หัวข้อ: เชิญอ่านดูเลยครับ..แล้วเชิญวิพากษ์ตามสบาย..สมควรแล้วจริงๆ เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ มีนาคม 19, 2005, 07:21:17 AM http://www.dailynews.co.th/blame.asp?columnid=8754
หัวข้อ: Re: เชิญอ่านดูเลยครับ..แล้วเชิญวิพากษ์ตามสบาย..สมควรแล้วจริงๆ เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ มีนาคม 19, 2005, 07:33:11 AM ขออนุญาติเพิ่มเติมเนื้อหาข่าวนะคับ
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9480000037552&Keyword=%bb%c3%d0%cb%d2%c3 โดยส่วนตัวก็รังเกียจคนจำพวกนี้อยู่แล้วและคิดว่าการตายดูจะสบายไปสำหรับคนพวกนี้ถึงแม้จะมีการลงโทษแบบอื่นก่อนประหาร คับผม หัวข้อ: Re: เชิญอ่านดูเลยครับ..แล้วเชิญวิพากษ์ตามสบาย..สมควรแล้วจริงๆ เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ มีนาคม 19, 2005, 10:49:24 AM ปกติผมไม่ค่อยชอบออกความเห็นในแง่ลบ แต่ฆ่าข่มขืนเด็กมา16ศพ ตายแบบนี้ยังสบายไปด้วยซ้ำถ้าเทียบกับความหวาดกลัว-ขมขื่นที่เหยื่อต้องเจอก่อนถูกมันฆ่า :(
หัวข้อ: Re: เชิญอ่านดูเลยครับ..แล้วเชิญวิพากษ์ตามสบาย..สมควรแล้วจริงๆ เริ่มหัวข้อโดย: SV ที่ มีนาคม 19, 2005, 11:00:45 AM โหด..แต่..สมควร
หัวข้อ: Re: เชิญอ่านดูเลยครับ..แล้วเชิญวิพากษ์ตามสบาย..สมควรแล้วจริงๆ เริ่มหัวข้อโดย: visith ที่ มีนาคม 19, 2005, 11:06:49 AM :( ตายง่ายและสบายไปหน่อย น่าจะให้ญาติผู้เคราะห์ร้ายและประชาชนรุมประชาทัณฑ์ให้ตายคาที่ จะได้รับรู้รสความเจ็บปวดที่มันกระทำต่อเด็กที่ไม่มีทางสู้.. ค่อยสาสมกับความเลวที่มันก่อหน่อย... >:(
หัวข้อ: Re: เชิญอ่านดูเลยครับ..แล้วเชิญวิพากษ์ตามสบาย..สมควรแล้วจริงๆ เริ่มหัวข้อโดย: บาร์ท รักในหลวง ที่ มีนาคม 19, 2005, 11:08:59 AM สมควรตายครับ แต่น่าจะมีการประชาทัณฑ์ก่อนการประหารจริงๆ >:(
หัวข้อ: Re: เชิญอ่านดูเลยครับ..แล้วเชิญวิพากษ์ตามสบาย..สมควรแล้วจริงๆ เริ่มหัวข้อโดย: หินเหล็กไฟ ที่ มีนาคม 28, 2005, 04:18:06 PM ให้ตายแบบนี้จะดีใหม...จับมันมัดมือไพล่หลัง...แล้วเอาน้ำก๋วยเตี๋ยว...ราด..วันละทัพพี..หรือคนอื่นว่าไง
หัวข้อ: Re: เชิญอ่านดูเลยครับ..แล้วเชิญวิพากษ์ตามสบาย..สมควรแล้วจริงๆ เริ่มหัวข้อโดย: yakdee ที่ มีนาคม 28, 2005, 05:05:44 PM มนุษย์มีปัญญาในการแยกแยะสิ่งดีงามและชั่วร้ายออกจากกัน
