หัวข้อ: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: บ้านชายหาด ที่ สิงหาคม 30, 2005, 11:34:13 PM สืบเนื่องมาแต่กระทู้เก่าก่อนที่คุยกับหลายๆท่าน...โดยเฉพาะคุณอา...Sundance....
เรื่องที่พูดคุยกันกับเพื่อนๆสมาชิกนอกเวป...มีหลายๆเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้...ผมคิดว่าน่าจะเปิดกระทู้รวมเรื่อง ที่น่าสงสัย.....เอาให้เพื่อนๆไปหาข้อพิสูจน์กันเอา...... เรื่องของผมมีอยู่ว่า...... ผมไม่เคยเชื่อเรื่องผี...เรื่องทรงเจ้า...เรื่องกลับชาติมาเกิด.... แต่เรื่องที่ผมประสบมาหลายเรื่องที่ทำให้ผมพยายามค้นหาคำตอบกับเรื่องเหล่านี้... ใครมีเรื่องอะไรน่าพิศวง...ขอให้เล่าให้ฟังหน่อยนะครับ.......... :OO :OO :OO :OO :OO หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ สิงหาคม 30, 2005, 11:47:45 PM ;) ท่านเปิดกระทู้มาเล่าก่อนสิ... :D
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 31, 2005, 01:03:33 AM รอฟังเรื่องของท่านบ้านชายหาดอยู่คับ...;D
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพ เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ สิงหาคม 31, 2005, 01:24:04 AM ...ตั้งกระทู้แล้วไปนอนซะงั้น ;D ;D
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: boon ที่ สิงหาคม 31, 2005, 01:26:31 AM ;) ท่านเปิดกระทู้มาเล่าก่อนสิ... :D รู้สึกว่าของท่านบ้านชายหาดจะมีหลายเรื่อง จำได้ว่าตอนไปหาคุณใหม่ก็มีเรื่องน่าพิศวงอยู่ ได้ข่าวว่าตอนนั่งดื่มในร้าน น้องพนักงานเสริฟเขาสนใจคุณบ้านชายหาดมากๆ มีการแลกเบอร์โทรกันด้วย ตอนเช้าตืนขึ้นมาหลังจากพิษสุราเบาบ้าง ท่านบ้านชายหาดก็รู้สึกพิศวงว่าสาวอะไรน้ามีลูกกระเดือกด้วย สาวท่านนี้คุณโคด้าท่านก็พบมาเหมือนกัน ไม่เชื่อถามท่านโคด้าดูได้ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพ เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ สิงหาคม 31, 2005, 01:30:34 AM ;) ท่านเปิดกระทู้มาเล่าก่อนสิ... :D รู้สึกว่าของท่านบ้านชายหาดจะมีหลายเรื่อง จำได้ว่าตอนไปหาคุณใหม่ก็มีเรื่องน่าพิศวงอยู่ ได้ข่าวว่าตอนนั่งดื่มในร้าน น้องพนักงานเสริฟเขาสนใจคุณบ้านชายหาดมากๆ มีการแลกเบอร์โทรกันด้วย ตอนเช้าตืนขึ้นมาหลังจากพิษสุราเบาบ้าง ท่านบ้านชายหาดก็รู้สึกพิศวงว่าสาวอะไรน้ามีลูกกระเดือกด้วย สาวท่านนี้คุณโคด้าท่านก็พบมาเหมือนกัน ไม่เชื่อถามท่านโคด้าดูได้ ...อ้าว อ้าว ไหงมาลงที่ผมซะแล้วครับ ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ สิงหาคม 31, 2005, 02:01:31 AM ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องทำงานในบ้านปัจจุบัน เวลา 3 ทุ่มตรง หลายปีมาแล้ว มีผู้หญิงเดินเข้ามา แต่งตัวแบบชุดไทยอย่างในวรรณคดี ผมอยากคิดว่าเขาเป็นนางฟ้าหรืออะไรเทือกนั้น ไม่เห็นหน้า เหนือบ่า เลือนๆ เดินเข้ามาจากประตู ตรงมาหาผม แล้วเดินผ่านหน้าโต๊ะไปทางซ้าย แล้วหายไป ผมไม่ตกใจ หรือกลัว แต่แปลกใจ และพิศวง ผมไม่ได้ง่วง เป็นการเห็นที่ชัดที่สุด เขายังมาอีกครั้ง มายืนข้างๆ ผมกำลังอยู่กับ Keyboard ผมหันขวับก็หาย ผมเป็นพุทธที่เป็นแต่ชื่อ พูดได้ว่าไม่ได้เป็นอะไรเลย ภรรยาเป็น Catholic เคร่ง มีการ "เสก" บ้านตามธรรมเนียมของเขา ไม่มีการขึ้นบ้านใหม่เอาพระมาสวดแบบพุทธ หรือทำบุญ ไม่มีศาลพระภูมิ ผมเชื่อว่าพิธีกรรมต่างๆไม่ใช่ศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธเป็นปรัชญาครองชีวิต พระพุทธเจ้าเป็นครู ไม่ใช่ God ผมไม่มีพระบูชาในบ้าน ไม่มีพระเครื่องห้อยคอ ผมจะ Post ลงมาในกระทู้นี้อีกครับ จะใช้วิธีลง Word แล้ว Paste เพราะผมพิมพ์ช้า และต้องไตร่ตรองพอสมควร
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ สิงหาคม 31, 2005, 06:01:14 AM ที่บ้านสุขุมวิท 15 อาเขยโมโหอาผู้หญิง ขึ้นบันไดโครมๆ สวนกับผู้หญิงคนหนึ่งกลางบันได ทำให้ต้องติดสวิชท์ 2 ทางในภายหลัง ผมยังเด็ก ชอบมาก เปิดข้างบนก็ได้ ข้างล่างก็ได้ ไม่ต้องการให้บันไดมืด
เมื่ออาทั้งสองไปมีบ้านเอง พี่สาวก็ไปอยู่ห้องนี้แทน แกเห็นอะไรบ้างไหม ไม่เคย คืนนั้นก็มาหา เอากล่องอะไรไม่ทราบมาวางบนอก พี่บอกว่าเย็นวาบ นอนไม่หลับไปหลายคืน มีหน้าต่างใหญ่แบบค้ำ ไม่เคยมีการปิด ฝนตก พี่ได้ยินประตูห้องคุณพ่อคุณแม่เปิด ได้ยินเสียงฝีเท้าจากห้อง ไปที่หน้าต่าง เสียงหน้าต่างปิด เช้าขึ้นมา คุณแม่เห็นหน้าต่างเปิดก็แปลกใจ ถามพี่ว่าไม่ได้ออกมาปิดหน้าต่างหรือ เปล่า หนูได้ยินคุณแม่ออกมาปิด แม่ได้ยินหนูออกมาปิด ทั้งสองได้ยินเหมือนกัน ผมมาเห็นเมื่อกลับมาแล้ว (2530) เห็นเท้าและชายผ้านุ่งเดินจากไปใน hallway ภรรยาก็เห็น เห็นในเวลาต่างกัน ต่างวัน และมากกว่าครั้งเดียว เห็นแล้วก็แค่พิศวง ไม่กลัว หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ สิงหาคม 31, 2005, 06:03:12 AM ถนนบางนา-ตราด กม. 7.5 บ้านปัจจุบัน ... ในห้องทำงานเล่าแล้ว เราอยู่กัน 2 คน คนรับใช้ไม่มี มีก็ออก วันหนึ่งมีคนมาเยี่ยม เขาเป็นคนที่สนใจเรื่อง Paranormal เทือกนี้ ผมถามถึงคนในห้องทำงานว่าใคร เขาบอกว่าเมื่อเขาเข้ามาในบ้าน นอกจากผมและภรรยา ที่ไปรับเขาที่ประตู ยังมีอีกคนหนึ่ง ก้มศีร์ษะให้เขาด้วย เขาเข้าใจว่าเป็นคนรับใช้ ทำไมภรรยาจึงไปหาเครื่องดื่มมาต้อนรับเอง เขาบอกว่าคนนี้ถูกส่งให้มาดูแลผม และเมื่อมีเขา ก็มีคนรับใช้คนอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นภรรยาผมจึงให้คนรับใช้ปัจจุบันจุดธูปบอกกล่าวทันทีที่มาอยู่ เด็กคนนี้ก็เป็นเด็กดีมาก ไม่เคยได้ใครดีเหมือนคนนี้ ขยัน ไม่มีหยุดนิ่ง
เรื่องคนที่เห็น ภรรยาไปเอา holy water (น้ำเสก) จากโบสถ์มาพรมทั้งบ้าน รุ่งขึ้น ผมลืมตาขึ้นมา เขายืนอยู่ข้างภรรยา ผมบอกภรรยาทีหลังว่า น้ำเสกของเขาไม่มีผลหรอก หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ สิงหาคม 31, 2005, 06:21:09 AM คุณลุงตื่นเช้านะเจ้าคะ :D
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ สิงหาคม 31, 2005, 06:32:06 AM นอนตีสอง ตื่นตีสามครับ เดี๋ยวนอนอีก (หัวเราะ)
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ สิงหาคม 31, 2005, 09:00:07 AM ตอนนี้คงหลับอยู่ :D
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ สิงหาคม 31, 2005, 09:15:07 AM คาถาดี ๆ สำหรับชนะสิ่งต่าง ๆ
พุทธชัยมงคลคาถา ๑. พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๒. มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๓. นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๔. อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโย ชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๕. กัตตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๖. สัจจังวิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๗. นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๘. ทุคคาหะ ทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถาโย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ "พาหุงมหากา" หรือ "พุทธชัยมงคลคาถา" มีอยู่ ๘ บท มีความมุ่งหมายแตกต่างกันทั้งแปดบท ดังนี้คือ บทที่ ๑ สำหรับเอาชนะศัตรูหมู่มาก เช่น ในการสู้รบ บทที่ ๒ สำหรับเอาชนะใจคนที่กระด้างกระเดื่องเป็นปฏิปักษ์ บทที่ ๓ สำหรับเอาชนะสัตว์ร้ายหรือคู่ต่อสู้ บทที่ ๔ สำหรับเอาชนะโจร บทที่ ๕ สำหรับเอาชนะการแกล้ง ใส่ร้ายกล่าวโทษหรือคดีความ บทที่ ๖ สำหรับเอาชนะการโต้ตอบ บทที่ ๗ สำหรับเอาชนะเล่ห์เหลี่ยมกุศโลบาย บทที่ ๘ สำหรับเอาชนะทิฏฐิมานะของคน หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 31, 2005, 09:34:32 AM :)..ผมเป็นคนเฉย เฉย กับเรื่อง ผี ผี วิญญาณ.. แต่มีแบบ ขนลุก..บ่อย เหมือนกัน..
จากการที่เป็นคนที่ชอบเดินทาง ตามลำพัง ด้วยเรื่องการงาน หรือกับการท่องเที่ยว. นอกจากจะมี ๙ มม. ติดไปด้วย.. ยังมีม้วนเทป เป็นบทสวดมนต์.๖๐ นาที..เจริญพระพุทธมนต์.. ชินบัญชร มงคลจักรวาลใหญ่ ฯลฯ.. มีเสียงพระท่านสวดเบาบ้าง ดังบ้าง..เป็นที่พึงทางใจ. ถึงไหนถึงกัน..ครับ. :D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ สิงหาคม 31, 2005, 09:43:42 AM :)..ผมเป็นคนเฉย เฉย กับเรื่อง ผี ผี วิญญาณ.. แต่มีแบบ ขนลุก..บ่อย เหมือนกัน.. จากการที่เป็นคนที่ชอบเดินทาง ตามลำพัง ด้วยเรื่องการงาน หรือกับการท่องเที่ยว. นอกจากจะมี ๙ มม. ติดไปด้วย.. ยังมีม้วนเทป เป็นบทสวดมนต์.๖๐ นาที..เจริญพระพุทธมนต์.. ชินบัญชร มงคลจักรวาลใหญ่ ฯลฯ.. มีเสียงพระท่านสวดเบาบ้าง ดังบ้าง..เป็นที่พึงทางใจ. ถึงไหนถึงกัน..ครับ. :D ...ดีเหมือนกัน ไม่ทราบว่ามีแบบ CD บ้างไหม เพราะรถผมไม่มีเครื่องเล่นเทป :) หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ สิงหาคม 31, 2005, 09:46:26 AM :)..ผมเป็นคนเฉย เฉย กับเรื่อง ผี ผี วิญญาณ.. แต่มีแบบ ขนลุก..บ่อย เหมือนกัน.. จากการที่เป็นคนที่ชอบเดินทาง ตามลำพัง ด้วยเรื่องการงาน หรือกับการท่องเที่ยว. นอกจากจะมี ๙ มม. ติดไปด้วย.. ยังมีม้วนเทป เป็นบทสวดมนต์.๖๐ นาที..เจริญพระพุทธมนต์.. ชินบัญชร มงคลจักรวาลใหญ่ ฯลฯ.. มีเสียงพระท่านสวดเบาบ้าง ดังบ้าง..เป็นที่พึงทางใจ. ถึงไหนถึงกัน..ครับ. :D ผมก็สไตล์เดียวกับพี่ Ro@d เช่นกันครับ โดยเฉพาะเรื่องบทสวดมนต์ Write CD เก็บไว้หลายแผ่นทั้งเปิดในบ้าน ติดรถ แจกเพื่อนๆ และคนที่สนใจจริงๆ ;) ;) หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ สิงหาคม 31, 2005, 10:05:14 AM "แสนแค้น"
เรื่องราวของความแค้นของหญิงชาวนาที่ต้องมาตายเพราะความใจแคบ ของมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว ในเดือนสิบเอ็ดน้ำเหนือไหลนองหลากเข้าท่วมท้องทุ่งเจิ่งนองไปทั่ว บ้านเรือนทุกหลังคาเรือนก็จ่อมจมแช่อยู่ในน้ำ วัวควายถูกต้อน ให้ขึ้นไปอยู่ในที่ดอน นอนเคี้ยวเอื้องอยู่บนโคกสูงพ้นน้ำ เวลานั้น ราว 4-5 ทุ่ม ไปแล้ว แต่แสงไฟจากตะเกียงหลายดวง ในบ้านหลังนี้ยังส่องสว่างราวกลางวัน เนื่องจากสะใภ้ท้องแก่ ท้องแรกของบ้านนี้ ร้องครวญครางบอกอาการใกล้คลอด แต่จนแล้ว จนรอด หมอตำแยก็ไม่สามารถนำเด็กให้คลอดออกมาได้ สามี ของ หญิงสาวจึงจำต้องนำเธอลงเรือพายไปสู่ถนนหลวงสายใหญ่ เพื่อขอความช่วยเหลือจากรถที่ผ่านไป ผ่านมา ในระแวกนั้น เพื่อพาเธอไปสู่โรงพยาบาล ที่อยู่ในตัวเมือง เมือมาถึงถนนใหญ่ก็ไม่ได้รอช้า รีบ อุ้มหญิงสาวที่กำลังร้องครวญคราง ด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ขึ้นมาวางไว้ริมถนนใหญ่แห่งนั้น ตัวเองก็ลนลาน มายืนคอยท่ารถที่จะผ่านไปมาด้วยความกระวนกระวายใจอย่างยิ่ง เมื่อก่อนนั้น ถนนสายเอเซีย ยังไม่ได้ปรับปรุงขยายให้มีช่องทางเดินรถ หลายช่องเหมือนในปัจจุบัน ความกว้างของถนนก็เพียงรถวิ่งสวนไปมาได้เท่านั้น แต่ก็มีรถวิ่งอยู่ตลอดเวลา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรถบรรทุกสิบล้อเกือบทั้งหมด สามีของเธอใช้ ผ้าขาวม้าโบกรถคันแล้ว คันเล่า แต่ก็ไม่มีคันไหนหยุดให้ หรือแบบจะชลอความเร็วให้ก็ยังแทบจะไม่มี ที่เป็นเช่นนี้จะว่าคนขับรถ ใจจืดใจดำ เสียทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะในยามค่ำคืนอย่างนั้น แถมยังเป็นเส้นทางสายเปลี่ยว สองฝากทางมีแต่ทุ่งนา ป่าละเมาะไม้รกครึ้ม แล้วจู่ๆมีคนมาโบกผ้า โบกมือ ให้รถจอดในยามวิกาลอย่างนี้ คนขับรถอาจจะคิดว่าเป็น โจรผู้ร้ายพวกปล้น มาดักรอชิงทรัพย์ก็ได้ ดังนั้นจึงรีบเหยียบ ตะบึงรถผ่านไปเลยในทันที มีรถบางคันชะลอ ความเร็วเข้ามาจอดเมื่อเห็นคนโบกผ้าอยู่ข้างทาง แต่พอรู้ว่าต้องเป็นภาระช่วยรับคนเจ็บท้องไปส่งโรงพยาบาล ก็รีบขับหนีไปเสียดื้อๆ เพราะไม่อยากรับภาระโดยใช่ที่ ฝ่ายสามีก็ได้แต่ตะโกน กร่น ด่าด้วยความเจ็บแค้นแน่นอก เวลาล่วงไปยังไม่พ้นเที่ยงคืน สาวท้องแก่ก็ไม่สามารถทน ความเจ็บปวดต่อไปได้อีกก็ขาดใจตาย ณ.ริมถนนแห่งนั้นนั่นเอง ส่วนสามีของเธอก็ได้แต่ร่ำไห้เสียใจในการจากไปของ ภรรยาและบุตรที่ต้องมาตาย โดยไม่มีโอกาศได้ลืมตามาดูโลก ........................................................... .... เหตุการณ์ผ่านไป หลายคนคนได้รับรู้และเสียใจ และอีกหลายคน ไม่เคยได้รับรู้ความเป็นไปจากเหตุการณ์นี้ และทุกอย่างคงจบลง อย่างง่ายดาย เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร และทุกคนคงจะลืมเลือนมันไปตามระยะเวลาที่ผ่านไป แต่.............ยังมีอีก 2 ชีวิตที่ไม่สามารถลืมเรื่องราวในวันนั้นได้ นั้นคือ สาวชาวนา ที่ตายทั้งกลม แม้ชีวิตร่างกายจะดับสูญไปแล้วแต่จิตวิญญานอันเครียดแค้น และความรู้สึกที่ปวดร้าว ต่อบุคคลรอบด้านที่ไร้น้ำใจกับเธอ จึงทำให้เหตุการณ์ต่างๆ กับสถานที่ตรงนั้นใช่หรือไม่นั้น คุณๆ ลองอ่านต่อไปก็แล้วกันนะครับ บริเวณที่สาวชาวนาได้ขาดใจตายนั้นอยู่ใกล้ๆกับทางโค้ง ไม่ห่างจากทางแยกเข้าตัวจังหวัด สิงห์บุรีเท่าไหร่นัก หลังจากที่เธอตายไป ก็เกิดอุบัติเหตุ รถชนประสานงากันบ้าง รถแฉลบลงข้างทางพลิกคว่ำ บ้าง หรือแล่น ทับคนตายบ้าง แต่อุบัติเหตุทุกครั้งต้องมีคนตาย จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความรุนแรง แต่ที่น่าสังเกตุคือจะเกิดขึ้นกับ รถบรรทุกสิบล้อเป็นส่วนใหญ่ และส่วนมากคนขับจะตายคาที่แทบทุกราย อุบัติเหตุเกิดขึ้นถี่ยิบอย่างไม่น่าเชื่อ และบางครั้งแทบไม่น่าเป็นไปได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องมาประจำพื้นที่ตรงนั้น เพื่อดูแลการจราจร เพื่อที่จะลดสถิติอุบัติเหตุให้เกิดขึ้นน้อยลง ชาวบ้านแถวนั้นจึงเรี่ยไรกันสร้างป้อมตำรวจไว้ตรงนั้นอีกด้วย ปรากฎว่า แม้แต่ตำรวจก็ต้องเอาชีวิต มาสังเวยกับวิญญานพยาบาท ไปเสียอีกหลาย ศพ มาอ่านกันสิครับว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร คราวหนึ่ง เป็นเวลากลางวันแสกๆ ตำรวจจราจรสองนาย มายืนให้ความสะดวกการจราจรอยู่ตรงหน้าป้อม มีรถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งลงสะพานมา ทัศนวิสัยของเส้นทางช่วงนี้ ไม่มีอะไรกีดขวางในการมองเห็นแม้แต่น้อย แทบจะเรียกได้ว่า ปลอดโปร่งโล่งตลอดสายตาเลยทีเดียว แต่สิบล้อคันนั้น กลับห้อตะบึงพุ่งทื่อเข้าตำรวจจราจรทั้งสองนายนั้น และไม่ทันที่ตำรวจทั้งสองนายจะตั้งตัวทัน สิบล้อมหาภัยคันนั้น ก็ ชนอัดเข้าให้เต็มเหนี่ยว แล้วทับร่างกายของทั้งสองจนแหลกเล่ะ ตายคาที่ทันทีทั้งสองนาย คนขับรถได้แต่นั่งตะลึงสั่นเทาไปทั้งตัว หลังจากที่เหยียบเบรค หยุดรถได้แล้ว คนขับรถก็ถูกจับกุมตัว ได้ก่อนที่จะหลบหนีไปตามฟอร์ม จากคำของคนขับให้การ ว่า เขาเห็นเป็นทางโล่งๆ ไม่เห็นตำรวจหรือใครทั้งนั้น แต่แล่นรถไปตามปกติ แต่พอชนตำรวจไปแล้วถึงได้เห็น ว่ารถที่ตนขับอยู่นั้นแฉลบเข้ามาวิ่งบนไหล่ทาง และชนคน แบบชนิดที่เรียกว่าไม่ได้แต่ะเบรคเลยแม้แต่นิดเดียว ..................................... ทางโค้งซึ้งเกิดอุบัติเหตุซ้ำซาก และ ทำลายชีวิตผู้คนนับสิบศพแห่งนี้ จึงถูกขนานนามให้เป็น "โค้งผีสิง" "โค้งมรณะ" หรือที่เรียกกันจน ติดปากชาวบ้านแถวนั้นว่า "โค้งร้อยศพ" จนเป็นที่ขยาดขลาดกลัวของสิงห์รถบรรทุกทั้งหลายที่ต้องใช้เส้นทางนี้ประจำ แม้กระนั้นสถิติอุบัติเหตุ ก็ไม่มีท่าทีที่จะลดน้อยลงแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น ... ก่อนเกิดอุบัติเหตุแต่ล่ะครั้ง มักจะมีคนเห็น สาวท้องแก่แต่งตัวแบบชาวนามาเดินวนเวียนอยู่ตรงจุดที่จะเกิดเหตุ ก่อนหน้าสัก 2-3 วัน ก็จะเกิดอุบัติเหตุสยองแทบทุกครั้งไป นายดาบตรี สฤษฎิ์ สายนาค เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของ พระเดชพระคุณ หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม มักมาทำบุญที่วัดอัมพวัน เสมอๆ วันหนึ่ง นายดาบท่านได้ไปนมัสการหลวงพ่อ ด้วยสีหน้าท่าทางดูมีความวิตกกังวล เป็นอย่างหนัก หลวงพ่อท่านจึงถามว่ามีอะไรไม่สบายใจ เห็นดูสีหน้าไม่ใคร่ดีนัก นายดาบท่านนั้นจึงได้บอกหลวงพ่อไปว่า ตนเองได้ถูกสั่งย้ายไปประจำป้อมตำรวจ ที่โค้งมรณะแห่งนั้น เป็นกังวลว่าจะมีอันเป็นไปอย่างตำรวจที่ไปประจำป้อมคนก่อนๆ จึงอยากจะขอของดีจากหลวงพ่อไปไว้คุ้มภัยตนเอง หลวงพ่อท่านก็ว่าของดีนะไม่มีให้หรอกแต่จะแน่ะทางให้ทำ หลวงพ่อจึงแน่ะให้ทำบุญสังฆทาน กรวดน้ำไปให้กับ วิญญานร้ายที่อยู่ ณ.ที่โค้งแห่งนั้น แล้วเวลาไปอยู่ที่ป้อมยาม ก็จุดธูปเทียน สวดมนต์ อิติปิโสฯ แผ่เมตตา ให้กับวิญญานที่อยู่ที่ตรงนั้น บอกเค้าว่าอย่ามารบกวน ก็จะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ นายดาบท่านนี้ก็ปฎิบัติตามคำแน่ะนำของหลวงพ่อทุกประการ ปรากฎว่าตลอดเวลาที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ที่ป้อมแห่งนั้น ไม่เคยมีสิ่งใดมารบกวน หรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเลย ต่อมา ได้มีนายตำรวจชั้นประทวน สองนายได้มานมัสการหลวงพ่อ โดยบอกว่าได้ถูกมอบหมายให้ไปประจำการอยู่ที่ป้อมแห่งนั้น แทนนายดาบคนเดิมที่รักษาการณ์อยู่ ได้รู้ว่าก่อนนายดาบจะไป ปฎิบัติหน้าที่ ที่โค้งแห่งนั้นได้มาขอของดีจากหลวงพ่อไว้คุ้มภัย จึงได้เดินทางมาหาหลวงพ่อเพื่อขอของดีไว้ป้องกันตัวบ้าง หลวงพ่อท่านก็ได้ชี้ทางให้แก่ สองนายตำรวจ เช่นเดียวกับ นายดาบท่าเดิม แต่ทั้ง สองนายตำรวจทำท่าเหมือนไม่เชื่อว่า หลวงพ่อไม่มีของดี หรือมีแล้วไม่ยอมให้แก่เค้าทั้งสอง ทั้งสองนายตำรวจจึงได้ลากลับด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ ............................................... สองตำรวจไปประจำอยู่ที่ป้อมยามได้ไม่นานเท่าไหร่ ปรากฎว่า ถูกรถ ชนตาย ทั้งคู่ สำหรับเรื่องนี้ หลวงพ่อ จรัญ ฐิตธฺมโม ได้กล่าวสรุปว่า " ถ้าตำรวจทั้งสองคนนั้นเชื่ออาตมา บางทีอาจจะไม่โดนเคราะห์กรรม ถึงขั้นเสียชีวิต แต่คนเราคราวจะถึงที่ตาย จะบอกจะสอนอย่างไร ก็มักจะไม่เชื่อไม่ฟัง ยิ่งจิตใจแข็งกระด้าง ไม่น้อมมาทาง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ยากที่จะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ เรื่องวิญญาน ร้ายที่โค้งนั้นก็เช่นกัน ถ้ายิ่งไปขับไล่เค้า ไปทำร้ายเค้าด้วยเวทมนตร์ คาถา จะยิ่งไปกันใหญ่ เหมือนเทไฟไปราดบนกองเพลิงที่กำลังลุกไหม้ ทางที่ดีที่สุดก็คือแผ่เมตตาจิตไปให้เค้า อุทิศส่วนกุศลไปให้เค้า ความดุร้ายก็จะอ่อนลงไป เฉกเช่น เราเอาน้ำไปดับไฟ ฉันนั้นฯ เรื่องจริงเรื่องนี้ได้ชีชัดให้เห็นว่า จิตวิญญานที่มีแต่โทษะจริตนั้น เมื่อดับภพ สิ้นภูมิ มนุษย์ไปแล้ว ก็จะยังเวียนว่าย ทนทุกข์ทรมาน อยู่ในโลกของวิญญาน หน่ำซ้ำยังสร้างบาปกรรม พอกพูน มากขึ้น และคงส่งผลผลักดันให้ วิญญาน จมดิ่งลงสู่ภพภูมิอันมืดมนลงไปทุกที หากท่านมีความคิดเห็นและมุมมองว่า วิญญานสาวชาวนาผู้นี้ ไม่ควรที่จะติดยึดกับอารมณ์โทษะชนิดที่ไม่ยอมเลิกลา ลองมองย้อนกลับไปที่คนที่มีชีวิตอยู่รอบๆตัวคุณบ้างสิครับ ท่านอาจจะพบเห็นคนอีกหลายคน ที่ยังยึดเหนี่ยวกับอารมณ์โทษะนี้ ยิ่งกว่าดวงวิญญานดังกล่าวนี้เสียด้วยซ้ำ...... ข้อมูลจาก หลวงพ่อจรัญ ฐิตธฺมโม หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 31, 2005, 10:07:17 AM :)..มีแต่เป็นม้วนเทป ครับพี่แก้ว จะทำเป็น CD ..ทำได้ไหม ผมทำไม่เป็นครับ.. :D.
