หัวข้อ: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: teeyai ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 08:07:40 PM ตามที่คุณขอ ป.3 11 มม.นั้น หน.ไม่อนุญาตเพราะว่าคุณขอเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน ให้ไปเปลี่ยนเป็นขอเพื่อการกากีฬาแทน
เพราะ 11 มม.นั้นอนุญาตได้เฉพาะ ตร.และทหารที่มีหน้าปราบปรามเท่านั้น และที่ขอปกป้องชีวิตฯนั้นมันเกินกว่าเหตุ ผมเลยแจ้งว่าถ้าขอเพื่อการกีฬาก็ต้องไปสมัครเป็นสมาชิกสนามอีก 60 วันถึงจะมีสิทธิ์ขอ จึงถามกลับไปว่าในระเบียบเค้าว่าไว้อย่างนั้นเลยเหรอ เค้าเลยตัดบทแล้วให้ไปพบ หน.ฝ่ายที่ชอบว๊ากประชาชนในวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวได้ผลยังไงจะมาเล่าให้ฟัง เป็นกำลังใจให้ผมด้วยคร้าบ..... หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: iji ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 08:09:30 PM เอาอีกแล้วครับมุขนี้ สู้ตายเลยครับ
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: nomember ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 08:16:15 PM เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: อั๋น ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 08:20:35 PM อย่ายอมนะครับ..สู้เพื่อความถูกต้องครับผม.. ;)
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: Step&Time-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 08:23:14 PM เอาใจช่วยครับ ;D
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: ๏แก้วเดียวจุก๏รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 08:28:42 PM น่าจะเป็นกรณีเดียวกับ พี่โชกุน หรือเปล่าครับ รอเซียนๆวังไชยามาตอบครับผม
เป็นกำลังใจให้ครับผม ถ้าไม่ได้ก็คงต้องเล่นบทชีวิตเลยครับ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: kay09 ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 08:36:51 PM เป็นกำลังใจให้ครับ ::002::
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: MJTactical ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 08:54:25 PM เอา พรบ.อาวุธปืนมากางดูกันเลยดีกว่าไหมครับ
กางมันต่อหน้าเจ้าพนักงาน ให้หน้าแตกไปตามๆกันเลยครับ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: ทุกปัญหาของชาติเริ่มต้นที่ "คอรัปชั่น" ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 09:01:36 PM มีคำพิพากษา ของคดีคุณเสกออกมาแล้วไม่ใช่เหรอครับ เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้อ่านเหรอครับ หรือผมเข้าใจอะไรผิด
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: Τσρ Κσρ รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 09:05:42 PM เอ้า ฮุย เล ฮุย ลุย ครับ ลุย ;D
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: sun2000 ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 09:06:36 PM เป็นกำลังใจให้ครับ......
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 09:14:58 PM พอดีผมไปเห็นในเวปของกรมการปกครองมาครับ แต่ไม่ทราบว่าอยู่ใน พรบ. กฎกระทรวงหรือไม่ ต้องรอผู้เชี่ยวชาญมาให้ความกระจ่างครับ
การขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน หลักการพิจารณาออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน การพิจารณาออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนให้แก่บุคคลสำหรับใช้ในการป้องกันตัว และทรัพย์สิน ให้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้. ข้อ 1 คุณสมบัตติของผู้ขอมีและใช้อาวุธปืน ต้องเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่ขัดต่อมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ คือ (1) บุคคลซื่งต้องโทษจำคุก สำหรับความผิดตามระมวลกฏหมายอาญาดังต่อไปนี้. ก. มาตรา 57 ถึงมาตรา111 มาตรา 120 มาตรา 177 ถึงมาตรา 183 มาตรา 249 มาตรา 250 หรือ มาตรา 298 ถึงมาตรา 303 ข. มาตรา 254 ถึงมาตรา 257 และพ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษถึงวันที่ยื่นคำขออนุญาต เว้นแต่ ในกรณีความผิดที่กระทำโดยความจำเป็น หรือเพื่อป้องกัน หรือโดยถูกยั่วโทษะ (2) บุคคลซึ่งต้องโทษจำคุก สำหรับความผิดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่อง กระสุนปืน วัตถุระเบิด และดอกไม้เพลิง พุทธศักราช 2477 มาตรา 7 มาตรา 11 ถึงมาตรา 22 มาตรา 24 มาตรา 29 มาตรา 33 หรือมาตรา38 (3 ) บุคคลซึ่งต้องโทษจำคุก ตั้งแต่สองครั้งขึ้นไป ในระหว่างห้าปีนับย้อนหลังขึ้นไปจากวันที่ยื่นคำขอสำหรับ ความผิดอย่างอื่น นอกจากบัญญัติไว้ใน (1)(2) เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดละหุโทษ (4) บุคคลซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ (5) บุคคลซึ่งไม่สามารถจะใช้ปืนได้โดยกายพิการ หรือทุพพลภาพ เว้นแต่จะมีไว้เพื่อเก็บตาม มาตรา 11 แห่ง พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (6) บุคคลซื่งเป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือปรากฏว่าเป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ (7) บุคคลซึ่งไม่มีอาชีพและรายได้ (8) บุคคลซึ่งไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง (9) บุคคลซึ่งมีความประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง อันอาจกระทบกระเทือนถึงความสงบเรียบร้อยของประชาชน (10) ภูมิลำเนาของผู้ขอมีและใช้อาวุธปืนต้องเป็นบุคคลที่มีชื่อในทะเบียนบ้านตามกฏหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฏร และมีถิ่นที่อยู่ประจำในท้องที่ที่บุคคลนั้นขออนุญาตไม่น้อยกว่าหกเดือน ข้อ2 การสอบสวนคุณสมบัติและความจำเป็น ต้องทำการสอบสวนพิจารณาถึงสภาพความเป็นอยู่หรือสิ่งแวดล้อม ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 674/2490 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2490 ข้อ 12 และระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดีลักษณะที่ 47 บทที่ 3 ข้อ 16 ดังนี้ (1) ผู้ขออนุญาตมีอายุเท่าใด เป็นหัวหน้าครอบครัว หรืออาศัยผู้ใดอยู่ (2) บ้านอยู่ในที่เปลี่ยวหรือไม่ และในบ้านนั้นมีผู้ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนอย่างใดอยู่บ้างแล้วหรือไม่ (3) บ้านที่อยู่เป็นนของผู้รับใบอนุญาตเอง หรือเช่าเขาอยู่ (4) ความประพฤติตามปกติเป็นอย่างไร (5) เคยต้องโทษทางอาญาอย่างใดบ้างหรือไม่ (6) เกี่ยวข้องกับพวกคนพาลหรือพวกนักเลงหรือไม่ (7) มีหลักทรัพย์สมบัติอะไรบ้าง ประมาณราคามากน้อยเท่าใด (8) ประกอบอาชีพทางใด (9) การขอมีอาวุธปืน เพื่อประโยชน์อย่างใด (10) มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเงิน หรือทรัพย์สมบัติเป็นพิเศษอย่างใด (11) เคยถูกประทุษร้ายต่อทรัพย์และร่างกาย หรือถูกขู่เข็ญว่าจะทำร้ายอย่างใดบ้างหรือไม่ (12) เป็นคนมีสติไม่ปกติเป็นบางครั้งคราวหรือไม่ (13) เป็นคนมีนิสัยฉุนเฉียว หรือเกะกะระรานเพื่อนบ้านใกล้เคียงหรือผู้อื่นบ้างหรือไม่ (14) เคยได้รับอนุญาตมีอาวุธปืนมาแล้วหรือเปล่า ถ้าเคยมีแล้ว เหตุใดจึงบขออนุญาตอีก (15) เจ้าพนักงานผู้ปกครองท้องที่ใกล้ชิด เช่น สารวัตรตำรวจนครบาล ตำรวจภูธร หัวหน้าสถานี กำนันผู้ใหญ่บ้าน เห็นสมควรอนุญาตหรือไม่ (16) ถ้าเป็นบุคคลต่างด้าว ต้องสอบให้ทราบว่า ก.มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยนานเท่าใด ข.พูดภาษาไทยได้หรือไม่ ค. มีครอบครัวเป็นคนต่างด้าวหรือคนไทยอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ง. เป็นผู้มีจิตใจใฝ่ลัทธิใดลัทธิหนึ่ง อันเป็นภัยต่อประเทศหรือไม่ (17) ถ้าเป็นการขอรับมรดก ต้องสอบให้ได้ความว่าได้มีทายาทคนใดคัดค้านการขอรับโอนบ้างหรือไม่ หากมีการ คัดค้านก็ให้ระงับการออกใบอนุญาตไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ข้อ 3 การสอบสวนผู้ขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน เพื่อให้นายทะเบียนท้องที่ออกใบอนุญาตได้พิจารณากลั่นกรอง ที่จะอนุญาตให้บุคคลมีและใช้อาวุธปืนได้ถูกต้อง ให้ดำเนินการดังนี้ ก. ในท้องที่กรุงเทพมหานคร ให้นายทะเบียนส่งเรื่องให้สารวัตรใหญ่หรือสารวัตรสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ ดำเนินการดังนี้ (1) พิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ขออนุญาตเพื่อตรวจสอบประวัติประกอบการพิจารณาด้วย เว้นแต่ผู้ขอเป็นข้าราชการ ประจำการไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือตรวจสอบ (2) ทำการสอบสวนคุณสมบัติและเหตุผลความจำเป็น รายงานเสนอถึงผู้กำกับการตำรวจนครบาล เพื่อพิจารณาแล้ว ส่งเรื่องไปยังนายทะเบียนฯดำเนินการต่อไป การสอบสวนคุณสมบัติ และเหตุผลความจำเป็นดังกล่าวข้างต้น ให้อยู่ในความรับผิดชอบของสารวัตรใหญ่ หรือสารวัตรสถานีตำรวจท้องที่หรือผู้รักษาการแทนที่จะต้องดำเนินการโดยรอบคอบและตรงต่อความเป็นจริง ข. ในจังหวัดอื่นให้ถือปฏิบัติตามความคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 674/2490 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2490 เรื่องระเบียบการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 และคำสั่งที่ 759/2494 เรื่องระเบียบการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ 2490 และคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 798/2501 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายนน 2501 เรื่องการอนุญาตให้บุคคลมีอาวุธปืนและระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณา ออกใบอนุญาตมีอาวุธปืน ซึ่งกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นนายทะเบียนท้องที่ประจำจังหวัด และนายอำเภอ เป็นนายทะเบียนท้องที่ประจำอำเภอ การสอบสวนผู้ขออนุญาตให้มีอาวุธเป็นเครื่องกระสุนปืน ก่อนที่จะพิจารณา อนุญาตตามความในข้อ 2 ด้วย ข้อ4 ชนิดและขนาดอาวุธปืน ซึ่งจะอนุญาตให้พิจารณาถึงฐานะ และความจำเป็นของผู้อนุญาตเป็นราย ๆ ไป โดยระลึกว่าการอนุญาตให้เอกชนมีอาวุธปืนนั้นเป็นการอนุญาตตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ 2490 มาตรา 9 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้มีไว้เพื่อป้องกันตัวหรือทรัพย์สินหรือในการกีฬา หรือในการยิงสัตว์ การพิจารณาอนุญาตดังกล่าวข้างต้นนี้ มีหลักเกณฑ์ในการอนุญาตสำหรับชนิดและขนาดอาวุธปืนตามคำสั่ง กระทรวงมหาดไทยที่ 674/2490 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2490 ข้อ 13 และหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ 0515/13548 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2515 ที่ 0313/ว8583 ลงวันที่ 25 กรกฏาคม 2517 และที่ 0515/ว686 ลงวันที่ 30 ธ.ค. 2517 ดังนี้ ก. ถ้าผู้ขออนุญาตเป็นข้าราชการ ซึ่งมีหน้าที่ปราบปรามตามกฏหมาย หรือมีหน้าที่ ปฏิบัติงานเขตพื้นที่ที่เสี่ยง อันตรายต่อชีวิตและผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่หัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไป รับรองหน้าที่การงานมาเป็นที่เชื่อถือได้ หรือผู้ขออนุญาตเพื่อการกีฬาโดยมีหนังสือรับรองเป็นนักกีฬายิงปืน และมาฝึกซ้อมยิงปืนเป็นประจำจากเลขาธิการ สมาคมยิงปืน หรือนายสนามยิงปืนนั้น ๆ ในการพิจารณาอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนพกให้อนุญาตขนาดลำกล้อง ไม่เกิน .45 หรือ 11 มม.ได้ ข.สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีความจำเป็นต้องมีอาวุธปืนพก อนุญาตให้มีได้ลำกล้องไม่เกินขนาด .38 หรือ 9 มม. สำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่ขัดกับมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ทั้งนี้ต้องไม่ขัดต่อ กฏกระทรวงที่ใช้บังคับอยู่ตามที่ระบุไว้ในข้ออื่น ๆ ด้วย สำหรับอาวุธปืนที่มีอานุภาพร้ายแรงแม้ขนาดลำกล้องไม่เกิน .38 หรือ 9 มม. เช่นอาวุธปืนขนาด .357 ก็ไม่ควรอนุญาตเว้นแต่ผู้ขออนุญาตเป็นข้าราชการตำรวจ ทหารหรือข้าราชการอื่นซึ่มีหน้าที่ปราบปรามตามกฏหมาย หรือเป็นข้าราชการในท้องที่กันดาร และผู้บังคับบัญชาตั้งแต่หัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไปรับรองหน้าที่การงาน มาเป็นที่เชื่อถือได้ก็ให้พิจารณาอนุญาตได้ สำหรับในต่างจังหวัดให้นายทะเบียนฯ เสนอขอรับความเห็นชอบจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย ข้อ 5 การอนุญาตให้มีอาวุธปืน ตามปกติควรมีได้เพียงคนละ 2 กระบอก คือ สั้นและยาว แต่ในการพิจารณา อนุญาตมากน้อยเพียงใดแล้วแต่หลักฐานความจำเป็นของแต่ละบุคคล และควรเข้มงวดกวดขันอย่าให้มีมากเกิน ความจำเป็นไม่ซ้ำขนาดกันให้วงเล็บวัตถุประสงค์มีและใช้อาวุธปืนในใบอนุญาต (ป.4) ให้ชัดเจน ข้อ 6 การพิจารณาอนุญาตสำหรับข้าราชการ ตำรวจ ทหารประจำการ ให้มีอาวุธปืนให้ถือปฏิบัติดังนี้ ก. ข้าราชการตั้งแต่สัญญาบัตรขึ้นไป ไม่ต้องดำเนินการตามข้อ 3 แต่ต้องให้ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ชั้นหัวหน้ากอง หรือเทียบเท่าหรือผู้กำกับการตำรวจ หรือผู้บังคับกองพันทหารรับรองความประพฤติและตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ข. ข้าราชการต่ำกว่าชั้นสัญญาบัตรไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือ แต่ต้องสอบสวนตามข้อ 3 เว้นแต่กรณีผู้มีหน้าที่สืบสวน และปราบปรามโจรผู้ร้ายเป็นประจำ หรือมีหน้าที่ต้องปฏิบัติในพื้นที่ที่เสี่ยงอันตรายต่อชีวิต หรือมีหน้าที่ควบคุมเงิน ไม่ต้องสอบสวนแต่ต้องมีหนังสือรับรองความประพฤติและตำแหน่งหน้าที่การงานจากผู้บังคับบัญชาตามข้อ ก. ข้อ 7 การขอรับโอนอาวุธปืน ก.การรับโอนอาวุธปืนระหว่างบุคคลทั่วไป พิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น ข. การรับโอนปืนมรดก ถ้าผู้รับโอนมีคุณสมบัติครบถ้วน และเป็นทายาทโดยตรงต้องการรับโอนไว้ก็อนุญาตได้ ข้อ 8 นักเรียน นักศึกษา ที่เรียนอยู่ในสถานศึกษา ซึ่งทางการนับเวลาการศึกษานั้นเป็นวันรับราชการ เช่น นักเรียน นายร้อย นายเรืออากาศ นายร้อยตำรวจ ควรมีสิทธิได้รับอนุมัติให้มีอาวุธปืนได้ แต่ควรพิจารณาให้เฉพาะเป็นกีฬา หรือในกรณีรับโอนมรดกซึ่งไม่มีทายาทผู้อื่นที่จะรับโอนไว้ได้ หรือผู้ที่ได้รับปริญญาแล้วยังไม่ประกอบอาชีพแต่ กำลังศึกษาต่ออีกควรพิจารณาให้ตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น ข้อ 9 การพิจารณาออกใบอนุญาตสำหรับเครื่องกระสุนปืนของบุคคลนั้น ต้องสอบให้ทราบว่าผู้ขออนุญาตมี อาวุธปืน ซึ่งใช้กับอาวุธปืนที่ขออนุญาตหรือไม่ หากไม่มีห้ามออกใบอนุญาตให้ ถ้ามีและจะขออนุญาตต้องเสนอว่ามี เหตุผลจำเป็นเพียงใดสำหรับอัตราที่จะต้องขออนุญาตให้ถือปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 759/2494 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2494 ข้อ 14ตามกำหนดและอัตราอย่างสูงต่อไป (1) กระสุนโดด ปืนยาวทุกชนิด อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้ามา ได้ไม่เกินปีละ 100 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะขอ อนุญาตได้ไม่เกิน 50 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดนั้น ๆ ถ้าขอซื้อภายในราชอาณาจักรให้อนุญาตได้ไม่เกินปีละ 60 นัด แต่การอนุญาตให้อนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 15 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดหนึ่ง ๆ (2)กระสุนปืนพกทุกชนิดอนุญาตให้สั่งหรือนำเข้ามาได้ไม่เกิน 50 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะอนุญาตได้ไม่เกิน คราวละ25 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดหนึ่ง ๆ ถ้าขอซื้อภายในราชอาณาจักร ให้อนุญาตได้ไม่เกินปีละ 36 นัด แต่การขออนุญาตนี้ ให้อนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 12 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดหนึ่ง ๆ (3) กระสุนลูกซองชนิดต่าง ๆ แบ่งเป็น 4 ขนาด ตามรายการในนบัญชีเทียบขนาดกระสุนต่าง ๆ ต่อไปนี้ ขนาดที่ 1 อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าไม่เกินปีละ 100 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะอนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 25 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดหนึ่ง ๆ ขนาดที่ 2 อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าไม่เกินปีละ 200 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะอนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 50 นัด สำหรับกระสุนปืนลูกซองชนิดหนึ่ง ๆ ขนาดที่ 3 อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าไม่เกินปีละ 300 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะขออนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 75 นัด สำหรับกระสุนปืนลูกซองชนิดหนึ่ง ๆ ขนาดที่ 4 อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าไม่เกินปีละ 400 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะอนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 100 นัด สำหรับกระสุนปืนลูกซองชนิดหนึ่ง ๆ แต่ทั้งนี้ขอรวมกันคราวเดียวทุกขนาดให้อนุญาตไม่เกินปีละ 1,000 นัด แต่การอนุญาตนี้จะอนุญาตไม่เกินคราวละ 250 นัด สำหรับกระสุนปืนลูกซองชนิดหนึ่ง ๆ จำนวนที่กำหนดนี้เป็นอันตรายอย่างสูงที่จะอนุญาตให้สั่งหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ ส่วนการขอซื้อภายในราชอาณาจักรให้อนุญาตได้ไม่เกินปีละ 500 นัด แต่ในการอนุญาตครั้งหนึ่งต้องไม่เกิน 25 นัด เฉพาะกระสุนปืนลูกซองตามบัญชีเทียบขนาดที่ 1 กรมตำรวจได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นกระสุนปืนที่โดยปกติใช้ล่า สัตว์ใหญ่ จึงให้อนุญาตปีละไม่เกิน 100 นัด แต่ในการอนุญาตครั้งหนึ่ง ๆ ต้องไม่เกิน 10 นัด ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้อง กับนโยบายในการสงวนพันธ์สัตว์ป่า (4) กระสุนอัดลมอนุญาตให้สั่งหรือนำเข้า หรือซื้อภายในราชอาราจักรได้ไม่เกินคราวละ 1,000 สำหรับกระสุนปืน อัดลมชนิดหนึ่ง ๆ (5) กระสุนลูกกรดทุกชนิดให้อนุญาตสั่งได้ไม่เกินปีละ 100 นัด ถ้าเป็นการซื้อในราชอาณาจักรให้อนุญาตได้ไม่เกิน คราวละ 200 นัด แต่ต้องไม่เกินปีละ 1,000 นัด การอนุญาตกระสุนปืนตามคำสั่งนี้ ได้กำหนดอัตราขึ้นไว้ เพื่อให้เป็นระดับเดียวกันในการอนุญาตตามปกติ แต่ถ้ามี กรณีซึ่งจะต้องผ่อนผันการออกอนุญาตเป็นพิเศษ เช่น ในกรณีที่คนต่างด้าว หรือข้าราชการสถานฑูตอันมีสัมพันธไมตรี ต่อประเทศไทยนำติดตัวเข้ามา ก็ให้พิจารณาผ่อนผันได้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายไปแล้วแจ้งให้กรมศุลกากรทราบ ถ้าเป็นกรณีซื้อภายในราชอาณาจักร เมื่อได้ผ่อนผันไปแล้วให้รายงานเหตุที่ผ่อนผันให้กระทรวงทราบเฉพาะคนต่างด้าว ที่ได้รับการผ่อนผันข้างต้นต้องเป็นบุคคลที่ได้รับสิทธิคุ้มกัน เช่นเจ้าหน้าทื่องค์การระหว่างประเทศ ข้อ 10 ในกรณีพิเศษต่าง ๆ นอกจากนี้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของนายทะเบียนเฉพาะเรื่องเฉพาะรายที่จะพิจารณาสั่งการ ข้อ 11 ถ้าเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจท้องที่ มีความสงสัยพฤติการณ์ไม่นาไว้วางใจว่าผู้รับใบอนุญาต คนใดจะเป็นผู้ต้องห้ามในการออกใบอนุญาตตามาตรา 13 (7)(8) หรือ(9) ก็ให้พนักงานสอบสวนท้องที่รายงาน พฤติการณ์ไปยังนายทะเบียนท้องที่ เพื่อเรียกตัวผู้รับอนุญาตมาทำประกันทัณฑ์บน หรือพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต เป็นราย ๆ ไป การทำประกันทัณฑ์บน ให้นายทะเบียนท้องที่เรียกตัวผู้รับอนุญาตมาดำเนินการดังนี้ ก. ให้นำหลักฐาน การประกอบอาชีพ และรายได้มาแสดง ข. ให้นำหลักฐาน ภูมิลำเนาถิ่นที่อยู่ และบัตรประจำตัวมาแสดง ค. ให้นำบุคคลที่เชื่อถือได้มารับรองทำสัญญาประกันและให้ผู้ได้รับอนุญาตทำทัณฑ์บนต่อนายทะเบียนท้องที่ โดย กำหนดระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน และไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันทำประกันทัณฑ์บน ถ้าผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวหาประกันที่เชื่อถือไม่ได้ หรือไม่ยอมทำทัณฑ์บนภายในเวลาอันสมควรตามที่นายทะเบียน ได้กำนดให้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน ให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาตนั้นเป็นผู้ซึ่งจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ให้นายทะเบียน ท้องที่เพิกถอนใบอนุญาตทุกรายไป เมื่อนายทะเบียนท้องที่ได้ทำสัญญาประกันทัณฑ์บนแล้ว ให้แจ้งสารวัตรใหญ่หรือ สารวัตรสถานีตำรวจท้องที่โดย มิชักช้า เพื่อสอดส่องพฤติการณ์ และหากปรากฏว่าผู้ทำสัญญาประกันหรือทัณฑ์บนผิดสัญญาประกัน หรือทัณฑ์บน ก็ให้สารวัตรใหญ่หรือสารวัตรสถานีตำรวจท้องที่ แจ้งให้นายทะเบียนท้องที่ทราบเพื่อดำเนินการต่อไป ข้อ 12 การเพิกถอนใบอนุญาต ให้เจ้าพนักงานตำรวจท้องที่เอาใจใส่ตรวจสอบบุคคลซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและ ใช้อาวุธปืนหากสงสัยพฤติการณ์ของผู้รับใบอนุญาตหรือปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ออก ใบอนุญาตก็รวบรวมหลักฐานรายงานนายทะเบียนท้องที่โดยมิชักช้า เพื่อดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป การสอบสวนคดีอาญา ในคดีความผิดตามที่ระบุไว้ในมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 ให้พนักงานสอบสวน สอบสวนผู้ต้องหาให้ปรากฏ ว่าเป็นผู้ใด้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนหรือไม่ หากปรากฏว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน และเป็นผู้ซึ่งมีลักษณะต้องห้ามมิให้ออกใบอนุญาต ก็ให้รวบรวม หลักฐานรายงานนายทะเบียนท้องที่โดยมิชักช้า และเมื่อผลคดีถึงที่สุดเป็นประการใด ให้รายงานนายทะเบียนทราบ เพื่อดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวข้างต้นต่อไป เมื่อปรากฏว่าผู้ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนผู้ใดเป็นผู้จะต้องดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาต นายทะเบียนอาวุธปืน ท้องที่กรุงเทพมหานคร รายงานพฤติการณ์ข้อเท็จจริงพร้อมพยานหลักฐาน เสนอขอความเห็นชอบจากกรมตำรวจก่อน หากกรมตำรวจเห็นชอบแล้วให้ทำคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต แล้วจัดเจ้าหน้าที่ไปร่วมกับตำรวจท้องที่ที่ผู้รับอนุญาตมี ภูมิลำเนาอยู่ แจ้งคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ผู้รับอนุญาตหรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ หรือผู้ความคุมดูแลทราบ เพื่อขอ รับอาวุธปืนและใบอนุญาตมีและใช้อาวุธปืนมาดำเนินการต่อไป และให้เจ้าพนักงานตำรวจท้องที่นั้น ๆ ลงประจำวันไว้ เป็นหลักฐาน ในกรณีที่ไม่สามารถติดตามผู้รับใบอนุญาตได้ หรือไม่มีผู้อนุบาล หรือควบคุมดูแล ให้นายทะเบียนอาวุธปืน ท้องที่ประกาศคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตไว้ ณ ที่ทำการของนายทะเบียนอาวุธปืนท้องที่ และที่อยู่ของผู้ได้รับอนุญาต ภายในกำหนด 30 วัน เมื่อพ้นกำหนดดังกล่าวให้นายทะเบียนอาวุธปืนท้องที่ แจ้งสถานีตำรวจดำเนินคดีกับผู้ถูกสั่ง เพิกถอนใบอนุญาตต่อไป ในกรณีที่ย้ายทะเบียนอาวุธปืน ผู้สั่งเพิกถอนแจ้งให้นายทะเบียนผู้ออกใบอนุญาตทราบเพื่อ หมายเหตุในทะเบียนคุมต่อไป ข้อ 13 หลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาต ให้บุคคลมีและใช้อาวุธปืนนี้เป็นหลักเกณฑ์โดยทั่วไป สำหรับใช้เป็น แนวทางพิจารณาของนายทะเบียนอาวุธปืนเท่านั้น หากรายใดนายทะเบียนมีเหตุผลอันสมควรว่าผู้ขอมีพฤติการณ์ ไม่เหมาะสม หรือมีเหตุผลความจำเป็นไม่เพียงพอ แม้จะเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่ขัดต่อมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติ อาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 ก็ตาม นายทะเบียนจะไม่อนุญาตก็ได้ มีขั้นตอนปฏิบัติ ดังนี้ 1. ยื่นคำขอ ตามแบบ ป.1 ระบุ ชนิด ประเภท จำนวน พร้อมทั้งแหล่งที่จะขอซื้อพร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวและ ทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองของผู้บังคับบัญชากรณีเป็นข้าราชการ หรือหนังสือรับรองของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรณีเป็น ราษฏรทั่ว ๆ ไป 2. สอบสวนคุณสมบัติ - สอบสวนในประเด็นเกี่ยวกับการต้องโทษคดีอาญา อาชีพ ความสามารถและความประพฤติ ได้แก่ ( พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ. 2490 ม.13 ) - สอบสวนสภาพความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อมของผู้ประกอบการพิจารณาด้วย - ถ้าเป็นเขตกรุงเทพมหานคร กรณีเป็นบุคคลที่ไม่เคยมีอาวุธปืนมาก่อน ต้องส่งเรื่องราวคำร้องให้ตำรวจท้องที่ สอบสวนคุณสมบัติ และหลักทรัพย์(ยกเว้นผู้ขอเป็นผู้ใหญ่บ้าน) - สำหรับต่างจังหวัด ให้นายทะเบียนท้องที่พิจารณาสอบสวนคุณสมบัติอย่างรอบคอบ และรวดเร็ว โดยราษฏรให้ สอบสวนจากเจ้าพนักงานปกครองที่ใกล้ชิดเช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เฉพาะกรณีสงสัยให้นายทะเบียนพิจารณาตรวจสอบ คุณสมบัติร่วมกับผู้บังคับกอง หรือ หัวหน้าสถานีตำรวจ 3. ถ้านายทะเบียนอนุญาตก็ให้ออก ป.3 ให้ไปซื้ออาวุธปืน 4. เมื่อได้รับ ป.3 แล้วจะต้องซื้ออาวุธปืน ณ ท้องที่ หรือ บุคคลที่ระบุไว้ใน ป.3 เท่านั้น เมื่อซื้อแล้วให้นำอาวุธปืนและ ใบคู่มือประจำปืนไปขอ ออกใบอนุญาต ป.4 5. เมื่อออก ป.4 แล้ว นายทะเบียนต้องเพิ่มรายการลงในทะเบียนอาวุธปืนประจำรายตำบลและประเภทอาวุธปืน หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: เอ๋-ด้ามแดง(เชียงใหม่) ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 09:19:14 PM ผมรอด้วยคนครับ ผมกำลังโดนข้อหานี้เหมือนกันเลยครับ
