เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: Dexphet ที่ กรกฎาคม 27, 2007, 01:07:37 AM



หัวข้อ: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: Dexphet ที่ กรกฎาคม 27, 2007, 01:07:37 AM
ไทยแพ้พม่า (อีกแล้ว) [27 ก.ค. 50 - 18:04]
 
ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนคงจะคุ้นเคยกับคำพูดประโยคนี้ดี “ไทยจะแพ้เวียดนาม” เพราะเราพูดประโยคนี้มานานหลายปีแล้ว ที่พูดก็เพื่อกระตุ้นต่อมสำนึกของคนไทยให้ตระหนัก ในศักยภาพของประเทศคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม หวังจะให้คนไทยฮึดสู้ พัฒนาตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น เพื่อไม่ให้ประเทศคู่แข่งที่เคยล้าหลังกว่าไทยมาแซงหน้าประเทศไทย

แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล คนไทยก็ยังเฉื่อยชาเหมือนเดิม โดยเฉพาะนักการเมืองที่ยังกัดกันเละเทะ เพื่อแย่งกระดูกไม่กี่ชิ้น จนวันนี้เวียดนามเริ่มแซงหน้าไทยไปหลายด้านแล้ว แต่คนไทยเราก็ยังไม่สำนึก

เดือนที่แล้วผมอ่านเจอในวารสารการเงินธนาคาร เขาบอกว่า “ไทยแพ้ลาว” โดยอ้างคำพูดของเจ้าผู้ครองนครเวียงจันทน์ ลาว ที่ ประกาศอย่างอหังการว่า สิ้นปี 2550 นครเวียงจันทน์จะเป็นเมืองหลวงที่ปลอดจากสลัม ไม่มีสลัมแม้แต่แห่งเดียว คนลาวในเวียงจันทน์ทุกคนจะอยู่ตึกหมด

แต่อนิจจา กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์ เมืองหลวงของไทยเรากลับมีจำนวนสลัมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนนับได้หลายพันแห่งแล้ว ผู้ว่าฯ กทม. อภิรักษ์ โกษะโยธิน ก็ได้แต่พูดเรื่อยเปื่อย จะทำกรุงเทพฯให้เป็นเมืองน่าอยู่ ก็ไม่รู้จะน่าอยู่ได้ยังไง นอกจากสลัมเต็มกรุงแล้ว ขยะยังสกปรกทุกซอกซอย ไม่เห็นผู้ว่าฯ กทม. ทำอะไรสักอย่าง

วันนี้ผมมีข่าวอีกชิ้นที่จะบอกกับท่านผู้อ่านว่า “ไทยกำลังแพ้ พม่า” อีกแล้ว ทั้งๆที่พม่าล้าหลังกว่าไทยหลายสิบปี เรื่องที่ไทยกำลังแพ้พม่าก็คือเรื่อง “รถไฟ” ในอีกสองเดือนข้างหน้าในเดือนตุลาคม การรถไฟพม่าจะเปิดใช้ “รถไฟรางคู่” วิ่งเชื่อมระหว่างสองเมืองหลวงเก่ากับเมืองหลวงใหม่ กรุงย่างกุ้ง-กรุงปิ่นมานา-กรุงมัณฑะเลย์ ระยะทางยาว 620 กิโลเมตร

พม่าซึ่งล้าหลังกว่าไทยและยากจนกว่าไทยไม่รู้เท่าไร แต่วันนี้รัฐบาลพม่ากลับสามารถสร้างรถไฟรางคู่สำเร็จเป็นระยะทางยาวถึง 620 กิโลเมตร แต่รถไฟไทยยังเป็นแค่รางเดี่ยวเก่าๆ มีรางคู่แค่ไม่กี่สิบกิโลเมตรเท่านั้น

อายพม่าเขาไหม “ปู่ห้าว” พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ

นอกจากพม่าจะมีรถไฟระบบรางคู่แล้ว วิศวกรรถไฟพม่าก็ยังก้าวหน้ากว่าวิศวกรรถไฟไทย เพราะวันนี้ วิศวกรรถไฟพม่า สามารถที่จะ ประกอบหัวรถจักรดีเซลใช้เองได้แล้ว ในขณะที่รถไฟไทยแค่ซ่อมอย่างเดียวก็ยังแย่ เห็นวิ่งเพลาหลุดตกราง หัวรถจักรก็มีแต่รุ่นเก่าแสนโทรม ไม่รู้จักคิดจัดหาใหม่

