เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: oil ที่ มีนาคม 26, 2005, 08:05:15 AM



หัวข้อ: ฟังหูไว้อีกหูนะครับ ช่วยกันติดตามเพื่อความเเป็นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ มีนาคม 26, 2005, 08:05:15 AM
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มี.ค. น.ส.เบญจามิน ศรีลุนสร้าง อายุ 26 ปี ในชุดคลุมท้อง เข้าพบ ร.ต.ต.ชย พานะกิจ พนักงานสอบสวน (สบ.1) ผ.4 กก.4 ป. เพื่อร้องขอ ความเป็นธรรม และขอกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ ให้ความคุ้มครอง โดยอ้างว่าถูกนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล อายุ 42 ปี ส.ส.จังหวัดสกลนคร พรรคไทยรักไทย บังคับขืนใจหลายครั้งจนตั้งท้อง แล้วบีบบังคับให้ไปทำแท้ง เมื่อไม่ยอมทำตามก็ถูกข่มขู่ เอาชีวิต โดยตำรวจท้องที่ไม่กล้า ที่จะดำเนินการทางคดี เพราะเกรงกลัวอิทธิพล

น.ส.เบญจามินซึ่งอุ้มท้องได้ 5 เดือน ให้รายละเอียดแก่พนักงานสอบสวนว่า เมื่อกลางเดือน ม.ค. 2547 ได้รู้จักนายพงษ์ศักดิ์ผ่านทางผู้ใหญ่ที่นับถือคนหนึ่ง และมีการฝากฝังให้ทำงาน เนื่องจากตนเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีมาใหม่ๆ ต่อมาปลายเดือน ม.ค. 2547 เลขานุการส่วนตัวของนายพงษ์ศักดิ์ได้ติดต่อให้ไปหานายพงษ์ศักดิ์ที่บ้านใน จ.สกลนคร พร้อมกับย้ำให้เตรียมเสื้อผ้าไปด้วย เพราะจะให้ไปช่วยงานมหกรรมวิชาการที่จะจัดขึ้นที่ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และให้เป็นดีเจจัดรายการสถานีวิทยุแห่งหนึ่ง ที่นายพงษ์ศักดิ์ซื้อเวลาไว้

น.ส.เบญจามินกล่าวต่อว่า เมื่อไปถึงนายพงษ์ศักดิ์ให้งานเป็นครูสอนหนังสือ ที่โรงเรียนเทคโนโลยีสว่างแดนดิน ที่นายพงษ์ศักดิ์เป็นเจ้าของอยู่ แม้จะพยายามบ่ายเบี่ยงว่าไม่มีที่พักและไม่สะดวกในการเดินทาง แต่ นายพงษ์ศักดิ์ก็หว่านล้อมคะยั้นคะยอขอให้พักอยู่ที่เรือนรับรองในบ้านของนายพงษ์ศักดิ์ กระทั่งใจอ่อนตอบ ตกลง หลังจากทำงานได้ 2 เดือน รู้สึกว่างานที่ทำอยู่ ไม่เหมาะกับสาขาการบริหารที่เรียนจบมา จึงทำหนังสือขอลาออก แต่นายพงษ์ศักดิ์ก็ยังขอร้องแกมบังคับให้ไปช่วยทำงานในตำแหน่งเลขานุการ ประจำสำนักงานที่สำนักงานการเมืองของนายพงษ์ศักดิ์ ช่วยหาเสียงเตรียมเลือกตั้งทั่วไป จึงตกลงอยู่ช่วยงานอีกครั้ง

"ปลายเดือนเมษายน นายพงษ์ศักดิ์ขับรถกลับมาจาก กทม. เวลาประมาณตี 1 เศษ ขณะที่หนูกำลังหลับอยู่ นายพงษ์ศักดิ์เข้ามาในห้องนอนพร้อมกับใช้กำลังข่มขืน หนูไม่ทันตั้งตัวเลยถูกข่มขืนจนได้ หลังจากนั้นก็ข่มขู่ว่า ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครไม่อย่างนั้นจะฆ่าทิ้ง เขาไม่น่าทำกับหนูเลย เพราะเขาก็มีลูกมีเมียแล้ว" น.ส.เบญจามิน กล่าวด้วยน้ำเสียงขมขื่น