พรุ่งนี้ ว่าจะเข้าอำเภอ ไปขอร้องนาย ด้วยครับ สาเหตุเดียวกันเลยคับ :~) หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 09:20:21 PM ใครครับ คนไหนที่ชอบ ว๊ า ก ประชาชน ..... ข้าราชการยุคนี้ส่วนใหญ่เป็นคนดีมีความรู้และคิดเป็นแล้ว อาจมีพวกปลายแถวในส่วนเล็กๆ ยังยึดติดเรื่องเก่าๆอยู่ เลยทำเป็นขู่เข็ญประชาชน ....... หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: ๏แก้วเดียวจุก๏รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 09:32:12 PM พอดีผมไปเห็นในเวปของกรมการปกครองมาครับ แต่ไม่ทราบว่าอยู่ใน พรบ. กฎกระทรวงหรือไม่ ต้องรอผู้เชี่ยวชาญมาให้ความกระจ่างครับ การขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน หลักการพิจารณาออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน การพิจารณาออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนให้แก่บุคคลสำหรับใช้ในการป้องกันตัว และทรัพย์สิน ให้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้. ข้อ 1 คุณสมบัตติของผู้ขอมีและใช้อาวุธปืน ต้องเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่ขัดต่อมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ คือ (1) บุคคลซื่งต้องโทษจำคุก สำหรับความผิดตามระมวลกฏหมายอาญาดังต่อไปนี้. ก. มาตรา 57 ถึงมาตรา111 มาตรา 120 มาตรา 177 ถึงมาตรา 183 มาตรา 249 มาตรา 250 หรือ มาตรา 298 ถึงมาตรา 303 ข. มาตรา 254 ถึงมาตรา 257 และพ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษถึงวันที่ยื่นคำขออนุญาต เว้นแต่ ในกรณีความผิดที่กระทำโดยความจำเป็น หรือเพื่อป้องกัน หรือโดยถูกยั่วโทษะ (2) บุคคลซึ่งต้องโทษจำคุก สำหรับความผิดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่อง กระสุนปืน วัตถุระเบิด และดอกไม้เพลิง พุทธศักราช 2477 มาตรา 7 มาตรา 11 ถึงมาตรา 22 มาตรา 24 มาตรา 29 มาตรา 33 หรือมาตรา38 (3 ) บุคคลซึ่งต้องโทษจำคุก ตั้งแต่สองครั้งขึ้นไป ในระหว่างห้าปีนับย้อนหลังขึ้นไปจากวันที่ยื่นคำขอสำหรับ ความผิดอย่างอื่น นอกจากบัญญัติไว้ใน (1)(2) เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดละหุโทษ (4) บุคคลซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ (5) บุคคลซึ่งไม่สามารถจะใช้ปืนได้โดยกายพิการ หรือทุพพลภาพ เว้นแต่จะมีไว้เพื่อเก็บตาม มาตรา 11 แห่ง พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (6) บุคคลซื่งเป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือปรากฏว่าเป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ (7) บุคคลซึ่งไม่มีอาชีพและรายได้ (8) บุคคลซึ่งไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง (9) บุคคลซึ่งมีความประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง อันอาจกระทบกระเทือนถึงความสงบเรียบร้อยของประชาชน (10) ภูมิลำเนาของผู้ขอมีและใช้อาวุธปืนต้องเป็นบุคคลที่มีชื่อในทะเบียนบ้านตามกฏหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฏร และมีถิ่นที่อยู่ประจำในท้องที่ที่บุคคลนั้นขออนุญาตไม่น้อยกว่าหกเดือน ข้อ2 การสอบสวนคุณสมบัติและความจำเป็น ต้องทำการสอบสวนพิจารณาถึงสภาพความเป็นอยู่หรือสิ่งแวดล้อม ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 674/2490 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2490 ข้อ 12 และระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดีลักษณะที่ 47 บทที่ 3 ข้อ 16 ดังนี้ (1) ผู้ขออนุญาตมีอายุเท่าใด เป็นหัวหน้าครอบครัว หรืออาศัยผู้ใดอยู่ (2) บ้านอยู่ในที่เปลี่ยวหรือไม่ และในบ้านนั้นมีผู้ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนอย่างใดอยู่บ้างแล้วหรือไม่ (3) บ้านที่อยู่เป็นนของผู้รับใบอนุญาตเอง หรือเช่าเขาอยู่ (4) ความประพฤติตามปกติเป็นอย่างไร (5) เคยต้องโทษทางอาญาอย่างใดบ้างหรือไม่ (6) เกี่ยวข้องกับพวกคนพาลหรือพวกนักเลงหรือไม่ (7) มีหลักทรัพย์สมบัติอะไรบ้าง ประมาณราคามากน้อยเท่าใด (8) ประกอบอาชีพทางใด (9) การขอมีอาวุธปืน เพื่อประโยชน์อย่างใด (10) มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเงิน หรือทรัพย์สมบัติเป็นพิเศษอย่างใด (11) เคยถูกประทุษร้ายต่อทรัพย์และร่างกาย หรือถูกขู่เข็ญว่าจะทำร้ายอย่างใดบ้างหรือไม่ (12) เป็นคนมีสติไม่ปกติเป็นบางครั้งคราวหรือไม่ (13) เป็นคนมีนิสัยฉุนเฉียว หรือเกะกะระรานเพื่อนบ้านใกล้เคียงหรือผู้อื่นบ้างหรือไม่ (14) เคยได้รับอนุญาตมีอาวุธปืนมาแล้วหรือเปล่า ถ้าเคยมีแล้ว เหตุใดจึงบขออนุญาตอีก (15) เจ้าพนักงานผู้ปกครองท้องที่ใกล้ชิด เช่น สารวัตรตำรวจนครบาล ตำรวจภูธร หัวหน้าสถานี กำนันผู้ใหญ่บ้าน เห็นสมควรอนุญาตหรือไม่ (16) ถ้าเป็นบุคคลต่างด้าว ต้องสอบให้ทราบว่า ก.มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยนานเท่าใด ข.พูดภาษาไทยได้หรือไม่ ค. มีครอบครัวเป็นคนต่างด้าวหรือคนไทยอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ง. เป็นผู้มีจิตใจใฝ่ลัทธิใดลัทธิหนึ่ง อันเป็นภัยต่อประเทศหรือไม่ (17) ถ้าเป็นการขอรับมรดก ต้องสอบให้ได้ความว่าได้มีทายาทคนใดคัดค้านการขอรับโอนบ้างหรือไม่ หากมีการ คัดค้านก็ให้ระงับการออกใบอนุญาตไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ข้อ 3 การสอบสวนผู้ขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน เพื่อให้นายทะเบียนท้องที่ออกใบอนุญาตได้พิจารณากลั่นกรอง ที่จะอนุญาตให้บุคคลมีและใช้อาวุธปืนได้ถูกต้อง ให้ดำเนินการดังนี้ ก. ในท้องที่กรุงเทพมหานคร ให้นายทะเบียนส่งเรื่องให้สารวัตรใหญ่หรือสารวัตรสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ ดำเนินการดังนี้ (1) พิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ขออนุญาตเพื่อตรวจสอบประวัติประกอบการพิจารณาด้วย เว้นแต่ผู้ขอเป็นข้าราชการ ประจำการไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือตรวจสอบ (2) ทำการสอบสวนคุณสมบัติและเหตุผลความจำเป็น รายงานเสนอถึงผู้กำกับการตำรวจนครบาล เพื่อพิจารณาแล้ว ส่งเรื่องไปยังนายทะเบียนฯดำเนินการต่อไป การสอบสวนคุณสมบัติ และเหตุผลความจำเป็นดังกล่าวข้างต้น ให้อยู่ในความรับผิดชอบของสารวัตรใหญ่ หรือสารวัตรสถานีตำรวจท้องที่หรือผู้รักษาการแทนที่จะต้องดำเนินการโดยรอบคอบและตรงต่อความเป็นจริง ข. ในจังหวัดอื่นให้ถือปฏิบัติตามความคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 674/2490 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2490 เรื่องระเบียบการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 และคำสั่งที่ 759/2494 เรื่องระเบียบการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ 2490 และคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 798/2501 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายนน 2501 เรื่องการอนุญาตให้บุคคลมีอาวุธปืนและระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณา ออกใบอนุญาตมีอาวุธปืน ซึ่งกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นนายทะเบียนท้องที่ประจำจังหวัด และนายอำเภอ เป็นนายทะเบียนท้องที่ประจำอำเภอ การสอบสวนผู้ขออนุญาตให้มีอาวุธเป็นเครื่องกระสุนปืน ก่อนที่จะพิจารณา อนุญาตตามความในข้อ 2 ด้วย ข้อ4 ชนิดและขนาดอาวุธปืน ซึ่งจะอนุญาตให้พิจารณาถึงฐานะ และความจำเป็นของผู้อนุญาตเป็นราย ๆ ไป โดยระลึกว่าการอนุญาตให้เอกชนมีอาวุธปืนนั้นเป็นการอนุญาตตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ 2490 มาตรา 9 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้มีไว้เพื่อป้องกันตัวหรือทรัพย์สินหรือในการกีฬา หรือในการยิงสัตว์ การพิจารณาอนุญาตดังกล่าวข้างต้นนี้ มีหลักเกณฑ์ในการอนุญาตสำหรับชนิดและขนาดอาวุธปืนตามคำสั่ง กระทรวงมหาดไทยที่ 674/2490 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2490 ข้อ 13 และหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ 0515/13548 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2515 ที่ 0313/ว8583 ลงวันที่ 25 กรกฏาคม 2517 และที่ 0515/ว686 ลงวันที่ 30 ธ.ค. 2517 ดังนี้ ก. ถ้าผู้ขออนุญาตเป็นข้าราชการ ซึ่งมีหน้าที่ปราบปรามตามกฏหมาย หรือมีหน้าที่ ปฏิบัติงานเขตพื้นที่ที่เสี่ยง อันตรายต่อชีวิตและผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่หัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไป รับรองหน้าที่การงานมาเป็นที่เชื่อถือได้ หรือผู้ขออนุญาตเพื่อการกีฬาโดยมีหนังสือรับรองเป็นนักกีฬายิงปืน และมาฝึกซ้อมยิงปืนเป็นประจำจากเลขาธิการ สมาคมยิงปืน หรือนายสนามยิงปืนนั้น ๆ ในการพิจารณาอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนพกให้อนุญาตขนาดลำกล้อง ไม่เกิน .45 หรือ 11 มม.ได้ ข.สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีความจำเป็นต้องมีอาวุธปืนพก อนุญาตให้มีได้ลำกล้องไม่เกินขนาด .38 หรือ 9 มม. สำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่ขัดกับมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ทั้งนี้ต้องไม่ขัดต่อ กฏกระทรวงที่ใช้บังคับอยู่ตามที่ระบุไว้ในข้ออื่น ๆ ด้วย สำหรับอาวุธปืนที่มีอานุภาพร้ายแรงแม้ขนาดลำกล้องไม่เกิน .38 หรือ 9 มม. เช่นอาวุธปืนขนาด .357 ก็ไม่ควรอนุญาตเว้นแต่ผู้ขออนุญาตเป็นข้าราชการตำรวจ ทหารหรือข้าราชการอื่นซึ่มีหน้าที่ปราบปรามตามกฏหมาย หรือเป็นข้าราชการในท้องที่กันดาร และผู้บังคับบัญชาตั้งแต่หัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไปรับรองหน้าที่การงาน มาเป็นที่เชื่อถือได้ก็ให้พิจารณาอนุญาตได้ สำหรับในต่างจังหวัดให้นายทะเบียนฯ เสนอขอรับความเห็นชอบจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย ข้อ 5 การอนุญาตให้มีอาวุธปืน ตามปกติควรมีได้เพียงคนละ 2 กระบอก คือ สั้นและยาว แต่ในการพิจารณา อนุญาตมากน้อยเพียงใดแล้วแต่หลักฐานความจำเป็นของแต่ละบุคคล และควรเข้มงวดกวดขันอย่าให้มีมากเกิน ความจำเป็นไม่ซ้ำขนาดกันให้วงเล็บวัตถุประสงค์มีและใช้อาวุธปืนในใบอนุญาต (ป.4) ให้ชัดเจน ข้อ 6 การพิจารณาอนุญาตสำหรับข้าราชการ ตำรวจ ทหารประจำการ ให้มีอาวุธปืนให้ถือปฏิบัติดังนี้ ก. ข้าราชการตั้งแต่สัญญาบัตรขึ้นไป ไม่ต้องดำเนินการตามข้อ 3 แต่ต้องให้ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ชั้นหัวหน้ากอง หรือเทียบเท่าหรือผู้กำกับการตำรวจ หรือผู้บังคับกองพันทหารรับรองความประพฤติและตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ข. ข้าราชการต่ำกว่าชั้นสัญญาบัตรไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือ แต่ต้องสอบสวนตามข้อ 3 เว้นแต่กรณีผู้มีหน้าที่สืบสวน และปราบปรามโจรผู้ร้ายเป็นประจำ หรือมีหน้าที่ต้องปฏิบัติในพื้นที่ที่เสี่ยงอันตรายต่อชีวิต หรือมีหน้าที่ควบคุมเงิน ไม่ต้องสอบสวนแต่ต้องมีหนังสือรับรองความประพฤติและตำแหน่งหน้าที่การงานจากผู้บังคับบัญชาตามข้อ ก. ข้อ 7 การขอรับโอนอาวุธปืน ก.