เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: พ่อบักเขตต์...รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 06:31:03 AM



หัวข้อ: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อบักเขตต์...รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 06:31:03 AM
 ::014:: ,เรื่องมันอาจยาวไปนิด ครับ..เป็นเรื่องจริงที่ เพื่อนที่ทำงาน ได้เขียนแล้เล่าสู่ฟังครับ..

  นานๆมาทีเลยนำเรื่องที่ผมไปพบประสพพบเห็นกับตัวเองและที่อยากนำมาบอกต่อหรืออยากนำมาเผยแพร่ต่อๆเกี่ยวกับนํ้าใจงามๆของคน ณ ปัจจุบันนี้ที่นับวันจะหายากขึ้นเรื่อยๆในสังคมที่ขึ้นชื่อว่า สังคมไทย ที่มีความเห็นอกเห็นใจ เอื้อเฝื้อ และ แบ่งบัน
 วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2550 เวลา 11.09 น ณ.ตึกผู้ป่วยหนักโรงพยาบาลมหาราชนคคราชสีมา( ตึกเก่าเมื่อ10ปีกว่าๆที่แล้วผมก็เคยไปใช้บริการมาแล้ว )ชั้น8 ซึ่งเป็นชั้นที่เป็นผู้ป่วยค่อนข้างหนัก ถึง หนักมากสำหรับผู้ป่วยที่เป็นหญิงทั้งหมด ประตูลิฟท์ชั้น8เปิดออกญาติผู้ป่วยพร้อมกับผมและลูกชายผมต่างก้าวขาออกจากลิฟท์ ภาพแรกที่ผมเห็นคือผู้ป่วยที่นอนเรียงรายตามทางเดินตามมุมตึกหรือที่ว่างๆที่พอจะมีที่จะนำผู้ป่วยไปพักรักษ์ษาดูแลได้พูดง่ายๆครับที่จะเดินแทบจะไม่มีมีแต่เตียงผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่มาเยี่ยมเต็มทางเดินแน่นไปหมดและไม่ต้องแปลกใจเลยครับเรื่องของการให้บริการหรือความสะดวกสบายต่างๆที่ทางโรงพยาบาลจะมีหรือจัดหาให้ก็ต้องว่ากันตามสภาพที่เห็นๆหละครับแต่ที่ผมเห็นจากสายตานะครับผมอดภูมิใจไม่ได้สำหรับการให้บริการของทางโรงพยาบาลและบุคคลากร เป็นภาพที่ แพทย์ หมอ พยาบาล ผู้ช่วย และ ส่วนต่างๆที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มโดยเฉพาะแพทย์ที่เป็นผู้หญิงยังสาวๆสวยๆกันทั้งนั้นครับแต่ขยันและมีรอยยิ้มให้ผู้ป่วยตลอกดเวลาที่พูดคุยหรือกำลังตรวจสุขภาพ ส่วนพยาบาลก็ใช่ย่อยครับสวยๆทั้งนั้นเดี๋ยวนี้เขาแต่งหน้าแต่งตากันเกือบจะทั้งหมดว่างั้นเห็นแล้วก็ทำให้โรงพยาบาลนี่สวยงามขึ้นเยอะเลยครับ แวะไปเรื่อยแหละผมก็เห็นยังไงก็เอามาเล่ากันยังงั้นว่าเถอะครับ อึดใจเดียวผมก็เดินมาถึงเตียงผู้ป่วยของญาติผมซึ่งก็ไม่ต่างจากเตียงของผู้ป่วยอื่นๆหละครับ ผมก็เข้าไปพูดคุยไถ่ถามอาการป่วยและอื่นๆพอให้ผู้ป่วยมีกำลังใจต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆในตัวของผู้ป่วยครับ ผมก็ต้องพูดให้เสียงดังขึ้นอีกนิดเพราะต้องแข่งกับเสียงข้างๆที่กำลังทำเหมือนกับผมอยู่เลยกลายเป็นเหมือนว่าสถานที่นี้เหมือนมีงานสังสรรก็ไม่ต่างครับภาษาที่ได้ยินส่วนใหญ่ก็ภาษาอีสานส่วนใหญ่ครับมีทั้ง อีสานแท้ๆ โคราชแท้ กลางปนอีสาน กลางปนโคราช