เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: Chayanin-We love the king ที่ เมษายน 03, 2007, 09:00:13 AM



หัวข้อ: เปิดไต๋รัฐบาลสุรยุทธ์
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ เมษายน 03, 2007, 09:00:13 AM
เปิดไต๋รัฐบาลสุรยุทธ์

 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2550 18:22 น.

 
 
 
รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ามารับหน้าที่แก้ไขปัญหาวิกฤตชาติที่หนักหน่วงที่สุดในโลกได้แค่ 5 เดือนเศษก็เสื่อมความนิยม จนผลการสำรวจความไม่ไว้วางใจพุ่งสูงถึง 88% ซึ่งสถิตินี้แม้รัฐบาลที่ประพฤติชั่วช้าเลวทรามที่สุดของโลกก็ยังมีความนิยมสูงกว่า
       
       จึงทำให้ผู้คนอึดอัดขัดใจและผิดหวังอย่างรุนแรง และกำลังเกิดกระแสขับไล่รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ อย่างกว้างขวางมากขึ้นทุกที จนมีเค้าว่าอายุขัยของรัฐบาลนี้กำลังสิ้นสุดลงแล้วในอนาคตอันไม่ไกลเท่าใดนัก
       
       ที่เป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะความจริงกับสิ่งที่ปรากฏอาจเป็นคนละเรื่องกัน ดังที่พระบาทสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าทรงสั่งสอนตักเตือนคนไทยให้ตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ไว้เป็นนักหนาว่า “วาววาวบ่ใช่เนื้อ คำดีดอกนา” ซึ่งหมายความว่าคนบางคนที่มองภายนอกแล้วดูซื่อสัตย์สุจริตใสสะอาด แต่แท้จริงและตัวจริงของเขาอาจจะไม่ใช่เช่นนั้น
       
       มาดูกันว่าทำไมรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ จึงเสื่อมความนิยมและหมดความเชื่อถือในหมู่ประชาชนอย่างรวดเร็วและรุนแรงขนาดนี้
       
       สาเหตุแรก ก็คือการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับภารกิจในการแก้ไขวิกฤตอันหนักหน่วงที่สุดของชาติมาจาก คมช. โดยเฉพาะภารกิจทั้งสี่ประการอันเป็นเหตุผลในการยึดอำนาจการปกครอง
       
       สาเหตุที่สอง นอกจากจะไม่ปฏิบัติภารกิจประการแรกแล้ว ยังกลับดำเนินการที่ทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายเท่ากับหรือมากกว่ารัฐบาลที่แล้ว คือรับเอาโครงการโคตรโกงมหาโกงทั้งหลายมาดำเนินการต่ออย่างหน้าตาเฉย บรรดาโครงการที่ชงไว้แล้วก็เอามาชงต่อ ซึ่งทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย เป็นการสืบสานอุดมการณ์โกงชาติมาจากรัฐบาลชุดก่อนอย่างแจ้งชัด ดังที่เราได้นำเสนอมาโดยลำดับแล้ว
       
       นอกจากสืบสานปณิธานโกงชาติอย่างหน้าตาเฉยแล้ว ยังได้กระทำการพิสูจน์ข้ออ้างของผู้คนในพรรคไทยรักไทยที่ว่า “ทุนนิยมที่ชั่วช้า ดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง” จนเห็นได้ชัด นั่นคือจะโดยจงใจหรือโดยไร้สติปัญญา หรือโดยโง่เขลาเบาปัญญาก็ไม่ทราบชัด แต่ชั่วเวลา 5 เดือนก็ได้สร้างความพินาศฉิบหายให้กับบ้านเมืองเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาท
       
       ไม่ว่าด้วยมาตรการเงินสำรอง 30% ด้วยมาตรการปกป้องค่าเงินบาทที่ใช้เงินของชาติไปแล้ว 1 ล้านล้านบาท จนหมดเนื้อประดาตัวแล้ว ยังตั้งท่าจะกู้เงินไปเล่นค่าเงินบาทอีก 400,000 ล้านบาท
       