เรื่อง..น่าพิศวง.. เกี่ยวกับชีวิตที่ผ่าน..เรื่องเฉียด ตาย แบบเส้นยาแดงผ่าแปด.. นึกย้อนรอดมาได้ สิบกว่าครั้ง..เหมือนมีบางสิ่งมาช่วยบัง มาช่วยชลอ..มาเปลี่ยนใจ.. มาสกิดให้ระวัง.. นึกย้อนแล้ว ถ้ามีอีกครั้ง คงไม่รอด.. :) หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ สิงหาคม 31, 2005, 10:07:37 AM "ตายอย่างไก่"
เรื่องนี้เพื่อนผมเล่าให้ฟังครับ สมัยก่อนบ้านเพื่อนผมมันอยู่ใกล้กับบ้านคนจีนคนหนึ่ง แกมีอาชีพเลี้ยงไก่ส่งไก่ไปขายในตลาดวันละเป็นร้อยตัว เพื่อนผมเองยังเคยไปหารายได้พิเศษ โดยการเอาไก่ที่แกฆ่าไปส่งให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาด แล้วเพื่อนผมก็ได้เห็นการทารุณไก่ ซึ่งไม่คิดว่าจะได้เจอ จริง ๆ แล้ว การฆ่าไก่ที่เราเคยเห็น ก็จะเป็นการเชือดคอเพื่อให้เลือกมันไหลรินออกมา แล้วเอาไปทำเป็นเลือดไก่ เป็นก้อน ส่งขายได้อีก แต่ที่เพื่อนผมเห็นและเอามาเล่าให้ฟังนั้น มันไม่ธรรมดาเพราะเจ้าของบ้านที่เป็นคนฆ่าไก่นั้น แกมีอารมณ์ไม่ค่อยปรกติ เป็นคนอารมณ์ร้อนมาก แกตบตีลูกเมียเป็นประจำเรียกได้ว่าลูกเมียของแกนั้น เป็นกระสอบทรายให้แกตบเตะเล่นเป็นไม่ว่างเว้นบางทีเมียแกไม่กล้าออกจากบ้านไปหลายวัน แต่เพื่อนผมมันรู้ เพราะมันไปที่บ้าน เห็นหน้าเมียแกบวมช้ำ และแตกหลายแห่งเมียแกเล่าให้ฟังว่าถูกซ้อม บ่อยเข้า ๆ เพื่อนผมก็เลยเห็นภาพที่บอบช้ำของเมียแกเป็นเรื่องปรกติไม่เห็นเลยนี่ซิ เพื่อนมันว่าเป็นเรื่องแปลก และ...มันได้เห็นสิ่งที่โหดเหี้ยมขึ้นไปอีกแกมักจะมีอารมณ์โหดร้ายกับไก่ที่แกเชือดพอแกซ้อมลูกเมียมาก ๆ ทุกวัน บ่อย ๆ เมียแกก็เลยหอบลูกไปอยู่ที่อื่นคราวนี้ พอไม่มีคู่ซ้อมให้ แกก็เลยหงุดหงิด หันมาระบายกับไก่ที่แกเลี้ยง บางทีแกก็เชือดไก่แบบทรมาน คือเชือดแบบไม่ให้ตายทีเดียว เวลาที่แกเชือดคอไก่ แกไม่ทำให้ตายในทันที เชือดไปที่คอให้เป็นแผล แล้วปล่อยให้ไก่ดิ้นพราด ๆ เป็นสิบ ๆ ตัว ดิ้นกันเต็มลานบ้านไปหมดเลือดไก่สาดกระจาย เหม็นคละคลุ้ง กลิ่นเลือดคาวไปทั่วบางตัวดิ้นเป็นชั่วโมงกว่าจะตายแกทำอย่างนี้มาเป็นเวลานาน ไก่เป็นพันตัวตายลักษณะทรมานอย่างนี้ทุกตัว จากวัน เป็นเดือน เป็นปี แกทำอย่างสะใจ ปากก็ต้องตะโกนไปด้วย ว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ ๆ อยากหนีกูไป (คงหมายความถึงลูกเมียที่หนีแกไป) เพื่อนผมมันก็แปลก กลับชอบดูภาพนั้น ไม่ได้ว่า ไม่ได้รู้สึกสงสารไก่ที่ดิ้นพราดไปด้วยดีที่ว่ามันไม่ได้ลงมือช่วยทำทารุณไก่ด้วย แล้วในที่สุด "กรรม" ก็ตามทัน แกล้มในห้องน้ำ เส้นเลือดในสมองแตก เป็นอัมพฤกษ์ แล้วแกก็เป็นลมบ้าหมูด้วย เวลาที่แกชักนั้น เพื่อมันเห็นมันก็ตกใจมากเพราะมันเหมือนไก่ที่แกเชือดด้วยความทารุณ ดิ้นไป ชักไป ตาเหลือกตาตั้ง ดิ้นทุรนทุราย เห็นแล้วน่าสมเพชที่สุดเพื่อนผมเห็นบ่อยครับ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรกลับสมน้ำหน้าด้วยซ้ำ(เพื่อนคนนี้ ท่ามันจะเป็นโรคจิตนะครับ เห็นอะไรก็นิ่งเฉยลูกเดียว) แกชักแล้วชักอีก ชักจากวันละครั้ง เป็นวันละหลายครั้งบางทีวันหยุดยังมีชักรอบพิเศษด้วยแกรักษาเนื้อรักษาตัว เวียนเข้าเวียนออกที่โรงพยาบาล จนหมอและพยาบาลจำหน้าได้ดีแต่ที่พวกหมอและพยาบาลจำได้แม่นก็เพราะ....โรคที่แกเป็นอยู่นั้นไม่มีทางแก้ไขให้ดีขึ้นได้และที่แปลกยิ่งไปกว่านั้น.....ไม่มีใครหาสาเหตุที่แกเป็นอย่างนั้นได้ขนาดหมอใหญ่บอกเลยว่า หมดทางแก้ และไม่ใช่สาเหตุมาจากโรคลมชัก ลมบ้าหมูด้วยเมื่อไปชักที่โรงพยาบาลแล้วไม่มีใครสนใจ แกก็เลยต้องกลับมาชักที่บ้านคนเดียวและสุดท้าย แกก็ชักอย่างน่ากลัว เป็นการชักครั้งสุดท้ายของแก เพราะแกชักจนหน้าตาน่ากลัว ตาเหลือกโปนจนเห็นแค่ตาขาวอย่างเดียว มีเลือดออกจากปาก ออกจากจมูก ไหลเลอะเปรอะเปื้อนไปทั้งใบหน้ามือแกกำแน่น ป่ายไปป่ายมาบริเวณลำคอ ด้วยความที่เล็บแกยาว (ก็มัวแต่ชัก ไม่ได้ตัดเล็บ) จึงข่วนเอาที่หน้าที่ลำคอจนมีเลือดออกมา จากน้อยจนกระทั่งเป็นแผลใหญ่ เลือดยิ่งออกมากเพื่อนผมไปพอดี มันก็ตกใจ แต่ด้วยนิสัย (หรือสันดาน) มันก็ยืนดูเฉย ๆ ไม่กล้าเข้าไปช่วยอะไร มันคงกลัว ๆ ด้วยได้แต่โทรไปบอกที่โรงพยาบาลให้ส่งรถมารับตัวแต่แกก็ยังคงชัก ๆๆๆ และดิ้นไปเรื่อย ๆ เลือดก็ยิ่งออกมากขึ้น จนเลอะไปทั่วใบหน้า ลำคอ และตามร่างกายเพื่อนมันบอกว่า เหมือนไก่ที่แกเชือด แล้วปล่อยให้มันดิ้นทรมานจนมันตายแกก็เหมือนอย่างนั้นแถมยังร้องเหมือนเสียงไก่ที่แกเคยเชือด เพื่อนมันบอกว่า ถ้าหลับตา ไม่มองดูแก จะไม่รู้เลยว่าคนที่กำลังดิ้นพราด ๆ นั้นน่ะ เป็นคน เพราะเสียงร้องเหมือนไก่กำลังถูกเชือดจริง ๆ ส่วนเพื่อนมันก็ยืนดู จนกระทั่งแกดิ้นพราด ๆ แล้วแน่นิ่งไปเพื่อนผมยืนดูจนกระทั่งรถพยาบาลมา พยาบาลบอกว่าขาดใจตายไปแล้วตายเหมือนไก่ที่แกเชือดด้วยความโหดเหี้ยม นี่คือผลของ "กรรม" ที่แกทำเอาไว้ พอจะจบเรื่องนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วเพื่อนผลล่ะ ได้รับ "กรรม" หรือเปล่าที่ได้แต่ยืนดู ไม่ช่วยเหลือ ทั้งไก่ที่ถูกเชือด หรือทั้งเจ้าของไก่ที่ดิ้นพราด ๆ มันเล่าให้ฟังว่า เวลาที่มันเดือดร้อนเรื่องอะไร ไม่มีใครเคยช่วยเหลือมันเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็ไม่มีใครสนใจ ที่จะดูแล เป็นธุระให้ หรือช่วยเหลืออะไรเลย ขอความช่วยเหลือใครก็ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเลยสักครั้ง ขนาดโดนรถชนกลิ้งกระดอนไปนอนชักกลางถนน เลือดท่วมตัวก็ไม่มีคนสนใจ ดีที่ตำรวจผ่านมาเอาตัวไปโรงพยาบาลได้ทัน ปากก็ร้องตะโกน ไปตลอดทางในรถพยาบาลว่า "ผมไม่ดี ผมน่าจะช่วยไก่ ช่วยเถ้าแก่ ผมไม่ดี ๆๆๆ" ตอนหลังเพื่อนมันเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ถูกรถชนนั้น หลับ ๆ ตื่น ๆ มองเห็นไก่ที่เถ้าแก่เคยเชือด และเห็นเถ้าแก่ชัก ปนไปปนมา เลยเพ้อออกมาอย่างนั้น (พยาบาลเล่าให้ฟังตอนหลัง เพราะตอนนั้นมันไม่มีสติแล้ว) นี่เล่าเรื่องของ "กรรม" ให้ฟังทีเดียว 2 เรื่องซ้อนเลย หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 31, 2005, 10:11:24 AM โอ้ ดีที่ผมไม่มีประสาทสัมผัส........ ผมไปเที่ยวบ้านพี่ Sundance ไม่เห็นอะไรเลยครับ เอ้อ ทุกครั้งผมไปคนเดียวนะครับ หวังว่าพี่ไม่เห็น "เพื่อน" นั่งมาด้วย
เพื่อนผมนายปีเตอร์ พ่อ/แม่ อยู่เมืองกาญฯ เขาอยู่ กทม. คนเดียว สมัยเรียนมหาลัยเลยไปเป็นอาสาสมัคร ปอเต็กตึ้ง ช่วยแต่งรถให้เขาด้วย ผมก็เคยไปด้วย ไม่เจออะไรแปลกครับ ถ้าผมเห็นขนาดพี่ Sundance สงสัยชักปืนยิงบ้านพรุน ไม่ทราบว่าที่เมกาเจอเรื่องอย่างนี้หรือเปล่าครับ? ปล. บ้านผมมีห้องพระแต่หลายปีกว่าผมจะเข้าไปทีนึง ของเสกหรือพระผมไม่มีห้อย คุณแม่ผมเคยจะให้ข้าวสารเสกมาใส่ในรถ ผมบอกว่า "ผมขับคนเดียวดีกว่าเดี๋ยวเสียความมั่นใจ" ห้องนอนตอนนี้เป็นห้องที่คุณทวดนอนเสียชีวิต ไม่เจอใครครับ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: berm ที่ สิงหาคม 31, 2005, 10:18:43 AM ผมมีประสพการณ์เหลือเชื่อกับตัวเองครับ ประมาณสองปีที่แล้วผมเคยทำกระเป๋าเงินหล่นบนแท็กซี่ เสียดายมากที่สุดคือรูปพ่อผมใบเล็กๆ (ท่านเสียชีวิตไปประมาณ1 ปีก่อนกระเป๋าหายครับ ) อีกเดือนกว่าๆถัดมา มีอยู่วันหนึ่งผมขับรถไปแถวรามอินทรา และแวะเบิกเงิน (ATM) ก่อนเดินเข้าตู้ เจอรูปพ่อผมหล่นอยู่หน้าตู้ (ตอนนั้นขนลุกซู้เลย)เป็นรูปเดียวกับรูปที่อยู่ในกระเป๋าที่หายไป โทรหาพี่ๆน้องๆ และแม่ว่ามีใครมาเบิกเงินที่ธนาคารนี้หรือเปล่า เผื่อจะมีรูปเดียวกับผมและมาทำหล่นไว้ ปรากฏว่าไม่มีใครมาเลยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา และไม่มีใครพกรูปพ่อผมแบบเดียวกัน ไม่มีคำอธิบายครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Dhong ที่ สิงหาคม 31, 2005, 10:25:32 AM ..............ตั้งแต่เกิดจนอายุรว่ม 30 ปีมานี้ ยังไม่เคยเจออะไรตรงๆจังๆเลยครับ แค่เฉียดๆเวลามีใครเล่าเรื่องทำนองนี้ หรือไปตามสถานที่ ทึ่เค้าว่ามีอะไรแปลกๆ ผมจะขนลุกครับ :OO แต่ที่บ้านผมมีคนเคยเจอสองครั้งครับ :OO
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 31, 2005, 10:38:54 AM :).. เมื่อกลางปี ๒๕๒๖ .. ผมไปอยู่ที่พิจิตรเข้าปีที่ ๒..
ต้องย้ายที่อยู่.มาเช่าบ้านของ ผู้ใหญ่ที่นับถือท่านหนึ่ง.(ท่านเคยเป็นนายกเมืองพิจิตร.อยู่หลายปี). บ้านท่านเป็นพื้นสูง หลังเดียวปลูกอยู่ในสวนมะลิ .. ที่ดินในอดีตเคยอยูในเขตบึงสีไฟแต่ถูกเพิกถอน และออกโฉนดแล้ว.. บ้านเป็นแบบรื้อไม้เก่ามาปลูกอีกที วันแรกที่ย้ายเข้า ของไม่มาก แต่ก็เหนื่อยอยากนอน แต่เย็น เย็น.. ก็ ราว ๑๘.๐๐-๑๙.๐๐ น. กำลังเคลิ้ม แสงผ่านหน้าต่าง สลัว สลัว .. อยู่ อยู่ ก็มี หญิงแต่งชุดไทย สไบเฉียง สีฟ้า ชมพู เหลือง เป็นหญิงสาวสวยมาก ๑ นาง อีก ๒ เป็นเด็ก ยืนเรียงอยู่ ด้านขวา ก้มหน้ามองดูผม.. ผมเองมีอาการ อึกอัก พยายามจ้อง พอเริ่มมีสติ ภาพก็ค่อย ค่อย เลือน หายไปเอง ครับ.. ผมยังจดจำไว้เสมอ เพราะถือว่าเป็นภาพที่ดีที่สุดที่ได้เห็น ไม่ใช่ฝัน.. และนับแต่นั้น โดยมองย้อนจากวันหลัง หลัง.. ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีตลอด . เป็นไปในแบบก้าวกระโดด... หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ สิงหาคม 31, 2005, 10:56:07 AM ผมเป็นหลานมอญ คุ้นกับผีครับ :D
บ้านมอญจะเชิญวิญญาณบรรพชนให้มาอยู่ด้วยกันในบ้าน ถ้าพบวิญญาณอื่นที่ไหนก็แผ่เมตตา แล้วทำบุญกรวดน้ำไปให้ เรื่อง(น่าจะ)ร้ายๆ หลายเรื่อง ก็มีบางสิ่งดึงให้พ้นจุดอับ ไม่เข้าตาจนครับ ;) หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 31, 2005, 10:58:57 AM :). เหมือนมีบางอย่างมาช่วย..และรับเอาบางชีวิตไป..
ราวปี ๓๕-๓๖ บนถนนเพชรเกษม สามแยกทางเข้าหมู่บ้านเศรษฐกิจ (หมู่บ้านจัดสรรแห่งแรกของไทย) ราว ตีสอง ผมนอนไม่หลับ ก็ขับรถออกมาจากหมู่บ้านเลี้ยวซ้ายเข้าเพชรเกษม มาทางบางแค แล้วย้อนกลับ ไปติดไฟแดง รอเลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้าน.. อยู่ อยู่ ก็มีรถปิพอัพ (ทราบภายหลังมากัน ๓ คนเมาทั้งคัน) มาจากด้านหมู่บ้านเศรษฐกิจ บังคับเลี้ยวซ้ายเข้าเพชรเกษม. แต่เพราะเมาเขาจึงขับผ่าทางตรง รถตรงมาจะต้องชนรถผมที่จอดรอเลี้ยวขวา.. แล้ว สิบล้อ ที่มาจากตรงขวามือของเขา ก็มาเก็บเขาไปต่อหน้าต่อตาเลยครับ.. คนขับปิกอัพเสียชีวิต .. ที่เดียวกัน ๒-๓ เดือนต่อมา.. ขณะที่รอเลี้ยวขวาเป็นคันที่ ๕-๖ มีรถผ่าไฟแดง ชนกันที่ สามแยก. .รถทางตรงเสียหลักชนคันหน้า ยับ ยับ รูด และมาหยุด เอาคันชนมาเกย คนชนรถผม.. คนอื่นเจ็บ ผมยังคงไม่เป็นอะไร.. หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: boon ที่ สิงหาคม 31, 2005, 11:00:18 AM ผมเองก็พอมีประสพการณ์เหมือนกันครับ ตอนนั้นผมพึ่งแต่งงานใหม่ๆ
เช่าบ้านเขาอยู่ บ้านที่เช่าก็ไม่ใหม่มากเท่าไร อายุบ้านคง20-30ปีได้ แต่เจ้าของดูแลตกแต่งบ้านใว้อย่างดี สวยงาม น่าอยู่มาก ห้องที่ผมนอนมีห้องน้ำในตัว ไม่ต้องออกไปนอกห้อง ต่อจากห้องนอนเป็นห้องครัว คืนแรกๆก็นอนหลับสบายไม่ค่อยรู้สึกอะไร มีอยู่คืนหนึ่งกำลังเคริ้มๆครึ่งหลับครึ่งตื่น ได้ยินเสียงปืนใหญ่ปืนกลยิงดังสนั่นหวั่นไหว เตียงที่ผมนอนก็สั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ ด้วยความง่วงผมก็ไม่ได้รู้สึกลัวอะไร ตอนเช้าตื่นขึ้นมาตอนประมาณตี5 ผมตกใจมากครับ พึ่งรู้ตัวว่าเมื่อคืนนี้ผมนอนอยู่ข้างๆรถถังปืนใหญ่ทั้งคืน :VOV: หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ สิงหาคม 31, 2005, 11:09:00 AM ผมเองก็พอมีประสพการณ์เหมือนกันครับ ตอนนั้นผมพึ่งแต่งงานใหม่ๆ เช่าบ้านเขาอยู่ บ้านที่เช่าก็ไม่ใหม่มากเท่าไร อายุบ้านคง20-30ปีได้ แต่เจ้าของดูแลตกแต่งบ้านใว้อย่างดี สวยงาม น่าอยู่มาก ห้องที่ผมนอนมีห้องน้ำในตัว ไม่ต้องออกไปนอกห้อง ต่อจากห้องนอนเป็นห้องครัว คืนแรกๆก็นอนหลับสบายไม่ค่อยรู้สึกอะไร มีอยู่คืนหนึ่งกำลังเคริ้มๆครึ่งหลับครึ่งตื่น ได้ยินเสียงปืนใหญ่ปืนกลยิงดังสนั่นหวั่นไหว เตียงที่ผมนอนก็สั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ ด้วยความง่วงผมก็ไม่ได้รู้สึกลัวอะไร ตอนเช้าตื่นขึ้นมาตอนประมาณตี5 ผมตกใจมากครับ พึ่งรู้ตัวว่าเมื่อคืนนี้ผมนอนอยู่ข้างๆรถถังปืนใหญ่ทั้งคืน :VOV: ...สรุปว่าโดนอะไรครับนั่น ::) ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: สีอำพัน-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 31, 2005, 11:21:52 AM สมัยเรียนประถมห้า หน้าฝนชาวบ้านปลูกข้าวเสร็จหมดแล้ว หลังเลิกเรียน ผมไปวางเบ็ดคันตามทุ่งนากับพี่ชาย
สมัยนั้นยังไม่ห้ามหากินบนที่นาคนอื่น ปกติวางเบ็ดจะวางยาวเป็นเส้นตรงตามคันนา เพื่อตอนมาดูเบ็ดนกลางคืนจะได้ไม่หลงลืม จำได้ว่าวันนั้น ผมกับพี่ชายยึดคันนาได้ทำเลดี ถัดไปมีพี่ชื่อตุ้ยมาวางเบ็ดด้วย ผมกับพี่เริ่มปักเบ็ด ห้าโมงกว่า เหยื่อที่ใช้ เป็นไส้เดือน กว่าจะเสร็จเกือบทุ่ม วันนั้นวางเบ็นเยอะเกือบสองร้อยหลัง พอเสร็จก็มืด ขากลับสำรวจเบ็ดมาด้วย ได้ปลาติด มือกับบ้าน สี่ห้าตัว สักสี่ทุ่มออกมาดูเบ็ดอีกทีกับพี่มีไฟส่องแบบใช้ถ่านหินเป็นตัวให้แก๊ซจุดไฟ หนึ่งชุด คืนนั้น ดวงจันทร์ ส่องแสงสว่าง ฝนไม่ตก พอมองเห็นได้ ตอนนั้นผมกำลังปลดปลาและเปลี่ยนเหยื่อ พี่ชายส่องไฟได้ยินเสียงปลาดิ้นตีน้ำจากข้างหน้าสงสัยปลาตัวใหญ่ติดเบ็ดข้างหน้า พี่บอกให้ผมคอยก่อน พี่รีบเดินไปดูเบ็ดข้างหน้าห่างไปประมาณสามสิบเมตร ผมเปลี่ยนเหยื่อเบ็ดเสร็จ ลุกขึ้นมองไปข้างๆ ตัวชาดิกคนลุกซู่ เห็นเหมือนเงาคนสีออกเทาๆ กำลังก้มดูเบ็ดพี่ตุ้ยห่างไปไม่ถึงสิบเมตร ผมจะเรียกชื่อก็เรียกไม่ออก พักหนึ่งพี่ผมส่องไฟมาแล้วถามเป็นอะไร ผมบอกให้พี่ส่องไฟไปดูตรงที่ผมเห็นเมื่อครู่ก็ไม่มีอะไรอีก แต่ไม่ได้บอกพี่แล้วก็ไปดูเบ็ดกันต่อ ตอนเช้าไปเก็บกู้เบ็ดเจอพี่ตุ้ยเลยถามว่าเมื่อคืนไปดูเบ็ดกี่โมง กี่บอกสองทุ่มถึงสามทุ่มก็กลับแล้ว เลยเป็นงงเท่าทุกวันนี้ครับ จบเรื่องที่1 หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: paisit ที่ สิงหาคม 31, 2005, 11:28:37 AM ผม เคยเจออยู่ครั้งเดียวในชีวิตตอนที่ ไปเที่ยวพัทยา ผมไปตอนลองวีคเอนโดยที่ไม่ได้จอง จึงต้องวนเวียนหาบ้านกับโรงเรมจนบ่าย แล้วผมก็ไปได้ที่ หาดจอมเทียนชื่อ.........วิลล่า เป็นบ้าน สามห้องนอน หลังสุดท้ายสุดซอยเลยครับ
พอเล่นเพ้นท์บอลเสร็จผมกับเพื่อนๆและแฟนก็กลับมาทานอาหารและตั้งวงดื่มต่อที่บังกาโลว์ พอดึกหน่อยบรรดาเมียๆทั้งหลายก็ขึ้นนอน พวกผมก้อ นั่งซดน้ำสุขภาพกันอย่างออกรส สักพักภรรยาผมและภรรยาเพื่อนๆอีกสองคนเดินลงมากันหมด บอกนอนไม่หลับ พอเคลิ๊มๆก็รู้สึกมีคนมายืนจ้องแต่พอลืมตามาก้อไม่มีใครเป็นเหมือนกันหมดทั้งสามคน พวกผมก็อบอกคิดมากน่าถ้านอนไม่หลับก้อลงมานั่งกินกับแกล้มเล่น จนประมาณเที่ยงคืน พวกผู้หญิงก้อบอกไม่ไหวจะไปนอนละแต่พอลุกจะขึ้นไปนอนเท่านั้นละครับ เห็นขาคนยืนอยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้ายก่อนถึงชั้นบน ลืมบอกไปมันเป็นบันไดไม้แบบโล่งนะครับ เห็นแต่ขาตั้งแต่เท้าถึงหน้าแข้งตรงช่องบันได แฟนผมอ้าปากค้างแล้วเยกทุกคนดู ทุกคนตะลึงกันหมด พวกผู้หญิงร้องกันลั่น พวกผมก็ตกใจนึกว่าขโมย พอตั้งสติได้ ก็ตะโกนถามว่า "เฮ๊ย ใครวะ" พอตะโกนเสร็จ ก็เห๊นขาก้าวขึ้นข้างบนไป พวกผู้ชายก็วิ่งตามปรากฎไม่มีใคร หน้าต่างก็ล๊อค หมด มีเหล็กดัดอีก เท่านั้นแหละครับ ลงมานอน ห้องรับแขกกันทั้ง 6 คนเรย เช้า เช็คเอ๊าท์ทันที ขอโทษที่ไม่บอกชื่อวิลล่า แต่ถ้าคนอายุเกินสามสิบต้องรู้จัก เมื่อก่อนดังมากที่จอมเทียน ชื่อเหมือนหมู่บ้านในกรุงเทพฯครับ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ สิงหาคม 31, 2005, 11:28:51 AM เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก ช่วงสมัยเรียน ม.ศ.3 ไปเล่นฟุตบอล ปกติผมจะห้อยพระหลวงปู่ทวด แล้วใช้สายร่ม ทำเป็นสร้อย ช่วงกำลังเล่นๆกันอยู่รูสึกตัวว่าถูกเพื่อนดึงจนสายล่มขาด ก็เลยช่วยกันหาสายล่มและพระ หาจนมืดเจอเพียงสายล่ม ไม่เจอพระ กลับบ้านกินข้าวอาบน้ำนอน ช่วงกำลังนอนๆมีความรู้สึกว่ามีอะไรดิ้นๆอยู่ใต้หมอน ตกใจเปิดหมอนดู หลวงปู่ทวดอยู่ใต้หมอน งง ???ครับว่ามาได้ยังงัย :o ;D
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ สิงหาคม 31, 2005, 11:40:10 AM ประสบการณ์แต่ละท่านเยอะจริงๆครับ ;D
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: NUTAPHOL ที่ สิงหาคม 31, 2005, 11:47:58 AM ผมเคยเจอเหตุการณ์แปลกๆหลายๆครั้งเหมือนกันตั้งแต่เป็นเด็กๆ จนโตเป็นหนุ่ม ส่วนใหญ่จะได้ยินเป็นเสียงครับอย่างเช่นเสียงที่ร้องอย่างโหยหวนตอนกลางดึกๆ คือที่บ้านที่ผมอยู่ทุกวันนี้เป็นสวนมีคลองใหญ่พ่านหน้าบ้านหลังบ้านก็จะเป็นร่องท้องร่องสวน เรื่องนี้ประมาณสัก35 ปีเห็นจะได้ตอนผมเป็นเด็ก ผมชอบนอนที่ระเบียงหน้าบ้านลมพัดเย็นสบาย แต่จู่ๆผมต้องสะดุ้งตื่นตอนดึกเพราะได้ยินเสียงที่ร้องอย่างโหยหวนเป็นเสียงที่พอได้ฟังแล้วมันบาดใจจนขนลุกครับ ที่ร้ายกว่านั้นก็คือตำแหน่งของเสียงที่ได้ยินมันไม่ช้ำที่ครับ มันดังรอบๆบริเวณบ้าน เป็นเวลานานเลยและมันเปลี่ยนที่ร้องได้เร็วมากเดี่ยวทางเหนือ เดี่ยวไปทางใต้ เดี่ยวไปทางตะวันออก เดี่ยวไปทางตะวันตก คือถ้าเป็นคนทำก็คงทำไม่ได้แน่ครับ มันดังจนใกล้จะสว่างเสียงถึงได้หายไป ได้ยินกันหลายคนครับ คือผู้ใหญ่หลายๆท่านบอกว่าเป็นเสียงของเปรตครับ เป็นเสียงที่ได้ยินแล้วน่ากลัวมากขนาดผมไม่กลัวผียังทนฟังไม่ได้ต้องเข้าไปอยู่ในบ้านเลยครับ นี่ตอนเด็กนะครับ ตอนโตเป็นหนุ่มๆก็เจอหลายครั้งครับ ปกติผมไม่กลัวผีครับไปไหนมาไหนส่วนใหญ่จะไปคนเดียว
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: boon ที่ สิงหาคม 31, 2005, 11:51:42 AM เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก ช่วงสมัยเรียน ม.ศ.3 ไปเล่นฟุตบอล ปกติผมจะห้อยพระหลวงปู่ทวด แล้วใช้สายร่ม ทำเป็นสร้อย ช่วงกำลังเล่นๆกันอยู่รูสึกตัวว่าถูกเพื่อนดึงจนสายล่มขาด ก็เลยช่วยกันหาสายล่มและพระ หาจนมืดเจอเพียงสายล่ม ไม่เจอพระ กลับบ้านกินข้าวอาบน้ำนอน ช่วงกำลังนอนๆมีความรู้สึกว่ามีอะไรดิ้นๆอยู่ใต้หมอน ตกใจเปิดหมอนดู หลวงปู่ทวดอยู่ใต้หมอน งง ???ครับว่ามาได้ยังงัย :o ;D อันนี้เรื่องจริงครับ หลวงปู่ทวดท่านสุดยอดจริงๆ เพื่อนผมได้พระหลวงปู่ทวดมา(รับมาจากวัด) เพื่อนผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพระเท่าไร เขาเป็นคนสมัยใหม่ เรียนวิทย์ แขวนหลวงปู่ทวดแล้วก็ไปเที่ยวผู้หญิง ตอนมีอะไรกันก้ไม่ได้ถอดพระออกจากคอ กลับมานอนบ้านกำลังจะหลับ มีพระองค์ดำใหญ่เอาเท้ามาเหยียบหน้าอก เพื่อนผมห้ายใจไม่ออก เป็นอยู่อย่างนี้3-4ครั้ง ทนไม่ไหวต้องไปจุดธูปขอขมา แต่ด้วยความที่ไม่เชื่อ คิดว่าเป็นไปเอง อีกสองสามวัน ทำใหม่อีกครั้ง นอนกับผู้หญิงไม่ยอมถอดพระ กลับมาบ้านโดนเหยียบอกเหมือนเดิมต้องไปขอขมาท่านอีกครั้ง เขาบอกผมว่าเกิดมาไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย แต่สำหรับหลวงปู่ทวดเขาเชื่อโดยไม่มีข้อกังขา หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ สิงหาคม 31, 2005, 11:59:24 AM ...ขนาดพระผงหลวงพ่อทวดรุ่นใหม่ๆ พนักงานที่ทำงานผมคนหนึ่งห้อยคอแล้วมอ'ไซค์เกิดอุบัติเหตุสลบไป ฟื้นขึ้นมาไม่เป็นไรเลย แต่มีคนถามพระแก่ๆ นั่งซ้อนท้ายมาด้วยไปไหน น่าเสียดายที่มีคนมาปลดเอาพระไปตอนที่แกสลบน่ะครับ แต่ผมก็หาให้ใหม่แล้ว (ผมไม่มีรุ่นที่ว่าเก็บไว้เลย ได้มาก็แบ่งเขาไปหมดเพราะมีแต่คนอยากได้)
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 31, 2005, 12:22:06 PM :) อาผมให้พระร่วงรางปืน.เนื้อดินเผา เก่ามาก. เดิมผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อถืออะไรนัก..รับมาก็ไว้ตรงคอนโซลใต้กระจกบังลมหน้ารถยนต์.. โดยลืมไปว่า ตรงนั้นผมมีปฎิทินของโตโยต้าอันเล็ก เล็ก เป็นภาพหญิงนุ่งน้อยห่มน้อย ใส่กรอบพลาสติกใส. ด้านหลังมีตัวดูดติดกับกระจก และอยู่เหนือองค์พระ..พลาสติกไม่เคยละลาย เป็นปรกตินานมาหลายวันแล้ว..
วันนั้นผมขับรถ จาก กทม. ถึงพิจิตร. ตอนเย็น เอื้อมหยิบองค์พระ.. ตกใจมากครับ พระหักกลางองค์ เป็น สองซีก.. ส่วนกรอบพลาสติก ละลายอัดกับรูปภาพ บิดเบี้ยวไป.. เพียงเพราะความร้อน จะต้องเจือกับสิ่งนอกความเข้าใจบางอย่าง จึงทำให้เป็นอย่างนั้น.. ณ จุดนั้นเอง ทำให้ผมเกิดให้ความสนใจ และเริ่มมีความเชื่อกับสิ่งนอกเหนือ ที่ตัวเองไม่สามารถเอาเหตุผลมาจับ.. :OO เหตุแปลก พิศวง ต่าง ต่าง ก่อนผมจะเชื่อถือ.. จะพิจารณาจากบุคคล ที่ประสบก่อนว่า มีสภาพจิตใจ ชั้นไหน อย่างไร อยู่ภายใต้อารมณ์ หวาดกลัว หรือเปล่า.. พื้นฐานผมเป็นคนไม่กลัว แบบสุดขั้วด้วย.. เพราะปรกติคนที่ตกอยู่ใต้อารมณ์ใด ใด ก็ตาม จะขาดเหตุผล มีแต่รัก โลภ โกรธ หลง มาบดบัง.. :) หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ สิงหาคม 31, 2005, 12:23:03 PM ผมเองก็พอมีประสพการณ์เหมือนกันครับ ตอนนั้นผมพึ่งแต่งงานใหม่ๆ เช่าบ้านเขาอยู่ บ้านที่เช่าก็ไม่ใหม่มากเท่าไร อายุบ้านคง20-30ปีได้ แต่เจ้าของดูแลตกแต่งบ้านใว้อย่างดี สวยงาม น่าอยู่มาก ห้องที่ผมนอนมีห้องน้ำในตัว ไม่ต้องออกไปนอกห้อง ต่อจากห้องนอนเป็นห้องครัว คืนแรกๆก็นอนหลับสบายไม่ค่อยรู้สึกอะไร มีอยู่คืนหนึ่งกำลังเคริ้มๆครึ่งหลับครึ่งตื่น ได้ยินเสียงปืนใหญ่ปืนกลยิงดังสนั่นหวั่นไหว เตียงที่ผมนอนก็สั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ ด้วยความง่วงผมก็ไม่ได้รู้สึกลัวอะไร ตอนเช้าตื่นขึ้นมาตอนประมาณตี5 ผมตกใจมากครับ พึ่งรู้ตัวว่าเมื่อคืนนี้ผมนอนอยู่ข้างๆรถถังปืนใหญ่ทั้งคืน :VOV: ...ผมเดาว่าเป็นเสียง กรน ของใครคนหนึ่ง ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ สิงหาคม 31, 2005, 12:31:07 PM หนึ่งในสิ่งที่ผมเคารพและใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ( ผมมันคนใจอ่อน )
[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ] หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ สิงหาคม 31, 2005, 12:38:24 PM แถม ;D
[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ] หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ สิงหาคม 31, 2005, 12:50:25 PM :VOV: ดีจัง ได้ฟังเรื่องที่ถือว่าเป็นปาฎิหารย์ สำหรับตัวผมเองได้แต่รับฟังไม่เคยพบเห็นด้วยตัวเอง
ไปสถานที่ที่เขาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ก็ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ใดๆที่น่ากลัว มักจะแคล้วคลาด ทั้งๆที่ไม่ได้แขวนพระองค์ใดเลย เข้าใจว่าถือปฎิบัติดีมาโดยตลอดตามที่แม่สอนไว้ ไม่พูดหยาบคาย ไม่แจกของลับ โดยเฉพาะก่นด่าบรรพบุรุษใคร จึงผ่านพ้น อุปสรรคเลวร้ายไปด้วยดี .......... กราบเท้าขอบพระคุณคุณแม่มากครับ :<><> :<><> :VOV: :VOV: :VOV: หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 31, 2005, 01:04:22 PM :)..เหมือนกับคุณปู ครับ..
