เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

เรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้  เป็น เหตุการณ์จริง ที่ทำให้ตำรวจที่ดีต้องเสียกำลังใจ

เหตุการณ์วันเกิดเหตุ  

เมื่อคืนวันที่ 26 มี.ค 48 ผมได้เข้าไปรับประทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งใน อ.เมืองพัทลุง เมื่อประมาณ 23.30 น. ได้เห็นชาย 2 คน คือ นาย ก. และ นาย ข. ได้ถกเถียงกับชายคนหนึ่งคือ นาย ค. หลังจากนั้น นาย ค. ได้ลุกขึ้นไปโทรศัพท์ และอีกสักครู่ต่อมาก็มีบุคคลกลุ่มหนึ่งประมาณ 15 – 20 คน ซึ่งมีทั้งตำรวจ(เลว)ในเครื่องแบบ และตำรวจ(เลว)นอกเครื่องแบบ (สืบทราบภายหลังว่าเป็นตำรวจเลวนอกเครื่องแบบ) มาหา นาย ค. แล้วได้มีการพูดคุยกัน หลังจากนั้นกลุ่มตำรวจ(เลว)ดังกล่าวได้เรียก นาย ก. และ นาย ข. มาพูดคุยข้างนอกร้าน แต่ นาย ก. และ นาย ข. ไม่กล้าออกไปจากนอกร้าน เมื่อ นาย ก. และ นาย ข. ไม่ออกไป ตำรวจ(เลว) กลุ่มนั้นพร้อมทั้ง นาย ค. ได้เดินเข้าไปหา นาย ก. และ  นาย ข. หลังจากนั้นได้มีการโต้เถียงอย่างรุนแรง  แล้วกลุ่มชายดังกล่าวได้ทำการจับล็อค นาย ก.  โดยให้คุกเข่ากับพื้นเอามือไขว้หลังพร้อมทั้งเอาหัวเข่าตนเองยันหลัง นาย ก. ไว้เพื่อไม่ให้ลุกขึ้นสู้ ส่วน นาย ข. ได้ถูกล็อคแขนทั้งสองข้าง หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ชุลมุน เมื่อเหตุการณ์สงบผมเห็นที่หน้าผากของ นาย ข. มีเลือดไหลออกมาเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าเต็มไปหมด หลังจากนั้นชายกลุ่มนั้นได้พา นาย ก. และ นาย ข. ไปโรงพัก