แม้พม่าจะถูกสหรัฐฯควํ่าบาตรทางเศรษฐกิจ ลำบากสาหัสกว่าไทยเยอะ แต่รัฐบาลพม่าก็ไม่ย่อท้อ ไปขอความช่วยเหลือจากรถไฟจีน นำเข้าชิ้นส่วนหัวรถจักรจากจีน ขอความช่วยเหลือจากวิศวกรจีน ช่วยสอนวิธีประกอบรถไฟให้ วันนี้วิศวกรรถไฟพม่าประกอบหัวรถจักรดีเซล รุ่น DF 1200-1 ขนาด 1200 แรงม้า ได้สำเร็จแล้ว และกำลังจะประกอบหัวรถจักรขนาด 2000 แรงม้าต่อไป

กระทรวงรถไฟพม่าบอกว่า การเปิดใช้ระบบรางคู่ ทำให้สามารถสวนทางกันได้ตลอดระยะทาง 620 กิโลเมตร ช่วยย่นเวลาการเดินทางระหว่างสองเมืองได้อย่างมาก และการพัฒนาขีดความสามารถของวิศวกรรถไฟพม่า จนสามารถประกอบหัวรถจักรเองได้ ก็เพื่อให้พม่าสามารถพึ่งตนเองได้

วันหลังบอร์ดรถไฟ กระทรวงคมนาคม และกรรมาธิการคมนาคม จะผลาญเงินไปดูงานรถไฟที่เมืองนอกอีก ผมว่าไม่ต้องไปดูไกลที่ไหน ไปดูที่ประเทศพม่านี่แหละ ไปดูที่ญี่ปุ่นยุโรปเสียเงินแพงเปล่า ไม่มีอะไรเข้าสมองคนพวกนี้มาเลย

ถ้ารถไฟไทยยังเป็นอยู่อย่างนี้ อีกไม่ช้าผมเชื่อว่า “รถไฟไทย” จะ “แพ้รถไฟลาว” และ “แพ้รถไฟเขมร” ไม่ต้องไปพูดถึงเวียดนามอีกแล้ว เพราะอีกห้าปีข้างหน้า เวียดนามจะมีรถไฟความเร็วสูง เชื่อมกรุงฮานอยกับโฮจิมินห์ซิตี้แล้ว

น่าเศร้าใจจริงๆ นะครับ

นักการเมืองไทยเก่งสุดอยู่สองอย่าง คือ คอรัปชันและกัดกันเองอย่างที่เห็นนี่แหละ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

 

 


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: nine รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 27, 2007, 07:03:15 AM
ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆ...อย่างที่บอกนั่นแหละครับนักการเมืองไทยเก่งอยู่สองอย่าง..ขนาดทุกวันนี้ก็ยังกัดกันไม่เลิก...น่าเศร้าใจแทนคนไทยทั้งประเทศ...อีกหน่อยประเทศ พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา คงมองไทยเหมือนที่เราเคยมองเค้า....


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: nine รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 27, 2007, 07:04:09 AM
ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆ...อย่างที่บอกนั่นแหละครับนักการเมืองไทยเก่งอยู่สองอย่าง..ขนาดทุกวันนี้ก็ยังกัดกันไม่เลิก...น่าเศร้าใจแทนคนไทยทั้งประเทศ...อีกหน่อยประเทศ พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา คงมองไทยเหมือนที่เราเคยมองเค้า....


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ กรกฎาคม 27, 2007, 04:22:12 PM
ระบบ ในบ้านเรา เป็นระบบ เกื้อหนุน  บุญคุณต้องทดแทน ครับ
ถ้าตัด ละ เลิก ได้  เราจะรุดหน้าไปอีกไกล
ตราบใด ถ้า ระบบ เหล่านี้ ยังอยู่ ก็ยาก ที่จะพัฒนาอะไร
เห็นใครดีกว่า ก็ไม่ได้  ข้ามหน้าข้ามตา
แทนที่จะพัฒนา ก็ดองซะงั้น
แล้วจะไปทำอะไร ล่ะครับ
ใครเคยทานอาหารที่ตู้เสบียง จะรู้ดีครับ
เปลี่ยนมากี่ยุคสมัย  ก็ยังเหมือนเดิม
เพราะคนที่ประมูลได้ ก็พยายามที่จะลดต้นทุนต่อหน่วยลง
เพื่อผลประโยชน์ตอบแทน ที่ประมูลได้


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: R2D2 ที่ กรกฎาคม 27, 2007, 04:52:33 PM
ก็ ร.ฟ.ท.เป็นรถไฟรางขี้นี่คับ คนละระบบกัน จะเอาไปเปรียบเทียบกับรถไฟรางคู่ย่อมไม่ได้  ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: HogHeaven ที่ กรกฎาคม 27, 2007, 08:00:16 PM
อีกหน่อยก็แพ้ทุกชาติแหละครับ เพราะมัวแต่ทะเลาะกันเองอยู่ได้ ทุกฝ่ายมัวแก่งแย่งผลประโยชน์


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: @ NaZaReth >>> ที่ กรกฎาคม 27, 2007, 08:21:47 PM
รถไฟความเร็วสูง....อีกสามสิบปี จะมีวิ่งในบ้านเรารึเปล่า.... :-\ :-\


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: แจ็ค ที่ กรกฎาคม 27, 2007, 08:35:39 PM

....... ยามใดที่รถไฟบอกว่าขาดทุน ผมเห็นในภาพคนแน่นแทบทุกขบวน  ไม่เข้าใจเหมือนกัน ........



หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: CyberMan ที่ กรกฎาคม 27, 2007, 09:18:58 PM
พูดถึงรถไฟนี่... สมัยเด็กๆ ผมชอบมากที่สุดเลยครับ จำได้ว่าชอบรบเร้าให้พ่อพาไปรอดูที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว
หัวรถจักรพวกนี้อายุมากกว่าตัวผมอีก แต่ไม่น่าเชื่อว่าทุกวันนี้ ก็ยังมีวิ่งปุเลงๆ บางคันผุกร่อนเป็นสนิมหมดแล้ว...


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: PPM ที่ กรกฎาคม 27, 2007, 10:53:34 PM
ก็ ร.ฟ.ท.เป็นรถไฟรางขี้นี่คับ คนละระบบกัน จะเอาไปเปรียบเทียบกับรถไฟรางคู่ย่อมไม่ได้  ;D
ชอบ คำนี้มากๆครับ เคยมีประสบการณ์ตรงสมัยวัยรุ่น นึกแล้วยังขำไม่หาย  ชอบยืนบันไดรถไฟครับ สมัยเรียนปวช. เค้าว่ามันโครตเท่ห์เลย โดนไปเต็มๆครับ ช่วงทางโค้ง ยามเมื่อลมพัดหวน  เต็มขาเลยครับ ทั้งเม็ดพริก กับฟักทองบด สงสัยคนปล่อยมันท้องใส้ไม่ดี   ตั้งแต่นั้น ไม่กล้ายืนที่บันไดอีกเลย ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กรกฎาคม 27, 2007, 10:57:40 PM
ผมว่าคนเขียนมองมุมด้านลบมุมเดียวของ รฟท. ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ...........

แต่คนเขียนไม่ได้มองว่า ระบบคมนาคมทางถนน ระหว่างเมืองต่อเมืองของบ้านเรา ดีกว่าพม่าหลายเท่านัก................

ประเทศที่ระบบถนนไม่ดี...........ประชาชนจะใช้รถไฟมาก เช่น อินเดีย และพม่า(ซึ่งถือว่าดีที่พัฒนารถไฟก่อนอินเดีย)................



หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: โจ ที่ กรกฎาคม 28, 2007, 06:04:53 PM
ผมว่าคนเขียนมองมุมด้านลบมุมเดียวของ รฟท. ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ...........

แต่คนเขียนไม่ได้มองว่า ระบบคมนาคมทางถนน ระหว่างเมืองต่อเมืองของบ้านเรา ดีกว่าพม่าหลายเท่านัก................

ประเทศที่ระบบถนนไม่ดี...........ประชาชนจะใช้รถไฟมาก เช่น อินเดีย และพม่า(ซึ่งถือว่าดีที่พัฒนารถไฟก่อนอินเดีย)................



เห็นด้วยกับท่านผู้การมะขิ่นครับ หากมองแค่มุมเดียวก็อาจจะได้ข้อมูลผิดพลาด

ทุกวันนี้ อินเดียก็ยังใช่ระบบรถไฟแบบโบราณ ซึ่งวิ่งช้ากว่าบ้านเราเยอะ แถมมีอุบัติเหตุทางรถไฟก็เยอะมาก เพราะไม่มีการจัดระเบียบ เลยทำให้รถไฟวิ่งเร็วไม่ได้ (บ้านเราก็เหมือนกัน แต่ดีกว่า)

แต่เรื่องเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ หรือ เรื่องยารักษาโรค อินเดียจัดได้ว่าเก่งเป็นอันดับโลก

จริงๆบ้านเรามีข้อดีหลายด้าน แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจและใส่ใจ อาทิเช่น การเกษตร การประมง


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 28, 2007, 06:27:19 PM
coruption


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: ตะบันไฟ ที่ กรกฎาคม 28, 2007, 08:22:57 PM
เรื่องอื่นไม่รู้เลยครับ  รู้แต่ว่าผมชอบนั่งรถไฟมาก  :VOV:


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: rockguns ที่ กรกฎาคม 28, 2007, 08:33:46 PM
วันนี้เป็นอีกวันที่รถไฟแบกคนกลับบ้านต่างจังหวัด ตอนปลายเดือนอย่างใครทราบบ้างรายได้รถไฟเป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับวันปกติ ไม่ได้ใช้นานแล้ว :) :) :) :)


