หัวข้อ: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: Saaming ที่ มกราคม 26, 2007, 04:15:38 PM ตอนเด็ก ๆ เคยได้ฟังเพลง "มะเมียะ" ของคุณจรัล มโนเพชร ทีไร น้ำตาผมไหลทุกที โดยไม่รู้ว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะเป็นเรื่องจริง จนกระทั่ง ได้มีโอกาสได้ อ่านบทความนี้ น้ำตาเริ่มหลั่งอีกครั้ง สงสารคู่รักทั้งสองจับใจ ลองอ่านดูครับ เศร้าจริง ๆ :'( :'( ขออภัยนะครับ หากสมาชิกที่ไม่ได้อยู่ภาคเหนือ ไม่เคยได้ยินบทเพลงนี้ พอ เข้ามาอ่านแล้ว งง ....
เรื่องราวความรักที่ต่างเชื้อชาติ ระหว่างเจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ อันกลายมาเป็นตำนานรักที่จบลงอย่างโศกสลด และได้รับการกล่าวขานมาถึงปัจจุบัน ถูกถ่ายทอดโดยเจ้าหญิงบัวชุม ณ เชียงใหม อดีตคู่หมั้นของเจ้าน้อยศุขเกษม แม้ว่ามะเมียะจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ล้านนาโดยตรง แต่สำหรับเจ้าน้อยศุขเกษม ราชบุตรองค์ใหญ่ของเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๕๒-๒๔๘๒) กับแม่เจ้าจามรีแล้ว มะเมียะเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเจ้าน้อยฯ ก็ว่าได้ มะเมียะ เป็นแม่ค้าสาวชาวพม่า หน้าตาพริ้มเพรา ได้พบกับเจ้าน้อยศุขเกษมครั้งแรก ขณะที่ท่านเดินทานไปศึกษายังเมืองมะละแหม่ง เมื่ออายุเพียง ๑๖ ปี ขณะนั้นมะเมียะเป็นเพียงแม่ค้าขายบุหรี่ซะเล็กอยู่ที่ตลาดใกล้บ้านในเมืองมะละแหม่ง มะเมียะหารายได้ด้วยความหวังเพื่อจะได้เงินมาจุนเจือครอบครัว ซึ่งอยู่ในฐานะปานกลาง วันหนึ่งเมื่อเจ้าน้อยศุขเกษมได้ออกเดินเที่ยวตามห้างร้านในตลาด จึงได้พบกับมะเมียะ ซึ่งเพิ่งกลับมาจากเมืองตองอู หลังจากไปอาศัยอยู่กับป้าของเธอเป็นเวลาหลายปี ทั้งคู่เกิดถูกใจในกันและกัน จึงได้คบหากันเรื่อยมา หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองจึงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา ด้วยความสนับสนุนของทางบ้านของมะเมียะ และในวันพระทั้งสอง จะพากันไปทำบุญตักบาตรและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองมะละแหม่ง อยู่เสมอ วันหนึ่ง ณ ลานกว้างหน้าพระธาตุใจ้ตะหลั่น ทั้งสองได้กล่าวคำสาบานต่อกันว่าจะรักกันตลอดไป และจะไม่ทอดทิ้งกัน หากผู้ใดทรยศต่อความรักที่มีให้กัน ก็ขอให้ผู้นั้นอายุสั้น จากนั้นไม่นานก็ถึงกำหนดการเดินทางกลับเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเจ้าน้อยฯ เพิ่งจะมีอายุครบ ๒๐ ปี จึงได้ตัดสินใจให้มะเมียะปลอมตัวเป็นชายติดตามขบวนเพื่อกลับไปยังเมืองเชียงใหม่ ในฐานะเพื่อนหนุ่มชาวพม่า โดยหารู้ไม่ว่าเจ้าพ่อและเจ้าแม่ของตนได้หมั้นหมายเจ้าหญิงบัวนวล ธิดาของเจ้าสุริยวงษ์ (คำตัน สิโรรส) ให้เป็นคู่หมั้นของเจ้าน้อยฯ เป็นการภายในตั้งแต่ปีที่เจ้าน้อยฯ เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนในเมืองพม่า หลังจากที่ต้องแอบซ่อนมะเมียะไว้ในบ้านหลังเล็ก ที่เจ้าพ่อและเจ้าแม่จัดเตรียมไว้ให้เป็นที่พักมาแล้วหลายวัน