เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

มีความเห็นจากเว็บบอร์ดของคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ, กระทรวงยุติธรรม... http://www.moj.go.th/webboard/webboard.php?Category=คณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ

นายสมชายเองยังไม่ค่อยเข้าใจหลายประเด็น แต่เห็นเป็นประเด็นร้อน... เลยเอามาให้อ่านกันครับ...

เอาความรู้สึกล้วนๆนะครับ อะไรที่ตำรวจเห็นว่าไม่ดี ผมกลับคิดว่ามันต้องมีประโยชน์กับประชาชน

;D ;Dแถวๆบ้านผม   มีอีกเยอะครับ   จนไม่รู้ว่าจะวัดด้วยอะไรดีครับผม   ::) ::) ::)

ส่วนตัวผมว่าน่าจะปรับทัศนคติและวัฒนธรรมที่ไม่ดีบางอย่างดีกว่า โดยเริ่มจากโรงเรียนตำรวจเลยและปรับสวัสดิการให้สะดวกและรวดเร็วรวมถึงรายได้ที่เหมาะสมแก่พวกเขาโดยเฉพาะตำรวจชั้นประทวน...

ไม่ว่าจะปรับโครงสร้างให้เลิศเลออย่างไรมันก็ไม่มีประโยชน์หากทัศนคติบางอย่างยังคงอยู่...

ผมว่าคงเสียประโยชน์เยอะ เลยออกมาเรียกร้อง ครับ อธิบดีบางคนนี่โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยศรัทธาเท่าไหร่ครับ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว

เรื่องนี้ ภายหลัง ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙  ในเวปนี้ เคยมีการถกกันมาครั้งหนึ่งแล้ว.
ก่อนอื่นผมต้องขออภัยเพื่อนตำรวจที่เป็น สมาชิก ของเวปนี้ ด้วย .

ทุกครั้งที่ผมมีความเห็นในประเด็นการเมือง ..  ยืนยันว่า สถาบันตำรวจอยู่ในจุดเปราะบาง
ที่จำต้องถูกนำไปค้ำ เป็นแขนขาแห่งอำนาจรัฐ  เพื่อประโยชน์ตน
ของนักการเมืองทุกยุคสมัย   จำต้องต้องอาศัยตำรวจเป็นแขนขา 
ไม่มีแยกเป็นน้ำดี ที่กลั่นมาจากน้ำฝน ..ไหลผ่านมาจากเขาสูง. 
หรือน้ำที่ขังใน รอยเท้าช้าง ...  :OO

ผู้บัญชาการฯ ไม่อาจจะเป็นอิสระจากการเมือง ไปได้
เมื่อตำรวจถูกนำไปวางไว้จุดประสงค์ เพื่อกลุ่มคนที่ได้ มากุมอำนาจรัฐ ..

อะไรที่หวัง  และอะไรที่ไม่อยากได้ 
ล้วนถูกกำหนดขึ้นจากความต้องการของนักการเมืองที่กุมอำนาจรัฐ.

ฉะนั้น จะรอหวังให้นักการเมือง เปลี่ยนระบบตำรวจ
ให้เป็นตำรวจของประชาชน ยิ่งขึ้น
จึงเป็นฝันลม ลม แล้ง แล้ง      คือไม่ต้องหวัง.

ณ.วันเวลานี้ ถ้าต้องใช้อำนาจที่มีอยู่ จัดการเสียให้เสร็จสิ้นไปในขณะนี้ 
เพื่อให้โครงสร้างตำรวจ เป็นตำรวจของประชาชนที่ดีอย่างที่หวังจะให้เป็น.
ผมสนับสนุน เต็มที่ ครับ. 

