|
หัวข้อ: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ เมษายน 03, 2007, 10:05:37 AM เตือนทุกคนเลยค่ะ..กฎหมายอาจช่วยไม่ได้
คงไม่ต้องเกริ่นนะคะ แต่เราอยากจะบอกเพื่อนๆ คนทำงานให้ระวัง ถ้าตอนนั้นเรารู้กฎหมายใหม่ตัวนี้ เราคงไม่ยอมให้มันทำร้ายฟรีๆ หรอก....... เราจะเริ่มเล่าเลยละกันเผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่บังเอิญเจอเหตุการณ์จะได้หาทางหนีทีรอดได้ เช้าวันหนึ่ง เรากับแฟนขับรถมาทำงาน โดยออกเดินทางจากแถวรัชดาเพื่อที่จะไปแถวบางนา พอออกมาจากซอยก็มีมอเตอร์ไซด์วิ่งมาปาดหน้าเราอย่ากระชั้นชิด ด้วยความหงุดหงิดและไม่สบอารมณ์ ผนวกที่เราจะยูเทิร์นพอดี เราก็เลยปาดหน้ามอเตอร์ไซด์คันนั้นแบบเจตนานิด ๆ มันขับตามเรามา เราก็เลยตัดสินใจจอดตรงที่คิดว่ามีผู้คนพลุกพล่านคือตรงป้ายรถเมล์ของโรงแรมหนึ่ง พอแฟนเราเดินลงไปถามว่า มีอะไรครับ มันก็พูดว่า มึงปาดหน้ากูทำไม แล้วมันก็กระชากคอแล้วชก เราก็เลยโทรแจ้ง 191 บอกว่ามีคนโดนทำร้ายตรงโรงแรมนี้ เรารอตำรวจมา ระหว่างที่รอมันก็ชกแฟนเราอีก แฟนเราไม่ชกตอบเพราะกลัวเป็นการทะเลาะวิวาท พอมันเห็นเราโทรแจ้งตำรวจ มันก็ท้าด้วยคำหยาบคายฟังไม่ได้เลย บอกให้เรียกตำรวจมา เลยไม่กลัวหรอก มันจะอยู่รอตำรวจด้วย รถก็ติด คนก็มุงดู (แต่ดูเฉยๆนะ) เวลาผ่านไปก็ไม่มีตำรวจมาซักคน เราก็โทรไป 2-3 ครั้ง บอกว่า ผู้หญิงโดนทำร้าย แต่ก็เงียบไปเหมือนเดิม จนสุดท้ายก็โทร 1133 ขอเบอร์โรงพักห้วยขวาง แล้วบอกว่า ผู้หญิงโดนทำร้ายอยู่ตรงโน้นตรงนี้ คู่กรณีกำลังจะหนี โทรไปอย่างนี้อีก 2 ครั้ง กว่าตำรวจจะมาเขาถามว่า ผู้หญิงโดนทำร้ายที่ไหน ก็เลยบอกไปว่า ถ้าโดนข่มขืนหรือโดนยิงคงตายไปแล้วล่ะ แต่ที่น่าเซ็งกว่านั้นคนทำร้ายเรา ยืนยิ้มเยาะอยู่ข้างๆ แต่พอเราบอกตำรวจให้จับ เขาบอกว่า ตามกฎหมายใหม่ ถ้าตำรวจไม่เห็นกับตาว่าโดนทำร้าย หรือโดนฉกชิงวิ่งราวขณะที่ตำรวจเห็นพอดี ตำรวจจับคนร้ายนั้นไม่ได้ ถึงแม้จะยืนยิ้มเยาะอยู่ตรงนั้นก็ตาม ต้องให้เราไปแจ้งความที่โรงพักแล้วเขาจะเอาหมายจับมาจับทีหลัง ถ้าเรากลัวคู่กรณีหนีต้องจับไปโรงพักเอง เราอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนหน้านี้เราบอกแฟนว่าอย่าไปชกตอบดีแล้ว ให้กฎหมายจัดการดีกว่า เราไม่เชื่อว่ากฎหมายจะคุ้มครองคนไม่ดี แต่พอเราฟังคุณตำรวจคนนั้น เราเชื่อแล้วล่ะว่า กฎหมายเป็นเครื่องมือของคนชั่ว ใช้รังแกคนดี (รู้อย่างนี้วิ่งไปที่รถแล้วหยิบที่ล็อคเกียร์มาตีหัวมันซะก็ดี