เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ต่อมา ช่วงค่ำวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา พ.ต.อ.รณพงศ์ พร้อมกับ พ.ต.ต.โชคดี ศรีเมือง สารวัตร นปพ.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ร.ต.อ.สุริยันต์ วิมลเมือง รอง สว.นปพ. และกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 10 นาย วางแผนจับกุมตัวพระอธิการมโน โดยเบื้องต้นนางไก่ได้แจ้งเบาะแสให้ทราบถึงพฤติกรรมว่า พระอธิการมโนจะพกปืนติดตัวเป็นประจำ และระหว่างที่เจ้าอาวาสแวะจากกุฏิมาหายังที่พัก ซึ่งอยู่ที่ศูนย์แพทย์แผนไทย ห่างกันประมาณ 100 เมตร แต่จะใช้เส้นทางหลบเลี่ยงผู้คน โดยลัดเลาะริมรั้ว ผ่านเมรุแทน และมักจะกลับออกไปเวลาประมาณ 04.00-05.00 น. แต่งตัวสวมเสื้อสีทึบคลุมทับอังสะ สบงไว้ พร้อมกับสวมหมวกปิดบังอำพรางใบหน้า

จากนั้นเวลา 01.00 น. วันที่ 15 มีนาคม ตำรวจได้นำกำลังเข้าซุ่มตามจุดที่คาดว่าพระอธิการมโนจะใช้เป็นเส้นทางเดินกลับกุฏิในช่วงย่ำรุ่ง โดยมีผู้สื่อข่าวติดตามเฝ้ารอบันทึกภาพการจับกุมด้วย จนกระทั่งเวลา 04.45 น. เป็นช่วงที่ญาติโยมมารอเก็บอัฐิของผู้ตาย ชาวบ้านเริ่มมาจับจ่ายซื้อของในตลาดใกล้วัด ตำรวจสังเกตเห็นว่าผ้าม่านในที่พักของนางไก่ถูกเปิดแง้มออก สักพักได้เห็นเงาคนเดินออกมา แต่แล้วก็เดินกลับเข้าไปในที่พัก เพราะช่วงนั้นสัปเหร่อกำลังตักน้ำอยู่ ทำเช่นนี้อยู่ 2 ครั้ง

กระทั่งครั้งสุดท้ายได้เดินออกมา เจ้าหน้าที่ที่ซุ่มอยู่บริเวณเต็นท์งานศพ ได้จู่โจมเข้าควบคุมตัวไว้ ก็พบว่าเป็นพระอธิการมโน โดยแต่งกายสวมอังษะ นุ่งสบง มีเสื้อคลุมสีทึบสวมทับ และสวมหมวกยาวปิดถึงจมูก เมื่อค้นในตัวพบอาวุธปืนขนาด .32 เหน็บไว้ที่รัดประคด ทะเบียนปืน  ;D ;D ;Dกท-2014163 ;D ;D ;D บรรจุกระสุนในรังเพลิง 6 นัด ในกระเป๋าหน้าอังสะพบซองบรรจุกระสุนอีก 10 นัด เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปยัง สภ.อ.ปากพนังทันที เพราะขณะนั้นชาวบ้านได้ทยอยมาดูเหตุการณ์จำนวนมาก โดยแจ้งข้อหาว่า ครอบครองและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต

จากการสอบสวนเบื้องต้น พระอธิการมโน กล่าวว่า เดิมชื่อนายมโน บุตรครุฑ อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 4 ต.ปกาสัย อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ เคยถูกดำเนินคดีเรื่องอาวุธสงคราม ฆ่าคนตาย และปล้นทรัพย์มาแล้วประมาณ 6-7 คดี แต่ได้วิ่งเต้นจนเรื่องคดีหลุด จึงได้มาบวชเป็นพระภิกษุ ตั้งแต่อายุ 22 ปี ที่วัดแจ้ง ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ จากนั้นได้ย้ายมาอยู่ที่วัดนาควารี จนถึงขณะนี้รวม 14 พรรษา

