|
หัวข้อ: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: andaman ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 09:50:50 AM มีหลายฝ่ายพูดถึงการซื้อหุ้นกลับจากเทมาเส็ก ในส่วนของดาวเทียมไทคม ด้วยวิธีการต่างๆเช่นการตั้งกองทุน ท่านใดมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ โดยส่วนตัวผมแล้วไม่เห็นด้วยเลย ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะซื้อคืน ทางเดียวเท่านั้นครับคือ " ยึดคืน " ยึดสัมปทานรัฐกลับคืนมา
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: Egle ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 10:02:44 AM ซ้อ คืนทำไม ให้เสียตัง ซื้อใหม่ดีกว่า ได้ของใหม่ อยากได้ แบบใหนของประเทศ ใด เอาตามใจชอบ เลย อาจแพงกว่านิดหน่อย ไม่ต้องไป นั่ง เจรจาให้เปลือง น้ำลาย
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 10:12:17 AM ฝ่าย เสธ.ของเจ้านายผมคงลืมทำการบ้าน
ตามสัญญาสัมปทาน ดาวเทียมที่ยิงขึ้นไปแล้วเป็นกรรมสิทธิของรัฐบาลไทยทุกดวง เพียงแต่ให้สัมปทานการใช้ประโยชน์ดาวเทียมกับผู้รับสัมปทาน แต่เรื่องที่น่าเกลียดมาก ก็คือไปมอบสิทธิการส่งดาวเทียมให้กับผู้รับสัมปทานทั้งหมด ตั้งแต่การติดต่อของสล็อตดาวเทียมจนถึงการส่งขึ้น ทำให้เกิดการผูกขาด แม้แต่ทางทหารจะส่งดาวเทียม X Band ซึ่งเป็นแบนด์ที่สงวนไว้ใช้ทางทหารโดยเฉพาะ ก็ยังดำเนินการเองไม่ได้ ต้องใช้ชินวัตร ทำให้ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 10:24:49 AM งั้นหันมายึดทรัพย์ทักษิณแทน ทรัพย์สินของบ.กลุ่มชินฯก็ต้องตกเป็นของรัฐโดยปริยาย ;D
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: NatthaphoN_ ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 10:43:54 AM เขาให้ใช้เพื่อประโยชน์ของคนในชาติ ดันไปขายเอาเงินใส่กระเป๋า ยึดเลยครับไม่ต้องซื้อ
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: andaman ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 10:46:34 AM อยากให้แอ๊ด คาราบาว แต่งเพลง สนับสนุนเรียกร้องให้ยึดสัมปทานรัฐกลับคืนมา แล้วทัวร์ฟรีคอนเสิร์ต ไปทุกจังหวัด (..โดยมี ชินแซทเทิร์นไลท์ เป็นสปอนเซอร์)
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 10:49:14 AM 1.ถ้าการซื้อขาย Sattel (Shin sattelite) ให้สิงคโปร์เป็นสิ่งถูกต้อง รัฐบาล และ คมช. ก็ควรพิจารณาตัวเอง ว่า สิ่งที่ตนอ้างในการปฏิวัติ ตกลงมันมีอยู่จริงหรือ
2. ถ้าการซื้อขาย Sattel (Shin sattelite) ให้สิงคโปร์เป็นสิ่งผิดกฏหมาย ความคิดที่จะซื้อดาวเทียมคืน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร การที่คุณไม่บังคับใช้กฏหมาย ละเลยการลงโทษผู้ทำความผิดนั้น แล้วกลับไปคิดซื้อคืน คุณกำลังละเลยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนหรือเปล่า 3. การสอบสวนคดี นอมินี ไปถึงไหนแล้ว 4. รอให้ผลคดีนี้ออกมาก่อนมิดีกว่าหรือ 5.จะรีบซื้อทำไม 6. ยึดคืนดีกว่าน่า นะ พลีส หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: Hill Myna ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 10:57:31 AM ;D ประเด็นนี้คงจะคุยกันได้อีกยาวครับ ;D
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: NatthaphoN_ ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 11:02:30 AM อยากให้แอ๊ด คาราบาว แต่งเพลง สนับสนุนเรียกร้องให้ยึดสัมปทานรัฐกลับคืนมา แล้วทัวร์ฟรีคอนเสิร์ต ไปทุกจังหวัด (..โดยมี ชินแซทเทิร์นไลท์ เป็นสปอนเซอร์) ;D ;D ;Dดีครับพี่ ;D ;D ;Dแต่เขาจะเป็นให้อยู่หลอกน๊ะ ;D ;D ;Dหัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: kung13kunpon ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 11:13:32 AM อยากให้แอ๊ด คาราบาว แต่งเพลง สนับสนุนเรียกร้องให้ยึดสัมปทานรัฐกลับคืนมา แล้วทัวร์ฟรีคอนเสิร์ต ไปทุกจังหวัด (..โดยมี ชินแซทเทิร์นไลท์ เป็นสปอนเซอร์) ;D ;D ;Dดีครับพี่ ;D ;D ;Dแต่เขาจะเป็นให้อยู่หลอกน๊ะ ;D ;D ;Dหัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 12:29:03 PM ยึดให้ดูทีน่าเอาเรื่องนอมินี(หน่อไม่ดี)นี่แหละ
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 12:33:56 PM เทมาเส็กทำผิดกฏหมายประเทศไทยก็ต้อง(ถูกยึด)คืน หากเห็นว่าไม่ยุติธรรมก็ฟ้องศาลครับแต่จำเลย
คือครอบครัวชินวัตร ที่หลอกขายให้ทั้งที่รู้ว่าผิดกฏหมาย สมน้ำหน้าที่ชอบซื้อของจากโจรขายชาติ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: terry ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 01:07:39 PM ยืดคืนสถานเดียวครับ อย่าเอาเงินไปไถ่ของเราจากโจร
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 02:03:54 PM ทำไม? ต้องให้ประชาชนเป็นผู้รับภาระครับ....
เงินที่ขายไปครั้งก่อนก็ไม่ได้สักแดง.... หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: kithkin ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 02:28:23 PM 1.ถ้าการซื้อขาย Sattel (Shin sattelite) ให้สิงคโปร์เป็นสิ่งถูกต้อง รัฐบาล และ คมช. ก็ควรพิจารณาตัวเอง ว่า สิ่งที่ตนอ้างในการปฏิวัติ ตกลงมันมีอยู่จริงหรือ ถูกต้องแล้วครับ2. ถ้าการซื้อขาย Sattel (Shin sattelite) ให้สิงคโปร์เป็นสิ่งผิดกฏหมาย ความคิดที่จะซื้อดาวเทียมคืน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร การที่คุณไม่บังคับใช้กฏหมาย ละเลยการลงโทษผู้ทำความผิดนั้น แล้วกลับไปคิดซื้อคืน คุณกำลังละเลยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนหรือเปล่า 3. การสอบสวนคดี นอมินี ไปถึงไหนแล้ว 4. รอให้ผลคดีนี้ออกมาก่อนมิดีกว่าหรือ 5.จะรีบซื้อทำไม 6. ยึดคืนดีกว่าน่า นะ พลีส หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: NatthaphoN_ ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 02:39:51 PM ยึดให้ดูทีน่าเอาเรื่องนอมินี(หน่อไม่ดี)นี่แหละ หน่ออะไรครับพี่ที่มันไม่ดี หน่อแถวบ้านเรา หรือหน่อแถวสิงคคคคคคคคค อิอิอิหัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: xiehua dun ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 03:34:23 PM ยึดให้ดูทีน่าเอาเรื่องนอมินี(หน่อไม่ดี)นี่แหละ หน่ออะไรครับพี่ที่มันไม่ดี หน่อแถวบ้านเรา หรือหน่อแถวสิงคคคคคคคคค อิอิอิหัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: salin - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 03:40:04 PM ตอนนี้กระแสแรงมาก ขอให้ข้อเท็จจริงก่อน