เจ้าน้อยศุขเกษมได้ใช้เวลาคิดใคร่ครวญและตัดสินใจเล่าความจริงให้ทั้งสองฟัง แม้ว่าจะไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมาในขณะนั้น แต่เจ้าน้อยฯ ก็พอจะทราบได้ว่าทั้งสองไม่ยอมรับมะเมียะเป็นศรีสะใภ้อย่างแน่นอนเนื่องจากปัญหาใหญ่ในขณะนั้น คือเจ้าน้อยฯ เป็นผู้ที่ได้รับการคาดหวังว่าจะได้รับตำแหน่งเจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ถัดไปจากเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ ซึ่งเป็นพระเจ้าลุง หากเจ้าน้อยฯ เลือกมะเมียะมาเป็นศรีภรรยา ประชาชนย่อมต้องเกิดความอึดอัดใจในการยอมรับมะเมียะผู้เป็นหญิงต่างชาติมาดำรงฐานะศรีภรรยาของเจ้าเมืองอย่างแน่นอน ในสถานการณบ้านเมืองขณะนั้นน่าวิตกมาก เนื่องจากมหาอำนาจอังกฤษกำลังแผ่อิทธิพลไปทั่วดินแดนในคาบสมุทรเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มะเมียะซึ่งเป็นคนในบังคับของอังกฤษและกำลังอาศัยอยู่ในคุ้มของอุปราช (ขณะนั้นเจ้าแก้วนวรัฐดำรงตำแหน่งอุปราชเมืองเชียงใหม่) อาจเป็นชนวนของปัญหาทางการเมืองที่ใหญ่โตได้ในภายหลัง ในที่สุดเจ้าพ่อและเจ้าแม่จึงเรียกตัวเจ้าน้อยฯไปพบ และยื่นคำขาดให้เจ้าน้อยส่งตัวมะเมียะกลับเมืองมะละแหม่ง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง ในยามเย็นวันนั้นเอง เจ้าน้อยได้เข้าพิธีเรียกขวัญและรดน้ำมนตที่เจ้าพ่อกับเจ้าแม่จัดขึ้น เพื่อขจัดสิ่งชั่วร้ายที่ท่านทั้งสองเชื่อว่ามะเมียะได้กระทำแก่เจ้าน้อยฯ อันเป็นเหตุให้เจ้าน้อยฯ หลงไหลในตัวนาง หลังจากพิธีรดน้ำมนต์ผ่านพ้นไป ช้างพาหนะและไพร่พลที่จะใช้ในการส่งตัวมะเมียะกลับเมืองมะละแหม่งก็ถูกจัดเตรียมทันทีตามคำสั่งของเจ้าแก้วนวรัฐ เมื่อเจ้าน้อยฯ กลับไปถึงที่พักในคืนนั้น มะเมียะได้รับการเกลี้ยกล่อมโดยหญิง-ชาย ชาวพม่าฝ่ายละคน ให้นางกลับไปรอเจ้าน้อยฯ ที่เมืองมะละแหม่ง มิฉะนั้นบ้านเมืองอาจเดือดร้อน นางได้เอ่ยขึ้นด้วยความเสียใจและยินยอมจากไปเพื่อมิให้ผู้ใดได้รับความเดือดร้อน แม้ตัวนางจะจากไกล แต่ความรักอันมั่นคง ยังคงอยู่ดังคำสาบานที่เคยให้ไว้แก่กันและกัน ฝ่ายเจ้าน้อยฯ ยังคงยืนยันในความรักที่มีต่อมะเมียะ และขอให้นางกลับไปรอที่บ้านก่อน หากมีวาสนาจะกลับไปรับนางมาอยู่ด้วยกันที่เชียงใหม่ให้ได้ ในเช้าวันหนึ่งของเดือนเมษายน นับเป็นวันเดินทางกลับเมืองมะละ แหม่งของมะเมียะที่ดูเหมือนจะเป็นการจากลาชั่วนิรันดร์ ณ ประตูหายยาที่เนืองแน่นไปด้วยประชาชนที่ใคร่เห็นโฉมหน้าของมะเมียะ ที่ลือกันว่างามนักงามหนา บรรยากาศเต็มไปด้วยความหดหู่และเศร้าหมอง เมื่อเจ้าน้อยฯ พูดภาษาพม่ากับมะเมียะได้เพียงไม่กี่คำ นางผู้มีใจรักมั่นได้ร่ำไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจ ในอ้อมแขนที่ยากจะแยกจากกันได้ เวลานั้นก็ล่วงเลยไปมากแล้ว เจ้าน้อยฯ ได้รับปากกับมะเมียะว่าตนจะยึดมั่นในคำปฏิญาณที่ให้ไว้ต่อหน้าพระพุทธรูปวัดใจ้ตะหลั่นจนกว่าชีวิตจะหาไม่ หากท่านนอกใจมะเมียะโดยสมรสกับหญิงอื่น ขอให้ชีวิตของตนประสบแต่ความทุกข์ทรมานใจ แม้แต่อายุก็จะไม่ยืนยาว เจ้าน้อยฯ ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าภายใน เดือนจะกลับไปหามะเมียะให้จงได้ นางจึงคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้า สยายผมออกเช็ดเท้าเจ้าน้อยฯ ด้วยความอาลัยหา ก่อนที่เธอจะขึ้นไปบนกูบช้าง เมื่อกลับไปถึงเมืองมะละแหม่งแล้ว มะเมียะได้มอบเงินทองจำนวนหนึ่งซึ่งเจ้าแก้วนวรัฐและเจ้าแม่จามรีมอบให้นางก่อนเดินทางกลับเป็นการปลอบขวัญแก่พ่อแม่และน้อง จากนั้นนางได้แต่เฝ้ารอคอยเจ้าน้อยฯ จนครบกำหนด เดือนที่ท่านได้รับปากไว้ แต่นี่กระไรกลับไร้วี่แววใดๆ มะเมียะจึงตัดสินใจเข้าพึ่งใต้ร่มพุทธจักร ครองตนเป็นแม่ชีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่านางยังซื่อสัตย์ ต่อความรักที่มีต่อเจ้าน้อยศุขเกษม หลังจากที่มะเมียะทราบข่าวการเข้าพิธีมงคลสมรส ระหว่างร้อยตรีเจ้าอุตรการโกศล (ยศของเจ้าน้อยฯ ในขณะนั้น) กับเจ้าหญิงบัวนวล ณ เชียงใหม่ แม่ชีมะเมียะจึงเดินทางมายังเมืองเชียงใหม่และขอเข้าพบเจ้าน้อยฯ เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อแสดงความยินดีกับชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์ องค์อดีตสวามีผู้เป็นที่รัก ก่อนที่ตนจะตัดสินใจครองตนเป็นแม่ชีไปตลอดชีวิต แต่เจ้าน้อยศุขเกษมผู้ยึดสุราเป็นที่พึ่งดับความกลัดกลุ้มอันเกิดจากความรักอาลัยในตัวมะเมียะ ชีวิตที่ไม่เคยมีความสุขในชีวิตสมรส ท่านไม่สามารถหักห้ามความสงสารที่มีต่อมะเมียะได้ จึงไม่ยอมลงไปพบแม่ชีมะเมียะตามคำขอร้อง เพียงแต่มอบหมายให้เจ้าบุญสูง พี่เลี้ยงคนสนิท นำเงินจำนวน ๘๐บาท ไปมอบให้กับแม่ชีมะเมียะเพื่อใช้ในการทำบุญ พร้อมกับมอบแหวนทับทิมประจำกายอีกวงหนึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าน้อยฯ ให้กับแม่ชีมะเมียะ เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นทำให้มะเมียะและเจ้าน้อยต่างสะเทือนใจเป็นที่สุด หลังจากเดินทางถึงเมืองมะละแหม่ง มะเมียะได้ครองชีวิตเป็นแม่ชีตามความตั้งใจ จนกระทั่งถึงแก่กรรมในปี พ.ศ.๒๕๐๕ รวมอายุได้ ๗๕ ปี จากตำนานรักระหว่างเจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ได้รับการเผยแผ่ทั้งโดยการเล่าขานสืบต่อกันมา จากการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว อาจกล่าวได้ว่าสาเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้คนทั่วไปรู้จักเจ้าน้อยฯ และมะเมียะมากขึ้น คือ "เพลงมะเมียะ" ซึ่งขับร้องโดยคุณจรัล มโนเพชร นักร้อง โฟลคซองชาวล้านนา ดังเนื้อเพลงที่ยกมาต่อไปนี้ "มะเมียะ" มะเมียะเป็นสาวแม่ค้า คนพม่าเมืองมะละแหม่ง งามล้ำเหมือนเดือนส่องแสง คนมาแย่งหลงรักสาว มะเมียะบ่ยอมรักไผ มอบใจหื้อหนุ่มเชื้อเจ้า เป็นลูกอุปราชท้าวเชียงใหม่ แต่เมื่อเจ้าชายจบการศึกษา จำต้องลาจากมะเมียะไป เหมือนโดนมีดสับดาบฟันหัวใจ ปลอมเป็นพ่อชายหนีตามมา เจ้าชายเป็นราชบุตร แต่สุดที่รักเป็นพม่า ผิดประเพณีสืบมา ต้องร้างลาแยกทาง โอโอก็เมื่อวันนั้น วันที่ต้องส่งคืนบ้านนาง เจ้าชายก็จัดขบวนช้างให้ไปส่งนางคืนทั้งน้ำตา มะเมียะตรอมใจอาลัยขื่นขม ถวายบังคมทูลลา สยายผมลงเช็ดบาทบาทา ขอลาไปก่อนแล้วชาตินี้เจ้าชายก็ตรอมใจตาย มะเมียะเลยไปบวชชี ความรักมักเป็นเช่นนี้ แลเฮย......... เจ้าน้อยศุขเกษม ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อปี พ.