เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: กะเเด่ว ที่ มกราคม 28, 2007, 10:48:22 AM



หัวข้อ: เมื่อพ่อค้าชื่อ "แอ๊ด" เจอนายทุนชื่อ "เฮียฮ้อ"
เริ่มหัวข้อโดย: กะเเด่ว ที่ มกราคม 28, 2007, 10:48:22 AM
เห็นข่าวเฮียฮ้อโต้โผใหญ่ของอาร์เอสประกาศจะตัดเชือกศิลปินที่ขายไม่ออกไปให้หมดจากค่าย...พร้อมกันนั้นแกก็บอกด้วยว่า ศิลปินคุณภาพที่มีอยู่แกจะเน้นให้เป็นพิเศษ โดยจะทำให้ศิลปินเหล่านั้นมีมูลค่าเพิ่มอย่างรอบด้านและบริษัทจะสนับสนุนให้ศิลปินเหล่านั้นเกิดอย่างมากที่สุด
       
        มีหลายคนเห็นประโยคนี้ก็อดจะหัวร่อไม่ได้...หลายคนที่ยังอยู่ในวัย “แนว” ก็ตั้งคำถามกันว่า...เฮียค้าบ แล้วแบบนี้จะเหลือศิลปินซักกี่คนละค้าบ
       
        คือถ้าเรายอมรับความจริงว่า การทำค่ายเพลงคือ การขายเสียงดนตรี และการผลิตศิลปินที่สามารถขับกล่อมเพลงออกมาอย่างได้คุณภาพ ถ้าหากเป็นแบบนั้นเราก็ต้อง ‘ฟันธง’ ลงไปว่าอาร์เอสก็ถือเป็นค่ายต้นๆ ของประเทศนี้ที่แทบจะไม่มีคนที่มีความสามารถขนาดร้องเพลงแล้วเอามาขายได้เลย
       
        ดูตัวอย่างฟิล์ม รัฐภูมิ ที่ตอนนี้เฮียอาจจะยกให้เป็นนักร้องเบอร์ 1 ฝ่ายชายของค่าย คือบรรดาประชาชนซึ่งมิได้หลงใหลไปกับหน้าตาที่มีสัณฐานคล้ายกล้วยหอมและประพิมประพายคล้ายหนุ่มเกาหลี ล้วนแล้วแต่ตั้งฉายาแกซึ่งเอาเข้าแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวกับการร้องเพลงแต่อย่างไร ไม่ว่าจะเป็น ฉายามนต์รักพระเครื่อง...หรือสองประตูสู้ไม่ถอย หรือหน้าหลังดันไม่เลี้ยงๆ ฯลฯ
       
        ฝ่ายหญิงก็แย่หน่อย...คือฉายาอาจจะไม่ถึงขนาดนั้น ยกตัวอย่างเช่น เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ แต่หลายคนไม่เคยจดจำได้เลยว่า เธอร้องเพลงอะไร
       
        เท่าที่อยู่ในสมองคือ 4 สาวที่ดูเหมือนจะอยู่ในฮาเร็ม ที่อุดมไปด้วยความผอมกระหร่อง ตามด้วยไม้กระดานที่ดูเรียบๆ อีก 4 แผ่น ขอย้ำว่า...ขอไม่พูดถึงฉายาน้องเขาเพราะมันเป็นอาชีพที่ดูถูกลูกผู้หญิงเหล่านี้เหลือเกิน
       
        แต่กระนั้นฝันของเฮียฮ้อที่จะผลิตศิลปินคุณภาพพร้อมกับขายได้ด้วยนั้นก็ไม่ใช่ฝันลมๆแล้งๆเสมอไป...
       