๑. สัญญาสัมปทานนี้ชื่อ สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ลงนามกันไปเมื่อ ๑๑ กันยายน ๒๕๓๔ ๒. ในสัญญาระบุว่ากระทรวงให้บริษัทมีสิทธิในการบริหาร จัดการและการให้บริการ Transponder (ในสัญญาแปลคำนี้ว่า "วงจรดาวเทียม") เพื่อการสื่อสารภายในประเทศ เป็นเวลา ๓๐ ปี โดยใน ๘ ปีแรกไม่ให้มีบุคคลอื่นมาดำเนินการแข่งขัน ๓. การบริหารตามสัญญามีคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงกับบริษัท ๔. สัญญานี้กำหนดไว้ให้กระทรวงจัดสรรวงโคจรดาวเทียมเพียงสองตำแหน่งเท่านั้น แต่ปัจจุบันบริษัทได้รับอนุมัติตำแหน่งไปโดยกรรมการทั้งหมด ๔ ตำแหน่ง ๕. สัญญาข้อ ๔๔ ระบุว่า ในกรณีที่บริษัทไม่อาจให้บริการวงจรดาวเทียมในย่านความถี่ตามความต้องการของส่วนราชการทางทหารได้นั้นเป็นกรณีไม่อยู่ในบังคับให้ส่วนราชการดังกล่าวใช้ดาวเทียมสื่อสารตามสัญญานี้ หมายความว่าทหารก็สามารถมีดาวเทียมเป็นของตัวเองได้ และตำแหน่งในวงโคจรที่จองไว้ก็ยังมีอยู่ ๖. กรณีที่อยากจะยึดดาวเทียมกันนั้น ตามสัญญาแล้วมีเหตุที่จะผิดสัญญา และบอกเลิกสัญญา เขียนไว้เพียงเหตุเดียวคือบริษัทไม่ส่งดาวเทียมให้เป็นไปตามกำหนดเวลา ไม่มีข้อใดในสัญญาพูดถึงความมั่นคงเลย ๗. จากการตรวจสอบตามบัญชาให้ รมว. ICT ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีประเด็นที่บริษัทน่าจะทำผิดกฏหมาย 3 ฉบับ และผิดสัญญาใหญ่ๆ ๓ ประเด็น (เท่าที่ความสามารถจะทำได้) แต่บทลงโทษก็ไม่หนักถึงขั้นจะสามารถยึดสัมปทานได้ตามกฏหมาย เมื่อวานท่านนายกสภาทนายความให้ประเด็นว่าผิด พรบ.ที่เกียวกับความมั่นคงก็คงต้องดูกฏหมายหลาย พรบ. ๘. ได้ข้อมูลมาใหม่ว่าโครงการดาวเทียมนี้มีหนี้อยู่มหาศาล ซื้อมาอาจไม่คุ้มเพราะต้องเอาหนี้มาด้วยและผลประกอบการก็ไม่ดีนัก ผมเสนอว่าน่าจะซื้อดาวเทียมของหน่วยราชการเองไปเลย ทุกกระทรวงใช้ร่วมกัน เหลือแล้วค่อยใช้เชิงพานิชย์ ๙. เรื่องนอมินีก็เป็นเรื่องที่มีน้ำหนักมากที่สุดหากชี้มาว่าผิด ๑๐. การตรวจสอบกำลังจะมีจากกระทรวงยุติธรรมมาช่วย คงดีมากเลย หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: papae~ ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 03:57:03 PM ผมว่าเป็นเรื่องของการเมือง
หลังจากเลิกเล่นเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิแล้วก้อหันมาเรื่องนี้แทน ก่อนที่จะมีไทยคม ทหารไทยใช้ดาวเทียมจากที่ไหน? แล้วตอนนั้นทำไมใช้ได้ ถ้าไม่ผิดสัญญาร้ายแรงจริงๆ เอะอะ ก้อจะยึด คงจะมีใครกล้ามาซื้อขายกับประเทศไทยหรอกนะ คนไทยเป็นพวกตามกระแส หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: T-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 09:33:24 PM ผมว่าเป็นเรื่องของการเมือง หลังจากเลิกเล่นเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิแล้วก้อหันมาเรื่องนี้แทน ก่อนที่จะมีไทยคม ทหารไทยใช้ดาวเทียมจากที่ไหน? แล้วตอนนั้นทำไมใช้ได้ ถ้าไม่ผิดสัญญาร้ายแรงจริงๆ เอะอะ ก้อจะยึด คงจะมีใครกล้ามาซื้อขายกับประเทศไทยหรอกนะ คนไทยเป็นพวกตามกระแส ไม่เห็นด้วยครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: สตางค์ ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2007, 09:46:48 PM กรุณาหาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะตัดสินอะไรครับ...ผมไม่เห็นว่าต้องไปซื้อคืนหรือยึดคืน เพราะดาวเทียมไทคมก็ยังเป็นของไทยอยู่ ผมว่าเป็นการเล่นข่าวเพื่อกลบเรื่องสุวรรณภูมิมากกว่า
ผมชื่นชมกับผลงานล่าสุดของรัฐที่เปลี่ยนชื่อ บ้านอื้ออาทร เป็น บ้านผู้มีรายได้น้อย ;D หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 08:11:07 AM ผมว่าเป็นเรื่องของการเมือง หลังจากเลิกเล่นเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิแล้วก้อหันมาเรื่องนี้แทน ก่อนที่จะมีไทยคม ทหารไทยใช้ดาวเทียมจากที่ไหน? แล้วตอนนั้นทำไมใช้ได้ ถ้าไม่ผิดสัญญาร้ายแรงจริงๆ เอะอะ ก้อจะยึด คงจะมีใครกล้ามาซื้อขายกับประเทศไทยหรอกนะ คนไทยเป็นพวกตามกระแส ไม่ใช่เรื่องการเมืองแต่เป็นผลประโยชน์ของชาติล้วนๆ เพื่อตัวคุณ และ ลูกคุณ และ หลานคุณ ผมไม่กลัวต่างชาติเลิกซื้อขายกับเรา แต่ผมกลัวเราต้องเสียประเทศให้พวกเขา หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: tra-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 08:30:37 AM อาจจะไม่ต้องใช้เงินซื้อคืน......ถ้าเป็นการซื้อที่ไม่ถูกกฎหมาย......แต่คงต้องเหนื่อยกันน่าดู.....ในการทวงคืน :P :P :P
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: papae~ ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 09:15:55 AM จากข่าวสด ข้อมูล ณ วันที่ 29 ธ.ค. 2549
บริษัทมีผู้ถือหุ้นที่เป็นสัญชาติไทย 93.67% เป็นต่างด้าว 6.33% โดยมี บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้น 41.32% ผู้ถือหุ้นรายย่อย 58.68% ดังนั้น บมจ.ชิน แซทเทลไลท์จึงมีสถานะเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย สามารถประกอบธุรกิจโทรคมนาคมได้ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 "การที่ชินคอร์ปจะเป็นบริษัทต่างด้าวหรือไม่ จึงไม่มีผลกระทบต่อบริษัท เพราะแม้จะตัดชินคอร์ปออกไป บริษัทก็ยังมีผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยอยู่ถึงประมาณ 60%" ======================== ครอบครัวดร.ทักษิณขายหุ้นชินคอร์ปที่ตนเป็นเจ้าของ 49% ให้กองทุนเทมาเสกไม่ใช่การขายทั้งบริษัท 100% เพราะที่เหลือเป็นของผู้ถือหุ้นอื่น ดังนั้นหากคิดสัดส่วนหุ้นตระกูลชินวัตร ในชินคอร์ปจากสัดส่วนของตน 49 % เมื่อขายไปแล้ว ถือได้ว่าเทมาเสก (ผ่านการถือหุ้น49% ในชินคอร์ป) มีความเป็นเจ้าของชินแซทเทลไลท์ตามสัดส่วนของตนเพียง 20% จากทั้งหมดที่ชินคอร์ปถือในชินแซทเทลไลท์ 41 % หากตีความว่า ชินคอร์ป เป็นต่างด้าว...ก็เพียง 20 % เท่านั้นในชินแซทเทลไล้ท์..บวกกับต่างด้าวที่ตามสมุดจดทะเบียนอีก 6.33 % กลายเป็น 26.33 % เท่านั้น... ต่างชาติมีเพียง 26.33 % เท่านั้น...ปิดประตูเลิกคิดไปได้เลย...ว่าSATTEL เป็นต่างด้าว....ไม่ผิดตาม พรบ. ประกอบกิจการโทรคมนาคม 2544 แน่นอน..พันเปอร์เซ็น.... จากพันทิปครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: papae~ ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 09:17:59 AM สิงเทล หนึ่งในบริษัทลูกของเทมาเสก ถือหุ้นในบริษัทโทรคมนาคมทั่วภูมิภาค ดังนี้