นับแต่พ้นวัยเด็ก มีวุฒิภาวะ.. จะเห็นชีวิตมีความสำคัญมาก ไม่เคยคิดเบียดเบียนชีวิต..สัตว์.. ไม่ฆ่าสัตว์ โดยไม่จำเป็น.. และไม่ประมาทกับการใช้ชีวิต. หรือ ประมาทกับการใช้ชิวิต ให้น้อยที่สุด.. :D เลี่ยงได้จะเลี่ยง ช่วยชีวิตเขาได้ จะช่วย ครับ.. งูเขียว ไม่ทราบหลงเข้าไปที่ถนนหน้าตลาดสด ปากน้ำ สามล้อ ตามฟาด ด้วยไม้ ๔-๕ ที ไม่โดน.. โชคดีครับ อยู่ตรงหน้า ผมเดินเข้าไปขวาง .. และใช้ถุงพลานสติกเขี่ยลง ช่องระบายน้ำ ให้เขาหนีไป.. ได้ยินเสียง คนหลายคนบริเวณนั้นถอนหายใจเสียงดัง.ดัง.. ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ สิงหาคม 31, 2005, 01:38:32 PM เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก ช่วงสมัยเรียน ม.ศ.3 ไปเล่นฟุตบอล ปกติผมจะห้อยพระหลวงปู่ทวด แล้วใช้สายร่ม ทำเป็นสร้อย ช่วงกำลังเล่นๆกันอยู่รูสึกตัวว่าถูกเพื่อนดึงจนสายล่มขาด ก็เลยช่วยกันหาสายล่มและพระ หาจนมืดเจอเพียงสายล่ม ไม่เจอพระ กลับบ้านกินข้าวอาบน้ำนอน ช่วงกำลังนอนๆมีความรู้สึกว่ามีอะไรดิ้นๆอยู่ใต้หมอน ตกใจเปิดหมอนดู หลวงปู่ทวดอยู่ใต้หมอน งง ???ครับว่ามาได้ยังงัย :o ;D อันนี้เรื่องจริงครับ หลวงปู่ทวดท่านสุดยอดจริงๆ เพื่อนผมได้พระหลวงปู่ทวดมา(รับมาจากวัด) เพื่อนผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพระเท่าไร เขาเป็นคนสมัยใหม่ เรียนวิทย์ แขวนหลวงปู่ทวดแล้วก็ไปเที่ยวผู้หญิง ตอนมีอะไรกันก้ไม่ได้ถอดพระออกจากคอ กลับมานอนบ้านกำลังจะหลับ มีพระองค์ดำใหญ่เอาเท้ามาเหยียบหน้าอก เพื่อนผมห้ายใจไม่ออก เป็นอยู่อย่างนี้3-4ครั้ง ทนไม่ไหวต้องไปจุดธูปขอขมา แต่ด้วยความที่ไม่เชื่อ คิดว่าเป็นไปเอง อีกสองสามวัน ทำใหม่อีกครั้ง นอนกับผู้หญิงไม่ยอมถอดพระ กลับมาบ้านโดนเหยียบอกเหมือนเดิมต้องไปขอขมาท่านอีกครั้ง เขาบอกผมว่าเกิดมาไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย แต่สำหรับหลวงปู่ทวดเขาเชื่อโดยไม่มีข้อกังขา หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: boon ที่ สิงหาคม 31, 2005, 01:50:00 PM แล้วจะมีเหลือมาถึงผมบ้างไหมครับ :VOV: :VOV:
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ สิงหาคม 31, 2005, 01:52:51 PM แล้วจะมีเหลือมาถึงผมบ้างไหมครับ :VOV: :VOV: ...ตั้ง 200 ถ้าไม่เหลือถึงคุณบุญกับผมมั่งก็ให้รู้้ไป ;) หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ สิงหาคม 31, 2005, 01:57:42 PM ;D เจอบ่อยจนไม่กลัวครับ เดี๋ยวจะเรียบเรียงมาเล่าให้ฟังครับ ;D
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กันยายน 01, 2005, 12:09:53 PM เมื่อยังเด็ก ผมนึกถึงความตายไม่ออก ตอนนี้ใกล้เข้ามา นึกได้แล้วครับ สั่งภรรยาไม่ให้บอกใคร ให้เผาให้เร็วที่สุด ไม่ต้องการให้ใครมางานศพ ไม่อยากให้เขาลำบาก แต่ถ้าภรรยาตายก่อน ใครจะทำอย่างไรกับศพผมก็ได้
ผมเริ่มนึกถึงความตายเมื่อลูกชายตายเมื่อปี 1978 ได้อ่านเกี่ยวกับ Near Death Experience ซึ่ง Dr. Raymond Moody และหมอหลายๆคนเขียน แต่เรื่อง NDE นี้ เป็นเรื่องที่คนตายไปแล้ว ฟื้นขึ้นมาเล่า คนที่ตายจริงๆกลับมาเล่าไม่ได้ เรื่องจะเหมือนๆกัน ลอยขึ้นไปติดเพดาน มองเห็นหมอและพยาบาลกำลังช่วยชีวิตอยู่ข้างล่าง บางคนก็ลอยและพุ่งเข้าไปในอุโมงค์ มีลำแสงสว่างอยู่ข้างหน้า สว่างจ้าแต่ไม่ร้อน อยากเข้าไปในแสงสว่าง เข้าใจว่าแสงนั้นคือ God เต็มไปด้วยความรัก ไม่ว่าจะเคยทำไม่ดีหรือไม่ ลำแสงก็ไม่ตำหนิ บางคนเข้าไปถึงโลกหลังความตาย (Afterlife) มีคนที่รู้จักในโลกมนุษย์และตายไปก่อนมาต้อนรับ บางคนได้เห็นชีวีตที่ผ่านมาเหมือนเปิดหนังสือเป็นหน้าๆ ที่เหมือนกันคือต้องกลับมา หลายคนไม่อยากกลับ แต่ก็ต้องกลับ (ถ้าไม่กลับ ก็มาเล่าไม่ได้) Dr. Brian Weiss เขียนหนังสือเกี่ยวกับชีวิตในชาติที่ผ่านๆมา มี 4 เล่ม เป็นจิตแพทย์ ใช้การสะกดจิตช่วยในการรักษา ในที่สุดสะกดเลยเข้าไปในชาติก่อน และอีกหลายๆชาติ บางเรื่องผมมีความรู้สึกว่าไม่ได้เกิดในโลกนี้ เป็นเรื่องในโลกอื่นหรืออย่างไรนี่ คนไข้หลายคนเจ็บทางร่างกายที่ไม่มีสาเหตุ และรักษาไม่ได้ ไปเจอสาเหตุในชาติที่แล้วๆมา แล้วก็หายได้ Sylvia Browne เป็นผู้ที่ติดต่อกับ Afterlife ได้ เขียนหนังสือหลายเล่ม ผมไม่อยากบอกว่าผมเชื่อ แต่อยากให้เป็นเรื่องจริง อ่านแล้วใจสบาย ไม่กลัวตาย เพราะทุกอย่างลิขิตไว้หมดแต่เกิดจนตาย ที่ผมมานั่งเคาะ Keyboard อยู่นี่ ก็กำหนดไว้แล้ว ที่ผมมารู้จักกับคุณ Law Enforcement หรือคุณบ้านชายหาดก็เช่นกัน ชีวิตถูกกำหนดอย่างละเอียด แต่ปล่อยให้เราตัดสินใจได้ ชีวิตเป็นการเรียน เป็นการฝึกให้เราทำความสะอาดจิตให้บริสุทธ์ ระหว่างชีวิต มีช่อง exit ให้ออก (ตาย) อาจเป็นอาหารติดคอ หรือตกบันไดลงมา ครับ ผมไม่ได้ take exit ถ้าไปต่อก็ไปได้จนครบสัญญาที่ทำไว้ ฆ่าตัวตายไม่ได้ ผิดสัญญาอย่างแรง เมื่อตาย ก็มีทางเข้า 2 ประตู เข้าประตูขวานะครับ จะตรงไป Afterlife ประตูซ้ายจะเข้าไปติดในโลกมืดทึบ หมดหวัง ใน Afterlife จะมีหอสมุดของความรู้ในโลกทั้งหมด คุณจะไปดูชีวิตทั้งหมดของคุณได้ที่นี่ จะมี Advisor ให้คำแนะนำ เตรียมแผนการกลับมา ถ้าคุณยังไม่บริสุทธ์ ต้องกลับมาเรียนอีก ใน Afterlife ไม่มีเวลาครับ แต่เทียบได้ว่า 1 วันเท่ากับ 100 ปี ของเรา คุณมีสิทธิ์เลือกพ่อแม่ของคุณได้ ทั้งหมดเพื่อการขัดเกลาตัวคุณ มีใครเคยอ่านหนังสือพวกนี้ไหมครับ มีความเห็นอย่างไร อยากคุยด้วย หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: babor ที่ กันยายน 01, 2005, 12:21:19 PM คาถาดี ๆ สำหรับชนะสิ่งต่าง ๆ พุทธชัยมงคลคาถา ๑. พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๒. มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๓. นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๔. อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโย ชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๕. กัตตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๖. สัจจังวิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๗. นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ ๘. ทุคคาหะ ทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถาโย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ "พาหุงมหากา" หรือ "พุทธชัยมงคลคาถา" มีอยู่ ๘ บท มีความมุ่งหมายแตกต่างกันทั้งแปดบท ดังนี้คือ บทที่ ๑ สำหรับเอาชนะศัตรูหมู่มาก เช่น ในการสู้รบ บทที่ ๒ สำหรับเอาชนะใจคนที่กระด้างกระเดื่องเป็นปฏิปักษ์ บทที่ ๓ สำหรับเอาชนะสัตว์ร้ายหรือคู่ต่อสู้ บทที่ ๔ สำหรับเอาชนะโจร บทที่ ๕ สำหรับเอาชนะการแกล้ง ใส่ร้ายกล่าวโทษหรือคดีความ บทที่ ๖ สำหรับเอาชนะการโต้ตอบ บทที่ ๗ สำหรับเอาชนะเล่ห์เหลี่ยมกุศโลบาย บทที่ ๘ สำหรับเอาชนะทิฏฐิมานะของคน ขอบคุณครับ.... แล้วไม่ทราบว่ามีสำหรับเอาชนะข้อสอบบ้างไหมครับ จริง ๆ ไม่ได้พูดเล่น สงสัยอายุจะเยอะแล้วกระมัง อ่านหนังสือเท่าไรไม่ค่อยจำเลยนิ... หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: boon ที่ กันยายน 01, 2005, 12:22:30 PM เมื่อก่อนก็อ่านครับเชื่อเรื่องพวกนี้มากด้วย ผมชอบตรงที่ป๋าเขียนตรงนี้มาก
Sylvia Browne เป็นผู้ที่ติดต่อกับ Afterlife ได้ เขียนหนังสือหลายเล่ม ผมไม่อยากบอกว่าผมเชื่อ แต่อยากให้เป็นเรื่องจริง อ่านแล้วใจสบาย ไม่กลัวตาย เพราะทุกอย่างลิขิตไว้หมดแต่เกิดจนตาย ที่ผมมานั่งเคาะ Keyboard อยู่นี่ ก็กำหนดไว้แล้ว ที่ผมมารู้จักกับคุณ Law Enforcement หรือคุณบ้านชายหาดก็เช่นกัน ชีวิตถูกกำหนดอย่างละเอียด แต่ปล่อยให้เราตัดสินใจได้ ชีวิตเป็นการเรียน เป็นการฝึกให้เราทำความสะอาดจิตให้บริสุทธ์ ระหว่างชีวิต มีช่อง exit ให้ออก (ตาย) อาจเป็นอาหารติดคอ หรือตกบันไดลงมา ครับ ผมไม่ได้ take exit ถ้าไปต่อก็ไปได้จนครบสัญญาที่ทำไว้ ฆ่าตัวตายไม่ได้ ผิดสัญญาอย่างแรง อยากเอาไปเปิดให้ภรรยาได้อ่านบ้าง จะได้เข้าใจว่าที่ผมได้พบคนอื่นนะ ไม่ใช่ความผิดของผมและของเธอคนนั้นๆๆ เป็นลิขิตของข้างบนจริงๆ อยากให้แฟนผมโทรมาคุยกับป๋าจริงๆ นะครับๆ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กันยายน 01, 2005, 12:31:34 PM เรื่องนี้อยู่ในกระทู้อื่น ผมไป copy และ paste มาไว้ที่นี่
ผมมีเพื่อนนักเรียนที่ไม่ได้พบกันประมาณ 30 ปี ไปทานอาหารกัน เขาขอไปเข้าห้องน้ำ กลับออกมา ไม่ใช่เขา หน้าไม่ใช่ แต่เครื่องแต่งตัว เครื่องประดับของเดิม เนื่องจากเขาทำงาน ปปส. ผมนึกว่าเขาคงปลอมตัวล้อผมเล่น ผมถามถึงเรื่องที่ทำไมคิ้วมีครึ่งเดียว เขาก็ตอบถูก ถามอะไรที่คนอื่นไม่น่ารู้ ก็ตอบถูก เขาไปเข้าห้องน้ำอีก ออกมาเป็นคนเก่า ผมก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาบอกว่าผมเมา กินเบียร์ไปพอประมาณ แต่ผมไม่ได้เมา ผมสงสัยว่าจะเป็นน้องชายเขา ที่ประสบอุบัติเหตุตายไปแล้ว (ผมไม่เคยเจอะ) สถานที่คือจิตรโภชนา และนั่งกันแต่เที่ยงจนเย็น แปลกครับ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กันยายน 01, 2005, 12:47:33 PM เรียนคุณ Boon .... ก็คงเป็นส่วนหนึ่งในขบวนการศึกษาที่จะปลดกิเลศของเราครับ ผู้หญิงที่ต้องมาพบคุณ Boon คงมีบาปจากชาติปางก่อน จึงต้องมาพบกับคุณ Boon ครับ (หัวเราะ) .... เวลานี้ยังงงอยู่ว่า ภรรยาคุณ Boon อ้วนหรือผอม พูดไม่ตรงกันสักที หรือสับสน จำไม่ได้ ... คุณ Boon บอกว่าภรรยาเขาปล่อยคุณ Boon แล้วนี่ จะไปทำอะไรก็ทำ ขอคำฝรั่ง If she is still living with you, she must be a saint. (หัวเราะอีกที)
กำลังจะออกไปหลังวังฯ จะเอา Hammer Spring ของ Ruger Super Blackhawk ไปให้เขาใส่ จะรอคุณ Law Enforcement ก็ไม่ทราบว่าจะมาเมื่อไร คราวก่อน 17lbs คราวนี้ 19lbs หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กันยายน 01, 2005, 12:56:43 PM ตื่นขึ้นมาวันนี้แปลก จิตใจสบาย ความโกรธความเกลียดหมดไป ดีใจ พยายามกำจัดมันมานานแล้ว ถ้าคงไว้ได้ตลอดไป คงจะไม่ต้องกลับมาเรียนอีก
เรียนคุณโบว์ ... ที่คุณโบว์บอกว่าผมกำลังนอนอยู่น่ะจริง (8:45) วันนี้ก็ตื่นเที่ยงพอดีครับ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: boon ที่ กันยายน 01, 2005, 01:30:52 PM เรียนคุณ Boon .... ก็คงเป็นส่วนหนึ่งในขบวนการศึกษาที่จะปลดกิเลศของเราครับ ผู้หญิงที่ต้องมาพบคุณ Boon คงมีบาปจากชาติปางก่อน จึงต้องมาพบกับคุณ Boon ครับ (หัวเราะ) .... เวลานี้ยังงงอยู่ว่า ภรรยาคุณ Boon อ้วนหรือผอม พูดไม่ตรงกันสักที หรือสับสน จำไม่ได้ ... คุณ Boon บอกว่าภรรยาเขาปล่อยคุณ Boon แล้วนี่ จะไปทำอะไรก็ทำ ขอคำฝรั่ง If she is still living with you, she must be a saint. (หัวเราะอีกที) ผมอ่านที่ป๋าเขียนแล้ว หัวเราะไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้ น้องโบว์ได้พบพี่ครั้งที่แล้วที่โออิชิ น้องโบว์คิดว่าเป็นบุญแต่ชาติบางก่อนนะครับ ที่ทำให้เราได้พบกันครั้งนั้น กำลังจะออกไปหลังวังฯ จะเอา Hammer Spring ของ Ruger Super Blackhawk ไปให้เขาใส่ จะรอคุณ Law Enforcement ก็ไม่ทราบว่าจะมาเมื่อไร คราวก่อน 17lbs คราวนี้ 19lbs หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ กันยายน 01, 2005, 01:37:27 PM ตื่นขึ้นมาวันนี้แปลก จิตใจสบาย ความโกรธความเกลียดหมดไป ดีใจ พยายามกำจัดมันมานานแล้ว ถ้าคงไว้ได้ตลอดไป คงจะไม่ต้องกลับมาเรียนอีก เรียนคุณโบว์ ... ที่คุณโบว์บอกว่าผมกำลังนอนอยู่น่ะจริง (8:45) วันนี้ก็ตื่นเที่ยงพอดีครับ พักผ่อนเยอะๆ เจ้าค่ะ :D อ่านข้อความที่คุณลุงโพส น่าสนใจ ข้าน้อยชอบรู้เรื่องแบบนี้นะเจ้าคะ เรื่องชาติที่แล้วอะไรแบบนี้ แต่เป็นคนขี้เกียจอ่าน เลยไม่ได้ตั้งใจศึกษาอะไรเจ้าค่ะ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ กันยายน 01, 2005, 01:38:17 PM เรียนคุณ Boon .... ก็คงเป็นส่วนหนึ่งในขบวนการศึกษาที่จะปลดกิเลศของเราครับ ผู้หญิงที่ต้องมาพบคุณ Boon คงมีบาปจากชาติปางก่อน จึงต้องมาพบกับคุณ Boon ครับ (หัวเราะ) .... เวลานี้ยังงงอยู่ว่า ภรรยาคุณ Boon อ้วนหรือผอม พูดไม่ตรงกันสักที หรือสับสน จำไม่ได้ ... คุณ Boon บอกว่าภรรยาเขาปล่อยคุณ Boon แล้วนี่ จะไปทำอะไรก็ทำ ขอคำฝรั่ง If she is still living with you, she must be a saint. (หัวเราะอีกที) ผมอ่านที่ป๋าเขียนแล้ว หัวเราะไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้ น้องโบว์ได้พบพี่ครั้งที่แล้วที่โออิชิ น้องโบว์คิดว่าเป็นบุญแต่ชาติบางก่อนนะครับ ที่ทำให้เราได้พบกันครั้งนั้น กำลังจะออกไปหลังวังฯ จะเอา Hammer Spring ของ Ruger Super Blackhawk ไปให้เขาใส่ จะรอคุณ Law Enforcement ก็ไม่ทราบว่าจะมาเมื่อไร คราวก่อน 17lbs คราวนี้ 19lbs :DD หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กันยายน 01, 2005, 03:03:02 PM :)..เหรียญ ๕ หรือ ๑๐ สตางค์ ยุค พ.ศ. ๒๕๑๘-๙ ผมนำมาเจาะแล้วห้อยคอติดตัว กับสร้อยคอนาก..หนัก ๒ สลึง..
ไม่เคยถอด.ตลอดเกือบ ๒ ปี แต่มาถูกหมอผ่าตัดถอดออก และสูญหายไป.. ตอนถูกยิง เหมือนมีสิ่งที่นอกเหนือ..มาช่วยปัดแนวกระสุน .๒๒๓ ๗ นัด ไม่ให้ถูกที่สำคัญ.. แต่เพื่อน ซ้ายมือ ๒ คน กับ ที่อยู่ปลายเท้า อีก ๕ คน.. รวมผมเป็น ๘ คน. มีเพียงผมคนเดียวที่รอด..นำเรื่องนี้ มาเล่าให้ฟังซ้ำได้อีกครั้ง. ใน พ.ศ. นี้.. :) หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ กันยายน 01, 2005, 03:13:28 PM ;) ;) ;) :o :o ::) 8)
(http://www.ruamkatanyu.or.th/hp1.jpg) จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น.... หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ กันยายน 01, 2005, 03:27:09 PM เชื่อว่าพี่ Ro@d ต้องมีเรื่องเล่าอีกเจ้าค่ะ :)
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 01, 2005, 03:30:36 PM อ่านเรื่องราวของท่าน Sundance แล้วทำให้ใจผมสงบลงยิ่งขึ้น สบายใจดีจัง :) :)
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 01, 2005, 03:44:40 PM ;) ;) ;) :o :o ::) 8) (http://www.ruamkatanyu.or.th/hp1.jpg) จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น.... อิ อิ คู่แข่ง ผมเคยเป็นพวก "ป่อ" นะครับ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: boon ที่ กันยายน 01, 2005, 03:51:29 PM เชื่อว่าพี่ Ro@d ต้องมีเรื่องเล่าอีกเจ้าค่ะ :) น้องโบว์อยากฟังเรื่องจากพี่บุญหรือเปล่า พี่มีเรื่องเก็บใว้ในหัวใจเก่าๆมากมาย อยากเล่าให้ใครฟังบ้าง มีคนเดียวที่พี่ไม่อยากเล่าให้ฟังคือป๋า หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 01, 2005, 05:11:34 PM เรียนพี่ Sundance
ผมไม่ค่อยอยากเชื่อเรื่อง "ทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว" ครับ เพราะเวลารู้สึกแบบนี้จะขี้เกียจขึ้นมาทันที แต่พอขี้เกียจแล้วเสียการเสียงานก็ไม่มีใครมาช่วย เรียนพี่บุญ เวลาพี่พูดยังงี้ผมกลัวทุกทีเลยครับ ผมไม่กลัวเรื่องแห้วซึ่งเป็นความเดือดร้อนจากตัวเราเอง แต่เรื่องโดน "โฮก" นี่ ถึงไม่มีประสบการณ์ก็กลัวครับ อิ อิ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ กันยายน 01, 2005, 05:21:20 PM เชื่อว่าพี่ Ro@d ต้องมีเรื่องเล่าอีกเจ้าค่ะ :) ;D ต้องไปเจอตัวเป็น ๆ ของพี่โรด แล้วจะได้ฟังอีกเยอะเลยเจ้าค่ะ ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 01, 2005, 05:53:07 PM .......................เกิดมาทำไม................
"จุดกำเนิด"ภารกิจของเราคือการเรียนรู้ เราเวียนว่ายตายเกิดจนกว่าเราจะเรียนรู้บทเรียนของเราและสำเร็จจริงๆ วัฏฏะแห่งชีวิต ยามอยู่ภพโลกเราเติมโตหลายขั้น ตั้งแต่เด็กจนแก่แต่เรายังโตไปเรื่อยๆๆแม้เราจะอยู่ในโลกของวิญาณ เพราะจะต้องผ่านการฟื้นฟูวิญญาณใหม่ การเรียนรู้ใหม่ การตัดสินใจว่าเมื่อไหร่อยากกลับมา กลับมาที่ไหน เหตุผลใด ถ้าไม่อยากกลับมาเกิดก็ยังเป็นวิญาณแต่ก็เรียนรู้เช่นกัน จิตของเราเป็นอมตะ ร่างกายเป็นเพียงพาหนะเราเลือกมาเกิดกับพ่อแม่เราเองเพราะมีปฏิสัมพันธ์กันมาหลายชาติแล้ว หลังจากเราตาย เราจะได้ทบทวนบทเรียนทั้งหมด และวางแผนชีวิตชาติต่อไป ระดับเรียนรู้ เราต้องทบทวนชีวิตหลายชาติของเราเอง เราจะเจอทุกเหตุการณ์อีกครั้ง ทุกการพบเจอ ทุกๆๆสายสัมพันธ์ เราจะรู้ถึงอารมณ์ของคนที่เราช่วยเขาหรือทำร้ายเขา ที่เคยรักหรือเคยเกลียดชัง เราจะรู้ชนิดที่ลึกสุดขั้วหัวใจ เราจะรู้ว่าอยู่บนโลกเราทำอะไรลงไปบ้าง เมื่อกลับชาติมาเกิดจะช่วยให้รู้ว่าทำไมความสัมพันธ์ถึงออกมาเป็นแบบนี้ เพราะส่งผลมาถึงปัจจุบันนั้นเอง จงให้ความรักเพราะความรักไหลสู่เราและจากเราทั้งสองหนคือทั้งการให้และการรับความรักด้วย การรู้ที่มาของชาติก่อนจะช่วยเยียวยาความสัมพันธ์ชาตินี้ได้บางคนกลัวที่แคบเพราะชาติก่อนเคยถูกฝังทั้งเป็นในสุสานการรักษาโดยการสะกดจิตระลึกชาติ เป็นการระลึกถึงความทรงจำที่ปวดร้าวแต่เราเก็บกดไว้จนลืมมันจะมาพร้อมกับการเยียวยา คือการระบายอารมณ์ที่ถูกอัดไว้ขุดขึ้นมาถึงจะรักษาได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ตายจะพบแสงสว่างที่สวยจับใจ ญาติมิตรที่เรารัก จะมาคอยรับเราในแสงนั้นเพื่อต้อนรับคนเดินทางที่ละสังขาร เราไม่มีวันตายเราเป็นอมตะ การกลับมาเกิด เราเลือกสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราและวางแผนไว้ก่อนเกิดในท้องแม่อีก ถ้าทำแท้งวิญญาณดวงเดิมก็ยังจะกลับมาเกิดกับท้องแม่เดิมอีกตลอดแผนชีวิต เราจะมีกลุ่มวิญาณคอยช่วยเหลือ นำทางคุ้มครองอยู่ข้างๆๆ พรหมลิขิตคือทางที่เราเลือกไว้แล้ว แต่เราก็มีจิตอิสระคือทางเลือกในการตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อไปในการพบเจอ เราจะต้องเจอคนที่เราวางแผนจะเจอต้องจออุปสรรคและโอกาส แต่เราเลือกจะจัดการยังไงนั้นคือจิตอิสระการตัดสินใจของเรานั่นเอง เรามีหนี้ต้องชำระ หากชำระไม่หมดต้องนำติดตัวไปชาติหน้า เพื่อแก้ให้หมด กรรมคือโอกาสให้เราเรียนรู้ไม่ใช่การลงโทษ ให้ฝึกรักและอภัย แก้ไขสิ่งที่พลาด ทำความดีทดแทนคนที่เราทำผิดต่อเขาทำร้ายเขามาก่อนในอดีตเขาจะเลือกรักหรือเกียดเราทำร้ายเรา ไม่ใช่กรรมของเราแต่เกิดจากจิตอิสระเขาเลือกเอง บางคนเลือกเกิดชีวิตเจอแต่เรื่องหนักหนาเพื่อเร่งให้พัฒนาจิตเร็วๆๆทุกข์เหลือเกินไม่ใช่การลงโทษแต่เป็นโอกาสเลือกเกิดสลับเชื้อชาติ เพศ ศาสนา สถานะเงินทองก็เพราะจะเรียนรู้ให้ครบทุกด้าน ต้องเจอทุกเรื่องให้ครบ บางคนเคยฆ่ากันมาก่อนแล้วมาเกิดเป็นแม่ลูกกัน เกิดเป็นคู่รักกัน ไม่จำเป็นต้องอาฆาตแค้นกันต่อไป มีแต่รักและอภัย เพราะเราไม่มีวันตาย ความตายเป็นแค่ละสังขารเท่านั้น เหมือนการเดินเข้าประตูไปแล้วกลับออกมาอีกครั้ง แต่ความรักเมตตาหักล้างกรรมได้ปลดวางความทุกข์ แค่เราเข้าใจบทเรียนก็ไม่จำเป็นทรมานอีกต่อไปแม้ว่าหนี้ยังชำระไม่ครบก็ตาม สร้างสายสัมพันธ์ที่เปี่ยมรักในสภาวะเป็นคนเราต้องรู้ถึงความเจ็บปวด เมื่อเป็นวิญาณจะไม่มีความรู้สึกนี้ มีแต่ความสุขความชุ่มชื่นสมบูรณ์ ในร่างคนถึงจะมีประสบการณ์ความสัมพันธ์ได้ยิ่งอุปสรรคมากเรายิ่งเรียนรู้มากกว่า คุณอาจเลือกชีวิตลำบากเพื่อเร่งพัฒนาจิต คนที่ตายชาติที่แล้วเพราะขาดอากาศหายใจเช่นจมน้ำมักเป็นโรคหอบหืดในปัจุจบันเรียนรู้ความเมตตา ให้ทาน ศรัทธา ความหวัง อภัย เข้าใจผู้อื่นเข้าใจชีวิต ต้องรู้จักละนิสัยด้านลบ ความกลัว โกรธ เกลียด ก้าวร้าว โลภอยากได้อยากเป็น หยิ่งทะนง อารมณ์ดำกฤษา เห็นแก่ตัว อคติคนอื่น ความรัก ไม่ตั้งข้อแม้ใดๆๆ ไม่ขอสิ่งใดตอบแทน ช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังกังวลว่าจะได้อะไรกลับมา จะยื่นมือจำนวนมากล้นหรือน้อยนิด จำนวนคนไม่ใช่ประเด็นสำคัญ จงปล่อยคำตอบให้ไหลออกมาจากหัวใจ เมื่อใดสงสัยเลือกหัวใจไว้ก่อน จงช่วยเหลือคู่ไปตลอดชีวิต สายสัมพันธ์จะมั่นคงก็มาจากปัจจุบันที่ทำด้วยความรักนี่แหละ เวลาพูดให้พูดเชิงบวก ไม่ติเตียน ไม่ตัดสินกัน ไม่เจตนาทำลายความรู้สึกคนอื่นหรือให้เสียหน้าเจ็บใจ อย่าพูดทำร้ายเอาชนะคะคาน จงตั้งใจฟังเขาพูด คำพูดส่งผลระยะยาว ไม่ลืมง่ายๆไม่มีวันลบล้างแผลที่เกิดจากคำพูดที่มาจากความโกรธและความชังได้เลย ดังนั้นคุณไม่ควรทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีแต่บั่นทอนทำลาย แม้ว่าคุณจะรักใครคนนั้นมากก็ตาม เพราะเขาอาจมีปัญหาส่วนตัวของเขา หรืออาจเป็นจิตอิสระที่เขาเลือกอย่างนั้น อย่ามองเขาสูงส่ง จงมองเขาเท่าเทียมเรามีบางคนภรรยานอกใจหลายครั้งและทิ้งเขาไป เขาเจ็บปวดเพราะถูกทรยศมาตลอด ความมั่นใจถูกทำลาย เขาไม่ยอมแต่งงานอีก กลัวถูกทรยศซ้ำ เขาคงทนไม่ไหวถ้าต้องเจ็บซ้ำอีกครั้งให้อภัยอดีตจบไปแล้ว เรียนรู้จากมันแล้วปล่อยมันไป สายสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงเสมอและมีชีวิตชีวาเสมอ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 01, 2005, 05:55:52 PM ความปิติสุขของชีวิตอารมณ์โกรธคือการป้องกันตัวเอง ไม่ให้เกิดความกลัวที่จะโดนล้อเลียนดูถูก กลัวเสียหน้า ที่สุดกลัวพ่ายแพ้ มักจะมีความเศร้าฝังอยู่ในความโกรธเสมอ แล้วยังเป็นเหตุให้หัวใจแตกสลายความรักล้นหัวใจมักไม่ค่อยโกรธคน เหมือนคู่รักสองคนอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่งด้วยกัน ความเศร้าก็ไม่มี ด้วยความเข้าใจและด้วยรัก ความโกรธจึงมลาย การให้อภัยไม่ใช่หมายถึงลืม มันหมายถึงการเข้าใจต่างหากเงินเป็นกลาง เราทำอะไรกับเงินต่างหากนั่นแหละสำคัญ เงินกับความมั่นคงเป็นคนละอย่างกัน เราโดนภาพลวงตาของโลกสามมิติบังและการหลอกตัวเอง เราโดนสอนมาว่า เงิน อำนาจ ตำแหน่ง วัตถุ สิ่งมีชีวิตที่จับต้องได้เพื่อความสุขความสบาย มันสำคัญเสียจนเป็นเป้าหมายหลักของชีวิตแต่ที่จริง ความมั่นคงเกิดจากภายในใจเท่านั้นไม่ใช่ภายนอก และไม่ใช่ภาพที่ว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับเรา การอิจฉาคนอื่นมีแต่จะเป็นยาพิษกัดกร่อนดวงจิตเรา