พระอธิการมโน กล่าวต่อว่า อาวุธปืนที่ถูกจับกุมได้เป็นของนายสมคิด (ไม่ทราบนามสกุล) ญาติโยมที่อยู่ใกล้วัดได้นำมาจำนำไว้ และเห็นว่าช่วงกลางคืนที่ต้องออกตรวจตราดูบริเวณที่นกนางแอ่นมาทำรัง อาจพบกับโจรผู้ร้าย จึงพกติดตัวไว้ แต่ยอมรับว่าได้มีความสัมพันธ์กับนางไก่จริง ประมาณ 5 เดือนแล้ว แต่ไม่เคยมีลูกด้วยกัน

แกน่าจะไปเป็นพระอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้นะ ;D

บวชตั้งแต่ อายุ 22ปี....เฮ้อ..!!!! กลุ้มใจ...ไม่ดีขึ้นเลยนะ :DD :<<

 :) ทำไมถึงต้องใช้ นปพ.ตั้งสิบกว่านายไปจับกุมพระรูปเดียวคับ...

มีการวางแผนกันก่อนแถมสืบหาข้อมูลเป้าหมายอย่างละเอียดมาแล้ว...

ไม่ธรรมดาคับ...  ::)

นี่หนอเมืองพุทธ :P

ช่าย...ผมก็คิดเหมือนคุณหมอเลยครับ

อย่าให้รูปลักษณ์ภายนอกมาหรอกตาครับ..(บวชนานแต่ไม่ปฏิบัติ) ต้องมองที่แก่นแท้ของธรรม

ถ้าธรรมะเสมือนต้นไม้...แก่นของธรรมะก็คือแก่นของต้นไม้ ซึ่งยากที่จะมองเห็นได้

เพราะส่วนมากจะมองที่กระพี้ หรือเปลือกของต้นไม้ (พิธีกรรม ต่าง ๆ ฯลฯ) หาใช่แก่นของต้นไม้

(การปฏิบัติธรรม ทำดี ละชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส เป็นอาทิ) เพราะธรรมะไม่มีวันเสื่อม ทำวันนี้ก็ได้กับเราวันนี้

ธรรมะไม่มีกาลเวลา ต้องลงมือปฏิบัติเอง ต้องรู้เอง เพราะบางสิ่งบางอย่างไม่สามารถบอกต่อกันได้

อนึ่งการปฏิบัติธรรมไม่จำเป็นต้องบวช...คนที่บวชบางทีอาจจะไม่ได้เพื่อปฏิบัติธรรม

(ซึ่งมีเป็นส่วนน้อย).....ต้องช่วยกันดูแลครับผม........เพราะท่านสมาชิกทุกท่านก็ปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว


ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมครับ

คารวะทุกท่านครับ

 

การจับกุมไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องสงสัยคนเดียวหรือหลายคน ไปหลายคนน่าจะอุ่นใจมากกว่ามั่ง 

 :D ดีครับ...กำจัดมารศาสนา เอาผ้าเหลืองบังหน้าทำความชั่วโดยไม่ละอายใจ...และน่าจะประนาม "นางไก่" อีกคน .... >:(

...กล่าวได้ถูกใจครับ   :) 8)

ไปจับคนๆ เดียวแต่อาจมีพรรคพวกมาล้อมถึงต้องไปกันแยะๆ ครับ ยิ่งเป็นพระด้วยคนไปจับอาจโดนสาธารธณะบาทาจากชาวบ้านที่ไม่เชื่อก็ได้ :~)

ไปกันแยะๅ สิ่งแรกเขาอสอนให้จำคือต้องเก็บพรรคพวกขึ้นรถกลับกันให้ครบ :<<

ท่านมโนโดนจับสึก สมควรส่งท่านซับไปอยู่แทน

[/color][/b]

หนึ่งในหลายพันของคนโกนหัวห่มเหลือง

บางคน(รูป)มีเมียหลวง เมียน้อยเป็นตัวเป็นตน ทราบกันทั่วของชาวบ้านละแวกนั้นๆ

แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรได้  คงทำบุญไว้เยอะ ค่อยไปใช้หนี้ตอนตกนรกอเวจี

.....สมควรแล้วครับ....นี่แหละเวรกรรมมีจริงๆ....อาจเห็นผลช้าหน่อยแต่ไม่เคยมีผู้ใดหนีพ้น...