การรับโอนอาวุธปืนระหว่างบุคคลทั่วไป พิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น ข. การรับโอนปืนมรดก ถ้าผู้รับโอนมีคุณสมบัติครบถ้วน และเป็นทายาทโดยตรงต้องการรับโอนไว้ก็อนุญาตได้ ข้อ 8 นักเรียน นักศึกษา ที่เรียนอยู่ในสถานศึกษา ซึ่งทางการนับเวลาการศึกษานั้นเป็นวันรับราชการ เช่น นักเรียน นายร้อย นายเรืออากาศ นายร้อยตำรวจ ควรมีสิทธิได้รับอนุมัติให้มีอาวุธปืนได้ แต่ควรพิจารณาให้เฉพาะเป็นกีฬา หรือในกรณีรับโอนมรดกซึ่งไม่มีทายาทผู้อื่นที่จะรับโอนไว้ได้ หรือผู้ที่ได้รับปริญญาแล้วยังไม่ประกอบอาชีพแต่ กำลังศึกษาต่ออีกควรพิจารณาให้ตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น ข้อ 9 การพิจารณาออกใบอนุญาตสำหรับเครื่องกระสุนปืนของบุคคลนั้น ต้องสอบให้ทราบว่าผู้ขออนุญาตมี อาวุธปืน ซึ่งใช้กับอาวุธปืนที่ขออนุญาตหรือไม่ หากไม่มีห้ามออกใบอนุญาตให้ ถ้ามีและจะขออนุญาตต้องเสนอว่ามี เหตุผลจำเป็นเพียงใดสำหรับอัตราที่จะต้องขออนุญาตให้ถือปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 759/2494 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2494 ข้อ 14ตามกำหนดและอัตราอย่างสูงต่อไป (1) กระสุนโดด ปืนยาวทุกชนิด อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้ามา ได้ไม่เกินปีละ 100 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะขอ อนุญาตได้ไม่เกิน 50 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดนั้น ๆ ถ้าขอซื้อภายในราชอาณาจักรให้อนุญาตได้ไม่เกินปีละ 60 นัด แต่การอนุญาตให้อนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 15 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดหนึ่ง ๆ (2)กระสุนปืนพกทุกชนิดอนุญาตให้สั่งหรือนำเข้ามาได้ไม่เกิน 50 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะอนุญาตได้ไม่เกิน คราวละ25 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดหนึ่ง ๆ ถ้าขอซื้อภายในราชอาณาจักร ให้อนุญาตได้ไม่เกินปีละ 36 นัด แต่การขออนุญาตนี้ ให้อนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 12 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดหนึ่ง ๆ (3) กระสุนลูกซองชนิดต่าง ๆ แบ่งเป็น 4 ขนาด ตามรายการในนบัญชีเทียบขนาดกระสุนต่าง ๆ ต่อไปนี้ ขนาดที่ 1 อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าไม่เกินปีละ 100 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะอนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 25 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดหนึ่ง ๆ ขนาดที่ 2 อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าไม่เกินปีละ 200 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะอนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 50 นัด สำหรับกระสุนปืนลูกซองชนิดหนึ่ง ๆ ขนาดที่ 3 อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าไม่เกินปีละ 300 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะขออนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 75 นัด สำหรับกระสุนปืนลูกซองชนิดหนึ่ง ๆ ขนาดที่ 4 อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าไม่เกินปีละ 400 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะอนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 100 นัด สำหรับกระสุนปืนลูกซองชนิดหนึ่ง ๆ แต่ทั้งนี้ขอรวมกันคราวเดียวทุกขนาดให้อนุญาตไม่เกินปีละ 1,000 นัด แต่การอนุญาตนี้จะอนุญาตไม่เกินคราวละ 250 นัด สำหรับกระสุนปืนลูกซองชนิดหนึ่ง ๆ จำนวนที่กำหนดนี้เป็นอันตรายอย่างสูงที่จะอนุญาตให้สั่งหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ ส่วนการขอซื้อภายในราชอาณาจักรให้อนุญาตได้ไม่เกินปีละ 500 นัด แต่ในการอนุญาตครั้งหนึ่งต้องไม่เกิน 25 นัด เฉพาะกระสุนปืนลูกซองตามบัญชีเทียบขนาดที่ 1 กรมตำรวจได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นกระสุนปืนที่โดยปกติใช้ล่า สัตว์ใหญ่ จึงให้อนุญาตปีละไม่เกิน 100 นัด แต่ในการอนุญาตครั้งหนึ่ง ๆ ต้องไม่เกิน 10 นัด ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้อง กับนโยบายในการสงวนพันธ์สัตว์ป่า (4) กระสุนอัดลมอนุญาตให้สั่งหรือนำเข้า หรือซื้อภายในราชอาราจักรได้ไม่เกินคราวละ 1,000 สำหรับกระสุนปืน อัดลมชนิดหนึ่ง ๆ (5) กระสุนลูกกรดทุกชนิดให้อนุญาตสั่งได้ไม่เกินปีละ 100 นัด ถ้าเป็นการซื้อในราชอาณาจักรให้อนุญาตได้ไม่เกิน คราวละ 200 นัด แต่ต้องไม่เกินปีละ 1,000 นัด การอนุญาตกระสุนปืนตามคำสั่งนี้ ได้กำหนดอัตราขึ้นไว้ เพื่อให้เป็นระดับเดียวกันในการอนุญาตตามปกติ แต่ถ้ามี กรณีซึ่งจะต้องผ่อนผันการออกอนุญาตเป็นพิเศษ เช่น ในกรณีที่คนต่างด้าว หรือข้าราชการสถานฑูตอันมีสัมพันธไมตรี ต่อประเทศไทยนำติดตัวเข้ามา ก็ให้พิจารณาผ่อนผันได้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายไปแล้วแจ้งให้กรมศุลกากรทราบ ถ้าเป็นกรณีซื้อภายในราชอาณาจักร เมื่อได้ผ่อนผันไปแล้วให้รายงานเหตุที่ผ่อนผันให้กระทรวงทราบเฉพาะคนต่างด้าว ที่ได้รับการผ่อนผันข้างต้นต้องเป็นบุคคลที่ได้รับสิทธิคุ้มกัน เช่นเจ้าหน้าทื่องค์การระหว่างประเทศ ข้อ 10 ในกรณีพิเศษต่าง ๆ นอกจากนี้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของนายทะเบียนเฉพาะเรื่องเฉพาะรายที่จะพิจารณาสั่งการ ข้อ 11 ถ้าเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจท้องที่ มีความสงสัยพฤติการณ์ไม่นาไว้วางใจว่าผู้รับใบอนุญาต คนใดจะเป็นผู้ต้องห้ามในการออกใบอนุญาตตามาตรา 13 (7)(8) หรือ(9) ก็ให้พนักงานสอบสวนท้องที่รายงาน พฤติการณ์ไปยังนายทะเบียนท้องที่ เพื่อเรียกตัวผู้รับอนุญาตมาทำประกันทัณฑ์บน หรือพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต เป็นราย ๆ ไป การทำประกันทัณฑ์บน ให้นายทะเบียนท้องที่เรียกตัวผู้รับอนุญาตมาดำเนินการดังนี้ ก. ให้นำหลักฐาน การประกอบอาชีพ และรายได้มาแสดง ข. ให้นำหลักฐาน ภูมิลำเนาถิ่นที่อยู่ และบัตรประจำตัวมาแสดง ค. ให้นำบุคคลที่เชื่อถือได้มารับรองทำสัญญาประกันและให้ผู้ได้รับอนุญาตทำทัณฑ์บนต่อนายทะเบียนท้องที่ โดย กำหนดระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน และไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันทำประกันทัณฑ์บน ถ้าผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวหาประกันที่เชื่อถือไม่ได้ หรือไม่ยอมทำทัณฑ์บนภายในเวลาอันสมควรตามที่นายทะเบียน ได้กำนดให้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน ให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาตนั้นเป็นผู้ซึ่งจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ให้นายทะเบียน ท้องที่เพิกถอนใบอนุญาตทุกรายไป เมื่อนายทะเบียนท้องที่ได้ทำสัญญาประกันทัณฑ์บนแล้ว ให้แจ้งสารวัตรใหญ่หรือ สารวัตรสถานีตำรวจท้องที่โดย มิชักช้า เพื่อสอดส่องพฤติการณ์ และหากปรากฏว่าผู้ทำสัญญาประกันหรือทัณฑ์บนผิดสัญญาประกัน หรือทัณฑ์บน ก็ให้สารวัตรใหญ่หรือสารวัตรสถานีตำรวจท้องที่ แจ้งให้นายทะเบียนท้องที่ทราบเพื่อดำเนินการต่อไป ข้อ 12 การเพิกถอนใบอนุญาต ให้เจ้าพนักงานตำรวจท้องที่เอาใจใส่ตรวจสอบบุคคลซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและ ใช้อาวุธปืนหากสงสัยพฤติการณ์ของผู้รับใบอนุญาตหรือปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ออก ใบอนุญาตก็รวบรวมหลักฐานรายงานนายทะเบียนท้องที่โดยมิชักช้า เพื่อดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป การสอบสวนคดีอาญา ในคดีความผิดตามที่ระบุไว้ในมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 ให้พนักงานสอบสวน สอบสวนผู้ต้องหาให้ปรากฏ ว่าเป็นผู้ใด้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนหรือไม่ หากปรากฏว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน และเป็นผู้ซึ่งมีลักษณะต้องห้ามมิให้ออกใบอนุญาต ก็ให้รวบรวม หลักฐานรายงานนายทะเบียนท้องที่โดยมิชักช้า และเมื่อผลคดีถึงที่สุดเป็นประการใด ให้รายงานนายทะเบียนทราบ เพื่อดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวข้างต้นต่อไป เมื่อปรากฏว่าผู้ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนผู้ใดเป็นผู้จะต้องดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาต นายทะเบียนอาวุธปืน ท้องที่กรุงเทพมหานคร รายงานพฤติการณ์ข้อเท็จจริงพร้อมพยานหลักฐาน เสนอขอความเห็นชอบจากกรมตำรวจก่อน หากกรมตำรวจเห็นชอบแล้วให้ทำคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต แล้วจัดเจ้าหน้าที่ไปร่วมกับตำรวจท้องที่ที่ผู้รับอนุญาตมี ภูมิลำเนาอยู่ แจ้งคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ผู้รับอนุญาตหรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ หรือผู้ความคุมดูแลทราบ เพื่อขอ รับอาวุธปืนและใบอนุญาตมีและใช้อาวุธปืนมาดำเนินการต่อไป และให้เจ้าพนักงานตำรวจท้องที่นั้น ๆ ลงประจำวันไว้ เป็นหลักฐาน ในกรณีที่ไม่สามารถติดตามผู้รับใบอนุญาตได้ หรือไม่มีผู้อนุบาล หรือควบคุมดูแล ให้นายทะเบียนอาวุธปืน ท้องที่ประกาศคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตไว้ ณ ที่ทำการของนายทะเบียนอาวุธปืนท้องที่ และที่อยู่ของผู้ได้รับอนุญาต ภายในกำหนด 30 วัน เมื่อพ้นกำหนดดังกล่าวให้นายทะเบียนอาวุธปืนท้องที่ แจ้งสถานีตำรวจดำเนินคดีกับผู้ถูกสั่ง เพิกถอนใบอนุญาตต่อไป ในกรณีที่ย้ายทะเบียนอาวุธปืน ผู้สั่งเพิกถอนแจ้งให้นายทะเบียนผู้ออกใบอนุญาตทราบเพื่อ หมายเหตุในทะเบียนคุมต่อไป ข้อ 13 หลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาต ให้บุคคลมีและใช้อาวุธปืนนี้เป็นหลักเกณฑ์โดยทั่วไป สำหรับใช้เป็น แนวทางพิจารณาของนายทะเบียนอาวุธปืนเท่านั้น หากรายใดนายทะเบียนมีเหตุผลอันสมควรว่าผู้ขอมีพฤติการณ์ ไม่เหมาะสม หรือมีเหตุผลความจำเป็นไม่เพียงพอ แม้จะเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่ขัดต่อมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติ อาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 ก็ตาม นายทะเบียนจะไม่อนุญาตก็ได้ มีขั้นตอนปฏิบัติ ดังนี้ 1. ยื่นคำขอ ตามแบบ ป.1 ระบุ ชนิด ประเภท จำนวน พร้อมทั้งแหล่งที่จะขอซื้อพร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวและ ทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองของผู้บังคับบัญชากรณีเป็นข้าราชการ หรือหนังสือรับรองของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรณีเป็น ราษฏรทั่ว ๆ ไป 2. สอบสวนคุณสมบัติ - สอบสวนในประเด็นเกี่ยวกับการต้องโทษคดีอาญา อาชีพ ความสามารถและความประพฤติ ได้แก่ ( พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ. 2490 ม.13 ) - สอบสวนสภาพความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อมของผู้ประกอบการพิจารณาด้วย - ถ้าเป็นเขตกรุงเทพมหานคร กรณีเป็นบุคคลที่ไม่เคยมีอาวุธปืนมาก่อน ต้องส่งเรื่องราวคำร้องให้ตำรวจท้องที่ สอบสวนคุณสมบัติ และหลักทรัพย์(ยกเว้นผู้ขอเป็นผู้ใหญ่บ้าน) - สำหรับต่างจังหวัด ให้นายทะเบียนท้องที่พิจารณาสอบสวนคุณสมบัติอย่างรอบคอบ และรวดเร็ว โดยราษฏรให้ สอบสวนจากเจ้าพนักงานปกครองที่ใกล้ชิดเช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เฉพาะกรณีสงสัยให้นายทะเบียนพิจารณาตรวจสอบ คุณสมบัติร่วมกับผู้บังคับกอง หรือ หัวหน้าสถานีตำรวจ 3. ถ้านายทะเบียนอนุญาตก็ให้ออก ป.3 ให้ไปซื้ออาวุธปืน 4. เมื่อได้รับ ป.3 แล้วจะต้องซื้ออาวุธปืน ณ ท้องที่ หรือ บุคคลที่ระบุไว้ใน ป.3 เท่านั้น เมื่อซื้อแล้วให้นำอาวุธปืนและ ใบคู่มือประจำปืนไปขอ ออกใบอนุญาต ป.4 5. เมื่อออก ป.4 แล้ว นายทะเบียนต้องเพิ่มรายการลงในทะเบียนอาวุธปืนประจำรายตำบลและประเภทอาวุธปืน อ่านดูแล้วน่ากลัวครับ คงเป็นตรงนี้ที่นายทะเบียนเอามาอ้างไม่ออก ป.3ให้ คุ้นๆว่าเคยอ่านผ่านๆมาแล้ว ตรงนี้หรือเปล่าครับที่ว่า กรมปกครองออกระเบียบมาโดยที่ตัวเองไม่มีอำนาจ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น นายทะเบียนก็เอามาอ้างโดยที่ตัวเองอ้างอิงระเบียบที่ขัดต่อกฎหมาย มีวิธียกเลิกระเบียบตัวนี้มั๊ยครับ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: teeyai ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 09:34:30 PM มีคำพิพากษา ของคดีคุณเสกออกมาแล้วไม่ใช่เหรอครับ เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้อ่านเหรอครับ หรือผมเข้าใจอะไรผิด
++นั่นซิ ผมกะลังคิดอยู่ว่า หรือว่ามันไม่มีผลบังคับ+++ งงจริงๆ ผู้รู้แนะนำแนวทางด้วยด้วยคร้าบ... หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: charkkrit ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 11:07:03 PM ผมอยากจะรู้จัง..ว่าท่านเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบออกใบป.3 เค้าดูเว็ปนี้กันหรือเปล่าครับ... แล้วมีแอบมาตอบกระทู้มั้ย..