เงินเป็นเรื่องทางโลก เพราะเอาเงินติดตัวไปไม่ได้เมื่อตายจากโลกนี้ไป เราไม่อาจเอาวัตถุใดๆๆติดตัวไปได้ สิ่งที่ติดตัวเราไปได้คือการกระทำว่าเราเคยประพฤติตัวอย่างไร เคยทำอะไรไว้บ้างเท่านั้น เราไม่ได้เดียวดายในโลกนี้ เพราะเรามีวิญญาณเปี่ยมด้วยความรักคอยคุ้มครองช่วยเหลือเราอยู่ จึงไม่ต้องกลัวอะไร บางครั้งพ่อแม่ที่ให้กำเนิดไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง พวกเขาไม่รักไม่สนใจคุณ ผลักไสใจร้ายใจดำคุณไม่จำเป็นต้องยอมทนในบ้านที่ทำกับคุณเหมือนไม่ใช่คน การทารุณใครหรือทำอันตรายใครเกิดจากจิตอิสระที่ผู้ทำร้ายเลือกเอง ไม่ใช่คนคนนั้นสมควรโดน อย่ายอมให้ใครทำร้ายไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจคนรอบข้างที่ห่วงใยอย่างแท้จริง ให้ความรัก ให้เกียรติกัน เพื่อนเหล่านี้คือครอบครัวที่แท้จริงของคุณ ใช้ความเข้าใจเยียวยาชีวิตเหตุพ้องจองและประสบการณ์เหมือนเคยเจอมาก่อน(deja vu) หมายถึง แผนที่เคยวางไว้กำลังมาบรรจบกับเส้นทางที่ใช่แล้วในการดำเนินชีวิตตลอดชาตินี้ เช่นพูดถึงคนนี้เขาก็บังเอิญโทรมาหา กำลังหาคำตอบบางเรื่อง ก็เจอป้ายโฆษณาบนทางด่วนบอกสิ่งที่อยากรู้พอดี ตามมาด้วยเปิดวิทยุเจออีก เปิดหนังสือนิตยสารก็เจอ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเหตุบังเอิญที่ต้องเกิดเพื่อบอกทางเรา จะปรากฏเกี่ยวกับสารนั้น 3ครั้งขึ้นไป เช่นฝันเห็นนกพิราบ เปิดทีวีเจอสารคดีนกพิราบ ขับรถเห็นป้ายโฆษณายี่ห้อนกพิราบ เป็นสัญญาณsignจากจักรวาลบอกถึงคุณ บอกทางตลอดชีวิตเรื่องสันติภาพ ประสบการณ์เมื่อเราจำได้ ไม่ว่าจากความทรงจำจากอดีตชาติ ผ่านทางความฝัน เหตุบังเอิญ เหตุพ้องจอง ก็ให้เข้าใจเลิกกลัวได้เมื่อนั้น ตัดสินใจได้เลยอุปสรรคไม่ให้รักก็จะหายวับ ความรักจะไหลพรั่งพรูอยู่ภายในเรา(อันข้อพวกนี้เจ้าบ้านเคยเจอคล้ายแบบนี้บ่อย คิดว่าคนอื่นก็คงเคยเจอนะพวกพ้องจองทั้งหลายนี้) ความกลัวมักมาจากเรื่องเกิดสมัยเด็กๆหรือจากชาติปางก่อน เราจึงพุ่งกลัวนี้ไปสู่อนาคตแทน แต่ความจริงสิ่งที่กลัวมันจบไปแล้วเหตุผลที่เราจำอดีตชาติไม่ได้ เพราะการที่ต้องมาเรียนรู้การเป็นคนเป็นข้อสอบปฏิบัติ จึงต้องให้แน่ใจว่าความรู้มันฝังในจิตเราจริงๆๆ เพราะถ้าเราจำชาติที่โหดเหี้ยมได้ก่อนและกลัวผลที่ตามมาทีหลัง เท่ากับปิดโอกาสไม่ให้ได้เรียนรู้บทเรียนครบหมดจดจริงๆ จงอยู่กับปัจจุบัน อดีตจบไปแล้ว เรียนรู้จากมันแล้วปล่อยมันไปเถอะ ส่วนอนาคตยังมาไม่ถึงเลย วางแผนได้แต่ไม่ต้องกลุ้ม การกลุ้มมีแต่บั่นทอนเวลาและพลังงานคุณโดยสูญเปล่า เราต้องอยู่กับ ณ เวลานี้เท่านั้น หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 01, 2005, 05:57:53 PM ตอนนี้ทางตะวันตกกำลังชื่นชมกับการสละเวลา ให้กับความสุขอย่างเรียบง่ายในแต่ละวันให้มากขึ้น เช่น การพักดื่มกาแฟหอมกรุ่นริมระเบียง จัดโต๊ะอาหารให้เจริญใจ ฟังเพลงขณะทำงาน อ่านหนังสือเล่มโปรด นั่งสมาธิ จัดห้องนอนให้น่าอยู่ เดินเล่นชมสวน เราจึงอร่อยกะรสชาได้ จมูกจึงหอมกลิ่นกรุ่นชาชื่นใจ ลิ้นได้รสชา มืออุ่นจากความร้อนถ้วยชา แต่หากมัวคิดเรื่องเมื่อวาน กังวลวันพรุ่งนี้ เมื่อก้มดูถ้วยชา พึ่งรู้ว่าเกลี้ยงไปแล้ว เราดื่มหมดแต่จำไม่ได้ ชีวิตก็เหมือนถ้วยชานั้นเองไม่มีวันเปลี่ยนความสุขล้นเพราะใครคนหนึ่งเปลี่ยนแปลง หรือเพราะโลกเปลี่ยนไป แต่เพราะตัวเราเองต่างหากที่เปลี่ยน คนคนหนึ่งอาจชี้ทางให้เราได้ บอกเทคนิควิธี ที่เหลือทั้งสิ้นอยู่ที่ตัวคุณเอง
ลำแสงสวยงามท่วมสวนสวย ความรู้สึกสันติสุขท่วมท้นสวนสวยในโลกมนุษย์เกิดได้ตลอดเวลา ทุกเมื่อที่เราอยากให้มี ทำให้สวนเกิดเดี๋ยวนี้ก็ได้ แค่เราเลือกจะให้เกิด เมื่อใจเปิดรับไม่มีทางจะปิดลง เพราะประสบการณ์นี้มันชื่นใจมากและทรงพลัง ด้วยรักและเมตตาการแก้กรรมจากการรัก เมื่อหัวใจเราท่วมท้นไปด้วยรักของเรา ก็ท่วมท้นสู่ห้วงหัวใจของผู้อื่น เท่ากับเราไปอยู่ในกระบวนการแก้กรรมแล้ว การหาสันติสุภายในด้วยลำพังไม่พอ ต้องยื่นมือช่วยเหลือแบ่งเบาทุกข์คนอื่นด้วย ช่วยประคองให้เขาเดินเส้นทาง ชีวิตได้ รู้จักเห็นใจคนอื่น เมตตา ช่วยโดยไม่พะวงว่าเราจะได้อะไร เปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นเราไม่มีสิทธ์ตัดชีวิตคนให้จบก่อนที่พวกเขาจะใช้กรรมจนหมดสิ้น พวกเขาจะรับทุกข์จากผลเวรกรรมที่ทำไว้หนักกว่าเสียอีก ถ้าเราปล่อยให้เขาอยู่ต่อไป ถึงเวลาเขาตายไปสู่อีกมิติหนึ่ง จะได้รับทุกข์ที่นั่นเอง จะอยู่ในภาวะร้อนรุ่มไม่มีความสุข ไม่พบความสงบเลย แล้วถูกส่งกลับมาเกิด แต่ชีวิตชาตินี้จะตกระกำลำบากมาก จะต้องมาทำความดีชดใช้คืนคนที่เคยทำร้าย พวกเขาจะต้องได้รับโทษแน่นอน จงพบแสงสว่างทุกสรรพสิ่งเกิดมาจากแสงสว่างทั้งสิ้นประสบการณ์ตายแล้วฟื้น เจอมาตลอดคือพบแสงสว่างที่แสนงดงามและแสนสบาย อบอุ่น เป็นการสัมผัสวูบหนึ่งเหนือภพโลก บางคนอาจพบแสงนี้จากการนั่งสมาธิ การสะกดจิต ในความฝัน ก็ได้ เมื่อคุณพบแสงสว่างนี้ เท่ากับจะพบความสงบสันติสุข ความสบายกายสบายใจ และความรัก หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 01, 2005, 05:59:42 PM ถ้าไปช่วยเหลือใครจะรู้สึกถึงความขอบคุณและความรักกลับมาหาตัวคุณ แต่ถ้าไปทำใครเจ็บ ไม่ว่าทางกายใจ จะได้รับรู้ความโกรธแค้นและความปวดร้าวของคนนั้นเช่นกัน เมื่อเรียนรู้หมดทุกบทเรียน สะสางหนี้ค้างหมดสิ้น เราจะได้รับโอกาสเลือก กลับมาเกิดเพื่อช่วยคน หรืออยู่อีกภพเหมือนเทวดาคอยช่วยเหลือแทน จงเปิดใจให้มากขึ้น สวดมนต์ให้มากขึ้น รู้จักให้ รู้จักช่วยเหลือคนอื่น รู้จักรักให้มากขึ้นทุกวัน อาสาช่วยงานแสดงน้ำใจ ขจัดศักดิ์ศรี ความเห็นแก่ตัว โทสะ ความรู้สึกผิดไม่เลิกรา ความหลงตัวเอง ความทะเยอทะยาน สะสมสมบัติห้น้อยลง กลุ้มใจในอดีตและอนาคตให้น้อยลง หยุดทำร้ายคนอื่นจงพิจารณาว่าสิ่งนี้ช่วยกระตุ้นความรัก ความมีน้ำใจ ความสงบสุขหรือกระตุ้นความแตกแยก แบ่งพวก ความเกลียดชัง ความรุนแรงแทนสวรรค์อยู่ข้างในตัวเรานี่เอง
**รัก**เป็นพลังงานสูงสุดในจักรวาล แต่คนเข้าใจน้อยสุด เพราะเป็นเรื่องยากสุดรักที่ไม่มีเงื่อนไข และไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เพราะแค่ได้รักก็เป็นสุขอย่างยิ่งใหญ่ อิ่มเต็มในหัวใจแล้ว ไม่ตั้งเงื่อนไข ไม่คาดหวัง ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ไม่มี3ข้อนี้ในใจ ถ้ามีก็ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่"ถึงเธอจะเลวกับฉันอย่างไรก็ยังรัก" "ถ้าเธอรักฉันเธอต้อง....เธอต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ก่อนฉันถึงจะรัก ถ้าเธอไม่รักฉัน ฉันไม่รักเธอ แบบนี้ไม่ใช้ความรักแต่เป็นกิเลส ยึดมั่นถือมั่น หลายครั้งที่คนเป็นเนื้อคู่อาจตัดสินใจไม่แต่งงานกัน ได้พบเจอกัน อยู่ด้วยกัน จนภารกิจในการพบเจอเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นจึงแยกทางไปมีชีวิตใหม่เนื้อคู่ ไม่ได้หมายถึงคนเดียวในชีวิตเรา หากแต่มีหลายคน และหลายคนไม่ใช่เกิดมาเป็นคู่รักกันทุกชาติ แต่อาจเกิดเป็นพี่น้องกันในชาติก่อน เป็นเพื่อนในชาติถัดมาก็ได้ พรหมลิขิตจะทำงานเอง แต่จิตอิสระเลือกตัดสินใจด้วยตัวเรา ว่าจะทำยังไงกะการพบเจอ เรามิอาจเจอคู่แท้ของเราทุกวัน บางทีอาจได้เจอแค่คนสองคนแค่นั้นทั้งชีวิต คู่ที่ตื่นน้อยเลือกสมองด้วยความกลัวด้วยสังคม คู่ที่ตื่นมากตัดสินใจด้วยความรักเป็นที่ตั้ง เมื่อใดที่คู่รักทั้งสองต่างตื่นด้วยกัน ความสุขล้ำยากหาใด จากหนังสือ สารรักจากสวรรค์ดร. ไบรอัน แอล ไวส์ เขียน ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาบำบัด ด้วยวิธีย้อนอดีตชาติบำบัดคนเขียนได้รับการถ่ายทอดมาจากคนไข้ที่สะกดจิตย้อนอดีต แคธรีน แต่เธอกลับจำไม่ได้สักอย่าง เพราะสารจากเบื้องบน ที่ส่งผ่านเธอ แต่ไม่ได้เกิดจากความทรงจำของเธอคนเขียนก่อนมาเป็นหมอจิตแพทย์ เพราะลูกชายตายแล้วเขาได้รับการติดต่อจากลูกชาย จากร่างทรงที่บราซิล "อดัม การที่เขาตายเป็นเหตุให้นำสันติสุขมาให้ในเรื่องงาน งานที่ช่วยได้ทุกที่ ข้ามไปอีกภพ ตอนนี้อยู่ช่วงยกระดับเปลี่ยนโลกให้สูงขึ้นกว่าเดิม ต่อไปงานจะขยายใหญ่โตอีกมากเลย"ร่างทรงบอกเขาและดร.ไวน์แกยังบอกว่ามีคนดังที่อ่านหนังสือเรื่องพวกนี้แกแล้วเข้าใจเช่นกลอเรีย เอสเตอฟาน ตอนเกือบพิการเพราะอุบัติเหตุทำให้ต่อสู้จนหาย ซิลเวสเตอร์ สตัลโลน และเจ้าหญิงไดอาน่าก่อนเสียชีวิตเพราะเชื่อว่าโดดี้ ฟาเย็ดคือคู่แท้และตัวเขาเองเลือกการตัดสินใจอยู่กับคนรักจนมีความสุข เพราะเขาตัดสินใจจากความรัก ที่เชื่อว่าเธอคือคู่แท้ของเขา หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 01, 2005, 06:01:47 PM ดีเจ โจ้ มณฑานี ตันติสุขแปลแกเห็นสัจธรรมจากเรื่องนี้ตอนบ้านแกไฟไหม้นะคะแต่เมื่อไหร่ที่คุณ...ยังไม่เข้าใจ รู้สึกท้อแท้ ไม่รู้เกิดมาเพื่ออะไร ขาดกำลังใจ ห่างไกลความสุขแท้จริงมีคนบอกดวงแก้ไม่ได้ ชาตินี้คงไม่พบรักแท้ หรือไม่มีใครรัก คนรอบข้างมองโลกแง่ร้าย คุณคิดว่าเกิดหนเดียวตายหนเดียว เชื่อแต่ในสิ่งที่ทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ปวดร้าวไม่อยากเจอคนที่เจอตอนนี้ หากเปลี่ยนชีวิตใหม่ได้จะไม่ทำสิ่งที่ผ่านมา และไม่เจอคนที่เจอมาแล้วเจ็บปวดอีก คิดฆ่าตัวตายเพราะคิดว่าหมดทุกข์หากคิดดังเหล่านี้ เหมาะสมแล้วที่จะรู้ว่าทุกชีวิตล้วยเกิดมามีเป้าหมาย คือค้นหาเป้าหมายให้พบและบรรลุเป้านั้น
1 คนเลือกชะตาชีวิตตนเองมาก่อนเกิด เพื่อผ่านชีวิตที่เลือกมา เลิกโทษคนโทษดวง 2 วันเกิดตกฟาก คือโครงเลือกให้เหมาะกะบทเรียน แต่สามารถหักเหได้ด้วย จิตอิสระfreewillว่าจะทำอย่างไร ที่เลือกหลุดพ้นหรือหนีปัญหา 3 ทุกสิ่งในโลกมีเหตุผลของการเกิด ทุกอย่างที่ผ่านมา ทุกคนที่พบ ล้วนนำทางสู่การทดสอบ ต้องไม่เสียใจกับอดีตอีกแล้ว 4 คนเราไม่ได้เกิดชาติเดียว แก้กรรมเก่าสร้างกรรมดีใหม่การฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออก แต่คือยอมพ่ายแพ้ แล้วต้องเจอสภาพเดิมอีกในชาติหน้า เพื่อซ้ำมาให้แก้ไขให้ได้ 5 กฏแห่งกรรมไม่ใช่การลงโทษ ความดีหักล้างกรรมได้ 6 เป้าหมายสูงสุดของชีวิตคือการรู้จักรักและให้อภัย เลิกไขว่คว้าหาสิ่งนอกกายมาเติมเต็มความวางเปล่าไร้จุดหมาย Soul mate คือคนที่คุณรอมาตลอดชีวิตและเค้าก็รอคุณมาตลอดชีวิตเค้าเช่นกัน หากวันนี้คุณยังไม่เจอคนๆ นั้นทำความดีต่อไป แล้วเค้าจะเดินเข้ามาหาชีวิตคุณเอง เมื่อไรที่คุณพร้อมในทุกสิ่งทุกอย่างเค้าจะก้าวเข้ามาและจะไม่ก้าวจากคุณไป เป็นเรื่องดีที่สุด ที่จะรอ คนที่คุณต้องการ ดีกว่า ตัดสินใจไปกับใครสักคน ที่ว่างอยู่ เป็นเรื่องดีที่สุด ที่จะรอคนที่คุณรัก ดีกว่า ตัดสินใจไปกับใครสักคน ที่อยู่แถวนั้น เป็นเรื่องดีที่สุด ที่จะรอคนที่คุณคิดว่าใช่เลยเพราะชีวิตช่างแสนสั้น สำหรับเวลาที่สิ้นเปลืองไปกับคนที่ไม่ใช่เลย คงจะดี ถ้าได้เจอคนที่เขาจะรักคุณจริง ในภายหลัง เพราะมันย่อมดีกว่าการได้เจอคนที่เขาสัญญาว่าจะรักคุณแต่ไม่ช้าเขาก้อไป อย่าพยายามแสร้งทำให้คนอื่นประทับใจเพื่อที่เขาหรือเธอ จะได้มาหลงรักคุณ เพราะถ้าทำแบบนั้นคุณจะถูกตั้งความหวังไว้ว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้น ตลอดไป โชคชะตา...บอกถึงคนที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตเรา แต่หัวใจ...บอกถึงคนที่จะอยู่กับเราตลอดไป หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 01, 2005, 06:04:38 PM วิธีดู soul mate คุณเชื่อไหม..เรื่องคู่กันมาแต่ชาติปางก่อน เค้าพูดถึง soul mate เอาไว้ว่า.... "soul mate" จะเป็นเพื่อน เป็นคนรัก หรือเป็นคนรู้จักก็ได้ มีคุณสมบัติ คือเป็น
1. ต้องเคยใช้ชีวิตชาติปางก่อนมาด้วยกัน 2. ครั้งแรกที่พบกันในชาตินี้ ต้องรู้สึกทันทีว่าคุ้นมากๆๆๆๆ มีอะไรบางอย่างสื่อถึงกัน รู้สึกสบายใจและไว้วางใจในทันที 3. เมื่อมีปัญหาแตกร้าว ก็เข้าใจกัน แก้ไขได้ด้วยกันโดยง่าย "soul mate" มิใช่ "เนื้อคู่" แต่เพียงอย่างเดียว มีถึง 3 แบบด้วยกัน แบบที่ 1 เรียกว่า Companion Soul Mates คือคนที่เป็นเพื่อนก็ได้ เป็นครูก็ได้ เป็นเจ้านายก็ได้ เป็นใครสักคน เป็นคนแปลกหน้าผ่านมาเวลารถเสียแล้วช่วยซ่อมให้ก็ได้ ไม่คิดตังค์ ไม่ล่อลวงไปข่มขืน หรือเป็นคนที่ได้พบปะพูดคุยด้วยไม่กี่ครั้ง หรือเพียงครั้งเดียว แต่เป็นแรงบันดาลใจส่งให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เป็นคนที่เราจะได้พบในช่วงสั้นๆ ในชีวิต เพราะชาติที่แล้วเราเคยช่วยเหลือกันมาก่อนในระยะเวลาจำกัด แรงบันดาลใจ ฉันจะเป็นเหมือนเธอ จะทำให้ได้อย่างเธอ อย่างงี้หละ! แบบที่ 2 เรียกว่า Twin Soul Mates คือคนที่เราเป็นเพื่อนกันมาหลายชาติแล้ว พอชาตินี้มาเจอกัน! อีกก็ได้เป็นเพื่อนกันอีก คล้ายๆ พวกที่1 แต่จะรู้สึกถึงมิตรภาพที่ผูกพันแนบแน่นกว่า แบบว่าสื่อถึงกันได้ทางโทรจิต คล้ายว่าเป็นฝาแฝดกันน่ะ พอได้รู้จักกันแล้วก็จะรับรู้ทุกข์สุขกันไปตลอดชีวิต ร่วมทุกข์ร่วมสุขประมาณว่า ไม่ว่าจะอยู่ ณ แห่งหนไหนในโลก ก็รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าอีกคนกำลังรู้สึกอย่างไร จะเป็นคนที่ปลอบคุณเวลาที่คุณทำผิดพลาด คอยเช็ดน้ำตาให้คุณเมื่อทุกใจ เพื่อนตายก็ว่าได้เลย แบบที่ 3 เรียกว่า A Twin Flame Soul Mates แบบนี้มีคนเดียว หายาก และพบยาก จะพบกันก็เพราะความผูกพันธ์ที่ผูกคุณและเค้าไว้ ส่วนมากจะเป็นเพศตรงข้าม ทั้งชีวิตนี้จะมีได้แค่คนเดียว เป็นคนที่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันมาหลายชาติภพแล้ว เป็นจิตวิญญาณของกันและกัน พอพบกันครั้งแรก จะเหมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นเข้าหากัน ดั่งเหมือนมีมนต์ จะรู้สึกถูกชะตา รู้สึกดีเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ จะรู้อยู่ลึกๆ ทันทีว่านี่คือคู่ของเรา ต้องเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน จะรู้สึกแบบนี้กับคนๆนี้คนเดียวเท่านั้น เป็นคนที่ได้ยินชื่อ พบกัน หรืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวกันเค้าแล้วคุณรู้สึกอย่างนี้ จะเป็นความรู้สึกที่แปลก คุณจะรู้สึกได้( สำหรับคนที่เจอแล้วนะ)ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนใคร แตกต่างจากคนที่เรารู้จัก หรือคนธรรมดาทั่วๆไปที่ได้พบ ป.ล. แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่ใช่ soul mateที่เกิดแต่ชาติปางก่อน นะจะ ห้ามมั่วนิ่ม! พวกที่เอะอะปิ๊ง เห็นเค้าน่ารักดี ก็บอกว่าใช่ รู้สึกดีๆ กับเค้าเพราะเหมือนคนที่เรารู้จัก คนที่เรารัก หรือเป็นตัวแทนของใคร เพราะได้ใกล้ชิดกัน กลายเป็นความผูกพันธ์ที่เกิดในชาตินี้ สงสาร(เธอจัง มาจีบอยู่หลายปี) ** soul mate ที่จะพบกัน ไม่จำเป็นหรอกนะว่าจะเป็นคู่กันมาแต่ชาติปางก่อน ขอแค่คุณให้ความรักกับคนรอบตัวคุณ คุณก็จะพบกับ soul mate ที่อยู่ในชาตินี้แล้วหละ ความผูกพันธ์อยู่ที่ตัวของคุณเองว่าจะสร้างมันขึ้นมายังไง** คุณเจอเค้าหรือยัง? หาให้เจอนะ.. soul mate หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 01, 2005, 06:06:19 PM เดชาวู.....Deja vu กำลังทำสิ่งหนึ่งอยู่ แล้ว ต้องหยุดชะงักนิ่งไปชั่วอึดใจ ...เอ๊ะ!!!ดูราวกับเราเคยทำสิ่งนี้ ล่วงไปแล้วนี่ทำไมเราคุ้นเคยกับที่นี่ ทำไมเรา คาดคะเนได้ว่า เดี๋ยวเราจะพบอะไร เพราะจิตเราคุ้น และ เคยชินกับสิ่งนี้ๆมาแล้ว แต่ตอบตัวเองไม่ได้ว่า เมื่อไหร่?อาจไม่ใช่ ภพ ชาตินี้ อาจติด ตามเรามา ประสบการณ์ "เดชาวู" (Deja vu) จิตมนุษย์..สุดอัศจรรย์ "เอ๊ะ!เหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วนี่!เชื่อว่าทุกท่าน?คงจะเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน
คือบางครั้งทำอะไรเพลินๆอยู่ กลับมีความรู้สึกน่าพิศวงว่าเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่นั้น เคยเกิดขึ้นมาแล้วแถมบางครั้งเรายังรู้ด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นอีก!เข้า ใจว่าภาษาไทยไม่มีคำเรียก เลยต้องขอใช้ศัพท์ฝรั่งไปก่อน คือเดชาวูมาจาก deja vu ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า"เคยเห็นมาก่อนแล้ว"เรื่องเดชาวู นักวิทยาศาสตร์จะว่าอย่างไรในเมื่อมันเกิดกับคนทั้งโลกไม่ว่า จะเป็นคนไทยคนจีนหรือฝรั่งหมอฝรั่งเขาทำวิจัยเอาไว้ พบว่าเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่มีประสบการณ์เดชาวูคือ 5ปีแต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดตอนช่วงอายุ 15-25ปี คุณหมอดร.Vernon Neppeผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาเรื่องนี้ได้แบ่งประสบ การณ์ลักษณะนี้เป็นแบบย่อยๆได้ถึง 21 แบบ เช่น deja vecu (เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้ว)deja senti(เคย รู้สึกอย่างนี้มาแล้ว)และdeja visite(เคยมาสถานที่นี้มาแล้ว) แต่คำอธิบายแบบนี้ไม่สามารถอธิบายในกรณีรู้สึกถึงการดำเนินไปของเหตุการณ์ (ที่รู้สึกว่าเคยเกิดขึ้นมาแล้ว)อันเป็นส่วนสำคัญของเดชาวูบาง ลักษณะได้ในปีค.ศ.1955 คุณหมอ Wilder Penfieldซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดสมอง ได้ทำการทดลองโดยใช้กระแสไฟฟ้า อ่อนๆกระตุ้นกลีบขมับของสมองของคนทั่วไปและพบว่าประมาณ 8% ของผู้ถูกทดลองเกิดมีความจำขึ้นมาได้ซึ่ง อาจเรียกว่าเป็นเดชาวูที่เกิดจากการกระตุ้น(artificially stimulate dejavu) ในปัจจุบันการ แพทย์สมัยใหม่จะอธิบายว่าเดชาวูมักจะเกิดกับคนที่เป็น โรคลมบ้าหมูเนื่องจากมีปัญหาที่สมองกลีบขมับ(temporall obeepilepsy)หรือมักจะเกิดภายหลังจากที่สมองกลีบขมับได้รับความเสียหายก่อนจากกันคุณลองเงยหน้ามองไปสำรวจรอบๆตัวดูสักนิดถ้าคุณรู้สึกว่าเคยอ่านบทความนี้มาก่อนโดยมีสภาพแวดล้อมคล้ายๆกันแบบนี้นี่ก็dejavuแน่ๆ เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาบ้างเหมือนกันครับ อย่างเสียงเพลงเสียงดนตรี ที่เราเคยเล่นไปแล้ว ผู้รู้บอกว่าคลื่นเสียงดนตรียังคงอยู่ในจักรวาล วันดีคืนดีเราอาจจะได้ยินเสียงดนตรี ที่เคยมีคนบรรเลงมาแล้วให้เราได้ยินกันอีกเรื่องสถานที่ก็เช่นกัน มีหลายๆครั้ง ที่เวลาผมเดินทางไปต่างจังหวัด กับสถานที่บางแห่งผมมีความรู้สึกว่าคุ้นๆกับสถานที่เหล่านั้นมาก แต่ก็ได้แต่คิดอยู่ในใจ บางครั้งคิดไปล่วงหน้า ว่าถ้าเดินไปอีกนิดจะเจอบ่อน้ำ อะไรทำนองนั้นแล้วมันก็เจอจริงๆ ทั้งๆที่เราไม่เคยไปที่แห่งนั้นมาก่อน เดจาวูมี2แบบคะ1. เกิดจากพลังจิตล่วงหน้าเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า2. เกิดจากคิดฝันเพ้อเจ้อไปเองและ สมองมีอาการผิดปรกติคนที่ชอบจดบันทึกไดอารี่จะมีประโยชนืมากเพราะสามารถยืนยันได้ว่า เราไม่ได้คิดไปเองแต่ฝันมานานแล้ว แล้วตอนนี้ก็เจอแบบที่ฝันจริงๆ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 01, 2005, 06:08:08 PM ที่นาซ่า เขาทำการศึกษา เรื่องนี้ อย่างจริงจัง และสรุปไว้ เป็นแพทเทิร์นไว้ ใครที่เชื่อ แบบพุทธไว้ลอง เปิดใจ ฟังดู เพราะ ผลสรุป ก็ไม่ใช่แบบที่ คริสที่ เชื่อว่า เมื่อตายไปแล้ว เมื่อวันสุดท้ายที่ล้าง (Dooms Day))ทุกคนจะฟื้นขึ้นมาแล้ว พระผู้เป็นเจ้าจะตัดสินนาซ่าสรุป ว่า เมื่อทุกคนเกิดมา จะต้องเข้าเรียนชีวิต เป็นชั้นๆเหมือนเราไปโรงเรียน เริ่มจากอนุบาล ขึ้น ป1..ป2 ..ป3 ..ป4...ไปเรื่อยๆๆ และจะไปจบที่ ชั้นสูงสุด (เท่าใด จำไม่ได้ ประมาณ 15 ชั้น)เมื่อเราเกิดมา 1 ชาติ ก็คือ หนึ่งชั้นชีวิต
เมื่อเรียน จบ และต้องขึ้นชั้นใหม่ เราจะถูกทดสอบโดย อะไรอย่างหนึ่งที่เหมือนเทวดา ประจำชั้น เขาจะให้เราทบทวนว่า ตลอดเวลา 1 ชั้นที่ผ่านมา มีสิ่งใด บ้าง และ ภายในเวลาไม่ถึงนาที เหตุการณ์ ของเราทั้งชีวิต เราจะเห็นย้อนหลังหมด และนั่นย่อมมีสิ่งที่ถูก และไม่ถูก เทวดาที่คุม จะบอกว่า สิ่งใดผิดสิ่งใดถูก ตามที่คุณ Zantha ถูกถามมานั่นแหละ เขาจะให้ เรามาสอบซ่อมใหม่ ถ้าผ่านก็จะเลื่อนชั้นขึ้นระดับสูงต่อไป จนกว่า จะ จบปริญญาชีวิต.(ปริญญาภพชาติ)..ซึ่งก็คล้ายหลักของ พุทธ ที่ต้อง มาเวียนว่ายตายเกิด..ก็เพียงเพื่อให้เข้าใจว่า ทุกข์ นั้นคือ อะไร และจะปลดทุกข์ได้อย่างไร...ที่เล่ามาให้ฟังเพราะเป็นแนววิทยาศาสตร์ที่ นาซ่าสรุปไว้ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 01, 2005, 06:09:56 PM Soulmate: ...เรากำลังตามหาใครในช่วงชีวิตที่เหลือของเรานี้ ยิ่งถ้าเราเชื่อว่า คนนับล้านบนโลกนี้ จะมีเพียงคนเดียว ที่จะมาอยู่คู่กับเราได้ด้วยนั้น การตามหาคนเพียงคนเดียว ท่ามกลางคนมากมาย เราจะพบเขาหรือเธอ คนนั้นได้อย่างไรในความเป็นจริงแล้ว soulmate หรือที่แปลได้ความรวมๆ ในภาษาไทย ว่าเนื้อคู่นั้น ไม่ได้หมายถึงคนเพียงคนเดียว ที่จะมาเป็นคู่กับเรา อย่างที่เราเคยเข้าใจกันมา หากเรามีความเชื่อในเรื่องของภพชาติ และการกลับชาติมาเกิดแล้ว ความหมายที่แท้จริง สำหรับ soulmate คือ วิญญาณที่เคยร่วมกรรมกัน ในชาติที่ผ่านๆ มา และมาพบกันอีกครั้ง เพื่อชดใช้กรรมกันในชาตินี้นอกจากนี้ เนื้อคู่ไม่ได้มีเพียงหนึ่ง ชาตินี้เราอาจพบเจอเนื้อคู่มากมาย แต่เขาอาจจะไม่ได้เกิดมา เพื่อเป็นคู่กับเรา หลายคนเกิดมา พร้อมกับความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นๆ อาจจะเป็นเพื่อน หรือคนในครอบครัวก็ได้ สาเหตุที่เราไม่ได้เป็นคู่กับคนคนเดียวทุกๆ ชาติไป เป็นเพราะแต่ละชาติที่เราเกิดมานั้น เราจะต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เราไม่ได้รับจากชาติที่ผ่านมา และเนื้อคู่แต่ละคน จะทำให้เราได้เรียนรู้การใช้ชีวิต ที่ต่างๆ กันออกไป ดังนั้น ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องขวนขวาย และค้นหาว่าคนคนนั้นเป็นใคร และเขาหรือเธอคนนั้นอยู่ที่ไหน เพราะเมื่อถึงเวลา เขาจะมาเจอกับเราเอง เขาอาจจะกำลังเดินทางข้ามเวลา เพื่อมาพบกับเราอยู่ก็ได้ และหากว่าเขายังไม่มาสักที ก็จงรู้ไว้เถิดว่า หลายคนในโลกนี้เกิดมา เพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว.
COPY มาให้อ่านครับ ( ตาลายเลยตู :~) :~) :~) ) หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: wolfman ที่ กันยายน 01, 2005, 06:16:53 PM เอาแต่อ่านมานานแต่เรื่องนี้ไม่ตอบคงไม่ได้ เพราะสงสัยมานานแล้วเหมือนกัน
ที่ผมเองมักจะเป็นอยู่บ่อย ๆ ก็คือความฝันครับ แบบประเภทที่ฝันไปสักพักแล้ว มันก็เกิดขึ้นจริง ๆ (ไม่รู้ว่าจะเข้าข่าย Dejavu หรือเปล่านะครับ ???) ผมมักจะฝันถึงเรื่องต่าง ๆ แบบสั้น ๆ ประมาณ 3 - 5 วินาทีในชีวิตจริงอะไรประมาณ เนี้ยครับ แล้วพอเวลาผ่านไป (ไม่สามารถกำหนดได้ บางครั้งก็ไม่กี่วัน บางครั้งก็เป็นปี) เราก็จะไปเจอเหตุการณ์ตามที่ฝันจริง ๆ แบบเป๊ะ ๆ ด้วย มันเลยทำให้ผมมีความเชื่อว่าชีวิตนี้ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้าแล้ว ชีวิตแบบที่ผมเชื่อเนี่ย จะเป็นเหมือนกับขดสปริงน่ะครับ บางครั้งที่เราหลับวิญญาณเราอาจจะข้ามขั้นขึ้นไป เห็นเหตุการณ์ในอนาคต พอเราตื่นชีวิตก็ดำเนินต่อไปตามปกติจนกระทั่งเราวนไป จนถึงขั้นที่เราเคยฝันเห็น แล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจริง ๆ :o มีใครเป็นเหมือนผมบ้างไหมครับ... ??? ไบก้อน. หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 01, 2005, 06:19:21 PM ผมรู้จักคำว่า Deja vu ครั้งแรกจากเพลงของ Aerosmith ครับ อิ อิ มีบางคนบอกว่าเกิดจากไฟลัดวงจรในสมองส่วนหน้า?