        ขึ้นชื่อว่าเฮียฮ้อแล้ว อย่าไปดูถูกแกเด็ดขาด เพราะอย่างน้อย ณ.วันนี้ เราก็เห็นความพยายามที่จะดึงเอาขาใหญ่มาร่วมแจมในค่ายนี้ชนิดฉีกประเพณีนิยมของค่ายแห่งนี้อย่างชัดเจน
       
        อย่างน้อย ‘หนุ่มบาว-สาวปาน’ สุดยอดงานครึกครื้นเมื่อปีที่แล้วก็เป็นเครื่องยืนยันที่ดีว่า งานที่จะเอาทั้งคุณภาพ และจะเอาทั้งเงินนั้นก็สามารถไปด้วยกันได้ เพราะมันกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างยิ่ง
       
        สำหรับ "แอ๊ด คาราบาว" หรือ "ยืนยง โอภากุล" นั้น หลายคนที่อ่านบทความนี้ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันเอย หรือแม้กระทั่งในเว็บไซต์เอย อาจจะมีเสียงโห่และร้องยี้ตามกันมา เสียงโห่นั้นอาจจะเพราะผิดหวัง อาจจะเพราะเซ็งโดยเฉพาะช่วงที่เกิดปรากฏการณ์สนธิ และขบวนการพันธมิตรกู้ชาติ
       
        คือบทบาทของคาราบาวกับกระแสของประชาชนส่วนนี้นั้นแทบจะไม่ข้องแวะกันเลย
       
        คนที่โห่เขาก็โห่เพราะความผิดหวังที่นักร้องเพลงเพื่อชีวิตอันดับหนึ่งนั้นแม้จะเขียนเพลงได้ไวพอๆ กับการกระดกไวน์ และมีสัมผัสของความเขียนเพลงตามข่าวรายวัน แต่เรื่องใหญ่ๆ อย่างการโกงชาตินั้น ดูเหมือนจะเป็นเส้นผมบังภูเขาสำหรับแก
       
        จะแตะ-จะตี ให้สมความเป็นนักรบเพื่อชีวิตก็ดูเหมือนจะแค่เอาไม้จิ้มฟันไปแหย่ๆ
       
        แต่ต้องขอย้ำนะครับว่า เสียงโห่ และความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับประชาชนยามที่ได้เห็นคำว่าคาราบาวขึ้นมานั้น...สุดท้ายล้วนเป็นภาพมายาที่เราสร้างขึ้นมาเองและเราไปหวังพึ่งคนอื่นทั้งนั้น
       
        เพราะ พูดโดยความเป็นธรรมแล้ว ผมว่าน้ายืนยงเขาประกาศตัวปลดแอกตัวเองจากการเป็นนักร้องเพลงในแนวเพื่อชีวิตนานแล้วนะครับ ถามว่าตั้งแต่ตอนไหน...ก็อาจจะตั้งแต่ตอนที่แกขี่ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ตลุยป่า หรือตั้งแต่ครั้งที่มีข่าวว่าแกไปมีที่มีบ้านอยู่ในป่าลึกเมืองกาญจน์ หรืออาจจะก่อนหน้านั้นก็เป็นได้

 
   (http://pics.manager.co.th/Images/550000001086902.JPEG)
 
 
       แต่มันมาชัดเจนว่าแกเลือกข้างแล้วตั้งแต่ ตั้งแกไปร้องเพลงและเป็นตัวโปรโมตให้เบียร์ช้างนั่นแหล่ะครับ แล้วก็มาเลือกข้างร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า...ไม่ใช่พวกเพื่อชีวิตอีกต่อไปแล้วก็เมื่อทำเครื่องดื่มผสมคาเฟอีนที่มีชื่อว่า...คาราบาวแดง
       
        เช่นเดียวกับการไปขึ้นเวทีเชียร์ทักษิณอย่างออกหน้าออกตาในคอนเสิร์ตครั้งหนึ่งที่สนามกีฬารัชมังคลาภิเษก
       
        ถ้าตัดอารมณ์ รัก น้อยอก น้อยใจ และยึดติดกับหัวโขนที่สังคมใส่ให้แกไป เราก็จะเห็นขบวนการปลดแอกตัวเองอย่างเป็นขั้นเป็นตอนชนิดที่จะต้องบอกว่า แอ๊ด แห่งเพลงเพื่อชีวิตนั้นตายไปนานแล้ว
       
        ที่เหลืออยู่ก็คือ ‘แอ๊ด คาราบาวแดง’ ที่เป็น ‘ฉันคือทุนและทุนคือฉัน’
       
