เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ฟ้อง 10 ล้าน รพ.ชุ่ยทำแม่ลูกติดเอดส์
   
ร้องสภาทนายความขอความเป็นธรรมรายนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 ม.ค. นายชม (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี อาชีพ  ทำนาอาศัยอยู่ใน จ.บุรีรัมย์ นำเอกสารและหลักฐานการทำคลอดของนางแจ๋ว (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ภรรยาเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ นายพลกฤต เนาว์ประโคน ประธานสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ให้ช่วยเหลือฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ เป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นต้นเหตุของความผิดพลาดทำให้ภรรยาและบุตรสาวติดเชื้อเอชไอวีจนได้รับความทุกข์ทรมานทั้ง  ร่างกายและจิตใจ ทุกวันนี้ไม่กล้าออกไปสังสรรค์กับผู้คนในสังคม ไปที่ไหนก็มีแต่คนแสดงท่าที    รังเกียจเดียดฉันท์
 
ทั้งนี้ นายชม อ้างว่าได้แต่งงานอยู่กินกับภรรยามีบุตรชาย 1 คน ต่อมาภรรยาตั้งครรภ์บุตรคนที่สองก็ไปฝากท้องที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ระหว่างตั้งครรภ์ก็ไปตรวจสุขภาพ และตรวจเลือดเดือนละ 1 ครั้ง ผลตรวจเลือดเป็นปกติดี กระทั่งวันที่ 3 ก.ย. 48 ภรรยาไปทำคลอดที่โรงพยาบาลมีอาการไม่สู้ดีนัก โดยตกเลือดและรกค้าง แต่คลอดบุตรสาวน้ำหนักถึง 3,300 กรัม ออกมาปลอดภัย แพทย์และพยาบาล นำเลือดที่บริจาคจากคลังมาเปลี่ยนถ่ายให้ภรรยาและบุตรสาวพักฟื้นร่างกายแข็งแรงก็กลับบ้านได้ แต่หลังคลอด 4 เดือนบุตรสาวล้มป่วย ท้องเสียบ่อยแถมหูข้างขวาเป็นน้ำหนวกนำส่งโรงพยาบาล เดิมอาการไม่ดีขึ้น ตัดสินใจนำไปโรงพยาบาล   จ.สุรินทร์ เจาะเลือดทั้งแม่และลูกไปตรวจปรากฏว่าติดเชื้อเอชไอวี สร้างความตื่นตระหนกให้ทั้งครอบครัวเป็นอย่างมาก
 
“เพื่อความแน่ใจ ผมจึงพาครอบครัวมีพ่อแม่ ลูกชายและลูกสาวมาตรวจเลือดอีกครั้งที่โรงพยาบาลใน จ.นครราชสีมา ทางโรงพยาบาลยืนยันผลเลือดว่าผมกับลูกชายเป็นปกติ ส่วนภรรยาและลูกสาวติดเชื้อเอชไอวี จากนั้นไม่นานภรรยาและบุตรสาวก็ล้มป่วยลง อาการทรุดหนัก เดินไม่ได้ต้องนอนให้ป้อนข้าวป้อนน้ำเพียงอย่างเดียว ตัดสินใจมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ฟ้องร้องค่าเสียหายระหว่างการรักษา ค่าเสียเวลา ค่าเสียโอกาสในการประกอบอาชีพและความทุกข์ทรมานจากสังคมรังเกียจ จากโรงพยาบาลต้นเหตุและกระทรวง สาธารณสุขเป็นเงินรวม 10 ล้านบาท” นายชมกล่าวพร้อมร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศก
 
ทางด้านนายพลกฤต ประธานสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์รับเรื่องร้องเรียนเอาไว้และรับปากจะยื่นฟ้องร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามที่ผู้เสียหายต้องการ ถ้าหากเป็นความผิดพลาดของทางโรงพยาบาลจริง อยากให้เป็นกรณีตัวอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกับครอบครัวอื่นอีก
 
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์ผู้บริหารของโรงพยาบาลแห่งนี้แล้ว แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดไม่สามารถติดต่อได้ รวมทั้งแพทย์เวรและพยาบาลอ้างว่าไม่มีอำนาจในการให้ข้อมูลแต่อย่างใด ต้องรอวันทำการวันที่ 29 ม.ค. อีกครั้ง.
 
 

 
    ข่าวจาก เดลินิวส์

น่าตกใจมาก   

รอฟังเสียงโต้ตอบจากนายกฯแพทยสภาให้ดีเหอะ รายนี้ออกทีวีทีไรเป็นหลับหูหลับตาปกป้องคนในสังกัดเหมือนกับเป็นเทวดา สามัญชนอย่างเราแตะต้องได้ซะที่ไหน...มาแต่ละทีพูดเหมือนกับมีแต่คนโง่ๆไม่สำนึกบุญคุณกันทั้งนั้น

ถ้าแม่ลูกคู่นี้ติดเชื้อเอดส์จากความเลินเล่อของโรงพยาบาลจริง เงิน10ล้านจะทดแทนความสูญเสียนี้ได้หรือ ?

จริยธรรมสมัยนี้ คนสะกดไม่ค่อยจะถูกนะครับ

น่าเห็นใจคุณพ่อครับ  :OO รอฟังผลด้วยคนครับ

ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นครับ.....สงสารคุณพ่อครับ

น่าเศร้าครับ :-\ เป็นเพราะหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบให้ดีว่าเลือดที่รับบริจาคปลอดเชื้อหรือเปล่าและนำมาให้คนไข้
แย่จริงๆ นี่เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ เรียก 10 ล้านมันน้อยไปครับผมว่า >:(

0.3% ที่มีโอกาสติดเชื้อ HIV หรือไวรัสตับอัเสบ B. C ครับ เป็นรายงานจากสภากาชาดไทย เพราะคนที่บริจากเลือดในขณะนั้นไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากเชื้อยังไม่ฟักตัว......ซึ่งโดยปรกติทั่วไปการบริจาคเลือดไม่ได้ทำกันง่ายๆ ผู้ที่บริจาคจะต้องเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรง และต้องทำการทดสอบผลเลือดก่อนที่จะบริจาคครับ
อย่างไรก็ตาม....การติดเชื้อ HIV สามารถติดได้จากความสกปรกในห้องผ่าตัดก็เป็นไปได้ หรือติดเชิ้อหลังจากการผ่าตัด ต้องติดตามข่าวต่อไปอย่างไกล้ชิดครับ

น่าเห็นใจ เหยื่อเคราะห์ร้ายรายนี้มากๆครับ

 :OO

น่าเห็นใจครับ..รอฟังข่าวอีกที

ฟ้องสิบล้าน ถึงผิดจริง ตัดสินแล้ว ก็เห็นได้กันไม่กี่แสนหรอกครับ........เศร้า.....