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: RouRou_Mel - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 29, 2007, 12:13:29 AM
ขอมองคนละมุมกับผู้เขียนครับ
ผมไม่นำเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องครับ

เหตุที่รถไฟไทย ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้
ทำไม่เราไม่มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างเมืองบ้าง เช่น กรุงเทพ - เชียงใหม่
คำตอบง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องการเมืองครับ
เพราะทำแล้วไม่คุ้มทุน ถ้าทำจริงค่าตั๋วรถไฟคงประมาณ 10,000 บาท ขึ้นไป

ระบบรถไฟไม่ใช่ราคาถูกๆจนใครคิดว่าจะทำก็ได้ครับ
เราลองมาดูพวกรถไฟดังๆในประเทศเหล่านี้บ้าง พวกนี้เป็นเจ้าเทคโนโลยีรถไฟ
พวกนี้มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างเมือง แต่คนในประเทศเหล่านั้น เขาไม่นิยมเดินทางด้วยรถไฟกัน
เช่น

ญี่ปุ่น
รถไฟจรวด ซินคังเซ็ง ที่วิ่งได้เร็วกว่า 200 กม. ต่อ ชั่วโมง
แต่คนญี่ปุ่นไม่นิยมใช้กัน ส่วนมากจะนั่งเครื่องบินมากกว่า เพราะค่าตั๋วเครื่องบิน ถูกกว่ารถไฟ 2-3 เท่า
คนที่ใช้บริการส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ
รถไฟจรวดขาดทุนทุกปี แต่ไม่เลิกกิจการเพราะรัฐบาลช่วยสนับสนุน เป็นการรักษาหน้ามากกว่า
เหมือนกันเกาหลีไต้
ตอนนี้ญี่ปุ่นพัฒนารรถไฟให้วิ่งได้ 300 กว่าๆ แต่ก็ใช้แล้วก็ยังสู้เครื่องบินไม่ได้เพราะ
ระบบรางมันเป็นรางเก่า พอเจอทางเลี้ยวก็ต้องลดความเร็วอยู่ดี
ถ้าจะให้วิ่งได้ 300 กว่า ต้องสร้างรางใหม่ทั้งหมด สุดท้ายก็ต้องวิ่งแค่ 200 เท่ากับของเดิม

ฝรั่งเศษ + อังกฤษ
TGV รถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก เชื่อม London กับ Palis
ก็ไม่เป็นที่นิยม เพราะค่าตั่วแพงกว่าเครื่องบินหลายเท่า
เพราะนอกจากราคาระบบรถไฟที่แพงระยับแล้ว ว่ากันว่ารถไฟคันนึงแพงกว่าเครื่องบินอีก
อีกอย่างที่แพงก็คือ ค่า ตรวจเช็คระบบราง และ ค่าบำรุงรักษา
โดยเฉราะตรวจระบบรางนั้นแพงมากๆ เพราะก่อนที่ TGV จะวิ่งทุกครั้งก็ต้องมีรถตรวจรางวิ่งไปก่อน
หลังวิ่งก็ต้องมีการเช็คว่ารางมีการเคลื่อนตัวหรือเปล่า
การตรวจต้องถี่ยิบ แบบพลาดไม่ได้
เพราะถ้ารางเคลื่อนแค่ 1-2 เช็นติเมตร แล้วไม่มีการครวจเช็ค หรือ ตรวจไม่เจอ ทำให้รถไฟตกรางได้
ลองนึกภาพซิครับว่ารถไฟที่วิ่ง 400 กม. ต่อชั่วโมง ตกรางแล้วจะเป็นอย่างไร
จุดอ่อนของราง TGV อยู่ที่ อุโมงค์ลอดช่องแคบอังกฤษ เพราะอุโมงค์มีการเคลื่อนตัว รถยนต์จะไม่รู้สึกอะไร
แต่รางรถไฟมันไม่ได้ รางช่วงนั้นมี Censor อยู่ทุดจุด (ก็เป็นค่าใช้จ่ายทั้งนั้น)
TGV ก็กลายเป็นรถไฟโชว์ เทคโนโลยี ไปเหมือนญี่ปุ่น

เยอรมัน
คิดรถไฟแม่เหล็กที่วิ่งได้ประมาณ 500 กม. ต่อ ชั่วโมง
แต่ตัวเองไม่ใช่ ขายให้จีนนำมาวิ่งระหว่างสนามบิน Pudong ไปเมือง เซี่ยงไฮ้ ระยะทางไม่กี่กิโลเมตร
ที่เยอรมันไม่ใช้เพราะรถไฟมัน "เลี้ยว" เป็นวงแคบๆไม่ได้
ถ้าจะให้เลี้ยวได้ 90 องศา รัศมีวงเลี้ยวอาจจะประมาณ 20 กิโลเมตร

