เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 เมษายน 2550 15:46 น.
 
 
       ผลการศึกษาในสหรัฐฯ พบว่า รัฐที่อนุญาตให้ประชาชนเก็บปืนไว้ที่บ้านมีอัตราการฆ่าตัวตายของประชากรในทุกกลุ่มอายุมากกว่ารัฐที่ไม่อนุญาตให้เก็บปืนไว้ที่บ้าน
        คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ศึกษาพบว่า รัฐที่ครัวเรือนมีปืนในครอบครองสูงที่สุดในประเทศ 15 รัฐ มีอัตราการฆ่าตัวตาย 2 เท่าของรัฐที่ครัวเรือนมีปืนในครอบครองต่ำที่สุดในประเทศ 6 รัฐ แม้ว่าจำนวนประชากรใกล้เคียงก็ตาม แสดงให้เห็นว่าที่ใดมีปืนมากที่นั่นมีการฆ่าตัวตายสูง ทั้งนี้ แม้ปืนเป็นอาวุธที่ผู้คนใช้ในการพยายามฆ่าตัวตายเพียงร้อยละ 5 แต่ร้อยละ 90 มักตายจริง ขณะที่คนส่วนใหญ่ราวร้อยละ 75 ใช้ยาเป็นสิ่งปลิดชีพตนเอง แต่มีไม่ถึงร้อยละ 3 ที่ตายจริง ผลการศึกษาเสนอแนะว่า การทำให้บ้านปราศจากปืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่มีวัยรุ่นจะช่วยป้องกันการฆ่าตัวตายได้มาก หรืออย่างน้อยควรสร้างความมั่นใจว่าครัวเรือนเก็บปืนไว้ในที่ปลอดภัย
        สถิติของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ระบุว่า การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 11 และเมื่อปี 2547 มีชาวอเมริกันฆ่าตัวตาย 32,439 คน ในจำนวนนี้กว่าครึ่งใช้ปืนจบชีวิตตนเอง ผลการสำรวจชาวอเมริกัน 200,000 คนเมื่อปี 2544 พบว่า ครัวเรือนในสหรัฐฯ ราว 1 ใน 3 มีปืนในครอบครอง ส่วนการสำรวจล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พบว่า เหยื่อคดีฆาตกรรมในสหรัฐฯ ทุก 2 ใน 3 คนเสียชีวิตเพราะปืน
  :DD :DD :DD
 

จริงหรือเปล่า ค่ะ   :OO

แล้วพี่ ว่าไง ค่ะ

ไม่ทราบครับ..รู้แต่ว่าใช้กับเมืองไทย.ไม่ได้ครับ.... ;D

ถ้าเนื้อความเป็นไปตามที่ก็อปฯมาให้อ่าน ควรตั้งชื่อหัวข้อใหม่ครับ ว่าที่ใดมีปืนมากที่นั่นมีการฆ่าตัวตายที่ประสพผลสำเร็จสูง และบทสรุปของผลการศึกษาควรเปลี่ยนมาแนะนำว่าการทำให้บ้านปราศจากมนุษย์หัวกลวง สมาชิกในบ้านมีEQ.ที่ดีจะช่วยป้องกันการฆ่าตัวตายได้มาก

จากผลการศึกษาที่ว่าคนส่วนใหญ่ราวร้อยละ 75 ใช้ยาเป็นสิ่งปลิดชีพตนเอง  คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดไม่ได้เสนอให้ห้ามขายยาที่กินเกิน3กำแล้วอาจถึงตาย หรือเสนอให้ห้ามขายน้ำยาล้างห้องน้ำไปเลยละครับ

ทำไมเวบฯผู้จัดการถึงไม่เจาะให้กว่านี้อีกน๊อออออ  ::)

ผมว่าคนที่อยากฆ่าตัวตายจริงๆ หน่ะ ส่วนใหญ่ จะใช้วิธีที่เด็ดขาด เช่น กระโดดตึก  ผูกคอตาย ยิงตัว ตาย และคนพวกนี้ก็มักไม่เรียกร้องความสนใจด้วย จะแอบไปทำ ส่วนพวกที่ พยายามแสดงออกให้รู้ว่าจะฆ่าตัวตาย มักมีส่วนน้อยที่ต้องการจะตายจริงส่วนใหญ่ จะต้องการเรียกร้องการสนใจเท่านั้น จากบทความนี้ไม่บอกว่า คนที่พยายามฆ่าตัวด้วยยาพิษ นั้น กินยาที่ไหนเรียกให้คนมาดูไม๊ เพราะถ้าต้องการตายจริงๆ ก็แอบๆไปกินให้ไกลผู้คนก้ตายเหมือนกัน ไม่ใช่เรียกคนมาดูตัวเองกินยาฆ่ตัวตาย ยังงี้เค้าเรียกว่าเรียกร้องความสนใจครับ