รุ่งเช้าวันต่อมา ผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนรักคนหนึ่ง แจ้งว่าญาติของเขาถูกตำรวจ(เลว)ซ้อมที่ร้านแห่งหนึ่ง ผมจึงเดินทางไปพบเพื่อนเพื่อสอบถามรายละเอียด สอบถามไปสอบถามมา จึงได้รู้ว่า นาย ข. นั้นจบนิติศาสตร์ เพื่อนจึงไปพา นาย ข. มาพบผม หลังจากพูดคุยกันหลายชั่วโมงก็ได้ข้อมูลว่า นาย ก. และ นาย ข. นั้นได้มีปากเสียงกับ นาย ค. ( ซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็เป็นไปอย่างที่ผมเล่า ) ผมก็ได้แจ้งแก่เพื่อนรักและญาติว่าผมก็อยู่ในเหตุการณ์แต่ผมไม่กล้าเข้าไปช่วยเพราะไม่รู้ว่าเป็นญาติกับเพื่อนผมนึกว่าเป็นการจับกุมผู้ร้าย เพราะเล่นซ้อมกลางร้านอาหารโดยไม่สนใจสายตาของใคร ๆ เลย และที่สำคัญผมก็เพิ่งทราบว่า นาย ข. นั้นโดนตีด้วยของแข็ง ( เห็นรอยช้ำแล้วรอยเย็บ ) ซี่งเพิ่งทราบอีกว่าของแข็งนั้นเป็นปืน  นาย ข. ได้บอกกับผมว่าไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับบุคคลกลุ่มนี้มาก่อน แต่อาจจะเป็นเพราะการโต้เถียงที่รุนแรงของแต่ละฝ่ายจนทำให้เป็นเรื่องขึ้นมา นาย ข. บอกว่าเค้าถูกตั้งข้อหาเมาสุราอาละวาด โดนปรับไป 100 บาท ซึ่งตนเองก็ยอมรับว่าดื่มสุราและอาจส่งเสียงดังบ้างแต่ก็มีสติหากไม่มีสติคงออกไปพบชายกลุ่มนั้นนอกร้านแล้วและไม่ได้อาละวาดขว้างปาสิ่งของ  แต่ชุดจับกุมไม่น่าจะทำกันขนาดนี้ ทำเหมือนกับเค้าเป็นอาชญากรร้ายแรง ทั้ง ๆ ที่เค้าก็จบนิติศาสตร์มาพอจะรู้เรื่องกฎหมายบ้าง และไม่มีอาวุธที่จะต่อสู้ แม้แต่มือเปล่าสองข้างก็ยังถูกล็อคเอาไว้แล้วจะต่อสู้ได้อย่างไรล่ะ  แถมตอนที่ นาย ค. ซ้อมเค้านั้นก็มีตำรวจหลายคนได้ผสมโรงด้วย และตอนที่โดนตีกับปืนนั้นเค้าโดนตีถึง 2 ครั้งที่หน้าผาก เนื่องจากตีทีแรกไม่ทรุด นาย ค. ก็พูดว่ายังไม่ยอมเหรอ พร้อมกับตีเป็นครั้งที่ 2 จึงทำให้ตนเองทรุดลงไปพร้อมกับมีเลือดไหลออกมามากกว่าเดิม พอตนเองจะลึกขึ้น นาย ค. ก็พูดว่ามึงยังสู้อีกเหรอพร้อมกับวิ่งมาเตะที่ปลายคางจนทำให้ตนเองลุกไม่ไหว (ผมพอจะเห็นนึกภาพประกอบเหตุการณ์จากคำพูดของ นาย ข. ได้เนื่องจากเห็นเหตุการณ์อยู่บ้าง ยังนึกอยู่เลยว่า เออวะ จะสู้ได้ยังไงว่ะ ก็เล่นโดนซ้อมเค้าฝ่ายเดียวนี่นา) แต่ยังไม่หมดสติแล้วก็ถูกตำรวจกลุ่มนั้นใช้ให้กลับบ้าน ตนเองเมื่อลุกขึ้นยืนได้แล้วก็พูดว่า จะกลับบ้านได้อย่างไรผมถูกซ้อม ผมจะไปแจ้งความ ตำรวจกลุ่มนั้นก็บอกว่าหากจะไปแจ้งความเดี๋ยวไปส่งเอง หลังจากนั้น นาย ข. ก็โดนตั้งข้อหาเมาสุราอาละวาด 

ผมใคร่ขอคำแนะนำเพื่อนำไปเป็นข้อมูลประกอบให้กับเพื่อนรักผมด้วยครับว่า หากไม่ได้รับความเป็นธรรมหลังจากแจ้งความฟ้องร้องเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้น และ นาย ค. แล้วว่า ควรจะดำเนินการร้องเรียนไปยังหน่วยใดบ้าง … ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้บางคนถึงได้ฝังใจกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีตเลยทำให้เกลียดตำรวจ(เลว)  เพราะเมื่อผมพบเห็นเหตุการณ์นั้นด้วยตนเองผมก็เริ่มมีความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาบ้าง เรื่องนี้คงจะยืดยาวเพราะฝ่ายโน้นก็มีสี ส่วนฝ่ายนี้ก็จบกฎหมาย

ป.ล. ข้อสังเกตุ
        1. นาย ค. คือใคร
        2. ทำไมตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์จึงปล่อยให้มีการกระทำอย่างนั้น
        3. หากเป็นคุณจะะทำอย่างไร       