น.ส.เบญจามินกล่าวต่อว่า หลังจากถูกข่มขืนก็ไม่กล้ากลับบ้าน และไม่กล้าบอกให้พ่อแม่รู้ เพราะกลัวถูกฆ่า ต้องทนอยู่กับนายพงษ์ศักดิ์อีกหลายเดือน ทำให้รู้ว่านายพงษ์ศักดิ์เป็นคนที่มีนิสัยดุร้ายชอบข่มขู่ และพกปืนติดตัวตลอดเวลา จะบอกทางบ้านก็กลัวจะเสียใจ ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำไว้เพียงลำพังคนเดียว ต่อมารู้สึกว่าตัวเองตั้งท้อง เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2547 จึงไปหาหมอให้ตรวจครรภ์พบว่าตั้งท้องจริง จึงไปบอกนายพงษ์ศักดิ์ แต่กลับถูกโวยวาย ไล่ออกจากห้องทำงาน จึงหนีกลับไป บ้านที่ อ.ศรีวิไล จ.หนองคาย ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อแม่ฟัง เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2547 ซึ่งพ่อกับแม่ได้ติดต่อให้นายพงษ์ศักดิ์ไปหาที่บ้าน จนกระทั่งในตอนเช้านายพงษ์ศักดิ์พร้อมผู้ติดตามอีก 4 คน ไปหาบอกว่าจะให้เงิน 3 แสนบาท เป็นค่าทำขวัญ ส่วนเรื่องลูกหลังจากเลือกตั้งเสร็จจะคุยกันอีกครั้ง จะให้ค่าเลี้ยงดูลูกเดือนละ 10,000 บาท ตนจึงตกลง เพราะว่าไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้แล้ว

ต่อมาวันที่ 30 ธ.ค. 2547 นายพงษ์ศักดิ์โทรศัพท์ ไปหา บอกว่าโอนเงินมาให้แล้ว 2 แสนบาท ซึ่งทางตน ก็ได้รับแล้ว และเขายังบอกอีกว่า หลังจากวันที่ 10 ม.ค. จะโอนเงินส่วนที่เหลือให้ เพราะว่าช่วงนั้นต้องใช้เงินเยอะ แต่เมื่อถึงวันนัด นายพงษ์ศักดิ์กลับไม่ทำตามที่สัญญา และเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา นายพงษ์ศักดิ์ไปหาที่บ้านอีกครั้ง ไปข่มขู่บังคับให้ทำแท้งทั้งที่ตั้งท้องเกือบ 4 เดือนแล้ว และยังบอกว่าเงินที่โอนไปให้นั้นเป็นเงินค่าใช้จ่ายในการทำแท้ง ตนตกใจมากไม่รู้ว่าทำไมเขาถึง พูดแบบนี้ วันนั้นนายพงษ์ศักดิ์และผู้ติดตามพกปืนไปด้วย ทางบ้านจึงกลัวกันมาก แต่ยังปฏิเสธการทำแท้ง เพียงแต่ ขอให้รับผิดชอบค่าเลี้ยงดูลูกเท่านั้น แต่เขาไม่ยอม วันที่ 24 ก.พ. เวลาประมาณ 20.00 น. นายพงษ์ศักดิ์ไปหาอีก พร้อมยืนยันให้ไปทำแท้ง โดยเขาจะพาไปเอง และขู่ว่า จะฆ่าทิ้งทั้งครอบครัวหากไม่ยอมทำแท้ง ผู้ติดตามอีก 2 คน ก็พกปืนไปด้วย แต่ตนไม่ยอมเพราะกลัวบาป นายพงษ์ศักดิ์ก็ยังยืนยันจะเอาเด็กในท้องออกให้ได้ วันที่ 3 มี.ค. นายพงษ์ศักดิ์ยังคงพยายามให้ตนทำแท้งอีก โดยส่ง คน 2 คน ไปเจรจาจะให้เงินอีก 3 แสนบาท เพื่อทำแท้ง แต่ถูกปฏิเสธกลับไปอีก ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 11.00 น. นายพงษ์ศักดิ์โทรศัพท์ไปข่มขู่อีกว่า จะให้ไปทำแท้ง ทั้งที่ตนก็ท้องตั้ง 5 เดือนแล้ว