รู้สึกว่า พี่ๆๆ ร้อนเนื้อ ร้อนใจ กันจัง นะ ค่ะ  :DD


แต่หนู เห็นด้วยด้วย กับ พี่ๆๆ ค่ะ :VOV:

ประเทศญี่ปุ่น...

ประเทศสวิสเซอร์แลนด์...

สองโมเดลที่เราชอบล่ะครับ...

ผมชอบ โมเดล...ญี่ปุ่นครับ หมอรุต

 :D~ :D~ :D~

ประเทศ ไทย ใช้เชือก มากกว่า ปืน (ฆ่าตัวตาย)

สาเหตุการฆ่าตัวตายไม่ได้มาจากปืนหรอกครับ แต่สุดท้ายก็มาลงที่ปืนจนได้ ขอบคุณครับสำหรับสถิติ :-\

คนจะตาย คนจะดี อยู่ที่ตัวกระทำ

ขอบคุณครับ

เห็นแหล่งข่าวแล้วผมหมดความเชื่อถือเลยครับ

เกาหลีใต้กับญี่ปุ่นไม่อนุญาติให้พลเมืองครอบครองอาวุธปืนแต่มีอัตราฆ่าตัวตายสูงที่สุดในโลก

ผมว่ามันก็ตรงไปตรงมานะ อะไรที่มันทำได้ง่าย มันก็เกิดขึ้นได้ง่ายครับ เช่น
พอรู้ว่ามีปืนก็รู้ว่าถ้าจะฆ่าตัวตายก็ทำได้ง่ายๆ นอกจากง่ายแล้วก็ยังเชื่อว่าเร็ว ไม่เจ็บนาน ไม่เสียวสยองเหมือนแขวนคอ โดดตึก ผมเชื่อว่าถ้าไอ้คนที่ผูกคอตายเอย โดดตึกตายเอย มันมีปืนในมือมันก็คงยิงตัวตายแน่ๆครับ แล้วไอ้คนที่มันยิงตัวตาย ก่อนมันจะยิงมันคงไม่หันไปผูกคอตายแทนหรอกครับ เพราะฉะนั้น ที่ไหนมีปืนมากก็ต้องมีการตาย รวมทั้งฆ่าตัวตายสูงจริงแท้แน่นอนอยู่แล้วครับ
ก็ปืนมันเป็นอาวุธนี่ครับ

ผมว่ามันก็ตรงไปตรงมานะ อะไรที่มันทำได้ง่าย มันก็เกิดขึ้นได้ง่ายครับ เช่น
พอรู้ว่ามีปืนก็รู้ว่าถ้าจะฆ่าตัวตายก็ทำได้ง่ายๆ นอกจากง่ายแล้วก็ยังเชื่อว่าเร็ว ไม่เจ็บนาน ไม่เสียวสยองเหมือนแขวนคอ โดดตึก ผมเชื่อว่าถ้าไอ้คนที่ผูกคอตายเอย โดดตึกตายเอย มันมีปืนในมือมันก็คงยิงตัวตายแน่ๆครับ แล้วไอ้คนที่มันยิงตัวตาย ก่อนมันจะยิงมันคงไม่หันไปผูกคอตายแทนหรอกครับ เพราะฉะนั้น ที่ไหนมีปืนมากก็ต้องมีการตาย รวมทั้งฆ่าตัวตายสูงจริงแท้แน่นอนอยู่แล้วครับ
ก็ปืนมันเป็นอาวุธนี่ครับ

เป็นข้อมูลที่น่ารับฟังครับ.......................แต่น่าเชื่อถือหรือเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของบุคคลนั้นๆ.......................

การฆ่าตัวตายของมนุษย์ สาเหตุใหญ่จากสภาวะทางจิตใจครับ................ถ้าผู้กระทำตัดสินใจที่จะทำลายชีวิตตัวเองแล้ว....................