1. ถือหุ้น 100% ใน Optus บริษัทดาวเทียมหนึ่งเดียวและบริษัทมือถืออันดับสองของออสเตรเลี ย 2. ถือหุ้น 41% ในเอไอเอส บริษัทมือถืออันดับหนึ่งของไทย 3. ถือหุ้น 30% ใน Bharti บริษัทมือถืออันดับหนึ่งของอินเดีย 4. ถือหุ้น 44% ในบริษัท Globe บริษัทมือถืออันดับสองของฟิลิปปินส์ 5. ถือหุ้น 35% ใน Telkomcel บริษัทมือถือ โทรศัพท์ และดาวเทียมอันดับหนึ่งของรัฐบาลอินโดนีเซีย 6. ถือหุ้น 20% ในบริษัท Apt Satellite บริษัทดาวเทียมอันดับสองของจีน 7. ถือหุ้น 42% ใน Indosat บริษัทมือถือ โทรศัพท์ และดาวเทียม อันดับสองของรัฐบาลอินโดนีเซีย --------------------------------------------------------------------------------------------------- บริษัทที่สิงเทลถือหุ้นและร่วมบริหาร บริษัท ประเทศ 1. SingTel Optus ออสเตรเลีย 100.00% มือถือ โทรศัพท์ และดาวเทียมอันดับสองของออสเตรเลีย 2. Advanced Info Service ไทย 41% มือถืออันดับหนึ่งของไทย 3. APT Satellite ฮ่องกง 20.30% ดาวเทียมอันดับสองของจีน 4. Bharti Group อินเดีย 30.70% มือถืออันดับหนึ่งของอินเดีย 5. Globe Telecom ฟิลิปปินส์ 44.60% มือถืออันดับสองของฟิลิปปินส์ 6. Telkomsel อินโดนีเซีย 35.00% มือถือ โทรศัพท์และดาวเทียมอันดับหนึ่งของรัฐบาลอินโดนีเซีย 7. New Century Infocomm ไต้หวัน 24.50% 8. Pacific Bangladesh Telecom บังคลาเทศ 45.00% ข้อมูลจาก คุณ เด็กผีแดง เวปพันทิปครับ อ่านแล้วพิจารณาเอาเองครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: papae~ ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 09:21:33 AM *********ความเห็นส่วนตั๊ว ส่วนตัว นะครับ**********
เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เห็นพูดกันมาก ผมขออนุญาตอธิบายง่ายๆ ให้เข้าใจตรงกันดังนี้ ในด้านการสื่อสารของโลกนั้น เป็นที่รู้กันว่าจะต้องมีการสร้างโครงข่าย (Network) เพื่อเชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก ทั้งเคเบิลใต้น้ำ (Submarine Cable), ดาวเทียม (Sattellite) และ ยังมีโครงข่าย Optical Fiber ยังประเทศเพื่อนบ้านอีก ถ้าบอกว่าเราสูญเสียดาวเทียมให้กับสิงคโปร์ไป เป็นเรื่องความมั่นคงนั้น ฟังดูเผินๆ อาจจะเคลิ้ม ว่าจริง แต่ในความจริงแล้วเราเพิ่งจะมีดาวเทียมเป็นของตัวเองเมื่อประมาณ 10 กว่าปีมานี่เอง (17 ธันวาคม พ.ศ. 2536) แต่ก่อนนี้เราใช้อะไร เราใช้ดาวเทียมของต่างชาติครับ ทั้ง Palapa, Intelsat ฯลฯ เราก็ใช้ไม่เห็นมีปัญหาด้านความมั่นคงใดๆ อีกทั้งการสื่อสารดาวเทียม นั้นข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่ข้อมูลทางความมั่นคง และ ถ้าเป็นข้อมูลลับ ก็จะมีการเข้ารหัสที่ซับซ้อน ยากแก่การถอดรหัส ดังนั้นถ้าจะสูญเสียข้อมูลลับให้แก่ต่างชาติ จึงสามารถป้องกันได้ไม่ยากนัก ส่วนโครงข่าย Submarine Cable ก็จะต้องเชื่อมโยงไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก และ ใช้งานกันมากกว่า Sattellite เสียอีก ลองนึกดูเมื่อตอนแผ่นดินไหวที่ไต้หวันตอนปีใหม่ ทำให้ Internet และ โทรศัพท์ในประเทศไทยมีปัญหานั่นก็คือบทพิสูจน์ แน่นอนว่าข้อมูลต่างๆ มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน แต่ทำไมไปสนใจกะอีแค่ดาวเทียมกันเล่า? ข้อมูลที่ส่งผ่านดาวเทียมพาณิชย์ ไม่ใช่ดาวเทียมทางการทหาร ก็มีความสำคัญไม่แตกต่างจากข้อมูลที่ส่งผ่าน Submarine Cable ดังนั้นถ้าต่างชาติเค้าจะดักฟัง ล้วงความลับ เค้าก็ยังทำได้อยู่ดี ไม่ต้องสนใจที่ดาวเทียม ข้อมูลอีกอย่างที่น่าสนใจก็คือ ในการส่งข้อมูลนั้น Sattellite Transmission นั้นเป็นช่องทางที่มี Delay สูง ดังนั้นจะมีการกระทบต่อประสิทธิภาพของข้อมูลอย่างมาก เช่น VSAT ภูมิอากาศเช่น ฝนตกจะกระทบโดยตรง และ ยังมีราคาแพงเมื่อเทียบกับ Submarine Transmission ทำให้ผู้ใช้มักจะเลือกใช้ Submarine Transmission เป็น First Route ส่วนดาวเทียมเป็น Backup Route เสมอ การที่ออกมาพูด ออกมาพล่าม โดยไม่มีความรู้ด้านเทคนิค นั้นผมว่ามันค่อนข้างอันตรายอย่างมาก และ นี่แหละ ผมถือว่า ผู้ที่ทำแบบนี้ "กระทบกับความมั่นคงของชาติ" จริงๆ ----------------------------------------------------- ข้อมูลจาก คุณ คนแก่ใจนักเลง เวปพันทิปครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: papae~ ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 09:29:55 AM ขอเสริมอีกเรื่องนะครับ ก่อนที่จะมีดาวเทืยมไทยคม นั้นเวลา ประเทศไทยจะขึ้น uplink จะต้องไปขึ้นกับดาวเทียมของอินโดนีเซียบ้าง ของจีนบ้าง โดยดาวเทียมทั้งหมด operate โดยคนต่างชาติทำไมตอนนั้นไม่กลัวหรอกครับ หลังจากนั้นมีดาวเทียมไทยคม ขึ้นหน่วยงานราชการในไทยก็สามารถใช้ดาวเทียมที่คนไทยเป็นคน operate บางหน่วยงานใช้ฟรี บางหน่วยงานจ่าย 50 % เป็นไปตามสัญญา สัมปทาน ท่านยังคิดจะทำลายบริษัทคนไทยอีกหรอ
------------------------------------------------------- ข้อมูลจาก คุณ nung_ja เวปพันทิปครับ อ่านแล้วพิจารณาเอาเองครับ เชื่อไม่เชื่อก้อแล้วแต่ท่าน แต่ผมว่าอีกไม่กี่วัน เรื่องเงียบ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: ฅนแผ่นดิน ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 09:44:14 AM ยึดเงิน ที่ทักษินขายได้ไป มา แล้วก็ไปซื้อ คืนมา สมบัติชาติ มันขายไปได้ ช่างไม่มีสำนึกรักชาติบ้านเมืองแม้แต่น้อยเลย
อย่าว่าเลย เส้นทางการบินที่กำไร ๆ มันก็ให้บริษัทของมันไปบินหมด การบินไทยก็ไปบินเส้นทางที่ขาดทุน ใจมันเป็นยังไง................. เฮ้อ.......เท่านี้ครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: อู๋ รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 09:57:17 AM ทำไมต้องซื้อคืน ของๆเรา ยึดคืนซิ ยึดให้หมด
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: tra-รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 10:03:16 AM http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2006q3/2006september12p3.htm
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 10:10:10 AM ซีดาร์ + แอสเพน ถือหุ้นชิน 96 %
ชินถือ sattel จำนวนหุ้น % 1 บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 450,870,934 41.34 2 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 26,465,550 2.43 3 นายอำนวย พิจิตรพงศ์ชัย 9,700,000 0.89 4 นายกตพล กนกพฤกษ์ 8,300,000 0.76 5 นายมานิต เอื้อทวีก 7,420,000 0.68 6 นายดำรงค์ เกษมเศรษฐ์ 7,357,497 0.67 7 น.ส.พินทองทา ชินวัตร 7,149,868 0.66 8 นายธวัชชัย คูณชัยพานิชย์ 6,521,100 0.60 **** ซีดาร์+แอสเพน ถือหุ้นใน แซทเทล ผ่านชิน 39.68 รวมผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (เท่าที่เห็น) 48% แปลกนะครับ ในเชิงบริหาร แต่ไม่ต้องกลัวครับ หน่วยงานที่รับผิดชอบสามารถเปิดรายชื่อผู้ถือหุ้นทุกคนที่ศูนย์รับฝากได้ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 10:13:35 AM ถ้าคดี นอมินี ถึงที่สุดแล้ว
เรื่อง Sattel เรื่องเล็ก หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: RASH ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 10:14:45 AM ควรพิจารณาโดยเหตุผลและตามกฏหมายอย่างเป็นธรรมครับผม