ระบบ โครงสร้างที่ดี จะสร้างบุคลากร ที่ดี ขึ้นมาเป็นหลัก
ระบบที่ยังไม่ดีพอ มีโครงสร้างที่ไม่เหมาะสม
จะหวังให้เกิดบุคลากรที่ดี จึงเป็นเรื่องยาก.  :)

ผมอ่อนประสบการณ์มิกล้าวิจารณ์ครับแต่ผมเห็นด้วยครับที่จะปรับ...แต่ควรคงรูปแบบยศต่างๆไว้แบบเดิม
เพิ่มเงินให้เหมาะสมกับคา่ครองชีพและความเสี่ยง....เพิ่มโทษตำรวจที่ไม่ดี...เพิ่มเวลาเรียนโรงเรียนตำรวจ
เพิ่มวิชาเศรษฐกิจพอเพียงในหลักสูตร

เป็นความเห็นส่วนตัวครับ

เห็นด้วยกับพี่ Ro@d ครับ
ในขณะนี้มีอำนาจอยู่ รีบทำไปซะ

ถ้าทำแล้ว ตำรวจดีขึ้น ทั้งหน้าที่การงาน ความเป็นอยู่  อัตรา ตำแหน่ง เงินเดือน
เงินประจำตำแหน่ง เกียรติยศและศักดิ์ศรี / การถูกแทรกแซงน้อยกว่าที่เป็นอยู่เดิม  ก็เห็นด้วยครับ

สนับสนุนเช่นกันครับ
ในแนวทางใดก็ตาม....ที่ให้ตำรวจหลุดพ้นจากการครอบงำ.....หลุดบ่วงบาป
มาเป็นตำรวจในกรอบผดุงความยุติธรรม เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เป็นตำรวจของประชาชนอย่างแท้จริง.... :)

เห็นด้วยกับพี่ Ro@d ครับ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าทำอย่างไรจะไห้ตำรวจหลุดพ้นจากอำนาจของนักการเมืองที่กุมอำนาจรัฐหรือพวกมีอำนาจที่เข้ามาบริหารนี่ซิครับคือปัญหา และที่หนักกว่าก็นั้นคือนายตำรวจใหญ่ๆบางคนดันวิ่งไปหานักการเมืองที่มีอำนาจเสียเองนี่ซิครับ...

ไอ้ครั้นจะให้ตำรวจเป็นองค์กรอิสระก็เกรงว่าตำรวจบางคนจะลุแก่อำนาจอีก...หากดี ก็ต้องสร้างระบบที่คานอำนาจให้วุ่นวายเข้าไปอีก...

สงสัยว่าคงจะต้องปลูกฝังให้เข้มข้นมากขึ้นตั้งแต่เป็น นรต หรือ นพต และรวมทั้งที่สอบบรรจุ ก็ไม่ทราบว่าจะได้ผลแค่ไหนเหมือนกันนะครับ..

ผมว่าตำรวจด้วยกันเองนั่นแหละครับที่จะรู้ดีกว่าคนอื่นๆ..

 :VOV:

มาแล้วครับ ผมก็เป็นนายตำรวจคนหนึ่ง ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาครั้งอดีต ระบบตำรวจของไทย(ขอใช้คำนี้นะครับ)หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ระบบตำรวจของเราก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของฝ่ายการเมืองและกองทัพ มาโดยตลอด(ระบบ ยศ การบังคับบัญชา การจัดหน่วยลอกแบบทหารมาล้วนๆเลยครับก็เลยรวมการฝึกเข้ามาด้วย)ซึ่งผู้มีอำนาจในแต่ละยุคสมัยจะเข้ามาแทรกแซงระบบตำรวจ( อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายและนอกกฎหมายของตำรวจ) เพื่อให้ตอบสนองและรับใช้ตามที่ พี่Ro@d ได้พิมพ์มา ซึ่งเมื่อผมได้สอบเข้ามารับราชการในระบบตำรวจไทย ที่ผมพบก็คือ ตำรวจชั้นประทวนไปเดินตามหรืออยู่ที่บ้านของนักการเมือง แล้วทำตัวใหญ่โตกว่าผู้กำกับหรือบ้างครั้ง ใหญ่กว่าผู้บังคับการซะอีก ก็เพราะพวกนายตำรวจวิ่งเข้าไปหานักการเมืองซึ่งขณะนั้นมีอำนาจอยู่ เพื่อวิ่งเต้นโยกย้ายไปอยู่ที่ที่มีผลประโยชน์ซึ่งสามารถตอบสนองทั้งตนเองและฝ่ายการเมืองได้ หรือเพื่อขึ้นไปดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นเพื่อที่จะรับใช้ฝ่ายนักการเมืองได้ซึ่งที่ผ่านมาผมเห็นด้วยว่าระบบตำรวจควรปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองแต่ควรที่จะมีการตรวจสอบการใช้อำนาจของตำรวจจากองค์กร หรือหน่วยงานที่เป็นกลางโดยมีความเข้าใจในระบบการทำงานของตำรวจ ภาระ ข้อจำกัด ในขณะนั้นๆ  ผมคิดว่าปัญหาที่หน่วยงานผมยังคงมีอยู่ก็คือระบบเก่าๆค่านิยมที่ไม่ดียังคงอยู่ในระบบและไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพียงแต่อาจจะปรับสภาพไปบ้าง(แบบรถครับเปลี่ยนกระจังหน้า) และระบบการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ขององค์การ ยังไม่มีการพัฒนาเท่าไร ดังนั้น ถ้าถามตำรวจว่า ตำรวจอยากได้อะไรจากการปรับโครงสร้าง ก็เหมือนที่พี่ตะบันไฟ พิมพ์มาแล้วครับ เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะครับ นึกอะไรออกแล้วค่อยมาพิมพ์ต่อ ;D

