เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ข้อมูลจากเว็บ นสพ. คมชัดลึก วันที่ ๒๖/๑/๕๐


ผมเป็นหนี้บัตรเครดิตของธนาคารแห่งหนึ่ง ถูกสำนักงานกฎหมายซึ่งอ้างว่า ได้รับมอบอำนาจจากธนาคารแห่งนั้นให้มาทวงหนี้ ซึ่งผมเคยขอดูใบมอบอำนาจ แต่เขาก็ไม่มีให้ดู ที่ผมยังไม่จ่ายเพราะตอนนี้รายได้ไม่พอรายจ่าย จึงบอกให้เขาไปฟ้องต่อศาล แต่เขาก็ยังโทรมาอีก

สำนักงานกฎหมายที่ว่านี้ ทวงหนี้ด้วยวิธีการด่าว่าอย่างรุนแรง และเมื่อโทรมาไม่พบผม ก็จะพูดจาข่มขู่คนที่รับสายแทน แม้ว่าคนที่รับสายจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ล่าสุดผมรับโทรศัพท์เอง ถูกขู่ว่า ถ้าไม่จ่ายภายในสิ้นเดือนนี้เตรียมตัวตายได้

อยากเรียนถามผู้รู้ว่า กรณีเช่นนี้สามารถแจ้งความเอาผิดในข้อใดได้บ้าง

ปรีชา

ตอบ

ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน โดยอาจารย์จันทร์ดี วงศ์สวัส คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต บอกว่า การทวงหนี้ด้วยการพูดจาข่มขู่ เข้าข่ายกระทำความผิดอาญา เพราะเป็นการข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่า จะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่ แม้การทวงถามให้ชำระหนี้จะเป็นสิทธิอันชอบธรรม แต่ต้องอยู่ภายในหลักของความสุจริตและพอเหมาะกับเหตุด้วย

ถ้าจำชื่อสำนักงานกฎหมายที่โทรมา (ข่มขู่) ทวงหนี้ได้ ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจได้เลย แบบนี้เขาไม่เรียกว่า ทวงหนี้ แต่เขาเรียกว่า ข่มขู่

ลุงแจ่ม

แจ้งความ และแจ้งเรื่องให้ธนาคารรู้ด้วยครับ

พวกนี้ต้องเอาให้หนัก เห็นแก่ได้อย่างเดียว >:(

    อิอิอิ ผมเจอบ่อยเพราะเป็นคนมีเครดิตมาก (หลายใบ )..... แต่ส่งไม่ค่อยทัน ...... อิอิอิ

เห็นด้วยครับ

ผมไม่สนใจและไม่กลัวพวกนี้ครับ เพราะไม่เคยค้างส่ง    แต่คนรอบข้างเคยโดน และผมก็เคยรับสายพวกนี้ 

เกลียดพวกนี้มากๆ    มันไม่เคยมีความเห็นใจคนอื่นเลย >:(

ชีวิตคนพวกนี้มันจะไม่มีความสุขหรอกครับ วันเอาแต่ขู่คนอื่น วันๆเอาแต่ด่าคนอื่น   จะมีความสุขได้ไง
 
ขอให้เวรกรรมส่งผลให้พวกนี้ไวๆ   >:(

ไม่สงสัยเรื่องข้อมูล...

แต่สงสัยเรื่องพ่อใหญ่...

คุณต้อมหมายถึงใครหรือคับ...???

แจ้งความ  มีโทรศัพท์แบบอัดเสียงได้คงดีครับ

 :o :o :oอืม..........ไม่น่าเลย :o :o :o

น่าจะรู้ว่า มีอำนาจ หน้าที่ แค่ไหน....

...ว๊า...เล่นขู่กันเยี่ยงนี้....แย่จังเลย...ขอรับท่าน....

ที่นี่ผมก็ไม่รู้ครับ แต่ตามสื่อเห็นเขาเรียกกันอยู่คนเดียวครับคุณหมอ ไม่รู้ถามเรื่องนี้ได้หรือเปล่า? อิ อิ

 >:( อย่าไปกลัวมันครับ นึกว่าหมามันเห่าก็แล้วกัน  ;D แต่.....มีหนี้ก็ต้องชำระหนี้นะครับ  :-[

    รบกวน ท่านสมาชิกท่านใดก็ได้    ให้ผมยืมเงิน ซัก 1,000บาท  ซิครับ  ผมสัญญาว่า
  จะคืน ภายใน 3 วันนี้   
 
                   ผมมีแผนดังนี้
 
      พอ ครบกำหนด 3 วัน   ผมจะขอผลัดอีกเป็น เดือนหน้า     พอครบเดือนหน้า ที่นี้ผมขอผลัดเป็น  อาทิตย์หน้า ทีนี้ผม รับรองอย่างหนักแน่นว่า อาทิตย์หน้าผมจะชำระจริงๆ     เอาหัวแม่ยายเป็นประกันเลย            ทีนี้ คุณก็จะใจจดใจจ่อนับวันรอตั้งตารอให้ถึงอาทิตย์หน้า     พอถึงวันนัดปุ๊บ     ทีนี้ผมก็จะขอผลัดเป็น     พรุ่งนี้    แน่นอนครับ พรุ่งนี้   แน่นอนที่สุด ไม่มีอะไรจะมาแน่นอนกว่านี้อีกแล้ว         แหม ขอผลัดแค่พรุ่งนี้    24 ชั่วโมงเอง    ถ้าไม่ให้ผลัดก็ใจดำแล้ว
      ตกลงว่าคุณยอมให้ผลัด         พอถึงพรุ่งนี้   ผมบอก จ่ายแน่ครับ  วันนี้แหละ  แต่ขอเป็น ช่วงบ่ายๆ แล้วกัน   กำลังจะได้เบิกค่าแรงจากเจ้านายพอดี  ขอเป็นตอนบ่ายนะครับ     เอ้า บ่ายก็บ่าย
    พอบ่าย     คุณจะมารับเงิน ที่ตกลงนัดกันไว้   ผมบอก   โธ่พี่     บ่ายน่ะ    ขอบ่ายแก่ ๆกว่านี้หน่อยล่ะกัน
           เอางี้เพื่อไม่ให้พี่ต้องรอนาน             พรุ่งนี้เช้าไปเลยดีกว่า แน่นอน  ดี   รับรอง   พรุ่งนี้
   9  โมงเช้า พี่เข้ามารับเงินได้เลย           
            พอพรุ่งนี้9 โมงเช้า    คุณมารับเงิน ผมก็บอก   โธ่พี่ บังเอิญจริงๆ เมื่อคืน   ลูกชายคนเล็ก  โดนหมาบ้ากัด     เงิน หนึ่งพันบาทที่ผมเตรียมไว้ให้พี่       เอาไปเป็นค่าหมอฉีดยาให้ลูกแล้ว ขอเป็นอีก   3 วัน นะ    หรือถ้าพี่รอไม่ไหว หรือไม่เชื่อใฝจผม พี่ก็ไปฟ้องศาลเอาล่ะกัน
 