ศ.2453 อายุ 33 ปี เจ้าหญิงบัวชุม ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อปี พ.ศ.2509 อายุ 81 ปี แม่ชีมะเมียะ ครองชีวิตอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ จนถึงแก่กรรม ที่เมืองมะละแหม่ง เมื่อปี พ.ศ.2505 อายุ 73 ปี หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ มกราคม 26, 2007, 04:30:27 PM ขอบคุณครับที่มาเล่าสู่กันฟัง ผมนึกว่าเป็นเพียงบทเพลงเท่านั้นเอง อ่านแล้วน่าสงสารครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: boon ที่ มกราคม 26, 2007, 04:40:45 PM ซึ้งและเศร้ามากๆครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มกราคม 26, 2007, 04:53:55 PM ขอบคุณครับ ประทับใจในความมั่นคงของมะเมียะจริงๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: ป๊อกแมน ที่ มกราคม 26, 2007, 04:57:26 PM ฟังเพลงนี้เมื่อไหร่ จินตนการผมโลดแล่นไปเหมือนดูหนังเลยครับ สุดยอด โรแมนติกดราม่า
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: ..GlockGlack.. ที่ มกราคม 26, 2007, 05:00:13 PM ผมไม่รู้ช่วงเวลา นึกว่าเป็นตำนานเล่าขานกันมาครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: Saaming ที่ มกราคม 26, 2007, 05:49:17 PM จากภาพในเวป http://www.lannaworld.com/cgi/lannaboard/reply_topic.php?id=65 ที่อ้างว่า บุคคลในภาพคือ เจ้าน้อยศุขเกษม ... ท่านสมาชิกที่พอจะทราบเรื่อง ชวยยืนยันหน่อยครับ .... แต่ภาพ มะเมียะ ผมหาไม่เจอ คิดว่าไม่น่าจะมีภาพถ่ายไว้ แต่ได้ลองอ่านจากเนื้อเรื่องแล้ว เธอคงจะสวยมาก :-[ :-[
(http://img220.imageshack.us/img220/927/id65uv6.jpg) (http://imageshack.us) เจ้าน้อยศุขเกษม (พ.ศ. 2426 - 2457) ราชบุตรของนครเชียงใหม่ ซึ่งไปเรียนหนังสือที่พม่า พบรักกับ หมะเมียะ ถูกปัจจัยทางการเมืองกีดขวางความรัก จนในที่สุดต้องสิ้นชีวิตด้วยความตรอมใจ หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: GIM11 ที่ มกราคม 26, 2007, 05:55:03 PM เป็นเรื่องจริงที่น่าประทับใจมากครับ.. :~) หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: Piak Srisiam ที่ มกราคม 26, 2007, 06:27:05 PM รักเดียว ใจเดียว ของแท้ครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มกราคม 26, 2007, 06:47:22 PM เคยมีสารคดี ของ ไอทีวี ตามหาเค้ารางของ "มะเมีย"