เขาต้องหาทางทำให้ได้...................ก็เท่านั้นเอง

เครื่องมือในการทำลายชีวิตตัวเอง เป็นแค่ส่วนประกอบ..................อะไรที่หาได้และง่ายใกล้มือ ย่อมถูกพิจารณานำมาใช้เป็นลำดับต้นๆ.

ก็เท่านั้น.............

น่าจะไปศึกษา เยเมน  เพราะมีตัวเลขเฉลี่ย จำนวนปืน ต่อ จำนวนประชากร สูงที่สุด แต่เนื่องด้วยเป็น สังคม อิสลาม  อัตราการฆ่าตัวตายน้อยมาก

จากสถิติในสหรัฐฯ พบว่า ยอดขายวิทยุต่อจำนวนประชากร เป็นตัวพยากรณ์อัตราการเกิดโรคจิตได้แม่นยำที่สุดครับ
คือ เมืองไหนขายวิทยุได้มาก เมืองนั้นมีคนบ้ามาก
เรื่องจริงไม่ได้แต่งเติม

ยุคใหม่ศึกษาพบว่า  เมืองไหนมีโทรทัศน์มาก เมืองนั้นมีอาชญากรรมมาก
นี่ก็เรื่องจริงอีกเหมือนกัน

ตัวเลขสถิติ บางครั้งก็ช่วยอธิบายอะไรๆ ได้  แต่ก็ใช้เป็นเครื่องมือหลอกคนได้ด้วย

น่าจะวิจัยเจาะลึกต่อไปครับ

    เม็ดเดียว ครั้งเดียว รักษาทุกโรค อิอิ  ;D

 :OO ใช้กาวช้างหยอดจมูกก็ตายได้ครับ  :OO

ประเด็นแรก-ผู้นำเสนอ(ผจก) เลือกที่จะนำเสนอในด้านที่ตนเองให้ความสนใจ
หรือ สอง-ผู้วิจัยเองตั้งคำถามวิจัยที่มีอคติตั้งแต่แรก
สาม-การสรุปผลการศึกษาแบบนี้เรียกว่า extend conclusion นั่นคือได้ผลแบบนึง แล้วอีกแบบนึง/ซึ่งอาจจะเป็นผลจากการมีอคติหรือมีคำตอบในใจตั้งแต่แรก
สี่-การฆ่าตัวตาย ปัจจุบันมีความสัมพันธ์กับโรคซึมเศร้าสูงมาก นั่นคือเป็นโรคทางจิตเป็นหลัก(ข้อมูลทางวิชาการจากต่างประเทศเองและมีผลการศึกษาวิจัยที่เชื่อถือได้รองรับมากมาย) ส่วนวิธีการกับโอกาสสำเร็จเป็นอีกเรื่องนึงไม่สามารถนำมาสรุปรวมกันได้(ซึ่งจะเป็นextend conclusion)
ห้า-ฝรั่งไม่ได้ทำทุกอย่างถูกเสมอไป
หก-กาลามสูตรยังไช้ได้เสมอครับ

สุดท้ายก็มาลงที่...ปืน...อีกแล้วสิครับ..

ผมอ้าปาก วิ่งไปหาหมอ...

ในเมืองไทย ก่อนการฆ่าตัวตาย เกือบทุกคนจะกินข้าวมาก่อนภายใน 24 ชม.

เป็นมุมมองเพียงด้านหนึ่ง ที่เอามาสรุปแบบรวบยอด เชื่อไม่เชื่ออยู่ที่ดุลพินิจของแต่ละท่านครับผม

แล้วที่ประเทศสวิทเซอร์แลนด์   และประเทศอิสราเอล  ที่รู้เขามีปืนกันทุกบ้านแล้วเขาใช้ปืนฆ่าตัวตายกันมากใหม?....ที่จริงคนนั้นถ้าจะฆ่าตัวตายมีอะไรอยู่ใกล้มือก็เอามาใช้ในการฆ่าตัวตายได้หมดละครับ....