"หนูเกรงว่า ครอบครัวจะไม่ปลอดภัย เพราะว่าเขามีอิทธิพลและพกปืนตลอดเวลา น่ากลัวมาก ส.ส. ควรจะดูแลประชาชน แต่กลับมาทำกับประชาชนอย่างนี้ ขอความ เป็นธรรมให้หนูและลูกด้วย เพราะว่าไปแจ้งความกับตำรวจท้องที่แล้ว แต่ว่าไม่กล้าทำอะไร เพราะว่าเขามีอิทธิพลมาก เลยมาแจ้งความที่กองปราบปราม" น.ส.เบญจามินกล่าว

นายถาวร ศรีลุนสร้าง อายุ 50 ปี ผอ.โรงเรียนบ้านหนองจันทร์ ต.ศรีวิไล อ.ศรีวิไล จ.หนองคาย บิดาของเหยื่อสาว ที่เข้าพบพนักงานสอบสวนพร้อมบุตรสาว กล่าวว่า ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะว่าเขาเป็นถึง ส.ส. แต่ ยังตามหาเรื่องไม่เลิก ตนบอกแล้วว่าจะไม่ให้ไปทำแท้งตามความตั้งใจของลูกสาว และไม่ไปยุ่งเกี่ยวใดๆทั้งสิ้น แต่เขาก็ไม่ยอม แค่นี้ก็เสียหน้าแล้ว เพราะว่าตนและครอบครัวก็มีหน้ามีตาใน จ.หนองคายพอสมควร อยากให้เรื่องนี้ ยุติ เพราะว่าเป็นห่วงในสวัสดิภาพของครอบครัว

ด้าน ร.ต.ต.ชยกล่าวว่า จะต้องสอบปากคำผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน รายงานไปยัง พ.ต.อ.ชนสิษฏ์ วัฒนวรางกูร ผกก. 4 ป. เพื่อรายงานต่อไปถึง พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. พิจารณาสั่งการดำเนินคดีกับผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิด และจัดกำลังคุ้มครองเหยื่อสาวและครอบครัวต่อไป

ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร พรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ผ่านทางโทรศัพท์ว่า เพิ่งทราบเรื่องจากสื่อมวลชน แต่ความจริงไม่น่าจะเกิดเรื่อง นี้ขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ตนและผู้ใหญ่ได้ไปเจรจากับผู้หญิงคนดังกล่าวแล้ว รวมทั้งจ่ายค่าเสียหายให้เรียบร้อยแล้วด้วย ทุกอย่างก็ตกลงกันได้ด้วยดี จึงไม่น่าจะมีการร้องเรียนอะไรอีก อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็ต้องขอไปดูในรายละเอียดก่อนว่าเป็นอย่างไร เชื่อว่าน่าจะเป็นการแบล็กเมล์ และน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองด้วย ต้องไปดู อีกครั้งว่าเป็นการแบล็กเมล์ที่เกี่ยวโยงกับการเมืองหรือไม่ จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับทางผู้หญิงดังกล่าว