แม้กะทั้ง กลางแท้ก็มีแต่ที่ไม่ได้ยินก็คือทางเหนือนั่นแหละแม้ก็จะได้ยินได้ยังไงหละครับเพราะที่นี่มันโรงพยาบาลทางอีสานใช่มั๊ยหละฮ่าๆ ท่านใดที่กำลังเรียนภาษาที่น่าสนใจนะครับ ก็ตามนิสัยส่วนตัวของผมแหละครับตาไม่อยู่กับที่กวาดสายตาไปเรื่อยหยุดอยู่เป็นบางที่แต่ก็ไม่นานมากนัก ไอ้ที่นานหน่อยก็ตอนแพทย์สวยๆกำลังตรวจคนไข้เตียงไกล้ๆบางไกลบ้างหรือไม่ก็เจอญาติผู้ป่วยที่สวยๆมาเยี่ยมผู้ป่วยก็ต้องหยุดนานไปบ้างก็ธรรมดาครับคนสวยก็ต้องถูกมองเป็นเรื่องปกติใช่มั๊ย แม้ก็ขนาดผู้หญิงด้วยกันแท้ๆยังชมว่าคนนั้นสวยคนนี้งามเลย แล้วผู้ชายอย่างผมจะเหลือเหรอะฮ่าๆสักพักผมก็เหลือบไปเห็นผู้ป่วยเตียงที่ติดทางเดินขึ้นลงบันได สายตาที่ผมเห็นคือผู้หญิงอายุประมาณ 22 ถึง 25 ปีประมาณนี้ด้วยสายตาอันเชี่ยวชาญเรื่องนี้ฮ่าๆ กำลังนอนพักผ่อนอยู่ที่เตียงของตัวเองข้างๆเตียงก็ไม่มีอะไรมากที่เห็นก็มีเพียงพัดลมตั้งโต๊ะ 1 เครื่องของโรงพยาบาลพร้อมกับเหยือกนํ้าอีก1เหยือกส่วนอาหารหรือผลไม้ไม่มีเลยไม่เหมือนกับเตียงอื่นๆครับที่เต็มไปด้วยของเยี่ยมไข้และญาติพี่น้องที่มาดูแลมากมายอย่างน้อยก็เตียงหนึงก็ประมาณ 2-3 ท่านต่อเตียง ส่วนเตียงของน้องที่ผมเห็นไม่มีอย่างที่ผมว่ามาเลยครับ ก็ไม่ได้คิดอะไรมากก็แค่ผู้ป่วยคนหนึ่งที่มารับการรักษาจากทางโรงพยาบาล เวลาผ่านไปจนถึงห้าโมงเย็นซึ่งอีกชั่วโมงเดียวผมและลูกชายก็ต้องกลับแล้วเพราะหมดเวลาเยี่ยมไข้ผู้ป่วยซึ่งเป็นเวลาที่ทางโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศกำหนดไว้ ผมซึ่งนั่งๆเดินๆบริเวณนั้นก็เลยเดินเลยไปยังเตียงของน้องคนั้นครับ โอ้แม่เจ้าน้องเขาหน้าตาสวยครับ ผิวพรรณดี ทาเล็บแดง พูดง่ายๆผมสังเกตุน้องเขาเกือบหมดว่างั้นเลย แต่ที่อดที่จะคิดไม่ได้ว่าน้องเขาไม่มีญาติหรือพ่อแม่พี่น้องหรือแฟนมาเยี่ยมหรือไงวะมันอดคิดไม่ได้จริงๆครับ สักพักน้องเขาก็พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง มือก็พยามยามเอื้อมไปหยิบเหยือกนํ้าเพื่อที่จะเทนํ้าลงแก้วเพื่อดื่มแก้กระหาย ผมมองดูแล้วน้องเขาพยามยามอยู่นานครับแต่ที่เห็นภาพน้องเขาไม่มีเรี่ยวแรงเอาซะเลยครับ ไอ้ผมจะเขาไปช่วยด้วยเจตนาดีก็กลัวสายตาอื่นๆมองมาแล้วเฮ้อไม่อยากคิดเดี่ยวหาว่าเราหัวงูอีก แต่ยังไม่ทันที่ผมจะคิดต่อก้มีผู้หญิงเตี้ยๆวัยกลางคนเป็นคนอีสานแท้ๆเดินเข้ามาช่วยเทนํ้าให้น้องดื่มส่วนน้องก็มารยาทใช้ได้ครับยกมือไหว้ก่อนรับแก้วนํ้าสมกับหน้าตาของน้องเขาจริงๆแล้วบทสนทนาต่อไปนี้ซิที่ทำให้ผมแทบจะ..... เฮ้อเรื่องมันเศร้าครับเรื่องมันเศร้าจริงๆ
ผมขอใช้นามแทนผูหญิงของเรื่องนี้ทั้ง 2 ท่านก็แล้วกันนะครับการพูดโต้ตอบการใช้ภาษากันระหว่างผู้ป่วยและผู้หญิงที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องของผู้ป่วย ผมอาจจะใช้สำเนียง และ ภาษาสื่อไม่ถูกต้องนะครับคงไม่ว่ากันนะครับ