ซะงั้น โถ...... พี่ซับ

สรุป

ออกกฎหมาย "ห้ามฆ่าตัวตาย" ก็หมดเรื่อง

อิ อิ

เรื่องผลวิจัย ผลศึกษาเกี่ยวกับอาวุธปืนมีเยอะครับ ลองดูในเวปของ NRA ในอเมริกาดูครับ

เคยมีผลวิจัยหนึ่งที่สรุปว่า คนตายในอเมริกาเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์มากกว่าการเสียชีวิตเพราะอาวุธปืนหลายเท่าตัว ไม่เห็นจะมีใครเสนอห้ามใช้รถยนต์สักคน

เคยมีผลศึกษาในออสเตรเลีย พบว่า หลังจากรัฐบาลออซซี่ห้ามประชาชนมีปืน ผลของอาชญากรรมสูงขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์

ประเทศที่มีการฆ่าตัวตายมากที่สุดในโลกถ้าเทียบต่อจำนวนประชากร ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นญี่ปุ่น หรือไม่ก็เกาหลีใต้ ซึ่งสองประเทศนี้ประชาชนก็ไม่สามารถมีอาวุธปืนครอบครองได้

ประเทศสวิสเป็นประเทศที่ให้ประชาชนมีอาวุธปืนครอบครองได้แม้กระทั้งปืนกล ทำไมเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยมากที่สุด

การศึกษาหรือวิจัยใดๆ ควรดูเหตุปัจจัยอื่นๆด้วยไม่เฉพาะเรื่องที่เราจะศึกษาครับ

เห็นด้วยครับ บทลงโทษน่าจะเป็นประหารชีวิตสถานเดียว....อิอิอิ ล้อเล่นครับ

.............สงสัยจะหยิบผิดแทนที่จะหยิบพาราเซตามอล แต่ดันไปหยิบพาราเบลลั่ม ผลที่ได้ก็เป็นอย่างว่าขอรับ..........

บาป....การฆ่าตัวตาย เป็นบาปครับ...

สำหรับประเทศไทย  ผมอ่านใน website นสพ เดลินิวส์  หัวข้อ  สุดยอดการใช้อาวุธปืน
ตกใจ ครับ ถ้าเป็นจริงอย่างนั้น          ประเทศไทย มีปืน มากพอๆ กับมือถือ   คือ มากกว่า 10 ล้านกระบอก
แถมมีคดี อาชญากรรม ที่ใช้ปืนก่อเหตุ สูงมากๆ  มากกว่า 20000 คดี ต่อ ปี
ติดอันดับ top ๆ ของโลก เลยทีเดียว ........................................................... ......
ปืนส่วนใหญ่  เถื่อน               และ ตอนท้ายกล่าวถึง วิธีการ เก็บลักษณะของหัวกระสุน  ปลอกกระสุน   ด้วยเครื่อง IBIS ( integrated ballistic identification system ) ที่กองพิสูจน์ หลักฐาน .............
และสุดท้าย............กล่าวว่า เครื่องเสียมานานแล้ว.............เลยเก็บหลักฐานไว้ได้นิดเดียว เท่านั้น.............
ลองอ่านดูกันนะครับ .............

ขอบคุณครับ

ถ้ามี 10 ล้านกระบอกจริงผมก็ตกใจครับ ประชากรมีตั้ง 60 กว่าล้าน และหลายคนก็มีหลายกระบอก

ดังนั้นยังมีคนไทยมากจริงๆ ที่เสียโอกาส ไม่มีอุปกรณ์ประเภทอาวุธยิง สู้เพื่อรักษาสิทธิการมีชีวิต เป็น "โครอเชือด" อยู่ไปวันๆ

นึกว่าจะให้ออกกฏหมายห้ามกินข้าวซะอีก  ;D

ถ้าพูดกันในเชิงเหตุและผล...มันไม่ควรสรุปอย่างนั้น...

การมีปืนไว้ในความครอบครอง...จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่...ก็ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อการฆ่าตัวตาย...แต่มีไว้เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน...
เมื่อบุคคลนั้น มีปัญหาเกี่ยวกับชีวิต หรือทรัพย์สิน...ก็อาจทำให้คิดไปว่า ไม่มีอะไรต้องให้ป้องกันอีกแล้ว  จึงเลือกทำลายชีวิตของตนเอง...ด้วยปืนของตน

มีเพียงจำนวนคนเล็กน้อยเท่านั้นที่ได้ยินมา...ไม่มีปืน แต่อยากฆ่าตัวตายโดยใช้อาวุธปืน..ก็เข้าไปสนามยิงปืน เพื่อเช่าปืนและซื้อกระสุนมา...ยิงไส่เป้ากระดาษไป 2-3 นัด แล้วหันมายิงหัวตัวเอง...จบชีวิตไป..