ผมได้ยินคำว่า Soulmate แล้วกลุ้มใจเพราะเคยเจอบางคนใช้นิยามนี้เป็น "ข้ออ้าง" เวลาตั้งใจไม่ใช้ความอดทนในการคบกัน หรือเวลาจะปิดกั้นคนที่มีคุณลักษณะ (Profile) ไม่ตรงตามต้องการ เช่น คนละศาสนา หรือคนละกลุ่มอาชีพ (กลุ้มใจเวลาเห็นคนใจแคบที่ "จ้อง" หาแฟนที่ "ต้อง" เป็นนักธุรกิจ หรือ "ต้อง" เป็นข้าราชการ) ด้วยความเคารพ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: แมวบ้า(น) ที่ กันยายน 01, 2005, 06:31:39 PM แต่ก่อนตอนเด็กๆผมเป็นคนที่กลัวผีมากๆๆแบบไร้เหตุผล และไม่เคยเชื่อเรื่องเกี่ยวกับ การระลึกชาติ จนมาอายุประมาณ 15 เริ่มนั่งสมาธิ (พอดีแม่บอกว่าถ้าท่องคาถาชินบัญชรได้จะให้พันนึง) ผมใช้เวลาอยู่สองวันก็ท่องได้และไปท่องให้แม่ฟัง ก้ได้ตังค์มาพันนึงสมใจ หลังจากนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้ผม ท่องทุกวัน และเข้าสมาธิด้วยการท่องชินบัญชร เวลาผ่านไปประมาณสองเดือน ผมท่องชินบัญชรไปเรื่อยๆจนเข้าสมาธิ ทุกอย่างเงียบและมีความสุขในความเงียบนั้นๆ อยู่ดีๆก็มีตัวเลขสามหลักโผล่เข้ามาในความมืดของสมาธิ ผมจึงออกจากสมาธิ และเดินไปที่โต๊ะเพื่อหากระดาษจด และก็ได้จดเอาไว้
พอตื่นเช้า วันนั้นเป็นวันก่อนหวยออก ผมไปตีสนุ๊กกับเพื่อนๆ และก็ได้บอกทุกคนว่า มีคนบอกว่างวดนี้เลขท้ายสามตัวจะออกแบบนี้ (ไม่กล้าบอกตรงๆว่ามองเห็นกลัวหาว่าบ้า) ก็ไม่มีใครเชื่อกลับบ้านวันนั้นก็เลยบอกแม่ว่าเมื่อคืนนั่งสมาธิแล้วเห็นเลขแบบนี้น๊ะ จดเอาไว้ที่โต๊ะน๊ะ ให้ลองเอาไปเล่นดู ท่าทีของแม่ก็ไม่ได้สนใจอะไร จนผมนอนไปแล้วเพราะวันรุ่งขึ้นต้องไปเรียน แม่ก็มาปลุกถามว่าเลขอะไรจดไว้ไหน ผมก็บอกว่าอยู่บนโต๊ะ แม่บอกว่าหาไม่เจอ บอกมาเลยละกัน ผมก็บอกไปแต่ด้วยความง่วงนอนทำให้บอกสลับตำแหน่งไป วันต่อมากลับจากเรียนแม่ก็บอกว่าน่าเสียดายน๊ะสลับนิดเดียวเอง ผมก็ถามว่ามันออกอะไรหละ แม่ก็บอกมา ผมก็บอกว่าก็เลขนี้หนิที่ให้ลองซื้อ แม่ก็บอกว่าไม่ใช่บอกมาอีกแบบนึง ผมเลยบอกว่าลองหาเศษกระดาษบนโต๊ะที่ผมจนดูสิ รับรองถูกต้อง ก็เลยไปหาด้วยกันและก็ตรงจริงๆ หลังจากนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องเหนือธรรมชาติน๊ะมีจริง และนับจากนั้นก็เลยนั่งสมาธิเรื่อยมา พบเห็นสิ่งต่างๆอีกมากมายจากการเข้าสมาธิ เป็นสิ่งที่พูดไปก็ต้องถูกหาว่าบ้า และไม่เคยบอกเลขหวยกับใครอีกเลย ความกลัวผีหรือความตายก็ไม่มีอีกแล้ว และก็ศึกษาหนังสือเกี่ยวกับสมาธิและหลักพุทธศาสนาหลายเล่ม ผมเป็นคนไม่เชื่อในพิธีกรรม เพราะมีความเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นแค่พิธีกรรมที่สร้างขึ้นมาให้คนเชื่อถือเท่านั้น แต่หลักอันเป็นแก่นแท้นั้นก็คือ หลักธรรมของพระพุทธเจ้า ปัจจุบันนี้รู้สึกเสียดายที่ความเหน็ดเหนื่อยต่างๆทำให้ไม่ค่อยได้นั่งสมาธิเท่าไหร่ ทำให้การเข้าถึงสมาธินั้นยากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าพี่ๆมีเวลาขอแนะเลยครับนั่งสมาธิครับ เหมือนกับโลกอีกโลกหนึ่งที่เข้าไปสัมผัสได้ไม่ยากเกินไป หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Tonyman ที่ กันยายน 01, 2005, 06:43:02 PM สมัยผม เด็กๆ เมื่อหลายสิบปีก่อน คุณพ่อผมท่านเอาสร้อยประคำไปให้หลวงพ่อ อุตมะ (ไม่ทราบว่าสะกดถูกหรือเปล่านะครับ) ที่กาญจนบุรี ปลุกเสก เพื่อหาเงินเข้าการกุศล ซึงสมัยก่อนตอนเดินทางก็ลำบากมาก แล้วก็ไม่มีโทรศัพท์ติดต่อ คุณพ่อผมท่านจึงจุดธูปบอกคืนก่อนเดินทาง แล้วรุ่งขึ้นก็ออกเดินทาง กว่าจะไปถึงวัดก็เกือบค่ำ หลวงพ่อท่านก็นั่งรออยู่ บอกว่า นี่นั่งรออยู่ตั้งแต่เที่ยงแล้ว มีคนมานิมนต์ไปด่านเจดีย์สามองค์ก็ไม่ได้ไป เพราะว่ากลัวมาไม่เจอ
คุณพ่อผมท่านก็ขอให้หลวงพ่อท่านปลุกเสกให้ และบอกว่าขอให้ขลังที่สุดเลยนะหลวงพ่อนะ ท่านก็ตอบว่าจะให้ลูกประคำแตกเลยหรือเปล่าล่ะ สรุปคุณพ่อผมก็ฝากประคำกับหลวงพ่อท่านไว้แล้วแวะไปรับตอนออกพรรษา ซึ่งทำไว้เยอะพอสมควร (จนปัจจุบันยังมีเก็บอยู่ที่บ้านผมเยอะมากเลยครับ) ก็เอาแจกจ่ายให้เพื่อนๆ พี่ๆ และผู้ที่อยากมีไว้เรื่อยๆ ครับ เดี๋ยว Meeting คราวหน้าจะเอาไปฝากๆ กันนะครับ สำหรับท่านที่สนใจ ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ กันยายน 01, 2005, 06:52:35 PM โอ้โห...ไม่อยู่บ้านวันเดียวกระทู้หลายหน้าจัง.... คนตั้งกระทู้ก็ยังไม่มาเล่า?...อิอิ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพ เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ กันยายน 01, 2005, 07:44:12 PM เดี๋ยว Meeting คราวหน้าจะเอาไปฝากๆ กันนะครับ สำหรับท่านที่สนใจ ;D ...ไม่ต้องรอถึงมีตติ้งก็ได้ครับ ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ กันยายน 01, 2005, 08:15:21 PM มีใครเป็นเหมือนผมบ้างไหมครับ... ??? "Dejavu" ตอนเด็กๆ เป็นบ่อยเจ้าค่ะ เพิ่งรู้ว่ามีคำศัพท์เรียกเฉพาะ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพ เริ่มหัวข้อโดย: Tonyman ที่ กันยายน 01, 2005, 09:49:51 PM เดี๋ยว Meeting คราวหน้าจะเอาไปฝากๆ กันนะครับ สำหรับท่านที่สนใจ ;D ...ไม่ต้องรอถึงมีตติ้งก็ได้ครับ ;D อาทิตย์นี่พี่มาป่ะครับ เดี๋ยวจะติดไปซักพอสมควรครับ ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพ เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ กันยายน 01, 2005, 09:55:34 PM เดี๋ยว Meeting คราวหน้าจะเอาไปฝากๆ กันนะครับ สำหรับท่านที่สนใจ ;D ...ไม่ต้องรอถึงมีตติ้งก็ได้ครับ ;D อาทิตย์นี่พี่มาป่ะครับ เดี๋ยวจะติดไปซักพอสมควรครับ ;D ...อาทิตย์นี้ยังสงสัยครับ :-\ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพ เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ กันยายน 01, 2005, 10:18:10 PM ...อาทิตย์นี้ยังสงสัยครับ :-\ สงสัยว่าจะอดใจไว้ไม่ได้ใช่ไหมเจ้าคะ ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Tonyman ที่ กันยายน 01, 2005, 10:52:35 PM เดี๋ยว Meeting คราวหน้าจะเอาไปฝากๆ กันนะครับ สำหรับท่านที่สนใจ ;D ...ไม่ต้องรอถึงมีตติ้งก็ได้ครับ ;D อาทิตย์นี่พี่มาป่ะครับ เดี๋ยวจะติดไปซักพอสมควรครับ ;D ...อาทิตย์นี้ยังสงสัยครับ :-\ ไม่เป็นไรครับ ปกติผมมีติดรถอยู่บ้างครับ ยังไงถ้าเจอพี่แล้วผมไม่ได้ติดรถพี่ Carrera ไปนะครับ เดี๋ยวผมจะหยิบให้ได้เลยครับผม ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กันยายน 01, 2005, 11:55:28 PM เพลง Dejavu นี่ก็เพราะนะครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ กันยายน 02, 2005, 12:57:57 AM เรื่อง Deja Vu นี่ปกติๆนะคับ...
ไม่แปลกอะไร ผมเองก็เป็นบ่อยๆ... เรื่องผีอำ(Sleep paralysis) คือสภาพอย่างที่พี่โร้ดเล่า... ที่รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆมาทับตัว หายใจลำบาก และขยับไม่ได้... ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรคับ... ช่วงที่เรียนแพทย์ปี 2 ผมเอากระดูกอาจารย์ใหญ่กลับมาบ้าน(อย่าบอกอาจารย์ผมนะ) เพื่อท่องจำ เอาวางไว้หัวนอน แต่ไม่ได้ทำอะไรพิเศษ(หมายถึงไม่ได้ไหว้หรือสวดมนต์อะไร)... หลังจากนั้นก็มีอาการแบบถูกผีอำประจำ ไม่บ่อยแค่คืนละครั้งสองครั้ง นานแค่ราวๆสองปี... เรียกว่าเป็นจนชินไปเลย ช่วงหลังๆพอนึกขึ้นมาได้เลยสวดมนต์ก่อนนอน และระลึกถึงพระคุณอาจารย์ใหญ่ก่อนนอนทุกวัน ก็ไม่เป็นอีก... ผมคาดว่าเกิดจากความวิตกกังวลเพราะผมเรียนไม่เก่งและช่วงปี 2 ปี 3 เรียนหนักหน่อย ความเครียดในร่างกายจึงทำให้เกิดอาการผีอำ การที่ได้สวดมนต์และระลึกพระคุณของอาจารย์ใหญ่ ก็น่าจะเป็นการระบายความเครียดได้ส่วนหนึ่ง อาการเลยหายไป... ผมไม่ได้เป็นจิตแพทย์ ใช้เดาๆเอาคับ...;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: บ้านชายหาด ที่ กันยายน 02, 2005, 04:33:02 PM ผมต้องขออภัยที่ไม่ได้เล่าเรื่องของผมซะที..จนกระทั่งกระทู้รันมาตั้งหลายหน้า
เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องที่ผมหาคำตอบได้...แต่ยังพิศวงมาจนทุกวันนี้ครับ........ เรื่องมีอยู่ว่า.... คุณพ่อของผมรับราชการเป็นตำรวจ...เป็นนายร้อยสามพรานรุ่น 9 ท่านเสียชีวิต เมื่อปี 2529 เนื่องมาจากเส้นโลหิตในสมองแตก...ทางโรงพยาบาลโทรมาบอกที่บ้าน มีผมอยู่บ้านคนเดียวเวลาประมาณบ่ายสี่โมง....ซึ่งเช้าวันนั้นมีเรื่องที่ผมประหลาดใจว่า ผมไปเจอท่านขับรถอยู่บนถนนและไม่ได้ทักกัน...ปรกติท่านรับราชการอยู่ต่างจังหวัด เสาร์อาทิตย์จึงจะเข้ากรุงเทพ..วันนั้นท่านมาประชุม..ซึ่งผมไม่ทราบมาก่อน..เป็นการเห็นที่ ท่านมีชีวิตอยู่เหมือนคนปรกติเป็นครั้งสุดท้าย... ผมไปถึงโรงพยาบาลพบคุณพ่อนอนเฉยๆ...ผมถามพยาบาลว่าเป็นอย่างไรบ้าง..เธอบอกว่ารอ คุณหมออยู่..และตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร....ผมมองไปทางพ่อ..ถามท่านว่า..พ่อเป็นไงบ้าง ท่าบตอบมาว่า..อือ..อือ..พร้อมกับทำท่ารำคาญ...ผมเลยนั่งเฝ้าอยู่ห่างๆ..และงงๆ..ที่พ่อไม่พูด อะไรกับผมเลย....นั่งกันอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาหนึ่งชั่งโมง...ระหว่างหนึ่งชั่วโมงนั้น.. ท่านก็ขยับตัวนิดหน่อยแต่ไม่มองมาทางผมเลย..นึกในใจว่าโกรธอะไรเราหรือเปล่า.. มาทราบภายหลังว่าคนที่มีเลือดไหลในสมองจะเป็นอัมพาต..พูดและขยับไม่ได้.. โรงพยาบาลมาพาไป XRAY ก็ช้าเกินไปแล้ว..ปล่อยให้พ่อผมนอนเลือดออกในสมองสามชั่วโมง คุณพ่อผ่าตัดสมองตอนสามทุ่มออกมาตอนเที่ยงคืน..ตอนตีสี่ท่านก็เสียชีวิต..ผมอยู่กับท่านตลอด ตอนขับรถกลับบ้านกับคุณแม่..เราได้กลิ่นหอมของดอกไม้ไปตลอดทางจนถึงบ้าน.. ระยะเวลาในช่วงสองสามปีต่อมาผมมักจะได้กลิ่นฟอร์มาลีนอยู่ตลอดเวลาที่ผมอยู่คนเดียว กลิ่นเหมือนกับสีโปสเตอร์....ผมทราบเพราะผมอยู่ตอนจัดศพคุณพ่อ เขาใช้มีดปาดต้นขาด้านใน เนื้อขาดออกจากกันเห็นเป็นชั้นหนังชั้นไขมันชั้นเนื้อ..แล้วเอาน้ำยาฟอร์มาลีนฉีดใส่เส้นเลือดใหญ่ ตอนที่เห็นผมจับมือท่านไว้แน่นกลัวท่านจะเจ็บ..ทั้งๆที่ท่านไม่มีชีวิตแล้ว... ตอนที่ท่านเสียระหว่างงานศพคืนที่สองทุกคนในบ้านได้ยินเสียงดนตรีจากนาฬิกาปลุกของท่าน ซึ่งมีอยู่หลายเพลงดังมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้านตอนตีสี่หลายครั้ง..ผมก็ได้ยิน..ผ่านมาเกือบ ยี่สิบปีผมยังหานาฬิกาอันนั้นไม่พบเลย...........คืนงานศพวันที่หก..คุณแม่ผมเพลียมากก่อนไปงาน ท่านเห็นขวดยาชูกำลังยี่ห้อหนึ่งเหลืออยู่ครึ่งขวด..ท่านดื่มรวดเดียวหมด....และมีอาการแน่นหน้าอก ปากขาวไปหมด..ขวดนั้นเป็นขวดยาชูกำลังที่หมดแล้ว..คุณพ่อผมใส่น้ำยูคาลิบตัส..ไว้ใส่ผ้าเช็ดหน้าดม ผมตกใจมากรีบนำคุณแม่ส่งโรงพยาบาลล้างท้อง....ไปที่งานศพผมไปเคาะโลงศพบอกคุณพ่อว่าให้ช่วย ดูคุณแม่ด้วยครับ.....แล้วคืนนั้นก็มีเรื่องพิศวงเกิดขึ้น... คุณแม่ผมนอนอยู่บนเตียงเวลาประมาณสามทุ่ม...ตรงข้ามเตียงคนไข้มีตู้เย็น...มีคนเฝ้าเป็นญาติของผม ซึ่งเพิ่งจะทราบเรื่องที่คุณพ่อผมเสีย......ญาติเล่าให้ฟังว่า....ขณะนั้นคุณแม่กำลังหลับอยู่...เธอนั่งอ่าน หนังสือและเห็นเงาเคลื่อนไหวที่ตู้เย็น... เธอเหลือบตามอง... ไม่มีอะไร...เป็นอย่างนั้นอยู่สองครั้ง ครั้งที่สามเธอไม่เห็นเงาบนตู้เย็น.......เธอเห็นพ่อผมนั่งมองคุณแม่ผมอยู่บนเตียง..หันหลังให้เธอ.. เธอร้องโวยวายวิ่งออกมาหาพยาบาล...คืนนั้นเธอเปิดไฟ..เปิดประตูห้องคนไข้...และไม่นอนเลย เธอเห็นคุณพ่อผมใส่ขาสั้นสีดำสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว....ซึ่งเป็นชุดสบายๆของคุณพ่อเวลาอยู่บ้าน เธอเห็นคุณพ่อโกนหัวหมดและมีผ้าพันแผลพันอยู่รอบๆศรีษะ........เป็นภาพที่ผมกับแม่เห็นตอนคุณพ่อ ผ่าตัดสมองเสร็จ.....และเห็นกันสองคน...ญาติผมคนนั้นอธิบายได้อย่างถูกต้อง.....เป็นเรื่องที่พิศวงอีกเรื่องหนึ่ง เดี๋ยว..มีต่อครับ...เรื่องเกี่ยวกับคุณพ่อยังมีอีกหลายเรื่อง... หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 02, 2005, 04:49:04 PM เรื่องน่าสนใจครับ ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 02, 2005, 04:53:47 PM "soul mate" อันนี้เชื่อนิดๆ ;D ;D ;D ;D ต้องมองตารู้ใจ ;D ;D ;D ;D ชอบมากกกกกกก ค่ะ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ กันยายน 02, 2005, 05:02:55 PM คุณบ้านชายหาดเป็นอีกท่านนึงที่เขียนได้ดีนะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Tonyman ที่ กันยายน 02, 2005, 05:30:04 PM เคยมีเหมือนกันครับ สมัยคุณพ่อผมเสีย จำได้ว่า ตอนคุณพ่อผมเสียเนี่ย มีคนส่งหรีดมาในงานเยอะมาก
ทำให้ในงานหอมดอกไม้เหมือนสวนดอกไม้ และมีกลิ่นธูปจางๆ ซึ่งก็หลังจากนั้นก็ทำการเก็บคุณพ่อไว้ 100 วัน และทำพิธี ฌาปนกิจคุณพ่อและนำกระดูกคุณพ่อเข้าบ้าน ซึ่งวันที่พาคุณพ่อกลับบ้านนั้น ผมจะได้กลิ่นเหมือนตอนที่สวดคุณพ่อ ที่ศาลา คือ กลิ่นดอกไม้และธูป ลอยคลุ้งเต็มบ้านไปหมด ซึ่งตอนนั้นเป็นตอนกลางวัน ไม่มีใครอยู่บ้านและข้างบ้านไม่มีใครจุดธูปแน่นอน หลังจากนั้น ที่ Office ผมเนี่ย ห้องทำงานคุณพ่อก็จะเก็บไว้เหมือนเดิม ซึ่งพื้นห้องทำงานคุณพ่อ เป็นพื้นพรม เวลาคุณพ่อเดิน คุณพ่อผมจะเดินลากเท้า ซึ่งเป็นเสียงเฉพาะตัวของท่าน จำได้ว่าเวลาผมไปนอนใน Office ผมจะได้ยินเสียงลากเท้าของคุณพ่อ เดินจากหน้าประตูและมาหยุดตรงข้างๆ เก้าอี้ที่ผมนอนอยู่ มีอีกครั้งตอนที่ คุณอาท่านนึงที่คุณพ่อผมรักมาก มีปัญหา ซึ่งก็มาประชุมกับทนายในห้องทำงานคุณพ่อ ก็ได้กลิ่นธูปและดอกไม้เหมือนในงานของคุณพ่อ คุณอาคนนี้เป็นคนไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ ยังบอกเองเลยว่า พี่เค้าเป็นห่วงผม เลยแวะมาดู มีอีกหลายเรื่องครับเดี๋ยวมาเล่าต่อ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: wolfman ที่ กันยายน 02, 2005, 05:41:25 PM นึกไปนึกมามีอีกเรื่องแฮะ ;D
ตอนนั้นเป็นตอนที่ผมเพิ่งจะย้ายบ้านใหม่ ๆ หลังบ้านผมมีศาลพระภูมิประจำหมู่บ้านอยู่พอดี มีอยู่คืนนึงผมกลับบ้านค่อนข้างจะดึก แต่คิดยังไงก็ไม่รู้เดินไปหลังบ้านเฉยเลยทั้ง ๆ ที่มันมืด มากด้วย พอไปถึงก็ยกมือไหว้ศาลพระภูมิแล้วตาก็เหลือบไปเห็นสิงห์ตัวหนึ่งที่อยู่ตรงบันได ศาลพระภูมิมันหักครึ่งตัวล้มอยู่ ผมก็เลยเอามือไปจับ ๆ ดูเผื่อว่าจะต่อได้ ลองต่อไปต่อมาก็ต่อ ได้แฮะก็เลยขึ้นบ้านไปนอน ตอนประมาณตี 5 ผมก็ตื่น ลืมตามามองหน้าต่างก็เริ่มมีแสงสีเงิน ๆ แล้วแต่ยังไม่สว่างนะครับ ใจก็คิดว่าจะหลับตาต่ออีกสัก 15 นาทีแล้วค่อยลุกก็เลยเอามือข้างขวามาวางไว้เหนือหัวคล้าย ๆ ก่ายหน้าผากน่ะครับแต่วางเลยขึ้นไปบนหมอน ส่วนมือซ้ายก็เอามาวางไว้ใต้ราวนมซ้าย ทันใดนั้นผมก็ขยับตัวไม่ได้ซะเฉย ๆ ตาก็หลับอยู่ไม่สามารถจะลืมตาได้ ที่สำคัญก็คือผมรู้สึก เหมือนว่ามีอะไรสักอย่างขึ้นมาบนเตียงผมจากทางด้านปลายเท้า เตียงมันยวบ ๆ เหมือนมีใคร คลานขึ้นมาน่ะครับ ใจผมก็คิดว่าห้องเราก็ล็อคอยู่แล้วก็มีผมอยู่คนเดียวในบ้านด้วย แล้วไอ้ที่คลานขึ้นมาทางปลายเท้าน่ะอะไรหว่า :OO ในขณะที่นึก ๆ อยู่ (ก็ตกใจพอสมควรน่ะครับ) สิ่งนั้นมันก็คลานขึ้นมาเรื่อย ๆ ช้า ๆ บนตัวผม ความรู้สึกของผมในตอนนั้นบอกว่าสิ่งนั้นมีรูปร่าง เหมือนคนครับ แต่มีตัวแค่ครึ่งเดียวคือท่อนบนเค้าคลานขึ้นมาโดยเอามือสองข้างจับตัวผมแล้ว ก็กระดื้บ ๆ ตัวเค้าขึ้นมาบนตัวผมน่ะครับ ตอนนั้นผมเริ่มที่จะตกใจมาก ๆ แล้วแต่ตัวก็ขยับไม่ได้ ลืมตาก็ไม่ได้ไม่รู้จะทำยังไงดีเค้าก็คลาน ขึ้นมาเรื่อย ๆ เหมือนกับเค้าจะคลานขึ้นมาให้หน้าเค้าตรงกับหน้าผมน่ะครับ ทันใดนั้นมือข้างซ้าย ของผมก็เริ่มที่จะขยับได้ แต่ได้เฉพาะส่วนนิ้วมือนะครับผมก็เลยกำมือเต็มแรงเลย ในใจก็คิดว่าจะ จับตัวเค้าไว้ไม่ให้เค้าคลานขึ้นมาได้มากไปกว่านี้ เพราะว่าตอนนี้หน้าเค้าอยู่ประมาณหน้าอกผมแล้ว ล่ะ (เพราะผมรู้สึกว่าหน้าผากเค้าชนคางผมน่ะครับ) มือข้างซ้ายของผมจับหนังตรงประมาณช่วงเอว ของเค้าได้... ความรู้สึกในตอนนั้นมันไม่ใช่หนังคนน่ะครับ มันเหมือนกับหนังสุนัขมากกว่า ประมาณว่าเป็นหนังที่มีขนสั้น ๆ เหมือนสุนัขไทยทั่วๆ ไป แล้วมันก็ยืด ๆ หยุ่น ๆ ได้เหมือนกับเวลา ที่เราจับหนังสุนัขแล้วก็ดึงขึ้นยังไงยังงั้นเลยล่ะครับ (แต่ความรู้สึกในตอนนั้นรูปร่างเค้าก็ยังเป็น คนครึ่งตัวบนเหมือนเดิมนะครับ) สิ่งนั้นยังพยายามที่จะคลานขึ้นมา แต่ไม่สามารถทำได้เพราะถูกมือซ้ายของผมดึงหนังเอาไว้อยู่ เค้าก็กระดื้บ ๆ อยู่อย่างนั้นประมาณ 1 นาที แต่พอเห็นว่าไม่สามารถที่จะทำได้เค้าก็เอาหน้าเค้า มายีกับหน้าอกผม (เหมือนเวลาที่มีเด็กมานอนทับหน้าอกเราแล้วเอาหน้ามายีไปยีมาเล่น ๆ น่ะครับ) ยี ไป ยี มาอยู่ประมาณ 4-5 รอบแล้วทันใดนั้นเองเค้าก็หายไป ทุกอย่างกลับเป็นปกติผมขยับตัวได้ ทันที แล้วผมก็ลุกขึ้นทันทีเหมือนกัน พอมองออกไปที่หน้าต่างก็พบว่าเช้าแล้วพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นประมาณ 8 - 10 นาทีครับ ภายหลังพอมาคิดดูดี ๆ แล้วผมกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่ากลัวเลย เพราะตอนที่เค้าเอาหน้ามายี ๆ ที่หน้าอกผมนั้น มันเหมือนกับว่าเค้ามาหยอกเราเล่น เหมือนเด็ก ๆ เล่นกับผู้ใหญ่อะไรประมาณนั้น แล้วพอผมคิดไปคิดว่า ตามความรู้สึกของผม ๆ เชื่อว่าเค้าคือสิงห์ครึ่งตัวที่หักอยู่ตรงบันไดศาล พระภูมิที่จะมาขอบคุณเราน่ะครับ ความรู้สึกของผมมันเหมือนกับสุนัขที่พยายามจะขึ้นมาเลียหน้า เพื่อขอบคุณเจ้าของยังไงอย่างงั้นเลยล่ะครับ :) ตั้งแต่วันนั้นมาผมก็ไม่เคยเจออะไรอีกเลยครับ แปลกจริง ??? แปลกจัง :) ไบก้อน. หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: บ้านชายหาด ที่ กันยายน 02, 2005, 07:07:24 PM คุณบ้านชายหาดเป็นอีกท่านนึงที่เขียนได้ดีนะเจ้าคะ น้องโบว์ชมแล้ว...เป็นปลื้ม..เป็นปลื้ม.. ;D.. เดี๋ยวพิมพ์ให้อ่านตอนดึกๆ...จะสนุกกว่านี้.. :OO หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: เรียว ที่ กันยายน 02, 2005, 07:15:32 PM ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องทำงานในบ้านปัจจุบัน เวลา 3 ทุ่มตรง หลายปีมาแล้ว มีผู้หญิงเดินเข้ามา แต่งตัวแบบชุดไทยอย่างในวรรณคดี ผมอยากคิดว่าเขาเป็นนางฟ้าหรืออะไรเทือกนั้น ไม่เห็นหน้า เหนือบ่า เลือนๆ เดินเข้ามาจากประตู ตรงมาหาผม แล้วเดินผ่านหน้าโต๊ะไปทางซ้าย แล้วหายไป ผมไม่ตกใจ หรือกลัว แต่แปลกใจ และพิศวง ผมไม่ได้ง่วง เป็นการเห็นที่ชัดที่สุด เขายังมาอีกครั้ง มายืนข้างๆ ผมกำลังอยู่กับ Keyboard ผมหันขวับก็หาย ผมเป็นพุทธที่เป็นแต่ชื่อ พูดได้ว่าไม่ได้เป็นอะไรเลย ภรรยาเป็น Catholic เคร่ง มีการ "เสก" บ้านตามธรรมเนียมของเขา ไม่มีการขึ้นบ้านใหม่เอาพระมาสวดแบบพุทธ หรือทำบุญ ไม่มีศาลพระภูมิ ผมเชื่อว่าพิธีกรรมต่างๆไม่ใช่ศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธเป็นปรัชญาครองชีวิต พระพุทธเจ้าเป็นครู ไม่ใช่ God ผมไม่มีพระบูชาในบ้าน ไม่มีพระเครื่องห้อยคอ ผมจะ Post ลงมาในกระทู้นี้อีกครับ จะใช้วิธีลง Word แล้ว Paste เพราะผมพิมพ์ช้า และต้องไตร่ตรองพอสมควร นับถือความคิดท่านครับ เยี่ยมจริง ๆ :)หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ กันยายน 02, 2005, 08:51:20 PM คุณบ้านชายหาดเป็นอีกท่านนึงที่เขียนได้ดีนะเจ้าคะ น้องโบว์ชมแล้ว...เป็นปลื้ม..เป็นปลื้ม.. ;D.. เดี๋ยวพิมพ์ให้อ่านตอนดึกๆ...จะสนุกกว่านี้.. :OO รีบไปนอนดีก่า หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ กันยายน 02, 2005, 09:24:48 PM ;) ;) ;) :o :o ::) 8) (http://www.ruamkatanyu.or.th/hp1.jpg) จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น.... (http://www.pohtecktung.com/STORY/logo_02.gif) อิ อิ คู่แข่ง ผมเคยเป็นพวก "ป่อ" นะครับ คราวต่อไป...เจอกันเมื่อไหร่.... ฮึ่ม.....มีชนกันแน่ ๆ เอื๊อก!!!!!! คริ คริ... เป้าหมาย ว.10 ดินแดง...รถ น. ทุกคัน ว.25 ว.4 ทางน้ำ เปลี่ยน..... หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ กันยายน 02, 2005, 09:29:31 PM คุณบ้านชายหาดเป็นอีกท่านนึงที่เขียนได้ดีนะเจ้าคะ น้องโบว์ชมแล้ว...เป็นปลื้ม..เป็นปลื้ม.. ;D.. เดี๋ยวพิมพ์ให้อ่านตอนดึกๆ...จะสนุกกว่านี้.. :OO รีบไปนอนดีก่า รีบ ปายยยย....นอน ตั้งแต่...หัวค่ำ..... เอาแรงไว้.... ดึก ดึก จะได้ตื่นขึ้นมาอ่าน..... ช่ายยยย...ม้า.....ล่า......คริ คริ จากนิ้ว...ที่ชอบจิ้ม....(ชอบบอกว่า เราเป็นงูกู้ภัย...คริ คริ) อาววววว....คืน..... หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ กันยายน 02, 2005, 09:39:27 PM ไม่หล่ะเจ้าค่ะ วันนี้ง่วงนอนเร็ว ไปนอนดีกว่า :D
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: บ้านชายหาด ที่ กันยายน 03, 2005, 02:23:57 AM ไม่หล่ะเจ้าค่ะ วันนี้ง่วงนอนเร็ว ไปนอนดีกว่า :D กลัวก็บอกดิ......อิอิ....รู้หรอก :VOV: หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ กันยายน 03, 2005, 09:02:27 AM ไม่หล่ะเจ้าค่ะ วันนี้ง่วงนอนเร็ว ไปนอนดีกว่า :D กลัวก็บอกดิ......อิอิ....รู้หรอก :VOV:??? รู้ว่าอะไรเจ้าคะ ??? หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: บ้านชายหาด ที่ กันยายน 03, 2005, 09:47:54 AM ไม่หล่ะเจ้าค่ะ วันนี้ง่วงนอนเร็ว ไปนอนดีกว่า :D กลัวก็บอกดิ......อิอิ....รู้หรอก :VOV:??? รู้ว่าอะไรเจ้าคะ ??? ก็น้องโบว์กลัวที่จะอ่านเรื่องพิศวงตอนดึกๆไง.... ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: dpd8159 ที่ กันยายน 03, 2005, 10:09:57 AM ถ้าผมเห็นขนาดพี่ Sundance สงสัยชักปืนยิงบ้านพรุน ไม่ทราบว่าที่เมกาเจอเรื่องอย่างนี้หรือเปล่าครับ?
