เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: big single ที่ ตุลาคม 20, 2007, 10:23:47 PM



หัวข้อ: เอาเรื่องดีๆมาฝากกันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: big single ที่ ตุลาคม 20, 2007, 10:23:47 PM
ได้ mail ดีๆ มีมาฝาก เรื่อง สมองฟิต ความคิดปิ๊ง ครับ

คุณเคยมีอาการอย่างนี้บ้างมั้ย
- จับจ่ายไม่ได้ เพราะลืมกระดาษโน๊ตจดรายการของที่ต้องซื้อไว้ที่บ้าน
- พระเอกหนังเรื่องที่ดูเมื่อวานชื่ออะไรน้า
- จอดรถไว้ชั้นไหนของห้างนะ

อย่า! อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าคุณเริ่มแก่ สมองเริ่มเสื่อมแล้ว
มีวิธีฟิตสมองอย่างง่ายๆ ที่คุณทำได้ในชีวิตประจำวันมาฝากกัน จากหนังสือ “ สมองฟิต ความคิดปิ๊ง ”

ก่อนฟิตสมอง คุณรู้มั้ยว่า พฤติกรรมซ้ำๆ ทำให้สมองฝ่อ

ในโลกที่เราคาดเดาเกือบทุกอย่างได้ล่วงหน้า กิจวัตรส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมจากจิตใต้สำนึกที่เรากระทำโดยใช้พลังจากสมองน้อยมาก ทำให้ไม่ค่อยมีการเชื่อมโยงระหว่างเซลล์ประสาทในสมองชั้นนอก สมองจึงไม่ค่อยได้ออกกำลัง

ถ้าคุณขับรถหรือนั่งรถไปทำงานโดยใช้เส้นทางเดิมทุกวัน สมองคุณก็จะใช้ประสาทส่วนเดิมทุกวันเช่นกัน การใช้ประสาทเฉพาะส่วนนั้นๆ เป็นประจำทำให้เซลล์ส่วนนั้นแข็งแรง แต่ขณะเดียวกันประสาทส่วนอื่นๆ กลับอ่อนแอเพราะถูกละเลย ผลดีก็คือ คุณเริ่มช่ำชองกับเส้นทางจาก ก ไป ข แต่ผลเสียคือ สุขภาพสมอง เพราะสมองพลาดโอกาสที่จะได้รับการกระตุ้นด้วยทัศนียภาพใหม่ๆ กลิ่นใหม่ๆ หรือเสียงใหม่ๆ ซึ่งเป็นความแปลกและหลากหลายที่จะช่วยให้เซลล์ประสาทหลายส่วนได้มีกิจกรรมออกกำลัง

ถ้าสมองได้รับสิ่งใหม่ ส่วนของสมองชั้นนอกหลายส่วนจะมีกิจกรรมมากขึ้นและหลากหลายขึ้น และเกิดการเชื่อมโยงเซลล์ประสาทสมองส่วนต่างๆ ในรูปแบบใหม่ ส่งผลให้มีการหลั่งสาร นิวโรโทรฟินส์ หรืออาหารสมองมากขึ้น เซลล์สมองจึงแข็งแรงขึ้น


5 วิธีฟิตสมองในตอนเช้า

1. หลับตาอาบน้ำ   เปิดก็อกน้ำ ปรับความแรงหรืออุณหภูมิของน้ำโดยใช้ประสาทสัมผัสและความรู้สึก (อย่าลืมฝึกวิธีปรับอุณหภูมิให้แม่นก่อนลงมือเพื่อป้องกันน้ำร้อนลวกตัว) หลับตาใช้มือสัมผัสหาอุปกรณ์อาบน้ำ จากนั้นจึงล้างหน้า อาบน้ำหรือโกนหนวด

2. เกมสลับมือ ขยับสมอง ฝึกใช้มือข้างที่คุณไม่ถนัดแปรงฟัน หมุนฝาหลอดยาสีฟันและป้ายยาสีฟันบนแปรง อาจใช้วิธีนี้กับกิจกรรมยามเช้าอื่นๆ การฝึกลักษณะนี้เป็นการกระตุ้นสมองส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ให้เริ่มสั่งการเพื่อปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ที่สมองซีกนี้ไม่ค่อยมีส่วนร่วม มีการวิจัยพบว่าการฝึกเช่นนี้ส่งผลให้วงจรและเครือข่ายสมองในส่วนเยื่อหุ้มสมองคอร์แทกซ์ที่ทำหน้าที่ควบคุม และรับส่งคำสั่งจากมือ มีการขยายตัวอย่างมากและในอัตราที่รวดเร็ว หรืออาจลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยมือข้างเดียวก็ได้