คนที่จะมุ่งหมายทำลายชีวิตตัวเอง...อยู่ที่อารมณ์ชั่วชณะที่วูปคิดขึ้นมาเท่านั้น  หากมีการวางแผนไว้ว่าจะต้องทำร้ายตัวเองจนสำเร็จความมุ่งหมายนั้น  ในส่วนตัว ผมถือว่า  บุคคลคนนั้นไม่มีความเป็นคนเหลืออยู่แล้ว  เพราะเสียสถานะและความคิดเป็นคนตั้งแต่เริ่มมีการวางแผนเอาไว้

ผมชอบคำพูดของพระสงฆ์หลายรูป ที่เปรียบการมีชีวิตท่ามกลางความวุ่นวาย เป็นการชดใช้กรรมเก่าที่เคยทำมา  ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม  หากเราหลีกหนีการชดใช้กรรมในช่วงชีวิตนี้  แล้วไม่คิดหรือว่า จะต้องตามใช้หนี้กรรมกันอีกในช่วงชีวิตต่อไป...จนกว่าจะครบ  ยิ่งทำลายชีวิตตัวเองได้แล้ว  ชีวิตของคนอื่น ๆ คงเป็นเรื่องเล็กน้อย...

พระพุทธเจ้า ทรางสอนว่า  การทำลายชีวิตตนเองนั้น บาป มากที่สุด    ผมเชื่อเช่นนั้น....จริง ๆ

ผมว่านะ  อันนี้มันอยู่ที่ความคิด  และสภาพแวดล้อมของคนที่คิดฆ่าตัวตายในขณะนั้นมากกว่า 

ถ้าเค้าดิ้นรนอยากจะตายแล้วก็คงห้ามกันตลอดเวลาไม่ได้  เพราะเราไม่รู้ได้ว่าเค้าจะมีอารมณ์ค่าตัวตายเวลาไหน

และเค้าจะเลือกวิธีตายแบบไหน  สถานที่ไหนด้วย

        เหยื่อคดีฆาตกรรม  2ใน3เสียชีวิตเพราะปืน  อันนั้นบ้านเค้าคร๊าบ  ไม่ใช่บ้านเรา  สหรัฐเค้าซือปืนง่ายกว่า

บ้านเราตั้งเยอะ  ได้ของดีๆ  ที่เรามิอาจเอื้อมด้วย  จะซื้อไว้ตั้งกองทัพประจำหมู่บ้านก็ทำได้ง่ายๆ 

ส่วนบ้านเรานั้น  ป  ปืนนั้นขอยาก  ต้องลำบากวิ่งเต้นกัน  วัยรุ่นพกปืนไล่ยิงกันก็ของเถื่อนทั้งนั้น  หรือไม่ก็ขโมยของ

พ่อมา

ความเห็นของผม

คนที่ฆ่าตัวตายคือคนที่ไม่เห็นค่าชีวิตตัวเองครับ  เค้าอาจจะเคยกินยาแล้วแต่รอด  ใช้ปืนมันง่ายก็เลยดุเหมือนว่าที่ไหนมีปืนมากก้มีคนฆ่าตัวตายมาก  ที่จริงโอกาศสำเร็จมันสูงกว่าครับ   เคยมีเพื่อนตอนม.ปลายผมกินยาตายมา 2-3  ครั้ง แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ตายครับ  ถ้าอยากตายจริงเค้าก็หาทางที่ง่ายที่สุดแหละครับตามธรรมชาติคน


จะโทษอะไรปืนขอให้มองกันลึกครับ  ทุกวันนี้มีคนตายเพราะรถแค่เมืองไทยวันนึงเป็นสิบมากกว่าปืนถูกกฎหมายไม่รู้เท่าไหร่  มีใครโทษรถหรือเปล่าเดี๋ยวนี้ม.ปลายก็ขับรถกันเล้วโดยเฉพาะมอไซด์  ก็เพราะเครื่องจักรไม่ใช่ตัวปัญหาไงครับมันอยู่ที่คนใช้ต่างหาก