เพลงของคุณ จรัล ผมชอบฟังมานานแล้วครับ เคยเป็นละครที่วี สองครั้ง ตอนเด็กๆ ดูแล้ว ซึ้ง :'( หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: ..GlockGlack.. ที่ มกราคม 26, 2007, 06:51:42 PM เคยมีสารคดี ของ ไอทีวี ตามหาเค้ารางของ "มะเมีย" ตกสระอะครับ ;Dเพลงของคุณ จรัล ผมชอบฟังมานานแล้วครับ เคยเป็นละครที่วี สองครั้ง ตอนเด็กๆ ดูแล้ว ซึ้ง :'( หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: visa ที่ มกราคม 26, 2007, 06:59:51 PM เศร้ามากครับอ่านแล้วอยากมีคนที่รักเราแบบนี้บ้างนะครับ :~) :~)
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: หินเหล็กไฟ ที่ มกราคม 26, 2007, 07:42:46 PM ทุกวันนี้ฝันเอานะ
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: Hong ที่ มกราคม 26, 2007, 08:08:29 PM เมืองเหนือ มี เรื่องราว ตำนานรักเศร้ามากมายครับ น้อยไจญา ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เศร้าจริง ๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: Colt Rampant ที่ มกราคม 26, 2007, 08:42:42 PM ขอคารวะในความรักแท้
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: Τσρ Κσρ รักในหลวง ที่ มกราคม 26, 2007, 08:43:43 PM เรื่องนี้ได้ยินครั้งแรกจากปากคุณจรัล ที่เล่าก่อนจะร้องเพลงนี้ครับ เลยรู้ว่ามาจากเรื่องจริง :'(
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: Saaming ที่ มกราคม 26, 2007, 08:50:18 PM บทเพลง มะเมียะ ครับ
http://www.cm77.com/song_online/listen.php?idd=157 คำร้อง ทำนอง จรัล มโนเพ็ชร ( พูด ) เรื่องมันหกสิบปี๋มาแล้ว จ้าวน้อยศุขเกษมอายุได้สิบห้าปี๋ จ้าวพ่อก่ส่งไปเฮียนหนังสือที่เมืองมะละแหม่งปู้น..... เลยก๋ายเป็นเรื่อง ของก่ำของเวรเขา มะเมียะ............. มะเมียะเป๋นสาวแม่ก๊า คนพม่าเมืองมะละแหม่ง งามล้ำเหมือนเดือนส่องแสง คนมาแย่งหลงฮักสาว มะเมียะบ่ยอมฮักไผ มอบใจ๋หื้อหนุ่มเจื๊อเจ้า เป๋นลูกอุปราชท้าวเจียงใหม่ แต่เมื่อเจ้าชายจบการศึกษา จำต้องลาจากมะเมียะไป เหมือนโดนมีดสับดาบฟันหัวใจ๋ ปลอมเป๋นป้อจายหนีตามมา เจ้าชายเป๋นราชบุตร แต่สุดที่ฮักเป๋นพม่า ผิดประเพณีสืบมา ต้องร้างราแยกทาง โอ่ โอ้ ก่เมื่อวันนั้น วันที่ต้องส่งคืนบ้านนาง เจ้าชายก่จัดขบวนจ๊าง ไปส่งนางคืนทั้งน้ำตา มะเมียะตรอมใจอาลัยขื่นขม ถวายบังคมทูลลา สยายผมลงเช็ดบาทบาทา ขอลาไปก่อนแล้วชาตินี้ เจ้าชายก่ตรอมใจตาย มะเมียะเลยไปบวชชี ความฮักมักเป็นฉะนี้ แลเฮย หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: * : L๐OKPlaNoi *:.รักแม่ ที่ มกราคม 26, 2007, 09:22:16 PM ฟังเพลงมะเมียะแล้ว ไม่ซึ้ง แต่น้อยใจครับ
สมัย รัชกาลที่ 5 ท่านได้ส่งพระโอรส ไปศึกษาหาความรู้ ศาสตร์แขนงต่าง ๆจากต่างประเทศ ทั้งด้านการทหาร กฏหมาย ฯลฯ แล้วนำมาพัฒนาประเทศ และ สามารถสถาปนารัฐรวมศูนย์อำนาจขึ้นมาได้โดยผนวกหัวเมืองฝ่ายเหนือหรือ ล้านนา ฯลฯ เข้าไปอยู่ในราชอาณาจักร แต่เมื่อเปรียบกันแล้ว............. อาจารย์ ธเนศ เจริญมือง จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ได้ค้นคว้าเรื่องนี้ เคยเล่าให้ฟัง ฟังแล้วน้อยใจจัง :-[ หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: yuth24 ที่ มกราคม 26, 2007, 10:27:39 PM ฟังเพลงมะเมียะแล้ว ไม่ซึ้ง แต่น้อยใจครับ สมัย รัชกาลที่ 5 ท่านได้ส่งพระโอรส ไปศึกษาหาความรู้ ศาสตร์แขนงต่าง ๆจากต่างประเทศ ทั้งด้านการทหาร กฏหมาย ฯลฯ แล้วนำมาพัฒนาประเทศ และ สามารถสถาปนารัฐรวมศูนย์อำนาจขึ้นมาได้โดยผนวกหัวเมืองฝ่ายเหนือหรือ ล้านนา ฯลฯ เข้าไปอยู่ในราชอาณาจักร แต่เมื่อเปรียบกันแล้ว............. อาจารย์ ธเนศ เจริญมือง จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ได้ค้นคว้าเรื่องนี้ เคยเล่าให้ฟัง ฟังแล้วน้อยใจจัง :-[ ไม่ได้ชวนแบ่งแยกดินแดนนะครับ ;D ;D ;D เรื่องของเชียงใหม่ แพร่ น่าน ย้อนไปอีกนิดเดียวเศร้ายิ่งกว่าหมะเมี๊ยะอีกครับ :-[ :-[ :-[ สมัยเด็กๆ ใครพูดภาษาเมืองในห้องเรียน ครูจะเอาไม้ชี้กระดานเค๊าะหัวครับ :~) :~) :~) หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: yuth24 ที่ มกราคม 26, 2007, 10:33:58 PM ลืมบอกไป ;D ;D ;D รู้สึกกู่ที่เก็บกระดูกของทั้งคู่ จะอยู่ที่วัดสวนดอกครับ วันวาเลนไทน์ของทุกปี
จะมีวัยรุ่นเอาดอกไม้ไปไว้อาลัยเย๊อะเลยครับ ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: XTM ที่ มกราคม 26, 2007, 10:34:42 PM ฟังเพลงมะเมียะแล้ว ไม่ซึ้ง แต่น้อยใจครับ สมัย รัชกาลที่ 5 ท่านได้ส่งพระโอรส ไปศึกษาหาความรู้ ศาสตร์แขนงต่าง ๆจากต่างประเทศ ทั้งด้านการทหาร กฏหมาย ฯลฯ แล้วนำมาพัฒนาประเทศ และ สามารถสถาปนารัฐรวมศูนย์อำนาจขึ้นมาได้โดยผนวกหัวเมืองฝ่ายเหนือหรือ ล้านนา ฯลฯ เข้าไปอยู่ในราชอาณาจักร แต่เมื่อเปรียบกันแล้ว............. อาจารย์ ธเนศ เจริญมือง จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ได้ค้นคว้าเรื่องนี้ เคยเล่าให้ฟัง ฟังแล้วน้อยใจจัง :-[ ไม่ได้ชวนแบ่งแยกดินแดนนะครับ ;D ;D ;D เรื่องของเชียงใหม่ แพร่ น่าน ย้อนไปอีกนิดเดียวเศร้ายิ่งกว่าหมะเมี๊ยะอีกครับ :-[ :-[ :-[ สมัยเด็กๆ ใครพูดภาษาเมืองในห้องเรียน ครูจะเอาไม้ชี้กระดานเค๊าะหัวครับ :~) :~) :~) โดนปรับอีกครั้งล่ะหนึ่งบาทครับ :( :( :( :( หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: * : L๐OKPlaNoi *:.รักแม่ ที่ มกราคม 26, 2007, 10:36:46 PM ขอโทษนะครับ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าผมชวนแบ่งแยกดินแดน เรื่องเศร้า ๆ ของคนเมืองยังมีอีกเยอะมาก :-X มันน่าน้อยใจ น้อยใจ อดีต คือจี้กุ่ง :P หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ มกราคม 26, 2007, 11:11:38 PM ลืมบอกไป ;D ;D ;D รู้สึกกู่ที่เก็บกระดูกของทั้งคู่ จะอยู่ที่วัดสวนดอกครับ วันวาเลนไทน์ของทุกปี ..จะมีวัยรุ่นเอาดอกไม้ไปไว้อาลัยเย๊อะเลยครับ ;D ;D ;D :).. เป็นวัดที่ เชื้อสาย วงศ์ตระกูล ของเจ้าน้อย.. มาทำบุญ เสมอ อย่างที่ คุณยุทธ24. บอกไว้..ครับ. :) หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ มกราคม 26, 2007, 11:35:04 PM ไม่เคยฟังเพลงนี้....อ่านแล้วสงสารค่ะ....น่าเห็นใจ....