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ พฤศจิกายน 08, 2007, 11:16:19 PM มีคำพิพากษา ของคดีคุณเสกออกมาแล้วไม่ใช่เหรอครับ เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้อ่านเหรอครับ หรือผมเข้าใจอะไรผิด ++นั่นซิ ผมกะลังคิดอยู่ว่า หรือว่ามันไม่มีผลบังคับ+++ งงจริงๆ ผู้รู้แนะนำแนวทางด้วยด้วยคร้าบ... มันเป็นคนละเรื่อง/เดียวกัน .... :~) ต้องไปอ่านคำพิพากษาให้ครบถ้วนก่อน .... อย่าคิดๆฟังๆเอาที่เขาเล่ามาครับ 8) กรณีของคุณตี๋ใหญ่-จขกท. อยากเรียนให้รู้เขารู้เราว่า ... มท. ณ เพลานี้จะตั้งป้อมสู้-ยื้อเวลา เพื่อรักษาแนวทางเดิม คนไม่ตั้งหลักสู้ก่อน-ปืนมาทีหลังจะอึดอัด เพราะมีเงื่อนเวลาจองปืนร้าน-ปืนสวัสดิการฯลฯ-รับโอน เป็นต้น.....อันนี้เป็นจุดอ่อน จุดแข็งคือ....ถูกอ้างระเบียบตัวไหนก็ฟ้องยกเลิกตัวนั้น....สู้ถึงศาลปกครอง....นาน..... ....แต่น่าชนะ....เพราะมีประเด็นชัดเจนครบครันทั้งข้อกฎหมายและหลักฐานข้อเท็จจริงของการเลือกปฏิบัติ เรื่องนี้ท่านจขกท.ต้องประเมินเองครับ .... ;D หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 12:17:22 AM ช่วงนี้มีกะทู้ปัญหาเกี่ยวกับการขอป.3เยอะ หรือว่ามท.จะมีนโยบายอะไร? หรือเปล่าครับ ???
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: teeyai ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 06:52:38 AM ถ้าตามที่พี่ธำรงว่า เช่น ผมจองปืนสวัสดิการไว้แต่พอสู้แล้ว อาจทำให้ถูกยกเลิกหรือไม่ได้ปืน แต่พอสู้แล้วชนะสามารถฟ้องเรียกค่า
เสียหายจากการที่ถูกยกเลิกปืนไปได้ไหม หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: nap.p ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 08:05:22 AM สู้ๆครับ
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: m40 ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 08:12:24 AM ทำไมชอบพูดกันจังว่า 11มม กับ 357 เป็นอาวุธสงคราม
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำไมร้านค้าอาวุธปืนถึงสั่งนำเข้ามาวางจำหน่ายได้ล่ะ ??? ??? ??? หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: Boon.l ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 08:29:34 AM ช่วยเชียร์ครับ
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 08:34:11 AM ช่วงนี้มีกะทู้ปัญหาเกี่ยวกับการขอป.3เยอะ หรือว่ามท.จะมีนโยบายอะไร? หรือเปล่าครับ ??? ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่แพ้ในศาลแล้วเสียหน้า... เลยต้องการเรียกศักดิ์ศรีคืน... แต่ที่นายสมชายอยากให้ระวังจะถูกมองว่าชอบเอาชนะคะคานนะครับ... ทำนองเดียวกับกับเด็กวัยรุ่นชอบเล่นเกมส์ต่อสู้ในคอมพิวเตอร์ ต่อสู้เอาชนะเพื่อความสนุกสะใจตนเอง... แต่ว่ากรณีนี้ไม่ใช่เกมส์คอมพิวเตอร์ กลายเป็นว่าประชาชนเดือดร้อนครับ... หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: TWC - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 08:37:50 AM ลูกซองกึ่งออโต้ของผมก็ใช้เหตุผลเพื่อการกีฬา(เพียงอย่างเดียว)เหมือนกันครับ
ทีแรกจะกรอกว่าเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน แต่นายทะเบียนบอกว่าไม่เหมาะสม ให้แก้ใหม่เป็นเพื่อการกีฬา แล้วให้ถ่ายสำเนาบัตรสมาชิกสนามยิงปืนแนบไปด้วย หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 09:22:47 AM ลูกซองกึ่งออโตชองผมก็ใช้เหตุผลเพื่อการกีฬา(เพียงอย่างเดียว)เหมือนกันครับ ทีแรกจะกรอกว่าเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน แต่นายทะเบียนบอกว่าไม่เหมาะสม ให้แก้ใหม่เป็นเพื่อการกีฬา แล้วให้ถ่ายสำเนาบัตรสมาชิกสนามยิงปืนแนบไปด้วย จำได้่ว่ามีระบุในระเบียบอะไรสักอย่างเรื่องปืนกีฬา .. ซึ่งไม่มีลูกซองกึ่งออโต ไม่มี .357 ไม่มี .45 ขรก. ทำผิดระเบียบของตัวเอง โดยมีประชาชนผสมโรงไปด้วย .... เสมือนโจรจะขึ้นบ้าน แล้วบอกให้คนดี ๆ เดินถนนอย่างเราดูต้นทางให้หน่อย ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: sopon7 ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 09:46:43 AM ใครครับ คนไหนที่ชอบ ว๊ า ก ประชาชน ..... ข้าราชการยุคนี้ส่วนใหญ่เป็นคนดีมีความรู้และคิดเป็นแล้ว อาจมีพวกปลายแถวในส่วนเล็กๆ ยังยึดติดเรื่องเก่าๆอยู่ เลยทำเป็นขู่เข็ญประชาชน ....... ลุงปู โดยส่วนตัวผมคิดว่าเป็นคนที่ต้องทำงานให้นายมากกว่า ... ถ้าไปทำตำแหน่งอื่นก็คงไม่มีปัญหาอะไร และอยากแนะนำ จขกท. หาเครื่องบันทึกเสียงเล็กๆติดตัวไปเอาเสียงมาเป็นที่ระลึกบ้างคงจะดีนะ ;D หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 10:14:53 AM เอา VDO ไปถ่ายด้วยสิครับว่าเขาว๊ากไง รับรองเห็นกล้องไม่กล้าว๊ากแน่นอน ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 10:21:11 AM น่าจะบอกเขาว่า
"หน.ไม่อนุญาต หรือครับ? ตาม กม. นายทะเบียนเป็นผู้อนุญาตไม่ใช่หรือครับ? ผมขอเมื่อยขาเดินขึ้นชั้น 2 ไปบอก ผอ. สำนักฯ ที่ปฏิบัติราชการแทนนายทะเบียนก่อนนะครับว่าท่าน หน. ไม่อนุญาตแทนตัวท่านนายทะเบียน" หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: foxbat.....รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 10:28:39 AM เคยเจอมั้ยครับ คำสั่งมหาดไทยใหญ่กว่ากฎหมายอย่างอื่น ขู่ได้เต็มปากเต็มคำดีแท้ เฮ้อ ::006::
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: KENG 92FS ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 10:42:46 AM อะไรกัน วังไชยาอีกแล้ว อุตส่าห์เขียนเชียร์ไปตั้งหลายรอบ ผมไปมาปี 48 กระบอกนึง ปี 49 กระบอกนึง ไม่เห็นจะมีอะไร เอกสารครบ จบภายใน 45 วัน
แต่ทำไมช่วงนี้มีปัญหาจัง สงสัยอย่างที่พี่ธำรงว่า แพ้ในศาลแล้วเสียหน้า เลยต้องเอาคืนคนกับคนอื่น ::007:: หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: nuy_rc 3D Extreme ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 11:30:22 AM สู้ต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: เพชร ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 12:21:59 PM ถ้า.357 กับ11มม.เป็นอาวุธสงครามแล้วละก็
ขนาด9มม.ที่ประจำการใช้อยู่ในกองทัพจะเรียกว่าอะไรครับ ? หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: J_D ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 12:31:21 PM เอา VDO ไปถ่ายด้วยสิครับว่าเขาว๊ากไง รับรองเห็นกล้องไม่กล้าว๊ากแน่นอน ;D ;D ;D ไปวันไหนกี่โมงเดี๋ยวไปถ่ายให้ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: Theera ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 01:19:55 PM ด้วยความเคารพครับ
เข้ามาให้ช่วยให้กำลังใจครับ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: * : L๐OKPlaNoi *:.รักแม่ ที่ พฤศจิกายน 09, 2007, 07:58:27 PM ถ้า.357 กับ11มม.เป็นอาวุธสงครามแล้วละก็ ขนาด9มม.ที่ประจำการใช้อยู่ในกองทัพจะเรียกว่าอะไรครับ ? เรียกว่า อาวุธพลเรือนครับ ::005:: ::005:: หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: teeyai ที่ พฤศจิกายน 10, 2007, 09:35:57 AM ไปคุยมาแล้วครับ (แต่ไม่ว๊าก...) คุยดี บอกว่าถ้าขอเพื่อปกป้องทรัพย์สินฯ ก็จะทำให้นายทะเบียนลำบากใจในการเซ็นต์
หรือถ้ายืนยันจะขอแบบเดิมก็ให้ไปให้เหตุผลเกี่ยวกับ ป.วิ 30 การปกครอง (ถ้าจำไม่ผิดนะ) โดยให้ชี้แจงเหตุผล เพราะผู้ขอไม่ใช่ ตร.ทหาร ไม่มีหน้าที่ปราบปราม และขนาดที่ขอก็ใหญ่เกินไปสำหรับประชาชนธรรมดา ก็เลยกลับมานั่งมึน ที่บ้านต่อว่า ไอ้ ป.วิ 30 การปกคราอง นี่มันเป็นยังไง หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: MJTactical ที่ พฤศจิกายน 10, 2007, 09:42:28 AM ไปคุยมาแล้วครับ (แต่ไม่ว๊าก...) คุยดี บอกว่าถ้าขอเพื่อปกป้องทรัพย์สินฯ ก็จะทำให้นายทะเบียนลำบากใจในการเซ็นต์ หรือถ้ายืนยันจะขอแบบเดิมก็ให้ไปให้เหตุผลเกี่ยวกับ ป.วิ 30 การปกครอง (ถ้าจำไม่ผิดนะ) โดยให้ชี้แจงเหตุผล เพราะผู้ขอไม่ใช่ ตร.ทหาร ไม่มีหน้าที่ปราบปราม และขนาดที่ขอก็ใหญ่เกินไปสำหรับประชาชนธรรมดา ก็เลยกลับมานั่งมึน ที่บ้านต่อว่า ไอ้ ป.วิ 30 การปกคราอง นี่มันเป็นยังไง นั่นสิครับ ไคยได้ยินเหมือนกันครับ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: rerng ที่ พฤศจิกายน 10, 2007, 10:00:50 AM ให้กำลังใจและคอยรับความรู้ครับ
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ พฤศจิกายน 10, 2007, 10:03:06 AM ไปคุยมาแล้วครับ (แต่ไม่ว๊าก...) คุยดี บอกว่าถ้าขอเพื่อปกป้องทรัพย์สินฯ ก็จะทำให้นายทะเบียนลำบากใจในการเซ็นต์ หรือถ้ายืนยันจะขอแบบเดิมก็ให้ไปให้เหตุผลเกี่ยวกับ ป.วิ 30 การปกครอง (ถ้าจำไม่ผิดนะ) โดยให้ชี้แจงเหตุผล เพราะผู้ขอไม่ใช่ ตร.ทหาร ไม่มีหน้าที่ปราบปราม และขนาดที่ขอก็ใหญ่เกินไปสำหรับประชาชนธรรมดา ก็เลยกลับมานั่งมึน ที่บ้านต่อว่า ไอ้ ป.วิ 30 การปกคราอง นี่มันเป็นยังไง ยื่น ป.๑ แล้วทำสำเนาเอาไว้ หากจะไม่อนุญาตก็บอกว่าให้ทำมาเป็นหนังสือ ไม่ใช่ตอบปากเปล่ามา จะได้เอาหนังสือที่บอกว่าไม่อนุญาตดำเนินการอุทธรณ์ต่อไป หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ พฤศจิกายน 10, 2007, 05:11:35 PM ไปคุยมาแล้วครับ (แต่ไม่ว๊าก...) คุยดี บอกว่าถ้าขอเพื่อปกป้องทรัพย์สินฯ ก็จะทำให้นายทะเบียนลำบากใจในการเซ็นต์ หรือถ้ายืนยันจะขอแบบเดิมก็ให้ไปให้เหตุผลเกี่ยวกับ ป.วิ 30 การปกครอง (ถ้าจำไม่ผิดนะ) โดยให้ชี้แจงเหตุผล เพราะผู้ขอไม่ใช่ ตร.ทหาร ไม่มีหน้าที่ปราบปราม และขนาดที่ขอก็ใหญ่เกินไปสำหรับประชาชนธรรมดา ก็เลยกลับมานั่งมึน ที่บ้านต่อว่า ไอ้ ป.วิ 30 การปกคราอง นี่มันเป็นยังไง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓๐ ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี เจ้าหน้าที่ต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน ............ ถ้านายทะเบียนฯพิจารณาแล้วเห็นว่าจะไม่อนุญาต ก็ต้องมีหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงข้อกฎหมายข้อพิจารณามา.....ว่าจะไม่อนุญาตนะ ซึ่งผู้ขอฯสามารถโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตนต่อนายทะเบียนฯ ถ้าเห็นว่าฟังขึ้นก็อนุญาต ฟังไม่ขึ้นก็ออกคำสั่งว่าไม่อนุญาต ;D นายทะเบียนฯกทม.จะทำตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย .... ต่างกับนายทะเบียนฯภูมิภาคมักละเลยขั้นตอนซึ่งกลายเป็นประเด็นละเว้นฯขึ้นได้ครับ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: kengx (นิยมความรุนแรงชั่วคราว) ที่ พฤศจิกายน 10, 2007, 05:52:33 PM สู้ต่อไปครับ เป็นกำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: thewan ที่ พฤศจิกายน 10, 2007, 06:47:15 PM ขอโทษนะครับ ผมไม่ทราบว่าขอเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน กับ ขอเพื่อการกีฬา มันแตกต่างหรือขอเพื่อการกีฬามันด้อยค่ากว่ากันอย่างไร ทำไมเห็นว่าต้องการขอเพื่อป้องกันชีวิตและทรัยพ์สินกันประเภทเดียว ???
