เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

จับคนร้ายฆ่าเจ้าสำนักสงฆ์ชิงพระสมเด็จฯ
ตำรวจบุกรวบคนร้าย ฆ่าเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ ชิงพระสมเด็จวัดระฆัง ผู้ต้องหารับสารภาพ เมาสุรา และขึ้นไปขอเงิน สบโอกาส ใช้ครกหินทุบหัวดับ


กรณีคนร้ายใช้ครกหินทุบศรีษะ พระดำ ถาวโร(มาลัยทอง) หรือหลวงพ่อดำ อายุ 75 ปี เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ เขาพุคำ หมู่ 9 ต.วังคัน อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ศิษย์เอกหลวงพ่อมุ๋ย เสียชีวิตคาสำนักฯ หลังก่อเหตุได้ขโมยพระสมเด็จวัดระฆังหลบหนีไป ตำรวจคาดว่า คนร้ายน่าจะเป็นเซียนพระคนรู้จักมาขอดูพระ เมื่อเห็นเป็นของแท้ เลยเกิดความโลภ ฆ่าชิงพระสมเด็จวัดระฆัง หรืออาจเป็นวันรุ่นติดยาในหมู่บ้าน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบเกี่ยวกับคดีนี้ เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 14 มิ.ย. พ.ต.อ.อุดม แย้มนวล ผกก. สภ.อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า ขณะนี้ทราบแล้วว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมีทั้งหมด 4 คน คือ ด.ช.กฤษดา หรือแบ็งค์ ปิ่นทอง อายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 9 ต.วังคัน อ.ด่านช้าง นายณรงค์ หรือต้อม เนียมเย็น อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ 9 ต.วังคัน อ.ด่านช้าง นายอิทธิพล จุ้ยเปี่ยม อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 9 ต.วังคัน อ.ด่านช้างและนายไกรสร คงมะกล่ำ อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 341 หมู่ 9 ต.วังคัน อ.ด่านช้าง

และสามารถจับกุมคนร้ายได้ที่ ซอยเสือใหญ่ อุทิศ เขตลาดพร้าว กทม. แล้วจำนวน 2 คน คือ ด.ช.กฤษดา และนายณรงค์ ทั้งสองคน ให้การรับสารภาพว่า คืยเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาประมาณ 01.00 น.ของวันที่ 11 มิ.ย. พวกตนทั่ง 4 คน เมาสุรา ได้ขึ้นไปที่สำนักสงฆ์ เพื่อขอเงินผู้ตายจำนวน 100 บาท ไปซื้อสุรา และได้ฉวยโอกาสขณะผู้ตายหยิบเงินให้ทำร้ายผู้ตาย โดยนายอิทธิพล ซึ่งเป็นลูกพี่ใหญ่ เป็นผู้ลงมือเตะกระทืบผู้ตาย จนสลบ

หลังจากนั้นพวกตนจึงได้ช่วยกันใช้ราวบันไดปูน และครกหิน ทุบหลวงพ่อดำ จนเสียชีวิต :OOแล้วพากัน เข้าไปรื้อค้นทรัพย์สิน ไปแบ่งกันที่บ้านของนายอิทธิพล มีเงินสด 700 บาท และพระเครื่องอีกประมาณ 20 องค์ ซึ่งพวกตนไม่รู้ว่าเป็นพระรุ่นไหนบ้าง โดยได้เอาไปขายให้กับแผงพระในเขต กทม.ส่วนหนึ่ง ส่วนพระเครื่องอีกส่วนหนึ่งนายอิทธิพล และนายไกรสร เอาไป นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามรถยึดพระเครื่องของกลางได้ 2 องค์ คือเหรียญกษาปณ์ และสมเด็จวัดระฆัง ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นของปลอม