                         
                  ปล.   เวลาพี่มาทวงผมพี่ต้องพูดสุภาพๆ หน่อยนะครับ     ไม่งั้นผมจะแจ้งข้อหาข่มขู่นะครับ      และเวลาทวงพี่ต้องเดินทางมาทวงด้วยตนเองนะครับ    ห้ามโทรไปทวงที่ทำงาน เดี่ยว เพื่อนที่ทำงานรู้    ผมอาย ผมเสียหาย ผมฟ้องหมิ่นประมาทนะ        แล้วห้ามโทรมาทวงที่บ้านด้วย     เดี๋ยว แม่ผมที่แก่มากแล้วรับสาย    แล้วไม่สบายใจ     ผมฟ้องพี่จริงๆด้วย
               
                  ความคิดเปลี่ยนไปบ้างไม๊ครับ

ถามพ่อใหญ่  ;D ;D ;D มีอะไรพ่อใหญ่นะหนีก่อน  ;D ;D ;D

อย่าไปกลัวครับมาขู่เอาชีวิตด้วยแบบนี้    แจ้งความไปเลยครับ  พวกนี้มันไม่ยอมสู้กันในศาล เพราะศาลจะเข้าข้างลูกหนี้และให้ประนอมหนี้ครับ   มันเลยไม่อยากเล่นกันในศาล    พวกนี้มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ต้องโดนบ้างครับถึงจะสาสม มาทำแบบนี้

........ ;D ;D ;D ;D....ถ้าพวกพี่ๆเป็นเจ้านี้...แล้วเจอลูกนี้จบเนติบัณฑิตมา...อย่างงี้จะทำยังไงครับ.......... ;D

 และด้วยประสพการณ์ ชีวิตอันยาวนาน ทำให้ผมทราบว่า
 
     80% ของลูกหนี้    ถ้าจะชำระหนี้จริง ๆ ก็ทำได้   แต่ยังไม่อยาก ชำระ ด้วยสาเหตุ ต่างๆ
 
   ขอยกตัวอย่าง    คนใกล้ตัว  คือ ลูกจ้างผมเอง     เค้าเป็นหนี้
 คือ ยืมเงินเถ้าแก่คนเก่า เค้า สองหมื่นบาท     พอมีหนี้ ต้องถูกหัก เงินจากค่าแรง   เดือนละ  1000 บาท  20เดือน    (เงินเดือน6000บาท)        แกก็ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วซิครับ    เพราะต้องถูกหักเงินเดือนมาชำระหนี้        แกจึงย้ายข้ามจังหวัด   ข้ามภาคเลย  แล้วกันมาอยู่กับผม       เถ้าแก่คนเก่า ก็ตามมาที่บ้านเค้า แล้ว รู้ว่า มาอยู่กับผม ก็พยายาม โทรมาที่บ้านผม ขอสาย    ลูกน้องเก่าเพื่อทวงหนี้       โทรมา ประจำ   2 -3 ปีแล้ว ขยันโทรมาทวงจริงๆ    ผมก็รำคาญต้องคอยวิ่งตามให้  ลูกน้องผมก็บอกยังไม่มี ยังไม่มี     ยังไม่มี    ดูเค้าก็กลุ้มเหมือนกัน  แต่ก็ไม่ยอมจ่าย บอกว่ายังไม่มี  ซึ่งผมก็คิดว่าจริง ลูกน้องผม ได้ค่าแรงเดือนละ 7000กว่าบาท ใช้เดือนชนเดือน  ไม่มีเงินเหลือเก็บ     แต่เท่าที่ทราบ    นายคนนี้ มีที่นา   40 กว่าไร่       
       ลองคิดดู ถ้าคนเรามันคิดจะใช้หนี้       ก็แค่แบ่งขายที่นา ซัก  ไร่ 2 ไร่   ก็ได้เงินเป็นแสน แล้ว      แต่นี่ มันไม่ยอมขาย มันบอก เป็นที่มรดก  ยังไงก็ไม่ขาย
       ยังมีกรณี คล้ายๆแบบนี้อีก หลายสิบกรณี ผมจึงบอกว่า
   80% ของลูกหนี้   ถ้าคิดจะใช้หนี้จริงๆ น่ะ   มีปัญญษใช้ทั้งนั้น        ไอ้ที่ถูกฟ้องล้มละลายน่ะ      มันยอมล้ม   เพราะล้มแล้ว ไม่ต้องใช้หนี้ แค่ โอนทรัพย์สิน ให้ลูก ที่บรรลุนิติภาวะ  หรือ โอนให้เมีย แล้ว เซ้นต์ หย่า ซะ    ล้มละลาย ก็ล้มไป ยังกินหูฉลามได้ ยังนั่งรถเบนซ์( ชื่อเมีย )   ได้    ยังอยู่คฤหาสน์ ( ชื่อลูก)   ได้    พอครบ3 ปี ก็พ้น จากล้มละลายแล้ว   นี่ก.ม. มันเป็นอย่างนี้ 

  หรือ อย่าง  เรื่องที่เจ้าของกระทู้เล่ามา    ว่าเป็นหนี้บัตรเครดิต
  สมมุติว่า เป็นหนี้   สามหมื่น      แต่ ตัวลูกหนี้มีรถยนต์คันนึง
  ใช้ขี่ไปทำงาน   ถ้าขาย ก็จะได้ ซัก  แสนห้า 
   ถ้าตัดใจยอมขายรถไปแสนห้า    ชำระหนี้ไป สามหมื่น  ก็ยังเหลือเงิน แสนสอง     แต่ ผมว่า เค้าไม่ยอมขายรถแน่ๆ เพราะ กลัวว่าถ้าขายรถแล้ว จะไม่มีรถขี่ไปทำงาน    ต้องนั่งรถเมล์แทน
          นี่แหละครับ เหตุผลของลูกหนี้ ประมาณนี้แหละ   ถ้าจะจ่ายจริง ๆ ก็จ่ายได้ แต่ ยังไม่ต้องการจ่าย       เชื่อผมเถอะ 

