เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ผมมีข้อสงสัยครับ ถ้าปืนหายกรณีแบบนี้ควรจะต้องทำยังไงดี
นาย ก ขายอาวุธให้นาย ข โดยทำสัญญากันไว้ ต่อมานาย ข ได้ปืนกระบอกใหม่มา จึงอยากขายปืนของนาย ก ออกไป
นาย ข ได้ขายปืนของนาย ก ให้กับ นาย ค โดยทำสัญญา นาย ค บอกว่าหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนจะไปขอ ป3
แต่ระหว่างช่วงเตียมเอกสารนั้น ลูกชายของนาย ค ได้แอบขโมยปืนไปแล้วทำหาย โดยไม่ทราบสาเหตุ (หรือว่าเมาหนักจนจำไม่ได้)
เหตุการณ์แบบนี้ควรจะทำอย่างไรดีครับ  ปืนหายที่ต่างจังหวัด แต่ทะเบียนปืนเป็นของ กท ยังไม่ได้ตัดโอนเลย  ช่วยแนะนำด้วยครับ

   นาย ก. ต้องไปแจ้งความอาวุธปืนหาย ด้วยตนเองครับ แต่จะให้ถ้อยคำอย่างไรนั้นต้องคิดอีกที

   เพราะที่ทำมาทุกขั้นตอนกฎหมายไม่รองรับ ขืนดึงเข้ามาร่วมก็มีหวังขยายผลใหญ่โตมีความผิดทุกคน 

นาย ก ต้องไปแจ้งหายที่ไหนครับพี่ปู ณ สภ ท้องที่ต่างจังหวัดที่หายหรือ ต้องไปแจ้งที่กองทะเบียนกรุงเทพฯครับ

               น้าเอ๋ ต้องให้เจ้าของปืนที่มีชื่อในใบป. 4 เป็นคนแจ้งหายครับ ไม่ลองสอบถามก่อนหรือครับว่าหายไปยังไง  ลองตามหาก่อน ถ้าแจ้งหายไปแล้วได้คืนภายหลังมันจะยุ่งยากกับเจ้าของปืนเดิม เพราะต้องคืนใบป.4 ด้วยถ้าได้ปืนมาแล้วก็ต้องแจ้งกลับคืนอีก คนยุ่งยากคือนาย ก. ถึงมีสัญญาซื้อขายก็บังคับไม่ได้ ต้องจดทะเบียนโอนเท่านั้น ความยุ่งยากยังอยูที่นาย ก.ทั้งหมดครับ  นาย ก.ต้องแจ้งหายที่ท้องที่ของนายก.เองครับ

         เจ้าของปืนที่มีชื่อในทะเบียนคือนาย ก.  ดังนั้นนาย ก. ต้องดำเนินการแจ้ง ณ ภูมิลำเนาดีที่สุด

         แล้วคืน ป.๔ ให้พนักงานสอบสวนไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปครับ เก็บสำเนาบันทึกคำให้การ

         (ปจว.) ไว้เป็นหลักฐาน หากในภายภาคหน้าเกิดปืนกระบอกนี้พบเจอ หรือก่อการใดไว้ จะได้แสดง

         ยืนยันเพื่อแก้ข้อกล่าวหาต่อไป ....... แต่สำหรับส่วนลึกๆทางกฎหมายคงต้องรอพี่ๆมาช่วยแนะนำอีกที

นาย ก ย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดตั้งนานแล้วครับ แล้วก็ไม่ยอมย้ายปืนออกตามมาเลย ทะเบียนปืนก็ยังอยู่กรุงเทพฯครับ ให้ไปแจ้งหายก็ไม่ยอมไป

บอกนาย ก ว่าปืนโดนจับ แล้วต้องไปขึ้นศาลพร้อมๆ กัน  แค่นั้นแหละ  คอยดูเดี๋ยวรีบไปแจ้งหายเลย... ::005::

         นี่ก็เป็นผลเสียของการโอนลอยอีกกรณีนึง ......... ผมว่าแจ้งหาย ณ ที่ นาย ก. อยู่ปัจจุบันนี่แหละครับ

             ไปแบบไฟแล่บเลยครับ

แบบนี้แสดงว่าเจ้าของเป็นทองไม่รู้ร้อน .... คงต้องปล่อยตามยถากรรมครับ แกกำลังทำร้ายตัวเอง

คงคิดว่าหนังสือซื้อ-ขายใบนั้นช่วยให้พ้นผิดได้กระมัง

 ::007:: ::007::

เช็คข่าวล่าสุดครับ   นาย ก ได้ไปแจ้งความ ณ ท้องที่ที่อยู่ปัจจุบันแล้ว(ต่างจังหวัด) แต่ในใบแจ้งความ
แจ้งไว้ว่า นาย ก ได้ทำการแจ้งความว่าเมื่อวันที่......นาย ก ได้จำหน่ายอาวุธปืนให้นาย ข เพื่อให้นาย ข ไปดำเนินการขอใบ ป3 ต่อไป
จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน       
แสดงว่านาย ก ไม่ได้แจ้งความว่าอาวุธปืนหาย แต่ได้แจ้งความว่าได้จำหน่ายอาวุธปืนไปให้นาย ข แล้ว เท่านั้นครับ
 :~) :~)
ส่วนนาย ค ก็ไปแจ้งความว่าได้ซื้ออาวุธปืนมาเพื่อจะกำลังดำเนินการเตรียมขอใบ ป3 แต่ปืนหาย โดยลูกนำไปแล้วทำหาย
......เป็นเรื่องแล้วครับที่นี้   นาย ข ควรจะทำอย่างไรต่อไปดีครับ