พ.ต.อ.อุดม กล่าวอีกว่า คดีนี้ชุดสืบสวนและสายตรวจ ได้เข้าหาข่าวในพื้นที่จนทราบว่ากลุ่มคนร้ายเป็นใคร เพราะได้รับความร่วมมือจาก นางเจริญ ปิ่นทอง มาดา ด.ช.กฤษดา และนางบัวลอย มารดา นายณรงค์ ได้การให้ข้อมูลและเบาะแส จนได้ตัวผู้ต้องหา ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 2 คน จะได้ออกหมายจับต่อไป

ดีครับ  ลงตรงๆ ไม่ต้องใช้นามสมมุติ  ;)

ที่ข่าวอื่นดันปิด...ใช้ชื่อสมมุติ.. ???

พี่ต้อมครับ...

ฝากไว้เพิ่มเติมครับ...

คือสงสัยอ่ะครับ...คนที่เป็นคนร้าย ( ทั้ง 4 คน ) แสดงว่าเป็นคนที่หมู่บ้านนั้น ( หมู่ 9)

ก็คือคนในพื้นที่...สำนักสงฆ์นี้มีหลวงพ่ออยู่รูปเดียวหรือครับ...

มีพระ  มีเณรหรือเปล่าครับ (ผมยังไม่ได้อ่านข่าว)...

แล้วดึกขนาดนั้น...เข้าไปที่วัด   มันน่าคิดนะครับ....

แสดงว่าคนร้ายเป็นลูกหลานของหลวงพ่อหรือเปล่า....

 แล้วคนที่จะกระทืบพระสงฆ์องค์เจ้า....

แสดงว่าเป็นคนที่ไม่ธรรมดา  ( เหี้..ยโดยกำเหนิด)

และต้องมีความแค้นต่อกันหรือเปล่า....

มันต้องมีเบื้องหน้า...เบื้องหลังแน่ ๆ เลย....พี่ต้อมว่าจริงไหม

เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาต่อครับ...


                                                                       คารวะ

โอ้วววววววว  แย่จัง  >:( >:(

สังคมทุกวันนี้ เป็นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ :(

อายุ 14 ปีทำผิด อื่ม ติดคุกคงไม่นานครับกฎหมายคุ้มครองอยู่.....ก็หวังแต่ว่าออกจากสถานดันสันดานแล้วจะกลับเนื้อกลับตัว....เพราะถ้าไม่....ผมพูดได้แค่ว่า "น่ากลัวครับ" :P

 :-[ :-[ :-[ :-[

คุณต้อม นั่งทำงานที่สำนักงานข่าวแห่งชาติแหง๋

 ;D คิดว่าคุณต้อมจะให้อ่านตรงนี้...  ;D

;D ;D

ทำอย่างนี้ จิตใจน่าจะไม่ใช่เด็กแล้วมั้ง อย่างโทษน่าจะเท่าผู้ใหญ่นะครับ ???

สวัสดีครับ

อายุ 14 ปีนี่...ทางกฎหมายยังถือว่าเป็นเยาวชน ...การดำเนินคดีกับบุคคลอายุเท่านี้  ไม่เหมือนกับดำเนินคดีผู้ใหญ่ ที่เกินกว่า 20 ปี   เรื่องติดคุก...ไม่สามารถทำได้  อย่างเก่งก็ให้ควบคุมไว้ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก หรือสถานกักกันเด็กที่เห็นอยู่ทั่วไป เช่น บ้านเมตตา บ้านกรุณา  จัดการฝึกหัดอาชีพ และสอนความรู้ทางสามัญศึกษา...ถ้าประพฤติดี..สังคมควรให้อภัย

แต่เรื่องนี้....ผมขอโทษผู้ปกครอง...เพราะเด็กไม่ได้รับการดูแลตามสมควร...ต้องเอาโทษผู้ปกครองด้วย...จะได้ไม่ทำให้เกิดมาแล้วปล่อยไปตามมีตามกรรม......สังคมก็เดือดร้อน..

ต่อไปต้องมีสอบขออนุญาตมีบุตร