        เพราะฉะนั้นแค่แกแต่งเพลง ‘เว้นวรรค’...ให้กับคุณทักษิณเมื่อปีที่แล้ว ผมยังเซอร์ไพรซ์เลยครับว่าแกทำได้ไง และน่าจะเป็นอะไรที่แกต้องกัดฟันทำตามเสียงเรียกร้องของประชาชนมากโขอยู่ ซึ่งก็น่าจะเป็นที่สุดแห่ง แอ๊ด คาราบาวแดงกันแล้ว
       
        เพราะฉะนั้นเราต้องให้ความเป็นธรรมกับ แอ๊ด คาราบาวแดงกันหน่อย
       
        (ด้วยความเห็นใจน้าแก ก็ขอได้โปรดอย่าเอาน้าแอ๊ดแกไปเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาประเภทรักชาติ เป็นตัวแทนแต่งเพลงให้กองทัพ หรือ แต่งเพลงที่ว่าด้วยการอนุรักษ์อะไรอีกเลย เพราะเดี๋ยวหัวโขนเดิมๆ ที่เป็นศิลปินเพื่อสังคมจะไม่ยอมหลุดออกจากตัวแกซักที)
       
        ก็ดูตัวอย่างอัลบั้ม ‘หนุ่มบาว-สาวปาน’ ที่ออกกับอาร์เอส-วอร์เนอร์ เมื่อปีที่แล้วและขายดีเป็นเทน้ำเทท่าก็ไม่ใช่เพลงเพื่อชีวิตนะครับ แต่เป็นผลงานเพลงรักที่ไม่ได้ออกจากปากของนักร้องหนุ่มๆ -สาว-เด็ก อย่างที่เราเห็นกันเกร่อ อีกทั้งรักในหนุ่มบาวสาวปานก็มิใช่งานเพลงประเภทรักหวานแหววโรแมนติก แต่กลับเป็นรักในแนวทรหดสะท้อนความจริงบางอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมความรักของหนุ่มสาวบ้านเราเหมือนกัน
       
        คนก็เลยไปตีความเอาว่าแกยังคงกลิ่นอายเพื่อชีวิตเอาไว้บ้าง...ซึ่งผมขอเถียงแทนแกอย่างเด็ดขาดว่าน้าแกไม่ได้ทำเพลงเพื่อชีวิตอีกแล้ว...มิฉะนั้นอัลบั้มที่ว่านี้จะไม่มีวันออกภายใต้สังกัดอาร์เอส โปรโมชั่นอย่างเด็ดขาด
       
        เท่าที่ผมนึกออก...สีสันที่เป็นอาร์เอสจริงๆ นั้นไม่เคยมีแนวเพื่อชีวิตมากร่ำกรายให้เสียความบริสุทธิ์เลยแม้แต่นิดเดียว
       
        ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะแนวทางการแต่งกายของเพลงเพื่อชีวิตนั้นไม่ค่อยที่จะไปกับค่ายนี้ หรืออีกส่วนหนึ่งแนวเพลงเพื่อชีวิตนั้นก็ยากที่จะเอาแดนซ์เซอร์เข้ามาสอดใส่...ซึ่งการแสดงบนเวทีนั้นจะให้เพลงเพื่อชีวิตมีสีสันแบบที่ว่ามันก็คงจะทะแม่งๆ อยู่มากทีเดียว
       
        เพราะฉะนั้นการปล่อยงานของ ยืนยงเอย หรือ คาราบาวเอย ในค่ายอาร์เอสก็เลยไม่ใช่เพลงเพื่อชีวิตอย่างที่เห็น
       
        การจับคู่ระหว่างแอ๊ด คาราบาวกับ เฮียฮ้อ จึงเป็นการจับคู่ที่เพอร์เฟ็กต์ เพราะเป็นมุมมองของนักลงทุนและพ่อค้าทั้งคู่ที่ต้องการชัยชนะร่วมกัน คนหนึ่งเก่งกล้าสามารถ แต่งเพลงได้ติดหูสุดยอด อีกคนหนึ่งเป็นนายทุนที่กล้าประกาศตรรกะใหม่ว่า เพลงที่ขายได้และศิลปินที่ขายได้คือศิลปินที่มีคุณภาพ สองคนนี้พร้อมที่จะทำบทเพลงที่รับใช้อารมณ์ของคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเบื้องสูงหรือเบื้องต่ำสามารถจะรับได้หมด...โดยไม่พูดถึงเรื่องจริยธรรมกันเลย
       