ผมขอเล่าแทนพี่ Sundance ที่เมกาก็มีครับคุณต๊อก ตั้งแต่ผมเกิดมาก็เพิ่งเจอครั้งเดียว ไม่แน่ใจว่าผมเจอจริง ๆ หรือว่าจิตผมหลอนไปเอง เมื่อประมาณ 5 ปีมาแล้ว ตอนนั้นผมอยู่ที่ San Antonio, Texas (อยู่ไต้ Dallas ไปประมาณ 200 กว่าไมล์.) เย็นวันหนึ่ง น้องสาวผมโทรศัพท์มาบอกว่าเพื่อนผมคนหนึ่งที่เมืองไทยได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างกระทันหัน ผมร้อนใจมากเพราะผมสนิทกันมากกับเพื่อนคนนี้ กลับเมืองไทยไปครั้งก่อนเพื่อนผมคนนี้จะมาหาคุยกันทุกคืน สนิทกันทั้งครอบครัว ทั้งพ่อผม พ่อแม่เพื่อน แฟนเพื่อน แฟนผม ผมพยายามโทรศัพท์ไปที่บ้านเพื่อนทางเมืองไทย ทำอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ อยากทราบรายละเอียดการเสียชีวิต เพราะเพื่อนคนนี้เป็นนายตำรวจนักสืบที่มีฝีมือคนหนึ่งของนครบาล ถึงแม้จะจัดว่ามียศสูงแล้วก็ยังชอบที่จะลงสนามไปทำงานด้วยตนเอง ใจผมระแวงว่าอาจจะพลาดท่าถูกคนร้ายทำร้ายจนเสียชีวิต ได้แต่พยายามติดต่อทางเมืองไทยอยู่จนเหนื่อยใจ คิดถึงเพื่อนตอนที่เคยใช้ชีวิตหัวหกก้นขวิดมาด้วยกันสมัยจบออกมารับราชการใหม่ ๆ พอนอนหลับไปคืนนั้นมารู้สึกตัวตื่นกลางดึกเห็นเพื่อนผมมายืนอยู่ที่ปลายเตียง เหมือนกับเพื่อนพยายามจะบอกผมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วจู่ ๆ เพื่อนก็โถมตัวเข้ามาหาผม ผมตกใจนอนตัวแข็งอยู่ เกิดอาการอึกอักอึดอัดหายใจไม่ออกอยู่สักเสี้ยววินาทีเหมือนจะขาดใจ สักครู่ได้ยินเสียงรถพยาบาลวิ่งมา ผมเหลียวไปดูนาฬิกาปลุกที่หัวเตียง แล้วเพื่อนก็หายไป ผมรีบลุกขึ้นมาปลุกแฟน เราออกไปสนามหลังบ้านจุดธูปบอกพระภูมิเจ้าที่ว่าขออนุญาตให้เพื่อนผมมาหาผมได้ตลอดเวลา หากมีปัญหาจะให้ผมจัดการช่วยเหลืออย่างไรก็ให้เพื่อนมาบอก อย่าได้เกรงใจ จากนั้นมาเกือบสัปดาห์ผมจึงติดต่อกับภรรยาของเพื่อนได้ ได้ความว่าเพื่อนไปเข้าเวรนายตำรวจราชสำนักที่วังไกลกังวล แล้วเสียชีวิตกระทันหันด้วยโรคหัวใจวายขณะวิ่งออกกำลังกาย เวลาที่รถพยาบาลมารับเพื่อนตรงกับเวลาที่ผมได้ยินเสียงรถพยาบาลตอนที่เพื่อนมาปรากฎให้เห็น นับตั้งแต่คืนนั้นมาเพื่อนก็ไม่ได้มาหาผมอีกเลย ..... แล้วเราคงได้พบกันอีกโต้งเพื่อนรัก หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 03, 2005, 12:31:48 PM 49 วันชีวิตหลังความตาย
มนุษย์และสัตว์มิได้สิ้นสุดที่ความตาย เพราะการ "ตาย" หมายถึง สภาพร่างกายที่ไม่สามารถให้บริการแก่จิตวิญญาณใช้งานต่อไปได้อีก วิญญาณยังคงอยู่ 1. ตอนตายใหม่ ถ้าหากสีหน้าปกติ ร่างกายอ่อนนิ่ม สีหน้าเหมือนคนมีชีวิตอยู่ เนื่องจากได้บรรลุธรรม ดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ 2. ตอนตายใหม่ๆ หน้าตาซีดผาด เหมือนคนตกใจ แสดงว่าวิญญาณได้ตกสู่นรกแล้ว 3. ตอนตายใหม่ๆ ร่างกายแข็งทื่อ หน้าตาน่ากลัว เพราะความตกใจ บางคนจะกรีดร้องเสียงคล้ายสัตว์ คนเหล่านี้จะไปเกิดเป็นสัตว์ 4 ชนิด สังเกตได้จากตา หู จมูก ปาก ตาจะมีน้ำตาออก หูจะมีขี้หู จมูกจะมีน้ำมูก ปากจะมีน้ำลายฟูมปาก เป็นทวารที่ไม่สะอาด 4 ช่องทาง เมื่อจิตวิญญาณออกทางนี้ จะเกิดเป็นสัตว์ 4 ประเภท - ตา ชอบดูสิ่งเหลวไหล ลุ่มหลงในรูปต่างๆ คนเหล่านี้เวลาใกล้ตาย ดวงตาจะเบิกกว้าง จะไปเกิดเป็นสัตว์ปีก (เกิดออกจากไข่) - หู ชอบฟังเรื่องเหลวไหล เรื่องซุบซิบนินทา คนเหล่านี้เวลาตาย หูจะชันขึ้น จะไปเกิดเป็นสัตว์ที่เกิดจากครรภ์ เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย - จมูก ชื่นชมกลิ่นคาวโลกีย์ เช่น เงินทอง สุรา นารี การพนัน ชื่อเสียงลาภยศ และค่านิยมที่ผิดศีลธรรม ฯลฯ จะไปเกิดเป็นแมลง มด ยุง แมลงวัน ฯลฯ บาปหนักมาก วิญญาณจึงถูกตีเป็นเศษวิญญาณ - ปาก ชอบพูดเรื่องเหลวไหล พูดนินทา พูดวิจารณ์ พูดกล่าวร้ายป้ายสี ด่าคำหยาบคาย คนเหล่านี้เวลาตาย ปากจะอ้าค้างอยู่ตลอด จะเกิดเป็นสัตว์น้ำ ไปอยู่กับรสชาติที่โสโครกและสกปรก เมื่อออกจากร่าง วิญญาณจะไปที่ไหน? ดวงวิญญาณที่ออกจากร่างในตอนแรก จะวนเวียนอยู่บริเวณนั้น พอได้สติก็จะมีท่านมัจจุราชทำหน้าที่มานำเอาวิญญาณของมนุษย์หรือสัตว์ที่ชะตาถึงฆาต พาไปยังยมโลก เพื่อตรวจสอบบาปบุญความดีความชั่ว ในขณะที่มีชีวิตอยู่ วิญญาณบาปจะถูกนำตัวส่งไปนรก 8 ขุมใหญ่ แต่ละขุมแบ่งย่อยขุมละ 36 แห่ง แต่ละแห่งมีการลงทัณฑ์และทรมานอีก 800 ด่าน แต่ละด่านมีเครื่องทรมานนับไม่ถ้วน วิญญาณบางดวงอาจตกนรกทั้ง 8 ขุมเลยก็มี โดยเฉพาะคนที่ทำกรรมชั่วมหันต์ หรือเรียกว่า "อนันตริยกรรม" มีอยู่ 5 อย่าง คือ 1.ฆ่าพ่อ 2. ฆ่าแม่ 3. ฆ่าพระอรหันต์ 4. ยุยงสงฆ์ให้แตกแยก 5. ทำร้ายพระพุทธเจ้าห้อเลือด หลังจากที่คนเราตายประมาณ 1-2 วัน ปกติแล้ว เขาจะไม่รู้ว่าตัวเองตาย 7 วันให้หลังเขาจึงรู้ว่าตนเองตายแล้ว วิญญาณจะถูกกักบริเวณไว้ 49 วันเพื่อรอพิจารณาคดี ในระหว่างนั้นผู้ตายก็กำลังรอบุญกุศลจากลูกหลานทางโลกที่กำลังง่วนอยู่กับงานศพ ชีวิตหลังความตายก็เริ่มต้นเปิดฉากขึ้นในโลกที่ผู้ตายต้องเข้าไปเพียงลำพังเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถเอาติดตัวจากโลกมนุษย์ได้ เว้นเสียแต่บาปกับบุญเท่านั้น เจ็ดวันรอบแรก วิญญาณผู้ตายต้องเดินผ่านดงหมาป่า ก็เกิดหวาดกลัวไม่กล้าเดินต่อไป ฝูงหมาป่าเห็นดังนั้น ก็กระโจนเข้าขย้ำขบกัดวิญญาณบาปจนเลือดท่วมตัว กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทุกขเวทนา ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงดงหมาป่า ก็จะมีหมู่เทวทูตคอยพิทักษ์คุ้มครอง พวกหมาป่าได้แต่นิ่งเฉย ไม่กล้าทำอะไร จึงผ่านไปได้โดยปลอดภัย เจ็ดวันรอบที่ สอง เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านประตูผี เจ้าหน้าที่ผู้รักษาด่าน เมื่อเห็นเป็นวิญญาณบาป ก็จะทุบตีอย่างไม่ปรานี และยังมีพวกเจ้ากรรมนายเวรพากันมาทวงหนี้เวลานั้น ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงด่านประตูผี จะได้รับการต้อนรับและสามารถผ่านด่านนี้ไปโดยปลอดภัย เจ็ดวันรอบที่ สาม เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงยมโลก ถ้าเป็นวิญญาณบาปก็จะถูกโซ่ตรวนไว้ และถูกบังคับนำไปอยู่ตรงหน้าหอกระจกส่องกรรม ยามมีชีวิตทำชั่วอะไร ภาพก็จะปรากฏขึ้นเองอย่างอัตโนมัติ เสร็จแล้วก็จะถูกคุมตัวไปรับการพิจารณาโทษ ถึงวิญญาณบาปจะเริ่มสำนึกผิด ตอนนี้แต่ก็สายเสียแล้ว ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึง จะได้รับการต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่พาไปท่องเที่ยวนรกขุมต่างๆ และพาไปดูสภาพของบรรดาญาติพี่น้องที่ ทำบาป กำลังรอคอยการพิจารณาตัดสินความผิด เจ็ดวันรอบที่ สี่ เมื่อมาถึงด่านภูเขากระดาษเงินกระดาษทอง การจะขึ้นไปบนภูเขาลูกนี้ยากลำบากมาก กระดาษเหล่านี้ได้มาจากลูกหลานญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์หลงงมงายเผาส่งไปให้ ทับถมกันจนเป็นภูเขาเลากา ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วแม้ผู้ตายจะได้รับก็ไร้ประโยชน์ เจ็ดวันรอบที่ ห้า วิญญาณผู้ตายมาถึงหอดูบ้านเดิม ได้เห็นลูกหลาน คนในครอบครัวต่างไว้ทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจกับการตายของตน ถึงตอนนี้จึงได้รู้ว่าตนเองตายแล้ว ไม่อาจกลับบ้านได้อีก ได้แต่เสียใจอาลัยอาวรณ์ เจ็ดวันรอบที่ หก เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านคุมบัญชี ยมบาลจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูบาปบุญที่ผู้ตายได้สร้างสมตอนมีชีวิต หลังจากหักลบกันแล้ว ถ้าบุญมีมากกว่าบาปก็จะให้ไปเกิดยังสุคติภูมิ ถ้าบาปมีมากกว่าบุญ จะส่งไปยังนรกภูมิ รับทุกข์อย่างน่าเวทนา เจ็ดวันรอบที่ เจ็ด เมื่อวิญญาณผู้ตายไปถึงด่านตรวจสอบ ยมบาลก็จะสั่งเลขาให้ตรวจสอบดูว่า ผู้ตายตอนมีชีวิตอยู่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือไม่ ถ้าได้ถือศีลกินเจ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ก็จักลหุโทษ ถ้ามัวหลงผิดฆ่าสัตว์เพื่อความสุขของปากท้องก็จะเพิ่มโทษเป็นเท่าตัว. ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็ขอให้ทุกคนในขณะมีชีวิตอยู่นั้น เร่งสะสมความดีกันให้มากๆ นรก-สวรรค์นั้น ไม่ใช่สิ่งลวงโลก ตอนนี้ท่านอาจยังไม่เห็น แต่สักวันท่านก็ต้องเห็น กฎแห่งกรรมนั้นเป็นเรื่องจริง ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ... COPPY มาครับ ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 03, 2005, 12:36:53 PM เกิดจากกรรม
ทำดีเป็นการหนีกรรม กรรมไล่หลังเรามา เมื่อเราทำความดีก็เหมือนแรงบุญส่งผลให้เราไปข้างหน้ากรรมก็ตามไม่ทัน แต่กรรมก็ตามเราอยู่ เมื่อเราประมาทไม่ทำความดี กรรมก็ไล่ตามเรามาทันในที่สุด ต้องหมั่นทำความดีเข้าไว้ เป็นการเพิ่มบุญ ทำมากๆๆจนบุญแซงหน้าขาดตัว นั่นแหละกรรมจะกลายเป็นอโหสิกรรม เน้นเรื่องทาน ศีล ภาวนา อย่าไปทำกรรมซ้ำที่เคยผิดพลาดมา กรรมกับคนใกล้ชิด ผู้มีพระคุณต้องระวังมาก เช่นพ่อแม่ มองพระสงฆ์ในแง่ร้าย *บุญนะเราทำแทนใครไม่ได้ เราสร้างเราได้เอง เหมือนข้าวกินแทนกันไม่ได้ *เราอย่าคิดแทนคนอื่น ให้เราเฉยเป็น ปล่อยวางได้ คิดไว้ว่าใครทำอย่างไร เดี๋ยวเขาก็ได้อย่างนั้น สอนให้รู้จักจับช่าง คือช่างมัน ช่างเขาบ้าง เมื่อรู้จักจับช่างก็ปล่อยวางขึ้นได้มาก *สอนให้เป็นคนอยู่ง่าย รู้จักช่วยเหลือคน ให้ทาน เรายิ่งให้ยิ่งได้ อยากให้ใครให้เรา เราต้องรู้จักให้เขาก่อน อยากได้รับอย่างไร ให้ไปอย่างนั้น เป็นกฏแห่งกรรมทั้งสิ้น เมื่อให้ไปแล้วมันกลับมาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า ไม่ว่าช้าหรือเร็วสิ่งที่เราให้ไปก็จะกลับมาหาเราเอง การทำทานไม่มีสูญต้องกลับมาหาแน่นอนคิดเสมอเราจะไม่ฉวยโอกาสใคร ไม่ซ้ำเติมคน ทุกคนอยากมีเหมือนเรา แต่มันอยู่ที่โอกาส วันนี้อาจไม่ใช่โอกาสของเขา ไม่ใช่ว่าเราเก่งเราดี แต่เรามีโอกาสมากกว่าเขาเท่านั้น เงินใครก็อยากมี ความดีใครก้อยากทำ อยากทำดีกันทั้งนั้น แต่อยู่ที่โอกาส อย่าไปคิดว่าเราดี เราเก่งกว่าใคร ให้อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ ถ้าคนอื่นเขามีโอกาสบ้าง เขาก็ดีได้เหมือนเราเช่นกัน วันนี้เรามีเราก็ให้ ดูแลคนใกล้ตัวเราให้ดีที่สุด เช่นพ่อแม่ พี่น้อง *คนที่มีกรรมสมัย ร.5 คนสมัยนั้นไม่พอใจการเลิกทาส กรรมส่งให้หน้าที่การงานทำให้ลูกน้องไม่ฟังเรา มีปัญหากับงาน อย่างใครต้องทำงานดึกๆ ก็เพราะชาติที่แล้วใช้แรงงานทาสจนดึกไม่มีเวลาให้เขาพักผ่อน ชาตินี้จึงต้องมาทำงานถึงเช้า คนที่ค้าขายต่างประเทศ เป็นเจ้าคนนายคน คุมลูกน้อง500-600คน คนที่เป็นหนี้เป็นสินเขา เป็นลูกจ้าง ควรพึ่งบารมีร.5ทั้งสิ้น คล้ององค์ร.5 จะทำให้ดูมีเกียรติศักดิ์ศรีบารมีขึ้นมาทันตาเห็น ลูกน้องจะรัก ปัญหาจะหมดไป การงานจะราบรื่นดี *เรื่องเงินหายไป ท่านให้ไปจุดธูปกลางแจ้งอธิษฐานว่า ถ้าเงินก้อนนั้นเป็นของเรา ให้กลับมาวิธีใดวิธีหนึ่ง อาจกลับมาไม่ใช่การได้มาตรงๆ แต่เงินก้อนนั้นก็ได้มาในที่สุด เงินถ้ามันเป็นของเรา มันไม่ไปไหนไกล เดี๋ยวก็กลับมาหาเราเอง -น้องจ๊ะเอ๋ ตอนแม่ท้อง พ่อและแม่ทำบุญใหญ่อยู่หลายงาน ผลบุญจึงทำให้ลูกในท้องได้มีญาณทิพย์ติดตัวมา แต่เสื่อมลงได้ง่าย จะอยู่กับเด็กระยะหนึ่ง เมื่อโตขึ้น ดวงจิตแปดเปื้อนกิเลส จะค่อยเสื่อมและหมด การจะให้อยู่ได้นานให้น้องจ๊ะเอ๋ ฝึกปฏิบัติสมาธิ การปฏิบัติธรรมจะให้ผ่องใสมากขึ้น หากทำได้ญาณนี้จะอยู่กับน้องจ๊ะเอ๋ตลอดไป เช่น น้องแกเคยทักลุงใกล้บ้าน บอกครั้งหนุ่งลุงเคยจับงูใหญ่กินดีงูสดๆๆที่เชื่อว่าเพิ่มพลัง จับงูกรีดท้องกรีดทั้งยังเป็นๆ เพื่อเอาดีสดมาผสมเหล้ากิน อาการดิ้นงอคล้ายกับอาการลุงบิดงอหน้าท้องทุรนทุรายทุกเช้า ให้ถวายสังฆทานและทำบุญหลายอย่าง ***เพียงแค่คิดก็เป็นกรรมเกิดขึ้น อย่างการกระทำทางกาย หากขาดเจตนาคือทำเพราะไม่รู้ ไม่ตั้งใจถือเป็นกรรมน้อย หรืออาจไม่ส่งผล แต่ถ้าทางใจตั้งใจทำแล้วไม่ว่าทำหรือไม่ทำ จะส่งผลให้กรรมเกิดขึ้นหนัก ****การให้ทาน ต้องทำด้วยใจบริสุทธ์ เอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ที่จะให้ ให้ไปแล้วอย่าเสียดายภายหลัง เพราะเสียดายเมื่อไหร่บุญจะพร่องทันทีเหมือนน้ำหก เขาจะเอาไปทำอะไรไม่ต้องคิด บุญเราสำเร็จที่เจตนาตรงนั้นทันที คิดอกุศลเมื่อใดความคิดเราเองแหละที่เป็นตัวทำลายบุญที่เราสร้าง ไม่พร้อมอย่าทำเพราะจะเป็นการเบียดเบียนตนเอง เสียดายแล้วไม่ได้บุญด้วย เสียทั้งของเสียทั้งบุญเปล่าๆ **การบวชหน้าไฟไม่ใช่บวชเพื่อพิธีกรรมอย่างเดียวเป็นกรรมทั้งสิ้นแม้แต่บวชพระบวชชี ต้องบวชด้วยใจ ศีล ทำกรรมฐาน เพื่อให้เกิดปัญญาหลุดพ้น จึงเกิดกระแสบุญอุทิศแก่เจ้ากรรมนายเวรได้ ชีวิตเราก็จะดีขึ้น ด้วยกระแสบุญ เพราะไม่งั้นกลายเป็นการจองเวรของดวงวิญญาณญาติที่ล่วงลับต่อผู้บวชให้ ยังคงเกาะไม่ไปไหน ญาติเคยป่วยเป็นอะไรตายก็จะป่วยเป็นโรคนั้น เขายังไม่ไปผุดไปเกิดรอส่วนบุญเรา ***ครอบครัวเดือนร้อนอย่าบวชหนีเอาตัวรอดคนเดียว ต้องขออนุญาตครอบครัวก่อน เมื่อเขาให้จึงบวช ไม่เช่นนั้นคนที่เราทิ้งมาเป็นหนี้กรรมเราอีก บวชแล้วก็ไม่ได้อานิสงส์เท่าที่ควร ***ฆ่าตัวตายบาปขนาดตัวของเราเองยังไม่รักเลย ฆ่าคนอื่นก็บาปแล้ว ฆ่าตัวเองยิ่งบาปกว่า ฆ่าตัวตายไม่ใช่แก้ปัญหาแต่เป็นการหนีปัญหา จะแก้ปัญหาเรื่องกรรมต้องทำบุญ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา คนที่ฆ่าตัวตายเกิดมาจะน้อยเนื้อต่ำใจวาสนาต่ำอาภัพ เพราะเกิดจากไม่รักตนเองในอดีต เกิดมาสายตาจะเศร้า ดูไม่มีความสุข เป็นคนอมทุกข์ ขี้ใจน้อย มักน้อยเนื้อต่ำใจตเองเสมอ บางคนร้ายกว่า เมื่อเกิดมาพ่อแม่ไม่รัก อยู่ในครรภ์ก็คิดจะเอาออก ซึ่งเป็นผลมาจากการฆ่าตัวตายทั้งสิ้น พอเริ่มโตช่วงอายุเคยฆ่าตัวตายเช่นอายุ30ปีพออายุ30ปีก็จะอยากตาย จะเป็นซ้ำอย่างนี้500ชาติ ได้เกิดก็ยาก เกิดแล้วอยู่บนโลกนี้ก็ยาก ถ้าต้องการให้หลุดพันบ่วงกรรมี้ ต้องอาศัยกรรมฐานเป็นเครื่องแก้ ทำจิตให้นิ่ง แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรมากๆจะพ้นได้ ***การแผ่เมตตาแผ่ให้คนที่เรารัก เช่นแผ่ให้เพื่อนก็จะได้ไมตรีจิตการงานราบรื่น นอกจากนี้แผ่ให้สถานประกอบการงาน เป็นสถานที่มีคุณแก่เรา งานที่น่าเบื่อหน่ายก็เปลี่ยนไป ปัญหาลดลง **อยากได้ดีต้องหมั่นทำความดี สิ่งดีๆจะเข้ามาในชีวิต สิ่งดีอาจไม่ใช่เงิน อย่ายึดติดกับวัตถุ ความดีคือความปิติใจจากการสร้างความดี ไม่ใช่ทำความดีแล้วต้องรวย เพราะของเหล่านั้นไม่จีรัง ไม่นานก็เสื่อม เป็นทุกข์ ยิ่งเราติดสุขจนลืมความดียิ่งเสื่อมไว ***ของหายตายแทนตัว ของหายอย่าเสียดาย เพราะบางครั้งคนเรามีกรรมต้องเสียอย่างใดอย่างหนึ่งในชีวิต ถ้าไม่เสียของ อาจเสียอวัยวะ กรรมบางอย่างเมื่อมาถึงตัวอาจเสียของ ทำแตกร้าว ทำหาย อาจโดนขโมย ท่านว่าอย่าไปมัวเสียดายเลย **จิตวิญญาณจำนวนมากรอคอยการอุทิศส่วนกุศล เป็นญาติใครก็ไปเกาะคนนั้น เมื่อวิญญาณที่ไปเกาะเป้นอะไรตาย คนโดนเกาะก็พลอยมีอาการตามไปด้วย ต้องอุทิศส่วนกุศลให้เขาด้วย **การเวียนว่ายตายเกิดในแต่ละชาติ จะนำพานิสัยใจคอจากชาติเดิมๆติดมาด้วย **การแพ้ท้อง เป็นอำนาจความต้องการของของวิญาณในครรภ์ มาจากภพภูมิไหน เช่น ถ้าเคยโกงกินแผ่นดิน แม่จะอยากกินดินกินทราย ชั้นพรหมแม่อยากกินดินหอม ภูมิสูงเช่นเทพแม่จะอยากกินผลไม้เป็นหลัก จากภูมิดีเด็กจะยิ้มง่าย เพราะไม่ทุกข์ ภูมิไม่ดีจะร้องไห้บ่อย พอโตมาสัญญาเก่าจะชัดขึ้น เป้นเจ้ากรรมนายเวรกะพ่อแม่ ก็จะแสดงก้าวร้าวออกมาให้เห็น พูดจาไม่ดี เถียงคำไม่ตกฝาก ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจอยู่เรื่อย สัญญาเก่าจะแสดงออกมาโดยอัตโนมัติ เมื่อได้เจอคนที่มีเชื้อกรรมต่อกัน ตอนที่แสดงจะไม่รู้เลยว่าแสดงเพราะเหตุผลใด อำนาจสัญญาความทรงจำมันเผยให้เห็นกิริยาอาการ บางคนแสดงออกทางบุคลิก เช่นชอบไหว้พระสวดมนต์ เพราะชาติก่อนผูกพันกับศาสนาบางคนชอบยิงปืน ล้วนเป็นสัญญาเก่าผูกพันมา ***กรรมเป็นเผ่าพันธ์ พ่อแม่ทำตกถึงลุก เช่นพ่อเป็นนายพราน พอมีลูกหน้าเหมือนสัตวืที่ตนฆ่ากรรมส่งต่อกันเป็นลูกโซ่เหมือนหากมีลูกเมื่อใดมันก็ทำกับเราเหมือนที่เราทำกับพ่อแม่นั้นเช่นกัน ประวัติ**แม่ชีทศพร แม่ชีอยู่วัดพิชยญาติการาม คลองสาน ธนบุรี แถวตรงข้าม ร.ร ศึกษานารี หากใครสมาธิลึกขึ้นเท่าไหร่ยิ่งเห็นเรื่องกรรมเวรชัดขึ้นไปอีก การทำสมาธิทำให้รู้เรื่องได้จริง รู้เบื้องต้นคือรู้กรรมตัวเอง นานวันแรงกล้าจะรู้เรื่องของคนอื่น จนชำนาญไม่ต้องกำหนดนั่งสมาธิก็รู้ได้อย่างแม่ชีทศพร เมื่อใครเดินมาหาท่านท่านก็ทราบความเป็นมา กรรมมันมากับตัว แม่ชีได้อธิษฐานจิต ขออุทิศตนในการเผยแพร่ศาสนา ขอให้ท่านพูดแต่ในสิ่งธรรมะของพระพุทธเจ้า ถ้าสิ่งใดไม่ใช่ขออย่าให้หลุดจากปากท่านเลย **กรรมของใครที่เป็นพม่ามาเกิด พอเข้าสังคมจะไม่ได้รับการยอมรับเลย โดนกลั่นแกล้ง เข้ากับใครไม่ค่อยได้ มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน คนที่เกิดในสมัยพระเจ้าตากสินมักมีเหตุมาที่วัดพิชยญา มาเจอกับตัวแม่ชี เพราะกระแสกรรมนั่นเอง ที่นำพาคนที่เคยเกิดร่วมชาติกันมาก่อนกลับมาเจอกันอีกในชาตินี้ ถ้าจำไม่ได้แต่สังเกตได้ เช่นตอนเด็กชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์สมัยพระเจ้าตากสิน รู้สึกเคารพพระเจ้าตากสิน แม่ชีบอกว่า ผู้ที่เป็นราชการ ทหาร ตำรวจ ค้าขาย ไปขอบารมีท่านตากสินจะมีชัยเหนือคนอื่น **คาถาหลวงอิติสุคโต หลวงพ่อโอภาสี อิติสุคโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปฐวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง กล่าวอย่างน้อย3ครั้ง หรือกล่าวเรื่อยไปขณะเดินทางยิ่งดี ค้าขายสวดทุกครั้งที่เปิดร้าน จุดธูปบอกเจ้าที่อธิษฐานให้ขายดีมีกำไร เดือดร้อนใจก็สวดอโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวร ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ด้วย แม่ชีใช้ประจำ ท่านว่าการบวงสรวงต่างๆ อธิฐานสิ่งใดเทวดาท่านจะอนุเคราะห์สุดความสามารถ เจ้ากรรมนานเวรได้ยินจะยอมอโหสิกรรมให้ จึงดีทางเมตตาและคุ้มครองภัย สวดประจำจะหมดทุกข์หมดโศก โรคภัยไข้เจ็บจะหาย ครอบครัวเป็นสุข เทวดาคุ้มครอง COPPY มาอีกตามเคย :o หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กันยายน 03, 2005, 02:58:52 PM โทรศัพท์จากผู้ที่ตายไปแล้ว ... หลังจากที่ลูกชายเสียไปแล้ว ผมยังทำงานอยู่ New York ผมเดินจากตึกผมไปอีกตึกหนึ่งซึ่งอยู่ติดกัน (ไม่ต้องออกถนน) เวลาเย็นแล้ว แต่ยังไม่ถึง 17:00 เลิกงาน มีโทรศัพท์ดังที่โต๊ะของ Tom Cooney ทำไมไม่รับโทรศัพท์ Tom บอกว่าไม่รู้ใคร โทร.มาเรื่อย พูดไม่รู้เรื่อง Why dont you answer it and talk to him in Thai? ผมก็สนุกด้วย เสียงที่ได้ยินคือ พ่อ นี่โบ( ลูกผมชื่อเล่นว่าโบ เขียนว่า Beau หรือ Bo) ผมตกใจมาก เปลี่ยนเป็นพูดอังกฤษ เสียงของเขาเหมือนเสียงของลูก ที่ไม่ชัด ฟังลำบาก เพราะมีก้อน Tumor อยู่เต็มปาก ฟังได้ว่าเขาต้องการพูดกับ Mrs. Low ผมบอกว่าไม่มี เขาโทร.มาอีก 2 ครั้ง ผมก็บอกว่าที่นี่ Area Code 212 นะ ถ้า New Jersey ต้อง 201 ไม่กล้าพูดเล่นอีกแล้ว ลูกผมรู้จัก Tom
เรื่องนี้เพื่อนผมที่นั่งทางในเป็น บอกว่าเป็นเรื่องจริง เขาก็เพิ่งทราบว่า คนตายแล้วติดต่อมาได้ทางโทรศัพท์ ต่อมาผมไปเจอะหนังสือชื่อ Phone calls from the dead พูดถึงเรื่องนี้ Sylvia Browne ก็พูด ไฟฟ้าเป็นสื่อได้ เวลาที่ผู้อยู่ใน Afterlife ติดต่อกับเราได้ จะเป็นตี 3 ไป จนถึง 6:00 เพราะเริ่มมีน้ำค้างในอากาศ และน้ำเป็นสื่อไฟฟ้า ถ้าไฟฟ้าในห้องกระพริบติดๆกัน ก็เป็นเรื่องของเขาที่แสดงออกมาให้ทราบ ตอนที่ผมไป Austin, Texas เพื่อไปเรียนต่อ คุณพ่อคุณแม่และภรรยา (คุ่หมั้น) ไปเยี่ยม พักอยู่ที่โรงแรม ภรรยานอนกับคุณแม่ คุณแม่หลับแล้ว ภรรยานั่งเขียนจดหมายอยู่ โคมไฟบนโต๊ะกระพริบจนเขียนไม่ได้ ก็ลงนอนบ้าง กำลังหลับ กลางเตียงก็สูงขึ้นมาเหมือนถูกหนุนจากข้างใต้ จนไหลไปนอนริมเตียง แล้วเตียงก็ยุบลงเหมือนมีคนมาลงมานอนด้วย เธอนึกว่าคุณแม่มานอนกับเธอ หันไปที่เตียงคุณแม่ คุณแม่ยังอยู่ที่นั่น ก็ลุกขึ้น ไปหาคุณแม่ คุณแม่ ใครไม่รู้มานอนกับหนู งั้นเปลี่ยนเตียงกัน หนูนอนคนเดียวได้ไหมล่ะ คุณแม่กำลังจะหลับก็โดนบ้าง มีคนมาเอามือท้าวปลายเตียงและข้างเตียง คุณแม่จะถีบ แต่ยกเท้าไม่ขึ้น ก็ต้องภาวนา ฉันขอมานอนหน่อยนะ ไม่มีอะไรต่อมา รุ่งขึ้น ก็เปลี่ยนห้องกัน ผมกับคุณพ่อไปนอนแทน คุณพ่อถามว่าผมจะนอนเตียงไหน ผมชี้อีกเตียง คุณพ่อให้ผมลงไปซื้อเบียร์มาหนึ่ง six-pack (6 กระป๋อง) ดื่มกันคนละ 3 ไม่มีอะไรครับ เราไป Austin โดยรถเมล์ Greyhound จาก Washington, D.C. (คุณพ่ออยากเห็นประเทศ ผมเคยนั่งรถเมล์จาก D.C. ,มา Waco, Texas แล้ว ไม่อยากทรมารอีก แต่ขัดท่านไม่ได้) แล้วบอก แท็กซี่ให้พาไปโรงแรม เขาก็พามาที่โรงแรมเก่าๆแห่งนี้ ชื่อ Texas หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กันยายน 03, 2005, 03:00:28 PM ตอนอยู่ New York (Middle Village, Queens) คืนหนึ่งผมกลับดึก มา Subway ต่อ Bus ต้องเดินต่อ เปลี่ยว ไม่มีคน สภาพอย่างนี้ ผมจะเดินมันกลางถนนเลย เพราะจะได้หนีคนที่ซุ่มตามประตูมืดๆได้ทัน ฟุตปาทก็ใกล้เกินไป (อเมริกาไม่ใช้คำว่า footpath ใช้ sidewalk ใช้ apartment แทน flat) ผมเห็นเด็กหนุ่ม ใส่ ผ้ายีนส์สีฟ้าๆ (กางเกงและแจ๊กเก้ท) วิ่งเข้ามาหาจากทางด้าน Long Island Expressway ถึงตัวก็หายไป ไม่กลัวครับ จิตว่าง เฉยๆ จะกลัวต้องนึกว่าจะเจอ แล้วก็เจอเข้าจริงๆ ซึ่งผมไม่เคย อาจตาฝาดกระมังครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กันยายน 03, 2005, 03:02:07 PM ผมเห็นคนมาขณะกำลังหลับบ่อย ช่วงหนึ่งมากจนรำคาญ การเห็นนี้จะเห็นขณะหลับ ลืมตาก็จะหายไป ไม่ใช่ฝัน ไม่ใช่คนรู้จัก ไม่ซ้ำกัน ไม่มาหลอกหลอนหรือขู่เข็ญจะทำอันตราย เคยเห็นประเภทน่ารังเกียจ น่ากลัว พอจะเรียกได้ว่าผี 3-4 ครั้ง แต่ผมจะหัวเราะใส่มัน ที่แปลกคือว่า ถ้ามาใกล้ผมจะเอาแขนปัด ชกได้ก็ชก เตะได้ก็เตะ มีบ้างที่ผมไม่ทำอะไรเขา ครั้งหนึ่งเห็นใครไม่ทราบ แต่ผมดีใจเหลือเกินที่เห็นเขา
ที่ El Paso เห็นผู้หญิงเดินผ่านเตียง ใส่ชุดบางๆสีเหลืองๆ มีความรู้สึกว่าเป็นช่างเสริมสวย (Best Western Airport) ที่ New York เห็นเด็กปีนออกมาจากข้าง Air Conditioner Unit ข้างเตียง (Pan American Motor Inn) ช่วงเห็นเป็นระยะสั้นมาก ฮยู่ระหว่างก่อนจะลืมตา ลืมตาก็จะหายไป เคยอ่านจากไหนไม่ทราบว่าช่วงนี้ เป็นช่วงที่อาจได้ความรู้ มีคนพยายามเข้าช่วงนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เพื่อจะเอาความรู้ที่อยู่นอกเหนือปัจจุบัน มีใครเคยฝันถึง Technology อะไรสักอย่าง ที่ลืมเมื่อตื่นบ้างไหมครับ สิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นได้โด้โดยคนที่ไม่รู้จักกัน อยู่กันคนละทวีป คิดได้พร้อมๆกัน หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ กันยายน 03, 2005, 09:57:03 PM อ้างถึง เคยเห็นประเภทน่ารังเกียจ น่ากลัว พอจะเรียกได้ว่าผี 3-4 ครั้ง แต่ผมจะหัวเราะใส่มัน ถ้ามาเละๆ เทะๆ เป็นข้าน้อยคงร้องไห้แทนเจ้าค่ะ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ กันยายน 03, 2005, 11:46:59 PM ::) เคยมีคนมีความรู้สึกสังหรณ์ว่าอะไรจะเกิดขี้น แล้วมันเกิดขึ้นจริง ๆ บ้างไหม
เช่นว่าฝัน.......แล้วสิ่งที่ฝันมันเกิดจริง ฯลฯ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 04, 2005, 01:22:45 PM ...ขอบคุณมากครับทุกท่านที่กรุณาเล่า...