เพราะตำรวจก็ไม่เห็นเหมือนกัน) เราไม่ยอม เราก็เลยไปถามสารวัตรท่านหนึ่ง เขาบอกเช่นเดียวกับตำรวจคนนั้น เราก็เลยถามว่า แล้วคนทำงานอย่างพวกเราโดยเฉพาะผู้หญิงจะทำอย่างไร ถ้าเจอคนทำร้ายปล้นและจี้ ทั้งที่เห็นคนร้ายยืนอยู่ข้างๆ ชี้ตัวให้ตำรวจดูก็จับไม่ไ ด้กว่าจะไปแจ้งความ รอหมายศาล เราคงเจ็บเสียเวลาฟรีแถมต้องเสียเงินเสียทองฟรีแน่เลย เพราะคนร้ายคงไม่ยืนรอให้มาจับแล้วล่ะ นอกจากมันจะต๊องจริงๆ..... คุณตำรวจแนะนำว่า ถ้าเราขับรถแล้วเจอเหตุการณ์อย่างนี้ อย่าลงไป ให้ขับไปที่สถานีตำรวจ แต่ถ้าสุดวิสัยให้ป้องกันตนเองได้เลย ไม่ต้องกลัวข้อหาทะเลาะวิวาท เพราะตำรวจไม่เห็นกับตาอยู่แล้ว จับไม่ได้ แต่ต้องมั่นใจนะว่าสู้เขาได้ แต่ ถ้าเป็นผู้หญิงอย่างพวกเราคงต้องไปหัดยิงปืนหรือชกมวย แล้วมั้ง เรานึกภาพไม่ออกจริงว่า ชีวิตในกฎหมายใหม่อย่างนี้เราจะปลอดภัยอย่างไร ถ้าเจอโจรหัวหมอ ที่มาจาก http://www.pooyingnaka.com หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: หรอย ที่ เมษายน 03, 2007, 10:20:18 AM ชีวิตจริงต้องใช้สติทุกครั้ง การที่เค้าแค่ปาดหน้ารถเรา ถ้าไม่เกิดการเฉี่ยวชน
ก็ควรจากแบบไม่ให้เกิดเรื่องดีที่สุดครับ เพราะบางครั้งเค้าอาจมีเหตุจำเป็นที่ เร่งด่วนครับ หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ เมษายน 03, 2007, 10:28:01 AM เจอเหตุการณ์แบบนี้ ไม่เคยจอดรถ เพื่อไปหาเรื่อง เคยแต่เจอพวกยก นิ้วกลาง ให้ ไม่ได้ตั้งใจจะปาด หรือแซง แต่มีเหตุ โดนรถคันอื่นตัดหน้าจึงต้องหักหลบ กลายเป็นว่าไปปาดหน้าอีกคันโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกแซง ตีเสมอ ยกนิ้วกลางให้เฉยเลย เรื่องที่เอามาลงนี่ เป็นเรื่องของคนอื่นค่ะ ไปอ่านเจอมา เพียงแค่อยากทราบเรื่องข้อกฏหมาย เกี่ยวการถูกทำร้ายร่างกาย เท่านั้นค่ะ ;) หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม - รักในหลวง - ที่ เมษายน 03, 2007, 10:32:17 AM เวรกรรม....สาธุขอให้อย่าได้เจอคนแบบนี้เลย...... ;)
หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: NatthaphoN_ ที่ เมษายน 03, 2007, 11:42:30 AM ตกใจมากเลยครับนึกว่าเกิดขึ้นกับคุณharusame ;)
หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: STeelShoTS ที่ เมษายน 03, 2007, 11:51:15 AM เรื่องมันเกิดเพราะความหงุดหงิดและไม่สบอารมณ์ของคนขับรถรถยนต์ที่ไปปาดหน้ามอไชค์คืน..