 เรียน ถามท่านผู้รู้กฎหมาย   
 
     เท่าที่ผมทราบ   การยืม ของ เช่น ยืมรถ  ยืมโทรศัพท์   ยืมจักรยาน    ยืม ทอง  ถ้ายืมแล้ว ไม่คืน  ถือเป็นคดี อาญา ข้อหาฉ้อโกง    เจ้าทุกข์ไปแจ้งความ   ตำรวจจะมาเชิญไปโรงพักเลย
  แต่ถ้า ยืม "เงิน" แล้วไม่คืน   กฎหมาย ไม่ถือว่า โกง    แนวคิดของกฎหมาย คือ คิดว่า เค้า "ไม่มี"       ไม่ได้แปลว่าโกงถ้าอยากได้เงินคืน ต้องไปฟ้องศาลเอาเอง
 
     งั้นผมจึงขอยกเหตุการณ์   การยืม เงิน 1000 บาท   ดังที่ผมตั้งในกระทู้นี้   ที่เพื่อนสมาชิกได้อ่านไปแล้ว   แต่ขอเพิ่มเติมว่า
    พอเจ้าหนี้มาทวง หนักๆเข้า ผมเลย  รำคาญ     ควักแบ็งค์พัน   ปึกใหญ่  ห้าแสนกว่าบาท ในกระเป๋าออกมาโชว์
   แล้วบอกว่า    "  เงินน่ะมี กะอีแค่ พันเดียว ทวงอยู่ได้    นี่ ห้าแสน    แต่ยังไม่มีอารมณ์จ่าย      กะว่า  ต้นปีหน้า ถึงมีอารมณ์)
 
          ถ้าเป็นดังนี้    กฎหมาย จะถือว่า เจตนาฉ้อโกงมั๊ยครับ
 
   
     ตอบให้เลยก็ได้ครับว่า     การยืมเงินแล้วไม่จ่าย    ยังไงๆ 
   กฎหมายก็ไม่ถือว่า โกงครับ        ทั้งๆที่  ถามวิญญูชน คนมีสติ   100 ทั้ง100 คน   บอก  แบบนี้ มันโกง นี่หว่า
 
   
       ลองกลับไปดูการ" ยืม"   อย่างอื่นบ้าง   เช่น นาย ก. ยืม สร้อยทอง นาย ข.  ไปใส่  แล้วเกิด ทำหาย   จริงๆ   พอนาย ก. ทวง ถาม นาย ข. ไม่มีให้         อย่างนี้ ตำรวจจับ เข้าห้องขัง ข้อหา ฉ้อโกง   เลยครับ

 ;D  นัดมาให้พบตัว.......ทุบด้วยค้อนป๊อกครับ


       ล้อเล่นเด้อ    อย่าทุบด้วยค้อนป๊อกนะ   มันไม่เจ็บหรอก

 :)..  มีสำนักงานกฎหมาย ที่ไม่ได้จัดตั้งโดยผู้มีวิชาชีพเป็นทนายความ จัดตั้งขึ้นเพื่อทวงหนี้
       อาจมีความรู้ทางกฎหมาย เพราะเรียน หรือจบกฎหมาย..
       แต่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นทนายความ.

       การเป็นหนี้ เมื่อผิดนัดไม่ชำระหนี้.. การทวงถามเพื่อให้ชำระหนี้ นั้น
       เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องคดีเพื่อขออำนาจศาล บังคับให้ชำระหนี้.
       เป็นกระบวนการตามวิธีที่ชอบทางกฎหมาย..

       การทวงถาม โดยใช้วิธีการข่มขู่ จะโดยรายละเอียดปรากฎเป็นหนังสือ
       หรือเป็นคำพูด.. ไม่ใช่วิธีการของทนายความ. แต่ถ้าทนายความผู้ใด กระทำเช่นนั้น
       จะผิด มรรยาททนายความ.. นำพฤติการณ์ เช่นนี้
       ร้องสภาทนายความ เพื่อให้พิจารณาลงโทษ ได้ครับ

       ถ้าพบการกระทำเช่นนี้ อย่ากังวลมากนักครับ
       ถ้าไม่สามารถจะชำระหนี้ได้ .. อยากจะฟ้องก็ให้ฟ้องไป.
       ยอมให้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ในศาล..
       การเจราจาจะ สุภาพ.. ยุติธรรม .. ครับ   :)
       

บอกตรงๆว่าโอเคยยืนอยู่ทั้ง 2 ด้านค่ะ เข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย ขออ่านอย่างเดียวเพื่อประดับความรู้ดีกว่าค่ะ :D

แม่ยายเคยสอนผมว่า อย่าให้ใครยืมเงิน เพราะ

1.คนให้ยืมคือเราจะเป็นทุกข์เพราะกลัวว่าจะไม่ได้คืน

2.คนยืมเวลามายืมเงินเรา ตอนแรกก็เห็นเราเป็นที่พึ่งพา

แต่พอเราให้ยืมแล้ว ถึงเวลาคืนเขาไม่มีก็จะทุกข์ และถ้าไปทวงบ่อยๆ

เราก็จะกลายเป็นศัตรู 

แต่ก็มีทางออก ;)

ตัวอย่าง

ถ้าเพื่อนหรือใครมายืมเงิน ถ้าเราพอมีเขามายืมเรา 5,000 บาท

ให้คิดเสียว่าช่วยเขาไปสัก500-1,000 โดยที่เราไม่เดือดร้อน(คือเสียดาย)

และก็บอกไปว่าเราช่วยละกันไม่ต้องคืน ถ้าเรามีมากกว่านี้เราก็ยินดีจะช่วย

เราก็จะไม่เสียเพื่อนและไม่เป็นทุกข์ 

ส่วนถ้าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเช่นป่วย เข้าโรงพยาบาล ถ้าเราช่วยได้อย่าช้าจะใจดำ  ;D

**หนี้แค่1,000 ก็เป็นทุกข์ ถ้าไม่ได้คืน

ให้เขาไปแล้วเราไม่เป็นทุกข์  เขาก็ไม่ทุกข์


แต่ตอนนี้พี่ๆใครพอจะมีให้ผมยืมสัก60,000 ไหมครับยังขาดเงินไปรับน้องเอม60 อยู่ครับ(^^อันนี้ขำๆครับ)

ด้วยความเคารพครับ

        จะยกตัวอย่างอีกก็ได้ เพื่อยืนยันคำกล่าวของผมที่ว่า    "80% ของลูกหนี้ ถ้าจะชำระจริงๆ  ก็ชำระได้ แต่ ยัง ไม่ยอมชำระ"
 