 บทสนทนา
 หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : อีนางเอ็งไม่มีใครมาเยี่ยมหรือ
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : ไม่มีคะพี่
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : เอ้าแล้วหนูเป็นอะไรหละถึงมานอนป่วยอยู่นี่
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : หนูเป็นโรคเบาหวานตั้งแต่อายุ 15 ปีแล้วคะ
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : แล้วอาการเอ็งเป็นยังไง ( ปากแกก็ถามน้องพร้อมกับบีบนวดตัวของน้องเพราะน้องบนว่าปวดหลัง )
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : ตอนนี้ตาหนูข้างหนึงมองไม่เห็นแล้วคะเบาหวานมันลามขึ้นตาแล้วคะ
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : เอ้าแล้วพ่อกับแม่ไม่มาเยี่ยมหรือ
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : พ่อกับแม่เลิกกันตั้งแต่หนูยังเด็กๆอยู่เลยคะ
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : แล้วหนูอยู่กับใครหละนังหนูถามเสร็จก็เดินไปที่เตียงของญาติแกแล้วหยิบเอาส้มมาถุงหนึงพร้อมกับกระเป๋าเงินเล็กๆอันหนึงแล้วก็เดินกลับมาที่เตียงน้อง
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : หนูอยูกับพ่อแต่พอหนูเรียนจบม3ก็ออกมาหางานทำที่โคราชนี่คะ
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : แล้วหนูทำงานที่ไหนหละ ( พร้อมกับปลอกเปลือกส้มแล้วป้อนส้มให้น้องกินไปเรื่อยๆเท่าที่ผมเห็นก็หลายผลเลยหละครับ ผมว่าน้องเขาคงหิวมากๆเลย )
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : หนูทำงานในตัวเมืองนี่แหละคะเป็นเด็กเสริฟตามร้านอาหารคะ ( ตอนนี้นํ้าตาของน้องเริ่มค่อยๆเอ่อทั้งสองข้างพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความประทับใจที่ได้จากคนที่ไม่ใช่ทุกๆอย่างของชีวิตของน้องเขาเลยครับไอ้ผมก็พวกบ่อนํ้าตาตื้นเหมือนกันเฮ้อเริ่มเศร้าได้ใจผมหละ )
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : แล้วหนูเอาเงินที่ไหนมารักษ์ษาหละหนูเอ้ย
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : ก็เงินที่หนูทำงานเก็บเงินนี่แหละคะพี่ตอนแรกๆก็คิดจะเก็บไว้เรียนต่อคะ
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : แล้วหนูรู้ได้ไงว่าเป็นเบาหวานนะ
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : อ้อมีอยูวันหนึงหนูหน้ามืดเป็นลมเขาพาหนูมาที่นี่แหละคะก็เลยรู้ว่าหนูเป็นเบาหวานคะ
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : แล้วทำไมปล่อยให้มันลามขึ้นมาถึงตาได้หละจะหนู