        งานชิ้นที่ย้ำจุดยืนอันนี้อย่างชัดเจนก็คือการคลอดอัลบั้ม “ยืนยง ตั้งวงเล่า” ที่สังคมกำลังกล่าวขวัญกันอยู่นี่ไง
       
        ก็ไม่รู้จะกระดากตั้งชื่อว่า “ยืนยัน ตั้งวงเล่า” ทำไม...จริงๆ “ยืนยง ตั้งวงเหล้า” ให้มันตรงตัวเสียก็หมดเรื่อง เพราะทั้งอัลบั้มเขาชูอารมณ์แห่งความมันส์ในวงเหล้ากันหมดเปลือก
       
        เป็นอารมณ์ของคนกินเหล้าที่ก็ไม่ได้นึกอะไรมาก เมาขึ้นมาก็แสดงอาการอย่างที่เพลงแกว่าทั้งสิ้น
       
        ต้องบอกนะครับว่า งานนี้เป็นงานที่ฟังได้เพลินๆ ดีอีกแล้ว ติดหูหนับตั้งแต่ครั้งแรก ที่สำคัญมันน่าจะขายได้อย่างยิ่ง ไม่ว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มนั้นจะเป็นสาวกเขาควายเดิม หรือ คนที่รักวงเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ หรือจะเป็นเด็กวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษากลุ่มใหม่ที่กำลังรู้สึกชื่นมื่นกับชีวิตหลังแก้วสุรา
       
        5555555 ผมเองก็ซื้อครับ มันโจ๊ะ และมันเมาดีออก
       
        ผมเชื่อเสียด้วย...เหมือนเมื่อครั้งที่เชื่อว่า หนุ่มบาว สาวปาน จะต้องขายแหลก เช่นเดียวกับ อัลบั้ม ยืนยง ตั้งวงเล่า เหตุเพราะ เพลงไพเราะ เนื้อหาลงตัว คือสมบูรณ์แบบในความเป็นขี้เมา หรือ สนองความรู้สึกสะใจของคนชอบกินเหล้า เรียกว่าฟังทุกแทร็กเป็นได้สะใจกันทุกทีเหมือนกัน
       
        แต่เพลงที่ขายได้อาจจะไม่ใช่เพลงที่มีคุณค่าอะไรต่อสังคม เช่นเดียวกับศิลปินที่ขายได้ก็อาจจะไม่ใช่ศิลปินที่มีคุณค่าต่อสังคมอีกเหมือนกัน
       
        "แอ๊ด คาราบาวแดง" พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่า เขายังคงแข็งแกร่งในเส้นทางของการเป็นนักร้องคุณภาพ แข็งแกร่งในเส้นทางของตลาดทุน และแข็งแกร่งที่จะบอกกับใครๆ ว่า เขาไม่ใช่นักร้องเพลงเพื่อชีวิตอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นใครๆ ก็อย่าได้เอาเขาลงไปยัดหัวโขนแห่งความเป็นศิลปินเพลงเพื่อชีวิตอีกอย่างเด็ดขาด
       
        ข้อสรุปของการเจอกันระหว่างยอดนายทุนสองคนในวันนี้ก็คือ ‘ทุนกับจริยธรรม’ ในยุคนี้เป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง
       
        ส่วนสังคมจะแพ้แค่ไหน...คงไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้นะครับ
 
(http://pics.manager.co.th/Images/550000001086901.JPEG)


http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9500000009936


หัวข้อ: Re: เมื่อพ่อค้าชื่อ "แอ๊ด" เจอนายทุนชื่อ "เฮียฮ้อ"
เริ่มหัวข้อโดย: AR15 ที่ มกราคม 28, 2007, 10:58:51 AM
อีกมุมหนึ่งของสังคมบันเทิง


หัวข้อ: Re: เมื่อพ่อค้าชื่อ "แอ๊ด" เจอนายทุนชื่อ "เฮียฮ้อ"
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฐพนธ์ ที่ มกราคม 28, 2007, 11:23:35 AM
มายา ก็อย่างงี้ :)