        ดูคดีที่ธนาคาร ฟ้อง บังคับจำนอง  ซีครับ        ทำไม ลูกหนี้ ไม่ยอม จ่ายเองดีๆ โดย ขาย  ทรัพย์นั้น    ได้เงินมาเท่าไหร่  ก็  จ่ายหนี้ไป   ก็ยังพอมีเหลือ       แต่ที่เห็นต้องให้ธนาคารฟ้อง   สู้กัน3 ศาล    จนสุดท้าย ท้ายสุด   ศาลก็สั่งให้ บังคับขายทรัพย์นั้นทอดตลาด   เพื่อจ่ายให้เจ้าหนี้     ขายได้เท่าไหร่ ถ้ามีเหลือ ก็เอาคืนไป    ( ส่วนใหญ่ เหลือทั้งนั้นแหละ   เพราะถ้าคุณจะกู้ล้านนึง   คุณต้องมีหลักทรัพย์ไปวาง  สามล้าน)
   
 
               คือที่ไม่อยากจ่ายเพราะ "เสียดาย" ครับ     เสียดาย สมบัติ    เสียดาย ทรัพย์ของตัวเอง     ไม่อยากขาย        "เสียดาย"    ของๆตัวเอง    แต่เงินที่กู้ ของคนอื่นมา แล้ว ตัวเอง จับจ่ายใช้สอยไปหมดแล้วนั้น ไม่ค่อยได้นึกถึงกัน  ว่าเจ้าของเงินก็อยากได้ของของเขาคืน       
         และพวกที่แนะนำ ให้ว่า เจ้าหนี้ อยากได้คืน ให้ฟ้องร้องเอา        เอางี้ครับ
   ผมขอแนะนำ ให้    ใครก็ได้ ยืมเงินเพื่อน   หรือ คนรู้จัก    สัก 1,000 บาท
    แล้วพอเค้าทวงถาม    ก็บอกไปว่า อยากได้คืนให้ไปฟ้องเอา     
   
      รับรอง  ครับ เชื่อผมเถิด 100 ทั้ง100   ไม่มีใครฟ้องหรอกครับ    ใครจะไปอยากขึ้นโรงขึ้นศาล เพื่อเงิน พันเดียว   
 
         แหม    เสียดาย เน๋อะ ว่า ถ้าไม่จ่ายหนี้ค่าอาหารเป็นคดีอาญา ไม่งั้น  ถ้าผมไปกิน อาหารที่ร้าน แล้วพอเค้ามาเช็คบิล สมมุตว่า  150บาท   ผมจะบอกว่า  ตอนนี้ไม่มี    ถ้าอยากให้จ่าย ให้ไปฟ้องเอา          ทีนี้แหละ เราจะได้ยินคำว่า    " พ่อค้าร้านอาหารหน้าเลือด"
 

เวลาคุณเป็นหนี้ใคร แน่นอนว่าคุณก็ต้องใช้หนี้คืนเขา คุณต้องเห็นใจเจ้าหนี้เขาด้วย แต่ถ้าหากคุณไม่มีใช้หนี้เขาตามกำหนด คุณก็ต้องเจรจาขอประนอมหนี้หรือขอผลัดผ่อน โดยเฉพาะหนี้ธนาคาร ทางเขาจะถามคุณเองว่าคุณมีความสามารถในการผ่อนชำระได้เดือนละเท่าไรเป็นต้น อย่าพยายามเหนียวหนี้ เพราะดอกเบี้ยมันจะบานไม่หุบ และอีกอย่างคุณจะทำธุรกรรมทางการเงินการธนาคารลำบาก เพราะประวัติทางการเงินของคุณมันจะฟ้องอยู่ในเครดิตบุโร ยกเว้นเสียแต่คุณจะทำธุรกรรมการเงินนอกระบบ ซึ่งมันจะยิ่งเลวร้ายเข้าไปอีกหากคุณไม่จ่าย.
เจ้าหนี้เองก็ควรเห็นใจลูกหนี้เพราะคนเรามันไม่แน่นอน ทุกคนต่างก็มีปัญหาของตัวเองทั้งนั้น หากทวงถามหนี้หลายครั้งแล้วลูกหนี้ก็ยังไม่ยอมชำระหนี้หรือเจรจาประนอมหนี้ ก็ควรดำเนินการตามกฏหมายไม่ใช่ไช้วิธีการทวงหนี้ด้วยการข่มขู่ ซึ่งแน่นอนว่ามันผิดกฏหมาย ข่มขู่นี่ผิดกฏหมายอาญานะครับ.
สรุปคือ ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ เวลามีหนี้ก็ต้องจ่ายหนี้ ให้ดีก็ต้องเศรษฐกิจพอเพียงไงครับ.
สำหรับเจ้าหนี้ ก่อนจะปล่อยหนี้ก็ควรเช็คประวัติทางการเงินผู้มีความประสงค์จะเป็นหนี้ท่านเสียหน่อยก็จะดี หากไม่ ท่านก็จะเจอปัญหาร้อยแปด แต่คงไม่เท่าไรมั้งเพราะดอกเบี้ยของลูกหนี้ท่านก็บานไม่หุบตามกาลเวลาอยู่แล้ว.
ปล. อย่าลืมฟังเพลง ' ดอกเบี้ย ' ของคาราบาวซะหน่อยก็ดี  ;D

ตอนนี้ใจแข็งแล้วค่ะพี่ ส่วนตอนนี้ก็ใช้วิธีเหมือนคุณgUnbOy บางทีคนมาขอยืม เราก็ให้ยืมน้อยหน่อยแต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีตังค์ให้ใครเค้ายืมแล้วหล่ะค่ะ หากให้ไปก็ทำใจให้เป็นหนี้ศูนย์ซะ...จะได้สบายใจ :D

 :VOV:
ครับ
มีหนี้ ก้อต้องชดใช้ครับ
น่าจะลองคุยกัน
ผมว่าเขาคงฟังครับ
หากไม่ฟังคงต้องฟ้องร้องกัน
ที่สุด ต้องโดนอายัดทรัพย์แน่นอนครับ
 :VOV:

   " ลูกหนี้ 80%    ถ้าจะจ่ายจริงๆ  ก็มีจ่าย แต่ยังไม่อยากจ่าย"
 
   สมมุติ   นาย อัตคัต      เป็นหนี้   นาย หวังดอก     อยู่ 2000 บาท    นายหวังดอก  ทวงแล้วทวงอีก       เป็นสิบๆ  รอบ นาย อัตคัต  ก็ยังไม่มีจ่าย     ที่ไม่มีนะ จริง    คือ ไม่มี เงินสด  2,000     จึงไม่จ่าย เพราะไม่มี      แต่   นายอัตคัต   มี   ทีวี  21 นิ้ว  อยู่เครื่องนึง   ไว้ให้ลูกๆ ดู         ถ้าจะขาย ซะ ก็คงพอได้เงิน 2000  ไปจ่ายเจ้าหนี้
 