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : ก็หนูไม่ค่อยมีเงินคะ แค่ที่ที่ทำงานอยู่หากินไปวันๆจะมีเก็บก็น้อยนิดคะพี่
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : เอ้าแล้วพ่อหละไปไหนหละและญาติๆไม่มีมาช่วยเหลือเลยรึหนู
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : ตอนนี้หนูไม่มีใครแล้วจริงๆคะ พ่อก็ย้ายไปไหนก็ไม่รู้พ่อแกไม่ยอมส่งข่าวมาบอกหนูเลย ( นํ้าตาของน้องตอนนี้ยิ่งไหลเพิ่มขึ้น )
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : แล้วจะทำงัยหละค่ารักษา ค่าหมอ แล้วค่าอื่นๆจะเอามาจากไหนหละหนูเอ้ย
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : ก็ใช้บัตรสุขภาพคะ จากที่ทำงานเขาก็พอมีช่วยบ้างคะพี่
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : งั้นเอ้าพวกพี่ๆช่วยได้เท่านี้แหละ(ต่างคนต่างล้วงกระเป๋าตังค์คนหละ 20 บ้าง 50 บ้าง 100บ้าง )แล้วยื่นให้น้อง
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : ขอบคุณคะ ( น้องก้มกราบพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูแล้ว เฮ้ยมันเศร้าจริงๆครับพี่น้อง )
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : มามะเดี๋ยวพี่ช่วยป้อนให้ ( พอดีได้เวลาอาหารเย็นของทางโรงพยาบาล ก็จะมีคนเข็นอาหารเย็นมาให้แต่หละเตียง )
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : ขอบคุณคะ ( ภาพพี่คนหนึงป้อนข้าวเด็กสาวคนหนึงที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องของตัวเอง คุณคิดว่าภาพนี้จะเป็นภาพที่สวย ภาพที่เห็นแล้วจะมีความสุขขนาดไหน )
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : อร่อยมั๊ยหนู ( พี่แกป้อนไปก็คุยกับน้องไป )
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : อร่อยคะ ( ยิ้มไป เขี้ยวไป นํ้าตาก็ไหลไป เอ้าผมเห็นแล้วแทบจะเดินหนีจากภาพที่เห็นครับ )
หญิงที่ไม่ใช่ทุกอย่างของผู้ป่วย ( คนอีสาน) : งั้นพี่ๆกลับก่อนนะ พรุ่งนี้อยากกินอะไรมั๊ยเดี๋ยวพี่ซื้อมาให้ ( พร้อมกับยื่นถุงส้ม กับ ถุงนมให้น้อง ก็เอามาจากเตียงของญาติผู้ป่วยเขานั่นแหละครับ แบ่งๆกัน  )
 ผู้ป่วยหญิง ( คนภาคกลาง) : ขอบคุณคะ ไม่เป็นไรคะ ( ภาพนี้แหละครับแทบจะร้องให้ตามน้องเขาเลยครับ เป็นภาพที่พี่ๆเดินลงบันไดกลับบ้าน แล้วน้องมองตามเหมือนพ่อแม่และญาติพี่น้องมาเยี่ยมแล้วกำลังกลับบ้านครับ )
    ผมเห็นนํ้าใจจากผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่มีให้เด็กสาวคนหนึงที่ไม่ใช่แม้กระทั่งญาติหรือคนรู้จัก ซึ่งถามว่ามันมีด้วยหรือกับสังคมบ้านเรา ณ ปัจจุบันนี้ ถ้าจะให้ผมตอบคงตอบได้ครับ ยังไงซะสังคมบ้านนอก สังคมชนบท ยังไงก็ดีกว่า สังคมคนเมือง แน่นอนครับ หรือ  คุณว่าไม่จริง