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: จ่าหมู ที่ พฤศจิกายน 10, 2007, 08:26:06 PM ขอโทษนะครับ ผมไม่ทราบว่าขอเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน กับ ขอเพื่อการกีฬา มันแตกต่างหรือขอเพื่อการกีฬามันด้อยค่ากว่ากันอย่างไร ทำไมเห็นว่าต้องการขอเพื่อป้องกันชีวิตและทรัยพ์สินกันประเภทเดียว ??? ถ้าท่านขอเพื่อการกีฬา ท่านจะต้องนำหลักฐานการเป็นสมาชิก สยป.มาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน มาประกอบการพิจารณาด้วย ถ้าขอเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินไม่ต้องครับหัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: thewan ที่ พฤศจิกายน 10, 2007, 10:03:29 PM ถ้าท่านขอเพื่อการกีฬา ท่านจะต้องนำหลักฐานการเป็นสมาชิก สยป.มาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน มาประกอบการพิจารณาด้วย ถ้าขอเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินไม่ต้องครับ
ผมหมายถึงถ้าได้ใบ ป.4 มาแล้วคุณค่าหรือความรู้สึก หรืออะไรก็แล้วแต่มันแตกต่างกันอย่างไรครับ เพราะว่าตาม พรบ.อาวุธฯ ให้ออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน 3 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็เป็นเพียงวัตถุประสงค์ในการขอมีและใช้อาวุธปืน ถือได้ว่าแต่ละวัตถุประสงค์ที่เจ้าหน้าที่ออกใบ ป.4 ให้ ก็เป็นการมีปืนไว้ในครอบครองโดยชอบด้วยกฏหมายเหมือนกัน หรือว่าหากได้ใบ ป.4 เพื่อการกีฬามาแล้ว นำมาใฃ้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินไม่ได้ ไม่ใช่กรณีต้องไปขอหนังสือรับรองจากสนามยิงปืนมาประกอบในขั้นตอนการขอใบอนุญาตครับ :D หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: จ่าหมู ที่ พฤศจิกายน 10, 2007, 10:35:51 PM ท่านลองดูคำถามที่ท่านถามตอนแรกซิครับว่ามีที่บอกว่าได้ใบ ป.4มาแล้วหรือเปล่า ผมไม่เห็นว่ามีผมก็ตอบในสิ่งที่แตกต่าง ส่วน ป.4เพื่อการกีฬานำมาใช้ป้องกันชีวิตฯนั้นไม่ทราบครับว่าได้หรือไม่ คงต้องรบกวนท่านผู้การมาให้ความรู้หละครับ
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: จ่าหมู ที่ พฤศจิกายน 10, 2007, 10:42:04 PM ส่วนคุณค่ากับความรู้สึกผมว่าแล้วแต่ละบุคคลมั้งครับ
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: teeyai ที่ พฤศจิกายน 10, 2007, 11:21:21 PM พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
มาตรา ๓๐ ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี เจ้าหน้าที่ต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน ............ ถ้านายทะเบียนฯพิจารณาแล้วเห็นว่าจะไม่อนุญาต ก็ต้องมีหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงข้อกฎหมายข้อพิจารณามา.....ว่าจะไม่อนุญาตนะ ซึ่งผู้ขอฯสามารถโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตนต่อนายทะเบียนฯ ถ้าเห็นว่าฟังขึ้นก็อนุญาต ฟังไม่ขึ้นก็ออกคำสั่งว่าไม่อนุญาต +++อย่างนี้ก็แสดงว่า ถ้าเหตุผลที่ให้ไปถ้านายทะเบียนบอกฟังไม่ขึ้นก็สามารถไม่อนุญาตให้ได้ใช่ไหมครับ++++ ถ้างั้นมันก็คงอยู่ที่ความพอใจของนายทะเบียนน่ะซิ ว่าไม่ให้ก็ได้เพราะเหตุผลไม่พอ.......... หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: thewan ที่ พฤศจิกายน 10, 2007, 11:47:10 PM พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
มาตรา ๓๐ ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี เจ้าหน้าที่ต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน ............ ถ้านายทะเบียนฯพิจารณาแล้วเห็นว่าจะไม่อนุญาต ก็ต้องมีหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงข้อกฎหมายข้อพิจารณามา.....ว่าจะไม่อนุญาตนะ ซึ่งผู้ขอฯสามารถโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตนต่อนายทะเบียนฯ ตาม พรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ ม.30 ได้บัญญัติขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้มีสิทธิโต้แย้งคำสั่งทางปกครองของเจ้าหน้าที่ปกครอง ซึ่งเป็นขั้นตอนของการอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองซึ่งเป็นการตรวจสอบในชั้นแรกก่อน ทั้งนี้เมื่อได้อุทธรณ์คำสั่งทางปกครองและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นผู้รักษาการตาม พรบ.อาวุธฯ พิจารณาแล้วไม่อนุญาตตามคำสั่งนายทะเบียน ผู้ถูกโต้แย้งสิทธิก็ต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองดังกล่าวต่อไปโดยในชั้นนี้จะเป็นการตรวจสอบคำสั่งทางปกครองโดยทางศาล ซึ่งกรณีนี้หากไม่มีการอุทธรณ์ก็ไม่สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ครับ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: nomember ที่ พฤศจิกายน 11, 2007, 08:35:50 AM การขอเพื่อการกีฬา เมื่อได้ ป.4 มีระบุตรงไหนครับว่าเพื่อการกีฬา ขอสอบถามเพราะไม่เคยขอเพื่อการกีฬาเลยครับ เผื่อขอได้อีก ;D ;D
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: teeyai ที่ พฤศจิกายน 11, 2007, 09:18:28 AM การขอเพื่อการกีฬา เมื่อได้ ป.4 มีระบุตรงไหนครับว่าเพื่อการกีฬา ขอสอบถามเพราะไม่เคยขอเพื่อการกีฬาเลยครับ เผื่อขอได้อีก
+++ระบุการขอตอนขอ ป.3 อ่ะครับ แต่ต้องเป็นสมาชิกสนาม 60 วัน พอใบป.4 ออกมาก็จะระบุว่าใช้เพื่อการกีฬาครับ+++ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ พฤศจิกายน 11, 2007, 10:16:18 AM พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓๐ ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี เจ้าหน้าที่ต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน ............ ถ้านายทะเบียนฯพิจารณาแล้วเห็นว่าจะไม่อนุญาต ก็ต้องมีหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงข้อกฎหมายข้อพิจารณามา.....ว่าจะไม่อนุญาตนะ ซึ่งผู้ขอฯสามารถโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตนต่อนายทะเบียนฯ ถ้าเห็นว่าฟังขึ้นก็อนุญาต ฟังไม่ขึ้นก็ออกคำสั่งว่าไม่อนุญาต +++อย่างนี้ก็แสดงว่า ถ้าเหตุผลที่ให้ไปถ้านายทะเบียนบอกฟังไม่ขึ้นก็สามารถไม่อนุญาตให้ได้ใช่ไหมครับ++++ ถ้างั้นมันก็คงอยู่ที่ความพอใจของนายทะเบียนน่ะซิ ว่าไม่ให้ก็ได้เพราะเหตุผลไม่พอ.......... ถ้านายทะเบียนฯปฏิเสธการอนุญาต ก็ต้องมีหนังสือแจ้งผู้ขอฯ ซึ่งถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ... จะต้องเป็นไปตามพ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓๗...... มาตรา ๓๗ คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสือและการยืนยันคำสั่งทางปกครองเป็นหนังสือต้องจัดให้มีเหตุผลไว้ด้วย และเหตุผลนั้นอย่างน้อยต้องประกอบด้วย (๑) ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ (๒) ข้อกฎหมายที่อ้างอิง (๓) ข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ ............... หนังสือแจ้งไม่อนุญาตของนายทะเบียนฯ ต้องแจ้งสิทธิการอุทธรณ์ให้ผู้ขอฯทราบด้วย ทั้งนี้เป็นไปตามมาตรา ๔๐ ..... มาตรา ๔๐ คำสั่งทางปกครองที่อาจอุทธรณ์หรือโต้แย้งต่อไปได้ให้ระบุกรณีที่อาจอุทธรณ์หรือโต้แย้ง การยื่นคำอุทธรณ์หรือคำโต้แย้ง และระยะเวลาสำหรับการอุทธรณ์หรือการโต้แย้งดังกล่าวไว้ด้วย ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคหนึ่ง ให้ระยะเวลาสำหรับการอุทธรณ์หรือการโต้แย้งเริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งหลักเกณฑ์ตามวรรคหนึ่ง แต่ถ้าไม่มีการแจ้งใหม่และระยะเวลาดังกล่าวมีระยะเวลาสั้นกว่าหนึ่งปี ให้ขยายเป็นหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับคำสั่งทางปกครอง ขอตอบความที่คุณตี๋ใหญ่ปุจฉา (ที่ขีดเส้นใต้ไว้) ว่า .......... นายทะเบียนฯสั่งตามพอใจไม่ได้....นายทะเบียนฯต้องให้เหตุผลตามมาตรา ๓๗ ผู้ขอก็ต้องไปดูว่านายทะเบียนฯให้เหตุผลอย่างไรที่ไม่อนุญาต ..... ถ้าไม่เห็นด้วย..ผู้ขอฯสามารถอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีได้ต่อไปครับ :) หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: countrypolice ที่ พฤศจิกายน 11, 2007, 12:29:50 PM ตามที่คุณขอ ป.3 11 มม.นั้น หน.ไม่อนุญาตเพราะว่าคุณขอเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน ให้ไปเปลี่ยนเป็นขอเพื่อการกากีฬาแทน เพราะ 11 มม.นั้นอนุญาตได้เฉพาะ ตร.และทหารที่มีหน้าปราบปรามเท่านั้น และที่ขอปกป้องชีวิตฯนั้นมันเกินกว่าเหตุ ผมเลยแจ้งว่าถ้าขอเพื่อการกีฬาก็ต้องไปสมัครเป็นสมาชิกสนามอีก 60 วันถึงจะมีสิทธิ์ขอ จึงถามกลับไปว่าในระเบียบเค้าว่าไว้อย่างนั้นเลยเหรอ เค้าเลยตัดบทแล้วให้ไปพบ หน.ฝ่ายที่ชอบว๊ากประชาชนในวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวได้ผลยังไงจะมาเล่าให้ฟัง เป็นกำลังใจให้ผมด้วยคร้าบ..... [/quote ::010:: ::010:: ::010::] นี่เลยครับ www.1111.go.th อย่างน้อยเจ้าตัวอาจอดสองขั้นปีนี้ ::002:: หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: veravut_ter ที่ พฤศจิกายน 11, 2007, 04:59:13 PM เมื่อวันที่ 10-11-50 ผมได้รับจดหมายจากทางวังไชยา แจ้งว่า อาวุธปืน ขนาด .357 ที่ผมขอไว้เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินนั้น ไม่สามารถที่จะออกใบอนุญาติให้ได้ เนื่องจากได้มีอาวุธปืน ขนาด 9 มม.แล้ว 1 กระบอก เพื่อป้องกันฯ จึงอยากให้แนบเอกสารเพิ่มเติมเพื่อแสดงถึงความจำเป็นในการขอเพื่อป้องกันชีวิตฯ ภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับเอกสารนี้ แต่ผมคิดว่ายังไงก็จะต้องสู้ต่อไปเพื่อประชาชนอย่างเราๆ ถึงแม้จะต้องมีเรื่องถึงศาลปกครองก็ตาม จะนานแค่ไหนก็คอยได้ครับ เพราะปืนยังไงก็ต้องเป็นของเรา
