบัติเหตุ หัวใจวาย ฯลฯ คดีนี้ยังมีปริศนาชวนให้ขบคิดอีกมากมาย หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK) เริ่มหัวข้อโดย: กะเเด่ว ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2007, 11:05:48 AM ขอบคุณครับที่มาช่วยกันสานต่อ ;D
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK) เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2007, 11:14:33 AM รู้อย่างเดียวทีมสังหาร วางแผนมาสำเร็จสุดยอดมาก จะลอบยิงขนาดนี้สุดยอด
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK) เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2007, 02:18:43 PM ;) เยี่ยมจริงๆ ขอบคุณ คุณ.narongt
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK) เริ่มหัวข้อโดย: ing เด็ก ส.จ. ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2007, 01:12:56 PM เยี่ยมครับ คุณ narongt ;)
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK) เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2007, 03:05:52 PM หลักฐานใหม่ มีคนค้นพบ เอกสาร ผลการฝึกซุ่มยิง ของ ออส วอล สมัยฝึกที่โรงเรียนทหาร ผลการฝึกทำแต้มได้ดีมาก และ ปืนขนาด 6.5 มม. มีแรงรีคอลย์น้อยกว่า .308 ทำให้สามารถยิงซ้ำได้ง่ายกว่า ระบบการทำงานของปืน เป็นแบบลูกเลื่อนตรง ทำให้บริหารกลไก ได้เร็วกว่า
ก็เลยมีคนคิดกันว่า ฝีมือการยิง อาจจะเป็นผลงานของ ออส วอล ล้วนๆ หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK) เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2007, 03:07:40 AM ...คนพวกนี้ไม่ได้เก่งกล้าสามารถอะไรเลย แค่ยิงคนทีเผลอ คนไม่มีทางสู้ พวกนี้ไม่ใช่คนใจถึง ไม่มีอะไรดีเด่นเลย แท้จริงแล้ว มีความเอี้ยอย่างเดียวครับ (หมาลอบกัดยังมีความภูมิใจกว่าพวกเหล่านี้ เพราะกัดแล้วอีกฝ่ายยังพอมีโอกาสสู้) ;) ;) ;) ;) ;) ;D...ขอตั้งข้อสังเกตุว่า บทความแบบนี้จะว่าไปแล้ว เหมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งอ่านกันสนุกๆ พอได้ความรู้นิดหน่อย ผิดบ้างถูกบ้างก็ว่ากันไป แต่อีกด้านหนึ่ง อาจมีผลร้ายเพราะกระตุ้นเด็กและเยาวชนบางคนไปในทางที่ไม่ดี ...นี่ยังไม่รวมการใช้ภาษาไทยที่ผิดมากมายจนขี้เกียจแก้ครับ :) หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK) เริ่มหัวข้อโดย: SARTSUK ที่ พฤษภาคม 06, 2010, 02:52:05 PM สนุกดีคับ.......
หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK) เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤษภาคม 06, 2010, 07:10:51 PM เรื่องมือปืนอ่านเอาสนุกพอได้ครับ
แต่นิยายกับเรื่องจริงคนละเรื่องนะผมว่า ;D ;D หัวข้อ: Re: เปิดใจมือปืน เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK) เริ่มหัวข้อโดย: your-ประชาธิปไตย ที่ พฤษภาคม 06, 2010, 09:22:17 PM เรื่องมือปืนอ่านเอาเพลิน แต่เคเนดี้นี่ข้อมูลเยอะดี มีรูปอ้างอิงด้วย แถมคลิป/รูปแบบนี้ยังหายากอีกต่างหาก ขออนุญาตเซฟนะครับ
|