ประสาทรับรู้ขนาดนี้คงแล้วแต่บ้าน บ้านผมไม่มีใครเห็น/ได้ยินอะไรเลยครับ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ กันยายน 04, 2005, 02:31:36 PM เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ข้าพเจ้าได้ยินมานานแล้ว(ถ้าไม่เชื่อก็คิดว่าผมเล่านิทานให้ฟังก็ได้)
มีคนเล่าว่าในคลองแสนแสบเคยมีคนเห็นสัตว์น้ำที่มีรูปร่างแปลกๆหรือบางคนเรียกว่า..เด็กน้ำ.. เพราะเจ้าตัวนี้จะมีขนาดประมาณเด็ก 4 เดือน หัวโต , มีเส้นเลือดเต็มไปหมด มือและเท้ามีพังผืดด้วย ถ้าใครอยากเจอก็ให้ไปนั่งเรือตอนประมาณ 2-4 ทุ่มในเส้นทางที่จะผ่านวัดอะไรซักอย่างผมจำไม่ได้แต่ถ้าถามคนเก่าคนแก่บริเวณนั้นดูก็จะรู้ เรื่องที่ผมได้ยินมามีดังนี้ (ผมเล่าแล้วขนลุกจริงๆนะ) มีผู้ชายคนหนึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว(ไม่ทราบว่าชื่ออะไรจริงๆ)เวลากลับบ้านเขาจะต้องนั่งเรื่อผ่านบริเวณนี้(ที่เล่าไปนะครับ) และทุกๆครั้งที่จะถึงบริเวณนั้นคนขับเรือก็จะต้องยกผ้า ขาวบังรอบเรือให้หมดซึ่งชายคนนั้นก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแถมยังเร่งเครื่องให้ เร็วมากด้วยแต่พอผ่านจากจุดนั้นเขาก็เบาเครื่องและขับปกติเหมือนเดิม..ซึ่งชายคนนั้นสังเกตว่าเวลาเรือแล่นผ่านบริเวณนั้นเรื่อเหมือนจะชนอะไรบางอย่างเป็นลูกๆ ทำให้เรื่อกระดกอยู่ตลอดเวลาแต่เขาก็ไม่สนใจ.. จนวันหนึ่งที่เขากลับบบ้านเขาจึงขอให้ลุงคนขับเรือเอาผ้าขาวลงเพื่อเขาจะได้ดูอะไรบางอย่างแต่ลุงก็ไม่ค่อยจะยอมจนในที่สุดก็ให้แต่แกจะไม่เบาเครื่องโดยเด็ดขาด..และเมื่อเรือแล่นผ่านจุดนั้นภาพที่ชายคนนั้นเห็นก็ปรากฏกับหัว...คล้ายๆหัวเด็กลอยอยู่เต็มแม่น้ำสองข้างทางนับรวมๆ แล้วหลายพันตัวเลย (ขอให้เชื่อเถอะ)ซึ่งหน้าตาคล้ายเด็กแต่หัวจะมีเส้นเลือดเต็มไปหมด... ทำให้ชายคนนั้นถึงกับตะลึงและจดจำไปอีกนาน และเมื่อ 3 ปีที่แล้วชายคนนี้ได้ไปพักที่บ้านเพื่อนที่อยู่ริมน้ำสายนี้ อีกครั้งซึ่งในตอนกลางคืนเขาและเพือนก็รู้สึกว่าระเบียงที่ตนเองนอนอยู่นั้น กำลังสั้นเหมือนจะหักหรือมีใครมาโยก (ระเบียงนั้นยื่นออกไปติดกับคลอง)และเขาก็ปลุกเพื่อนให้ลงมาดูเพราะคิดว่าเป็นขโมย และสุดท้ายพอเขาลงมาแล้วส่องไปฉายไปตรงนั้นเขาก็พบว่าเขาได้เจอกับมันอีกแล้วมันเป็นเด็กหน้าตาหน้ากลัวกำลังกัดแทะเสาบ้านอยู้ซึ่งมันมีประมาณ 4 ตัว แล้วมันก็พากันหนีลงน้ำไป....ซึ่งทำให้ชายคนนี้มั่นใจขึ้นอีกว่าไอตัวนี้มันมีอยู่ในโลกและในประเทศไทยจริง... เรื่องนี้อยากให้มีผู้รู้ได้ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยครับ...เอ่อลืมบอกไปในหนังสือกินเน็ตบุก (ผมอาจจะเขียนผิดขอโทษด้วย) มีระบุชื่อและรูปสัตว์ประหลาดกึ่งคนกึ่งปลาตัวนี้ไว้ด้วยซึ่งระบุว่ามีอยู่ในประเทศไทยจริงๆ ที่หอสมุดแห่งชาติครับไม่เชื่อไปดูได้ COPPY มาครับ ;D [ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ] หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กันยายน 04, 2005, 06:13:46 PM ผมเองเคยเจอศาลเพียงตาที่ภูกระดึง จุดที่จะต้องเดินกลับเวลาดูตะวันตกดินที่ผาแห่งหนึ่ง
หลังจากออกเดินได้ไม่ถึง50เมตร ก็เจอต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เงยหน้าดู มีศาลเพียงตาอยู่และมีเทียนคู่ปักอยู้ด้านหน้าศาล เทียนจุดไว้แล้วด้วย พอเดินไกล้ถึงกลับเป็นว่า ทางเดินเลี้ยวอ้อมโค้งผ่านหน้าต้นไม้ กะว่าจะหันไปไหว้ศาล ไม่มีแล้วครับ ขนลุกซู่ๆเลย ตอนนั้นไม่กล้าถามใคร กลับมาที่พักถึงได้ถาม เห็นเหมือนผม2-3คนครับ ผาแห่งนี้ เวลาดูตะวันตกดินจะ มีที่ให้ดูด้านบน พวกผมทะลึ่ง หาทางลงไปด้านล่าง..... หาจนเจอ ลงไปข้างล่างได้ เท่ห์มาก เพราะคนข้างบนทึ่ง "ลงไปทางไหนน่ะ" แต่เวลาถ่ายรูป กดชัตเตอร์ไม่ลง ต้องยกมือไหว้ขออนุญาต ถึงจะถ่ายติด แต่รูปในกล้องตัวนั้น ไม่ได้มา เพราะขากลับ ซึ่งต้อง โดดขึ้นหินก้อนหนึ่ง กล้องที่อยู่ในกระเป๋าแจ๊กเก็ต หล่นลงบนก้อนหินเเล้วกลิ้งลงทางลาดของหิน หายลับลงเหวไป ต่อหน้าต่อตา เวลากลับ เจอศาลเพียงตาที่เล่าด้านบนอีก คน2-3คนที่เห็นก็พวกทะลึ่ง ลงไปข้างล่างนั่นแหละ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: S.V ที่ กันยายน 04, 2005, 08:10:46 PM เรื่องของผมเกิดขึ้นสมัยเรียนชั้นประถมปีที่3 สมัยนั้นผมเรียนโรงเรียนวัดครับตัวอาคารเรียนเป็นไม้ มีสนามฟุตบอลใหญ่คั่นกลางระหว่างโรงเรียนกับโบสถ์ของวัด สมัยนั้นจะมีเรื่องเล่ากันต่างๆนาๆตามประสาเด็กวัด แล้วมีอยู่เรื่องนึงผมนำไปทดลองคือเขาเล่ากันว่าถ้าอยากเห็นเปรตให้ลองเอาไม้กวาดทางมะพร้าวที่ใช้แล้ว3อันถือแล้วเดินวนรอบโบสถ์ด้านซ้าย3รอบแล้วจะเจอเปรต วันนั้นผมกับเพื่อน1คนชื่อสมเจตน์เป็นเด็กวัดได้ชวนกันไปทดลองตามประสาเด็กซนทั่วไป พอได้เวลาพักเที่ยงทานข้าวเรียบร้อยก็หยิบไม้กวาดของวัดมา3เส้นแล้วก็ชวนกันเดินโดยเริ่มจากหลังโบสถ์ (โรงเรียนหันหน้ามาทางหลังโบสถ์)ผมกับสมเจตน์เริ่มเดินแบบกล้าๆกลัว ทั้งๆที่เวลาเที่ยงจะมีเด็กนักเรียนวิ่งเล่นในสนามฟุตบอลมากมาย แต่พอเริ่มเดินกลับรู้สึกเงียบเชียบลมเย็นพิกล ผมกับเพื่อนเดินมาได้2รอบเพื่อนผมก็ไม่กล้าเดินตอแล้วขอหยุดรอผมที่หลังโบสถ์ที่ติดกับสนามฟุตบอล ผมเองก็กลัวเหมือนกันแต่กลัวเพื่อนล้อเลยทำกล้าเดินต่อไปแต่ไปได้แค่ครึ่งรอบก็วิ่งกลับมา เพราะว่ากลัวมากจริงๆเลยยอมเสียฟรอมเดินกลับมาหาเพื่อนที่หลังโบสถ์ แล้วผมกับเพื่อนก็ยืนคุยกันไปเรื่อยเปื่อยผมก็หักไม้กวาดเล่นแบบว่าคุยไปหักไปท่อนเล็กๆ จนมาสังเกตุว่าเสียงอะไรดังพรึบๆเวลาผมหักไม้กวาด ผมหันไปดูมันเป็นเสื่อสีแดงเก่าๆที่วางกองอยู่ปากประตูโบสถ์ด้านหลังกระพือขื้นเหมือนมีคนจับยกกระพือ ผมกับเพื่อนเริ่มใจไม่ปกติแล้วครับเพราะพอผมหักไม้กวาดเสื่อก็จะกระพือดังพรืบเหมือนคนจับยกสะบัด แต่พอผมหยุดไม่หักไม้กวาดเสื่อก็อยู่เฉยสนิทพอผมหักก็กระพือ ช่วงสุดท้านที่ใจเสียสุดๆแล้วผมส่งไม้กวาดที่เหลือให้เพื่อนผม เพือนผมหักเปอะๆๆรัวเลยเสื่อก็กระพือรัวเหมือนคนจับกระพือหลายๆทีเช่นเดียวกัน เท่านั้นเองผมกับเพื่อนวิ่งจู้ดกลับโรงเรียนแบบไม่ต้องนัดหมายเลยครับ กลับไปเล่าให้เพื่อนๆในห้องฟังแบบปากคอสั่นเลยครับ เป็นเรื่องประหลาดในวัยเด็กของผมที่ผมเองทุกวันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้ครับ เดี๋ยวมาเล่าต่อตอนเป็นวัยรุ่นครับน่ากลัวกว่านี้มากพักก่อนครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ กันยายน 04, 2005, 08:25:17 PM ผมเอง....ไม่มีเรื่องพิศวงในลักษณะนี้....
บอกเล่าให้สมาชิกได้ทราบหรอกครับ... แต่ท่านบ้านชายหาด...ได้ บอกไว้หลังไมค์...ว่า.... น่าจะมีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ มาแลกเปลี่ยนทัศนะกันบ้าง... ก็คงจะแลกเปลี่ยน...ได้...ในวิธีปฏิบัติเท่านั้น...แหละครับ... เพราะ...ผมไม่มีประสบการณ์ในแบบพิศวง...ดั่งชื่อของกรอบ... ผมขอเริ่มต้นจาก...งานอดิเรกของผมก่อน.... เริ่มจากเมื่อปี 2533 จนถึงปัจจุบัน.... ว่ากันตั้งแต่...เด็กท้ายรถ น. (รถเก็บศพ) มากันจนถึงปัจจุบัน... กว่า 100 ศพ...ที่ผ่านมา...และผ่านไป....จากเหตุต่าง ๆ จากเหตุการณ์น่าสลด....เพียง 2 เหตุ...เท่านั้น คือ โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์ที่พุทธมณฑล....และ โรงแรมถล่มที่โคราช... ส่วน นาวาประทีป 111 ที่เกาะสีชัง... ผมทำหน้าที่ net control ถ่ายทอดสัญญาณจากที่เกิดเหตุ ไปยัง HS2AC (ศูนย์ควบคุมข่าย VR ชลบุรี) เท่านั้น ครับ... เนื่องเพราะมีข้อจำกัดใน ภูมิประเทศ....location ย้อนกลับไปที่...วิธีปฎิบัติ...ในภาระกิจเก็บกู้ศพผู้เสียชีวิต...ของผม... ผมถูกสอนมาสำหรับวิธีเก็บกู้หลาย ๆ ด้าน ครับ... ไม่ว่าจะเป็นด้านที่มองเห็น...และในด้านที่เรามองไม่เห็น... บางทีไม่อยากเห็น แต่ก็ถูกจำกัดมาเพื่อ...ให้เห็น โดยเฉพาะ.... จวบจนผมเริ่ม...แก่วัด ในงานอดิเรกของผม.... ผมเริ่มที่จะบอกกับน้อง ๆ ทุกท่านในทีมของเราว่า... การเก็บกู้...เป็น...วิทยาศาสตร์....เป็นการกระทำในด้านที่ผู้อื่นไม่ปรารถนาที่จะกระทำ... ขอให้ทุกท่าน...ปฏิบัติหรือกระทำสิ่งใด ๆ ก็ตามแต่... เสมือนประหนึ่งว่า...เขาเหล่านั้น...มีชีวิต... ขอให้ทุกท่านถอดใจว่า... ถ้าสักวันหนึ่ง... เรา...มีสภาพอยู่ในลักษณะเช่นนั้น....สภาพน่าอุจาด...น่าเวทนา.... เรา...ต้องการให้มีการปฏิบัติเช่นไร ต่อเราบ้าง.... ในเมื่อเรา...ไม่สามารถขยับเขยื้อน...ร่างกาย....ของเราได้... การควบคุม...และสภาพความนึกคิด ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง.... ส่วนในวิธีปฏิบัติ...ที่เกี่ยวกับ...ในสิ่ง..ที่เราถูกปลูกฝัง...กันมา...นั้น ไม่ว่า...จะเป็น การบริกรรม...เครื่องรางของขลัง.... หรือการขนย้ายทั้งบนยานพาหนะและในภาชนะที่บรรจุ....นั้น ผมบอกแค่...วิธีเดียวครับ... นั้นคือการแผ่เมตตา...และขออโหสิกรรม....ต่อสรรพสิ่ง... นอกไปจาก...ความตั้งใจ...ตั้งมั่นและบริสุทธ์ใจ ที่ได้กล่าวมาแล้ว จวบจนปัจจุบัน...ผมคงบอกไม่ได้ว่า... สิ่งที่ผมกระทำ...เป็นสิ่งที่ถูกต้อง... แต่ผมบอกกับตัวเองและน้องในทีม...ได้ว่า.... สิ่งที่ผมกระทำ...(วิธีปฏิบัติ) เป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง....ครับ ......จากประสบการณ์น้อย ๆ ของ...เด็กเก็บศพ...ผู้หนึ่ง...ครับ จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น... Melancholia because LOVE............. หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: JarengkaBOW ที่ กันยายน 04, 2005, 09:52:01 PM นี่ขนาดประสบการณ์น้อยๆ ของท่านนะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: บ้านชายหาด ที่ กันยายน 04, 2005, 10:33:43 PM เรี่องที่พี่ป้อมทองถามและมีคนโพสมาเล่านั้น...เป็นเรื่องแปลกครับ
ตอนรับน้องปี31นั้นผมไปที่เขาแหลมหญ้า..จังหวัดระยอง...เดินขึ้นไปบนเนินกรวด ผมมีความรู้สึกว่า...ข้างบนจะเป็นลาน..มีพื้นเป็นหินคลุก......เป็นมโนภาพที่เกิดขึ้นมาโดยฉับพลัน เดินขึ้นไป...ผมเห็นภาพที่นึกไว้ทุกอย่าง...เหมือนกับเคยมาแล้ว.....หาคำตอบอยู่นาน...นึกได้ว่า เราเคยฝันถึงมาแล้ว...เป็นสถานที่เดียวกัน...เป็นที่ๆเราไม่เคยมาๆก่อน...แต่ทำไมเราถึงมองเห็นอนาคตได้.. อย่างนั้นแสดงว่า...อนาคตเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว...ใช่หรือไม่....เป็นสิ่งที่น่าพิศวง... เรื่องต่างๆที่สมาชิกเล่ามา..หรือผมเคยได้ยินมาจากที่อื่น..บางครั้งมันก็ซ้ำกันจนน่าตกใจ... เรื่องผีอำ...คิดว่าหลายๆท่านคงเจอมาบ้าง..ที่จริงเป็นเรื่องที่หาคำตอบไม่ได้..เลยตั้งชื่อว่าผีอำ เอาความผิดไปโยนให้ผีซะ..จะได้ไม่ต้องถามกันต่อ...เรื่องของผมก็คล้ายๆกับที่คนอื่นเล่าให้ฟัง เรื่องของเรื่องก็คือ..ทำไมมันจะต้องเหมือนกันด้วย...ทำให้หาคำตอบลำบาก.......... บ่ายวันหนึ่ง..เมื่อหกปีที่แล้ว...ผมนอนหลับ...แต่ไม่สนิทนัก...หลับตาอยู่...มีความรู้สึกว่า มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ปลายเตียง....สิ่งนั้นเคลื่อนมาที่เตียงด้านข้าง....และนั่ง.. รู้สึกได้เลยว่าเตียงยุบ.....ขยับก็ขยับไม่ได้...คิดเหมือนที่ถูกสอนกันมาว่าผีอำ......แต่คิดไปอีกที มันจะมาอำอะไรกัน..นี่บ้านเราอยู่มาตั้งยี่สิบปี...ไอ้ที่มาอำเราต้องไม่ใช่ผีที่บ้านนี้แน่.....ไม่กลัว ฝืนอยู่ไม่เกินสองสามวินาทีก็ลืมตาได้....มีความรู้สึกไม่กลัว...แต่ฟิลลิ่งของเตียงยุบทำให้หวั่นๆอยู่บ้าง. สงสัยครับ.....ทำใมคนเราหลายๆคนเจอเหตุการณ์เหมือนๆกัน..ทั้งๆที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้.. เป็นเรื่องน่าพิศวงที่ต้องเก็บไปคิด...... หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: บ้านชายหาด ที่ กันยายน 04, 2005, 11:01:50 PM ผมเองเคยเจอศาลเพียงตาที่ภูกระดึง จุดที่จะต้องเดินกลับเวลาดูตะวันตกดินที่ผาแห่งหนึ่งหลังจากออกเดินได้ไม่ถึง50เมตร ก็เจอต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เงยหน้าดู มีศาลเพียงตาอยู่และมีเทียนคู่ปักอยู้ด้านหน้าศาล เทียนจุดไว้แล้วด้วย พอเดินไกล้ถึงกลับเป็นว่า ทางเดินเลี้ยวอ้อมโค้งผ่านหน้าต้นไม้ กะว่าจะหันไปไหว้ศาล ไม่มีแล้วครับ ขนลุกซู่ๆเลย ตอนนั้นไม่กล้าถามใคร กลับมาที่พักถึงได้ถาม เห็นเหมือนผม2-3คนครับ ผาแห่งนี้ เวลาดูตะวันตกดินจะ มีที่ให้ดูด้านบน พวกผมทะลึ่ง หาทางลงไปด้านล่าง..... หาจนเจอ ลงไปข้างล่างได้ เท่ห์มาก เพราะคนข้างบนทึ่ง "ลงไปทางไหนน่ะ" แต่เวลาถ่ายรูป กดชัตเตอร์ไม่ลง ต้องยกมือไหว้ขออนุญาต ถึงจะถ่ายติด แต่รูปในกล้องตัวนั้น ไม่ได้มา เพราะขากลับ ซึ่งต้อง โดดขึ้นหินก้อนหนึ่ง กล้องที่อยู่ในกระเป๋าแจ๊กเก็ต หล่นลงบนก้อนหินเเล้วกลิ้งลงทางลาดของหิน หายลับลงเหวไป ต่อหน้าต่อตา เวลากลับ เจอศาลเพียงตาที่เล่าด้านบนอีก คน2-3คนที่เห็นก็พวกทะลึ่ง ลงไปข้างล่างนั่นแหละ ผานกเค้าหรือผาหมากดูก... ผมไปเมื่อปี2528..ราคาทัวร์สามร้อยแปดสิบบาท...พักบนภูสองคืน กินอาหารที่ร้านเจ๊กิม...สโลแกนว่า..หมดเติมใหม่ได้..... ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ กันยายน 05, 2005, 01:37:38 AM ท่านบ้านชายหาดอย่าถามมากคับ...