 


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: Dexphet ที่ กรกฎาคม 29, 2007, 01:12:59 AM
จริงครับค่ารถไฟ  ในต่างประเทศแพงมากครับ
แต่รถไฟในบ้านเราอยากให้ดูแล  เรื่องสุขอนามัย
ของห้องน้ำและตู้สะเบียงก็พอครับ ไม่ต้องถึงขนาด
เปลี่ยนรถไฟใหม่หรอก  8)


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: SigPro-รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 29, 2007, 02:06:10 AM
   เห็นด้วยกับข้อความข้างต้นครับ  ค่าโดยสารรถไฟในต่างประเทศแพงกว่าค่าเครื่องบินเยอะ  แถมใช้เวลานานกว่าด้วยครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: ARMSCOR ที่ กรกฎาคม 29, 2007, 10:46:52 AM
ขอมองคนละมุมกับผู้เขียนครับ
ผมไม่นำเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องครับ

เหตุที่รถไฟไทย ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้
ทำไม่เราไม่มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างเมืองบ้าง เช่น กรุงเทพ - เชียงใหม่
คำตอบง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องการเมืองครับ
เพราะทำแล้วไม่คุ้มทุน ถ้าทำจริงค่าตั๋วรถไฟคงประมาณ 10,000 บาท ขึ้นไป

ระบบรถไฟไม่ใช่ราคาถูกๆจนใครคิดว่าจะทำก็ได้ครับ
เราลองมาดูพวกรถไฟดังๆในประเทศเหล่านี้บ้าง พวกนี้เป็นเจ้าเทคโนโลยีรถไฟ
พวกนี้มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างเมือง แต่คนในประเทศเหล่านั้น เขาไม่นิยมเดินทางด้วยรถไฟกัน
เช่น

ญี่ปุ่น
รถไฟจรวด ซินคังเซ็ง ที่วิ่งได้เร็วกว่า 200 กม. ต่อ ชั่วโมง
แต่คนญี่ปุ่นไม่นิยมใช้กัน ส่วนมากจะนั่งเครื่องบินมากกว่า เพราะค่าตั๋วเครื่องบิน ถูกกว่ารถไฟ 2-3 เท่า
คนที่ใช้บริการส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ
รถไฟจรวดขาดทุนทุกปี แต่ไม่เลิกกิจการเพราะรัฐบาลช่วยสนับสนุน เป็นการรักษาหน้ามากกว่า
เหมือนกันเกาหลีไต้
ตอนนี้ญี่ปุ่นพัฒนารรถไฟให้วิ่งได้ 300 กว่าๆ แต่ก็ใช้แล้วก็ยังสู้เครื่องบินไม่ได้เพราะ
ระบบรางมันเป็นรางเก่า พอเจอทางเลี้ยวก็ต้องลดความเร็วอยู่ดี
ถ้าจะให้วิ่งได้ 300 กว่า ต้องสร้างรางใหม่ทั้งหมด สุดท้ายก็ต้องวิ่งแค่ 200 เท่ากับของเดิม

ฝรั่งเศษ + อังกฤษ
TGV รถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก เชื่อม London กับ Palis
ก็ไม่เป็นที่นิยม เพราะค่าตั่วแพงกว่าเครื่องบินหลายเท่า
เพราะนอกจากราคาระบบรถไฟที่แพงระยับแล้ว ว่ากันว่ารถไฟคันนึงแพงกว่าเครื่องบินอีก
อีกอย่างที่แพงก็คือ ค่า ตรวจเช็คระบบราง และ ค่าบำรุงรักษา
โดยเฉราะตรวจระบบรางนั้นแพงมากๆ เพราะก่อนที่ TGV จะวิ่งทุกครั้งก็ต้องมีรถตรวจรางวิ่งไปก่อน
หลังวิ่งก็ต้องมีการเช็คว่ารางมีการเคลื่อนตัวหรือเปล่า
การตรวจต้องถี่ยิบ แบบพลาดไม่ได้
เพราะถ้ารางเคลื่อนแค่ 1-2 เช็นติเมตร แล้วไม่มีการครวจเช็ค หรือ ตรวจไม่เจอ ทำให้รถไฟตกรางได้
ลองนึกภาพซิครับว่ารถไฟที่วิ่ง 400 กม. ต่อชั่วโมง ตกรางแล้วจะเป็นอย่างไร
จุดอ่อนของราง TGV อยู่ที่ อุโมงค์ลอดช่องแคบอังกฤษ เพราะอุโมงค์มีการเคลื่อนตัว รถยนต์จะไม่รู้สึกอะไร
แต่รางรถไฟมันไม่ได้ รางช่วงนั้นมี Censor อยู่ทุดจุด (ก็เป็นค่าใช้จ่ายทั้งนั้น)
TGV ก็กลายเป็นรถไฟโชว์ เทคโนโลยี ไปเหมือนญี่ปุ่น