..ถ้าควบคุมอารมณ์ได้ตั้งแต่ตอนแรก ไม่ชวนทะเลาะเรื่องก็จบ... หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ เมษายน 03, 2007, 12:01:01 PM :D อ่านทีแรกนึกว่าเรื่องเกิดกับ คุณ.harusame เสียอีก
:) เจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิ์ที่จะเชิญตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจได้ครับ แต่ถ้าผมเป็นแฟนของคนในเรื่อง เรื่องอาจไม่เป็นแบบนี้แน่นอน หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: * ต้น * ที่ เมษายน 03, 2007, 12:15:23 PM ผมว่าสุดทุเรสกับ........บ้านเรา
หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ เมษายน 03, 2007, 12:25:52 PM ที่เอาเรื่องนี้มาเป็นตัวอย่างเพราะเรื่องที่เล่าละเอียด
จริง ๆ ก็เห็นว่าไม่ควรจอดรถ แล้วเข้าหาเรื่องกันแบบนั้น ไม่ได้ฉี่ยวชนกัน ก็ต่างคนต่างไป ดึกว่า ไม่เป็นเรื่อง แต่มีเคสที่ ทราบมาคร่าว ๆ ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก คือ เป็นเหตุทำร้ายร่างกาย ผู้ถูกทำร้ายร่างกาย ไปแจ้งความกับ สน.ท้องที่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความค่ะ เหตุคือ ผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายเป็นเพื่อนร่วมอาชีพค่ะ เป็นไกด์ขณะที่กำลังพานักท่องเที่ยวต่างชาติขึ้นรถบัสที่หน้าพระบรมมหาราชวัง ได้มีกลุ่มคนที่เร่ขายของมาขายของให้นักท่องเที่ยว แล้วพี่ไปพูดอย่างไรไม่ทราบ ก็เป็นเรื่อง โดนคนที่เร่ขายของรุมทำร้ายค่ะ ต่อหน้านักท่องเที่ยว แล้วไปแจ้งความในทันที แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ ทั้ง ๆ ที่มีร่องรอยการถูกทำร้ายอย่างเห็นได้ชัด (เหตุคราวนั้นทำให้พี่เขาต้องหยุดพักไปหลายวันค่ะ พวกเราไม่มีเงินเดือนประจำ ไม่ได้ทำงาน ก็หมายความว่า ไม่มีรายได้ค่ะ) ก็ไม่ทราบเหตุผลค่ะ ว่าทำไมไม่รับแจ้งความ พอมาเจอเรื่องนี้เข้า เลยถึงบางอ้อ ว่า....... กฏหมายบ้านเราเป็นอย่างนี้นี่เอง............. แล้วก็ให้สงสัยว่าทำไม จึงเป็นเช่นนี้ ......... คนที่คิดออกกฏหมายนี้คิดอะไรอยู่ จึงเขียนกฏหมายมาได้เช่นนี้ ??? ??? ??? ทุกวันนี้เวลาไปทำทัวร์ที่พระบรมมหาราชวัง ก็ผวาค่ะ จะพูดจะเตือนอะไรกับนักท่องเที่ยวต้องพูดกันในรถ ...... เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ก็เกือบค่ะ แต่ว่าพยายามปิดปากสนิท เรื่องคือว่า ลูกทัวร์มาหาภรรยาคนไทย แล้วก็ซื้อทัวร์ออกมาเที่ยวด้วยกัน ตอนที่รอรถตู้มารับ ก็ตามปกติค่ะ มีคนเร่ขายของมาเสนอขายของสารพัด ลูกทัวร์ไม่ซื้อ ไม่ต้องการซื้อ ก็บอกไปตรง ๆ แต่คนขายก็ตื้อจนน่ารำคาญ ภรรยาของลูกทัวร์ จึงบอกไปว่า "ไม่ซื้อ คุณรู้มั๊ย ว่าการที่คุณอย่างนี้ ขายของแพงขนาดนี้เขากลับไป เขาเอาไปพูดต่อ ๆ กันที่ญี่ปุ่น ............... " (เธอพูดยาวค่ะ จำได้คร่าว ๆ แค่นี้) คนขายของคนนั้นทำท่าไม่พอใจ แล้วพูดสบประมาท ไปว่า "โธ่ เอ๋ย ทำเป็นบอกว่าเป็นภรรยา ที่แท้ก็ อี..... " ทั้งดิฉัน และภรรยาของลูกทัวร์ได้แต่มองหน้ากัน แล้วก็เดินหนี ค่ะ แล้วคนที่ขายของคนนั้นเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 40 กว่า ได้ น่าตาดูน่ากลัวมาก เห็นทีไรสยองทุกที :( หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: Akira ที่ เมษายน 03, 2007, 09:30:36 PM มันเกิดจากเมื่อก่อนตำรวจจับมาก่อน แล้วค่อยรีดหาหลักฐาน บางครั้งก็ซ้อมให้รับผิด ฯลฯ