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 10:30:36 AM ยึดเงิน ที่ทักษินขายได้ไป มา แล้วก็ไปซื้อ คืนมา สมบัติชาติ มันขายไปได้ ช่างไม่มีสำนึกรักชาติบ้านเมืองแม้แต่น้อยเลย อย่าว่าเลย เส้นทางการบินที่กำไร ๆ มันก็ให้บริษัทของมันไปบินหมด การบินไทยก็ไปบินเส้นทางที่ขาดทุน ใจมันเป็นยังไง................. เฮ้อ.......เท่านี้ครับ เรื่องนี้ ต้องถามคุณ นก แก้ว ครับ ช่วงมาบริหารใหม่ๆก่อนโดนดอง ท่านรับใบสั่งออกมาแถลงฉอดๆว่า เส้นทาง ภูเก็ต-ฮ่องกง และ เส้นทาง กรุงเทพ-ไทเป ขาดทุน........... แต่มันขาดทุนยังไง..........เครื่องเต็มเกือบตลอด สุดท้าย สิทธิ์การบินในเส้นทางดังกล่าวตกไปอยู่กับบริษัทอะไรน้า...ที่ก่อนเปิดไม่กี่วัน มี พรบ.อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นจากเดิม 30% เป็น 49% ได้ โดยปรกติแล้ว สิทธิการบินข้อ 8 ทั่วโลกจะไม่ยอมให้สายการบินต่างชาติทำการบินเที่ยวบินในประเทศ แต่ก็มีอดีตผู้นำไปเซ็นเปิดน่านฟ้าเสรี ตอนนี้เที่ยวบินต่างชาติเลยสามารถบินซอย หรือบินในประเทศเบียดสายการบินสัญชาติไทยได้ ก็ไอ้บริษัทเดิมแหละครับ ที่มีสถานะเป็นลูกครึ่ง แล้วที่เด็ดกว่า คำว่า hub และ ศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้าในเขต...ปลอดอากร... ถามว่าคนไทยได้อะไร ไม่ได้อะไรเลยครับ เพราะถ้าทำจริงๆ ทั้งคนทั้งของมาลงเครื่องใน transit area แล้วก็ขึ้นเครื่องต่อ ไม่ได้เดินออกจากสนามบินสักก้าว แล้วเราจะได้อะไร สิ่งที่เราต้องการจริงๆ คือ นักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเที่ยวในเมืองไทยครับ.......เม็ดเงินมาจากการใช้จ่ายนอกสนามบินครับ......ไม่ใช่แค่ ทรานซิท 2-3 ชม หรือ คลังสินค้าขนาดใหญ่ หรือการเป็น hub ให้ขนของมาลงแล้วก็ไปแบบปลอดอากร ให้มีอากรหน่อยก็ยังดี เพราะเป็นรายได้ของรัฐครับ อีกข้อที่ตลกคือ คำว่า point to point ไม่เคยมีคำจำกัดความในวงการบิน แต่มีสายการบินที่มีบริษัทแม่อยู่เลยภาคใต้ไปหน่อย บัญญัติขึ้น และยื่นข้อเสนอต่อ กระทรวงคมนาคม เพื่อจะอ้างไปใช้สิทธิที่ดอนเมืองครับ แพลนของสายการบินนี้คือ ยึดดอนเมืองเป็นศูนย์กลางการบินแทนประเทศแม่ เพราะทำเลของกรุงเทพเหมาะแก่การส่งถ่ายผู้โดยสารไปที่ต่างๆทั่วเอเซีย... มาวันนี้ดอนเมืองเปิดใช้แล้ว แต่ให้แค่เที่ยวบินในประเทศ หัวหอกอยากได้ดอนเมือง ทำไมไม่ย้ายกลับมาเอ่ย..... หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: andaman ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 11:36:24 AM ......ท่านใดมีข้อมูลมาเสนออีกบ้างครับ
แล้วฝั่งนายสนธิ ลิ้มทองกุลคิดยังไงกับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่ากลุ่มของเขากำลังจะเป็นผู้ชี้นำประเทศไทยไปแล้ว ไม่ชอบใครไม่เอาใครคนๆนั้นก็ต้องออกไป หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 12:31:56 PM ขอเสริมอีกเรื่องนะครับ ก่อนที่จะมีดาวเทืยมไทยคม นั้นเวลา ประเทศไทยจะขึ้น uplink จะต้องไปขึ้นกับดาวเทียมของอินโดนีเซียบ้าง ของจีนบ้าง โดยดาวเทียมทั้งหมด operate โดยคนต่างชาติทำไมตอนนั้นไม่กลัวหรอกครับ หลังจากนั้นมีดาวเทียมไทยคม ขึ้นหน่วยงานราชการในไทยก็สามารถใช้ดาวเทียมที่คนไทยเป็นคน operate บางหน่วยงานใช้ฟรี บางหน่วยงานจ่าย 50 % เป็นไปตามสัญญา สัมปทาน ท่านยังคิดจะทำลายบริษัทคนไทยอีกหรอ ------------------------------------------------------- ข้อมูลจาก คุณ nung_ja เวปพันทิปครับ อ่านแล้วพิจารณาเอาเองครับ เชื่อไม่เชื่อก้อแล้วแต่ท่าน แต่ผมว่าอีกไม่กี่วัน เรื่องเงียบ ขอบคุณสำหรับความคิดต่างๆ แต่ผมคงไม่อยากให้เงียบ อยากได้คืนครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: New_Face ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 12:35:54 PM ดูจากข้อมูลของหลายๆท่าน ผมว่าใช้ข้อมูลจากสัมปทาน แล้วก้อเรื่องการถือหุ้น ทางเราก้อน่าจะมีสิทธ์ในการจัดการกับดาวเทียมดวงนี้แล้วนะครับ ไม่ต้องไปซื้อคืนให้เสียเงินเปล่าๆ ;D
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 01:28:07 PM ผมชอบข้อมูลที่เจือความรู้สึกของคุณทัดมาลา ... ไม่เกี่ยวกับดาวเทียมตามหัวข้อ แต่ชอบมาก
เจอคนที่อารมณ์/แนวคิดไปในทางเดียวกันแบบนี้เค้าว่ากันว่าเป็นบุพเพสันนิวาส ฉะนั้นมีโอกาสเจอหน้ากันเมื่อไหร่กรุณาอย่าเผลอ เผลอเป็นโดนจับจูบ :-* หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 01:33:44 PM ......ท่านใดมีข้อมูลมาเสนออีกบ้างครับ แล้วฝั่งนายสนธิ ลิ้มทองกุลคิดยังไงกับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่ากลุ่มของเขากำลังจะเป็นผู้ชี้นำประเทศไทยไปแล้ว ไม่ชอบใครไม่เอาใครคนๆนั้นก็ต้องออกไป ไม่ต้องห่วง คนอื่นไม่ได้เป็นหัวตอกันหมดหรอกครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 02:02:09 PM ผมชอบข้อมูลที่เจือความรู้สึกของคุณทัดมาลา ... ไม่เกี่ยวกับดาวเทียมตามหัวข้อ แต่ชอบมาก เจอคนที่อารมณ์/แนวคิดไปในทางเดียวกันแบบนี้เค้าว่ากันว่าเป็นบุพเพสันนิวาส ฉะนั้นมีโอกาสเจอหน้ากันเมื่อไหร่กรุณาอย่าเผลอ เผลอเป็นโดนจับจูบ :-* กรรม - -" ผมไม่ออกความเห็นในหัวข้อที่ข้อมูลไม่แน่นครับพี่ แต่ถ้าอันไหนข้อมูลปึ้กหน่อย ลงมาเขียนแน่ๆ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: thun_ent ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 03:00:25 PM คงเรื่องยาวครับปวดหัว
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: โป้ง*กันบอย - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 07:37:16 PM ขอตอบตามหัวข้อกระทู้ครับ ;)
คิดว่าควรหาข้อผิดพลาด และความผิดในการขายหุ้นครั้งใหญ่ ที่แก้กฎหมายไม่กี่วันก็เทขายหมดหน้าตัก มันต้องมีอะไรที่ตรวจสอบได้สิ คนซื้อก็ไม่คิดว่าจะหมดอำนาจเร็วขนาดนี้ :<><> ข้อมูลตามที่ต่างๆ ขอแค่อ่านพอครับ ขอยังไม่เชื่อ เพราะใครก็เขียนได้ ผมขอให้รัฐบาลหาข้อมูลให้ได้ แล้วก็จัดการสักที :D ชาติบ้านเมืองเสียหายเพราะคนๆเดียวมามากพอแล้วครับ ด้วยความเคารพครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: andaman ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 08:21:56 PM ก่อนนี้อาจมีคนเดียวที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย แต่ตอนนี้มีหลายๆคนที่กำลังทำให้บ้านเมืองเสียหาย
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: papae~ ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 09:00:35 PM ขอตอบตามหัวข้อกระทู้ครับ ;) คิดว่าควรหาข้อผิดพลาด และความผิดในการขายหุ้นครั้งใหญ่ ที่แก้กฎหมายไม่กี่วันก็เทขายหมดหน้าตัก มันต้องมีอะไรที่ตรวจสอบได้สิ คนซื้อก็ไม่คิดว่าจะหมดอำนาจเร็วขนาดนี้ :<><> ข้อมูลตามที่ต่างๆ ขอแค่อ่านพอครับ ขอยังไม่เชื่อ เพราะใครก็เขียนได้ ผมขอให้รัฐบาลหาข้อมูลให้ได้ แล้วก็จัดการสักที :D ชาติบ้านเมืองเสียหายเพราะคนๆเดียวมามากพอแล้วครับ ด้วยความเคารพครับ ผมก็รอข้อมูลมานานแล้วครับ ตั้งแต่หลัง 19กยใหม่ๆ แล้วบอกว่า มีหลักฐานครบ 7วันฟันได้เลย จนถึงบัดนี้ เรื่องนู้นดัง เรื่องนี้เงียบ เปลี่ยนหัวข้อเล่นหลายเรื่องแล้วครับ ไล่มาตั้งแต่ สุวรรณภูมิ CTX ที่ดินรัชดา หวยใต้ดิน ถ้าเปรียบเป็นปืนยิงใส่คน คงเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ไม่เห็นโดนหัวสักนัด ถ้าคนมันโกงแหลกราญจริงขนาดที่ว่ากันนั้น มันต้องมีหลักฐานให้จับได้บ้างสักเรื่องสักทีครับ แต่นี้ก้อ...เฮ้ออ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: east ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 10:57:46 PM 8) ตามมาชมครับ
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: RASH ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2007, 11:47:34 PM ผมก็รอข้อมูลมานานแล้วครับ ตั้งแต่หลัง 19กยใหม่ๆ แล้วบอกว่า มีหลักฐานครบ 7วันฟันได้เลย จนถึงบัดนี้ เรื่องนู้นดัง เรื่องนี้เงียบ เปลี่ยนหัวข้อเล่นหลายเรื่องแล้วครับ ไล่มาตั้งแต่ สุวรรณภูมิ CTX ที่ดินรัชดา หวยใต้ดิน ถ้าเปรียบเป็นปืนยิงใส่คน คงเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ไม่เห็นโดนหัวสักนัด ถ้าคนมันโกงแหลกราญจริงขนาดที่ว่ากันนั้น มันต้องมีหลักฐานให้จับได้บ้างสักเรื่องสักทีครับ แต่นี้ก้อ...เฮ้ออ อ้างถึง เฮ้อ.......จริงๆด้วย.....เฮ้อ...... หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2007, 12:59:06 AM จากข่าวสด ข้อมูล ณ วันที่ 29 ธ.ค. 2549 บริษัทมีผู้ถือหุ้นที่เป็นสัญชาติไทย 93.67% เป็นต่างด้าว 6.33% โดยมี บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้น 41.32% ผู้ถือหุ้นรายย่อย 58.68% ดังนั้น บมจ.ชิน แซทเทลไลท์จึงมีสถานะเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย สามารถประกอบธุรกิจโทรคมนาคมได้ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 "การที่ชินคอร์ปจะเป็นบริษัทต่างด้าวหรือไม่ จึงไม่มีผลกระทบต่อบริษัท เพราะแม้จะตัดชินคอร์ปออกไป บริษัทก็ยังมีผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยอยู่ถึงประมาณ 60%" ======================== ครอบครัวดร.ทักษิณขายหุ้นชินคอร์ปที่ตนเป็นเจ้าของ 49% ให้กองทุนเทมาเสกไม่ใช่การขายทั้งบริษัท 100% เพราะที่เหลือเป็นของผู้ถือหุ้นอื่น ดังนั้นหากคิดสัดส่วนหุ้นตระกูลชินวัตร ในชินคอร์ปจากสัดส่วนของตน 49 % เมื่อขายไปแล้ว ถือได้ว่าเทมาเสก (ผ่านการถือหุ้น49% ในชินคอร์ป) มีความเป็นเจ้าของชินแซทเทลไลท์ตามสัดส่วนของตนเพียง 20% จากทั้งหมดที่ชินคอร์ปถือในชินแซทเทลไลท์ 41 % หากตีความว่า ชินคอร์ป เป็นต่างด้าว...ก็เพียง 20 % เท่านั้นในชินแซทเทลไล้ท์..บวกกับต่างด้าวที่ตามสมุดจดทะเบียนอีก 6.33 % กลายเป็น 26.33 % เท่านั้น... ต่างชาติมีเพียง 26.33 % เท่านั้น...ปิดประตูเลิกคิดไปได้เลย...ว่าSATTEL เป็นต่างด้าว....ไม่ผิดตาม พรบ. ประกอบกิจการโทรคมนาคม 2544 แน่นอน..พันเปอร์เซ็น.... จากพันทิปครับ คนที่เขียนบทความนี้ เป็นคนที่เล่นกับตัวเลข เหมือนกับพวก ขายประกันครับ เป็นการดึงตัวแรกของทุก ๆ โจทน์ มารวมกัน โดยไม่ได้ดูว่า มีตัวแปรอะไรในข้อนั้น ๆ แล้วสรุปเอาแบบดื้อ ๆ ทำให้คนที่อ่าน งง กับตัวเลข แล้วคล้อยตาม ผมจะชี้ให้ดูว่า ข้อมูลที่ให้มาผิดอย่างไร 1. ครอบครัวดร.ทักษิณขายหุ้นชินคอร์ปที่ตนเป็นเจ้าของ 49% ให้กองทุนเทมาเสกไม่ใช่การขายทั้งบริษัท 100% เพราะที่เหลือเป็นของผู้ถือหุ้นอื่น แต่หลังจากทำ Tender Offer หรือ เปิดรับซื้อหุ้นจากผู้ซื้อรายย่อยแล้ว กลุ่มเทมาเส็กถือหุ้นใน ชินคอร์ป กว่า 90% ผู้เขียนไม่ได้ระบุเอาใว้ว่า ไม่ได้รวมการทำ Tender Offer ใว้ด้วย 2. หากตีความว่า ชินคอร์ป เป็นต่างด้าว...ก็เพียง 20 % เท่านั้นในชินแซทเทลไล้ท์..บวกกับต่างด้าวที่ตามสมุดจดทะเบียนอีก 6.33 % กลายเป็น 26.33 % เท่านั้น... ต่างชาติมีเพียง 26.33 % เท่านั้น...ปิดประตูเลิกคิดไปได้เลย...ว่าSATTEL เป็นต่างด้าว....ไม่ผิดตาม พรบ. ประกอบกิจการโทรคมนาคม 2544 แน่นอน..พันเปอร์เซ็น.... ข้อความนี้ก็ผิดเห็น ๆ เพราะถ้าชินคอร์ปถูกระบุว่า เป็นบริษัทต่างด้าว หุ้นทั้งหมดที่ชินคอร์ปถือทั้งหมดก็ต้องถือว่า เป็นต่างด้าวด้วย ไม่ได้แบ่งว่า บริษัทแม่ถือหุ้นกี่เปอร์เซ็น แล้ว ถือเป็นอัตตราส่วนว่า ถือหุ้นในบริษัทลูกกี่เปอร์เซ็น ถ้า คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้น 41.32% หมายความว่า ต่างชาติถือหุ้นใน ชินแซทเทลไล้ท์ 47.65% เรื่องการเล่นตัวเลข พวกขายประกันชีวิต เก่งครับเรื่องนี้ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: vana_Art ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2007, 07:03:04 PM เอาเลยครับ...สื่อสารโทรคมนาคม วิทยุ โทรทัศน์ ทีวีของฉัน ดาวเทียม (ขายสิทธิวงโคจรซะเลยก็ดีคับ) สาธารณูปโภค ประปา ไฟฟ้า ขายสินกะโปก์ให้หมดเลย...แล้วเราค่อยดื่มน้ำ ใช้ไฟฟ้า ดูทีวีโดยจ่ายค่าเช่ารายวันเอาครับ แหล่งน้ำในประเทศไทย..ขายประเทศสินกะโปก์ซะดีไหมครับ เพราะสินกะโปก์ยังต้องใช้น้ำจากมาเลย์อยู่..เค้าลำบาก สงสารครับ แล้วเราค่อยซื้อใช้จากเขาอีกที ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: สหายเล็กน้อย ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2007, 12:28:21 AM >:( >:( >:(
...ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ...ผมว่าเอาเงินที่จะซื้อคืนมาทำเองไม่ดีกว่าหรือ...หาวิธีเอาสัมปทานคืนดีกว่า...ถ้าจะเอาเรื่องการดักฟังโทรศัพท์มาเป็นข้ออ้าง...ในการซื้อคืน...ผมว่าเป็นเรื่องงี่เง่า...คลื่นความถี่วิทยุมันฟุ้งกระจายไปทั่ว...ถ้าเพียงแต่คุณมีเครื่องรับและถอดรหัส...ดักฟังมันที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ...อย่าลืมสิครับ...เทคโนโลยีอันนี้เราไม่ได้เป็นผู้สร้าง...ก็แค่ซื้อมาใช้...เผลอ ๆ บ.ผู้ผลิตมันใส่อุปกรณ์ดักฟัง...ไว้ในอุปกรณ์ดาวเทียม...อุปกรณ์โทรศัพท์ของเรา ๆ ท่าน ๆ มาตั้งแต่โรงงานแล้วหล่ะ... ...ถ้ากลัวว่าจะถูกดักฟัง...แล้ว...เครือข่ายอื่น ๆ ล่ะครับ...ดีแท็ค...ทรูมู๊ฟ...ไม่กลัวเหรอ...งั้นก็ซื้อมาเป็นของรัฐ...ให้หมดเลยสิครับ... ...แล้ว...ดาวเทียมไทคม...ก็ใช่ว่าเราจะใช้อยู่ประเทศเดียว...ประเทศอื่น ๆ ...ที่เช่าใช้ช่องสัญญาณอยู่...เขาไม่กลัวกันเหรอครับ... ...แล้ว...ถ้าซื้อคืนมา...หรือ...รัฐบาลทำขึ้นมาเองใหม่...ให้ประเทศอื่นเช่าใช้ช่องสัญญาณบ้าง...เราจะไม่โดนข้อหาดักฟังจากประเทศเหล่านั้นหรือครับ.... >:( >:( >:(...สับสนครับเรื่องนี้...ข่าวมั่ว...เยอะเหลือเกิน...ตั้งแต่เริ่มแรกเลย...มีใครมีข้อมูลที่แท้จริงและชัดเจนได้บ้างครับ...อะไรกัน...ถ้าว่าเขาผิด...ก็หาทางยึดสัมปทานคืนเลย...จะไปซื้อคืนให้เสียเงินทำไม...ดาวเทียมจริง ๆ นะครับ...ไม่รองเท้าแตะตราดาวเทียม...เอาเงินมาพัฒนาประเทศด้านอื่นดีกว่า...จะสร้างกระแสทำไม... ??? ??? ??? หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2007, 01:03:54 AM หึ .... หึ .... หึ .... ::) หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2007, 01:30:12 AM ไม่ซื้อคับ...