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: Choltit ที่ มกราคม 27, 2007, 10:57:14 AM ตำนานรักแบบนี้มีอยู่แทบทุกประเทศ
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: Saaming ที่ มกราคม 27, 2007, 11:03:56 AM ลืมบอกไป ;D ;D ;D รู้สึกกู่ที่เก็บกระดูกของทั้งคู่ จะอยู่ที่วัดสวนดอกครับ วันวาเลนไทน์ของทุกปี จะมีวัยรุ่นเอาดอกไม้ไปไว้อาลัยเย๊อะเลยครับ ;D ;D ;D วาเลนไทน์ ปีนี้ ชวน ผบทบ. ไป บ้างดีกั่ว... ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: yuth24 ที่ มกราคม 27, 2007, 06:14:54 PM ลืมบอกไป ;D ;D ;D รู้สึกกู่ที่เก็บกระดูกของทั้งคู่ จะอยู่ที่วัดสวนดอกครับ วันวาเลนไทน์ของทุกปี จะมีวัยรุ่นเอาดอกไม้ไปไว้อาลัยเย๊อะเลยครับ ;D ;D ;D วาเลนไทน์ ปีนี้ ชวน ผบทบ. ไป บ้างดีกั่ว... ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: Saaming ที่ มกราคม 27, 2007, 07:30:12 PM กล้าไปกะครับ? ของตั๋วได้ยินว่า เมียสามกิ๊กสี่ตี้ทำงานแหมเพียบบ่าใจ้กา ผมมีเมียแค่สองยังบะกล้าไปเลย ;D ;D ;D :<><> อ้ายยุทธ ว่า ไปเรื่อย ถึงขั้นต๋ายนะครับ :OO :OO :OOหัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: visa ที่ มกราคม 27, 2007, 07:38:32 PM คนเมืองแต้ๆๆครับ รู้สึกว่าทุกอย่างตั้งแต่อดีตถึงปัจุบันมีแต่การเมืองว่าจะไปอยู่ป่าอยู่บนแพละครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: visa ที่ มกราคม 27, 2007, 07:39:29 PM ความรักผมต่างจากเรื่องนี้เลยครับ คนแม่สอดกับคนปาย อู้ไปก็อยากคะไห้
หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: * : L๐OKPlaNoi *:.รักแม่ ที่ มกราคม 27, 2007, 08:17:26 PM ลืมบอกไป ;D ;D ;D รู้สึกกู่ที่เก็บกระดูกของทั้งคู่ จะอยู่ที่วัดสวนดอกครับ วันวาเลนไทน์ของทุกปี จะมีวัยรุ่นเอาดอกไม้ไปไว้อาลัยเย๊อะเลยครับ ;D ;D ;D วาเลนไทน์ ปีนี้ ชวน ผบทบ. ไป บ้างดีกั่ว... ;D ;D ;D เลี้ยงหมูหลาย ระวังกล๋ายเป๋นจ่อน เน้ออ้าย :VOV: :VOV: :VOV: หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ มกราคม 27, 2007, 11:54:24 PM ;D เหตุใดสาวพม่า ถึงนิยม ชื่อขึ้นต้นว่า มะ จะแปลว่า แม่นางหรือเปล่าหนอ
ส่วนผู้ชายก็นิยมชื่อขึ้นต้นว่า มัง เช่น มังระ มังราย มังกะยอชวา มังมหานรธา ฯลฯ บรรดาชาวไทยใหญ่ชาย นิยมขึ้นต้นชื่อว่า ส่าง มอญชาย.........นิยมขึ้นต้นชื่อว่า สมิง หัวข้อ: Re: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ มกราคม 28, 2007, 01:00:15 AM ชอบคับ...
เรื่องจริงซึ้งดี...:~) |