มนุษย์ที่ได้รับการขัดเกลาด้วยธรรม ย่อมใช้สติในการพิจารณาสิ่งหนึ่งสิ่งใด การที่มนุษย์เราลงโทษด้วยการพล่าผลาญชีวิตผู้กระทำความผิด...ด้วยการทรมาน...ย่อมไม่ต้องด้วยธรรม บาปและกรรม เป็นสิ่งที่คู่กันไป...ไม่อาจหลีกแยกจากกันได้ คนทำเวรทำกรรม จิตใจของบุคคลนั้น ๆ ย่อมไม่อยู่สุข และเป็นทุกข์ในใจเสมอ ยามนอนก็นอนตาไม่หลับ ยามกินอาหารก็ไม่อิ่มเอมโอชะเยี่ยงผู้ประพฤติดีงาม พระท่านว่า..นั่นคือนรกในใจของผู้นั้นโดยแท้ ทำความผิดครั้งเดียวหรือหลายครั้ง...ใหญ่หรือน้อย....ล้วนแล้วก็เป็นความผิดเสมอกัน เพียงแต่เราส่วนใหญ่เห็นว่า น่าจะลงโทษให้มากขึ้นตามกรรมและวาระแห่งการกระทำ.... การลงโทษ ก็คือ การที่สังคมได้ค้นคิดวิธีการเพื่อปรามปราบผู้กระทำการอันสังคมนั้น ๆ เห็นแล้วว่าไม่ควรอยู่คู่สังคมนั้น ๆ ต่อไป จึงเป็นการกีดกันให้ผู้ที่กระทำผิดจากกฎเกณฑ์ของสังคมหลุดพ้นไป ตายก็คือตาย ใยจึงต้องทรมานก่อนตายด้วย เขาคนนั้นจะรู้สึกถึงความดีชั่วอย่างไร สุดท้ายก็ตาย ไม่มีโอกาสแม้เพียงเล็กน้อยที่จะคอยแก้ไขให้กลับดีขึ้นมาได้อีก..... ดังนั้น เมื่อตายตามคำพิพากษา หรือตามบทลงโทษของสังคม...สังคมย่อมอโหสิในกรรมที่เขาก่อขึ้นมา อย่าจองเวรต่อไปเลย..เพราะเรานั่นแหละ..ที่ถูกกรรมทำให้จิตใจไม่ผ่องใส ความคิดขุ่นมัวอยู่แต่เรื่องการแก้แค้น ลงโทษ เหมือนไฟที่คอยเผาผลาญจิตใจเราอยู่มิรู้วาย...... :-[ หัวข้อ: Re: เชิญอ่านดูเลยครับ..แล้วเชิญวิพากษ์ตามสบาย..สมควรแล้วจริงๆ เริ่มหัวข้อโดย: Kengkung ที่ มีนาคม 28, 2005, 07:07:32 PM มนุษย์มีปัญญาในการแยกแยะสิ่งดีงามและชั่วร้ายออกจากกัน เยี่ยมครับ พี่ยักษ์ดีนอกจากจะเป็นผู้ที่มีความรู้ ทำงานด้านกฎหมายแล้วยังมีธรรมะในใจด้วยครับ ข้าน้อยนับถือๆ ;) ;) ;)มนุษย์ที่ได้รับการขัดเกลาด้วยธรรม ย่อมใช้สติในการพิจารณาสิ่งหนึ่งสิ่งใด การที่มนุษย์เราลงโทษด้วยการพล่าผลาญชีวิตผู้กระทำความผิด...ด้วยการทรมาน...ย่อมไม่ต้องด้วยธรรม บาปและกรรม เป็นสิ่งที่คู่กันไป...ไม่อาจหลีกแยกจากกันได้ คนทำเวรทำกรรม จิตใจของบุคคลนั้น ๆ ย่อมไม่อยู่สุข และเป็นทุกข์ในใจเสมอ ยามนอนก็นอนตาไม่หลับ ยามกินอาหารก็ไม่อิ่มเอมโอชะเยี่ยงผู้ประพฤติดีงาม พระท่านว่า..นั่นคือนรกในใจของผู้นั้นโดยแท้ ทำความผิดครั้งเดียวหรือหลายครั้ง...ใหญ่หรือน้อย....