เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ต.ย.อดีตผู้นำไร้แผ่นดิน [1 พ.ค. 50 - 18:32]
 
วันนี้ มีอี-เมล์สั้นๆ มาที่ nitipoom@gmail.com ถามว่า “ในสายตาของคุณนิติภูมิ คุณคิดว่าผู้นำทางการเมืองคนใดคอรัปชันมากที่สุดในโลก?”

ผู้อ่านท่านคงจะเคยได้ยินหน่วยงานที่มีชื่อว่า Transparency International หรือ TI องค์การต่อต้านการคอรัปชันระดับนานาชาติ

องค์การทีไอนี้บอกว่า คนโกงอันดับหนึ่งของโลกที่โกงกินภายในห้วงช่วง 20 ปีนี้ อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย ท่านคืออดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โตของอินโดนีเซีย

นักการเมืองขี้โกงคอรัปชันอันดับ 2 ของโลก ก็ยังคงอยู่ในกลุ่มอาเซียน ท่านผู้นั้นคือ อดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินาน มาร์กอส จากการค้นคว้าลงลึกของทีไอ องค์การนี้มีหลักฐานที่พิสูจน์ให้เห็นว่า มาร์กอสเอาเงินชาติบ้านเมืองไปเป็นของตนประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 350,000 ล้านบาท

ข้างบนนั้นเป็นตัวเลขที่มีหลักฐาน หากใช้การกะประมาณ มาร์กอสน่าจะเอาเงินและทรัพย์สมบัติของฟิลิปปินส์ไปได้ทั้งหมดในห้วงช่วง 20 ปี ที่อยู่ในอำนาจ เป็นจำนวน 100,000 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ตีเป็นเงินไทยในปัจจุบันก็ประมาณ 3,500,000 ล้านบาท รวยมากกว่าผู้นำคนใดๆ ที่ต้องกระเด็นไปอยู่เมืองนอกเยอะ

เดิมฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองเข้มแข็ง เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงดี แต่ที่ฟิลิปปินส์เจ๊งไม่เป็นท่า ยังไม่ฟื้นจนกระทั่งทุกวันนี้ เพราะคนทั้งประเทศดันไปไว้ใจนักการเมืองที่มาจากครอบครัวของครูผู้เป็นคนชนชั้นกลาง

ซึ่งภายหลังจบกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ ที่มีชื่อว่ามาร์กอส

อายุ 32 ปี มาร์กอสชนะเลือกตั้งได้เป็น ส.ส. ต่อมาสมัคร ส.ว. ก็ได้เป็น ส.ว. และเป็นประธานวุฒิสภา เป็นประธานาธิบดีเมื่ออายุ 48 ปี สมัครผู้นำสมัยที่สองก็ได้อีก ฟิลิปปินส์แย่ เพราะมาร์กอสขนแต่คนของตนไปกินตำแหน่งต่างๆ อย่างไม่แคร์ใคร ถือว่ามีอำนาจ นึกอยากจะตั้งใครก็ตั้ง แม้แต่อิเมลดา ภริยาของตน ก็ยังได้เป็นผู้ว่ากรุงมะนิลา โครงการอุตสาหกรรมใหญ่ๆ และธุรกิจยักษ์เป็นของพรรคพวกมาร์กอสทั้งนั้น

สิ่งที่ทำให้มาร์กอสเหิมเกริมก็คือ อำนาจทหาร

มาร์กอสใช้อำนาจทหารทำการทุกอย่าง ตั้งแต่ตรวจค้น จับกุม เอาพลเรือนมาคุมขังก็ได้ ภายในเวลาแค่ 5 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2515 จนถึง พ.ศ. 2520 มีคนถูกจับกุมไปดำเนินคดีภายใต้กฎอัยการศึกและศาลทหารมากกว่า 60,000 คน