ต่อมาเมื่อเวลา 16.20 น. วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายพงษ์ศักดิ์ได้เปิดแถลงข่าวว่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่มีผู้หญิงไปแจ้งความว่าตนไปทำผิดกฎหมายต่อตัวเขานั้น เรียนตามตรงว่า ไม่ได้เป็นดังนั้น ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กันจริง ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่เข้ามาช่วยงานในสำนักงานของตน แต่ช่วงหลังได้ลาออกไป พอประมาณเดือนธันวาคม 2547 ก็ติดต่อมาว่ามีความเดือดร้อน แต่ เป็นเรื่องอะไรไม่ทราบ จึงได้ช่วยเหลือไปตามประสาคนที่เคยมีความรู้สึกดีๆต่อกัน แต่ส่วนอื่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่ามีความน้อยเนื้อต่ำใจอะไรหรือเปล่า ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้าที่จะมีการแจ้งความ ทางผู้หญิงได้ติดต่อขอเจรจาหรือเปล่า นายพงษ์ศักดิ์ตอบว่า ก็ติดต่อกัน แต่ เป็นการพูดคุยกันธรรมดา ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้จริง แต่ป้องกันทุกครั้ง ตนพร้อมที่จะพิสูจน์ และรับผิดชอบ ยืนยันว่าไม่ได้มีการข่มขืนหรือข่มขู่ใดๆทั้งสิ้น เขาอายุ 26 ปี แล้ว จะไปข่มขืนได้อย่างไร เมื่อถามว่า หากผลพิสูจน์ออกมาว่าเด็กในท้องเป็นลูกจะรับหรือไม่ นายพงษ์ศักดิ์ตอบว่า ตนเป็นลูกผู้ชายพอ ต่อข้อถามว่า ผู้หญิงระบุว่าให้ไปทำแท้ง นายพงษ์ศักดิ์ตอบว่าไม่มี เมื่อถามว่า เรื่องนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ นายพงษ์ศักดิ์ตอบว่า ไม่ขอตอบในตอนนี้ เมื่อถามอีกว่า จะไปพูดคุยกับผู้หญิงหรือไม่ นายพงษ์ศักดิ์ตอบว่า ไม่คุยแล้ว และก็คงไม่ต้องไปหาทนายอะไร เพราะตนเป็นทนายอยู่แล้ว

นายพงษ์ศักดิ์ บุญศล เกิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2506 อายุ 42 ปี เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร พรรคไทยรักไทย สมรสแล้ว มีบุตร 3 คน จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำงานการเมืองในจังหวัดสกลนคร เกี่ยวกับด้านกฎหมาย ตั้งสำนักงานกฎหมายพงษ์ศักดิ์ เคยเป็นประธานสภาจังหวัดสกลนคร ประธานคณะอนุกรรมการสภาทนายความประจำศาลจังหวัด นอกจากนั้นยังเป็นที่ปรึกษากฎหมายของชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อำเภอสว่างแดนดิน อำเภอเจริญศิลป์ และที่ปรึกษากฎหมายพิเศษสมาพันธ์พิทักษ์สิทธิครูสกลนคร

นายพงษ์ศักดิ์เป็น ส.ส.สกลนคร สมัยที่ 2 ก่อนหน้านี้ที่เกิดกรณี ส.ส.พรรคไทยรักไทยกดบัตรลงคะแนนแทนกันที่รัฐสภา นายพงษ์ศักดิ์คือคนที่มีคะแนนปรากฏแต่ตัวไม่อยู่ในห้องประชุม ซึ่งต่อมาเจ้าตัวออกมายอมรับเองว่าได้เสียบบัตรคาเอาไว้ แล้วไปทำธุระที่กระทรวงการต่างประเทศ



หัวข้อ: Re: ฟังหูไว้อีกหูนะครับ ช่วยกันติดตามเพื่อความเเป็นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: visith ที่ มีนาคม 26, 2005, 08:55:11 AM
 ???  ???....หากเป็นจริงตามข่าว.... >:(  >:(

...นี่หรือคือคำพูด พฤติกรรม และการแสดงออกของผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น... ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ....


หัวข้อ: Re: ฟังหูไว้อีกหูนะครับ ช่วยกันติดตามเพื่อความเเป็นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ มีนาคม 26, 2005, 10:15:12 AM
ข้าน้อยอ่านข่าวติดตามมาได้ประมาณ2วันละคับ  มันเป็นไปได้และอาจจะไม่ได้เป็นจริงก็ได้  ตรวจDNAก็น่าจะทราบผลแล้วละคับแต่หากเรื่องเงียบไปหรือการทำงานล่าช้าก็เป็นที่เข้าใจกันนะคับว่าอะไรเป็นอะไรข้าน้อยว่า