  สังคมที่ดีงามยังมีเหลือ อยู่มากมาย ช่วยกันรักษาไว้นะครับ

   


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ฝุ่น-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 07:53:46 AM
จริงครับ


ซึ้ง เลยตอบได้เท่านี้ครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: andaman ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 07:54:44 AM
การช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มีน้ำใจต่อกันของคนไทยยังมีอยู่เยอะครับโดยเฉพาะในชนบท






..สิ่งเหล่านี้หดหายไปเพราะอะไร


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 08:14:31 AM
 ;D ;D สิ่งดีๆที่ยังเหลืออยู่


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 08:25:24 AM

    ในหอผู้ป่วยอนาถามักเห็นเป็นประจำครับ เรื่องการเอื้ออาทร แม้กระทั่งช่วยเทอุจจาระก็ทำกันได้

     คนยากจนเงินทอง  มักร่ำรวยน้ำใจ  .........



หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 08:27:02 AM
รูป ซึ้ง  ขัดกับ อารมณ์ ซึ้ง

อ่านแล้ว น้ำตา เอ่อ


             (http://img216.imageshack.us/img216/807/25189128yq6.gif)                               (http://img218.imageshack.us/img218/909/chairfr2.gif)


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: Min-Min ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 08:59:22 AM
 ::002::น้ำใจยังมีในสังคมไทยค่ะ


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: NatthaphoN_ ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 09:00:43 AM
::002::น้ำใจยังมีในสังคมไทยค่ะ
โดยเฉพาะคนอีสานครับ... ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ชัยบึงกาฬ รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 09:21:08 AM
น้ำใจ...ยังหลงเหลือในสังคมไทยครับ...


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 09:23:11 AM
น้ำใจคนไทยมีให้กันเสมอครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 09:28:25 AM
...น้ำใจคนไทยครับ  :)


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: too6952 ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 09:29:38 AM
และนี่คือน้ำใจของคนอิสานโดยแท้จริงครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 09:54:44 AM

ขอบคุณมากครับ คุณ จขกท.. แต่อย่าละเลยตัวเราเองที่ควรต้องร่วมช่วยเท่าที่จะมีโอกาส
ช่วยคน ไม่ต้องหวังผลตอบแทน..  อย่าหวังหน้าตาต้องมาก่อน. แล้วจึงจะช่วยเหลือ
ช่วยคน ไม่ต้องรีรอ.  ไม่ต้องมีเหตุผลอธิบาย อีก.

ให้รู้เพียง ๒ คนก็ได้  เขาที่อาจพ้นไปจากวิบาก เพราะการช่วยเหลือ..
และตัวเรา ใจเป็นสุข.. ที่ได้ช่วยเหลือ. 
จงช่วยเหลือคน..  แบบปิดทองหลังพระ. ไม่ต้องสนใจว่า ใครจะมองเราอย่างไร. ครับ ::002::



หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 10:08:46 AM

ขอบคุณมากครับ คุณ จขกท.. แต่อย่าละเลยตัวเราเองที่ควรต้องร่วมช่วยเท่าที่จะมีโอกาส
ช่วยคน ไม่ต้องหวังผลตอบแทน..  อย่าหวังหน้าตาต้องมาก่อน. แล้วจึงจะช่วยเหลือ
ช่วยคน ไม่ต้องรีรอ.  ไม่ต้องมีเหตุผลอธิบาย อีก.