อ้อ.....เพิ่มเติมครับ ถามจากพี่น้องที่เป็นพนักงานสอบสวน รอง สว. ทั้งฝ่ายป้องกันปราบปราม สืบสวน จราจร และลูกน้องชั้นประทวนแล้ว บอกเหมือนกันว่า ปรับหรือไม่ปรับ ก็ทำงานหนักเหมือนเดิมครับ สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายปฎิบัติ :D

การโยนไปอยู่กระทรวงนั้นที กระทรวงนี้ที  คงไม่ใช่การแก้ปัญหา
ตำรวจไทยใช้โครงสร้างที่นำไปจากทหาร  ซึ่งโดยหลักการ ก็เหมาะสำหรับในยุคแรก  แต่ต้องมาคิดกันว่าในปัจจุบันเหมาะสมหรือเปล่า
ปัญหาอีกประการหนึ่งก็คือ  สายการบังคับบัญชายาวมาก   ทำให้ตำรวจสามแสนคน  ต้องไปทำงานในส่วนบังคับบัญชา,  ฝ่ายอำนวยการ,  ฝ่ายกิจการพิเศษ,  ส่วนสนับสนุน  และสำนักงานผู้บังคับบัญชา  เหลือมาทำงานในหน้าที่ตำรวจที่แท้จริงไม่มากเท่าที่ควร

น่าจะปรับปรุงดังนี้
1.ตำรวจสังกัดแต่ละจังหวัดไปเลย อยู่จังหวัดไหนก็อยู่ที่นั่นตลอดชีวิตราชการ ไม่ต้องขึ้นกับส่วนกลาง
2.น่าจะตั้งตำรวจกลางเอาไว้สนับสนุนเหรือตรวจสอบ

จะให้ปลอดจากการเมืองคงยากครับ

เพราะรัฐมนตรีแต่ละคนก็ต้องมีนายเวร ซึ่งนายเวรเหล่านี้ก็ต้องวิ่งกันมาเหมือนกันครับ

ไม่ก็ญาติพี่น้องหรือพวกพ้องของตน พอได้เป็นนายเวรก็...ใกล้ชิด สนิทสนม กับนักการเมือง

และส่วนใหญ่นักการเมืองก็มอบหมายให้นายเวรนี่แหละไปดำเนินการ เพราะสะดวก ไปไหนใครก็เกรงใจ

ทั้งเป็นเด็กนักการเมืองและตำแหน่งหน้าที่อีกต่างหาก

ดังนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรี ความเป็นนายกับลูกน้องก็ยังคงอยู่

ยังคอยช่วยเหลือสนับสนุนกันต่อไปเรื่อย สามารถฝากให้ไปอยู่กับคนนั้นที คนนี้ที

ยศฐาบรรดาศักดิ์ก็ขยับขึ้นไปเรื่อย แถมพวกขั้นครึ่ง หรือสองขั้นขึ้นไปทุกปี

เป็นนายเวรคอยอารักค์ขา แต่เห็นแล้วที่มาเป็นล้วนแต่ไม่เคยผ่านการฝึกมาเลย

ทางที่ดี ไม่ต้องให้ตำรวจไปเป็นนายเวรพวกรัฐมนโทพวกนี้หรอกครับ

ถ้าพวกรัฐมนโทเขาเป็นคนดีจริงคงไม่มีใครไปคิดทำร้ายเขาหรอกครับ

อีกอย่างพวกจราจรกลางที่มาอำนวยความสะดวกให้รัฐมนโททั้งหลายก็เห็นแก่เงินกันทั้งนั้น

วิ่งกันมาอยู่เหมือนกัน เพราะได้เงินจากพวกรัฐมนโทอีกเหมือนกัน

บางครั้งให้เป็นรายวันหรือรายเดือน ขับรถนำขบวนเห็นตบกะโหลกมอเตอร์ไซหลายรายแล้ว

ชี้หน้าด่าอีกต่างหาก ไม่รู้จะรีบไป...  หรือเปล่า

ปรับโครงสร้างผมว่าดี แต่อย่างไรจึงจะปลอดจากการเมืองก็คิดกันก็แล้วกันครับ.....เจ้านาย !

(เรื่องทั้งหมดที่เล่ามา ล้วนแต่เป็นประสบการณ์จริง)

    เห็นด้วยครับ ไม่ควรให้ตำรวจไปยุ่งกับนักการเมือง ระบบการดูแล คุ้มกัน อารักษ์ขานักการเมือง
อาจปรับไปให้เอกชนทำแทนได้หรือไม่ครับ

เห็นด้วยครับ พวกที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับทุกข์สุขของประชาชนทั่วไปมีไม่มากและงานหนัก

ผมชอบโครงสร้างตำรวจแบบอเมริกาที่พี่สมาชิกเก่าแก่ท่านนึงเคยมาอธิบายไว้ ทั้งแนวคิดในการทำงาน การสนับสนุนการทำงานและแนวคิดในการให้ผลตอบแทน  :D

โครงสร้างเงินเดือนนั้นดี  ทำให้ชั้นประทวมีเงินเดือนเท่าข้าราชการพลเรือน (เพดานเงินเดือน ซี7)

ความเห็นผมในการทำให้ตำรวจ "ใกล้" กับประชาชนมากขึ้น

1. เลิกระบบนักเรียนเตรียมตำรวจ ให้ นร. จบ ม.ปลายสามัญสอบเข้า รร. นายร้อย
2. ให้ นรต. ไปเรียนกับ นร.มหาลัย เช่น วิชานิติทั้งหมด และให้เรียนวิชาคณะรัฐศาสตร์สัก 1 เทอม (รวมทั้งนักเรียนพลตำรวจด้วย)
3. เพิ่มอัตรารับผู้จบ ป.ตรี / โท จากสถาบันอื่น ให้ไปฝึกเป็นนายร้อย
4. ปรับขั้นเงินเดือนให้ขึ้นกับอายุราชการ / การประเมินผล มากกว่าชั้นยศ

ชาวปืนอย่างผมคงไม่ว่าอะไรหลอกครับ แต่ชาวปืนสีกากีนี่ซิครับว่าอย่างไรกันบ้างครับพี่ๆ
แซวเล่นครับพี่ๆ..ด้วยความเคารพครับ

ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ครับ 

แต่แปลกใจ ได้ยิน   เวลา เพื่อนที่เป็นราชการคุยกัน   

เพื่อน1 ถามเพื่อน2 ว่า เอ็งเป็นตำรวจ อยู่ที่ไหน ตำแหน่งอะไร ??   
เพื่อน2  เป็น สายตรวจ อยู่ สน....
เพื่อน1 ไม่เป็น จราจรว่ะ  รายได้ดี จะตาย 
เพื่อน2  สายตรวจ ก็มี ตู้แดง นะ ข้าฯ มี กับเพื่อน 30 กว่าตู้ รายได้ดีกว่าวะ
เรา..... เอ้อ รายได้พวกเอ็งดี ก็ หัดเก็บเงิน กันบ้างก็แล้วกันนะ  ไม่ใช่ เอาแต่ เมา เที่ยว 
เพื่อนเป็นห่วงว่ะ