 :-X :-X :-X :-X

แล้วนี่จะเป็นข้ออ้างในการจำกัดอาวุธปืนของใครบางคนหรือเปล่าครับ

 พุทธศาสนามัวหมองลงทุกวัน คนจะห่างวัดไปเรื่อย เพราะมารผ้าเหลืองพวกนี้  (  โอ้  โอมชินริเกียว )

 :D~
ครับ
นรกรอคอย อยู่
 >:(

ทุกวันนี้ที่ผมไหว้อยู่คือผ้าเหลือง ครับตอนนี้ไม่ค่อยศรัสธาในศาสนาแล้ว
เพราะส่วนมากที่ผมเห็นอยู่ในวัดจะมีแต่เรื่องผลประโยชน์
ญาติกับคนใกล้ชิดเกาะเป็นปลิงเลยนะครับ
 :'(อันนี้อาจเป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ที่ดีๆผมไม่ค่อยเจอ   :-\

ประเทศไทยเราน่าจะมีกฎหมายเอาผิดกับพวกนักบวช ที่หลอกลวงประชาชน
ทำผิดวินัย หาบทลงโทษให้หนักๆ แบบว่าติดคุกสัก20ปี ยึดทุกอย่างที่มีหลังจากการบวช
ถ้ากฎหมายเข้มแข็ง มารศาสนาคงน้อยลง

 ยุคนี้ ทำเอ๋ย........ทำใจ ทำไงทำกัน เฮ้อ เวลคั่ม (เวรกรรม)

 :-\

ยุคนี้เป็นยุควัตถุนิยม     คำสอนของพระพุทธเจ้าหรือที่เรียกว่าแก่นแท้ของพุทธศาสนา    ถูกเบี่ยงเบน    จะเห็นได้ว่าหลายๆวัดมีการโฆษนาชวนเชื่อ   ว่าทำบุญด้วยการบริจาคทรัพย์เยอะๆเพื่อสร้าง  โบสถ์  วิหาร  เจดีย์   ยิ่งใหญ่โตอลังการแค่ไหนก็จะได้บุญมาก  ได้ขึ้นสวรรค์   หรือได้นิพพาน     มันเป็นวิธีการสร้างความเชื่อความเลื่อมใสศรัทธาจากวัตถุ    มันเป็นการสร้างบุญจอมปลอม       ผมเคยถามคนในหมู่บ้านหรือคนที่รู้จักเวลาที่เขากลับจากไปทอดผ้าป่าวัดโน้นวัดนี้    ว่าเป็นอย่างไรบ้าง     จะได้รับคำตอบแทบจะเหมือนกัน   คือวัดเขาสวย    มีโบสถ์สวยใหญ่โต     มีเจดีย์สูงใหญ่สวยงาม     จะไม่เคยได้ยินเลยว่า่    หลวงพ่อท่านเทศน์ดี   สอนให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ   ฟังแล้วทราบซึ้ง   อยากจะไปฟังใหม่   

เมื่อมีธุรกิจมา่ก   มีเงินเข้าวัดมาก ๆ   อำนาจเงินก็ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ ตามวัดดัง ๆ ที่เป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ     แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี      ในฐานะพุทธศาสนิกชน    :<< :<< :<<

 ;D ;D ;D

โธ่....ผมบวชแล้วครับ
(จริงๆ ถึงไม่บวชก็เหมือนบวชมาตั้งกะเกิด เพราะบ้านใกล้วัด ช่วยพระทำนู่นทำนี่ ซ่อมกุฏิ ทำบันไดโรงฉัน ลอกสระมั่ง...วู้ย...เรื่องเข้าโบสถ์ไหว้พระน่ะ น้อยสุดเลยครับ  ;D ;D

สมัยเด็กๆ จะเข้าวัด ต้องเอาหนังกะติ๊กซ่อน ไม่ให้พระอาวุโสเห็น ไม่งั้นโดนเรียกเก็บ ผมทำอะไรไม่ได้ เพราะผู้ปกครองให้ไฟเขียว ท่านลงไม้เรียวผมได้ ปัจจุบัน มรณะภาพไปราวๆ15ปีแล้ว..วัณโรคครับ)