ไม่ซื้อความคิดนี้คับ... ดาวเทียมอีกไม่กี่ปีก็หมดอายุแล้ว... หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: RASH ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2007, 08:43:30 AM ไม่ซื้อคับ... ไม่ซื้อความคิดนี้คับ... ดาวเทียมอีกไม่กี่ปีก็หมดอายุแล้ว... ที่เขาเรียกว่า....ค่าโง่....ใช่ไหมครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2007, 09:39:31 AM :). ผมสนใจที่จะฟังในข้อเท็จจริง ในทางวิชาการ และรักษามรรทยาท ไม่ก้าวล่วง ไปคิดแทน และไปวิจารณ์โดยไม่มีข้อเท็จจริง ทำให้ผมไม่มีปัญญา คิดในเรื่องนี้ ต่างคนต่างมีหน้าที่ เมื่อมีหน้าที่ จึงมีอำนาจในการตัดสินใจ จะทำอะไร ตัดสินใจอย่างไร เพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ตนทุกชิ้นงานเหมือน รัฐบาลทรราช ทำไปเถอะครับ. ผิด-ถูก.. ผมยังเชื่อมั่น ในสติปัญญา ของ คมช. และรัฐบาลนี้ ตราบใดที่ยังทำเพื่อชาติบ้านเมือง อย่างแท้จริง . :) หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2007, 01:17:04 PM ข้อมูลอีกด้าน .... ลองอ่านดู แล้ว คิดเอาเอง ....... นะจ๊ะ ( ว่าจริงหรือเท็จ ) .... หวังว่า RO - 05 จะเข้าใจ นะจ๊ะ .... ;D จาก http://www.thairath.co.th ขอบคุณครับ :) ============================================================================================== เปิดข้อเท็จจริงไทยคม ถอดรหัสสมบัติชาติ กับดาวเทียมเชิงพาณิชย์ [ 26 ก.พ. 50 - 17:34 ] ทันที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ประกาศว่า จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อทวงดาวเทียม ไทยคมซึ่งถือเสมือนเป็นสมบัติของชาติคืนจากอภิมหากองทุนยักษ์แห่งสิงคโปร์ เลือดรักชาติของคนไทยก็พลุ่งพล่านขึ้น พร้อมๆกับส่งเสียงขานรับที่ดังกระหึ่มเมือง หลายคนโจมตีว่า การขายหุ้นของอดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัวที่พ่วงเอาดาวเทียมไทยคม และกิจการในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมไทยไปด้วย เป็นเรื่องน่าอดสูใจที่คนเป็นถึง นายกรัฐมนตรีของประเทศจะแอบดอดเอาสมบัติชาติไปขายเพื่อสร้างความร่ำรวยให้แก่ตน และคนในครอบครัว บ้างก็สร้างภาพเสียน่ากลัวว่า ป่านนี้รัฐบาลสิงคโปร์คงจะล้วงตับ ล้วงความลับทางการทหาร และความลับของประเทศไทยไปจนหมดไส้หมดพุงแล้ว จากการจารกรรมข้อมูลผ่านดาวเทียมไทยคมนี่เอง ในขณะที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และกระทรวงพาณิชย์ พยายามพลิกตำราหาช่องทางกฎหมายเสนอให้รัฐบาลทำการยึดสัมปทานคืนทันที เมื่อได้พิสูจน์แล้วว่า มีการจัดตั้งบริษัทหนึ่งบริษัทใดขึ้นมาทำหน้าที่เป็นนอมินีแทนต่างชาติเพื่อให้สามารถถือหุ้น หรือมีสิทธิออกเสียงในกิจการที่ควรสงวนไว้ให้เป็นของคนไทยได้ แต่ไม่ว่ากระแสการรักชาติหรือความเป็นชาตินิยมจะรุนแรงเพียงใด และนำพาคนไทยไปในทิศทางใดก็ตาม ทีมเศรษฐกิจ ขอให้คนไทยตั้งสติพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบก่อนจะตีโพยตีพายไปจนเสียการว่า ประเทศไทยได้สูญเสียสมบัติชาติไปให้กลุ่มทุนสิงคโปร์เป็นที่เรียบร้อยไปแล้วจริงหรือไม่ พร้อมกับขอใช้พื้นที่นี้ ส่องกล้องไปดูที่มาที่ไปของดาวเทียมไทยคม ตลอดจนเส้นทางการผ่องถ่ายสัมปทานเจ้าปัญหาสู่กองทุนเทมาเสกที่ว่า ก่อนจะไปถึง คำตอบที่ว่า เราควรจะทวงคืนดาวเทียมไทยคมกลับมาหรือไม่?! ปูมหลัง และจุดเริ่มต้นปัญหา บมจ.ชิน แซทเทลไลท์ หรือ SATTEL ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2534 โดย บริษัทชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือ SHIN เพื่อดำเนินโครงการดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ ภายใต้สัมปทานของกระทรวงคมนาคม ก่อนที่จะมีการแยกอำนาจการกำกับดูแลไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) ในปัจจุบัน โดยมีอายุสัมปทานรวม 30 ปี สิ้นสุดปี พ.ศ.2564 ภายใต้สัญญาสัมปทานนี้ ชินคอร์ปจะต้องถือหุ้นในชินแซทไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 เพื่อเป็นหลักประกันแก่คู่สัญญา หากมีการปฏิบัติผิดสัญญาไม่ว่ากรณีใด ผู้ถือหุ้นใหญ่จะต้องเป็นผู้ร่วมรับผิดชอบในการกระทำนั้นๆ ขณะที่รัฐบาลโดยกระทรวงที่รับ ผิดชอบจะเป็นผู้จัดหาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมให้แก่ผู้รับสัมปทาน ซึ่งก็คือผู้จัดสร้างดาวเทียมและยิงดาวเทียมขึ้น สู่วงโคจรในตำแหน่งที่ประเทศไทยได้รับการจัดสรรจากองค์การโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) สำหรับตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมที่ประเทศไทยได้รับการจัดสรรมีทั้งสิ้น 3 ตำแหน่ง คือ 120.0 องศาตะวันออก, 78.5 องศาตะวันออก และ 50.5 องศาตะวันออก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดาวเทียมไทยคมทั้ง 5 ดวง ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ชินแซท เริ่มยิงดาวเทียมดวงแรกซึ่งได้รับพระราชทานชื่อ ไทยคม 1 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2536 นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยมีดาวเทียมเป็นของตนเอง เพื่อให้บริการภายในประเทศ และครอบคลุมถึงประเทศต่างๆในภูมิภาค จาก ที่ต้องเช่าใช้ดาวเทียมประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้บริการแพร่ภาพสถานีโทรทัศน์ ตลอดจนบริการสื่อสารโทรคมนาคมอื่นๆ หลังจากดำเนินกิจการมาร่วม 16 ปี ชินแซทก็เป็นที่รู้จักของคนไทย รวมถึงบริษัทคู่ค้าผู้ดำเนินธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม และสถานีโทรทัศน์ทั่วโลกในฐานะผู้ให้บริการ ดาวเทียมรายแรกและรายเดียวของประเทศไทย กระทั่งเป็นเจ้าของดาวเทียมไทยคมทั้งสิ้น 5 ดวง ได้แก่ ไทยคม 1, ไทยคม 2, ไทยคม 3, ไทยคม 4 หรือ ไอพีสตาร์ ซึ่งเป็นดาวเทียมสื่อสารดวงใหญ่ที่สุดในโลก และดวงล่าสุด คือ ไทยคม 5 มีสินทรัพย์ ณ สิ้นปี 2548 