       ซึ่งไม่รู้ว่าผลขาดทุนจะเป็นเงินถึงประมาณ 300,000 หรือ 400,000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว เพราะยังมีการปกปิดกันจ้าละหวั่น แต่เกิดความเสียหายแท้แน่นอนโดยมิต้องสงสัยแล้ว
       
       เศรษฐกิจของชาติกำลังพังทะลายในทุกระบบ การส่งออก การท่องเที่ยว การผลิต การจ้างงาน การลงทุน และการค้ากำลังหยุดชะงัก และกำลังพังทะลายอย่างน่าอเนจอนาถ โดยที่ไม่มีใครสนใจไยดี
       
       สาเหตุที่สาม ไม่ทำหน้าที่ปกติของตน แต่ละวันเอาแต่คิดอ่านทำพิธีกรรมที่ล้าหลังและน่าขัน งานนิติบัญญัติก็ไม่ใส่ใจไยดี จน สนช. ต้องลงมติว่าจะทำกฎหมายกันเองแล้ว การบริหารงานส่วนของรัฐบาลก็ทำไปวัน ๆ โดยที่ไม่มีเรื่องราวใด ๆ ที่จะเกิดผลดีแก่ประชาชน หรือแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เผยให้เห็นถึงการไร้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างชัดเจน
       
       ด้วยเหตุสามประการนี้จึงเกิดความเดือดร้อนเสียหายทุกหย่อมหญ้า และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสื่อมความนิยมอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนกระทั่งทำให้สถานการณ์ทุกด้าน ทุกชั้นชน ทุกวงการ กำลังพังทะลายครืนลงมาอย่างชัดเจนแล้ว
       
       นอกจากเหตุสามประการนี้แล้ว รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ยังมีวาระซ่อนเร้นที่น่าพิศวงจนแทบไม่น่าเชื่อ แต่ในที่สุดความจริงก็เผยออกมาเป็นขั้นเป็นตอน จนล่าสุดคำแถลงของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2550 ก็ได้แบไต๋ของรัฐบาลออกมาอย่างล่อนจ้อน
       
       เป็นการแบไต๋ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้คือร่างทรงของรัฐบาลทักษิณ และแบไต๋ให้เห็นว่าที่ทำอะไรในแต่ละครั้งแต่ละวันนั้นก็เพื่อเตรียมการคืนอำนาจให้กับพรรคไทยรักไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาบริหารบ้านเมืองในต้นปี 2551 เท่านั้น
       
       การเผยไต๋สำคัญ ๆ ที่ทำให้ได้ข้อสรุปเช่นนี้คือ
       
       การเผยไต๋เรื่องที่หนึ่ง คือการไม่ดำเนินการตามภารกิจสี่ประการที่ คมช. อย่างเป็นเหตุในการยึดอำนาจ รวมถึงการไม่ยึดอายัดทรัพย์สินใด ๆ แล้วเป็นต้นแบบของการเข้าเกียร์ว่างแห่งชาติ เพื่อไม่ให้ คตส. ปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสะดวกและเป็นผล จนกระทั่งเกิดการกระทบกระทั่งกันหลายครั้งหลายหน แต่ก็ยังเพิกเฉยเข้าเกียร์ว่างอยู่เหมือนเดิม
       
       การเผยไต๋เรื่องที่สอง คือการเปิดเผยข้อตกลงหลายประการออกมาเป็นบางส่วน เช่นการพูดว่าจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยหลังการเลือกตั้งบ้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีสิทธิ์เดินทางกลับเข้าประเทศไทยบ้าง และล่าสุดคือการพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ควรเดินทางกลับประเทศไทยในตอนปลายปี
       
       การเผยไต๋เรื่องที่สาม คือการอุ้มพนักงานของไอทีวีโดยผิดกฎหมายอย่างหน้าตาเฉย ซึ่งขณะนี้ก็มีการปล่อยให้ผู้คนเหล่านี้เอาทรัพย์สมบัติของชาติมูลค่านับหมื่นล้านไปทำมาหากินหาผลประโยชน์ส่วนตัวร่วมเดือนมาแล้ว
       
