หัวข้อ: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ ตุลาคม 30, 2007, 05:57:08 PM :) ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก
ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน เพื่อเห็นแก่แม่.. บัณฑิตใหม่หมาดๆจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้ เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดีมีแต่ความสุขสบาย เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน แต่ก็นั่นแหละกว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆ กัน ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิดและชอบอวดรู้ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่ หาว่าล้าสมัยไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่ ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่าท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกินกว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไป ประเภทตูจบปริญญาโท มาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้ โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ถือดีว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูงมีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจกลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทินนับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง วันๆ ไม่เห็นท่านทำอะไรเอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่างเห็นแล้ว เลยนึกร้อนวิชาเสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัยรวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้วไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอให้ หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้นเทศน์ให้มากขึ้น และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วย ตนเองควรจะกระจาย อำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำหลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทรายด้วยท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งจากใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ๆ เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน คันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวัน เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้นเดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน แต่พวกเธอรู้ไหม เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที เลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่าเจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่าได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตร สวดมนต์เย็นแล้วขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้นในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบแต่ในวุ่นวาย นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อยจากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัวท่านก็ยังไม่ยอมสึก "อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อนขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา" โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการกราบลาพระลูกชาย แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่าหมาขี้เรื้อน ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ :) ถ้าเรา ยังเป็น โรค อยู่ในใจ ไม่ว่า เราย้ายงาน ไปที่ไหน เราก็บ่นว่าสถานที่เหล่านั้น สกปรก สิ้นดี หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ ตุลาคม 30, 2007, 06:09:59 PM :) ถั่วในมือลิง
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า...จิตของคนเรานั้น เหมือนกับลิง เราจึงเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเราได้มากมายจากพฤติกรรมของลิง ลิงนั้นเกลียดกะปิ ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อใด มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือจนกว่ากลิ่นกะปิจะหายในที่สุด จนกลายเป็นว่า กะปิ ถึงจะร้าย ก็ไม่ร้ายเท่า ความเกลียดกะปิ ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะ ไม่ใช่เพราะกะปิ หากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก สิ่งที่เราเกลียดนั้นบ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความเกลียดชังในจิตใจเรา ความเกลียดชัง หรือพูดให้ถูกก็คือความรู้สึกอยากผลักไสซึ่งรวมทั้งความโกรธ และความกลัวแต่นั่นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความจริงเท่านั้น นอกจากความอยากผลักไสแล้วความยึดติดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังไม่แพ้กัน กลับมาที่ลิงจอมซนอีกที ในอินเดีย ลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้านเพราะชอบขโมยผลไม้ในสวน ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิงโดยใช้กล่องไม้ ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้ในกล่องมีถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยื่อล่อ วันดีคืนดี ลิงมาที่สวนเห็นถั่วอยู่ในกล่อง ก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว แต่พอถอนมือออกมาก็ติดฝากล่องเพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้ ลิงพยายามดึงมือเท่าไรก็ไม่ออกพอชาวบ้านมาจับ ก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้ เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียวสุดท้ายก็ถูกคนจับได้ ลิงหาได้เฉลียวใจไม่ว่า เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้นมันก็เอาตัวรอดได้ แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย จึงต้องเอาชีวิตเข้าแลกมีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เราใฝ่ฝันอยากได้ จนถึงกับยึดไว้อย่างเหนียวแน่น เวลาประสบปัญหาเพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อยจึงเกิดผลเสียตามมาอย่างมากมาย.. ไม่คุ้มกับสิ่งที่ติดยึดปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น ถ้าเรารู้จักปล่อยวางเสียบ้างมันก็จะบรรเทาไปได้เยอะบ่อยครั้งการปล่อยวางไม่เพียง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้นหากแต่เป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว ความจริงการอยากผลักไสอะไรสักอย่าง ก็เป็นการติดยึดอีกแบบหนึ่ง ทั้งๆ ที่ลิงพยายามถูกำจัดกลิ่นกะปิไปจากมือก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดมหากลิ่นกะปิซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในหลายๆกรณี ความทุกข์ไม่ได้มาจากไหนหากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อยดั่งเจ้าลิงหวงถั่ว.. หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: S.V ที่ ตุลาคม 30, 2007, 06:14:21 PM ขอบคุณครับพี่... ::002::
หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ ตุลาคม 30, 2007, 06:17:40 PM สาธุ............. ;D ;D
หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: Min-Min ที่ ตุลาคม 30, 2007, 06:18:44 PM ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ ตุลาคม 30, 2007, 06:31:10 PM ขอบคุณครับ....