อย่างเดิมมันไม่ไหวครับ ให้อำนาจตำรวจมากไป เมื่อก่อนตำรวจมักพูดว่า "ผมเนี่ยแหละหมายจับ" หรือ "ผมเนี่ยแหละหมายค้น" ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าผมออกจากออฟฟิสคนสุดท้าย แล้วรุ่งขึ้นมีคนแจ้งว่าของหายและคาดว่าผมเอาไป ผมควรไปนอนโรงพัก ก่อนเขาจะตรวจสอบหลักฐานไหมว่า ใครเอาไป??? เรื่องตามที่เล่ามา ผมก็เห็นว่าขั้นตอนก็ควรเป็นอย่างนั้นแหละครับ แจ้งความ-->ขอหมายจับที่ศาล-->ดำเนินคดี อย่าใจร้อนครับ เดินตามขั้นตอนถ้าเขาผิด ก็โดนจับอยู่ดีครับ ทุกอย่างมีข้อดีก็มีข้อเสียครับ "ได้อย่างเสียอย่าง" แต่ผมก็ว่าเรื่องนี้ข้อดีมากกว่าข้อเสียครับ หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ เมษายน 03, 2007, 10:06:10 PM น่าจะเป็นเรื่องขิงก็รา ข่าก็แรงเสียมากกว่า เพราะเจ้าของกระทู้ก็ไม่ได้พบมาด้วยตนเอง
ในทางปฏิบัติ ถ้าผู้ถูกทำร้ายกล่าวโทษอย่างบริสุทธิ์ใจ ตำรวจก็ย่อมเชิญผู้ถูกกล่าวหาไปให้ถ้อยคำที่สถานี ถ้าไม่ไปก็มีมาตรการอื่น ๆ อีกหลายอย่าง และเมื่อมีการร้องทุกข์ ผู้ต้องหาปรากฏตัวต่อหน้าพนักงานสอบสวน ก็แจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีอาญาได้เลย หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ เมษายน 04, 2007, 03:00:17 AM น่าจะเป็นเรื่องขิงก็รา ข่าก็แรงเสียมากกว่า เพราะเจ้าของกระทู้ก็ไม่ได้พบมาด้วยตนเอง ในทางปฏิบัติ ถ้าผู้ถูกทำร้ายกล่าวโทษอย่างบริสุทธิ์ใจ ตำรวจก็ย่อมเชิญผู้ถูกกล่าวหาไปให้ถ้อยคำที่สถานี ถ้าไม่ไปก็มีมาตรการอื่น ๆ อีกหลายอย่าง และเมื่อมีการร้องทุกข์ ผู้ต้องหาปรากฏตัวต่อหน้าพนักงานสอบสวน ก็แจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีอาญาได้เลย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ได้แก้ไขตาม รัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ เรื่องการจับกุม ป.วิอาญา มาตรา ๗๘ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจะจับผู้ใดโดยไม่มีหมายจับ หรือคำสั่งของศาลไม่ได้ เว้นแต่ (๑) เมื่อบุคคลนั้นได้กระทำความผิดซึ่งหน้าดังได้บัญญัติไว้ในมาตรา ๘๐ (๒) เมื่อพบบคคลโดยพฤติการณ์อันควรสงสัยว่าผู้นั้นน่าจะก่อนเหตุร้ายให้เกิดภยันตรายแก่บุคล หรือทรัพย์สินของผู้อื่นโดยมี เครื่องมือ อาวุธ หรือวัตถุอย่างอื่นอันสามารถอาจใช้ในการกระทำความผิด (๓) เมื่อมีเหตุที่จะออกหมายจับบุคคลนั้นตามมาตรา ๖๖ (๒) แต่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่อาจขอให้ศาล ออกหมายจับบุคคลนั้นได้ (๔) เป็นการจับผู้ต้องหาหรือจำเลยที่หนีหรือจะหลบหนี ในระหว่างถูกปล่อยชั่วคราวตาม มาตรา ๑๑๗ มาตรา ๘๐ ที่เรียกว่าความผิดซึ่งหน้านั้น ได้แก่ความผิดซึ่งเห็นกำลังกระทำ หรือพบในอาการใดซึ่งแทบ จะไม่มีความสงสัยเลยว่าเขาได้กระทำผิดมาแล้วสด ๆ อย่างไรก็ดี ความผิดอาญาดังที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายประมวลกฎหมายนี้ ให้ถือว่าความผิดนั้น เป็นความผิดซึ่งหน้าในกรณีดังนี้ (๑) เมื่อบุคคลหนึ่งถูกไล่จับดังผู้กระทำโดยมีเสียงร้องเอะอะ (๒) เมื่อพบบุคคลแทบจะทันทีทันใดหลังจากการกระทำผิด ในถิ่นแถวใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุนั้น และมีสิ่งของที่ได้มาจากการกระทำผิด หรือมีเครื่องมือ อาวุธหรือวัตถุอย่างอื่นอันสันนิษบษนได้ว่าได้ใช้ในการ กระทำผิด หรือมีร่องรอยพิรุธเห็นประจักษ์ที่เสื้อผ้าหรือเนื้อตัวของผู้นั้น ตามตัวอย๋างของเจ้าของกระทู้ หากเหตุเกิดแล้ว ตำรวจไปที่เกิดเหตุทันที พบผู้กระทำความผิด มีเจ้าทุกข์ยืนยันว่ากระทำความผิด มีพยานหลักฐานว่ากระทำผิดจริง เช่นมีรอยเลือดติดตาเสื้อผ้าผู้กระทำผิด ฯลฯ ตำรวจสามารถจับกุมได้ หรือหากไม่สามารถจับได้ ก็ต้องเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหาไปที่สถานีตำรวจ ส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปตาม อำนาจหน้าที่ แม้ไม่มีหมายจับ พนักงานสอบสวนมีอำนาจแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ แล้วนำตัวไปศาลเพื่อขออำนาจศาลขังผู้กระทำผิดได้ แต่การแก้กฎหมายที่ตัดการชี้ยืนยันการกระทำผิดของเจ้าทุกข์ออกไป ทำให้จับกุม ผู้กระทำผิดได้ยากขึ้น ผมไม่เห็นด้วยกับการแก้กฎหมายนี้ (เป็นความเห็นส่วนตัว) ผมยกตัวอย่างให้ดูประการหนึ่ง ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครจะทำประการใด บ้านสองหลังอยู่ติดกัน ไอ้หื่นบ้านหนึ่งปีนรั้วไปข่มขืนลูกสาว อีกบ้านหนึ่งโดยที่ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ เมื่อข่มขืนเสร็จแล้ว ก็ปืนรั้วกลับมานอนที่บ้านของตน พ่อสาวที่ถูกข่มขืนรู้เรื่องตอนเช้า นำลูกสาวไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ ตำรวจรับคำร้องทุกข์แล้ว มาที่บ้านผู้กระทำผิดแต่ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ในทันที ต้องขอหมายจับจากศาลก่อน จะเชิญไปสถานีตำรวจ ผู้กระทำผิดก็บอกว่า ไปไม่ได้ติดธุระ จะไปพบภายหลัง ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องไปขอหมายจับต่อศาล กว่าศาลจะออกหมายจับ ผู้ต้องหาก็หลบหนีไปแล้ว (ใครจะไปตามจับละ) ผมเป็นคนหนึ่งที่ขัดเคืองใจต่อการแก้กฎหมายครั้งนี้มาก ใครไม่ถูกกระทำไม่รู้หรอกว่า หากตนเองถูกกระทำแค้นใจแค่ไหน แต่ขั้นตอนของกฎหมายเป็นเช่นนี้ ส่วนตัวผมเรียก รัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ ว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองผู้กระทำผิดมากเกินกว่าจะคุ้มครองผู้เสียหาย ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เราก็ต้องปฏิบัติตามไป หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ เมษายน 04, 2007, 06:49:49 AM ขอบคุณค่ะ คุณป้อมทอง
นี่แหละค่ะคือ สิ่งที่อยากทราบ ชัดเจนค่ะ :D อ้างถึง ใครไม่ถูกกระทำไม่รู้หรอกว่า หากตนเองถูกกระทำแค้นใจแค่ไหน แต่ขั้นตอนของกฎหมายเป็นเช่นนี้ ส่วนตัวผมเรียก รัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ ว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองผู้กระทำผิดมากเกินกว่าจะคุ้มครองผู้เสียหาย ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เราก็ต้องปฏิบัติตามไป เห็นด้วยกับประโยคนี้ค่ะ ;) หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ เมษายน 04, 2007, 08:57:28 AM เป็นอุทธาหรณ์ครับ...
