|
หัวข้อ: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ ตุลาคม 21, 2008, 11:53:51 PM มติชนสุดสัปดาห์
ฉบับวันที่ วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 28 ฉบับที่ 1470 หน้า 102 วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา มอง โดยภาพรวมในเวลานี้ ดูเหมือนภาวะเศรษฐกิจโลกจะหายใจหายคอคล่องขึ้นได้หน่อย เมื่อตลาดทุนทั่วโลกเริ่มตอบสนองในทางบวกต่อมาตรการแก้วิกฤตด้วยการอัดฉีก เม็ดเงินเข้าไปตรงๆ จากรัฐบาลของหลายประเทศ เพื่อแก้ปัญหาธนาคารพาณิชย์ที่กำลังย่ำแย่ อย่างน้อยที่สุด เราก็อาจสามารถเลี่ยงพ้นภาวะล่มสลายของระบบการเงินที่จะกระทบเป็นลูกระนาดไป ทั้งโลกได้สำเร็จ แต่การนำเงินภาษีราษฎรเข้าไปซื้อหุ้นในธนาคารพาณิชย์ แลกเปลี่ยนกับสิทธิในการบริหารและเงื่อนไขในการปล่อยกู้ของธนาคารเหล่านั้น ของรัฐบาลหลายๆ ประเทศที่มียุโรปเป็นแม่แบบก็ใช่ว่าจะยุติผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตที่ผ่านมา ลงได้โดยสิ้นเชิง ตรงกันข้าม นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์หลายคนเตือนตรงกันว่า ภาวะยุ่งยากลำบากทางเศรษฐกิจที่โลกต้องเผชิญนั้นยังหนักหนาสาหัส เมื่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงเข้าสู่ภาวะถดถอยยาวนานติดตามมา สำคัญยิ่งกว่านั้น หลายคนชี้ว่า วิกฤตในระบบการเงินของสหรัฐอเมริกายังไม่จบลงเพียงแค่นี้ แต่ระลอกที่สามกำลังก่อตัวขึ้นเตรียมแผลงฤทธิ์เต็มที่ในอีกไม่นานข้างหน้า สหรัฐอเมริกาเผชิญกับภาวะวิกฤตระลอกแรกจากปัญหาสินเชื่อซับไพรม์ใน ภาคอสังหาริมทรัพย์ วิกฤตที่ว่านี้ก่อให้เกิดระลอกสองติดตามมาคือ วิกฤตในตลาดเงิน ตลาดทุน ระบบสถาบันการเงินอย่างที่เราเห็นกัน โดมิโนตัวต่อไปที่เรากำลังจะได้เห็นภาวะวิกฤตกันก็คือ สินเชื่อบุคคลในรูปของเครดิตการ์ดที่มียอดค้างชำระสูงถึง 950,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งไม่เพียงจะกระทบถึงบริษัทในตลาดหุ้นวลสตรีต อย่างหนักอีกครั้งเท่านั้น แต่จะยังความเจ็บปวดเหลือหลายให้กับอเมริกันเป็นเรือนล้านอีกด้วย ที่ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ หนี้สิน 9.5 แสนล้านดอลลาร์ที่ว่านี้ ไม่ครอบคลุมอยู่ในแผนกู้วิกฤตมูลค่า 7 แสนลานของรัฐบาลอเมริกันอีกต่างหาก เกรกอรี่ ลาร์กิ้น นักวิเคราะห์ของ อินโนเวสต์ บริษัทที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การเงินเชื่อว่า เครดิต การ์ด กำลังจะล่มสลายกลายเป็นวิกฤตในลำดับถัดไป ในขณะที่ วิลเลียม แบล็ค รองประธานฝ่ายโครงสร้างการเงินของมูดี้ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เสริมว่า ในจำนวนหนี้บัตรเครดิตค้างชำระ 9.5 แสนล้านนั้น ส่วนใหญ่ของมันเริ่มกลายเป็น "หนี้เสีย" ไปแล้ว ทั้งๆ ที่สภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และภาวะหนี้เน่าของบัตรเครดิตจริงๆ นั้น จะทวีปริมาณขึ้นสู่จุดสูงสุดหลังจากที่ผ่านเลยภาวะถดถอยไปแล้ว นั่นหมายความว่า ถ้าที่เห็นอยู่ในเวลานี้ย่ำแย่แล้ว ทุกอย่างจะเลวร้ายลงไปอีกหลายระดับก่อนที่จะเริ่มต้นผงกหัวฟื้นขึ้นมา หนี้บัตรเครดิตมีลักษณะเฉพาะตัวหลายอย่าง ลักษณะที่ว่าบางอย่างทำให้ปัญหายิ่งเลวร้ายมากยิ่งขึ้นไปอีก อย่างเช่นในช่วงเวลาของภาวะสินเชื่อตึงตัว ถึงระดับถูกแช่แข็งที่ผ่านมา หลายธนาคารเริ่มเข้มงวดกับลูกค้าของตัวเอง ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดการผิดนัดชำระแม้เพียงครั้งเดียว ผลก็คือ ยิ่งทำให้ลูกค้าผู้ถือบัตรยิ่งลำบากในการชำระหนี้มากขึ้นไปอีก ข้อมูลจากงานวิจัยของอินโนเวสต์ ระบุว่า ธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่ออกบัตรเครดิต จะเผชิญกับหนี้เสียจำนวนมากถึง 41,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ และในปี 2009 ปริมาณหนี้เน่าในระบบบัตรเครดิตของสหรัฐอเมริกาจะทวีขึ้นเป็น 96,000 ล้านดอลลาร์ อีกครั้งที่หนี้เสียจำนวนดังกล่าวไม่ได้จบลงที่ธนาคารผู้ออกบัตรแต่เพียง อย่างเดียว เหมือนกับในกรณีของตลาดอสังหาริมทรัพย์ หนีเหล่านี้ถูกนำไปรวมกันแล้วออกเป็นตราสารหนี้ขายให้กับนักลงทุนประเภทกอง ทุนเพื่อความเสี่ยง หรือเฮดจ์ฟันด์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญต่างๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงออกไป ข้อมูลของอินโนเวสต์ระบุว่า ผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ผ่องถ่ายหนี้เหล่านี้ออกไปมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด นั่นไม่เพียงชี้ให้เห็นว่า ปัญหานี้จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างเช่นเดียวกับสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เท่า นั้น ยังแสดงให้เห็นด้วยว่า ภาระที่ผู้ออกบัตรต้องแบกรับเมื่อเกิดปัญหานั้นไม่ใช่มีเพียงแค่หนี้เน่า เท่านั้น ว่ากันตามตัวเลขแล้วมูลค่าของตลาดบัตรเครดิตนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนเสี้ยวของ ตลาดอสังหาริมทรัพย์มูลค่าเกือบๆ 2 ล้านล้านดอลลาร์แน่นอน แต่หนี้เสียในตลาดบัตรเครดิตนั้นจะก่อให้เกิดปัญหาและเจ็บปวดได้มากกว่า เพราะหนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ต่างกับหนี้อสังหาริมทรัพย์ที่ยังหลงเหลือทรัพย์สินให้รอขายเรียกทุนคืนบาง ส่วนได้ ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่การปล่อยกู้ในตลาดอสังหาริมทรัพย์มีเพียงแค่ 11 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นการปล่อยกู้ให้กับลูกหนี้ด้อยคุณภาพอย่างที่เราเรียกกันว่า ซับไพรม์ แต่ในตลาดบัตรเครดิต สัดส่วนหนี้ของลูกหนีกลุ่มซับไพรม์กลับสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณหนี้ทั้งหมด เจพี มอร์แกน เชส ธนาคารผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาที่เพิงเข้าสไปซื้อ กิจการบางส่วน ซึ่งรวมทั้งส่วนออกบัตรเครดิต ของ วอชิงตัน มิวช่วล (วามู) เปิดเผยออกมาแล้วว่า 45 เปอร์เซ็นต์ของบัตรเครดิตที่วามูออกให้กับลูกค้าไปนั้น เป็นการออกให้กับลูกค้าในกลุ่มซับไพรม์ แบงก์ ออฟ อเมริกา ผู้ออกบัตรเครดิตใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ เปิดเผยเมื่อ 6 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า พอร์ตโฟลิโอบัตรเครดิตทั้งหมดของธนาคารที่มีมูลค่ารวม 1.84 แสนล้านดอลลาร์ นั้น มีหนี้เสียอยู่ประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์ เป็นปริมาณหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อเมริกันเอ็กซเพรส บริษัทบัตรเครดิตที่พุ่งเป้าไปที่ลูกค้าชั้นดีระดับมีเงินโดยเฉพาะ ยังยอมรับว่าปริมาณหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เอแม็กซ์ ปรับเพิ่มประมาณการหนี้เสียจากบัตรเครดิตของบริษัทในช่วงไตรมาสล่าสุดที่ ผ่านมา จากเดิมที่เคยประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ 180 ล้านดอลลาร์ ขึ้นเป็น 1.8 พันล้านดอลลาร์ด้วยเหตุนี้ แน่นอน บรรดาโฆษกของธนาคารและบริษัทบัตรเครดิตเหล่านี้ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ตระหนักดีถึงสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นและเตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว พร้อมทังยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าบริษัทของตนมีสถานะแข็งแกร่งพอที่จะฟัน ฝ่าวิกฤตที่กำลังจะเกิดนี้ไปได้ กระนั้น เกรกอรี่ ลาร์กิ้น แห่งอินโนเวสต์ ก็ยังเชื่อว่า ยิ่งมีการขึ้นดอกเบี้ย ลูกค้าบัตรเครดิตยิ่งไม่มีเงินจ่าย ท้ายที่สุดบริษัทผู้ออกบัตรก็จะเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวด เขาเชื่อว่าบรรดาธนาคารผู้ออกบัตรทั้งหลายจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้ง นี้หนักหน่วงสาหัสสากรรจ์แน่นอน แต่ผลกระทบจากวิกฤตบัตรเครดิตในสหรัฐอเมริกาจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น แต่จะลุกลามอย่างรวดเร็วจากธนาคารไปสู่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง เริ่มตั้งแต่การทำลายกำลังซื้อ ลดความอยากซื้อ ทำลายความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งในอีกไม่นานก็จะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต ภาคบริการในวงกว้าง และจะส่งผลสะเทือนอย่างแท้จริงมายังประเทศผู้ส่งสินค้าออกไปยังสหรัฐอเมริกา มากยิ่งกว่าวิกฤตซับไพรม์และวิกฤตระบบสถาบันการเงินที่ผ่านมามากนัก!! ::012:: เห้อ...เศรษฐีบัตรพลาสติก หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ตุลาคม 22, 2008, 12:03:40 AM บางธนาคารแจ้งลูกค้า ขอลดอัตราเครดิดลง คนที่เคยได้เครดิด5000เหรียญ
บางคนโดนลดลงเหลือ 3500ถึง4000เหรียญเท่านั้น ;D ธนาคารลดความเสี่ยงลงไปนิดหน่อย ;D หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 22, 2008, 12:23:32 AM วันนี้ยังมีธนาคารโทรมาแจ้งว่าจะให้บัตรเครดิตฟรีกับผมอยู่เลย...
เห็นว่าแพทตินั่มเสียด้วย... เสียดาย ผมไม่ค่อยฉลาด ของฟรีไม่ค่อยชอบ... เลยปฏิเสธเขาไป...::005:: หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ ตุลาคม 22, 2008, 04:23:39 AM p'วัฒน์, nah เสือใบ(boon) Dr.rute
may i borrow monny to pay my เครดิตการ์ด ;D หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ ตุลาคม 22, 2008, 06:18:36 AM วันนี้ยังมีธนาคารโทรมาแจ้งว่าจะให้บัตรเครดิตฟรีกับผมอยู่เลย... ฟรีแต่บัตรครับหมอเห็นว่าแพทตินั่มเสียด้วย... เสียดาย ผมไม่ค่อยฉลาด ของฟรีไม่ค่อยชอบ... เลยปฏิเสธเขาไป...::005:: แต่อีตอน รูดปื๊ด ๆ นี่ซื แถมอาชีพราชการ ไปรูดบางที่ลำบากอีก ไม่ใช่ขัดต่ออาชีพ แต่ขัดต่อภรรยา ถ้าเป็นอาชีพอื่นพอจะได้บอกว่ารับรองลูกค้าอะไรไปตามเรื่อง ภรรยาทำให้เมื่อก่อนตอนได้บัตรใหม่ ๆ ก็ดีใจ ที่ใหนได้ ตอนนี้ไม่ปลื้มซะแล้ว เงินสดติดตัวน้อย เขาบอกมีอะไรก็รูดเอา บาง(หลาย ๆ )ที่มันควรรูดซะเมื่อไหร่หล่ะ แถมสิ้นเดือนมารู้หมด ไปทำอะไร ที่ใหน นี่ไงที่ไม่ค่อยปลื้มบัตรเครดิต เข้าเรื่องหน่อยดีกว่า ถ้าเรามีวินัยในการใช้เงินผมว่ามันก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่มันมีปัญหาก็คือหลาย ๆ ราย ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และที่สำคัญ ใช้จ่ายเกินตัว ตรงนี่มากกว่าที่มีปัญหาครับ ของผมเขาเปลี่ยนให้เองจากของเดิม(ไม่รู้เหล็กธรรมดา...รึเปล่า)เป็น พลาตินัม หลังจากนั้นก็เพิ่มวงเงินให้(เองแกเช่นกัน) แต่ก็ใช้จ่ายจริง เดือน ๆ ส่วนใหญ่ไม่กี่บาท หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ ตุลาคม 22, 2008, 07:28:56 AM ตอนแรกนึกว่ามีเพียงคนไทยที่ไม่มีวินัยในการใช้เงินและบัตรเครดิต