เยอรมัน
คิดรถไฟแม่เหล็กที่วิ่งได้ประมาณ 500 กม. ต่อ ชั่วโมง
แต่ตัวเองไม่ใช่ ขายให้จีนนำมาวิ่งระหว่างสนามบิน Pudong ไปเมือง เซี่ยงไฮ้ ระยะทางไม่กี่กิโลเมตร
ที่เยอรมันไม่ใช้เพราะรถไฟมัน "เลี้ยว" เป็นวงแคบๆไม่ได้
ถ้าจะให้เลี้ยวได้ 90 องศา รัศมีวงเลี้ยวอาจจะประมาณ 20 กิโลเมตร

 
    ;D ;D  ผมเข้าใจว่า จขกท. เขาพูดถึงรถไฟรางคู่นะครับ เพราะประเทศพม่าไม่มีรถไฟความเร็วสูงอยู่แล้ว   แต่พูดไปพูดมาทำไมกลายเป็นรถไฟความเร็วสูงไปได้ละครับ  ::) ::)


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: Dexphet ที่ กรกฎาคม 29, 2007, 05:41:08 PM
กระจกหกด้านครับผม  ;D ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กรกฎาคม 29, 2007, 05:55:06 PM
เปรียบเทียบรถไฟแต่ละประเทศนี่
วุ่นครับ

ยอมรับว่าการพัฒนาของทุกชาติเมื่อสักก่อนสงครามโลกครั้งที่1
รถไฟเป็นเครื่องมือในการพัฒนานำความเจริญไปสู่ชนบทอย่างแท้จริง....
หลายประเทศ มีรถไฟใช้ (รถไฟของทุกชาติเหมือนกันคือเป็นของรัฐบาล)

ปัจจุบันเรามีทางรถยนต์ที่สะดวกสบายกว่า แถมถนนตัดผ่านถึงหน้าบ้าน
 แต่รางรถไฟ มิสามารถวิ่งผ่านหน้าบ้านได้ทุกบ้าน

ส่วนปัจจุบัน การที่พม่าริเริ่มทำรถไฟรางคู่ มิได้หมายความว่าเขาจะนำหน้าเรานะครับ
แต่เขากำลังเริ่มต้นต่างหาก...



หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: นายฉาบฉวย ที่ กรกฎาคม 29, 2007, 06:04:19 PM
ถ้าจะพัฒนาแบบพอเพียง...เอาแค่รางปัจจุบัน กว้าง 1 เมตรนี่รับความเร็วได้ 120 km/h
ความเร็วปลอดภัยที่เขียนไว้ข้างโบกี้ 90 km/h แต่ช่วยกรุณาำรางคู่หน่อยได้ไหมครับ
....บางครั้งต้องหยุดรอหลบกันเกือบชั่วโมง ไร้สาระมาก  ???

...ถ้ามีรางคู่ กทม-ปากช่อง 170 กม. จะใช้เวลาวิ่งเท่าๆกับรถทัวร์...น่าสนใจ... 8)