หัวข้อ: Re: เมื่อพ่อค้าชื่อ "แอ๊ด" เจอนายทุนชื่อ "เฮียฮ้อ"
เริ่มหัวข้อโดย: gopo ที่ มกราคม 28, 2007, 11:47:38 AM
ชุดล่าสุดตั้งวงเล่าแป็กครับท่าน   ยังไม่มีกระแสที่ตอบรับเท่าทีควร   ถ้าเฮียฮ้อทำอย่างที่พูดก็คงมีนักร้องในค่ายเหลืออยู่ไม่มาก  เพราะว่าปีที่ผ่านมา  นักร้องที่ทำรายใด้ให้ค่ายมาจากนักร้องลูกทุ่งเพื่อชีวิตซะมากกว่า   บาว-ปาน   หลวงไก่ บ่าววี   บิว  แต่ก็ไม่แน่เสมอไปเพราะนักร้องเหล่านี้ออก ชุดที่สองออกมา  ยอดขายก็ไม่ดีดังเช่นชุดแรก   


หัวข้อ: Re: เมื่อพ่อค้าชื่อ "แอ๊ด" เจอนายทุนชื่อ "เฮียฮ้อ"
เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ มกราคม 28, 2007, 12:09:46 PM
ชอบคำนี้จัง ‘ทุนกับจริยธรรม’ ในยุคนี้เป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง


หัวข้อ: Re: เมื่อพ่อค้าชื่อ "แอ๊ด" เจอนายทุนชื่อ "เฮียฮ้อ"
เริ่มหัวข้อโดย: บอย 14 ที่ มกราคม 28, 2007, 09:10:07 PM
..เวลาเปลี่ยน  ใจคนก็เปลี่ยนตามเวลา..


หัวข้อ: Re: เมื่อพ่อค้าชื่อ "แอ๊ด" เจอนายทุนชื่อ "เฮียฮ้อ"
เริ่มหัวข้อโดย: รัตตรา ที่ มกราคม 28, 2007, 10:19:18 PM
เลิกซื้อมาฟังได้ สิบเก้าปีแล้วครับ เพราะรู้ว่า...มันเปลี่ยนไป  ชอบฟังมันส์สะใจดี..

แต่ตรู..ไม่ซื้อให้ท่านรวยหรอก...ฟังจากที่เขาก็อป..มาให้ฟังดีก่า...ท่านจะได้ไม่ต้องรวยเกินเขาไป..


หัวข้อ: Re: เมื่อพ่อค้าชื่อ "แอ๊ด" เจอนายทุนชื่อ "เฮียฮ้อ"
เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ มกราคม 29, 2007, 08:07:39 AM
เพื่อชีวิต.ก็ต้องกินข้าว.อยากสบาย เป็นธรรมดาครับ.ไม่แปลก.ที่จะเปลี่ยนไป :VOV:


หัวข้อ: Re: เมื่อพ่อค้าชื่อ "แอ๊ด" เจอนายทุนชื่อ "เฮียฮ้อ"
เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ มกราคม 29, 2007, 09:52:32 AM
ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน


หัวข้อ: Re: เมื่อพ่อค้าชื่อ "แอ๊ด" เจอนายทุนชื่อ "เฮียฮ้อ"
เริ่มหัวข้อโดย: xiehua dun ที่ มกราคม 29, 2007, 09:55:28 AM
ฟัง โป่ง ปฐมพงษ์ ดีกว่าเรา


หัวข้อ: Re: เมื่อพ่อค้าชื่อ "แอ๊ด" เจอนายทุนชื่อ "เฮียฮ้อ"
เริ่มหัวข้อโดย: toygun ที่ มกราคม 29, 2007, 10:01:43 AM
 :D


หัวข้อ: Re: เมื่อพ่อค้าชื่อ "แอ๊ด" เจอนายทุนชื่อ "เฮียฮ้อ"
เริ่มหัวข้อโดย: bigbuffalo ที่ มกราคม 29, 2007, 10:43:06 AM
ฟังบ้าง แต่ไม่ซื้อ ถือว่ายังไงเขาก็ต้องร้องให้เราฟัง