เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ขอเชิญร่วมเป็นกำลังใจให้ท่านรัฐมนตรีกระทรวง ICT ครับ
สู้ สู้ ครับท่าน  ผมเชียร์ท่านอยู่ครับ   :D


รมว.ไอซีทีปลุกรักชาติ ดันถอน “ทีโอที-กสท” พ้นตลาดหุ้น


(http://pics.manager.co.th/Images/550000003433801.JPEG)

รมว.ไอซีทีปลุกกระแสรักชาติอีกรอบ เตรียมเสนอเพิกถอน “กสท-ทีโอที” พ้นตลาดหลักทรัพย์ ชี้เป็นกิจการความมั่นคง ควรเป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่ควรเป็นของเอกชน ลั่นพยายามผลักดันให้ทันรัฐบาลชุดนี้
       
       วันนี้ (17 มี.ค.) นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที ) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมการประชุมครม. ถึงแนวคิดการยกเลิกการนำการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) แปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ว่า 2 หน่วยงานนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงจึงไม่เหมาะสมที่เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะเท่ากับเอาสมบัติของชาติไปขายให้เอกชนและการควบคุมจะเป็นไปอย่างลำบาก
       
       รัฐมนตรีกระทรวงไอซีที กล่าวว่า ดังนั้นหน่วยงานนี้ควรจะเป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไปเพื่อให้การควบคุมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่คิดว่าจะต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของตัวเองในการทำงานด้วย
       
       “ผมอาจจะอายุเยอะแล้วและเป็นคนหัวโบราณ ผมไม่เห็นด้วยที่จะเอารัฐวิสาหกิจไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้เชื่อว่าพนักงานทุกคนอยากเป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่มีใครอยากจะไปเป็นบริษัทเอกชน”
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวคิดนี้จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงุทนหรือไม่เพราะนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจกลับไปกลับมา นายสิทธิชัย กล่าวว่า รัฐบาลนี้ไม่เคยกลับไปกลับมา ตนบอกตั้งแต่ต้นเลยว่าไม่เห็นด้วยไม่เคยกลับไปกลับมา
       
       เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ก็มีรัฐวิสาหกิจบางแห่งกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว รมว.ไอซีที กล่าวว่า ก็เขาเปลี่ยนผิด และในความคิดของตนเห็นว่ามันผิดเราจะปล่อยให้ผิดไปอย่างนั้นหรือ ทั้งนี้ ตนจะพยายามผลักดันเรื่องการนำรัฐวิสาหกิจกลับมาเหมือนเดิมให้ได้ แต่ไม่ทราบว่าจะทันหรือไม่ แต่พยายามจะเริ่มไว้ก่อน และถือว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่โชคดีที่แปรรูปไม่ทัน

แหล่งที่  เวปหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ   ;D

เอาเลยครับท่าน จวดๆครับช่วยเชียร์

เห็นด้วยครับ

เรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง  และสวัสดิการประชาชน ควรควบคุมโดยรัฐบาล

ไม่ใช่ให้เอกชนนำไปทำกำไรเข้าพวกพ้อง  ชาติและประชาชนจะเดือดร้อน

เอาใจผมเป็นเลยครับท่าน :VOV:

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

 ;D เห็นด้วยครับอาจารย์ แต่คงเหนื่อยทางข้อกฎหมายหน่อย ส่วนเรื่องตลาดหุ้นผมว่ามันทรุดทั่วโลกอยู่แล้วความมั่นใจไม่เหลือไปเที่ยวยังไม่กลับไทย และเทศด้วยทำมันตอนนี้ก็ดี มีอีกเรื่องที่ผมว่ามันไม่คืบหน้าเลย สำหรับ number mobility เพราะผมอยากใช้เบอร์ส่วนตัวแต่ย้าย operator ไหนก็ได้ เอาค่าเปลี่ยนแบบพอดี ให้เหมือนต่างประเทศ เพราะถ้า operator ห่วยก็เปลี่ยน แต่ยังใช้เบอร์เดิมได้ จ่ายเงินนิดหน่อย