ล้วนแล้วก็เป็นความผิดเสมอกัน เพียงแต่เราส่วนใหญ่เห็นว่า น่าจะลงโทษให้มากขึ้นตามกรรมและวาระแห่งการกระทำ.... การลงโทษ ก็คือ การที่สังคมได้ค้นคิดวิธีการเพื่อปรามปราบผู้กระทำการอันสังคมนั้น ๆ เห็นแล้วว่าไม่ควรอยู่คู่สังคมนั้น ๆ ต่อไป จึงเป็นการกีดกันให้ผู้ที่กระทำผิดจากกฎเกณฑ์ของสังคมหลุดพ้นไป ตายก็คือตาย ใยจึงต้องทรมานก่อนตายด้วย เขาคนนั้นจะรู้สึกถึงความดีชั่วอย่างไร สุดท้ายก็ตาย ไม่มีโอกาสแม้เพียงเล็กน้อยที่จะคอยแก้ไขให้กลับดีขึ้นมาได้อีก..... ดังนั้น เมื่อตายตามคำพิพากษา หรือตามบทลงโทษของสังคม...สังคมย่อมอโหสิในกรรมที่เขาก่อขึ้นมา อย่าจองเวรต่อไปเลย..เพราะเรานั่นแหละ..ที่ถูกกรรมทำให้จิตใจไม่ผ่องใส ความคิดขุ่นมัวอยู่แต่เรื่องการแก้แค้น ลงโทษ เหมือนไฟที่คอยเผาผลาญจิตใจเราอยู่มิรู้วาย...... :-[ ป.ล. ว่าแต่ขอเพลง เหงา...เข้าใจ ของปาน ธนพรหน่อยจิฮับ อิอิ ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: เชิญอ่านดูเลยครับ..แล้วเชิญวิพากษ์ตามสบาย..สมควรแล้วจริงๆ เริ่มหัวข้อโดย: BSW ที่ มีนาคม 28, 2005, 08:19:33 PM มนุษย์มีปัญญาในการแยกแยะสิ่งดีงามและชั่วร้ายออกจากกัน มนุษย์ที่ได้รับการขัดเกลาด้วยธรรม ย่อมใช้สติในการพิจารณาสิ่งหนึ่งสิ่งใด การที่มนุษย์เราลงโทษด้วยการพล่าผลาญชีวิตผู้กระทำความผิด...ด้วยการทรมาน...ย่อมไม่ต้องด้วยธรรม บาปและกรรม เป็นสิ่งที่คู่กันไป...ไม่อาจหลีกแยกจากกันได้ คนทำเวรทำกรรม จิตใจของบุคคลนั้น ๆ ย่อมไม่อยู่สุข และเป็นทุกข์ในใจเสมอ ยามนอนก็นอนตาไม่หลับ ยามกินอาหารก็ไม่อิ่มเอมโอชะเยี่ยงผู้ประพฤติดีงาม พระท่านว่า..นั่นคือนรกในใจของผู้นั้นโดยแท้ ทำความผิดครั้งเดียวหรือหลายครั้ง...ใหญ่หรือน้อย....ล้วนแล้วก็เป็นความผิดเสมอกัน เพียงแต่เราส่วนใหญ่เห็นว่า น่าจะลงโทษให้มากขึ้นตามกรรมและวาระแห่งการกระทำ.... การลงโทษ ก็คือ การที่สังคมได้ค้นคิดวิธีการเพื่อปรามปราบผู้กระทำการอันสังคมนั้น ๆ เห็นแล้วว่าไม่ควรอยู่คู่สังคมนั้น ๆ ต่อไป จึงเป็นการกีดกันให้ผู้ที่กระทำผิดจากกฎเกณฑ์ของสังคมหลุดพ้นไป ตายก็คือตาย ใยจึงต้องทรมานก่อนตายด้วย เขาคนนั้นจะรู้สึกถึงความดีชั่วอย่างไร สุดท้ายก็ตาย ไม่มีโอกาสแม้เพียงเล็กน้อยที่จะคอยแก้ไขให้กลับดีขึ้นมาได้อีก..... ดังนั้น เมื่อตายตามคำพิพากษา หรือตามบทลงโทษของสังคม...สังคมย่อมอโหสิในกรรมที่เขาก่อขึ้นมา อย่าจองเวรต่อไปเลย..เพราะเรานั่นแหละ..ที่ถูกกรรมทำให้จิตใจไม่ผ่องใส ความคิดขุ่นมัวอยู่แต่เรื่องการแก้แค้น ลงโทษ เหมือนไฟที่คอยเผาผลาญจิตใจเราอยู่มิรู้วาย...... :-[ ...เป็นข้อความที่ดีมากๆเลยครับ... ;D |