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ กรกฎาคม 29, 2007, 07:17:04 PM
เรื่องระบบการขนส่งคนและสินค้าที่เป็นแมส กับ รถไฟความเร็วสูงกับเครื่องบินนี่คนละเรื่องกันครับ รถไฟความเร็วสูงจะเป็น segment เดียวกับเครื่องบินที่เน้นความรวดเร็วสะดวกสบาย ซึ่งเมื่อเทียบกับการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ทางรถยนต์และรถไฟธรรมดา(ความเร็วประมาณ100-150 กม./ชม.)แล้ว คิดเป็นจำนวนไม่ถึง10% ด้วยซ้ำ ซึ่งประเทศพัฒนาแล้วในยุโรป อย่างเวลาจะซื้อของกินในวันอาทิตย์ หรือตอนดึกๆนี่ หาทั้งเมืองก็ไม่เจอ มีอยู่ที่เดียวคือสถานีรถไฟ และสถานีรถไฟเขาจะทำรางลอดอุโมงค์เข้ามาอยู่กลางเมืองเลย สาเหตุที่เขาใช้รถไฟ ในการขนส่งเป็นหลักสาเหตุหลักคือ 1.ประหยัดเชื้อเพลิงกว่าใช้รถบรรทุกหรือรถทัวร์หลายสิบเท่า 2.ลดปัญหาจราจรและอุบัติเหตุ มีความปลอดภัยสูง 3.ตรงต่อเวลาจัดการบริหารการขนส่งได้ง่าย
ถ้าประเทศไทยสร้างรางรถไฟรางคู่ทั้งประเทศ(ลงทุนทั้งระบบประมาณ2แสนล้านบาท) บวกกับระบบรถไฟใต้ดินบนดินในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล(ลงทุนทั้งระบบประมาณ5แสนล้านบาท)ปีหนึ่งเราจะประหยัดเงินค่านำเข้าน้ำมัน(วันละ8แสนบาเรล ปีละเกือบล้านล้านบาท) ค่ารถยนต์สำเร็จรูปที่นำเข้า ค่าชิ้นส่วนและวัตถุดิบในอุตสาหกรรมรถยนต์(ปีละ6แสนกว่าคันก่อนฟองสบู่แตกปีละ8แสนคัน) ซึ่งในปัจจุบันคนไทยที่พอมีฐานะจำเป็นจะต้องซื้อรถยนต์เพราะไม่มีใครอยากนั่งรถเมล์แล้วติดหลายๆชั่วโมงในแต่ละวัน น้ำมันเชื้อเพลิงก็ประหยัดได้เกินครึ่งหนึ่งจากที่ใช้ในปัจจุบัน(เปรียบเทียบแล้วรถไฟขนส่งสินค้าจะใช้น้ำมันน้อยกว่าใช้รถบรรทุกได้15-20 เท่า)ได้ปีละประมาณ เกือบล้านล้านบาท
เงินจำนวนนี้มากกว่ายอดได้เปรียบดุลการค้าของประเทศไทยทั้งปีด้วยซ้ำ คิดง่ายๆ ยอดนำเข้าคือยอดซื้อ ยอดส่งออกคือยอดขาย ยอดเงินได้เปรียบดุลการค้าก่อนหักค่าใช้จ่าย ถ้าเราลดยอดนำเข้าเชื้อเพลิงและรถยนต์สำเร็จรูปและวัตถุดิบได้ เท่ากับประเทศไทยจะมีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น2 เท่าในปัจจุบันทีเดียว แค่ยอดนำเข้าน้ำมันและรถยนต์ปีเดียวที่ประหยัดได้ก็คุ้มกับที่ลงทุนระบบรถไฟในเมืองและระหว่างเมืองทั้งประเทศแล้วครับ
แต่เกินเป็นคนไทยคงได้แต่ฝันว่าสักวันประเทศเราจะเจริญเท่ากับประเทศในอันดับต้นๆของโลก เพราะ พ่อค้าน้ำมัน นายทุนอุตสาหกรรมรถยนต์ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่เป็นนายทุนให้พรรคการเมืองคงไม่ยอมให้เกิดขึ้นง่ายๆหรอกครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: RouRou_Mel - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 31, 2007, 10:12:55 PM
ขอมองคนละมุมกับผู้เขียนครับ
ผมไม่นำเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องครับ

เหตุที่รถไฟไทย ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้
ทำไม่เราไม่มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างเมืองบ้าง เช่น กรุงเทพ - เชียงใหม่
................TGV ก็กลายเป็นรถไฟโชว์ เทคโนโลยี ไปเหมือนญี่ปุ่น
 
;D ;D ผมเข้าใจว่า จขกท. เขาพูดถึงรถไฟรางคู่นะครับ เพราะประเทศพม่าไม่มีรถไฟความเร็วสูงอยู่แล้ว แต่พูดไปพูดมาทำไมกลายเป็นรถไฟความเร็วสูงไปได้ละครับ ::) ::)

ด้วยความเคารพเจ้าของกระทู้ และทุกความเห็นครับ

ที่ผมเขียนเรื่องรถไฟความเร็วสูง เพราะไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อบทลงท้ายของคุณลมเปลี่ยนทิศ ครับ
ถ้ารถไฟไทยยังเป็นอยู่อย่างนี้ อีกไม่ช้าผมเชื่อว่า “รถไฟไทย” จะ “แพ้รถไฟลาว” และ “แพ้รถไฟเขมร”
ไม่ต้องไปพูดถึงเวียดนามอีกแล้ว เพราะอีกห้าปีข้างหน้า เวียดนามจะมีรถไฟความเร็วสูง เชื่อมกรุงฮานอยกับโฮจิมินห์ซิตี้แล้ว