ถือว่ามี ส.ส.อยู่ในสังกัดมาก มาร์กอสสั่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตัวเองปกครองประเทศต่อไปเรื่อยๆ บางทีก็ออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ตนและพวก

ที่ทำให้บารมีของมาร์กอสเสื่อมจริงๆ ก็คือ

1. การโกงเลือกตั้งเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2524

2. การกำจัดศัตรูผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายค้านด้วยการให้คนในกองทัพยิงเข้าที่ศีรษะ เมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2526 ที่สนามบินนานาชาติแห่งกรุงมะนิลา

พ.ศ. 2529 ตอนนั้นมาร์กอสอายุ 69 ปีแล้ว ยังมีหน้ามาลงสมัครเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย ทั้งๆที่โกงเลือกตั้ง แต่มาร์กอสก็ยังเชิดหน้าชูตาประกาศว่าตนเป็นคนได้คะแนนสูงที่สุด อันนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากรับไม่ได้ และออกมาเดินขบวนจนมาร์กอสและครอบครัวต้องหนีออกจากฟิลิปปินส์ไปอยู่รัฐฮาวาย สหรัฐฯ

เงินและทองคำมูลค่ามหาศาลของมาร์กอสถูกนำไปฝากไว้ที่สวิตเซอร์แลนด์ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นความลับดำมืด ว่าทรัพย์สินจำนวนนั้นอยู่ที่ไหน

ผู้นำที่โกงกินประเทศชาติ เมื่อระเห็จระเหินต้องเดินทางไปอยู่ในต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะปลงสังเวชและใช้ชีวิตเรียบเงียบ แต่มาร์กอสและญาติพี่น้องกลับคิดแต่โครงการแก้แค้น คิดแต่จะกลับมาทวงตำแหน่งคืน จะกลับมาเลือกตั้งใหม่ ฯลฯ

สมัยนั้น ผู้คนทั้งฟิลิปปินส์แบ่งเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งยังชอบมาร์กอส ยังฝันถึงห้วงช่วง 4 ปีแรก ที่มาร์กอสเป็นประธานาธิบดี ซึ่งตอนนั้นเศรษฐกิจดีมีเงินใช้ พวกนี้จะมีเงินจากภายนอกเพื่อมาก่อม็อบประท้วงรัฐบาล ของนางอาคิโนเป็นรายสัปดาห์

อีกพวกหนึ่งไม่ชอบรัฐบาลมาร์กอส แต่ระยะหลัง รัฐบาลใหม่เอื่อยเฉื่อยในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ พวกนี้ก็ชักเอือมๆกับรัฐบาลใหม่ในสมัยนั้นเหมือนกัน

ไม่มีแผ่นดินอยู่เพียง 3 ปี มาร์กอสคิดมากจนโรคหัวใจกำเริบ

และจากโลกนี้ไปเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2532 อายุได้ 72 ปี

มาร์กอสลงนรกไปตั้ง 18 ปีแล้ว

แต่ฟิลิปปินส์ยังเจ๊งจนกระทั่งบัดนี้.

 
 http://www.thairath.co.th/news.php?section=international01&content=45437

... อดีต ปธ. มาร์กอส  เป็นแต่เลือกเปิดโอกาส .. ขายโอกาส และเก็บหัวคิว
    ยังต้องไปตาย นอกแผ่นดินเกิด.  :)  

เวรกรรม เวรกรรม

ท่านจอมพล  สิ้นไปแล้ว  ไม่มีโอกาสแก้ข้อกล่าวหา อย่าพูดกระทบถึงท่านเลย

เข้ามาอ่านครับ

เหลืออีก 2 ปีกว่าๆ ครับ

เวรกรรม ครับ

อิ..อิ..เคยอ่านในไทนรัฐครับ รู้สึกจะมีข้อความต่ออีกสองบรรทัดนะครับ  อิ..อิ..

เกาะเคย์แมน  บริติช เดอร์ตี้    ธนาคารในสวิส
นี่น่านับถือจริงๆ