อ่านเรื่องทั้งหมดแล้ว....ได้ความคิดและปรัชญาแห่งการอยู่รอด...คือ ยอมเขาไปเสียเถอะ...เพราะนี่คือประเทศไทย
นอกจากนี้...ยังรู้เพิ่มเติมขึ้นมาอีกว่า กฎหมาย ฤาจะสู้กฎหมู่ได้....เรียนนิติศาสตร์...ช่วยอะไรไม่ได้...สำหรับกรณีนี้

ไม่ใช่เพราะว่าเราอยากหลบหนี ไม่กล้าสู้...แต่เพราะข้อเท็จจริงที่เล่ามา..ยังไม่พอจะสรุปความไปทางใดทางหนึ่งได้ทันที

นาย ก. และนาย ข. ไปทำอะไรในเวลาวิกาลเช่นนั้น...ถ้าไปเที่ยวเตร่ตามประสา...ก็ควรรู้ว่า สถานะการณ์มันล่อแหลมต่อการเจ็บตัวหรือถูกโจมตีจากฝ่ายที่ไม่หวังดี....
การที่เขาทะเลาะวิวาทกับนาย ค.  ก็บ่งบอกว่า..นาย ก. และนาย ข. สมัครใจที่จะทะเลาะวิวาทด้วย  ไม่เช่นนั้น คงต้องเดินหลีกเลี่ยงนาย ค. ไปเสียให้พ้น...การเอะอะโวยวายตามประสาคนหนุ่ม...เป็นการแสดงออกถึงพลังในร่างกาย  เป็นแรงขับตามธรรมชาติ..แต่ก็เป็นแรงดึงดูดความรู้สึกของคนอื่นเหมือนกัน...เช่นเดียวกับวัยรุ่น..แข่งมอเตอร์ไซด์..บิดกันจนเครื่องจะกระจาย เสียงแสบแก้วหู

ระบบการยุติธรรมในเวลาเช่นนั้น และสถานการณ์เช่นว่านั้น...มันลำบากที่จะตอบได้ทันทีว่า  เป็นอย่างไร...
การที่นาย ข.ไม่ยอมออกไปพูดจานอกร้าน...เท่ากับเป็นการขัดขืนเจ้าพนักงานก็ได้...เจ้าพนักงานก็กระทำไม่ถูกที่หมั่นใส้..และลงโทษด้วยการซ้อม...แทนที่จะดำเนินคดีและพิสูจน์ความผิด..ตามครรลอง
นาย ค. จะเป็นใคร....ใยจึงต้องรู้ลึก   ..แต่ที่แน่ ๆ ย่อมเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกับตำรวจไม่มากก็น้อย
ทำไมตำรวจจึงปล่อยให้มีเหตุการเช่นนั้น...นั่นอาจจะเป็นเพราะอารมณ์มันพาไป....หรืออาจเป็นเหตุผลอื่น ๆ  แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ถูกต้อง
ถ้าเป็นเราจะทำอย่างไร...มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน....ต้องแยกแยะปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายออกไปก่อน...จากนั้นให้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหลายให้แน่หนา...แล้วจึงถามหาความยุติธรรมจากหน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งเชื่อว่า จะมีความยุติธรรมได้พอสมควร

ใครทำดี ย่อมได้ดี.... :VOV: 

เห็นด้วยกับคุณ Yakdee ครับ    คนดีในประเทศไทยเหมือนอาศัยเขาอยู่   ถ้ายอมได้ก็ปล่อยมันไปเถอะท่านมีแต่เปลืองตัวไมได้ประโยชน์อะไร    คนพวกนี้สักวันมันคงต้องไปเจอคนแบบเดียวกับพวกมันแล้วก็คงได้รับบทเรียนบ้าง   