       ทั้ง ๆ ที่เห็นกันชัด ๆ ว่ายังคงเป็นปากเป็นเสียงให้กับระบอบทักษิณ เช่นล่าสุดคือการใช้รถถ่ายทอดสดนำการเคลื่อนขบวนและดำเนินการถ่ายทอดการชุมนุมของพวกพีทีวีซ้ำ ๆ ซาก ๆ ทั้งวันทั้งคืน และในวันหนึ่งก็คงจะได้ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงในการระดมประชาชนมาโค่นล้ม คมช. อย่างชัดแจ้ง
       
       การเผยไต๋เรื่องที่สี่ คือการประกาศแนวคิดเรื่องรัฐธรรมนูญสี่ประการ โดยเฉพาะคือการชี้นำให้จำกัดวงที่มาของนายกรัฐมนตรีว่าต้องมาจาก ส.ส. เท่านั้นเป็นต้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลที่จะชี้นำต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
       
       การเผยไต๋เรื่องที่ห้า คือการดำเนินกลยุทธ์ให้ คมช. เป็นผู้ร้ายในการเตรียมการประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งมีการดำเนินกระบวนการฉีกหน้าอย่างเลือดเย็น และป้ายสีให้เป็นเผด็จการที่ชั่วร้ายอย่างเลือดเย็น แม้กระทั่งการปล่อยปละละเลยให้มีการล่วงเกินพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ โดยที่ไม่แสดงท่าทีรับผิดชอบใด ๆ ในกรณีการบีบคั้นพระมหากษัตริย์ด้วยการจะทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาให้ปลดป๋าเปรม
       
       การเผยไต๋เรื่องที่หก คือการแถลงว่าจะยกเลิกประกาศ คมช. ฉบับที่ 15 และฉบับที่ 27 ในเดือนกันยายน 2550 ซึ่งมีหัวใจอยู่ที่การยกเลิกคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้ง และการดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าผู้บริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบก็สามารถฟื้นคืนฐานะลงเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้
       
       แปลความชัดๆ ก็คือจะให้กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาลงรับสมัครเลือกตั้ง และเป็นนายกรัฐมนตรีและตลอดจนรัฐมนตรีได้
       
       ทั้งหกประการนี้คือการเปิดเผยไต๋อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ที่ถ้าหากมองแต่ละก้าว สังเกตแต่ละจุดแล้วก็จะมองไม่เห็นสิ่งที่กำลังทำอยู่ทั้งกระบวน แต่ถ้าเมื่อมารวมพิจารณากันเข้าแล้วก็จะเห็นอย่างชัดเจนว่านี่คือกระบวนการคือำนาจให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้กลับมาปกครองบ้านเมืองนั่นเอง
       
       ไม่คำนึงถึงความเสี่ยงของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่คำนึงถึงชะตาชีวิตของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ตลอดจนบรรดาน้อง ๆ ในกองทัพทั้งหมด รวมทั้งชีวิตของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและผู้รักชาติทั่วประเทศ
       
       แต่เมื่อใคร่ครวญให้ลึกซึ้งแล้วก็จะเห็นได้ว่าอาจเป็นบุญของประเทศไทยและคนไทยที่ไต๋ดังกล่าวได้เปิดเผยออกมาก่อนที่การคืนอำนาจให้กับระบอบทักษิณจะบรรลุผล
       
       เราจึงขอนำเสนอต่อคณะนายทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย และพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศให้ได้คิดพิจารณากันครั้งใหญ่เพื่อตกลงใจร่วมกันว่าจะป้องกันและพิทักษ์รักษาสถาบันสำคัญของชาติและบ้านเมืองไว้อย่างไร
       
       ร่วมกันคิด ร่วมกันพิจารณา ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนให้พ้นจากเงื้อมมือของเผด็จการทรราช แล้วกำหนดมาตรการร่วมกันโดยเร็วที่สุด.
       