บนถนนรถแยะจอแจ, รถติดวิ่งไม่คล่อง, กลางวันสว่างมองเห็นป้ายทะเบียนถนัด, หรือถิ่นเราที่มีคนรู้จักแยะ, ถิ่นเราที่มีคนจำรถยนต์ได้ เช่นหน้าปากซอย ตลาดที่ซื้อของประจำ สถานที่เหล่านี้ไม่ควรใจร้อนมีเรื่องมีราวครับ... แต่ในทางกลับกันเช่นบนถนนรถว่างวิ่งคล่องไฟถนนไม่สว่าง ผู้คนคนต่างคนต่างไปต่างคนต่างมาไม่รู้จักกัน ไม่ใช่ถิ่นของเราไม่ใช่ถิ่นของใครทั้งสิ้น ผู้คนขาดสติมึนเมา... โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถยนต์แต่งซิ่งที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหลัง หรือป้ายทะเบียนพับได้(พับแล้วมองไม่เห็นทะเบียนหรือพับแล้วเอาทะเบียนปลอมออกให้ดู)... กรณีหลังนี่อย่ารอให้โดนยิงก่อนครับ เพราะต่างคนก็ต่างคิดเหมือนเหมือนกันคือเสี่ยงๆๆ... พิจารณายิงก่อนจะได้เปรียบครับ... อีกวิธีคือประเมินคน... คนดีๆ อย่าไปยิงเขา เกิดเรื่องแน่... หากเป็นมิจฉาชีพก็อย่าซ้ำให้กองอยู่กับที่เป็นใช้ได้ เพราะมันไม่ไปแจ้งความครับ... หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: salin - รักในหลวง ที่ เมษายน 04, 2007, 09:26:53 AM ส่วนตัวผมเรียก รัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ ว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองผู้กระทำผิดมากเกินกว่าจะคุ้มครองผู้เสียหาย ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เราก็ต้องปฏิบัติตามไป ..เห็นด้วยกับท่านรอง และเห็นใจผู้ปฏิบัติกับผู้ถูกละเมิดอย่างยิ่ง... ฟังข่าววานนี้เรื่องร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่จะแก้กฏหมายอาญาให้ขยายอายุเด็กกระทำความผิดอาญาไม่ต้องรับโทษจาก ๗ ปีเป็น ๑๒ ปี แล้วน่ากลัวมาก หวังว่าจะไม่เกิดขึ้น... หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: โซ้ยตี๋ ที่ เมษายน 04, 2007, 10:02:30 AM ..................ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ในทันที ต้องขอหมายจับจากศาลก่อน จะเชิญไปสถานีตำรวจ ผู้กระทำผิดก็บอกว่า ไปไม่ได้ติดธุระ จะไปพบภายหลัง ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ ................... ขนาด"มืออาชีพ"ยังบ่นขนาดนี้ ประชาชนอย่างผม สงสัยต้องให้มันชกทีนึงก่อน แล้วค่อยชักปืนยิงมันละมั้ง :-\ :-\ :-\ หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ เมษายน 04, 2007, 10:03:03 AM ส่วนตัวอ่านแล้วไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง มีการประมวลเอาข้อถกเถียงทางกฎหมาย มาตั้งโจทย์กันเล่นๆ แล้วขัดเกลาสำนวนโดยการเสริมวัสัยทัศน์ แบบชาวบ้านเข้าไปอีก
หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: ช็อปเปอร์ ที่ เมษายน 04, 2007, 10:36:30 AM ผมเดาเอาว่า ที่แก้กฎหมายให้เป็นแบบนี้ เป็นเพราะพวกสิทธิมนุษยชนทั้งหลายทั้งปวงนั่นแหล่ะ ตัวดี อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับไอ้พวกนี้บ้างจะได้รู้สึก เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับผม ด้วยความเคารพ
หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ เมษายน 04, 2007, 10:37:28 AM ส่วนตัวอ่านแล้วไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง มีการประมวลเอาข้อถกเถียงทางกฎหมาย มาตั้งโจทย์กันเล่นๆ แล้วขัดเกลาสำนวนโดยการเสริมวัสัยทัศน์ แบบชาวบ้านเข้าไปอีก :) ..รู้สึกเหมือน คุณโทน ๗๓ . อาจเก็บตก จากเรื่องจริง แล้วเจือ วิสัยทัศน์ เสริมลงไป ถึงอย่างไร ก็ยังเป็นผู้ที่ห่วงใยสังคมกลุ่มหนึ่ง.. ที่กระตุ้นให้ช่วยกันหันมามอง. :) หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ เมษายน 04, 2007, 10:41:36 AM ครับพี่โรด ถือว่าเป็นสาระ ถกคิดเพื่อให้เกิด ปัญญา
หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ เมษายน 04, 2007, 11:01:33 AM ส่วนตัวผมเรียก รัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ ว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองผู้กระทำผิดมากเกินกว่าจะคุ้มครองผู้เสียหาย ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เราก็ต้องปฏิบัติตามไป ..เห็นด้วยกับท่านรอง และเห็นใจผู้ปฏิบัติกับผู้ถูกละเมิดอย่างยิ่ง... ฟังข่าววานนี้เรื่องร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่จะแก้กฏหมายอาญาให้ขยายอายุเด็กกระทำความผิดอาญาไม่ต้องรับโทษจาก ๗ ปีเป็น ๑๒ ปี แล้วน่ากลัวมาก หวังว่าจะไม่เกิดขึ้น... ผมก็หวังว่าจะไม่เกิดขึ้น เด็กเดี๋ยวนี้อายุ ๑๑ - ๑๒ ปี ผู้ใหญ่จ้างให้ไปขายยาบ้าแล้ว หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ เมษายน 04, 2007, 11:12:13 AM ..................ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ในทันที ต้องขอหมายจับจากศาลก่อน ที่โพสไป หมายความถึง ตำรวจส่วนมากจะยึดติดกับ กม.จะเชิญไปสถานีตำรวจ ผู้กระทำผิดก็บอกว่า ไปไม่ได้ติดธุระ จะไปพบภายหลัง ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ ................... ถ้าเป็นผม มีวิธีที่จะเอาตัวผู้ต้องสงสัยไป สน.ได้แน่นอน ถ้าพบตัว แต่ไม่บอกวิธี เป็นวิธีถูกกฎหมายด้วย เนื่องจากเป็นเทคนิค เดี๊ยวคนร้ายรู้ทัน ขนาด"มืออาชีพ"ยังบ่นขนาดนี้ ประชาชนอย่างผม สงสัยต้องให้มันชกทีนึงก่อน แล้วค่อยชักปืนยิงมันละมั้ง :-\ :-\ :-\ หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: toygun ที่ เมษายน 04, 2007, 11:26:27 AM น่าจะเป็นเรื่องขิงก็รา ข่าก็แรงเสียมากกว่า เพราะเจ้าของกระทู้ก็ไม่ได้พบมาด้วยตนเอง ในทางปฏิบัติ ถ้าผู้ถูกทำร้ายกล่าวโทษอย่างบริสุทธิ์ใจ ตำรวจก็ย่อมเชิญผู้ถูกกล่าวหาไปให้ถ้อยคำที่สถานี ถ้าไม่ไปก็มีมาตรการอื่น ๆ อีกหลายอย่าง และเมื่อมีการร้องทุกข์ ผู้ต้องหาปรากฏตัวต่อหน้าพนักงานสอบสวน ก็แจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีอาญาได้เลย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ได้แก้ไขตาม รัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ เรื่องการจับกุม ป.วิอาญา มาตรา ๗๘ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจะจับผู้ใดโดยไม่มีหมายจับ หรือคำสั่งของศาลไม่ได้ เว้นแต่ (๑) เมื่อบุคคลนั้นได้กระทำความผิดซึ่งหน้าดังได้บัญญัติไว้ในมาตรา ๘๐ (๒) เมื่อพบบคคลโดยพฤติการณ์อันควรสงสัยว่าผู้นั้นน่าจะก่อนเหตุร้ายให้เกิดภยันตรายแก่บุคล หรือทรัพย์สินของผู้อื่นโดยมี เครื่องมือ อาวุธ หรือวัตถุอย่างอื่นอันสามารถอาจใช้ในการกระทำความผิด (๓) เมื่อมีเหตุที่จะออกหมายจับบุคคลนั้นตามมาตรา ๖๖ (๒) แต่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่อาจขอให้ศาล ออกหมายจับบุคคลนั้นได้ (๔) เป็นการจับผู้ต้องหาหรือจำเลยที่หนีหรือจะหลบหนี ในระหว่างถูกปล่อยชั่วคราวตาม มาตรา ๑๑๗ มาตรา ๘๐ ที่เรียกว่าความผิดซึ่งหน้านั้น ได้แก่ความผิดซึ่งเห็นกำลังกระทำ หรือพบในอาการใดซึ่งแทบ จะไม่มีความสงสัยเลยว่าเขาได้กระทำผิดมาแล้วสด ๆ อย่างไรก็ดี ความผิดอาญาดังที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายประมวลกฎหมายนี้ ให้ถือว่าความผิดนั้น เป็นความผิดซึ่งหน้าในกรณีดังนี้ (๑) เมื่อบุคคลหนึ่งถูกไล่จับดังผู้กระทำโดยมีเสียงร้องเอะอะ (๒) เมื่อพบบุคคลแทบจะทันทีทันใดหลังจากการกระทำผิด ในถิ่นแถวใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุนั้น และมีสิ่งของที่ได้มาจากการกระทำผิด หรือมีเครื่องมือ อาวุธหรือวัตถุอย่างอื่นอันสันนิษบษนได้ว่าได้ใช้ในการ กระทำผิด หรือมีร่องรอยพิรุธเห็นประจักษ์ที่เสื้อผ้าหรือเนื้อตัวของผู้นั้น ตามตัวอย๋างของเจ้าของกระทู้ หากเหตุเกิดแล้ว ตำรวจไปที่เกิดเหตุทันที พบผู้กระทำความผิด มีเจ้าทุกข์ยืนยันว่ากระทำความผิด มีพยานหลักฐานว่ากระทำผิดจริง เช่นมีรอยเลือดติดตาเสื้อผ้าผู้กระทำผิด ฯลฯ ตำรวจสามารถจับกุมได้ หรือหากไม่สามารถจับได้ ก็ต้องเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหาไปที่สถานีตำรวจ ส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปตาม อำนาจหน้าที่ แม้ไม่มีหมายจับ พนักงานสอบสวนมีอำนาจแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ แล้วนำตัวไปศาลเพื่อขออำนาจศาลขังผู้กระทำผิดได้ แต่การแก้กฎหมายที่ตัดการชี้ยืนยันการกระทำผิดของเจ้าทุกข์ออกไป ทำให้จับกุม ผู้กระทำผิดได้ยากขึ้น ผมไม่เห็นด้วยกับการแก้กฎหมายนี้ (เป็นความเห็นส่วนตัว) ผมยกตัวอย่างให้ดูประการหนึ่ง ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครจะทำประการใด บ้านสองหลังอยู่ติดกัน ไอ้หื่นบ้านหนึ่งปีนรั้วไปข่มขืนลูกสาว อีกบ้านหนึ่งโดยที่ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ เมื่อข่มขืนเสร็จแล้ว ก็ปืนรั้วกลับมานอนที่บ้านของตน พ่อสาวที่ถูกข่มขืนรู้เรื่องตอนเช้า นำลูกสาวไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ ตำรวจรับคำร้องทุกข์แล้ว มาที่บ้านผู้กระทำผิดแต่ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ในทันที ต้องขอหมายจับจากศาลก่อน จะเชิญไปสถานีตำรวจ ผู้กระทำผิดก็บอกว่า ไปไม่ได้ติดธุระ จะไปพบภายหลัง ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องไปขอหมายจับต่อศาล กว่าศาลจะออกหมายจับ ผู้ต้องหาก็หลบหนีไปแล้ว (ใครจะไปตามจับละ) ผมเป็นคนหนึ่งที่ขัดเคืองใจต่อการแก้กฎหมายครั้งนี้มาก ใครไม่ถูกกระทำไม่รู้หรอกว่า หากตนเองถูกกระทำแค้นใจแค่ไหน แต่ขั้นตอนของกฎหมายเป็นเช่นนี้ ส่วนตัวผมเรียก รัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ ว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองผู้กระทำผิดมากเกินกว่าจะคุ้มครองผู้เสียหาย ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เราก็ต้องปฏิบัติตามไป หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: Akira ที่ เมษายน 04, 2007, 01:24:05 PM เห็นว่าตำรวจเขาใช้วิธีประกบตัวผู้ต้องสงสัยระหว่างขอหมายจับนี่ครับ เป็นวิธีที่ดีครับ
"คนทุกคนเป็นคนดี ก่อนที่ศาลจะพิจารณาว่าเขาดี หรือชั่ว" ผมมองแล้วก็ว่ากฎหมายข้อนี้ตั้งใจปกป้องคนดีมากกว่านะครับ ผมเองไม่เคยทำชั่ว ก็เห็นชอบว่าดี เพราะกลัวไปนอนโรงพัก 48ชั่วโมง โดยไร้เหตุผล แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ถ้าปรากฎตัวต่อพนักงานสอบสวน ก็ควบคุมตัวได้แล้วนี่ครับ ผมก็เลยสงสัยอยู่ว่า คนทำผิดมันจะไปพบพนักงานสอบสวนเหรอ รอหมายจับก็มีค่าเท่ากัน เช่น นายตำรวจที่ยิงที่ผับแถวข้าวสาร เขาก็ประกบตัวเหมือนกัน ระหว่างรอหมายจับ ทำไมเขาไม่เข้ามอบตัวหล่ะครับ หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ เมษายน 04, 2007, 02:19:29 PM กฏหมายบ้านเราเป็นระบบกล่าวหา คำว่าต้องแจ้งความก่อน นั้นการแจ้งด้วยวาจาก็น่าจะเป็นการแจ้งความอย่างหนึ่ง ไปโรงพักแล้วค่อยบันทึกประจำวันทีหลัง เรื่องนี้น่าจะเป็นการเลือกปฏิบัติมากกว่าไม่เกี่ยวกับกฏหมาย กฏหมายน่ะดีอยู่แล้วปัญหามันอยู่ที่คนบังคับใช้กฏหมายครับ
หัวข้อ: Re: ไปอ่านเจอมา สงสัย ว่า กฏหมาย บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงหรือ ??? เริ่มหัวข้อโดย: xman007 ที่ เมษายน 04, 2007, 02:34:34 PM ...ประเทศ สาระขัน
|