นาย  ก. นาย  ข. ทะเลาะกันกับ  นาย  ค.  เรื่องอะไรครับ   เรื่องในวงเหล้าหรือปล่าวครับ   และ นาย  ข. เรียนจบกฎหมายมาน่าจะรู้วิธีการต่อสู้ในแง่กฎหมายได้ดี   และ  นาย  ค. ต้องใหญ่มากจึงสั่งได้ัแบบนี้    ขอให้ได้รับความเป็นธรรมจากกฎหมายบ้านเมืองตามที่ควรจะเป็น  นะครับ   

...เรื่องแบบนี้ก็ยังมีในประเทศไทยพ.ศ.นี้นะครับ  เออถ้าเป็นสมัย 30 ปีก่อนละก็ผมไม่แปลกใจอะไรเลย

...เจ้าทุกข์จะเอาเรื่องหรือเปล่าครับ   ??? :-\ :-X

ผมก็อยากรู้ว่า นาย ค. เป็นใคร  ;D

พี่ครูผมสอนไว้เสมอ "เมืองไทยเป็นประเทศสารขัณฑ์"

คงรู้แล้วนะครับ จะอยู่รอดปลอดภัยต้องทำตัวอย่างไร

  นายค.เป็นเทวดามาจากไหน จะทะเลาะกับนาย ก.,ข.มายังไงก็ไม่น่าจะเป็นข้ออ้างให้ตร.ใจสุนัขต้องมาทำตัวเป็นเบ๊ช่วยซ้อมประชาชนได้นี่ครับ ประเทศไทย มีข้าราชการเลวๆหัวใจไพร่ทาสมากเกินพอแล้วครับ  >:(

นี่แหละครับ เมืองไทย...

เรื่องนี้ ครูทำอะไรไม่ได้หรอก  ต้องถามเจ้าทุกข์ครับ ว่าเขาจะว่าอย่างไร  แล้วก็ว่าตามนั้น  เสมอนอกครับ

 >:( ปัญหาหนึ่งที่ทางภาคใต้ไม่สงบสุข ก็มาจากคนมีสี โดยเฉพาะสีกากี ที่ไปข่มเหงรังแกชาวบ้าน จะให้เขาสู้ซึ่งหน้าก็แพ้กฏหมายบ้านเมือง การลอบทำร้ายจึงมีให้เห็นอย่างทุกวันนี้...  >:(

เป็นทางเลือกหนึ่งของประชาชน...ตาดำ ๆ  

 ตอนนี้ยังมีประเทศที่ชื่อว่า " ไทย " แต่ต่อไปไม่รู้........ :~)  :~)  :~)