3. อยู่ในโลกไร้เสียง ปิดหูด้วยการใส่หูฟังขณะรับประทานอาหารกับครอบครัวเพื่อสัมผัสโลกเงียบ คนใกล้ตัวคงเคยบ่นว่าคุณฟังสิ่งที่เขาพูดเพียงครึ่งเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นตอนยุ่งอยู่ ลองฝึกตัวเองด้วยวิธีนี้จะทำให้คุณบังคับตัวเองให้ใช้ตัวช่วยอื่นในการทำกิจกรรม เช่น รู้ว่าขนมปังปิ้งที่อยู่ในเครื่องปิ้งได้ที่แล้วโดยไม่ต้องพึ่งเสียง

4. เช้าวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ลองเลือกกิจกรรมต่อไปนี้หนึ่งหรือสองข้อ แต่ไม่ควรทำหมดทุกข้อในเช้าวันเดียวกัน
• สลับลำดับกิจวัตรตอนเช้า เช่น ถ้าคุณเคยแต่งตัวก่อนกินข้าว ลองเปลี่ยนมากินข้าวก่อนแต่งตัว
• ถ้าคุณเคยรับประทานกาแฟกับขนมปังทุกเช้า ลองเป็นข้าวโอ๊ตและชาสุขภาพ หรืออาหารอื่นบ้าง
• เปลี่ยนเสียงนาฬิกาปลุก เปลี่ยนรายการวิทยุ หรือทีวีไปเป็นรายการที่คุณไม่เคยฟัง รายการเด็กเป็นตัวอย่างที่ดีในการกระตุ้นสมองให้สนใจในเรื่องที่คุณเคยมองข้าม
• เปลี่ยนเส้นทางที่จะเดินทางไปทำงาน

จากการศึกษาภาพถ่ายของสมอง กิจกรรมใหม่ๆ จะกระตุ้นเซลล์ประสาทที่กินพื้นที่สมองชั้นนอกในบริเวณกว้าง วิธีเติมกิจกรรมใหม่นี้จะให้ผลลดลงเมื่อกิจกรรมนั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำเป็นกิจวัตรหรือเป็นอัตโนมัติ


หัวข้อ: Re: เอาเรื่องดีๆมาฝากกันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: big single ที่ ตุลาคม 20, 2007, 10:29:02 PM
เรื่องที่สอง วิธีอยู่กับคนที่เราเกลียด ครับ

ถ้าเรารู้สึกไม่ชอบหน้าใครสักคนหนึ่งแต่จำเป็นต้องอยู่ทำงานด้วยกันในที่ทำงานเดียวกันทุกๆ วัน ผมควรจะวางตัวอย่างไรดีครับ
มันอึดอัดไปหมด ไม่มีความสุขเลยตลอดเวลาที่อยู่ในสำนักงานร่วมกันคนคนนี้
==========================

วิสัชนา โดย ว.วชิรเมธี

รู้ไหมว่า เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้คนละกี่ปี
ชีวิตนั้นสั้นยิ่งกว่าหยดน้ำค้างเสียอีก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า
ถ้าเราใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ไปมัวหลับๆตื่นๆอยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลง
หมั่นไส้คนนั้น ปลาบปลื้มคนนี้ ริษยาเจ้านายใส่ไคล้ลูกน้อง
ปกป้องภาพลักษณ์ (อัตตา) กด (หัว)
คนรุ่นใหม่หลงใหลเปลือกของชีวิต โดยลืมไปเลยว่าอะไรคือสิ่งที่ตนควรทำอย่างแท้จริง
คิดดูเถิดว่า เราจะขาดทุนขนาดไหน

ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เขียนบทกวีไว้ว่า
'' น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างความฝัน
ฆ่าชีวาคือพร่าค่าคืนวัน จะกำนัลโลกนี้มีงานใด ''

คนเราไม่ควรพร่าเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจ
ให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก
เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ
กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า
ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบหรือไม่ชอบใคร
หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบหรือมาชัง
แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ
เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้นหันกลับมามองตัวเองดีกว่า
ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ
นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า
เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง
คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง
ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา
จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้
เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่นก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า

บางทีคนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น
เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย
เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด ขัดเคืองและอารมณ์เสีย
วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย
ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า

คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก
เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม
อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้าง
ความโกรธ ความเกลียดนั้นไม่มีคุณค่าอะไรต่อชีวิตอันแสนน้อยนิดนี้เลย
มุ่งไปข้างหน้า ไปหาสิ่งที่มีคุณค่าให้ชีวิตดีงามดีกว่า

