เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

เพิ่งจะได้Gold Cup S 80 มาครับ....
ดูในกระทู้เก่าๆก็ได้ความว่า...
1. Gold Cup ทางโรงงานจะให้สปริงมา2ชุด...สําหรับยิงลูกซ้อมกับลูกจริง
ส่วนกระบอกของผม...หาดูในกล่องไม่มีครับ...ติดปืนมาชุดเดียว
2. บางกระทู้บอกว่า...(ในกรณีที่มีสปริงชุดเดียว)..สปริงติดปืนมักจะอ่อน..เพื่อสําหรับยิงลูกซ้อมอย่างเดียว

ที่นี้ผมเอามาลองยิงทั้งลูกจริง ลูกซ้อม...มีความรู้สึกว่า สไลด์ถอยเร็วและกระแทกโครงค่อนข้างแรง เทียบกับกระบอกอื่นๆ
ที่มีอยู่แล้ว...รู้สึกแตกต่างชัดเจน( เทียบกับ 1911A1 / Kimber Compact CDP / 1991A1 Compact)

ขอถามนะครับ..
1 จะเอาสปริงไปวัดได้ที่ไหนครับว่ากี่ปอนด์...
2 ถ้าจะเปลี่ยนสปริงใช้ของอะไรดี ใช้กี่ปอนด์ (ให้ยิงทั้งลูกจริงและลูกซ้อม)
3 เคยไปขอดูสปริงของWolfที่Gun&Guys...ในชุดมาพร้อมสปริงเข็มฯ....จําเป็นมั๊ยครับที่ต้องเปลี่ยนทั้งคู่...เปลี่ยนแต่สปริงรีคอยล์
อย่างเดียวได้มั๊ยครับ...


ตัวนี้ครับ...

(http://i9.tinypic.com/48e1jf4.jpg)[/img]


ขอบคุณทุกคําตอบครับ...

ที่ได้กันมา ล็อตเก่า จะมีสปริงแค่ตัวเดียวครับ แม็กฯอันเดียวด้วย ส่วนรุ่นหลังๆ สปริงสองอัน แม็กฯอะไหล่อีกอัน

สปริงที่ได้มาทั้งสองอัน  ค่อนข้างอ่อนทั้งคู่  แต่ไม่เคยเอาไปวัดแรงดันสปริงครับ

แนะนำให้เปลี่ยน ขนาด 16.5 ปอนด์ ขนาดมาตรฐานเดิม เพราะกระสุนซ้อมบ้านเราแรงตึงมือพอสมควร  ปืนไม่ได้ฟิตแน่นเท่าไหร่  ถ้าปืนฟิตแน่นทั้งระบบ ยิงแต่ลูกซ้อม 14 ปอนด์ยังไหว

เมื่อเปลี่ยนแล้ว  ก็เปลี่ยนสปริงเข็มฯแทงชนวนไปด้วยเลย  เพราะจะเซ็ตมาพอดีกัน พอป้องกันปัญหา เวลาสไลด์ดีดกลับแรงๆ ตัวเข็มฯจะได้มีแรงต้าน ไม่มีแรงเฉื่อยพุ่งไปเอง อันจะทำให้ปืนลั่นรั่ว  นี้ว่ากันตาม ทฤษฎี นะ แต่ถ้าสปริงเข็มฯของเดิม มีค่าความยืดหยุดเหมาะสม ไม่เปลี่ยนก็ไม่เป็นไร คือลองบรรจุชุดละสองนัด ลองยิงดูหลายๆชุดดู

ส่วนตัวแล้ว ปืนโคลท์ รุ่นหลังๆ ของผมเองสองกระบอก สปริงเข็มฯ ล้าง่ายมาก สังเกตุได้จากรอยขีดที่ปลอก (บางกรณีใช้กระสุนแรงหรือ รีคอลย์สปริงเสื่อม ก็เป็นเหมือนกัน เปลี่ยนรีคอลย์ ก็หาย) พอถอดออกมาเที่ยบ กะของคนอื่น ทั่งสองของผม มันหดสั้นไปกว่าเขา  ทั้งที่ของเขาเป็นปืนเก่าอายุหลายปี  เที่ยบอยู่หลายกระบอก ก็เป็นแบบเดียวกัน  เลยซื้อสปริงเข็มฯมาเปลี่ยน รอยขีดปลอกก็หาย นานๆถอดมาเช็คดู ก็ยาวปกติ

ลองดูสปริงนกสับด้วยนะครับ  ถ้าสปริงนกอ่อนสไลด์ก็ถอยเร็วกว่าปรกติน่ะครับ

ซื้อสปริงเปลี่ยนใหม่เลยครับเส้นนึงไม่กี่บาท 8)