 แล้วไอที่ยิงกันวายวอดทุกวันนี้ถ้าไม่ใช่ปืนเถื่อนก็เป็นเพราะความบกพร่องในการออกใบอนุญาต  ว่ากันเลยดูทรัยย์สินกันลายเซ็น C6-7 เนี่ยมันจะบอกได้ไงว่าใครเป็นคนดี   ดูอย่างที่ยิงกับตำรวจเมื่อเร็วๆนี้สิคุ้นๆว่าจะเป็น  sti ครับพี่น้องไม่ก็ 1911 อะไรสักอย่างที่รางเต็มกับ G19   ตอนแรกก็สงสัยว่าคนร้ายมันมีได้ไง  แต่พอรู้ว่าเป็นผู้พันผมก็หายสงสัย  ระบบอุปถัมภ์เจ้าขุนมูลนายนี่เน้ออประเทศไทย   

ขออนุญาตเพิ่มเติมข้อมูลนะครับ... ผมมี paper ฉบับเต็มของงานวิจัยนี้  ก็เป็นการศึกษาความสัมพันธ์เชิงระบาดวิทยา
ระหว่างการฆ่าตัวตายกับจำนวนอาวุธปืน และเปรียบเทียบสถิติระหว่างรัฐ  เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันและเฝ้าระวัง
ทางสาธารณสุข รวมถึงการควบคุม ป้องกันการเข้าถึง โดยเฉพาะผู้มีปัญหาสุขภาพจิต (เนื่องจากที่นี่บางรัฐซื้อได้ง่าย
โดยไม่ต้องขออนุญาต)  และในตัวรายงานก็ไม่ได้มีเนื้อหาที่เสนอให้ห้ามมีอาวุธปืน (ซึ่งเป็นไปได้ยากมากในอเมริกา)
เข้าใจว่าสื่อในเมืองไทย อาจจะแปลเจตนารมณ์ไปในแง่ชี้นำให้แบนอาวุธปืน ทำให้คนอ่านเข้าใจผิดครับ...

--------------------------------------------------
อ้างอิง:
Matthew Miller, et al.  State-level homicide victimization rates in the US in relation to survey measures of
household firearm ownership. Harvard School of Public Health, Boston, USA.

ดูแหล่งข่าวก็ไม่น่าเชื่อถือแล้วครับ  manager on lie    (ไม่ได้พิมพ์ผิดนะครับ)

พูดง่าย ๆ คือ การตัดตอนผลงานวิจัยมาลง ไม่ได้นำมาลงทั้งหมด ทำให้เกิดความเข้าใจไขว้เขว

จริง ๆ แล้วการตัดสินใจฆ่าตัวตายไม่ได้มีเหตุจากมีปืนหรือไม่ แต่เป็นสภาวะทางด้านจิตใจ ปืน เป็นเพียง 1 ในอุปกรณ์ที่จะทำให้การฆ่าตัวตายสัมฤทธิ์ผลเท่านั้น

พูดง่าย ๆ คือ การตัดตอนผลงานวิจัยมาลง ไม่ได้นำมาลงทั้งหมด ทำให้เกิดความเข้าใจไขว้เขว

จริง ๆ แล้วการตัดสินใจฆ่าตัวตายไม่ได้มีเหตุจากมีปืนหรือไม่ แต่เป็นสภาวะทางด้านจิตใจ ปืน เป็นเพียง 1 ในอุปกรณ์ที่จะทำให้การฆ่าตัวตายสัมฤทธิ์ผลเท่านั้น  

เห็นด้วยครับ

ผลจากการศึกษาของผมที่ใดมีไม้จิ้มฟันมากที่นั่นมีการฆ่าตัวตายสูงครับ เปรียบเทียบ เพราะสถานที่นั้นมีแต่ไม้จิ้มฟันทั้งนั้นเลยครับ

ก็น่าจะมีส่วน

ขออนุญาตเข้ามาให้ความเห็นอีกรอบ ประเด็นเรื่องสื่อที่เมืองไทยนำเสนออย่างไรนั้นผมไม่มีความเห็น แต่เนื่องจากพบว่ามีบางท่านในนี้
วิจารณ์ในแง่ความน่าเชื่อถือของข้อมูลและมาตรฐานของงานวิจัย ออกไปในเชิงลบหลู่ ผมเองในฐานะที่อยู่ในแวดวงที่เกี่ยวข้อง คงต้อง
บอกว่านักวิจัยทุกคนให้ความสำคัญกับความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือของข้อมูล และมาตรฐานของกระบวนการวิจัยเป็นอันดับแรกๆ ครับ
ถ้าคุณภาพผลงานไม่ดีพอ ก็ไม่สามารถตีพิมพ์เพื่อเผยแพร่ได้ง่ายๆ ครับ