คิดเป็นมูลค่า 33,000 ล้านบาท บริษัทยังคงมีแผนขยายการลงทุนต่อเนื่อง จากแผนการยิงดาวเทียมไทยคม 6 ในอีก 2 ปีข้างหน้า และดาวเทียมไทยคม 7 ซึ่งจะเป็นดาวเทียมสื่อสารที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับไอพีสตาร์ ก่อนที่ชินแซทจะตกไปอยู่ในมือของกองทุนเทมาเสกจากสิงคโปร์นั้น ผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้เคยประกาศขายหุ้นเพิ่มทุนของชินแซทต่อนักลงทุนทั่วไปและสถาบันเพื่อระดมทุนกว่า 3,182 ล้านบาทไปใช้ในการสร้าง และยิงดาวเทียมไทยคม 4 หรือไอพีสตาร์มาแล้วในเดือนมิถุนายน ปี 2548 โดยการขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว ชินคอร์ปในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้ขอใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน จึงทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของตนลดลงมาเหลืออยู่เพียง 41.32% แต่ในอีก 2 ปีให้หลัง ชินแซทได้ถูกขายพ่วงไปกับ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AD VANCE (เอไอเอส) และไอทีวี (ITV) เมื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในชินคอร์ป อย่าง ชินวัตร และดามาพงศ์ ขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ให้แก่ กลุ่มบริษัท เทมาเสก โฮลดิ้ง จำกัด จากสิงคโปร์ ในสัดส่วน 49.59% คำถามมากมายผุดขึ้นพร้อมๆกับความไม่พอใจของผู้คนในสังคมที่เริ่มคุกรุ่นขึ้น เมื่อการซื้อขายหุ้นครั้ง ประวัติศาสตร์ระหว่างเทมาเสกกับครอบครัวชินวัตรและดามาพงศ์ ในมูลค่ารวมกว่า 73,000 ล้านบาท ถูกเปิดเผยขึ้น และด้วยเหตุผลนี้นี่เอง ที่ทำให้ชีวิตทางการเมืองและธุรกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัวต้องขาดสะบั้นลง และท้ายที่สุดก็นำมาซึ่งการประกาศไล่ล่าล้างบางทั้งเทมาเสก นอมินี และคนในครอบครัวชินวัตร และดามาพงศ์ จนกระทั่งถึงการทวงสัมปทานดาวเทียมที่ถือกันว่าเป็นสมบัติของชาติกลับคืนมา ดาวเทียมพาณิชย์ กับ จารกรรม สิ่งที่ทุกฝ่ายกังขาก็คือ กิจการดาวเทียมที่เป็นสมบัติชาติถูกขายออกไปให้กลุ่มทุนต่างชาติได้อย่างไร ทั้งที่สัมปทานเป็นกิจการเพื่อความมั่นคง ยิ่งกว่านั้น การปล่อยให้ต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของได้ ก็เท่ากับ เปิดประตู ให้ต่างชาติล้วงตับ และความลับทางด้านความมั่นคงของชาติไปเรียบวุธใช่หรือไม่ หากพิจารณาข้อมูลอย่างถ่องแท้ จะเห็นได้ว่า ดาวเทียมไทยคมทุกดวง เป็นดาวเทียมเพื่อการพาณิชย์ ไม่สามารถนำไปใช้งานด้านจารกรรม หรือใช้ติดตามสอดแนมพื้นผิวโลกได้ เพราะไม่มีการติดตั้งกล้อง และยังเป็นดาวเทียมแบบค้างฟ้า ซึ่งลอยอยู่เหนือผิวโลกสูงถึง 36,000 กิโลเมตร ขณะที่ดาวเทียมสายลับ จะอยู่เหนือผิวโลกเพียงไม่กี่ร้อยกิโลเมตร เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการใช้งานสูงสุด ในทางเทคนิค ดาวเทียมแต่ละดวง จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน ดาวเทียมเพื่อการพาณิชย์จึงไม่สามารถนำมาใช้งานด้านจารกรรมสายลับได้ ที่สำคัญก่อนที่ดาวเทียมจะถูกนำมาใช้งาน จะต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติทางเทคโนโลยีก่อน เพื่อให้แน่ใจว่า จะนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์เท่านั้น ขั้นตอนการตรวจสอบต้องผ่านข้อกำหนดทางเทคนิคจากกระทรวงไอซีที ว่าจะนำไปใช้งานด้านใด นอกจากนั้น ยังต้องผ่านการตรวจสอบจากรัฐบาลของประเทศผู้ผลิตดาวเทียมด้วย เช่นกรณีดาวเทียมไทยคม 1 และ 2 ผลิตโดยบริษัทโบอิ้ง และดาวเทียมไทยคม 4 ผลิตโดยบริษัทสเปซ ซิสเต็มส์ ลอเรล แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ (Export License) เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติทางเทคโนโลยีเพื่อใช้เชิงพาณิชย์เท่านั้น เช่นเดียวกับดาวเทียมไทยคม 3 และ 5 ที่ผลิตโดยบริษัทอัลคาเทล อัลลิเนีย สเปซ แห่งประเทศฝรั่งเศส ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลฝรั่งเศสในรูปแบบเดียวกัน หากจะพิจารณากันในแง่ของการรับส่งข้อมูลผ่านดาวเทียมนั้น เนื่องจากไทยคมเป็นดาวเทียมระบบเปิด สถานีดาวเทียมภาคพื้นดินใดๆก็สามารถรับส่งข้อมูลได้ ไทยคมจึงเปรียบเสมือนให้บริการท่อรับ-ส่งข้อมูล มีลูกค้าที่เป็นสถานีโทรทัศน์ทั่วโลกกว่า 150 สถานี ใน 40 ประเทศ นอกเหนือจากลูกค้าที่ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม รับส่งข้อมูลและอินเตอร์เน็ตทั้งในและต่างประเทศเกือบ 40 ราย ตามมาตรฐานของดาวเทียมเพื่อการพาณิชย์ ลูกค้าจะต้องเป็นผู้รักษาข้อมูลที่ส่งขึ้น-ลงผ่านดาวเทียม ซึ่งส่วนใหญ่ใช้วิธีเข้ารหัส-ถอดรหัส อย่างกรณีของสถานีโทรทัศน์ หากเป็นระบบบอกรับสมาชิก ก็จะเข้ารหัสแพร่ภาพสำหรับลูกค้าเท่านั้น ใครที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ไม่สามารถดูรายการของสถานีโทรทัศน์ช่องนั้นๆได้ หรืออย่างกรณีที่เป็นข้อมูลด้านการเงิน เช่น ลูกค้าที่ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ การเข้ารหัส-ถอดรหัสข้อมูลที่ส่งผ่านดาวเทียม เป็นส่วนที่ลูกค้าจะต้องดำเนินการเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอ่อนไหวเหล่านั้น ผู้ให้บริการดาวเทียมเป็นเพียงท่อส่งข้อมูลให้เท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปดึงข้อมูลที่มีการเข้ารหัสซับซ้อนเหล่านั้นได้ เช่นเดียวกับหน่วยงานราชการ ทหารสื่อสาร ซึ่งปัจจุบันเป็นลูกค้าไทยคมอยู่หลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงอวกาศของอินเดีย (DOS) กระทรวงไปรษณีย์ และโทรคมนาคม และกระทรวงดูแลงานโทรทัศน์ของประเทศพม่า หน่วยงานทหารสื่อสารแห่งกองทัพไทย ซึ่งปัจจุบันเช่าใช้ช่องสัญญาณผ่านกระทรวงไอซีที โดยได้รับการจัดสรรให้ที่ 1 ช่องสัญญาณ (ทรานสพอนเดอร์) อันเป็นสัดส่วนที่จัดสรรให้หน่วยงานราชการไปแบ่งกันใช้บริการ หน่วยงานราชการเหล่านี้ ย่อมต้องมีกลไกรักษาความปลอดภัยสูงสุดต่อข้อมูลที่ส่งผ่านดาวเทียม ขณะเดียวกัน กิจการด้านทหารยังมีย่านความถี่ที่ Xband ซึ่งจัดสรรสำหรับการใช้โดยเฉพาะเพื่อความปลอด ภัยสูงสุดที่หน่วยงานอื่นๆไม่ สามารถใช้งานได้อีกด้วย ไทยคม...