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ พฤศจิกายน 11, 2007, 05:16:54 PM ไปคุยมาแล้วครับ (แต่ไม่ว๊าก...) คุยดี บอกว่าถ้าขอเพื่อปกป้องทรัพย์สินฯ ก็จะทำให้นายทะเบียนลำบากใจในการเซ็นต์ หรือถ้ายืนยันจะขอแบบเดิมก็ให้ไปให้เหตุผลเกี่ยวกับ ป.วิ 30 การปกครอง (ถ้าจำไม่ผิดนะ) โดยให้ชี้แจงเหตุผล เพราะผู้ขอไม่ใช่ ตร.ทหาร ไม่มีหน้าที่ปราบปราม และขนาดที่ขอก็ใหญ่เกินไปสำหรับประชาชนธรรมดา ก็เลยกลับมานั่งมึน ที่บ้านต่อว่า ไอ้ ป.วิ 30 การปกคราอง นี่มันเป็นยังไง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓๐ ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี เจ้าหน้าที่ต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน ............ ถ้านายทะเบียนฯพิจารณาแล้วเห็นว่าจะไม่อนุญาต ก็ต้องมีหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงข้อกฎหมายข้อพิจารณามา.....ว่าจะไม่อนุญาตนะ ซึ่งผู้ขอฯสามารถโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตนต่อนายทะเบียนฯ ถ้าเห็นว่าฟังขึ้นก็อนุญาต ฟังไม่ขึ้นก็ออกคำสั่งว่าไม่อนุญาต ;D นายทะเบียนฯกทม.จะทำตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย .... ต่างกับนายทะเบียนฯภูมิภาคมักละเลยขั้นตอนซึ่งกลายเป็นประเด็นละเว้นฯขึ้นได้ครับ คือแบบว่า ตอนนี้นายทะเบียนที่บ้านผมทำตามระเบียบทุกอย่าง ก่อนจะไม่อนุญาตก็จะมีหนังสือมาแจ้งให้แสดงหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนที่จะออกคำสั่งทางปกครองต่อไป แต่กับผมคนเดียวครับ อย่างนี้เลือกปฏิบัติหรือเปล่าครับพี่ ;D ;D ;D ;D ;D ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: * : L๐OKPlaNoi *:.รักแม่ ที่ พฤศจิกายน 11, 2007, 06:13:10 PM ถ้าขอ ใบปอสามยาก ท่องคาถาไว้ครับ...........อ่อนแทง............แข็งเว้น.....อ่อนแทง......แข็งเว้น ::005:: ::005:: หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ พฤศจิกายน 11, 2007, 07:24:43 PM คือแบบว่า ตอนนี้นายทะเบียนที่บ้านผมทำตามระเบียบทุกอย่าง ก่อนจะไม่อนุญาตก็จะมีหนังสือมาแจ้งให้แสดงหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนที่จะออกคำสั่งทางปกครองต่อไป แต่กับผมคนเดียวครับ อย่างนี้เลือกปฏิบัติหรือเปล่าครับพี่ ;D ;D ;D ;D ;D ขอบคุณครับ ถือว่าคุณหนองหัวพรานช่วยทำให้นายทะเบียนฯปฏิบัติตามกฎหมาย ::002:: .... คงไปว่าท่านเลือกปฏิบัติไม่ได้กระมังครับ :~) :~) หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: บอย4589 ที่ พฤศจิกายน 11, 2007, 07:47:32 PM สู้ๆต่อไปนะครับ ผมละมึนตรึบจิงๆ ทำไมยากเย็นอะไรแบบนี้ครับ สู้ไปเถะครับ
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: k101 ที่ พฤศจิกายน 11, 2007, 08:54:11 PM เป็นกำลังใจด้วยคนครับ สู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: TOR158 ที่ พฤศจิกายน 12, 2007, 01:03:32 PM ผมจะย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาที่ กทม. ครับ เพราะเท่าที่ติดตามมาตลอด คาดว่าที่วังฯน่าจะอนุมัติง่ายกว่า(หลายกระบอก ไม่จำกัดขนาด และสั้นยาว)ใช่ไหมครับ เพราะที่ผมอยู่ยังใช้วิธีเดิมครับ มีราคาประจำขนาด 555555555
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: ahu ที่ พฤศจิกายน 12, 2007, 02:53:51 PM ตกลงคำพิพากษาตัดสินของศาลปกครองกรณีพี่เสกสรร เกิน 30 วันแล้วอีกฝ่ายได้มีการยื่นอุทธรณ์หรือไม่ครับ หรือถือเป็นสิ้นสุดแล้ว :D
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: teeyai ที่ พฤศจิกายน 12, 2007, 06:50:02 PM อืม...ตอนที่ไปคุยได้ลองแย็บๆถึงเรื่องที่ฟ้องร้องกัน เค้าเลยบอกว่า "เสกสรร ใช่ไหม" ตอนนี้ได้ถอนฟ้องออกไป 4 เรื่องแล้ว
ฟังแล้วดูเหมือนว่าสู้เค้าไม่ได้แล้ว จึงต้องถอนฟ้องออกไปเอง............ตกลงยังไงกันครับเนี่ย....ทำไมเรื่องฟ้องมันเยอะ ขนาดนั้นยังจะดื้ออี๊ก................ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 12, 2007, 11:07:36 PM ในความคิดเห็นของผมส่วนตัวครับ
ตามข้ออ้างของทางราชการที่ไม่อนุญาตนั้น มันต้องมีเหตุและผล ที่ไม่อนุญาต หากแต่เราได้มีโอกาสได้ชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นหรือไม่ ราชการก็คงต้องออกใบอนุญาตให้ การที่ไม่พอใจกับทางราชการในการไม่ออกใบอนุญาตแล้วจะไปฟ้องต่อศาลปกครอง ผมไม่เห้นด้วย ถึงแม้ว่าจะชนะในคดีความก็ตาม แต่ไม่ทราบว่าได้มองถึงอนาคตส่วนรวมของนักนิยมปืนกันบ้างหรือไม่ และตราบใดที่ราชการไม่ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวและผลักดันให้ออกมาเป็นกฎกระทรวง โดยเอาความมั่นคงความสงบสุขของประชาชนโดยส่วนรวมมาเป็นข้ออ้าง.....นักนิยมปืนจะทำอย่างไร ถ้าราชการผลักระเบียบนี้ออกมาเป็นกฎกระทรวงแล้วใครจะไปแย้ง ต่อให้มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งคงไม่มีใครมากล้าแตะต้องกฎหมาย, ระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนหรอกครับ ต่อให้ สส. สว. รัฐมนตรี ที่นิยมปืน ไม่มีใครเอาตัวเข้ามาเสี่ยงหรอกครับ และการที่คดีของคุณเสกสรรชนะความก็ตาม ราชการท่านไม่สนใจหรอกครับ เพราะเมื่อมีเรื่องฟ้องกันมาก ก็ออกระเบียบให้รัดกุมมากกว่านี้ ซึ่งอาจจะกำหนดตายตัวเลยว่า ขอป.๓ใช้เวลาเพื่อตรวจสอบ ๖ เดือน ป.๓มีอายุ ๖ เดือน ใบอนุญาตป.๔มีอายุ ๑ ปีต่ออายุทุกๆปีและต้องนำปืนไปตรวจด้วย แค่นี้เราก็เดี้ยงแล้วครับไปวังไชยากันทุกเดือนขึ้นอำเภอกันทุกอาทิยตย์ ไม่ต้องทำมาหากินอะไรแล้ว อย่าลืมนะครับว่าราชการเป็นผู้ออกระบียบ ประชาชนเป็นผู้ปฏิบัติตามระเบียบ ผมว่าควรจะชี้แจงกับนายทะเบียนทั้งด้วยวาจา และลายลักษณ์อักษรดีกว่าที่จะไปตั้งป้อมสู้กันด้วยกฎหมาย ศาลปกครอง ชนะแล้วได้อะไร เปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นหรือไม่ เพราะเห็นหลายๆท่านที่โพสต์มานั้นยังเหมือนเดิมทุกประการนั้น แสดงถึงราชการไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องเหล่านี้เลยครับ แนวทางก็คือพูดคุยกันกับนายทะเบียนให้รู้เรื่องถึงเหตุและผลจะดีที่สุด อย่าพึ่งไปตั้งแง่ว่า เข้าไปแล้วนายทะเบียนไม่คุยด้วย หรือยังไงก็ไม่อนุญาต ทุกอย่างพบกันครึ่งทางได้เสมอครับ ขอให้จขกท. โชคดีครับ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ พฤศจิกายน 13, 2007, 07:52:19 AM คือแบบว่า
ความคิดส่วนตัวผม หากนายทะเบียนปฏิบัติต่อทุกคนที่ไปขออนุญาตเหมือนกันโดยไม่คำนึงถึงยศ ฐานะหรือตำแหน่งทางสังคม หรือดูกันที่ฐานะทางเศรษฐกิจ ผมคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีปัญหาให้ฟ้องร้องกันหรอกครับ แต่นี่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นครับ ก็เลยต้องช่วยกันทำให้มีบรรทัดฐานเกิดกับสังคมชาวปืนครับ ผู้ปกครองมักจะรับไม่ค่อยได้กับการที่ต้องเสียหน้าโดยแพ้คดีความแก่ผู้ถูกปกครองเลยต้องรัดกุมขึ้นครับ แต่หากลองไปศึกษา พรบ.อาวุธปืนโดยละเอียดแล้วจะพบว่ามีอีกหลายๆคำสั่งที่ออกมาโดยไม่ถูกต้องจากผู้ปกครอง ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: ห ม า ย จั น ท ร์ ที่ พฤศจิกายน 13, 2007, 07:59:58 AM คือแบบว่า ความคิดส่วนตัวผม หากนายทะเบียนปฏิบัติต่อทุกคนที่ไปขออนุญาตเหมือนกันโดยไม่คำนึงถึงยศ ฐานะหรือตำแหน่งทางสังคม หรือดูกันที่ฐานะทางเศรษฐกิจ ผมคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีปัญหาให้ฟ้องร้องกันหรอกครับ แต่นี่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นครับ ก็เลยต้องช่วยกันทำให้มีบรรทัดฐานเกิดกับสังคมชาวปืนครับ ผู้ปกครองมักจะรับไม่ค่อยได้กับการที่ต้องเสียหน้าโดยแพ้คดีความแก่ผู้ถูกปกครองเลยต้องรัดกุมขึ้นครับ แต่หากลองไปศึกษา พรบ.อาวุธปืนโดยละเอียดแล้วจะพบว่ามีอีกหลายๆคำสั่งที่ออกมาโดยไม่ถูกต้องจากผู้ปกครอง ขอบคุณครับ เห็นด้วยครับ ถ้าทำอะไรให้เป็นแบบแผนเดียวกัน มาตรฐานเดียว การฟ้องร้องก็คงไม่เกิดขึ้นครับ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ พฤศจิกายน 13, 2007, 08:48:40 AM ในความคิดเห็นของผมส่วนตัวครับ ถ้ามีเหตุผลที่ไม่ให้ ทุกคนก็ไม่ควรได้เหมือนๆกัน เท่าที่ผมอ่านจากเว๊ปนี้ ชาวบ้านธรรมดาขอยากตามข้ออ้างของทางราชการที่ไม่อนุญาตนั้น มันต้องมีเหตุและผล ที่ไม่อนุญาต หากแต่เราได้มีโอกาสได้ชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นหรือไม่ ราชการก็คงต้องออกใบอนุญาตให้ การที่ไม่พอใจกับทางราชการในการไม่ออกใบอนุญาตแล้วจะไปฟ้องต่อศาลปกครอง ผมไม่เห้นด้วย ถึงแม้ว่าจะชนะในคดีความก็ตาม แต่ไม่ทราบว่าได้มองถึงอนาคตส่วนรวมของนักนิยมปืนกันบ้างหรือไม่ และตราบใดที่ราชการไม่ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวและผลักดันให้ออกมาเป็นกฎกระทรวง โดยเอาความมั่นคงความสงบสุขของประชาชนโดยส่วนรวมมาเป็นข้ออ้าง.....นักนิยมปืนจะทำอย่างไร ถ้าราชการผลักระเบียบนี้ออกมาเป็นกฎกระทรวงแล้วใครจะไปแย้ง ต่อให้มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งคงไม่มีใครมากล้าแตะต้องกฎหมาย, ระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนหรอกครับ ต่อให้ สส. สว. รัฐมนตรี ที่นิยมปืน ไม่มีใครเอาตัวเข้ามาเสี่ยงหรอกครับ และการที่คดีของคุณเสกสรรชนะความก็ตาม ราชการท่านไม่สนใจหรอกครับ เพราะเมื่อมีเรื่องฟ้องกันมาก ก็ออกระเบียบให้รัดกุมมากกว่านี้ ซึ่งอาจจะกำหนดตายตัวเลยว่า ขอป.๓ใช้เวลาเพื่อตรวจสอบ ๖ เดือน ป.๓มีอายุ ๖ เดือน ใบอนุญาตป.๔มีอายุ ๑ ปีต่ออายุทุกๆปีและต้องนำปืนไปตรวจด้วย แค่นี้เราก็เดี้ยงแล้วครับไปวังไชยากันทุกเดือนขึ้นอำเภอกันทุกอาทิยตย์ ไม่ต้องทำมาหากินอะไรแล้ว อย่าลืมนะครับว่าราชการเป็นผู้ออกระบียบ ประชาชนเป็นผู้ปฏิบัติตามระเบียบ ผมว่าควรจะชี้แจงกับนายทะเบียนทั้งด้วยวาจา และลายลักษณ์อักษรดีกว่าที่จะไปตั้งป้อมสู้กันด้วยกฎหมาย ศาลปกครอง ชนะแล้วได้อะไร เปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นหรือไม่ เพราะเห็นหลายๆท่านที่โพสต์มานั้นยังเหมือนเดิมทุกประการนั้น แสดงถึงราชการไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องเหล่านี้เลยครับ แนวทางก็คือพูดคุยกันกับนายทะเบียนให้รู้เรื่องถึงเหตุและผลจะดีที่สุด อย่าพึ่งไปตั้งแง่ว่า เข้าไปแล้วนายทะเบียนไม่คุยด้วย หรือยังไงก็ไม่อนุญาต ทุกอย่างพบกันครึ่งทางได้เสมอครับ ขอให้จขกท. โชคดีครับ แต่คนที่มีเส้นมีสายรู้จักนักการเมืองท้องถิ่น หรือผู้มีอำนาจก็ออกให้ได้ หรือไม่ก็ต้องจ่ายเงินค่าน้ำหมึก ที่ไม่อนุญาตก็อนุญาต มาตฐานจริงๆมันอยู่ตรงไหน เท่าที่ผมอ่านๆมาหลายปียังมองไม่เห็น หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: srimalai_รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 13, 2007, 09:30:20 AM ถ้าไม่ปกป้องสิทธิ เขาก็จะกดหัวเราอยู่ร่ำไป จนกลายเป็นนิสัย ขี้ข้า อะไรนิดอะไรหน่อยก็กลัว