อย่างที่ว่าไว้ครับ งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาทางระบาดวิทยา วิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงสถิติ ไม่ใช่เป็นการวิเคราะห์สาเหตุเพื่อสรุปว่าปืน
เป็นต้นเหตุของการฆ่าตัวตายหรืออาชญากรรม  นอกจากนี้ ข้อมูลที่ใช้ก็เป็นของสหรัฐฯ ผลการศึกษาก็เพื่อเน้นใช้ในการบริหารงาน
ป้องกันและเฝ้าระวังในประเทศนี้  ไม่ได้มีการสรุปว่า generalizable สำหรับประเทศอื่นๆ

ส่วนเรื่องข้อมูล สถาบันที่ทำวิจัย มี Research Center เฉพาะทาง ด้าน Injury Control  ซึ่งรวบรวมฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน
ที่สมบูรณ์มากแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ งานวิจัยของที่นี่ก็มีการควบคุมคุณภาพสูงมาก ชื่อเสียงก็คงเป็นที่ทราบอยู่แล้วครับ

คิดว่าอย่างนั้น ญี่ปุ่นไม่ให้มีปืน แต่เห็นว่าค่าตัวตายมากที่สุดในโลก

ปืนไม่ใช่สาเหตุ แต่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ง่าย รวดเร็ว และไม่ทรมาน จึงเป็นที่นิยม เป็นธรรมดา

เจ้าของกระทู้หายไป ??

ขออนุญาตเพิ่มเติมอีกครับ เพราะดูเหมือนว่าหลายท่านให้ทรรศนะในเชิงไม่ยอมรับผลการศึกษา และพยายามอ้างประเทศอื่นๆ ...

คงขอย้ำว่านี่เป็นสถานการณ์และข้อเท็จจริงของประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้นครับ ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์มีนัยสำคัญทางสถิติ
สรุปได้ว่าอัตราการฆ่าตัวตายด้วยปืนมีความสัมพันธ์กับจำนวนอาวุธปืน ไม่ใช่สรุปว่าปืนเป็นสาเหตุการฆ่าตัวตายตามที่บางท่านเข้าใจ
และผลการศึกษาไม่ได้หมายความหรือชี้แนะว่าประเทศอื่นๆ ต้องเป็นเช่นนี้ด้วย

ดังนั้น จะไปเปรียบเทียบใช้กับประเทศไทยหรือประเทศอื่นคงไม่ได้ครับ เนื่องจากปัจจัยหลายๆ อย่างต่างกัน ท่านคงพอทราบกัน
ว่าในอเมริกาการซื้อปืนค่อนข้างง่าย บางรัฐไม่ต้องขออนุญาต แค่แสดง ID ก็ซื้อได้ ไม่ได้เข้มงวดเรื่องคุณสมบัติมากมายนัก และ
ราคาปืนที่นี่ก็ไม่สูงมาก รายได้ของคนทั่วไปแต่ละเดือนสามารถซื้อปืนได้หลายกระบอกครับ ถ้าให้เปรียบเทียบราคาปืนที่เมืองไทย
ตอนนี้กระบอกหนึ่งเท่ากับค่าอาหารประมาณ 1-2 พันมื้อ แต่ที่อเมริกาเท่ากับค่าอาหารเพียงไม่กี่มื้อครับ และเมื่อซื้อหาได้ไม่ยาก
อาวุธปืนจำนวนไม่น้อยก็อยู่ในมือคนที่คุณสมบัติไม่เหมาะสม  ก็คงไม่แปลกที่อัตราการฆ่าตัวตายหรือการก่ออาชญากรรมด้วยปืน
ของที่นี่จะสูงตามไปด้วย เขาจึงพยายามปรับมาตรการควบคุมป้องกันครับ

ที่ผมออกมา defend ให้กับงานวิจัยชิ้นนี้ เพราะมีข้อมูลและทราบดีครับว่าสถาบันเจ้าของงานวิจัย ทำอะไร อย่างไร เพื่ออะไร
โดยส่วนตัวไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น เพราะผมเองก็ชอบปืน เข้าใจครับว่าการศึกษาทำนองนี้ไม่เป็นที่ถูกใจหลายท่าน...