ขอบคุณครับ... ;D ;D ;D ;D

GC. NM.SS  ผมได้สปริง2ตัว ค่าKต่างกัน แต่ไม่ทราบกี่ปอนด์

ครับ...ประมาณ700ครับ... แต่ผมอยากให้แน่ใจก่อนน่ะครับ...ว่าสปริงเก่ามันอ่อนกว่าจริง...ไม่งั้นซื้อมาใส่ก็เหมือนเดิม

ของผมใช้ วูฟ 14 ปอน์ด ยิงมานานแล้วครับ ไม่แจมเลยครับ . . . ยิงทั้งลูกจริง+ซ้อม ครับ

ให้แก้ที่สปริงนกครับ  ไม่ใช่รีคอยล์สปริง

ขออนุญาตถามหน่อยนะครับ . . . ทำไหมถึงไปแก้ที่สปริงนกละครับ ท่านผู้การ

สปริงนกสับจะออกแรงต้านสไลด์ในช่วงจังหวะแรกที่กระสุนระเบิด  ทำให้สไลด์ไม่ถอยเร็วเกินไป
ส่วนรีคอยล์สปริง ถ้าขนาดไม่เหมาะสม ปืนจะมีอาการติดขัดฟ้องออกมา

ผมจะลองเปลี่ยนสปริงนกสับดูก่อนครับ...
อาการเป็นอย่างที่บอก..สไลด์ถอยเร็วและรู้สึกว่ากระแทกโครงปืนแรง
ลองยิงลูกจริงกับลูกซ้อมรวมๆกัน60นัด...ไม่แจมสักนัดครับ...ใช้ลูกบูลเล็ทฯทั้งหมด

ถ้าปืนไม่เคยแต่งไก แบบผิดๆ  ก็ลองเปลี่ยนสปริง นกสับดูครับ

ขอบคุณครับ..คุณโทน73
ไกเดิมๆครับ...ออกจะค่อนข้างหนักถ้าจะเอาไปยิงแข่ง..แต่ก็คมใช้ได้ครับ
ผมคงไม่แต่งไก เอาไว้ยังงี้แหละครับ...
แต่งไป ยิงไม่ดีโทษอะไรไม่ได้...ไม่แต่ง ยิงไม่ดียังหันไปโทษปืนได้..อิๆ

ที่บอกเพราะ มีการแต่งไกกันเอง ฝนหน้าสัมผัสจนบาง  จะล้มมิล้มแหล่  แล้วก็มีการแก้ไขที่ปลายเหตุต่อ โดยการตัดสปริงนกสับให้อ่อนลง เพื่อลดแรงดันแง่เซียร์ 

ที่นี้พอจะกลับมาใช้สปริงแรงดันมาตรฐาน  เชียร์อาจล้ม ครับ

ผมเคยเจอกับปืนซื้อต่อเขามา...BHP Mark III ไกเบาหวิว..แต่สับลั่นบ้างไม่ลั่นบ้าง
อาการสุดท้ายก่อนเข้าอู่คือเข็มแทงชนวนค้างเติ่งไม่กลับที่
เลยต้องเอาไปให้ลุงสังเวียนแก้ไข..สปริงก็ต้องเปลี่ยนใหม่หมด ตอนแต่งไกพ่อตัดซะ..

ตอนนี้ไกหนักเหมือนปืนรุ่นนี้ตอนใหม่ๆ..ยิงไปแยกเขี้ยวไป...เอาไว้ฝึกเหนี่ยวไกดีครับ...ยิงกระบอกอื่น เดินไกนิ่มเลย

สปริงขดลวดจะให้แรงเต็มที่เมื่อหดตัวลงจนสุด   สปริงนกจะหดตัวสุดทางเมื่อสไลด์ถอยหลังมาเพียงหนึ่งในสาม  จึงเป็นตัวรับแรงถอยได้เต็มกำลังของมัน
ส่วนรีคอยล์สปริงหดสุดเมื่อสไลด์ถอยสุด  จึงช่วยต้านแรงถอยได้น้อยมาก แต่มีบทบาทสำคัญในการส่งสไลด์กลับเข้าที่

การแต่งไกที่ถูกต้อง คือการทำให้แง่ที่นกปืนบางลง แต่ห้ามแตะต้องกับเซียร์ (ยอดเซียร์ควรเป็นคมมีดด้านเดียว ทำมุม 85-87 องศา)  ที่จริงมีสูตรคำนวณได้เลยว่าแง่นกลึกเท่าไหร่ จะได้ไกกี่ปอนด์