   ??? ไม่ทราบว่า นาย ก/ข กับนาย ค โต้เถียงกันด้วยเรื่องอะไรครับ ต้องดูส่วนนี้ด้วยครับ เพราะตอนนี้หากมองด้วยความเป็นชาวบ้าน นาย ก/ข ทะเลาะกับนาย ค นาย ค เจ็บใจเลยตามพวกมากระทืบ ไม่ได้ว่าเพื่อนคูเบิ้ลนะครับ แต่มุมนึง นาย ก/ข อาจจะไปทำอะไรไม่งามก่อนหรือไม่ ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ก็ได้ หรืออีกมุม นาย ค อาจจะต้องการแสดงถึงอิทธิพลของตนเองให้นาย ก/ข รู้ว่า "ไม่ยอมตู เมิงโดน" ก็ได้
   :-\ หากมองในมุมกฎหมายถามว่า จะสามารถดำเนินการในทางกฎหมายต่อนาย ค และพวกได้ไหม ตอบว่าได้ครับ ไม่ว่าจะมองมุมไหน แต่ถ้ามองแบบชาวบ้านและมองแค่ว่านาย ก/ข โดนรุมทำร้าย นายก/ข ก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ แต่หากมองถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ว่าการโต้เถียงกันนั้นโต้เถียงด้วยสาเหตุใด จึงจะตอบได้ว่าควรหรือไม่ควรดำเนินการอย่างไร ทั้งทางกฎหมายหรือทางนักเลง :-\
   :-\ ด้วยข้อมูลแค่นี้ และจากประสบการณ์ผมแนะนำครูเบิ้ล ว่าอย่าเพิ่งเข้าไปยุ่ง จนกว่าจะทราบเหตุการณ์ที่แท้จริงโดยละเอียดก่อนครับ บางที่คนที่เราคิดว่าผิดอาจถูก หรือคนที่เราคิดว่าถูกอาจจะผิดก็ได้ แม้เราอยู่ในเหตุการณ์ก็ตาม บางครั้งสิ่งที่เรามองเห็นอาจจะไม่ใช่เหมือนที่เราเห็นก็เป็นได้ครับ เพราะบางทีเราก็มองในมุมมองของความเป็นเพื่อน เป็นคนรู้จัก จนทำให้สิ่งที่เห็นเอนเอียงไปในสิ่งที่เราคิดเองมากเกินไป เช่นจากประสบการณ์ครั้งหนึ่ง เห็นคนรู้จักโดนทำร้าย ก็เข้าไปห้ามระงับเหตุการณ์ จากที่เห็นคือคนรู้จักเราอยู่ดี ๆ ก็โดนทำร้าย ถ้ามองในมุมของคนรู้จักกัน คนรู้จักเราเป็ฝ่ายถูกแน่นอน แต่พอสอบถามข้อมูลจากหลาย ๆ คนหลายฝ่าย ปรากฏว่า คนรู้จักเราไปลวนลามผู้หญิงของคนอื่นก่อน ถ้าเป็นแบบนี้มันก็พลิกครับ สรุป จนกว่าเราจะทราบข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายหรือจากหลาย ๆ ฝ่าย และวิเคราะห์ให้ถ้วนถี่ก่อน จึงค่อยตัดสินใจครับ ;D

นึกว่าเรื่องแบบนี้หมดไปนานแล้ว
มิน่า..........โดนยิงกันทุกวัน  >:(
นายกฯคงไม่เคยได้รับทราบปัญหาแบบนี้
สมัยก่อนหลายท่านคงได้ยิน "ถีบลงเขา...เผาลงถังแดง" ก็อ้ายพวกนี้นี่แหละมันทำทั่วใต้ล่าง :'(

สำหรับผมคิดว่า ถ้านาย ก. กับ ข. ถ้าผมจำไม่ผิด คิดว่าตัวเองไม่ผิด ก็ต้องเอาเรื่องพวกนั้นให้ถึงที่สุด

เพราะตัวเองก็จบกฏหมายมา เพราะสมัยนี้ ผมคิดว่าจะมาข่มเหงรังแกกันมันต้องต่อสู้กันบ้างละ

.... งานเสียชื่ออีกแล้วพวกไม่ทำตามขั้นตอน (พวกในเครื่องแบบ) ..... ถ้านาย ก ข คิดว่าตัวเองไม่ผิดและมีหลักฐาน พยานพร้อม ก็น่าจะเอาเรื่องถึงที่สุด กฎหมายจะได้ขลังขึ้นอีกนิด ...... ถ้าจะให้ดีมี Backup ใหญ่ ๆ ด้วยก็ดีนะ... ;D
 ....... แต่ว่าตำรวจที่เรารู้จักดี ๆ ทั้งนั้นเลย ใช่มั้ยครู........... ;D

ถ้าไม่กินเหล้าเรื่องนี้จะเกิดหรือไม่

ตอนตำรวจเขามา ทำไม่นาย ก และ ข ไม่รีบแสดงตัวละครับว่าเป็นการโต้เถียงกันธรรมดายื่นยันว่าจะไม่บานปลายถึงขั้นใช้กำลัง  และพร้อมจะสงบปากสงบคำ  ยินดีไปโรงพัก  ต้องแสดงตัวให้ชัดเจนครับแล้วค่อยออกไป 

แล้วรู้ได้อย่างไรครับว่าตำรวจเลว .......
ทะเลาะกันเรื่องอะไร...........มูลเหตุมาจากอะไร......

