หัวข้อ: ว่าด้วยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน อยากให้มีในรัฐธรรมนูญใหม่จัง! เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ มิถุนายน 19, 2007, 12:28:30 AM ผู้นำต้องใสสะอาด ไร้เงาผลประโยชน์ทับซ้อน [19 มิ.ย. 50 - 16:28]
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ผมเจอข่าวชิ้นหนึ่งจากสำนักข่าวเอพีในซีเอ็นเอ็นไม่แน่ใจว่า สื่อไทยมีการนำเสนอข่าวนี้หรือไม่ เพราะอ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับไม่พบ เป็นข่าวที่ บิล และ ฮิลลารี คลินตัน ประกาศขายหน่วยลงทุนทั้งหมดใน Blind Trust แห่งหนึ่ง มูลค่า 5-25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ประมาณ 175-875 ล้านบาท เพื่อเลี่ยงปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ในการรณรงค์หาเสียงชิงเป็นตัวแทนพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี บิล คือ บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามี นางฮิลลารี คลินตัน วุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์ก ซึ่งกำลังหาเสียงชิงเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เพื่อลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ในปลายปีหน้า ก่อนจะเขียนเรื่องนี้ต่อ ผมขออธิบายสักนิดแบบคนรู้งูๆ ปลาๆ ว่า Blind Trust คืออะไร Blind Trust ก็คือ บริษัทการเงินชนิดหนึ่ง ที่มีหน้าที่บริหารเงินลงทุนของผู้ลงทุน โดยผู้ลงทุนไม่รู้ว่าทรัสต์เอาเงินไปลงทุนอะไรบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างผู้รับผลประโยชน์ กับการลงทุน ซึ่งนักการเมืองสหรัฐฯชอบใช้บริการทรัสต์แบบนี้กันมาก เพื่อหลีกเลี่ยงข้อหาผลประโยชน์ทับซ้อน บริษัทการเงินแบบ Blind Trust นี้ภาษาไทยจะเรียกว่าอะไรผมไม่ทราบ เข้าใจว่าในเมืองไทยคงยังไม่มี ขอเรียกดื้อๆว่า ทรัสต์ บอด ไปพลางๆก่อนก็แล้วกัน สาเหตุที่สองสามีภรรยาคลินตัน ต้องขายหน่วยลงทุนในทรัสต์บอดแห่งนี้ทั้งหมด ก็เพราะหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯที่เรียกว่า Office of Government Ethics หรือ สำนักงานจรรยาบรรณแห่งรัฐ ได้แจ้งให้ ผู้สมัครเข้าชิงเป็นตัวแทนพรรคในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯทุกคน ต้องรายงานข้อมูลการเงินของตนเองและสามีหรือภรรยา ต่อสำนักงานจรรยาบรรณแห่งรัฐ ภายในวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน และให้รายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งด้วย แต่ ฮิลลารี คลินตัน และผู้สมัครอีกสองคน คือ มิตต์ รอมนีย์ และ จอห์น แมคเคน ต่างก็ขอเวลาไปอีก 45 วัน เพราะทุกคนต่างก็มีบัญชีลงทุนในทรัสต์บอด และเพิ่งจะรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ข้อมูลที่สองสามีภรรยาคลินตันรายงานต่อสำนักงานจรรยาบรรณแห่งรัฐบอกว่า หลังจากเข้าไปดูข้อมูลการลงทุนใน Blind Trust เมื่อเดือนเมษายนแล้วก็พบว่า ทรัสต์บอดที่ตนไปลงทุนนั้น มีการลงทุนในบริษัทน้ำมัน บริษัทยา บริษัทค้าอาวุธ และ วอลมาร์ท จึงได้ขายไปเมื่อเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา หุ้นที่ลงทุนเช่น บริษัทยา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, ไฟเซอร์, แกล็กโซส มิธไคลน์บริษัทค้าอาวุธ เจนเนอรัล อีเล็กทริก และ Raytheon บริษัทน้ำมันก็มี เอ็กซอน โมบิล, บีพี อโมโก รวมทั้ง วอลท์ ดิสนีย์ และ อีเบย์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังไปลงทุนใน นิวส์คอร์ป บริษัทแม่ของสถานีโทรทัศน์ข่าวฟอกซ์นิสส์ ซึ่งพรรคเดโมแครตหาว่าเป็นสถานีโทรทัศน์ที่มีอคติกับพรรคเดโมแครต รวมทั้ง วอลมาร์ท ซึ่ง นางฮิลลารี คลินตัน เคยเป็นที่ปรึกษาของบอร์ด เพราะสนิทสนมกับ มหาเศรษฐีตระกูล วอลตัน ซึ่งเป็นเจ้าของวอล-มาร์ท แม้ว่าการลงทุนของทรัสต์บอดแห่งนี้ จะไม่เกี่ยวกับคลินตันเลย เพราะคลินตันไม่มีโอกาสรู้ว่า ทรัสต์บอดแห่งนี้เอาเงินไปลงทุนอะไรบ้าง แต่หุ้นที่ทรัสต์บอดแห่งนี้ไปลงทุนหลายแห่ง ก็มีความเสี่ยงต่อนางฮิลลารี คลินตัน ที่อาจจะถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนได้ ผมเอาเรื่องนี้มาเล่า เพื่อให้คนไทยได้รู้ว่า นักการเมืองในประเทศประชาธิปไตยที่ยั่งยืนอย่างสหรัฐอเมริกานั้น จะต้องถูกตรวจสอบและฟอกให้ขาวสะอาดอย่างไรก่อนเป็นผู้นำ ไม่ใช่มอมแมมสีเทาสีดำก็เล่นการเมืองได้ ประชาธิปไตยต้องขาวสะอาดครับ จึงจะอยู่รอดและยั่งยืน ให้รู้ว่า ผลประโยชน์ทับซ้อน คืออย่างไร ในสหรัฐฯไม่ว่า ทางตรง หรือ ทางอ้อม ก็ไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะนี่คือ จรรยาบรรณวิชาชีพ ของ นักการเมือง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ อำนาจ และ ผลประโยชน์ ของชาติ ไม่ใช่ ใครก็ได้ เหมือนในประเทศไทย http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=51010 อ่านข่าวนี้แล้วอยากให้ประเทศไทยมีสำนักงานจรรยาบรรณแห่งรัฐบ้างจังเลยครับ หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน อยากให้มีในรัฐธรรมนูญใหม่จัง! เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 19, 2007, 12:35:43 AM ขอบคุณมากครับ คุณ nars. ความไม่ถูกต้อง ไร้คุณธรรม ..
บางสังคม เขาไม่ยอมให้มีหลงเหลืออยู่ในตัวผู้นำ. ถ้าพบเห็น ก็จะช่วยกันสะกัดดาวรุ่ง จะช่วยสามัคคีกันลากลงมา. :) หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน อยากให้มีในรัฐธรรมนูญใหม่จัง! เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 19, 2007, 07:08:03 AM จรรยาบรรณ ของนักการเมืองเค้าสูงนะครับ
|