 
 
 
 
 


หัวข้อ: Re: เปิดไต๋รัฐบาลสุรยุทธ์
เริ่มหัวข้อโดย: yotinpen ที่ เมษายน 03, 2007, 09:03:45 AM
เรื่องการเมืองมองได้หลายมุมมองครับ


หัวข้อ: Re: เปิดไต๋รัฐบาลสุรยุทธ์
เริ่มหัวข้อโดย: seiya-รักในหลวง ที่ เมษายน 03, 2007, 09:39:48 AM
อย่าไปเชื่อสื่อมากเลยครับ เขาจะเขียนให้สร้างสรรค์ก็ได้ ทำลายก็ได้ บางครั้งคนเขียนยังรู้น้อยกว่าคนอ่านเลยครับ


หัวข้อ: Re: เปิดไต๋รัฐบาลสุรยุทธ์
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม - รักในหลวง - ที่ เมษายน 03, 2007, 10:40:06 AM
เครื่องยนต์จะพังมิพังแหล่ :OO....เข้าเกียร์ไหนมันจะวิ่งได้เหมือนเดิมไหมหนอ....จะเข้าเกียร์ 5 ถ้าไม่ออกตัวเกียร์ 1. 2.  มันก็คงออกลำบาก...สงสารรถ...จังเลย... :~)








หัวข้อ: Re: เปิดไต๋รัฐบาลสุรยุทธ์
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ เมษายน 03, 2007, 10:57:34 AM
 ???อ่านแล้ว อยากให้คนเขียนบทความดูละครเรื่อง "ตากสินมหาราช"

 :( รัฐบาลชุดนี้อาจไม่ใช่รัฐบาลที่ดีที่สุด แต่อาจจะดีกว่ารัฐบาลเลือกตั้งที่ผ่านมาหลายรัฐบาล


หัวข้อ: Re: เปิดไต๋รัฐบาลสุรยุทธ์
เริ่มหัวข้อโดย: visa ที่ เมษายน 03, 2007, 11:21:29 AM
ขอแสดงความคิดเห็นเป็นการส่วนตัวครับ :D :D

อ่านเอาสนุกครับ.... คนเขียนคิดได้เป็นขั้นเป็นตอนมากๆจิตนาการได้สุดยอมอีกทั้งมีการโน้มนาวเชิงการเมือง ตอนนี้ผมงงไปหมดว่าใครเป็นใคร แต่รัฐบาลพี่สุรยุทธ์มาแปบเดียวเดี๋ยวก็ไปรวมทั้งข้าราชการต่างๆที่ต้องอยู่อีกนานเลยไม่รู้จะทำอย่างไรว่าต่อไปใครจะมามีอำนาจ ??? ส่วนพี่คตส.  ก็รู้ๆว่าเป็นคนเกลียดพี่ทักษิณ  >:(ส่วนพี่ทักษิณอยู่เมืองนอกก็โน้มน้าวให้คนทั้งโลกว่าเมืองไทยเดี๋ยวนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยเป็นการปฎิวัตรของทหารซึ่งมีเพียง 4 ประเทศในโลกรู้สึกจะมี พม่า ฟิจิ และอะไรอีกประเทศนี่ละครับรวมประเทศไทยเราด้วย  :OO ซึ่งฟังๆข่าวสารมากๆก็ปวดหัว*รอลุ้นบอลคืนนี้ดีกว่า* ;D ;Dทั้งหมดทั้งปวงต้องว่าตามหลักฐานแล้วให้พี่ศาลเป็นคนตัดสิน   ทุกวันนี้น้องวีซ่ารอเริ่มนับ 1 ใหม่กับระบบประชาธิปไตยครับ อยากเลือกตั้งไวๆแต่ไม่รู้จะมีพรรคเดิมให้เลือกหรือเปล่าไม่รู้ ...อ่านความคิดเห็นของผมแล้วก็เอาเก็บไว้ขำๆนะครับอย่าจริงจังครับ :VOV: :VOV:

ด้วยควมเคารพ จากน้องวีซ่า


หัวข้อ: Re: เปิดไต๋รัฐบาลสุรยุทธ์
เริ่มหัวข้อโดย: N1 ที่ เมษายน 03, 2007, 01:49:35 PM
 ;D เฮ้อ...สื่อหัวนี้...ผมไม่เชื่อแล้วครับ