ผมว่านาย ค. ทำเหมาะสมแล้วครับที่เรียกตำรวจมาจัดการ ไม่งั้นบานปลาย ถูกสองคนนั้นรุมแน่

ก. และ ข ก็มีกิริยากระด้างกระเดือง ต่อตำรวจเหมือนกัน  จึงมีการใช้กำลัง แน่นอนแหละว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ  ถ้าคิดจะเอาความเรื่องนี้ก็แจ้งความไปเลยครับ

เมื่อไปถามญาติคนเจ็บ ก็เป็นธรรมดาที่จะว่าญาติตนเองเป็นฝ่ายถูก

แล้วก็กินเหล้าเข้าไปด้วย  กลายเป็นเรื่อง คนเมาทะเลาะกัน

ขอบคุณทุกท่านมากครับสำหรับความคิดเห็น

ตอนนี้ นาย ก. และ นาย ข. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นาย ค. ฐานพยายาฆ่าแล้วครับ เพราะว่าชักปืนออกมา แต่เนื่องจากไม่ทราบว่า นาย ค. เป็นใคร จึงแจ้งความกับตำรวจชุดจับกุมชุดนั้น ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และอีกข้อหาหนึ่งจำไม่ได้เหมือนกันครับว่าข้อหาอะไร เพราะไม่อย่างนั้นแล้วคงตามหาตัว นาย ค. ไม่ได้เป็นแน่แท้ครับ เนื่องจากว่า นาย ก. และ นาย ข. ไม่ทราบว่า นาย ค. เป็นใคร และนาย ข. โดนซ้อมต่อหน้าต่อตาแต่ตำรวจชุดนั้นไม่ทำอะไรเลย ถ้าหา นาย ค. ไม่ได้ตำรวจชุดนั้นก็คงเหงื่อตกแน่ ๆ

ส่วนตัวผมแค่ช่วยเหลือด้านความคิดเห็นเท่านั้นครับ ไม่ขอลงไปแจมด้วยเพราะว่าเห็นเหตุการณ์ไม่ชัด ตอนนั้นไม่กล้าไปเป็นไทยมุงเสียด้วย เสียวลูกหลง

ขอขอบคุณทุกท่านและทุกความคิดเห็นอีกครั้งครับ

 :-[ :-[ :-[ :-[

แย่จังนะครับ   ข้อมูลให้มาค่อนข้างน้อยเลยไม่กล้าออกความเห็นอะไรแต่ผมติดใจตรงชักปืนออกมาจังครับ  ว่าปืนมีทะเบียนหรือปืนเถื่อนเพราะทำให้คนที่มีปืนถูกต้องถูกมองในแง่ลบได้ด้วย  เนื่องจากปกติกฎหมายก้อห้ามนำพาไปในสถานที่เช่นนั้นอยู่แล้ว