วิธีที่แนะนำทั้งหมดนั้น นักภาวนาเรียกว่า '' การกลับมาอยู่กับตัวเอง ''
กล่าวคือ ถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับคนที่ไม่ถูกโฉลก
แทนที่จะปล่อยใจให้อยู่กับ ความรู้สึกแย่ๆไปตลอด ก็ควรหันกลับเข้ามา '' มองด้านใน ''
แก้ไขที่ตัวเอง อย่ามุ่งแก้ไขที่คนอื่น
เพราะยิ่งพยายามแก้ไขคนอื่น ก็ยิ่งยุ่งเหมือนลิงทอดแห
ยิ่งเราให้ความสำคัญกับคนที่เราเกลียดมากเท่าใด
สภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ลงมากเท่านั้น

วิธีที่ดีที่สุดในการอยู่กับคนที่เรารู้สึกไม่ดีหรือเป็นปฏิปักษ์ก็คือ
การดึงความรู้สึกจากเขามาอยู่เราทุกขณะ
หรือถ้าเช่นนั้นก็ย้ายตัวเองออกไปเสียจาก สภาพแวดล้อมเช่นนั้นให้เร็วที่สุด
อย่าอยู่นานจนทุกข์นั้นกลัดหนองเป็นมะเร็งร้ายในอารมณ์

ปราชญ์จีนบอกว่า '' ถ้ามีขุนเขาขวางท่านอยู่ข้างหน้า อย่าเสียเวลาย้ายขุนเขาแต่จงย้ายตัวเอง ''

ดังนั้นเราควรจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างในหรือจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างนอก ?







หัวข้อ: Re: เอาเรื่องดีๆมาฝากกันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ชัยบึงกาฬ รักในหลวง ที่ ตุลาคม 20, 2007, 10:29:22 PM
ขอบคุณครับ...


หัวข้อ: Re: เอาเรื่องดีๆมาฝากกันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ ตุลาคม 20, 2007, 10:30:48 PM
 :) ขอบคุณครับพี่บิ๊ก งั้น...ผมต้องลองทำพรุ่งนี้เลย อย่างแรกลองเปลี่ยนคนไปกินข้าวด้วย


หัวข้อ: Re: เอาเรื่องดีๆมาฝากกันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: big single ที่ ตุลาคม 20, 2007, 10:32:54 PM
:) ขอบคุณครับพี่บิ๊ก งั้น...ผมต้องลองทำพรุ่งนี้เลย อย่างแรกลองเปลี่ยนคนไปกินข้าวด้วย

หุ.หุ.หุ.มีให้เลือกเยอะเหรอครับพี่วัฒน์ ::005::


หัวข้อ: Re: เอาเรื่องดีๆมาฝากกันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 20, 2007, 10:43:59 PM
บทสรุป.ที่กรุณานำมาบอกกล่าว  ขอบคุณมากครับ คุณ  big single .  ::002::


หัวข้อ: Re: เอาเรื่องดีๆมาฝากกันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: rockguns ที่ ตุลาคม 20, 2007, 10:52:34 PM
:) ขอบคุณครับพี่บิ๊ก งั้น...ผมต้องลองทำพรุ่งนี้เลย อย่างแรกลองเปลี่ยนคนไปกินข้าวด้วย
            เหอๆ แน่ใจแล้วหรือครับพี่วัฒน์ เผื่อผมด้วยคนครับพี่   ::005:: ::005:: ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: เอาเรื่องดีๆมาฝากกันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: CT_Pro4 ที่ ตุลาคม 20, 2007, 10:59:11 PM
...ขอบคุณครับ...  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: เอาเรื่องดีๆมาฝากกันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: marine-รักในหลวงอย่างไม่มีเงื่อนไขครับ ที่ ตุลาคม 21, 2007, 10:44:15 AM
ขอบคุณมากครับ และจะรีบไปทดลองปฏิบัติครับ


หัวข้อ: Re: เอาเรื่องดีๆมาฝากกันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: e.k.1911 ที่ ตุลาคม 21, 2007, 12:49:14 PM
ขอบคุณมากๆครับ ............


หัวข้อ: Re: เอาเรื่องดีๆมาฝากกันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ตุลาคม 21, 2007, 12:55:16 PM

::002:: ::002:: ::002::



หัวข้อ: Re: เอาเรื่องดีๆมาฝากกันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: milo ที่ ตุลาคม 21, 2007, 03:51:42 PM
ขอบคุณ......จะพยายามทำ
เอ.....แต่ว่าทำอย่างไรละครับ .....ลืมไปแล้ว