    แต่ เชื่อมั๊ย   นายอัตคัต    หรือ จะเป็นใคร  ก็แล้ว แต่   จะไม่ยอมขาย โทรทัศน์นี้
 เป็นอันขาด     เพราะขายแล้วจะไม่มีโทรทัศน์ดู      หรือ ไม่ยอมขายตู้เย็น เพราะจะไมมีน้ำเย็นดื่ม       แต่จะใช้วิธี  ผลัดเจ้าหนี้ไปเรื่อยๆ    เพราะของมันผลัดกันได้   
     เค้าจะรอจนกว่า  วันไหน มีเม็ดเงิน  2000   บาทก่อน จึงจะยอมจ่าย 
   
      ดังนั้น เชื่อผมเถิดว่า      คนเราน่ะ   ถ้าคิดจะชำระหนี้  "จริงๆ"      มีปัญญาจ่ายแทบทุกคน  แหละ    ( ถ้าจะยอม  ขาย   ทรัพย์บางชิ้นออกไป    )
 
 
 

 
            นั่นไงครับ        ศาลจะเข้าข้างลูกหนี้   
   
    คนเป็นศาลต้อง   "เป็นกลาง"  ซิครับ  ถึงจะถูก     ไม่ใช่เข้าข้างใคร ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง       แต่กฎหมาย หรือ ศาล   ก็เข้าข้าง ลูกหนี้จริง ล่ะ ครับ      ในเมื่อ ถ้าจะว่า ตามกฎหมาย แล้ว   กฎหมาย  ดันไปเข้าข้างอีกฝ่าย     ดังนั้น   ฝ่าย ที่ถูกศาล ลำเอียง  จึงไม่อยาก พึ่งกระบวนการตามกฎหมายไงครับ   
 
      ถ้าไม่เชื่อ ดูตัวอย่าง      สมมุติ ผม กู้ เงินคุณ     2,000 บาท  มีสัญญา ถูกต้องคุณคิดดอกเบี้ย ร้อยละ 15 ต่อปี ถูกต้อง  (  ถ้าคิดเป็นเดือน  ตกแล้วดอกเบี้ยเดือนนึง  25 บาท     ลองใช้หัวใจมนุษย์ คิดดูแล้วกันว่า   ยุติธรรมมั๊ย   เอาเงิน 2,000 บาท  ไปเสี่ยงกับเงิน 25 บาท )        แล้วพอถึงกำหนด  ผมไม่จ่าย     อาจจะแกล้ง ผลัด ให้คุณมีความหวัง ซัก    7-8 ผลัด    พอผลัดสุดท้าย   ผมไม่ผลัดแล้ว แต่ท้า ให้ ฟ้อง เลย
  บอก    อยากได้ ให้ไปฟ้องเอา      ถามว่า       คุณจะฟ้อง ผมมั๊ยครับ
     อ่ะ    สมมุติ  ว่า มี   คนไม่ยอมคน  ประเภทยอมหักไม่ยอมงอ     อุตส่าห์   เสียค่ารถ
  เสียเวลา  เสียค่าทนาย    ไปฟ้อง    พอศาลนัด    ผมก็อ้าง ว่า ป่วย หรือ ติดธุระอย่างอื่น    ศาลก็จะเลื่อนนัด    ไปอีก   5-6 เดือน คุณก้ต้องกลับบ้าน    พอถึงนัดที่สอง   ผมก็อ้างเหมือนเดิมอีก   ทีนี้ คุณซึ่งไปเก้อ 2 ครั้ง คงหงุดหงิดน่าดู   เอาล่ะ ไม่เป็นไร ครั้งที่3  ผมไม่ผิดนัดละ        พอนัดที่3    คุณก็ไป   ศาล ผมก็ไปศาล คุณก็ เล่าให้ศาลฟังว่า ผมกู้คุณไป 2000   แต่ ถึงกำหนดแล้ว ไม่ยอมจ่าย   ขอพึ่งบารมีศาล  สั่งให้ผมจ่ายหนี้ด้วย       ทีนี้ ตาผม ให้การมั่ง     ผมก็จะบอกว่า   ศาลที่เคารพ     กระผมกู้เค้ามาจริง
  แต่กู้แค่ หนึ่งพันบาท        แต่ด้วยเจ้าหนี้ เค้า คิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด จึงหลบเลี่ยงด้วยการ    ให้ลงไปในสัญญาว่า  กู้ 2000 บาท       ที่จริงแล้ว เจ้าหนี้ เค้าคิดดอก
 กระผม  ร้อยละร้อย    คือ 1000 บาทที่เกินมา คือดอกเบี้ย   ขอให้ลงโทษ โจทก์  ฐานคิดดอกเบี้ย เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดด้วยเถอะครับ   
 
     เอาล่ะครับ     ความซวย   จะเริ่มมาเยือน คุณ เข้าแล้ว    ถ้า ศาล เชื่อ  อย่างที่ผมให้การ คุณมีสิทธิ์ ติดคุก 1 ปี เชียว นะครับ    ยิ่งถ้ามาเจอผม     ลูกหนี้ปริญญาเอกกฎหมาย    แล้วผมพา  พยาน เท็จ  ปริญญาโทกฎหมายมา รับสมอ้างด้วยว่า   เคยกู้เงินจากคุณ โดนขูดดอก ร้อยละ 50 ด้วย เช่นกัน      ทีนี้แหละ   คุณเอ้ย     หนี้ 2000  คุณก็ไม่อยากได้แล้ว    เผลอๆ  จะแอบ มากระซิบผม ให้  เลิกแล้วต่อกัน ไปซะ
 
      อ่ะ    สมมุตว่า   ศาลท่านมีดุลพินิจ ที่ดี   ไม่เชื่อในคำตอ- แหล ของ ผม แล้ว ตัดสินให้คุณ ชนะ     สั่งให้ผม จ่ายหนี้ ให้คุณ 2000 บาท   พร้อมดอกเบี้ย เดือนละ25บาท    กี่เดือน ก็คูณเอา      ผมก็จะแถลงศาลว่า   ตอนนี้ เงิน 2000 ผมยังไม่มี     แต่ผมจะขอ ความปราณี   ผ่อนชำระ  เดือนละ  250 บาท จำนวน ล่ะกัน       ศาลท่านก็จะถาม โจทก์ว่า   โอเชมั้ย       คุณก็ต้อง  โอเช  ซิครับ    ก็คนมันไม่มีนี่จะทำไง
 