สมบัติของไทยอยู่แล้ว หากทุกฝ่ายจะได้ย้อนกลับไปพิจารณาสัญญาสัมปทานไทยคม ซึ่งเป็นสัญญาสัมปทานประเภท สร้าง-โอน-บริหาร หรือ Build Transfer Operation-BTO ที่เมื่อผู้รับสัมปทานได้ดำเนินการจัดสร้างดาวเทียม และยิงขึ้นสู่วงโคจรแล้วเสร็จ จะต้องยกให้เป็นทรัพย์สินของรัฐในทันที พร้อมทั้งสถานีควบคุมดาวเทียม และอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่บริษัทเอกชนจะได้รับก็มีเพียงสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์จากการนำช่องสัญญาณ (Transponder) ออกไปให้เช่า และเรียกเก็บค่าบริการจากผู้เช่าใช้ แต่จะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ที่เกิดขึ้นเหล่านี้กลับมาให้รัฐด้วยตามสัญญา ล่าสุด ชินแซทมีลูกค้าที่เข้ามาขอเช่าใช้ช่องสัญญาณแล้วกว่า 40 ประเทศ โดยลูกค้ากว่าร้อยละ 77 เป็นลูกค้าต่างประเทศ และบริษัทได้จ่ายค่าสัมปทานให้แก่รัฐแล้วเป็นจำนวน 3,698.9 ล้านบาท มากกว่าจำนวนขั้นต่ำที่กำหนดไว้ที่ 3,317.9 ล้านบาท เมื่อสัญญาสัมปทาน BTO กำหนดชัดเจนอยู่แล้ว ทรัพย์สินทุกอย่างสร้างขึ้นต้องยกให้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ดาวเทียมไทยคมก็ต้องถือเป็นสมบัติของชาติในทันที จึงไม่ต้องย้อนกลับไปพิจารณาอีกว่า ดาวเทียมไทยคมเป็นสมบัติของใคร? เพราะด้วยสถานะและกฎหมาย ดาวเทียมไทยคมก็เป็นสมบัติของชาติโดยสมบูรณ์ตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว! ที่สำคัญ ไทยคม ยังถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศในฐานะ ผู้ให้บริการดาวเทียมมาตรฐานโลกที่ออกไปแข่งกับผู้ให้บริการดาวเทียมอื่นๆ ของโลกอีกกว่า 40 ประเทศ ครอบคลุมทั้งเอเชีย แปซิฟิก และตะวันออกกลาง ซึ่งแต่ละประเทศล้วนมีดาวเทียมเป็นของตัวเองแล้วทั้งสิ้น และโดยเฉพาะ ไทยคม 4 หรือไอพีสตาร์ ซึ่งเป็นดาวเทียมที่ชินแซทวิจัยและพัฒนาขึ้นมาเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของประเทศไทย ที่ได้ชื่อว่าเป็นดาวเทียมที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุด และใหญ่ที่สุดของโลก สามารถให้บริการครอบคลุมไปกว่า 3 ทวีป ซ้ำยังเจาะตลาดในประเทศยักษ์ใหญ่ อย่าง จีน อินเดีย ยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ได้หมดในขณะที่ทุกประเทศล้วนมีดาวเทียมเป็นของตัวเองแล้วทั้งสิ้น เมื่อดาวเทียมไทยคมเป็นสมบัติของชาติอยู่แล้ว จะต้องไปต่อสู้ทวงคืนกันทำไมอีก!! หากทุกฝ่ายย้อนกลับไปพิจารณาความเป็นมาของเรื่องทั้งหมดให้ดีตั้งแต่ต้น ก็จะเห็นเองว่าหาได้มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องไปลงทุนลงแรงตั้งโต๊ะรับบริจาคเงินนับพันนับหมื่นล้านบาท เพื่อจะเข้าไปซื้อสัมปทานดาวเทียมไทยคม หรือ วงโคจรกลับคืนมาไม่ แม้ผู้ถือหุ้นใหญ่ของชินแซทจะยังต้องพิสูจน์สัญชาติว่า เป็นไทย หรือต่างชาติกับกระทรวงพาณิชย์อยู่ แต่สัดส่วนหุ้นที่เหลืออีกกว่า 58% ในชินแซท ก็ยังคงเป็นหุ้นของคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสิ้น และต่อให้ชินคอร์ปกับกุหลาบแก้วถูกกระชากหน้ากากว่าเป็นร่างทรงของกลุ่มทุนสิงคโปร์จริง แต่สัดส่วนทุนของสิงคโปร์ในชินแซท ปัจจุบันก็ไม่ได้สูงเกินกว่าร้อยละ 49 อันเป็นสัดส่วนหุ้นสูงสุดที่กฎหมายรับรองความเป็นนิติบุคคลของบริษัทไทยอยู่แล้ว ดังนั้น ความพยายามในการตีฆ้องร้อง ป่าวให้มีการทวงคืนสมบัติชาติในเวลานี้จึงหาใช่การกู้ชาติไม่ หากแต่เป็นความ เขลา ไม่เข้าใจ และไม่ได้ศึกษาสัญญาสัมปทานอย่างถ่องแท้ หรือไม่ก็อาจเป็นแค่ความพยายามของกลุ่มบุคคล ที่ประสงค์จะเข้าไปชุบมือเปิบและ ส่งคนของตนเข้าไปกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารกิจการนี้แทน! ขณะที่การเจรจาทางธุรกิจโดยตรงระหว่าง บริษัทเอกชนด้วยกันสามารถจะเกิดขึ้นได้เมื่อความต้องการจะซื้อจะขายตรงกัน เพราะเป็นช่วงพอดีกับที่เทมาเสกเอง ก็ต้องการจะขายหุ้นในส่วนของชินแซทให้นักลงทุนรายใหม่ ที่มีทุนมากพอจะมารับช่วงต่อเพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น เวลาที่เหลือไม่มากแล้วของรัฐบาล ช่วยกันระดมสมองคิดอย่างอื่นที่สร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่านี้ไม่ดีกว่าหรือ. -------- ทีมเศรษฐกิจ ------- ;D หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: RO 05 ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2007, 02:04:26 PM ข้อมูลอีกด้าน .... ลองอ่านดู แล้ว คิดเอาเอง ....... นะจ๊ะ ( ว่าจริงหรือเท็จ ) .... หวังว่า RO - 05 จะเข้าใจ นะจ๊ะ ....
ข้อเท็จจริงมีที่มาที่ไปแบบนี้ เป็นข้อเท็จจริงที่ต้องสื่อให้พิจารณากัน เป็นเรื่องดีครับ คุณNakin ไม่ใช่ความเห็นอคติแอบแฝงมาแอบด่า คมช อย่างที่ให้เหตุผลตรงกับคุณไว้ และจำเป็นต้องลบออกไป ผมจำต้องเลือกรักษาเวปนี้ไว้ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2007, 02:22:33 PM ข้อเท็จจริงมีที่มาที่ไปแบบนี้ เป็นข้อเท็จจริง ที่ต้องสื่อให้พิจารณากัน เป็นเรื่องดีครับ คุณ Nakin ไม่ใช่ความเห็นอคติแอบแฝงมาแอบด่า คมช . อย่างที่ให้เหตุผลตรงกับคุณไว้ และจำเป็นต้องลบออกไป ผมจำต้องเลือกรักษาเวปนี้ไว้ ขอขอบคุณ RO - 05 ..... ด้วยความจริงใจครับ :) และ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า RO - 05 จะดำรงความยุติธรรม และ มีความเป็นธรรม ..... ในการปฏิบัติหน้าที่นี้ไว้ได้ อย่างทั่วถึง และ ตราบนานเท่านาน หัวข้อ: Re: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์ เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2007, 02:52:38 PM กรรมสิทธิ์ / สิทธิครอบครองการใช้ประโยชน์
เป็นเจ้าของแต่ชื่อ มีค่าอันใด |