ขณะนี้ผมยังไม่คิดเรื่องแตกหน่วยงานให้เล็ก เพราะ

1. แค่นี้ก็เกรงใจอิทธิพลท้องถิ่นจะแย่อยู่แล้ว จับไม่ลงเพราะขอกันมา ถ้าให้ เกิด/แก่/เจ็บ/ตาย ในภาค จังหวัด ยิ่งทำอะไรไม่ได้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นกินเมืองแน่ๆ

2. แบ่งเป็นหลายหน่วยจะประสานงานกันยากที่สุด การปฏิบัติจริงของไทยๆ ต้องยอมรับว่าไม่ใช่แค่ประสานงานกันได้ตามตำแหน่งโดยไม่รู้จักส่วนตัว หน่วยเดียว/ใกล้เคียงกัน ไม่ใช่ว่าจะส่งหนังสือ/ยกหูโทรคุยกับ ใครก็ได้ที่รับผิดชอบ แล้วเขาจะรีบทำให้เต็มที่ จัดลำดับความสำคัญตามหลักวิชาเต็มที่ รับรองว่ายุ่งต----

ใช่ครับ พี่ทุกวันนี้แค่การประสานงา.....น ในหน่วยเดียวกันยังมีปัญหา ;D นี่ขนาดบางทีจบจาก นรต รุ่นเดียวกันยังทะเลาะกันเลยแต่ไม่เป็นไรครับ รุ่นเดียวกันให้ไปเคลียร์กันเอง แต่อย่างผมนี่ นอร.ครับ เวลาประสานงานโดนถามทุกทีเลยว่าจบ นรต.มาหรือเปล่า ??? แล้วงานมันจะเป็นอย่างไงละครับ ( ไม่มีอคติกับสถาบันนะครับ ;Dสำหรับผม พี่ผม น้าผม ก็จบ รร.นรต.มา รุ่น 49 กับ 31) ;D

อ้อ..... ตอนนี้ถ้าอยากให้ปรับ ช่วยปรับเรื่องตำแหน่ง เงินเดือน สวัสดิการ อุปกรณ์การทำงาน รถ กับน้ำมันและการซ่อมบำรุงด้วยนะครับ :) ไม่อย่างนั้นตำรวจต้องทำตัวเป็นนักขอ ทุกที แล้วก็ต้องไปเป็นลูกไล่ให้กับ ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น
 เรื่องตำรวจนี่ ทำกันเป็นวิทยานิพนธ์ ได้ถึงปริญญาเอก กันได้เลยนะครับ ;D

 >:( >:( >:(...ผมไม่ชอบระบบกล่าวโทษ/กล่าวหาของตำรวจไทยจริง ๆ เลย...ไม่ยุติธรรม... ??? ??? ???

มันเป็นระบบกล่าวหาครับ มาจากระบบกฎหมายที่เราไปเอามาจากฝรั่งเศษ+เยอรมัน+อังกฤษ ไม่ใช่ของตำรวจครับแต่เป็นผลจากการตรากฎหมาย ป.วิ อาญา โปรดเข้าใจครับ

ผู้ส่งฟ้องคืออัยการครับ คนจับ คนสอบสวน ไม่ได้ส่งฟ้อง ไม่ได้ตัดสินเอง และอัยการก็มีสติปัญญาสูง ไม่ใช่ตรายางนะครับ

...ไม่รู้สิครับ...อยู่ดี ๆ มีคนมากล่าวหาเรา...ผมไม่ชอบเลย...กว่าจะสอบสวนเสร็จ...กว่าจะได้ส่งฟ้อง...กว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่ผิด...กลัวจริง ๆ เลย...ตัวอย่างเช่น...คดีเชอรี่แอน...กว่าจะรู้ว่าไม่ใช่ก็ตายไปหลายคน...ทำไม... ??? ??? ???