หัวข้อ: Re: เปิดไต๋รัฐบาลสุรยุทธ์
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ เมษายน 03, 2007, 03:10:03 PM
ความเชื่อถือ  ความไว้เนื้อเชื่อใจ  เป็นสิ่งอันตรายถ้าใช้ไม่เป็น  หรือเอาความคาดหวังสูงไปผูกติดอยู่ด้วย
ความผิดหวัง  เกิดขึ้นได้กับทุกท่าน  แต่อย่าให้ถึงขั้นมาปิดหู ปิดตา ปิดใจตัวเอง
เรามีความคิดนี่ครับ  เอาข้อมูลมา  กลั่นกรองแยกแยะ  อันไหนจริง  ไหนเท็จ เป็นประโยชน์กับตัวเอง 




หัวข้อ: Re: เปิดไต๋รัฐบาลสุรยุทธ์
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ เมษายน 03, 2007, 03:13:55 PM
ไม่ว่าด้วยมาตรการเงินสำรอง 30% ด้วยมาตรการปกป้องค่าเงินบาทที่ใช้เงินของชาติไปแล้ว 1 ล้านล้านบาท จนหมดเนื้อประดาตัวแล้ว ยังตั้งท่าจะกู้เงินไปเล่นค่าเงินบาทอีก 400,000 ล้านบาท
       
       ซึ่งไม่รู้ว่าผลขาดทุนจะเป็นเงินถึงประมาณ 300,000 หรือ 400,000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว เพราะยังมีการปกปิดกันจ้าละหวั่น แต่เกิดความเสียหายแท้แน่นอนโดยมิต้องสงสัยแล้ว

****

เรื่องนี้ไม่ได้ใช้ "เงินบาท" แบบสูญเปล่าไปครับ เขาเอาไปซื้อเงิน "สกุลอื่น" ซึ่งอาจขาดทุนหรือได้กำไรก็ได้ตามการเปลี่ยนแปลงต่อไปของเงินสกุลนั้น


หัวข้อ: Re: เปิดไต๋รัฐบาลสุรยุทธ์
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ เมษายน 03, 2007, 03:55:29 PM
ถ้ากำหนดวัตถุประสงค์ได้ว่า  เราไม่ต้องการเงินแบบไหนเข้ามา   ก็ไปป้องกันตรงนั้นดีกว่า
มาตรการ  30%  ผมว่าดีเอาแบบไม่เหวี่ยงแห นะครับ
ดอกเบี้ย จะลดลง  ผมก็เห็นด้วย
แต่ถ้าจะไปแลกหมัดกับฝรั่งโดยการสู้ค่าเงิน  ผมชักกลัว   โดยเฉพาะ เงินสกุล ดอลล่าร์ยิ่งแล้วใหญ่  เพราะผมไม่ศรัทธาใพระเจ้าเท่าไหร่

ส่วนเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ก็ใช่ที่มันเป็นเรื่องของราคาอุปสงค์อุปทาน   แต่เงินบาทเป็นเช่นนั้นหรือไม่  เป็นไปตามกลไกตลาดหรือไม่
ตลาดออฟชอร์ตอนนี้ อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 32.55 บ./1 เหรียญ   ส่วนอัตราทางการ
34.77-35.12  ส่วนต่าง 2.5 บาทนี้แบงค์พาณิชคงยิ้มพุงกาง เอา 32.5 ไปแลก 1เหรียญ  แล้วแลกกลับมาเป็น 35 บาทกำไร 2.5 บาท  แบงค์ชาติก็ตั้งโต๊ะซื้อไป  ตกลงใครได้ใครเสีย...


สภาพสะบักสะบอมอย่างบ้านเรา  ค่าเงินบาทมันจะแพงหรูได้สักเท่าไหร่เชียว   ตอนนี้ก็มีคนส่งออกโวยวาย และ ตาย  ถามคนรู้จักที่ทำสิ่งทอ  ว่า 30บาท/us ไหวมั๊ย  เขาบอกว่าสบาย  ถ้าไม่มี จีน กับเวียดนาม

ธุรกิจส่งออกในช่วงค่าเงินแข็งมากๆ  คงคล้ายๆ กับคนที่เล่นหุ้นบัญชีมาร์จิ้น แล้วโดนเจ้ามือทุบจนถึงระดับ เรียกหลักประกันเพิ่ม  เอาเงินมาใส่ก็แล้ว หุ้นยังลงอีก แล้วโดนฟอร์ซเซล  ในที่สุด
ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น