เรื่องค่าความแข็งของสปริงค์ในปื 1911 นั้นขึ้นอยู่กับปืนแต่ละกระบอก และ กระสุนที่ใช้ด้วยครับ แข็งมากไปก็ไม่ดี อ่อนไปก็ไม่ได้ อย่างปืน ที่ฟิตติ้ง มาใหม่ ๆ ยังไม่เข้าที่ สปริงค์ รีคอยล์ตัวเดิมที่เคยใช้อาจเบาไป ทำให้ สไลด์ ดันกระสุนเข้าไม่สุด อาจต้องใช้สปริงค์ ที่แรงขึ้นมาใส่แทนก็ได้ ส่วนปืนที่ยิงไปนาน ๆ ค่า K ของสปริงค์ รีคอยล์ จะลดลง จำเป็นต้องเปลี่ยน สปริงค์ รีคอยล์ เช่นกัน เพราะ ปืนจะป้อนกระสุนเข้ารังเพลิงได้บ้าง ไม่ได้บ้าง หรือ อาจใช้วิธีง่าย ๆ ในการเพิ่มค่า k โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนสปริงค์ใหม่ คือ การใส่ บัฟเฟอร์ เข้าไป ค่า k ก็จะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แต่บางกระบอกก็ใส่ บัฟเฟอร์ ไม่ได้ครับ ต้องลองใส่ดู บางกระบอกอาจทำให้การคัดปลอกเปลี่ยนไปเพราะ สไลด์อาจถอยไม่สุดเนื่องจากใส่ปริงที่มีค่า K อ่อน ทำให้ต้องใช้ปริงค์ยาว หรือ บางรุ่น ปลอกไกด์รอด อาจมากระแทกกับ ยาง บัฟเฟอร์ ก็ได้

ส่วนสปริงค์ นกสับ ถ้าแข็งไป ก็ทำให้ตั้งไกเบามาก ๆ ไม่ได้ ถ้าอ่อนไปก็ทำให้สับไม่แตก สปริงค์เข็มถ้าอ่อนไปก็ทำให้เข็มหดกลับไม่ทันทำให้ปลอกกระสุนทิ้งรอยเข็มไม่เป็นวงกลม แต่เป็นวงรีแทน ถ้าเข็งไป แล้วสปริงนกสับอ่อน ๆ ก็อาจทำให้นกสับไม่แตก แต่ก็ขึ้นกับความยาวของเข็มแทงชนวนด้วย (เดี๊ยวนี้มีเข็ม โอเวอร์ไชด์ ออกมาขายแล้วด้วย)

ส่วน เซียร์ นอกจากการขัดเซียร์ให้บางแล้ว การสึกหรอจากการใช้งานก็ทำให้เซียร์ล้มได้ด้วยเช่นกันครับ ถ้าปืนนั้นยิงไปนาน ๆ ก็จะทำให้ปืนกระบอกนั้นไม่สามารถตั้งน้ำหนักไกให้เบาได้เหมือนอย่างตอนที่ได้ปืนมาใหม่ ๆ ต้องตั้งน้ำหนักไกให้แข็งขึ้นเพื่อไม่ให้นกตาม

บางกระบอกใส่บัฟเฟอร์แล้วขัดลำบ่อยๆ ต้องเอาออกครับ

ขอบคุณมากครับ ท่านผู้การ

ได้ความรู้ดีมากครับกระทู้นี้ แต่ก่อนเข้าใจว่ารีคอยล์สปริงเป็นตัวหลักในการรับแรงจากการยิง ทีนี้กลับกลายเป็นว่าสปริงทุกตัวช่วยร่วมกันทั้งสปริงนกและรีคอยล์ แต่อยากรบกวนถามท่านผู้การสุพินท์ ว่าถ้ารีคอยล์สปริงมีบทบาทสำคัญในการส่งสไลด์กลับเข้าที่ ทำไมเวลายิงลูกจริงต้องใช้รีคอยล์สปริงแข็งกว่าครับ

มันหมายถึงจังหวะที่ถูกต้องในการดันกระสุนเข้ารังเพลิง  สปริงทั้งสองตัวต้องสัมพันธ์กัน เพราะ สไลด์ต้องมีการกระแทกตัวกับโครงปืนด้วยแรงที่เหมาะสม  ถ้าแรงไป ซองกระสุนอาจจะป้อนไม่ทัน ผมเจอบ่อยกับ 400 คอร์บอน มันจะเริ่มจากปลอกกระสุนโดนช่องคายปลอกเตะไปข้างหน้า แล้วก็กระสุนขวาง เพราะสไลด์เดินหน้าเร็วไป