คนอเมริกา สนใจคาถา 3 ไม่ ของคุณสวัสดิ์มัยครับ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย 555 หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ตุลาคม 22, 2008, 08:05:01 AM p'วัฒน์, nah เสือใบ(boon) Dr.rute ตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะจ่ายอย่างไรเลย เอาเงินมาเที่ยวเมืองไทยหลายบาท งานก็ไม่ได้ทำ ;Dmay i borrow monny to pay my เครดิตการ์ด ;D หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: ..GlockGlack.. ที่ ตุลาคม 22, 2008, 08:12:12 AM วันนี้ยังมีธนาคารโทรมาแจ้งว่าจะให้บัตรเครดิตฟรีกับผมอยู่เลย... เขาส่งมาให้ผมเลยครับ ทั้งวีซ่ากับมาสเตอร์ การ์ด :-[เห็นว่าแพทตินั่มเสียด้วย... เสียดาย ผมไม่ค่อยฉลาด ของฟรีไม่ค่อยชอบ... เลยปฏิเสธเขาไป...::005:: หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ ตุลาคม 22, 2008, 08:38:13 AM ก่อนรูดบัตร ผมมักถามว่าจ่ายเงินสดลดไหม ลดเท่าไร
ถามไปงั้นๆ ... ต้องรูดอยู่ดี ::005:: หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ ตุลาคม 22, 2008, 08:56:47 AM ...เงินไม่ค่อยมี แต่เครดิตดีจริงๆ ผมมีบัตรเครดิต Gold หลายใบ วงเงินรวมเป็นล้าน แต่ใช้น้อยมากๆ ::001::
...สัปดาห์ที่แล้ว Kbank ใจดีจัง ส่งบัตรพลาตินั่มมาให้อีกใบ ฟรีค่าธรรมเนียม แต่ผมไม่ใช้หรอกครับ ::005:: หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ ตุลาคม 22, 2008, 09:13:26 AM เพิ่งโทรไปต่อว่าที่ให้บัตรเพิ่มมาอีก1ใบ ถึงตอนจ่ายผมก็จ่ายบัตรเดิม เลยกลายเป็นว่าผมต้องจ่าย2ใบเวรแท้ๆ
หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: Akira ที่ ตุลาคม 23, 2008, 12:40:02 PM มีใบเดียว ของแบงค์สีเขียว ขอตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ มีประโยชน์ คือไว้เช่ารถเวลาไป ตจว. กะรูดซื้อของเวลาไป ตปท.
แต่ก็เคยช่วยพ้นลำบากครั้งหนึ่ง คือลืมเอาเงินออกจากบ้าน แล้วดันไปเติมน้ำมัน ไม่นิยมเอาเงินในอนาคตมาใช้ครับ จากที่อ่าน แนวโน้มดอกเบี้ยปีหน้าที่USA น่าจะขึ้น(หนักด้วยมั๊ง) แล้วที่เมืองไทยหล่ะครับ พอดีกะว่าจะขยายกิจการ ต้องใช้เงินแบงค์อีแล้ว กลัวดอกเบี้ยไหลไม่หยุดเหมือนปี 40อ่ะ หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ ตุลาคม 23, 2008, 12:53:06 PM วันนี้ยังมีธนาคารโทรมาแจ้งว่าจะให้บัตรเครดิตฟรีกับผมอยู่เลย... เขาส่งมาให้ผมเลยครับ ทั้งวีซ่ากับมาสเตอร์ การ์ด :-[เห็นว่าแพทตินั่มเสียด้วย... เสียดาย ผมไม่ค่อยฉลาด ของฟรีไม่ค่อยชอบ... เลยปฏิเสธเขาไป...::005:: มุกนี้ผมโดนมาแล้ว โกรธเลย >:( หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: CAESAR ที่ ตุลาคม 23, 2008, 02:13:40 PM ตอนนี้ที่มีอยู่เก็บใส่หีบเลิกใช้ครับ ไอ้ตอนรูดปื้ดมันเพลิน แต่ตอนจ่ายนี่สิ :OO
หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 23, 2008, 04:53:47 PM p'วัฒน์, nah เสือใบ(boon) Dr.rute ตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะจ่ายอย่างไรเลย เอาเงินมาเที่ยวเมืองไทยหลายบาท งานก็ไม่ได้ทำ ;Dmay i borrow monny to pay my เครดิตการ์ด ;D ว้า...เข้ามาตอบช้ากว่าพี่บุญ... ว่าจะเล่นมุกให้ไปรับเงินที่พี่บุญเสียหน่อย...::005:: หัวข้อ: Re: วิกฤตเครดิตการ์ด วิบากกรรมลำดับถัดไปของสหรัฐอเมริกา เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ ตุลาคม 24, 2008, 07:33:51 AM บัตรเครดิต ถ้าจัดการตัวเองได้ มันก็มีประโยชน์อะครับ ผมใช้เงินสดน้อยมาก จ่ายทุกอย่างด้วยบัตรเครดิต ใช้ไปเท่าไรสเตทเม้นมาก็จ่ายให้ครบ
ข้อสำคัญก็คือ อย่าใช้มากกว่าที่หาได้น่ะครับ |