พิจารณาว่า เวียดนาม จะมีรถไฟความเร็วสูง มันยังเป็นเรื่องในฝันอยู่
อย่างที่ผมเขียนไปแล้ว ที่ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, อังกฤษ และเยอรมัน
เรื่องค่าใช้จ่ายโครงการ และค่าโดยสาร
ระยะทางจาก ฮานอย ไป โฮจิมินห์ 1,000 กว่ากิโลเมตร ยาวกว่า TGV อีก
ต้องผ่านที่ราบลุ่ม และเทือกเขาสูงตอนกลาง (ประมาณดานัง)
ค่าก่อสร้างมหาศาลมากกว่าที่ชาติเกษตรอย่างเราจะลงทุนทำได้ 

ส่วนตัวผมแล้วผมไม่ชอบการเขียนเรื่องนี้ ของ “คุณลมเปลี่ยนทิศ” นี้เท่าไร
ผมไม่ได้ดูถูกเวียดนาม ลาว พม่า และ กัมพูชา ว่าไม่สามารถตามทันไทย และเอาชนะเราได้
ในทางเดียวกัน
ผมก็ไม่ได้ดูถูกศักยภาพของคนไทย ว่าจะอ่อนแอ หรือไร้ความสามารถ
หากคุณสมรักษ์ คำสิงห์ และ นักกีฬาอีกหลายๆท่านคิดแบบคุณลมเปลี่ยนทิศ เราคงไม่เห็นเหรียญทองโอลิมปิก

และ ผมว่ารัฐบาลไทย ดูดีกว่า รัฐบาลทหารพม่า หลายเท่าครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: RouRou_Mel - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 31, 2007, 10:20:18 PM
วกกลับมาเรื่องรถไฟรางคู่ของพม่า

ผมไม่ทราบว่าคุณลมเปลี่ยนทิศได้ไปเห็นรถไฟพม่าแล้วหรือยัง
หรือ นั่งเทียนเขียน
หรือ แค่อ่านจากหนังสือพิมพ์ที่เป็นสื่อ(โฆษณาชวนเชื่อ)ของรัฐบาลทหารพม่า

ประสบการณ์ผมกับรถไฟของพม่านั้น ไม่เหมือนกับของคุณลมเปลี่ยนทิศเลยครับ
รถไฟพม่าที่วิ่ง กรุงย่างกุ้ง-กรุงปิ่นมานา-กรุงมัณฑะเลย์
เมือง ปิ่นมานา มัณฑะเลย์ เป็นเมืองเล็กเทียบเท่าขนาดอำเภอขนาดกลางของไทย แม้ว่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยวก็ตาม

รางรถไฟรางคู่ของพม่าสภาพเก่ามากๆ เพราะเป็นรางที่สร้างสมัยอังกฤษปกครองพม่า
อังกฤษเอามาใช้ขน (ปล้น) ทรัพยากรจากพม่า ซึ่งเป็นเมืองขึ้น

ปีที่แล้วเพื่อนผมไปเที่ยวเมืองพะโค (ภาษาอังกฤษเรียกว่า Bago หรือ สี่ร้อยปีก่อนเรียกว่า หงสาวดี)
เล่าให้ฟังได้นั่งรถไฟสายนี้ด้วย เขาบอกว่านั่งโยกเยก เหมือนนั่งเรือด่วนในแม่น้ำเจ้าพระยา
แสดงว่าระบบรถรางของพม่า อยู่ในอาการ “โคม่า”

รางคู่ที่ว่าสร้างใหม่นั้น เป็นรางรถไฟเก่าจากอินเดีย
(ไม่รู้ว่าอินเดีย รื้อรางเก่าแล้วขายต่อให้พม่า หรือ เอารางที่เก็บไว้ในโกดังมาขาย)

ผมไปเจอ Link ที่ผู้รู้จริงในเรื่องนี้ เขียนบรรยายไว้ดีมาก ลองไปอ่านดูครับ
http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&p=36260

http://www.thaitransport-photo.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2780#47862

Australia รถไฟเชื่อมระหว่าง Melbourne กับ Sydney ยังเป็นรางเดี่ยวอยู่ครับ
แถมวิ่งแค่วันละสองเที่ยว เช้า และ เย็น
 


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 02, 2007, 10:32:55 AM
ลองไปเที่ยวหลายๆ เมือง/ระหว่างเมืองในพม่าสิครับ จะรู้ว่าใครก้าวหน้ากว่าเรื่องคมนาคม เอายาทาแก้ปวดคอเวลาเดินทางไปด้วยนะครับ..


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: Dexphet ที่ สิงหาคม 02, 2007, 05:03:46 PM
หรือว่าเขาเขียนเปรยๆเพื่อกระตุ้นต่อม......รัฐบาลไม่ทราบครับ  ::)


หัวข้อ: Re: เรื่องของรถไฟ..
เริ่มหัวข้อโดย: apc275 ที่ สิงหาคม 04, 2007, 12:31:59 AM
 :P :P :P :P :P :P :P :P :P :P :P