     พอถึงเวลา เดือนแรก  ผมก็จ่ายคุณไป 250 ( แต่คุณต้องนั่งรถมาเก็บเงินที่บ้านผมนะ  เพราะผมไม่ค่อยมีเวลาว่างไปหาคุณ)   แต่พอเดือนที่2 ผมก็เบี้ยว   ไม่จ่ายแล้ว
  เดือน 3 เดือน 4   ผมก็บอก ยังไม่มี      ถ้าคุณอยากได้ ต้องไป ฟ้องศาลอีกรอบ  ครับ       นี่ ขั้นตอนของกฎหมายมันเป็นอย่างนี้     
 
     "กฎหมายที่ออกมาไม่เป็นธรรม    ทำให้ประชาชนต้องทะเลาะกัน"      เชื่อผมเถอะ

เหมือนกับว่าตอนนี้คุณlove glockให้คนในเวบยืมตังค์อยู่เปล่าคะ ;D

โอ้เจ้าหนี้  ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย 


คุณ love glock ทำอาชีพ ให้กู้ยืมเงินเหรอครับ ทำไมถึงเป็นเดือดเป็นร้อนจัง   บางที บางคนก็ไม่มีเงินจริงๆเดือดร้อนจริงๆ   ไม่ใช่ต้องมีที่นา มีรถมีของต้องมาขาย  ถ้าอยากจะให้ขายที่ขายบ้านขายรถ ก็ไปแจ้งให้ศาลสั่งตามกฏหมายสิครับ    จะมาทำเป็นนักเลงโต ขู่ฆ่า  กันไม่ได้

   ผมเป็นคนสนใจเรื่องกฎหมาย   เลยชอบคิดโจทก์  เกี่ยวกับกฎหมาย  อ่ะ ลองคิดดูเล่นๆ  ซักตัวอย่างนึง     เรื่อง เป็นดังนี้ครับ
 
     เมื่อ  40 ปีที่แล้ว   ผมกู้ยืมเงินคุณมาลงทุน   10,000   ( หนึ่งหมื่นบาท)  สมัยนั้นทองบาทละ 400      ถ้า หนึ่งหมื่นบาทนี่ ซื้อทองได้ หนัก25บาท   พอยืมแล้ว ผมก็หายตัวเข้ากลีบเมฆไปเลย       มาเจอกันอีกที  40 ปีผ่านมา   คุณก็ทวงหนี้ เมื่อ40ปี
  ผมก็บอกว่า    ผมยินดีจ่ายครับ    แม้จะหมดอายุความไปนานแล้ว แต่ผมไม่เคยโกงใคร
  อ่ะ เอาเครื่องคิดเลขมา   เดี๋ยวจะคำนวนให้     เงินต้น 10,000 บาท   ดอกเบี้ยร้อยละ
 15 ต่อปี   ก็ตก ปีละ 1,500  บาท       ตามกฎหมาย ห้าม คิดดอกเบี้ยที่ค้างชำระ เกินกว่า 5 ปี    แม้จะผ่านมา 40 ปี  แต่กฎหมายให้คิดแค่ 5 ปี
    1,500 * 5  =  7,500 บาท     เมื่อรวมกับเงินต้น      ก็เป็น 17,500 บาท
    อ่ะ   ว่าแล้วผมก็ควักเงินให้คุณ   17,500  บาท    จะได้หมดหนี้หมดสินกันซะที
  บอกแล้วผมไม่เคยโกงใคร
 
       (  เงินหนึ่งหมื่น เมื่อ 40 ปีที่แล้ว   ซื้อที่นาได้อย่างน้อย 30 ไร่ นะครับ   แล้วหนึ่งหมื่นสมัยนี้  ซื้อดินลูกรังได้ สิบกว่ารถเองนะครับ)
 
          อ่านดูแล้ว  ช่วย ตัดสินด้วยครับว่า    กฎหมาย ยุติธรรมมั้ย      หรือ ถ้าคุณเป็น เปาบุ้นจิ้น ( ไม่ต้องอิงก.ม.ไทย)    คุณจะตัดสินยังไง
 
     

  อยากให้ลองแก้กฎหมาย   เป็น       หนี้ ค่าก๋วยเตี๋ยว    ถ้ากินแล้วไม่จ่าย      ให้เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว   ไปฟ้องศาล  เอาเอง   ตำรวจไม่เกี่ยวเพราะเป็นคดีแพ่ง
 
    เราคงจะได้อ่านข่าว   แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว เป็นผู้มีอิทธิพล  หรือนักเลง   ใช้กระบวยลวกก๊วยเตี๋ยว
 ฟาดหัวลูกค้าที่เบี้ยวหนี้ค่าก๊วยเตี๋ยว   
 
     ( แต่ ที่ ประชาชนอยู่กันอย่างสงบสุขทุกวันนี้ เพราะ   ฝ่ายคนกิน ไม่กล้าเบี้ยว  เบี้ยวปุ๊บ  แม่ค้าสะกิดตำรวจจับปั๊บ     คนก็เลยไม่กล้าเบี้ยวค่าก๊วยเตี๋ยว    สังคม    ประชาชนก็สงบสุข       เพราะกฎหมายให้ความเป็นธรรม  ไง        แต่ลอง กฎหมายแบบที่ผมว่า ซิ
  ใคร ไม่จ่ายค่าก๊วยเตี๋ยว    เป็นคดีแพ่ง แม่ค้าอยากได้เงินก็ไปฟ้องศาลเอาเอง
  เมื่อนั้น จิ๊กโก๋      หรือ พวก หน้ามึนชอบของฟรี    ก็พากันกินแล้วชักดาบ     ทีนี้แหละ
 ครับ    จะได้ยินคำว่า    แม่ค้าก๊วยเตี๋ยว  กระบวย โหด   
   บอกแล้วว่า   "  ถ้ากฎหมาย  ไม่ยุติธรรม จะทำให้ ประชาชนทะเลาะกัน"

   หรือ ถ้าใครอยากลองพิสูจน์ว่า   กฎหมาย ยุติธรรมมั้ย    ลองให้ผม ยืม เงินซัก
 
   2,000  ซิครับ      พิสูจน์ ให้รู้กันไปเลย    แล้วคุณจะรู้ด้วยตัวคุณเองว่า   กฎหมายยุติธรรมหรือไม่ 
   
    ( พอพิสูจน์เสร็จ แล้ว ผมคืนให้แน่นอนครับ ไม่ต้องห่วง    เอาแค่ว่า พิสูจน์ให้รู้ความจริงแค่นั้น)

เพื่ออะไร?