ให้รู้เพียง ๒ คนก็ได้  เขาที่อาจพ้นไปจากวิบาก เพราะการช่วยเหลือ..
และตัวเรา ใจเป็นสุข.. ที่ได้ช่วยเหลือ. 
จงช่วยเหลือคน..  แบบปิดทองหลังพระ. ไม่ต้องสนใจว่า ใครจะมองเราอย่างไร. ครับ ::002::


ตรงนี้โดนใจเต็มๆครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: บาร์ท รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 10:13:26 AM
อ่านแล้วรู้สึกดีจริงๆครับ :)


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: STeelShoTS ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 10:14:59 AM
ร่ำรวย ยิ่งใหญ่ ความรู้มากมายขนาดไหน....สะกดคำว่า เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ , เอื้ออาทร, เกื้อกูล  ให้ถูกก็แล้วกัน.....
ถ้าสะกดไม่ถูก แค่คำว่า "ให้" ก็เพียงพอแล้ว...สังคมจะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลย................


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: สหายแป๋ง คนดง ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 10:59:03 AM
  อ่านแล้วสะท้อนถึงความรู้สึกได้ดีครับ  อยากให้เรื่องหรือภาพเหตุการณ์ดีๆแบบนี้เกิดขึ้นกับทุกคนทุกทีทั่วโลก


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 11:08:16 AM
เป็นสังคมดีมาก เข้าใจและซาบซึ้งเพราะครั้งหนึ่งเคยนอนป่วย
สังคมในอุดมคติต้องแบบนี้


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 11:26:15 AM
...ผมว่าไม่เฉพาะคนอีสานครับ  คนไทยภาคไหนๆ ก็มีทั้งคนรวยน้ำใจและแล้งน้ำใจปะปนกัน  เพียงแต่ว่าสัดส่วนคนรวยน้ำใจมีมากกว่าเยอะ  ทั้งนี้ผมคิดว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างภาคครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อบักเขตต์...รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 11:50:13 AM
ง่ายๆๆสุดที่ทำได้ก็ ลุกให้ เด็ก   คนชรานั่ง   นี่แหละครับ..ทำประจำ  แต่ก็ อยาก.... เด็กแนว ทั้ง ที่เเกล้งนั่งหลับ ...


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: rockguns ที่ พฤศจิกายน 23, 2007, 11:52:04 AM
                ::002:: ::002:: ::002:: ::002::น้ำใจประเสริฐครับ ที่เงินตราหาซื้อไม่ได้  แม้ในกรุงเทพเองก็หายากแท้ ::004:: ::004:: ::004:: ::004::


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: noomrider ที่ พฤศจิกายน 24, 2007, 05:19:13 AM
ก่อนจะมีน้ำใจให้คนอื่นอย่าลืมหันกลับมาทำให้ครอบครัวก่อนนะครับ  อบรมบุตรหลานให้มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อเเผ่ด้วยนะครับ   

น้ำใจเริ่มจากเรา   ที่ลูกเรา  ที่หลานเรา  ที่เหลนเรา

จากหนึ่งเป็นสอง   จากสองเป็นสาม  จากสามเป็นสี่ ไปเรื่อยๆครับ

สังคมครอบครัวเเละสังคมรอบข้างจะน่าอยู่ครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: nomember ที่ พฤศจิกายน 24, 2007, 01:00:01 PM
ประทับใจคนอีสานมานานแล้วครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องจริงที่อิสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤศจิกายน 24, 2007, 01:01:36 PM
...ผมว่าไม่เฉพาะคนอีสานครับ  คนไทยภาคไหนๆ ก็มีทั้งคนรวยน้ำใจและแล้งน้ำใจปะปนกัน  เพียงแต่ว่าสัดส่วนคนรวยน้ำใจมีมากกว่าเยอะ  ทั้งนี้ผมคิดว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างภาคครับ

เห็นด้วยกับพี่codaครับ...