                นาย ข.ก็ต้องแจ้งแก้เกี้ยวไปเหมือนกัน ถ้าเหตุเกิดขึ้นก็คงพัลวันครับ  เกิดมีคนใช้ปืนก่อคดีขึ้น นาย ก.ก็ยังคงหนักว่าเพื่อนครับ

ปวดหัวแทนเลยครับ

...แบบนี้.นาย.ข.นาย.ค.ไม่เกี่ยว..นาย.ก.หนักกว่าเพื่อน.. ;D

นี่เพราะความไม่เข้าใจกันแท้ๆนะครับ ถ้านาย ก.ทำความเข้าใจและไปแจ้งความปืนหายซะตั้งแต่แรกเรื่องคงไม่ยุ่งยากอย่างนี้

ในทาง ก.ม. แ่พ่ง
การซื้อขายกันทั้ง 2 ทอด นั้นน่าจะสมบูรณ์แล้วนะครับ เพราะปืนเป็นสังหาริมทรัพย์ การซื้อขายก็เหมือนการซื้อขายทั่วไป แต่ในเรื่องของทะเบียนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่แสดงถึงกรรมสิทธิ์ เป็นเพียงการจดทะเบียนเพื่อผลทางการควบคุมให้รู้ว่าใครครอบครองอยู่ ตาม พรบ. อาวุธปืนเท่านั้น

ในทาง ก.ม. อาญา
ถ้าหากมีใครนำปืนนั้นไปก่อเหตุ ก็เป็นเรื่องของคนนั้นไป ไม่น่าจะมีผลถึงนาย ก. ข. ค. (แต่อาจจะมีความยุ่งยากตามมา เช่น ต้องไปให้ปากคำ หรือต้องมีภาระพิสูจน์ตัวเองว่าไม่เกี่ยวข้อง)

ในทาง พรบ. อาวุธปืน
อันนี้ผมไ่ม่มีความรู้เลย อาจจะถูกบันทึกในประวัติของนายทะเบียน (นายอำเภอ) ทำให้ขอ ป. 3 ยากขึ้นในอนาคต ก็ได้

ผิดถูก รอพี่ๆ แก้ให้ครับ
ด้วยความเคารพ

ซื้อขายไม่ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายพอมีปัญหาแล้วก็ต้องมานั่งกลุ้มใจกลัวคนอื่นจะเอาปืนไปใช้ในทางไม่ดี....ฮ้อ....เวรของนาย...ก   ฮ้อ.....กรรมของนาย...ก....รู้ทั้งรู้ยังทำไปได้....นะ

ต้องขออภัยครับที่วันนี้มาตอบช้า และก็ลืมพกโน๊ตบุ๊กไปทำงานด้วย :~)
และขอขอบคุณทุกๆท่านที่ด้วยให้คำแนะนำด้วยครับ ::014:: ::014:: ::014::

หน้าปวดหัวจริงๆ ::013:: ::013::

เฮ้อ กลุ้ม ::012::

ถือว่า จขกท.ได้ให้ความช่วยเหลือไปตามควรแล้ว 

กรณีนี้ นาย ก.เจ้าของปืน สร้างเรื่องซวยให้กับตัวเอง และเพื่อนพ้อง เข้าแล้ว..
การแจ้งความ ของนาย ก. เท่่ากับให้ข้อเท็จจริงว่้าได้ทำผิด ตาม พรบอาวุธปืน ม.๓๔ มีโทษตามมาตรา ๗๓ ทวิ .  :OO

ถ้าเขาจะเชื่่อฟังบ้างขอให้เขารีบไป แจ้งความเพิ่มเติมว่า  ระหว่างกำลังจะทำเรื่อง ขอ.ป ๓ เพื่อจะโอนกันนั้น อาวุธปืนได้สูัญหายไปเสียแล้ว .และส่งมอบ ป.๔ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไป

ถ้าเขาไม่เชื่อ ควรถอยออกมาดีกว่าครับ.
ปล่อยให้นาย ก.เผชิญ ตะราง ไปดีกว่า  :)

สิ่งที่เขาควรกระทำแต่ต้น คือไม่ควรขายอาวุธปืนแบบโอนลอย.
และถ้ามีปัญหา เขาควรไปแจ้่งความว่าหาย  เพราะที่สุดข้อเท็จจริืงคือมันได้หายไปแล้ว..ไม่ต้องให้รายละเอียด.




หลักกฎหมาย ให้ไว้ว่าเมื่อมีกฎหมายใดบัญญัติไว้โดยเป็นการเฉพาะ จะต้องใช้กฎหมายนั้น.

อาวุธปืนมีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะ ถึง ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ..
จะต้องได้ิ้รับอนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืน แต่ละท้องที่ ก่อน.. เท่านั้น.

จะนำป.แพ่งฯ มาใช้กับเรื่องอาวุธปืนไม่ได้ ครัึบ. .. เพราะถ้าขืนใช้ จะเป็นไปตามนี้ ครับ.

บุคคลที่เกี่ยวข้อง ครอบครองอาวุธปืนกระบอกนี้ ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิด
ตามพรบ.อาวุธปืนฯ มาตรา ๗ .. มีโทษตาม ม.๗๒ วรรคสาม ที่เรียกว่าปืนผิดมือครับ..  :)  

ขอขอบคุณครับคุณRo@d ที่ช่วยให้คำแนะนำ ::014:: ::014::
หากได้ผลสรุปเป็นเช่นใด ผมจะแจ้งให้ทราบต่อไปครับ ::014:: ::014::

ขอบคุณพี่ Ro@d ครับ 

ให้อีก 1 แต้ม เป็น 200   จากใจครับ