ต้องแยกกันครับ

เงินกู้ มันมีดอกผลมาหักล้างกัน ไม่ใช้ให้กันฟรี(ไม่งั้นคงไม่มีโรงรับจำนำของรัฐฯ)

ไม่เหมือนกับค่าหมูปิ้งกินแล้วชักดาบก็เหมือนขโมย เพราะไม่เต็มใจจะให้................

แต่เงินกู้ คนให้กู้เต็มใจที่จะให้กู้โดยมีดอกเบี้ยมาเป็นผลตอบแทน ทำสัญญามีกฎหมายควบคุม

แล้วผมก็ไม่อยากพิสูจน์ ตามที่ท่าน รักกล๊อก เสนอเพราะผมไม่อยากเสียเพื่อนครับ

ด้วยความเคารพครับ^^

จริงครับ

ขออนุญาตครับ.....
พอดีเคยได้ยินมาบ้างเหมือนกันครับ กับเรื่องแบบนี้ เท่าที่อ่านดูแบบคร่าวๆ ก็น่าเห็นใจทั้งสองฝ่ายอยู่เหมือนกันครับ.....
ฝ่ายแรก คือผู้กู้ ผู้กู้นั้นร้อยละ 85 -90 เป็นพวกแบบที่เดือนร้อนจริงๆ ถึงไปกู้เงิน ที่บอกว่าน่าเห็นใจผู้กู้ก็คือว่า ผู้กู้นั้นกู้เงินมาจริงแต่เวลานำเงินไปชำระให้กับผู้ให้กู้ ตามที่ตกลงกันว่า จะผ่อนชำระเป็นรายเดือน ก็ยังมีอยู่เหมือนกันที่ผู้ให้กู้ รับเงินมาแล้วแต่ไม่มีใบเสร็จหรือออกใบเสร๊จแบบปลอมๆ อีกทั้งดอกเบี้ยที่ผู้ให้กู้นั้น บางที่ บางแห่งแพงอย่างมหาโหด ซึ่งลูกหนี้เอง บางครั้งก็รู้ว่าดอกเบี้ยแพง แต่ทำไงได้ละครับ คนมันเดือนร้อนจริงๆนี่นา บางครั้งการกู้แต่ละครั้ง ผู้ให้กู้มักจะไม่ยอมให้ผู้กู้กรอกรายละเอียดลงในสัญญาเงินกู้ เพียงแต่ให้เซ็นชื่อเท่านั้น แล้วรับเงินไป เวลาจะฟ้องกันจริงๆ ผู้กู้กลอกรายละเอียดในใบสัญญาเงินกู้เองทั้งหมด บางที่ มีอย่างที่ไหนเช่าซื้อสินค้ารวมแล้วราคา 6000 บาท รวมดอกเบี้ยแล้วเป็น 6450 โดยประมาณ บางแห่งไม่ชำระหนี้แค่เดือนเดียว คิดดอกเบี้ยไปแล้ว 300 บาท  (รู้สึกว่าศาลเคยมีคำสั่งให้ผู้เช่าซื้อชนะมาแล้วด้วย ไม่แน่ใจครับ)อีกทั้งโทรศัพท์มาพูดจาไม่ดีหรือพูดจาข่มขู่กับผู้กู้ต่างๆนาๆ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ผู้ให้กู้ก็แย่ครับ สรุปแล้วพูดมาซะยาวเลย ก็คือว่า เจ้าหนี้โกงครับ.....
ส่วนเจ้าหนี้....
ถูกลูกหนี้โกงครับ มีแล้วไม่อยากจ่าย........แค่นั้นครับ ;D ;D
.....ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกขออภัยครับ ;)
ด้วยความเคารพครับ :)

 คิดแล้วก็จริง ครับ  ว่า  อยู่ที่มุมมองของทั้ง2 ฝ่าย   ฝ่ายเจ้าหนี้ โกงก็มี
  ฝ่ายลูกหนี้  โกง ก็มี      อยู่ที่ใคร พบเหตุการณ์ไหน มากกว่ากัน จึงฝังใจ มีอคติกับอีกฝ่าย 
 
      ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐครับ

เคยได้ยินมาครั้งนึงครับ..... มียายแก่ๆคนนึงนำเงินมาชำระดอกเงินต้นพร้อมเบี้ยให้กับนายทุน ซึ่งยายแก่ๆคนนั้นได้กล่าวกับนายทุนว่า เพิ่งขายข้าวมาได้จึงขอนำเงินมาชำระหนี้ทั้งหมด รวมทั้งต้นทั้งดอก นายทุนคนนั้นจึงออกใบเสร็จมาให้เป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับบอกยายไปว่า เสร็จเรียยบร้อยหมดทุกอย่างแล้วยาย กลับบ้านได้ หลังจากนั้นอีกประมาณ 6 - 7 เดือน ได้มีเจ้าหน้าที่จากกรมบังคับคดี หรืออะไรสักอย่าง ผมจำไม่ได้ครับมาแจ้งว่า จะมาทำการยึดบ้านและทุกอย่างในบ้าน. ส่วนต่อไปเป็นยังไง ผมจำไม่ได้แล้วครับ จำได่แค่นี้ ;D
ผมไม่ได้มีอคติกับเจ้าหนี้หรือลูกหนี้เป็นการส่วนตัว ผมไม่อยากเป็นเจ้าหนี้หน้าเลือด .....ว่าแต่ว่า อยากเป็นลูกหนี้ครับ มีใครพอจะให้ผมยืมเงินมั่ง ;D ;D ;D
ด้วยความเคารพครับ :)

เอ่อ เรื่องนี้น่าสนใจอ่ะครับ แล้วยายเป็นยังไงบ้างอยากรู้จักครับ  สงสาร

แถวอีสานเราเรียกผู้ใหญ่รุ่นลุง รุ่นปู่ ตา ที่มีประสบการณ์ชีวิตว่า พ่อใหญ่ครับ.....
คุณหมอเคยไปแอ่วสาวหม่องใด๋บ้างครับ.....