ฮี่ ฮี่ จริงครับ สถานการณ์จริงไม่สอดคล้องกับความจริงหลายอย่าง ถ้าลองทำงานเองจะรู้ดีเลย

อือม์ ...พอจบเอกก็ได้จังหวะลาออกไปเป็นอาจารย์มหาลัยพอดี ขำๆ นะ วงการอื่นก็เหมือนกัน

จะอยู่กับส่วนไหนก็ตามแต่ แต่ขออย่างเดียวคือ  "ตำรวจต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน โดยแท้จริง" ..แค่นี้ก็พอแล้วครับ....

ที่จริงผมก็ไม่ค่อยเข้าใจในรายละเอียดมากนัก
เพราะประเด็นมันหลากหลายเหลือเกิน

แต่ผมไม่คิดว่าการย้ายให้ตำรวจไปขึ้นกับกระทรวงยุติธรรม
หรือแม้แต่กระทรวงไหนก็ตาม
จะทำให้ตำรวจปลอดการเมืองไปได้
สำหรับผม มันคนละเรื่องเดียวกัน

แต่การกระทำใดๆ ที่ทำแล้วตำรวจทั้งหลาย
สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้น มีหน้าที่การงานที่ดีขึ้น
มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีในหน้าที่ของตัวเองมากขึ้น
การนั้นก็ควรส่งเสริม ให้เกิดขึ้น

เรียนตามตรง
ในชีวิตผมพบเจอมามากมาย
ตำรวจดีๆ ตำรวจเลวๆ
มีหลายอย่างไม่สมควรนำมาบอกกล่าว
เพราะดูจะเป็นการไม่ให้เกียรติกัน

ถึงกระนั้น ผมก็เชื่อว่า
ปัญหาจากระบบนั้น มันก็มีอยู่จริง
แต่ปํญหาสำคัญสุด ที่จริงเป็นเรื่องของบุคคล
การแก้ลำพังเพียงระบบ คงช่วยได้เพียงในระดับหนึ่งเท่านั้น

ผมติดใจอยู่อย่างหนึ่งครับ
การที่เหล่านายตำรวจอวุโส ที่เกษียณไปแล้ว
ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้
หลายๆท่านก็เห็นด้วยที่ให้มีการเปลี่ยนแปลง
แต่ท่านท้วงติงว่า การแก้ไข เปลี่ยนแปลงหลายๆข้อในนั้น
ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง อาจมีปํญหาในการนำไปปฎิบัติจริง

อีกทั้งการที่รีบนำเรื่องเข้าพิจารณาเป็นวาระจร
แล้วผ่านเลย(ไม่แน่ใจว่าประเด็นนี้ เข้าใจถูก หรือฟังมาถูกต้องแค่ไหนนะครับ)นั้น
คิดกันถี่ถ้วนหรือไม่  มีประเด็นแอบแผงใดหรือไม่

สรุปประเด็นของผม คือ
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ และมีผลใกล้ชิดที่สุดกับประชาชนโดยตรง
อย่างการเปลี่ยนแปลงเรื่องตำรวจนี้
ผมว่าต้องละเอียดรอบคอบมากๆครับ
แต่ควรเปลี่ยน เพราะเวลาเปลี่ยนไป
หลักการ วิธีการต่างๆก็ควรปรับปรุงให้ ใช้งานได้ดีขึ้น

อยากให้เป็น "ระบบไต่สวน" หรือไงครับ

อยากให้เป็น "ระบบไต่สวน" หรือไงครับ

...เรื่องระบบกฎหมายต่าง ๆ นี้...ผมไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่...รบกวนขอคำแนะนำจาก...ท่านผู้การสุพินท์...จากหลาย ๆ ท่านที่เป็นตำรวจ...จากหลาย ๆ ท่านที่มีความรู้...(เข้าใจว่ายังมีอีกหลายท่านที่ยังไม่รู้เหมือนกันกับผม)...ขอบคุณครับ...  :) :) :)