ผมว่าให้อาจารย์มาเป็น มท. ๑ ดีกว่า กฎหมายปืน ราคาปืน เอย คงจะดีขึ้นไม่น้อย  ;D

เอาเลยครับ   สนับสนุนเต็มที่

จะทันหรือเปล่าครับนี่.......   รัฐบาลอยู่อีกไม่นานก็จะหมดอายุแล้ว

ให้เป็นจริงสักทีเถอะ..................สาธุ

เห็นด้วย 1000 %

ของที่เป็นของประเทศและประชาชน

ควรอยู่กับส่วนรวม บ.ไม่ใช่ส่วนรวม ผลประโยชน์และกำไรมาก่อน

ด้วยความเคารพครับ

ขอเอาใจช่วย ท่าน รมต ด้วย

เห็นด้วยที่จะนำออกจากตลาดหุ้น และเอาคืนจากเอกชน แต่อยากให้ยังคงรูปของบริษัทมากกว่า (ให้รัฐเป็นเจ้าของ 100%) เพื่อให้การบริหารคล่องตัว เนื่องจากเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ารวดเร็ว การบริหารงานแบบ ราชการ รัฐวิสาหกิจอาจไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลง และต้องยอมรับว่า ประเทศไทย ไม่มีเงินทุนในการพัฒนามากนัก แต่เราสามารถให้บริษัทนี้ ไปร่วมหุ้นในบริษัทลูก(ตั้งบริษัทใหม่อีก 1 บริษัท) และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในบริษัทลูกนี้ได้ (ให้ถือหุ้น แยอะๆ เข้าไว้) เพื่อที่จะได้เป็นผู้กำหนดนโยบายของบริษัทใหม่ได้

การไฟฟ้าผมก็คิดเหมือนกัน ถ้าตั้งเป็นบริษัท โดยรัฐถือหุ้น 100%( ไม่รู้จะทำได้ไหม ไม่ค่อยรู้กฏหมายครับ) แล้ว ถ้าหากเราไม่มีเงินลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าเอง ก็ใช้วิธีตั้งบริษัทใหม่ ให้การไฟฟ้าไปถือหุ้นสัก  60-70%  แล้วให้คนอื่นมาถือหุ้นอีกหน่อย กำไรจากโรงไฟฟ้านี้แบ่งกัน แต่กำไร ของ กฟผ. เข้ารัฐ อย่างนี้น่าจะดีกว่านะครับ

เห็นด้วยครับ อย่าขายที่นาเหมือนชาวนาเลยครับ ขายที่นาได้แล้ว เอาเงินไปทำอะไรครับ แล้วก็มาเช่านาทำเหมือนเดิม เงินค่าขายที่นาก็หมดไปแล้วมีคนเสวยสุขคนเดียว...

เห็นด้วยครับอาจารย์ ลุยครับ

หนึ่งเสียงครับ........สนับสนุนเต็มที่

เปิดเจอเมื่อวันหยุดที่ผ่านมาครับ  หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น

(http://www.pic2.us/pic/xT436529.jpg)