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 13, 2007, 09:45:07 AM ในความคิดเห็นของผมส่วนตัวครับ ตามข้ออ้างของทางราชการที่ไม่อนุญาตนั้น มันต้องมีเหตุและผล ที่ไม่อนุญาต หากแต่เราได้มีโอกาสได้ชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นหรือไม่ ราชการก็คงต้องออกใบอนุญาตให้ การที่ไม่พอใจกับทางราชการในการไม่ออกใบอนุญาตแล้วจะไปฟ้องต่อศาลปกครอง ผมไม่เห้นด้วย ถึงแม้ว่าจะชนะในคดีความก็ตาม แต่ไม่ทราบว่าได้มองถึงอนาคตส่วนรวมของนักนิยมปืนกันบ้างหรือไม่ และตราบใดที่ราชการไม่ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวและผลักดันให้ออกมาเป็นกฎกระทรวง โดยเอาความมั่นคงความสงบสุขของประชาชนโดยส่วนรวมมาเป็นข้ออ้าง.....นักนิยมปืนจะทำอย่างไร ถ้าราชการผลักระเบียบนี้ออกมาเป็นกฎกระทรวงแล้วใครจะไปแย้ง ต่อให้มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งคงไม่มีใครมากล้าแตะต้องกฎหมาย, ระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนหรอกครับ ต่อให้ สส. สว. รัฐมนตรี ที่นิยมปืน ไม่มีใครเอาตัวเข้ามาเสี่ยงหรอกครับ และการที่คดีของคุณเสกสรรชนะความก็ตาม ราชการท่านไม่สนใจหรอกครับ เพราะเมื่อมีเรื่องฟ้องกันมาก ก็ออกระเบียบให้รัดกุมมากกว่านี้ ซึ่งอาจจะกำหนดตายตัวเลยว่า ขอป.๓ใช้เวลาเพื่อตรวจสอบ ๖ เดือน ป.๓มีอายุ ๖ เดือน ใบอนุญาตป.๔มีอายุ ๑ ปีต่ออายุทุกๆปีและต้องนำปืนไปตรวจด้วย แค่นี้เราก็เดี้ยงแล้วครับไปวังไชยากันทุกเดือนขึ้นอำเภอกันทุกอาทิยตย์ ไม่ต้องทำมาหากินอะไรแล้ว อย่าลืมนะครับว่าราชการเป็นผู้ออกระบียบ ประชาชนเป็นผู้ปฏิบัติตามระเบียบ ผมว่าควรจะชี้แจงกับนายทะเบียนทั้งด้วยวาจา และลายลักษณ์อักษรดีกว่าที่จะไปตั้งป้อมสู้กันด้วยกฎหมาย ศาลปกครอง ชนะแล้วได้อะไร เปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นหรือไม่ เพราะเห็นหลายๆท่านที่โพสต์มานั้นยังเหมือนเดิมทุกประการนั้น แสดงถึงราชการไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องเหล่านี้เลยครับ แนวทางก็คือพูดคุยกันกับนายทะเบียนให้รู้เรื่องถึงเหตุและผลจะดีที่สุด อย่าพึ่งไปตั้งแง่ว่า เข้าไปแล้วนายทะเบียนไม่คุยด้วย หรือยังไงก็ไม่อนุญาต ทุกอย่างพบกันครึ่งทางได้เสมอครับ ขอให้จขกท. โชคดีครับ ผมมีความเห็นต่าง กับคุณ flyingkob.. แต่ก็อยากให้มองว่าเป็นการเสริม เติมให้กันในสิ่งที่อาจเกิดประโยชน์ แก่เพื่อนคอปืน.. เรื่องนี้ ควรต้องจับประเด็นให้ถูกและต้องแยกออกจากกัน จะให้เหตุผลรวมกันเป็นประเด็นเดียวกัน.. ย่อมจะงงสับสน .. และมองไม่เห็นทาง.. ๑. การพิจารณาอนุญาต ป.๓ หรือไม่. นายทะเบียน ต้อง พิจารณา ว่า ผู้ขอ อนุญาต ขัดต่อ พรบ.อาวุธปืนฯมาตรา ๑๓ หรือไม่ .. จะต้องพิจารณาในประเด็นนี้ .. แต่ นายทะเบียน ฯ ไปอ้างเอาคำสั่งทางการปกครอง เรื่องให้พิจารณา จาก สั้น ๑ ยาว ๑ มาใช้แบบหลับตา.ก็ต้องเปิดตา สุดแต่ จะสกิด หรือจะเอาน้ำสาด คำสั่งทางการปกครองที่อยู่เหนือนายทะเบียนฯ เป็นเพียงให้แนวทาง จะทำตามหรือไม่ ต้องยึดถือกฎหมาย ตาม ม.๑๓ เป็นสำคัญ ๒. เนื้อหาในการไม่อนุญาต.. ถ้าเป็นไปตาม ม.๑๓ ถึงจะอุทธรณ์ จะฟ้องศาลปกครอง ก็ไม่บังเกิดผล ถ้าคำสั่งไม่อนุญาต ไปอ้างเหตุผลอื่น.. เช่นคำสั่งทางปกครอง สั้น๑ ยาว ๑ เป็นอาวุธปืนสงคราม หรือ มีอยู่แล้วให้อีกไม่ได้ .. เพื่อสนับสนุนข้ออ้างของตน เป็นคำสั่งที่ไม่มีกฎหมายรองรับ .. เป็นเรื่องที่ท่านชอบที่จะใช้สิทธิที่มี ประชาชนมีอยู่เสียบ้าง ต้องอุทธรณ์ ฟ้องศาลอุทธรณ์ .. ตามลำดับ. เป็นเรื่องต่างคนต่างใช้สิทธิ.. อุทธรณ์ .. ฟ้องศาลปกครอง.. เป็นเรื่องที่ท่านจะกล้าพอที่จะใช้สิทธิที่ทกฎหมายให้อำนาจไหม.. ๓. เรื่องการอุทธรณ์ หรือฟ้องศาลปกครอง เป็นเรื่องเฉพาะตัว เป็นเรื่องต้องหยิบในแต่ละข้อเท็จจริง ในการไม่อนุญาต นั้น มาคัดค้านโต้แย้ง.. ถ้าข้อเท็จจริงเหมือนกัน ย่อมนำไปใช้ได้ .. ไปอุทธรณ์ ฟ้องศาลปกครองกับรายอื่นได้อีก เว้นแต่ในกรณี ฟ้องศาลปกครอง ให้เพิกถอนคำสั่งทางการปกครองที่ไม่ชอบ.. เมื่อคำสั่งถูกเพิกถอน .. นายทะเบียนฯ จะต้องไม่อ้างคำสั่งนั้นอีก.. ขืนอ้าง เมื่อถูกโต้แย้ง. เท่ากับนายทะเบียนยันยันจะปฎิบัติในเรื่องที่กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจ ผู้ยื่นคำร้อง ย่อมได้รับความเสียหาย .. "การกระทำของนายทะเบียนฯ อาจ เข้าเป็นเจ้าพนักงาน ปฎิบัติ หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด." .. ตามป.อาญา ๑๕๗ .. ไม่ต้องฟ้องศาลปกครอง แล้วครับ.. อาจนำเรื่องนี้ ร้องทุกข์ หรือดำเนินคดีอาญาได้เลย. ๔. การออกกฎกระทรวง ไม่ใช่จะออกได้ตาม อำเภอใจ ฉัน. มันมีความรับผิดชอบ ถึงต้องให้ออกจากตำแหน่ง. กฎกระทรวงจะออกมาได้ นั้น มท.๑ แค่เป็นผู้รับผิดชอบเท่านั้น.. แต่เนื้อแท้ โดยสาระแล้ว อยู่ที่นโบยายของรัฐบาล ผลักดันผ่านมาทาง มท.๑ เท่านั้น. มีประเด็นแยกเท่าที่พอมองเห็น .. ควรต้องจับเหมือนอ้อย.. ควั่นมันไป ทีละ ข้อ ข้อ .. แล้วจะพอเห็นว่าควรจะกระทำอย่างไร. ครับ :) หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 13, 2007, 10:46:29 AM อืม...ตอนที่ไปคุยได้ลองแย็บๆถึงเรื่องที่ฟ้องร้องกัน เค้าเลยบอกว่า "เสกสรร ใช่ไหม" ตอนนี้ได้ถอนฟ้องออกไป 4 เรื่องแล้ว ฟังแล้วดูเหมือนว่าสู้เค้าไม่ได้แล้ว จึงต้องถอนฟ้องออกไปเอง............ตกลงยังไงกันครับเนี่ย....ทำไมเรื่องฟ้องมันเยอะ ขนาดนั้นยังจะดื้ออี๊ก................ ถอนฟ้องเพราะนายทะเบียนรีบออก ป.๓ ให้ จึงต้องเฉพาะประเด็นที่ฟ้องขอให้ออก ป.๓ เพื่อให้คดีจบเร็วขึ้น แต่ยังขอให้ศาลพิจารณาในประเด็นที่ขอเพิกถอนกฎ หรือระเบียบต่อไป หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: teeyai ที่ พฤศจิกายน 13, 2007, 12:20:26 PM สรุปว่าถ้าผมจะต้องขี้แจงเหตุผลตาม ป.วิ ปกครอง 30 เนี่ย จะต้องว่ากันอย่างไรประมาณไหนครับ ถึงจะสมเหตุสมผล
วอนผู้รู้ช่วยถ่ายทอดวิทยายุทธ์ด้วยครับ ขอบคุณครับ (เอาแบบคนไม่ค่อยรู้นะครับ) หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ พฤศจิกายน 13, 2007, 02:04:46 PM อืม...ตอนที่ไปคุยได้ลองแย็บๆถึงเรื่องที่ฟ้องร้องกัน เค้าเลยบอกว่า "เสกสรร ใช่ไหม" ตอนนี้ได้ถอนฟ้องออกไป 4 เรื่องแล้ว ฟังแล้วดูเหมือนว่าสู้เค้าไม่ได้แล้ว จึงต้องถอนฟ้องออกไปเอง............ตกลงยังไงกันครับเนี่ย....ทำไมเรื่องฟ้องมันเยอะ ขนาดนั้นยังจะดื้ออี๊ก................ ถอนฟ้องเพราะนายทะเบียนรีบออก ป.๓ ให้ จึงต้องเฉพาะประเด็นที่ฟ้องขอให้ออก ป.๓ เพื่อให้คดีจบเร็วขึ้น แต่ยังขอให้ศาลพิจารณาในประเด็นที่ขอเพิกถอนกฎ หรือระเบียบต่อไป ขอให้พิจารณาในประเด็นเพิกถอนระเบียบที่ออกโดยฝ่าฝืนกฎหมายต่อไป อย่างนี้คนของวังไชยา ก็พูดความจริงแค่ครึ่งเดียว เอาด้านที่เหมือนตนจะได้ประโยชน์มาพูด.... ไม่ยักกะพูดว่า ที่ถอนฟ้องเพราะทางเราออก ป.3 ให้แล้ว..... แต่ยังโดนฟ้องในเรื่องอื่นๆอีก............. หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: ChipMunk รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 13, 2007, 02:18:19 PM ถ้าไม่ปกป้องสิทธิ เขาก็จะกดหัวเราอยู่ร่ำไป จนกลายเป็นนิสัย ขี้ข้า อะไรนิดอะไรหน่อยก็กลัว ถูกต้องครับ หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: ✿RungRoj_f (รักในหลวง)✿ ที่ พฤศจิกายน 13, 2007, 02:40:21 PM สู้ ๆๆ ครับ **
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: SEK ที่ พฤศจิกายน 13, 2007, 10:45:20 PM อืม...ตอนที่ไปคุยได้ลองแย็บๆถึงเรื่องที่ฟ้องร้องกัน เค้าเลยบอกว่า "เสกสรร ใช่ไหม" ตอนนี้ได้ถอนฟ้องออกไป 4 เรื่องแล้ว ฟังแล้วดูเหมือนว่าสู้เค้าไม่ได้แล้ว จึงต้องถอนฟ้องออกไปเอง............ตกลงยังไงกันครับเนี่ย....ทำไมเรื่องฟ้องมันเยอะ ขนาดนั้นยังจะดื้ออี๊ก................ .....พอจะบอกได้มั้ยครับคนไหนเป็นคนพูด...พรุ่งนี้จะได้ไปหา.... หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: foxbat.....รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 14, 2007, 09:22:55 AM ใครเชื่อบ้างว่า ไอ้คำสั่ง"สั้น1ยาว1"นั้นออกมาเพื่อความสงบสุขของประชาชน ผมว่าเพื่อความอยู่ดีกินดีของใครหลายๆคนมากกว่าเงื่อนไขยิ่งเยอะอะไรๆก็จะเรียกได้เยอะๆ สูตรท้องที่ผม .22ต้อง1500 9ขึ้นมาก้อ3000 ส่วน11 ม.มนั้นแล้วแต่ฉันจะเรียกเอา ::006:: ::006:: ::006::
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: teeyai ที่ พฤศจิกายน 14, 2007, 09:48:13 PM อ้างถึง อืม...ตอนที่ไปคุยได้ลองแย็บๆถึงเรื่องที่ฟ้องร้องกัน เค้าเลยบอกว่า "เสกสรร ใช่ไหม" ตอนนี้ได้ถอนฟ้องออกไป 4 เรื่องแล้ว +++ด้านในสุดอ่ะครับ+++ฟังแล้วดูเหมือนว่าสู้เค้าไม่ได้แล้ว จึงต้องถอนฟ้องออกไปเอง............ตกลงยังไงกันครับเนี่ย....ทำไมเรื่องฟ้องมันเยอะ ขนาดนั้นยังจะดื้ออี๊ก................ .....พอจะบอกได้มั้ยครับคนไหนเป็นคนพูด...พรุ่งนี้จะได้ไปหา.... หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ พฤศจิกายน 15, 2007, 08:56:27 AM โอย.....ผมโพสผิดกระทู้อีกแล้ว .... ข้ามปีเลย ::012::
หมาดุ เจ้าของก็หนักใจ แต่ก็เลี้ยงไว้ให้คนเกรง มันเห่ามันกัดใครก็ต้องไปขอโทษ แต่ใครมาตีหมาเข้าก็โกรธ ถ้าคุณเสกคุยกับเจ้าของหมารู้เรื่องแล้วก็แล้วกันน่า.... ;) อุ๊บ.....ขออภัย โพสผิดกระทู้ ;D หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: Sei-i- tai ที่ มิถุนายน 08, 2012, 07:49:02 PM http://www.1000yards.net/forum/index.php/topic,1766.msg42169.html#new
หัวข้อ: Re: ++++วันนี้ จนท.วังไชยาโทรฯมา บอกว่า++++ เริ่มหัวข้อโดย: virod ที่ มิถุนายน 08, 2012, 09:41:01 PM เป็นนายทะเบียนได้อย่างไรซื้อมาแน่เลย เสียดายภาษีจ้างคนพวกนี้
|