แย่จัง สังคมเมืองไทย :'( :'( :'( :'( >:( >:( >:( >:( >:(

เหตุการณ์แบบนี้ควรจะหมดไปได้แล้ว >:((การกระทำของตำรวจ)
สุราเป็นสาเหตุ(ข้ออ้าง)ดื่มแล้วคึกเสมอถ้าดื่มแล้วหลับก็ไม่เป็นเรื่อง
จบนิติศาสตร์มาผมเห็นตกม้าตายมาหลายรายแล้ว ???(พอมีปัญหาก็ช่วยตัวเองไม่ได้)
ประเด็นสำคัญคือตำรวจทำเกินกว่าเหตุทะเลาะกันเป็นเรื่องรองเห็นบ่อยๆแต่ที่แน่ๆถามว่าทำไมถึงเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นได้  ต้องเตือนตนเองอยู่เสมอให้หลีกเลี่ยงไม่เป็นฝ่ายเริ่มถึงแม้ว่าจะถูกยั่วยุก็ต้องทน(ในความเห็นของผม)ต้องทนแม้ตกอยู่ในสภาวะทนได้ยากมิเช่นนั้นจะกลายเป็นสมัครใจวิวาท(ทำให้อ้างเหตุป้องกันตัวไม่ได้)บ่อยครั้งผมเดินหนีให้อีกฝ่ายถากถางอย่างคนขลาดหาว่าไม่แน่ทั้งๆที่ผมก็พกปืนอยู่กับเอว(ผมก็จบนิติศาสตร์เป็นทนายทำให้ต้องเตือนตนเองเสมอว่ารู้กฎหมายอย่าทำผิดซะเองเพราะผิดไปแล้วจะมีแต่คนซ้ำเติมโทษก็อาจไม่ได้ลดศาลอาจใช้ดุลพินิจถือว่ารู้แล้วยังทำ :~))
สรุปว่าควรจะอดทนอดกลั้นครับ  เวรระงับด้วยการไม่จองเวร ;D  แต่ในใจผมเนี่ยคิดตลอดแหละน่าจะยิงทิ้งซะเลย :DD

เห็นด้วยกับคุณซีนอฟครับ อย่างนี้ต้องเรียกว่าลูกผู้ชายตัวจริง ในประโยคที่ว่า บ่อยครั้งผมเดินหนีให้อีกฝ่ายถากถางอย่างคนขลาดหาว่าไม่แน่ทั้งๆที่ผมก็พกปืนอยู่กับเอว เป็นเรื่องท้าทายจิตใจสำหรับนักเล่นปืนมีทะเบียนอย่างแท้จริง นับได้ว่าพี่ชนะแล้วครับ อย่างน้อยก็ชนะจิตใจตนเอง แต่จริงๆตอนพกปืนใจเย็นและขีดความอดทนต่อสิ่งแวดล้อมสูงกว่าตอนไม่ได้พกปืนนะ(โดยส่วนตัวนะครับ คนเราอาจคิดและมีประสบการณ์ไม่เหมือนกัน)



ขอพระอวยพรพีน้องชาวเว็บบอรด์นิตยสารอาวุธปืนทุกท่านครับผม

คุณบัว..ครับ เอาแค่บางส่วนของสังคมไทยก็พอนะ....อย่าเพลียใจจนรวมทั้งสังคมเลย..ที่ดียังมีอยู่....มากกกกก

ลองมองมุมกลับนะครับ

ถ้าท่านเป็นนาย ก และ ข จะทำอย่างไร
ถ้าท่านเป็นนาย ค จะทำอย่างไร

ถ้าท่านไม่มีพรรคพวกท่านจะปฏิบัติอย่างไร
ถ้าท่านมีพรรคพวกเป็นคนมีสี หรือไม่มีสี แต่จำนวนมากกว่าท่านจะทำอย่างไร

ถ้าท่านรู้กฎหมายจะทำอย่างไร
ถ้าท่านไม่รู้กฎหมายจะทำอย่างไร

ถ้าท่านเป็นลูกท่านหลานเธอเหตุการณ์จะเป็นไปในรูปแบบไหน
ถ้าท่านเป็นประชาชนไม่มีเส้นมีสายท่านจะทำอย่างไร

เอาไปคิดเล่นๆ น่าจะเห็ฯภาพลางๆนะครับ

สังคมไทยเป็นสังคมที่มีรูปแบบเฉพาะตัว ความคิดเห็ฯบางอย่างก็กระทำได้ บางอย่างก็ทำไม่ได้
อย่าเอามาตรฐานจากประเทศตะวันตกมาวัดครับ
ลองวัดแบบไทย ทำใจให้ได้ ตราบใดที่ยังอาศัยอยู่ในประเทศนี้ครับ

 ;D ;D คุณใหม่แนะนำได้ลึกซึ้งกินใจดีครับ  ;D ;D