หัวข้อ: Re: ฟังหูไว้อีกหูนะครับ ช่วยกันติดตามเพื่อความเเป็นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ มีนาคม 26, 2005, 10:32:50 AM
 ;D ตรวจ DNA มันก็บอกได้แค่ว่ามีความสัมพันธ์กันจริงหรือไม่ ซึ่งผู้ชายเองก็ยอมรับว่ามีจริง แต่ปัญหาคือ ความสัมพันธ์นั้นเกิดจากความยินยอมตามที่ผู้ชายบอกหรือเกิดจากการบังคับข่มขู่ตามที่ผู้หญิงบอก เรื่องนี้เป็นไปได้ทั้งสองทางครับ ต้องดูกันต่อไป แต่พวกเราคงไม่รู้หรอก เดี๋ยวก็เงียบ เพราะคงเคลียกันได้ :-\ ;D


หัวข้อ: Re: ฟังหูไว้อีกหูนะครับ ช่วยกันติดตามเพื่อความเเป็นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ออด ที่ มีนาคม 26, 2005, 06:51:47 PM
ฮ่า ๆ  ;D เป็นเรื่องของ .2ห้อย ที่ใช้ยิงผิดสนาม ฮ่า ๆ หรือยิงแล้วไม่ยอมจ่ายค่ากระสุน  ;D ถ้าจ่ายค่ากระสุนป่านนี้คงไม่เป็นข่าวแล้วหละ


หัวข้อ: Re: ฟังหูไว้อีกหูนะครับ ช่วยกันติดตามเพื่อความเเป็นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ต่อครับ ที่ มีนาคม 26, 2005, 11:00:57 PM
 :P

ไม่รู้จะโอละพ่อ อีกรึเปล่า

 ::)


หัวข้อ: Re: ฟังหูไว้อีกหูนะครับ ช่วยกันติดตามเพื่อความเเป็นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: พลายแก้ว ที่ มีนาคม 27, 2005, 04:34:06 AM
อ่านแล้วเศร้า แต่ไม่ขอวิจารณ์ เพราะเชื่อว่าข้อเท็จจริงต้องมีบางมุม(มืด)ที่คนนอกอย่างพวกเรามองไม่เห็น(อย่างแน่นอน)

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม


หัวข้อ: Re: ฟังหูไว้อีกหูนะครับ ช่วยกันติดตามเพื่อความเเป็นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: DACK ที่ มีนาคม 27, 2005, 05:32:42 AM
ฮ่า ๆ  ;D เป็นเรื่องของ .2ห้อย ที่ใช้ยิงผิดสนาม ฮ่า ๆ หรือยิงแล้วไม่ยอมจ่ายค่ากระสุน  ;D ถ้าจ่ายค่ากระสุนป่านนี้คงไม่เป็นข่าวแล้วหละ
คิดว่าคงเอากระสุนมาเองครับ แต่ไม่จ่ายค่าเป้า นี่ดิ  >:( ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฟังหูไว้อีกหูนะครับ ช่วยกันติดตามเพื่อความเเป็นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ มีนาคม 27, 2005, 07:01:46 AM
ฮ่า ๆ  ;D เป็นเรื่องของ .2ห้อย ที่ใช้ยิงผิดสนาม ฮ่า ๆ หรือยิงแล้วไม่ยอมจ่ายค่ากระสุน  ;D ถ้าจ่ายค่ากระสุนป่านนี้คงไม่เป็นข่าวแล้วหละ
คิดว่าคงเอากระสุนมาเองครับ แต่ไม่จ่ายค่าเป้า นี่ดิ  >:( ;D ;D ;D
ถ้าเรื่องแบบนี้ไม่มาเกิดกับคนที่เรารัก..ก็คงมองว่าเป็นเรื่องน่าสนุกได้ครับ


หัวข้อ: Re: ฟังหูไว้อีกหูนะครับ ช่วยกันติดตามเพื่อความเเป็นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 27, 2005, 07:32:39 AM
เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว.........ขบวนการยุติธรรมคงช่วยได้
แต่น้องเบญจมิน ซึ่งหลังจากลาออกครั้งแรกแล้วน่าจะมีสังหรณ์บางอย่าง ควรจะหนีก่อนตกเป็นเหยื่อ
มาหนีเอาหลังจากทุกอย่างมันสายไปแล้ว คงมีใจด้วยกันน่ะแหละ .......... เอาเป็นว่าสู้ต่อไปก็แล้วกัน