(http://img216.imageshack.us/img216/807/25189128yq6.gif) หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ ตุลาคม 30, 2007, 07:18:50 PM ขอบคุณมากค่ะ ::002::
หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: rockguns ที่ ตุลาคม 30, 2007, 07:20:24 PM คติธรรมเลยนะครับ ขอบคุณที่มีให้อ่านเตือนใจครับ
หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: BSW ที่ ตุลาคม 30, 2007, 08:08:00 PM เรื่องแรก ทำให้ผมนึกถึงลายเซ็นของเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งในนี้
ท่านใช้ลายเซ็นว่า " ถ้าโทษคน ไม่โทษใจตน จะเป็นคนหาแผ่นดินอยู่เป็นสุขไม่ได้" :VOV: หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 30, 2007, 10:49:45 PM ขอบคุณครับ...
แต่แปลกใจที่ว่าไม่มีไฟฟ้า แต่ใช้ไมโครโฟนนี่สิ... สงสัยใช้ถ่านไฟฉาย..อิ..อิ..:D หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: Τσρ Κσρ รักในหลวง ที่ ตุลาคม 31, 2007, 05:04:33 AM ขอบคุณครับ ;D
หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ ตุลาคม 31, 2007, 07:04:00 AM เอาเรื่องดีๆมาให้อ่านอีกแล้ว..ขอบคุณครับ... ::002::
หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: Supreeda ที่ ตุลาคม 31, 2007, 07:33:56 AM ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ... แต่แปลกใจที่ว่าไม่มีไฟฟ้า แต่ใช้ไมโครโฟนนี่สิ... สงสัยใช้ถ่านไฟฉาย..อิ..อิ..:D ::005:: หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: NatthaphoN_ ที่ ตุลาคม 31, 2007, 07:46:09 AM เยี่ยมครับพี่วัฒน์ ::002::
หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ตุลาคม 31, 2007, 07:50:06 AM คติธรรมนี้ให้ข้อคิดที่ดีมากจริงๆ ......... ขอบคุณน้าวัฒน์ครับ หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: Charoon รักในหลวงครับ ที่ ตุลาคม 31, 2007, 08:30:05 AM คติธรรมนี้ให้ข้อคิดที่ดีมากจริงๆ ......... ขอบคุณน้าวัฒน์ครับ เห็นด้วย ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ ตุลาคม 31, 2007, 08:47:32 AM ขอบคุณมากค่ะ... ::002::
หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: Windmill ที่ ตุลาคม 31, 2007, 10:33:34 AM ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: e.k.1911 ที่ ตุลาคม 31, 2007, 11:47:38 AM ขอบคุณครับพี่วัฒน์
หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: ลุงตุ้ย ที่ ตุลาคม 31, 2007, 11:58:20 AM :Dคุณหมอเป็นคนรอบคอบจริงๆแจกแต้มหนึ่ง ;D
ขอบคุณครับ... แต่แปลกใจที่ว่าไม่มีไฟฟ้า แต่ใช้ไมโครโฟนนี่สิ... สงสัยใช้ถ่านไฟฉาย..อิ..อิ..:D หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: อ้วน 008 รักในหลวง ที่ ตุลาคม 31, 2007, 12:37:54 PM ขอบคุณจากใจครับ
หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 31, 2007, 11:21:34 PM :Dคุณหมอเป็นคนรอบคอบจริงๆแจกแต้มหนึ่ง ;D ขอบคุณครับ... แต่แปลกใจที่ว่าไม่มีไฟฟ้า แต่ใช้ไมโครโฟนนี่สิ... สงสัยใช้ถ่านไฟฉาย..อิ..อิ..:D ขอบคุณครับท่าน AZI ... ผมอ่านสองรอบน่ะครับ... เพราะอ่านแล้วชอบครับ...:D หัวข้อ: Re: เก็บมาเล่า...หมาขี้เรื้อน เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 31, 2007, 11:28:55 PM ขอบคุณมากครับ
พูดถึงหมาขี้เรื้อน ได้ยินมาครับ หมาขี้เรื้อนถึงจะเรื้อน ขนร่วงตัวเน่ายังไง นอนข้างถนน อดมื้อกินครึ่งมื้อ มีแต่คนรังเกียจ "ก็ไม่เคยคิดฆ่าตัวตายหรือพยายามทำร้ายตัวเองเลย" คนเราที่ท้อแท้ ทำลายชีวิตหรือทำร้ายตัวเองทั้งที่รู้ น่าจะลองพิจารณาดู |