นึกว่าพ่อใหญ่คนนี้ซะอีก
(http://img267.imageshack.us/img267/706/410287291el3.jpg) (http://imageshack.us)

      สำหรับ คนชอบ ทำตามขั้นตอนกฎหมาย    ลองดูเรื่องนี้
 
      หนุ่ม พาสาวไปกินข้าว ในร้านแห่งนึง       เจอ จิ๊กโก๋ คนนึง  หาเรื่อง  เดินเข้ามาที่โต๊ะ  แล้วถามว่า  " น้องสาว  เป็นแฟน ไอ้หน้าอ่อน ยังงี้ ถ้าเจออันธพาลรังแก จะปกป้องได้หรือ   "   ว่า แล้ว ก็ เบิร์ด กระโหลก  สาวคนนั้นต่อหน้าแฟน หนุ่ม  ไป 1 ที
  (   จิ๊กโก๋  นั่นมาคนเดียวไม่มีอาวุธ  ตัวพอๆกันกับ หนุ่ม คนนั้น)
   
       คำถามถามว่า        ถ้าคุณเป็นหนุ่ม คนนั้น จะทำยังไง
 
     1.  ทำตามกฎหมาย    คือ ถ้าจะเอาเรื่อง  ต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ  แล้วตำรวจก็จะ เปรียบเทียบปรับจิ๊กโก๋คนนั้น ไม่เกิน 200 บาท
 
     2.  ชกหน้าเจ้าจิ๊กโก๋  ให้หงายท้องไปเลย     
 
    ถ้าคุณเลือกข้อ2.     จะมีคนประนามคุณว่า   กฎหมายก็มีตำรวจก็มี ศาลก็มี ทำไม คุณไม่ทำตามกฎหมาย     ทำไม ทำตัวเป็นนักเลง   ตัดสินด้วยกำลัง กฎหมายก็มีทำไมไม่ให้กฎหมายจัดการ
 
           "กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม   ทำให้ประชาชนทะเลาะกัน"

     เอาไปเป็นตัวอย่างอีกข้อสำหรับ คนที่ชอบถามว่า  "ทำไมไม่จัดการตามกฎหมาย"
 
    สมมุติ บ้าน ผมอยู่ใกล้บ้านคุณ       ผมไดร์ฟกอล์ฟในสนามบ้านผม โดยมีตาข่ายกั้น
 แต่มีลูกนึง หลุดตาข่ายไปโดน กระจกหน้าต่างบ้านคุณแตก  (ค่ากระจกประมาณ 500บาท)
       คุณก็มาแจ้งแก่ผมว่า   ผมทำหน้าต่างบ้านคุณแตก
    ผมก็ตอบอย่างสุภาพว่า    "     เอ      ผมดูแล้ว   ไม่น่าใช่ความผิดของผมนะครับ
  ผมคิดว่าคงเป็นเพราะกระจกของคุณ  อาจจะหมดอายุแล้ว  จึงแตกง่ายผิดปกติ   
  แต่คนอย่างผม เคารพในกฎหมายบ้านเมือง      ถ้าศาลตัดสินว่าผมผิด   ผมรับรองว่าจะชดใช้ให้คุณไม่มีบิดพริ้วเลยครับ      คือผมเคารพกฎหมายมากน่ะครับ     ยังไงก็รบกวนไปฟ้องศาล ให้ศาลตัดสินนะครับ"
 
    ( คดีแพ่ง    เรียกค่าเสียหาย ต้องฟ้องศาลอย่างเดียว    ขั้นตอนคือ คุณต้องไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจก่อน  แล้ว ขอสำเนาบันทึกประจำวันนั้น   ไปเป็นหลักฐานฟ้องศาล )
 
       คำถาม     ถ้าเป็นคุณ  คุณจะทำยังไง 
  "กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ทำให้ประชาชนทะเลาะกัน)

      พวกที่อยู่ในฝ่ายที่กฎหมายเข้าข้าง       ก็มักจะบอกให้ทำตามกฎหมายซิ
 
      พวกที่อยู่ในฝ่ายที่กฎหมายลำเอียง       มักไม่ชอบทำตามกฎหมาย
 
        ดังนั้นกฎหมายที่ดี    ต้อง ""เป็นกลาง" ครับ    ไม่เข้าข้าง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
 
    แต่จะให้กฎหมายยุติธรรม    ยากมากครับ    เพราะ        "คนออกกฎหมาย"
 
   มาจาก  "ส.ส " (ฝ่ายนิติบัญญัติ)         แล้ว ส.ส.   มาจากไหนล่ะ      ก็มาจาก
   "คนส่วนใหญ่"    ของประเทศ    เลือก เข้าไป        แล้ว "  คนส่วนใหญ่"   ล่ะ
    คนพวกไหน      ผมจะบอกให้   คนส่วนใหญ่ คือ คนที่การศึกษาน้อย ครับ
 
   ถ้าจะพูดแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อม    คือ     " คนโง่ เป็นคน เลือก ผู้ที่เข้าไปออกกฎหมาย"

อันนี้เคยได้ยิน ;D ;D ;D เห็นด้วยครับ

อืม....เห็นใจครับ...

เป็นหนี้ก็ต้องจ่ายครับ 


ว่าแต่ว่าทำไม หน้าดำคร่ำเครียดกันทุกคนหล่ะครับ  อิๆ

    จากรูป    ผมสงสัยว่าใครนั่งหัวโต๊ะ      ใหญ่กว่าพ่อใหญ่จิ๋วอีกเหรอครับ

ผมว่าคนเราอยู่ในสังคมเดียวกัน การใช้หลักนิติศาสตร์ในการตัดสินปัญหาความขัดแย้งเป็นสี่งที่ถูกต้อง แต่มันจะทำให้ทุกๆอย่างตึงเกินไป บางครั้งเราจะเห็นตามข่าวว่า แม่ลักนมในห้างเพื่อให้ลูกกินเพราะไม่มีเงินซื้อแล้วถูกจับได้ ที่นี้ถ้าตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายก็จะเกิดปัญหาทางสังคมเกิดขึ้น ลูกของเขาจะอยู่อย่างไร ใครจะดูแลลูกของเขา ดังนั้นจึงมีหลักรัฐศาสตร์เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆของสังคมและเพื่อให้ทุกๆคนอยู่รวมกันอย่างมีความสุข.
การมองอะไรในแง่ของกฎหมายทุกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะกฎหมายก็ไม่ใช่ว่าจะสมบูรณ์ไปเสียทุกอย่าง แต่สี่งที่สมบูรณ์กว่าก็คือหลักจริยธรรม ผมเชื่อว่าคนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ต่างก็รู้ดีว่าการอยู่ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยนั้นเป็นสี่งที่ดีและถูกต้องที่สุดครับ...

ผมว่าน่าจะเป็นหางโต๊ะมากกว่านะครับ  ดูจากการนั่งเรียงตามลำดับอาวุโส