        ผมมองต่างออกไป    :) ส่วนมากหน่วยงานที่รัฐเป็นเจ้าของและบริหารเอง มักไม่เจริญก้าวหน้าเพราะระบบเกื้อกูล มั่นคง แต่ไม่เก่งการคิดทางการตลาดเหมือนเอกชน ไม่ไล่ใครออกแม้ว่าจะขี้เกียจแค่ไหนก็ตาม มีการโกงกินกันมาก เมื่อคนส่วนใหญ่ในองค์กร เริ่มเป็นอย่างนั้น จะขาดการพัฒนาต่อเนื่องภาระต้นทุนสูงมาก  มีการขาดทุนตามมา องค์กรจะรู้สึกว่าไปไม่ไหว สู้เขาไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องให้เอกชนเข้ามาบริหาร พอเอกชนทำผลกำไรได้มากๆ ก็รู้สึกเสียดาย คิดว่าถ้าตนทำเองจะได้เอากำไรเองทั้งหมดดีกว่าทำไมต้องแบ่งให้คนอื่น (ลืมคิดไปเลยว่า ตอนตนเองทำเองมันห่วยแค่ไหน) เลยพยายามยึดกลับมาทำเองอีก แต่พอกลับมาก็จะกลับไปเหมือนเดิม เป็นวัฎจักรอย่างนี้ไปเรื่อย
        ให้เอกชนทำและให้ประชาชนถือหุ้น ให้ระบบเป็นไปตามกลไกตลาด แต่ออกกฎหมายเฉพาะสำหรับหน่วยงานประเภทนี้ กีดกันไม่ไห้ต่างชาติหรือกลุ่มผลประโยชน์ผูกขาดจะดีกว่า เช่น ถ้าเป็นนอมีนีของต่างชาติแอบมาซื้อ องค์กรสามารถเรียกซื้อหุ้นคืนได้ทุกเมื่อในราคาพาห์ จำกัดจำนวนการถือหุ้นสูงสุดของแต่ละคนไว้ ถ้าขายไม่หมด (คนไทยตังค์ไม่พอ) ให้รัฐถือไว้ก่อนและทยอยปล่อยขายให้ประชาชนต่อไปเมื่อพร้อม เป็นต้น

 

เท่าที่เห็นตัวอย่าง ปตท. รัฐก็ยังเป็นเจ้าของเกินครึ่งอยู่เยอะนะครับ   :)  เข้าตลาดหุ้นไม่น่าจะเลวร้ายขนาดนั้นนะครับ



PTT : บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 
 
ผู้ถือหุ้นรายย่อย ณ วันที่ 20/03/2549
 
จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free float) 22,232   % การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (% Free float) 47.47
 

 
ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 09/04/2550 ประเภทการปิดสมุดทะเบียน : XM
 
จำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด 30,107   % การถือหุ้นแบบไร้ใบหุ้น 46.81
 

 
ลำดับ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่                                                                           จำนวนหุ้น (หุ้น)                                        % หุ้น
 
1 กระทรวงการคลัง                                                                                1,467,750,743                                        52.32
 
2 กองทุนรวม วายุภักษ์ หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย                                            217,900,000                                          7.77
 
3 กองทุนรวม วายุภักษ์ หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี                                          217,900,000                                          7.77
 
4 HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD                                               45,813,035                                          1.63
 
5 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด                                                                     44,499,615                                          1.59
 
6 CHASE NOMINEES LIMITED 42                                                              41,732,600                                          1.49
 
7 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY                                         33,603,416                                          1.20
 
8 NORTRUST NOMINEES LTD.                                                                 32,913,619                                           1.17
 
9 MELLON BANK,N.A.                                                                               29,976,851                                           1.07
 
10 HSBC BANK PLC-CLIENTS GENERAL A/C                                             29,307,400                                           1.04
 
11 UBS AG, LONDON BRANCH-ASIA EQUITY                                            20,438,455                                           0.73
 
12 สำนักงานประกันสังคม                                                                           20,009,900                                           0.71  
 
13 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY FOR AUSTRALIA,            19,205,635                                           0.68
 
14 กองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการ                                                          18,762,800                                           0.67  
 
15 INVESTORS BANK AND TRUST COMPANY                                            15,560,325                                           0.55
 
   
 
       
       
 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ S-E-T Call Center โทร. 0-2229-2222 อีเมล์ : SETCallCenter@set.or.th  top
สงวนลิขสิทธิ์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ข้อตกลงในการใช้เว็บไซด์ | นโยบายความเป็นส่วนตัว   
 
       

เดิมที ผมเห็นด้วยที่จะให้เข้าตลาด เพื่อให้เกิดการพัฒนาจากการแข่งขัน และให้คนไทยได้เป็นเจ้าของจริงๆ 
แต่ที่ผ่านมากลายเป็น ผูกขาดตลาดเสียเอง แล้วกลับมาขูดรีดเราเอง แถมค่อยๆละลายไปอยู่กับต่างประเทศทีละนิดๆ   
แต่ตอนนี้ อยากให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมครับ  มันจะห่วยแค่ไหน ยังไงมันก็ยังเป็นของๆเรา