ตาซับแกจำไม่ได้หรอกคับ... ขานั้นเมาม้าตลอดเส้นทาง...อิ..อิ.. :D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 05, 2005, 09:04:41 AM เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยเด็กๆ ตอนนั้นประมาณ สองทุ่มเห็นจะได้ ผมเห็นคุณตายุติ ซึ่งแกเป็นคนแถวๆบ้าน แกได้ขาดราชการตามสาว
ไป หายจากบ้านไปเป็น สิบปี นอนขวางอยู่ประตูหน้าบ้าน ผมตกใจมากไปตามคนมาดูว่าตาเป็นอะไร ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ แต่เมื่อ คนมาดูกันก็ไม่พบร่างตายุติ เขาก็หาว่าผมตาฝาดไปหรือเปล่า บางคนก็พูดเล่นสงสัยผีตายุติ มาหลอกแน่ แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งเขา เชื่อ แล้วเขาก็ถามว่าตายุตินอนหันหัวไปทางใหน ผมก็ชี้ไปทางทิศตะวันออก เขาก็บอกว่ายังโชคดี ถ้าหันไปทางทิศตะวันตก แสดงว่าตายุติมาลาพวกเรา แต่นี้หันไปทางทิศตะวันออก แสดงว่าคงป่วยหนัก จิตเขาคงมาบอกเรา หลังจากนั้น วันรุ่งขึ้นเช้ามี โทรเลขจาก สุราษฎร์ธานี บอกว่าตายุติไม่สบายหมอบอกว่าคงไม่เกินวันสองวันนี้ ให้คนทางบ้านไปเยี่ยมก่อนแก่สิ้นใจ ??? :OO หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2008, 11:01:00 PM แวะมาอ่านค่ะ
กระทู้นานแล้ว แต่อ่านสนุกค่ะ ;) หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 02:47:23 AM แล้วใครไปดึงขึ้นมาครับ คุณ Ramsjai หรือ ดีเหมือนกัน ทำให้ผมได้อ่านอีกครั้งหนึ่ง ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: big single ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 07:09:16 AM ต้องขอขอบคุณ คุณแรมส์ฯ นะครับที่ขุดกระทู้นี้มาให้อ่าน
ตอนผมเสียลูกคนแรกไป คุณแม่ผม(อยู่ต่างจังหวัด)ฝันเห็นเด็กตัวเล็กน่ารัก มาวิ่งเกาะแข้งเกาะขา เรียกคุณย่าค่ะ คุณย่า คิดถึงคุณย่าจังเลย ส่วนหลานผม(ชื่อม่อน) อายุสามขวบกว่าๆรายนี้ไม่ฝันครับแต่เจอมากับตัวเองเลย มาเล่าให้ฟังว่า "คุณอากั๊บ คุณอา วันก่อนน้องมาเล่นกับม่อนด้วยกั๊บคุณอา เนี่ยม่อนยังให้น้องกินขนมของม่อนเลย" หลานยังไม่รู้ครับว่าน้องไม่อยู่แล้ว เล่าไปหัวเราะไป ผมนั่งฝืนยิ้มกลืนน้ำตาตัวเอง ส่วนภรรยาผมวิ่งไปร้องไห้ในครัว หลายครั้งที่ภรรยาผมได้ยินเสียงเด็กหัวเราะในบ้าน ส่วนผมไม่เคยได้ยิน ไม่เคยเห็นอะไรเลย แม้แต่ฝันก็ยังไม่เคย สงสัยลูกยังโกรธผมอยู่ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 09:27:47 AM ผมมีเพื่อนสนิทมากคนหนึ่ง ผมไม่ทราบว่าเขามีโรคอะไร แต่สายวันหนึ่งเขาร้อนมาก ปวดไหล่ เหงื่อออกท่วม เอ! ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลยนี่ ... บ่นกับภรรยา หลานเขาก็เป็นเด็กขี้ร้อน ก็อยู่ด้วยกันในห้องนี้ บ้านเขาอยู่ใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โทรศัพท์ไปโรงพยาบาลพระมงกุฏฯ ทางนั้นบอกให้อมยาไนโตรใต้ลิ้นแล้วรีบมา ผมไม่ทราบว่าเขามียาหรือเปล่า (เขาไม่เคยพูดว่าเขามีโรคหัวใจ) แต่ปากตรอกมีร้านขายยา เขาคงไม่ได้อมยานี้ อย่างไรก็ตามหมอท่านหนึ่งบอกผมว่า มันเป็นอาการของ Massive Heart Attack ยาอมใต้ลิ้นไม่ช่วยอะไร ... ถึงโรงพยาบาล นั่งรถเข็น พอถึงหมอก็หมดสติ เสียชีวิตไป
วันเดียวกันนั้น ภรรยาที่อยู่ข้างล่าง ได้ยินหลานสาวคนนี้ หัวเราะ เหมือนกำลังเล่นกับเขา "คุณตาคะ คุณตาหายแล้วหรือคะ" เขามาเข้าฝันภรรยาบอกว่า ขณะนั้น เขาอยู่กับเพื่อน 200 คน ... คงอยู่ใน afterlife ... กำลังเรียน เป็นเพื่อนที่ดีมาก ถ้าผมจะเดินทางไกลๆ ก็อยากได้เขาไปด้วย แต่ไม่เคย หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: แมวบ้า(น) ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 10:17:08 AM ขอบคุณป้าแร่มครับที่ยกขึ้นมา ::002::
ขอมานั่งแถวหน้ารอลุงเกื้อเล่าต่อครับ :D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: pee308+รักในหลวง+ ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 10:32:09 AM ผมชอบอ่าน เรื่องที่ลี้ลับ มากๆ
แต่ก็ไม่เคยเจอกับตัวเอง..แต่ก็มีความเชื่ออยู่บ้างเล็กน้อย ;D ขอบคุณที่ยกมาให้อ่าน ::002:: หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 11:17:16 AM ความพิศวงของผม...ในเรื่องเจ้ากรรมนายเวร..... ตอนผมเป็นเด็กราวป.5 เพื่อนพ่อฐานะยากจก เอาลูกสาวมายกให้เป็นลูกพ่อผม มาอยู่ที่บ้านเรียนหนังสือด้วยกัน ผมรู้สึกไม่ถูกชะตานัก ลูกของเพื่อนพ่อ ก็อาการเดียวๆกัน ....เกาเหลา..ไม่ลงกัน เรียนผ่านไปเทอมเดียว เพื่อนพ่อมาขอรับลูกสาวกลับ บอกมีพระทายทักว่าผมเป็นคู่เวร วันหนึ่งจะเอาชีวิตกัน เวลาผ่านไปกว่าสิบปี พอผมจบใหม่ ทำงานแบบลุยๆ ไปเจอเหตุการณ์หนึ่ง ที่มีปืนลูกซองสั้นเกจ20 ตกในที่เกิดเหตุ เก็บๆไว้ กำลังคิดว่าจะทำลายทิ้งไป ก็มีเพื่อนมาขอไปให้เพื่อนของเขา ที่เพิ่งสอบบรรจุไปเป็นครูโรงเรียนชนบทพื้นที่ห่างไกล อ้างว่า ติดๆไปไว้บ้านพักครู เผื่อไว้หากมีเหตุจำเป็นต้องป้องกันตัว เวลาผ่านไปกว่าปี ผมอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ว่ามีครูสาวคนหนึ่ง ถูกครูชายยิงเสียชีวิต ดูรายละเอียดครูสาวที่ตาย คือคู่เวรตามคำทาย ..... ผมตามเช็คข้อเท็จจริง ผู้ยิงคือเพื่อนของเพื่อนคนนั้น และใช้ปืนกระบอกที่ได้ไปจากผม :OO มันเป็นความบังเอิญ....ที่มีความประจวบกันมากเกินไปหน่อย.....ชีวิตที่อยู่คนละเส้นทาง..คนละภูมิภาคแท้ๆ ......กลายเป็นผมส่งอาวุธไปฆ่าเขาได้.............. :o ......ผมได้แต่คิดขออโหสิกรรม ทำบุญอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ของทุกชาติภพ...... 8) หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 11:36:37 AM เป็นเรื่องแปลกมากครับพี่ธำรง ...... เหลือเชื่อจริงๆแม้ไม่ได้กระทำด้วยตัวเองแต่ก็เกี่ยวพันโดยไม่ตั้งใจ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 11:40:43 AM ต้องขอขอบคุณ คุณแรมส์ฯ นะครับที่ขุดกระทู้นี้มาให้อ่าน ตอนผมเสียลูกคนแรกไป คุณแม่ผม(อยู่ต่างจังหวัด)ฝันเห็นเด็กตัวเล็กน่ารัก มาวิ่งเกาะแข้งเกาะขา เรียกคุณย่าค่ะ คุณย่า คิดถึงคุณย่าจังเลย ส่วนหลานผม(ชื่อม่อน) อายุสามขวบกว่าๆรายนี้ไม่ฝันครับแต่เจอมากับตัวเองเลย มาเล่าให้ฟังว่า "คุณอากั๊บ คุณอา วันก่อนน้องมาเล่นกับม่อนด้วยกั๊บคุณอา เนี่ยม่อนยังให้น้องกินขนมของม่อนเลย" หลานยังไม่รู้ครับว่าน้องไม่อยู่แล้ว เล่าไปหัวเราะไป ผมนั่งฝืนยิ้มกลืนน้ำตาตัวเอง ส่วนภรรยาผมวิ่งไปร้องไห้ในครัว หลายครั้งที่ภรรยาผมได้ยินเสียงเด็กหัวเราะในบ้าน ส่วนผมไม่เคยได้ยิน ไม่เคยเห็นอะไรเลย แม้แต่ฝันก็ยังไม่เคย สงสัยลูกยังโกรธผมอยู่ อ่านข้อความน้าบิ๊กแล้วผมนั่งน้ำตาไหลครับ ..... ขอแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เป็นอย่างสูง หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 11:56:27 AM เป็นเรื่องแปลกมากครับพี่ธำรง ...... เหลือเชื่อจริงๆแม้ไม่ได้กระทำด้วยตัวเองแต่ก็เกี่ยวพันโดยไม่ตั้งใจ ที่มาของปืนลูกซองสั้นกระบอกนั้นก็เป็นเรื่องเศร้า ลูกน้องผมถูกแทงตายไปหนึ่งคน :'( หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 12:04:48 PM ผมเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องผี คือไม่กลัว แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ามี หรือไม่มี
แต่เคยเจอเรื่องแปลก ๆ กับตัวเองหลายครั้ง เช่นเวลาขับรถไปต่างจังหวัดในตอนดึก หลายครั้งที่มองเห็นคนเดินข้างถนน ในลักษณะที่ผิดปกติ ก็จะตื่นตัวขึ้นมา และข้างหน้าก็จะมีเหตุที่ถ้าไม่ระวังเป็นพิเศษ ก็จะเกิดอุบัติเหตุได้ อีกเรื่องหนึ่ง มีเพื่อนของภรรยา บอกว่าฝากผีเด็กให้คอยมาดูแลภรรยาผม หลายครั้งที่ผมไปทานข้าวกับภรรยาสองคน และพนักงานในร้าน เอาแก้วน้ำกับจานมาวางให้ 3 ชุด ครั้งแรก ๆ ผมถามพนักงาน ก็ตอบว่าเห็นมีเด็กเดินตามมาด้วยอีกคนหนึ่ง ตอนหลังก็เลยเลิกถาม และถ้าเอามาให้เกินอีก ก็จะตักอาหารใส่จานไว้ให้ด้วย หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: VENDY ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 12:17:01 PM ผมเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องผี คือไม่กลัว แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ามี หรือไม่มี แต่เคยเจอเรื่องแปลก ๆ กับตัวเองหลายครั้ง เช่นเวลาขับรถไปต่างจังหวัดในตอนดึก หลายครั้งที่มองเห็นคนเดินข้างถนน ในลักษณะที่ผิดปกติ ก็จะตื่นตัวขึ้นมา และข้างหน้าก็จะมีเหตุที่ถ้าไม่ระวังเป็นพิเศษ ก็จะเกิดอุบัติเหตุได้ อีกเรื่องหนึ่ง มีเพื่อนของภรรยา บอกว่าฝากผีเด็กให้คอยมาดูแลภรรยาผม หลายครั้งที่ผมไปทานข้าวกับภรรยาสองคน และพนักงานในร้าน เอาแก้วน้ำกับจานมาวางให้ 3 ชุด ครั้งแรก ๆ ผมถามพนักงาน ก็ตอบว่าเห็นมีเด็กเดินตามมาด้วยอีกคนหนึ่ง ตอนหลังก็เลยเลิกถาม และถ้าเอามาให้เกินอีก ก็จะตักอาหารใส่จานไว้ให้ด้วย นึกถึงเรื่องไปต่างจังหวัดเมื่อตอนอายุซัก 18 ปี เอ๋ไปเชียงรายกับพ่อแล้วพี่สาวที่เป็นญาติกันระหว่างนั่งอยู่ในรถช่วงทางจากจังหวัด อะไรไม่ทราบจะไปเชียงรายต้องขึ้นเขาลงเขาเกื่อบตลอด เวลาประมาณตี 1 เห็นจะได้ เอ๋นั่งหลับมานานพอสมควรตื่นมาเป็นทาง มืดมากขึ้นเขาอยู่เห็นพี่สาวที่นั่งข้างๆตื่นอยู่ด้วย มีแต่ไฟหน้ารถเท่านั้นที่ส่องเห็นทางพ่อเป็นคนขับเอ๋มองถนนไปด้วยสักพักเห็นผู้หญิง นั่งย่องๆอยู่ข้างทางใส่เสื้อผ้าจำรายละเอียดไม่ได้แต่รู้ว่าโทนขาว ไม่ได้คิดอะไรตอนนั้นก็ร้อง เอ๊ะ แต่พี่สาวเอาข้อศอกมาสะกิดแล้ว ขมวดคิ้ว พ่อไม่พูดอะไรเงียบพอถึงเชียงรายพี่สาวถามว่าเห็นเหรอ เอ๋บอกว่าเห็นแต่พ่อบอกว่าไร้สาระ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 04:46:45 PM ถ้าจะถามตัวเองว่าเคยเห็นหรือไม่ ตอบว่าไม่เคยค่ะ แต่ได้ยินเรื่องเล่ามาจากคนรอบข้างหลายๆคน
ส่วนตัวเองไม่ได้เชื่อ แต่ไม่ได้ลบหลู่นะคะ แต่ที่เคยสัมผัส เรียกว่าสัมผัสละกันเพราะว่าไม่ได้มองเห็น มาเป็นเพียงกลิ่น เมื่อห้าปีก่อนที่พ่อของหน่อยเองประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต หลังจากวันที่เสียหนึ่งวัน หน่อยกับน้องสาวเข้าไปเก็บของใช้ส่วนตัวพ่อในห้อง ก็มีกลิ่นที่ถ้าเป็นลูกๆจะจำได้ว่านี่ใคร ก็มองหน้ากันกับน้องแล้วก็ถามกันว่า"ได้กลิ่นไหม" น้องสาวทำหน้าเลิ่กลั่กแล้วจูงมือเดินออกไป เค้าก็ไปนั่งร้องไห้เพราะว่าเค้าได้กลิ่นเหมือนกัน เราก็พูดไม่ออก... แต่ ณ วินาทีนั้น เสียใจค่ะ..."คิดถึงพ่อเสมอนะคะ" หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: VENDY ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 05:03:03 PM ถ้าจะถามตัวเองว่าเคยเห็นหรือไม่ ตอบว่าไม่เคยค่ะ แต่ได้ยินเรื่องเล่ามาจากคนรอบข้างหลายๆคน ส่วนตัวเองไม่ได้เชื่อ แต่ไม่ได้ลบหลู่นะคะ แต่ที่เคยสัมผัส เรียกว่าสัมผัสละกันเพราะว่าไม่ได้มองเห็น มาเป็นเพียงกลิ่น เมื่อห้าปีก่อนที่พ่อของหน่อยเองประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต หลังจากวันที่เสียหนึ่งวัน หน่อยกับน้องสาวเข้าไปเก็บของใช้ส่วนตัวพ่อในห้อง ก็มีกลิ่นที่ถ้าเป็นลูกๆจะจำได้ว่านี่ใคร ก็มองหน้ากันกับน้องแล้วก็ถามกันว่า"ได้กลิ่นไหม" น้องสาวทำหน้าเลิ่กลั่กแล้วจูงมือเดินออกไป เค้าก็ไปนั่งร้องไห้เพราะว่าเค้าได้กลิ่นเหมือนกัน เราก็พูดไม่ออก... แต่ ณ วินาทีนั้น เสียใจค่ะ..."คิดถึงพ่อเสมอนะคะ" เสียใจด้วยค่ะพี่หน่อย ฟังแล้วไม่อยากให้คนรอบข้างเราจากไป หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 05:35:05 PM อันนี้ไม่ใช่เรื่องผีนะครับ.....เป็นเรื่องของเวรที่ทำกรรมที่สร้างมากกว่า :D
เกือบกลางปี49ผมต้องขับรถจากอ.เวียงสระ จ.สุราษฏร์ไปส่งของให้โรงอิฐที่ตั้งขึ้นมาทำอิฐสร้างบ้านแจกผู้ประสพภัยบ้านน้ำเค็มจ.พังงา ก่อนออกจากบ้านตอนบ่ายโมงฝนตกปรอยๆ ก่อนถึงอ.บ้านนาสารนิดหน่อยฝนตกเกินคำว่าปรอยๆ ผมขับแซงพระ2รูปซ้อนมอเตอร์ไซค์2คันเปียกมะล่อกมะแล่กเลยจอดรถเข้าข้างทางแล้วลงมาตากฝนยืนโบกถามท่านว่าจะให้ไปส่งไหม?... พระท่านบอกขอบใจ แต่บอกว่าอีกนิดหน่อยก็ถึงแล้วจะไปที่ปั๊ม200ม.ข้างหน้านี่เอง .... ผมก็ขึ้นรถเดินทางต่อ ผมนิสัยเสีย ชอบขับรถเร็ว ขับเลยเขื่อนเชี่ยวหลานมานิดหน่อย ถึงเขาสกขาขึ้น ถึงช่วงหนึ่งเป็นโค้งเลี้ยวซ้ายหักศอก ด้านซ้ายเป็นเหว พ้นช่วงเหวนิดเดียวก็จะเป็นดงต้นไม้ต้นค่อนข้างใหญ่แล้วติดกันจะเป็นช่องผาเล็กๆ ทางคดเคี้ยว โค้งก็ไม่รับ ฝนตกกระหน่ำจนมืดยังกะทุ่มครึ่งมองทางแทบไม่เห็น..... อยู่ๆก็มีเศษหินหล่นใส่กระโปรงหน้าด้านซ้ายดังแป๊กกก เหลือบปุ๊บ อิ๊บอ๋ายย อีกก้อนเท่ากำปั้นกำลังบินตามมา ..... เลยหักข้ามเส้นถนนหลบหินออกไปทางขวา พอหลบออกขวาพ้นเส้นถนนเท่านั้นแหละ ผมใจหายวาบ แทบช็อคตายเอาเดี๋ยวนั้น.....เพราะพอหลบข้ามเส้นถนน มันก็พ้นมุมโค้งพอดี มีรถพ่วง18ล้อคันนึง จอดตายปิดทางอยู่เลนส์ที่ผมเพิ่งหลบหินออกมา ฝนตกหนักมากผมมองทางไม่เห็น,ต้นไม้ตรงโค้งก็บังมุมมองเอาไว้หมด ถ้าไม่ได้หลบหินก้อนนั้นผมจะเห็นท้ายรถพ่วงในระยะไม่เกิน10เมตร....ยังไงก็ชนแน่นอน ชนตรงนั้นผมตายแน่นอน ลงจากเขามาได้ผมเหน็บรถเข้าไหล่ทาง ถ้าไม่ได้หิน2ก้อนนั้นผมตายแน่นอน ก้อนแรกเรียกให้เหลือบ ก้อน2ทำให้ผมต้องหลบ แต่ .... ฝั่งซ้ายตรงนั้นมันเป็นเหว แล้วหิน2ก้อนนั้นมันหล่นมาจากไหน? แล้วไหงรถไม่มีรอย? *********************************** เรื่องทำนองนี้ผมมีอีก2ครั้งแน่ะ ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 06:13:26 PM เรื่องที่2ก็ทะเลาะกับรถพ่วง....อีกแล้ว
เลยกลางปี50มานิดหน่อยผมเข้าเมือง โดยอ้างว่าจะเอาของไปฝากบ.ขนส่งไปส่งให้โครงการเดิมที่บ้านน้ำเค็ม ของจำพวกข้อต่อแค่10กว่าลัง ขับไปส่งเองมูลค่ามันไม่คุ้มค่าน้ำมัน แต่ไม่ส่งก็ไม่ได้เพราะเป็นของสั่งทำพิเศษ ส่งเสร็จก็ไปร่อนสนามยิงปืน กินข้าว ซื้อไอติมให้ลูก ..... โอ้เอ้จนออกรถกลับบ้านร่วม4ทุ่ม เข้าสายเซาเทิร์น ซีบอร์ดเป็นถนนที่มืดมาก ไม่มีไฟข้างทาง ไม่มีเลนส์ให้รถสวน ฝนตกตูมๆ....อีกแล้ว รถโตโยต้า4ประตู4WD ผมนิสัยเสียขับรถเร็ว.....อีกแล้ว ขับมายังไม่ถึง10กม. เห็นอะไรแว๊บข้างทาง แล้วก็มาชนโครมเข้าที่ประตูหน้าฝั่งซ้าย โครมสนั่นจนรถกระบะ4WDสะเทือน ผมเลยเบรคเอี๊ยดดดด กะลงไปดูความเสียหาย เบรคปุ๊บ ขนหัวลุก มีรถพ่วงบัดซบ(อีกแล้ว)คันนึงดับเครื่องคาอยู่กลางเลนส์ซ้ายที่ผมวิ่ง ทับทิมท้ายรถโดนโคลนพอกจนไม่ได้ช่วยอะไรเลยเบรคจนเกือบหยุดสนิมแล้วถึงจะเพิ่งมองเห็นรถ ถ้าไม่ได้เบรคเอี๊ยดกะจะจอดตั้งแต่ตรงโน้น ผมตาย...... ***************************** คนบ้าอะไรไม่รุ ทะเลาะกับของข้างทางกับรถ18ล้อได้เป็นประจำ ล้อเล็กๆไม่ยักเคยมีเฉียด ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: at75 ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 07:40:50 PM ซักเกือบ30กว่าปีมาแล้ว ผมเองยังเป้นเด็ก วันนั้น เป้นวันที่ดีใจจนนอนไม่หลับ เพราะเป้นวันที่พ่อ จะกลับมาเยี่ยมหลังจากที่หายไปหลายเดือน พ่อมักไม่มีเวลากับครอบครัวนักเพราะต้องเดินทางไปรับราชการในพื้นที่ต่างๆ นานๆจะกลับมาที คืนนั้นผมรอจนดึกมาก ได้ยินเสียงรถมาจอด ก้ดีใจว่าพ่อมาแล้วเพราะจำเสียงเจ้าดัทสันคันเก่งของพ่อได้ แม่ก้ออกไปรับ หลังจากพ่ออาบนำเสร้จ ก็เข้านอนกัน ผมเองก็นอนไม่หลับ เพราะได้ยิงเสียงพ่อพลิกตัวไปมา ตลอด แม่ผมถาม ว่าเป้นอ่ะไร พอก็เล่าให้ฟัง ว่า ตอนที่ขับรถออกจากกรุงเทพ ใช้เส้นทางกบินบุรี เพื่อเดินทางกลับบ้าน ในขณะนั้นเส้นทางบริเวณนั้นเปลี่ยวมาก ท่านเล่าบอกว่า พอบริเวณเชิงเขา สองข้าง ทางก็มีไฟป่า กำลังใหม้อยุ่ จึงขับรถ ชลอลง ในขณะ ที่ความเร้วลดลงนั้น ด้านซ้ายมือ มีแสงวาบ ขาวขึ้น ท่านเองนึกว่า จะโดนปล้นซะแล้ว แต่ต้อง ตกใจสุดขีด มือ มีตัวประหลาด บอกไม่ถูกว่าเป้นอ่ะไร ลักษณะคล้าย ตะกวด แต่ตัวโตพอๆกับจระเข้ กระโดดพุ่งจากป่าข้างทางมาบนถนน แต่แปลก ก็คือ มันไม่เดินหรือวิ่ง แต่ใช้วิธีกระโดดเอา พอเจออย่างนั้น พ่อผมก้เบรค ตัวโก่งเจ้าสัตว์ ตัวนั้นก็กระโดด อีก2ครั้งข้าถนนไปอีกฟากและหายไปในป่า พ่อ อธิบายไว้ว่า เจ้าตัวนั้น ขายาวกว่าสัตว์เลื้อยคลานทั่วๆไป และกระโดด และกระโดดได้ไกลมาก เหมือนเท้าติดสปริง พ่อผมเองพูดซ้ำๆว่า ทำงานในป่า มาหลายปี เจอสัตว์ มาก็มาก ไม่เคยเจอไอ้ตัวแบบนี้เลย ทุกวันนี้ ท่านยังสงสัยอยุ่เลยว่าเจ้าตัวนั้นมันคืออ่ะไร
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: แมวบ้า(น) ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 09:44:25 PM สมัยเด็กๆผมเป็นคนที่กลัวผีมากกกกก ประเภทเข้าเส้นก็เจอเรื่องแปลกๆเยอะพอสมควรครับ แต่โตมาเดี๊ยวนี้ไม่กลัวผีดันไม่เจออะไรแปลกๆอีกเลยทั้งที่อยากเจออยากพิสูจน์แต่ก็ไม่ต้องการลบหลู่
บ้านเก่าอยู่แถวกิ่งเพชรเป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์ตึกแถวหกห้องเพราะฉะนั้นสามชั้นล่างจะมีทั้งโต๊ะเครื่องแป้งตู้เตียงจัดโชว์อยู่เต็มไปหมด บรรยากาศก็เป็นใจเหลือเกินเพราะเป็นเฟอร์นิเจอร์styleโบราณ แกะสลัก ทรงหลุยส์ต่างๆ ชั้นสี่ก็เป็นห้องน้อนทั้งหมด ชั้นห้าเป็นห้องนอนแม่บ้านและที่เก็บของซึ่งมักจะเป็นของเก่าๆที่ยึดมาจากผู้เช่าห้องหนีค่าเช่าไป ชั้นหกเป็นห้องพระและดาดฟ้า ตอน อุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ ตอนั้นอายุประมาณ 5 ขวบ (เรียนอนุบาลหนึ่ง) คืนวันศุกร์เราฝันว่านั่งรถทัวร์ไปเที่ยวกับพ่อแม่ ระหว่างทางรถกำลังข้ามสะพานแห่งหนึ่งอยู่ จู่ๆท้ายรถก็ลอยขึ้นสูงเหมือนจะกลิ้งไปข้างหน้า ท้ายรถลอยขึ้นสูงจนตัวเราห้อยหน้าลงพื้นและกำลังจะหงายหลัง ในฝันก็ลุ้นกลัวจะหงายหลังมากๆจนตกใจตื่นก็ยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง จนเช้าวันจันทร์ต้องตื่นไปโรงเรียน ก็เห็นแม่กำลังแต่งตัวอยู่ก็มองสังเกตุไปที่ต้นขา เห็นเป็นรอยเขียวช้ำรอยใหญ่ ก็ถามแม่ว่าโดนอะไรมา แม่บอกว่าเมื่อเช้าวันอาทิตย์นั่งรถทัวร์ไปทำบุญต่างจังหวัดกับพ่อ รถประสพอุบัติเหตุยางแตกพลิกคว่ำ โชคดีที่ว่ากลิ้งไปแค่ตะลบเดียวเพราะจังหวะที่กลิ้งไปนั้นหัวพ่อเข้าไปติดอยู่ที่ซอกเก้าอี้ และรถก็กำลังจะพลิกต่อ ถ้ารถพลิกต่อพ่อคอหักแน่ๆ.... ก็เลยเล่าให้แม่ฟังว่าคืนวันศุกร์เราฝันอะไร.... แม่บอกว่าทีหลังฝันทำนองนี้ให้รีบบอกเลยน๊ะ ตอน เครื่องพิมพ์ดีด มีอยู่ช่วงนึงยึดเครื่องพิมพ์ดีดเก่าๆมาหกเครื่องจากผู้เช่าที่หนีค่าเช่าไป ทุกเครื่องก็ถูกเก็บไว้บนชั้น5 กลางวันแสกๆคนที่บ้านก็มักจะได้ยินเสียงคนพิมพ์ดีด แรกๆก็ไม่คิดอะไรเพราะคิดว่าแม่บ้านอาจจะฝึกพิมพ์เล่น จนคนในบ้านเริ่มสงสัยก็ถามแม่บ้านดูว่ามีใครฝึกพิมพ์ดีดรึเปล่า เพราะได้ยินเสียงพิมพ์ดีดประจำ แต่คำตอบที่ได้ก็คือไม่มีใครไปยุ่งกับเครื่องพิมพ์ดีดเลย จนมีอยู่วันหนึ่งผมได้ยินกับหูตัวเองว่ามีคนกำัลังพิมพ์ดีดอยู่ซึ่งพิมพ์เร็วมาก(มือโปรชัวร์) ผมก็เลยวิ่งขึ้นไปดูที่ห้องเก็บเครื่องพิมพ์ดีด ผลที่เจอก็คือ.... ไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นเลยนอกจากเครื่องพิมพ์ดีดเก่าๆฝุ่นจับ.... สุดท้ายเลยเอาไปชั่งกิโลขายหมดเลย ::007:: ตอน ตุ๊กตากัด อายุ10ขวบเป็นครั้งแรกที่คิดว่าเจอเรื่องแปลกมากที่สุด เป็นช่วงปิดเทอมทุกคนอยู่บ้านพี่สาวก็จัดห้องเราก็อาสาช่วยเพราะเผื่อมีอะไรที่เค้าไม่เอาแล้วเค้าจะได้ยกให้เรา กลางวันแสกๆอีกแล้วคราวนี้ หลังจากช่วยยกหนังสือที่ไม่ใช้แล้วออกไปนอกห้อง พี่สาวก็เริ่มจัดของส่วนตัวกะจุ๊กกะจิ๊กของผู้หญิง ก็มีตุ๊กตาไขลานที่พี่สาวไม่เอาแล้ว เพราะแฟนเก่าให้มาไม่อยากเก็บแล้วจะให้เราช่วยหยิบออกไปนอกห้องด้วย ลักษณะเป็นตุ๊กตาผู้หญิงตัวสูง1ฟุตใส่หมวกผ้ายัดนุ่นดูน่ารักดี ด้านหลังตัวตุ๊กตามีรานให้ไขหีบเพลง เวลาไขแล้วหีบเพลงก็จะดังและหัวตุ๊กตาก็จะแกว่งไปรอบๆเหมือนส่ายหัว ไอ้ครั้นเราจะยกของออกไปวางนอกห้องหลายๆเที่ยวก็ขี้เกียจ สองมืออุ้มตั้งหนังสือ เอาตุ๊กตากอดไว้ที่ซอกแขนด้านซ้าย โดยที่ตุ๊กตาเอาหน้าซุกอยู่ที่ท้องแขนเรา ช่วงกำลังยกออกไปน้องห้องเราก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่ท้องแขน แต่ก็ฝืนทนเพราะไม่อยากวางของ พอถึงจุดที่วางของเราก็วางหนังสือก่อน.....ตุ๊กตาไม่หลุดไปจากแขนเราหน้าตุ๊กตายังคงซุกห้อยติดกับท้องแขนเราในจุดที่เราเจ็บ เราก็นึกว่ามีหมุดหรือมีแม๊กมันจิ้มติดอยู่รึเปล่าทำให้เราเจ็บ ก็ดึงตุ๊กตาออกจากท้องแขน...... เราก็รีบดูจุดที่เจ็บทันที.....เป็นรอยฟันเล็กๆชัดเจนมีสองซี่บนและสี่ซี่ล่างฝังรอยที่ท้องแขนตำแหน่งเดียวกับปากตุ๊กตา ทั้งๆที่เป็นตุ๊กตานุ่น ปากตุ๊กตาไม่มีฟันเพราะปากเป็นตัววียิ้มที่ถูกเย็บด้วยด้ายเท่านั้นเอง เรารีบวิ่งไปหาพี่สาวโชว์รอยให้ดู.. พี่สาวก็พยายามเอามือกดที่หน้าตุ๊กตาเผื่อว่ามีเข็มหรือหมุนอะไรติดอยู่รึเปล่า..... ไม่มีอะไรที่น่าจะทำให้เกิดรอยกัดที่ท้องแขนได้เลย... สุดท้ายเอามันไปทิ้ง ::007:: ตอน หวยยุคดิจิตอล อายุ 14 เริ่มนั่งสมาธิด้วยการท่องชินบัญชรเพื่อเข้าสมาธิ ช่วงที่เข้าสู่สมาธิทุกอย่างเงียบหมดไม่มีเสียงภายนอก ใจอยู่ในความว่างเปล่า ไม่รู้สึกถึงกายหยาบที่มีอยู่ ทันใดนั้นก็เกิดนิมิตในความมืด เป็นตัวเลข3ตัว384 (เป็นเลขสมมุติเพราะเลขจริงผมจำไม่ได้แล้วครับ) :OO ลักษณะตัวเลขเป็นเหมือนเลขdigitalเลย คือไม่ใช่ตัวหวัดๆไม่ชัดเจนเป็นตัวพิมพ์ มันเด่นชัดสีขาวตัดกับbackgroundสีดำ ก็หลุดออกมาจากสมาธิและก็นึกขำในใจว่าจะลุกจากเตียงไปจดใส่กระดาษดีหรือไม่ ตัดสินใจไม่ไปจดเข้านอนเลยดีกว่าจำตัวเลขได้แน่นอนเพราะเด่นชัดมาก ตื่นเช้าก่อนไปเรียนก็บอกแม่ว่าเมื่อคืนนั่งสมาธิแล้วเห็นเลขด้วยหละ(พูดแบบขำๆให้แม่ฟัง) แม่ก็บอกว่าเดี๊ยวพรุ่งนี้เช้าก่อนหวยออกแม่จะไปซื้อลองดู เราก็ไปเรียนตามปกติก็บอกเพื่อนไปทั่วเลยว่าเห็นเลขนี้น๊ะก็มีแต่คนขำ ตกดึกวันนั้นเราเข้านอนเร็วแม่ก็มาสะกิดปลุกเราถามว่าที่เห็นหน๊ะเลขอะไรพรุ่งนี้แม่จะไปซื้อ ด้วยความสะลึมสะลือเราก็บอกแม่ไปด้วยความงัวเงีย ตื่นเช้าวันหวยออกเราก็ไปเรียนตามปกติตกเย็นก็กลับมาบ้าน เจอแม่ปุ๊บถามแม่ก่อนเลยว่าได้ซื้อรึเปล่าเลข 384 แม่หันมาตอบทันใดว่า...อ้าวว เมื่อคืนถามเราบอกว่า 348 ไม่ใช่หรอ แม่ยังเสียดายเลยว่าน่าจะเล่นสลับด้วยนี่เล่นไปตรงๆเลขเดียว :~) :~) คงเพราะด้วยความง่วงนอนทำให้เราบอกสลับตำแหน่ง :~) ยังมีอีกเยอะครับแล้วจะมาเล่าเพิ่มให้ฟังน๊ะครับ และก็มีอีกหลายเรื่องที่เล่าไม่ได้เพราะคงต้องว่าผมบ้าแน่ๆ ::007:: หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 09:59:01 PM ::002:: เรื่องสัมผัสที่หก ผมเชื่อว่ามีจริง เคยเจอกับตัวเองบ่อย...อยากเล่ามั่ง....แต่ ...ต้องจิ้ม 20 นาทีต่อคำ แถมวิชาเรียงความก็ไม่ได้เรื่อง ...คงต้องนั่งฟังอย่างเดียวแล้วล่ะครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 10:51:16 PM มานั่งอ่านเรื่อยๆค่ะ :D
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: แมวบ้า(น) ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2008, 11:34:06 PM นอกจากเรื่องพิศวงก็มีเรื่องจำติดตา
ตอน ตึกQ สมัยเรียนABACตึกQเป็นofficeของคณะengineerและเป็นตึกที่เราต้องใช้บ่อยที่สุดซึ่งofficeจะอยู่ชั้นสองลักษณะชั้นสองนี้จะมีระเบียงปูนยื่นออกมากันแดดกันฝนให้บันได กว้างยาวประมาณ5เมตร เย็นวันหนึ่งประมาณ 15:20 เลิกclassพอดีก็เดินลงบันไดจากชั้น8ไปofficeเพื่อไปดูประกาศบนบอร์ด ระหว่างเดินลงมาถึงชั้นห้าก็เริ่มแปลกใจว่ามีเสียงอื้ออึงคนคุยกันจับคำพูดไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ได้สนใจอะไรนึกว่ามุงดูเกรดหรือรออาจารย์ พอเดินลงมาถึงชั้นสองเริ่มแปลกใจมียามวิ่งกันเต็มไปหมด คนจับกลุ่มกันใกล้ๆบอร์ดเพียบเลย เราก็ไม่ได้สนใจคิดแต่จะดูบอร์ดก็ฝ่าฝูงชนเข้าไป..... ภาพที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ที่ระเบียง แขนขาพับผิดรูป มีเลือดไหลออกทางปากและจมูก มีอาการกระตุกเป็นช่วงๆ ....... เป็นครั้งแรกที่เห็นคนกำลังจะสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตา รู้สึกติดตามากกับอาการชีวิตกำลังจะออกจากร่าง และเพียงครู่เดียวเธอคนนั้นก็แน่นิ่งไปและไม่ขยับอีก สุดท้ายรู้ข่าวมาว่าเธอกระโดดตึกฆ่าตัวตายจากหน้าต่างชั้น5 เพราะรับไม่ได้กับการติดF ...... วันรุ่งขึ้นหน้าต่างตั้งแต่ชั้นห้าถูกปิดสนิทด้วยการเจาะยึดด้วยน๊อต เพราะกลัวนักศึกษาจะกระโดดตึกอีก...... ผ่านมาครบอาทิตย์พอดีจากวันที่เธอกระโดดตึกฆ่าตัวตาย มีนักศึกษาหญิงอีกคนกระโดดตึกQฆ่าตัวตาย แต่คราวนี้เปิดหน้าต่างชั้น8กระโดดลงมา......ตกลงมาตายที่ระเบียงเดิม เรานั่งเรียนอยู่บนตึกQชั้น6พอมีคนเปิดห้องเข้ามาบอกว่ามีคนโดดตึกตายclassก็หยุดทันทีและทุกคนก็ไปมุงดูที่หน้าต่างมองมาที่ระเบียง.... ภาพที่เห็นถึงแม้จะค่อนข้างไกลแต่ไม่รู้ทำไมมันชัดเหลือเกิน เลือดแดงฉานไปทั่ว ร่างแน่นิ่งไม่ไหวติง หลังจากนั้นทุกชั้นไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้อีกเลย และไม่มีใครกล้าขึ้นไปดูบอร์ดตอนกลางคืนคนเดียว หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: at75 ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2008, 10:24:33 AM นอกจากเรื่องพิศวงก็มีเรื่องจำติดตา ตอน ตึกQ สมัยเรียนABACตึกQเป็นofficeของคณะengineerและเป็นตึกที่เราต้องใช้บ่อยที่สุดซึ่งofficeจะอยู่ชั้นสองลักษณะชั้นสองนี้จะมีระเบียงปูนยื่นออกมากันแดดกันฝนให้บันได กว้างยาวประมาณ5เมตร เย็นวันหนึ่งประมาณ 15:20 เลิกclassพอดีก็เดินลงบันไดจากชั้น8ไปofficeเพื่อไปดูประกาศบนบอร์ด ระหว่างเดินลงมาถึงชั้นห้าก็เริ่มแปลกใจว่ามีเสียงอื้ออึงคนคุยกันจับคำพูดไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ได้สนใจอะไรนึกว่ามุงดูเกรดหรือรออาจารย์ พอเดินลงมาถึงชั้นสองเริ่มแปลกใจมียามวิ่งกันเต็มไปหมด คนจับกลุ่มกันใกล้ๆบอร์ดเพียบเลย เราก็ไม่ได้สนใจคิดแต่จะดูบอร์ดก็ฝ่าฝูงชนเข้าไป..... ภาพที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ที่ระเบียง แขนขาพับผิดรูป มีเลือดไหลออกทางปากและจมูก มีอาการกระตุกเป็นช่วงๆ ....... เป็นครั้งแรกที่เห็นคนกำลังจะสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตา รู้สึกติดตามากกับอาการชีวิตกำลังจะออกจากร่าง และเพียงครู่เดียวเธอคนนั้นก็แน่นิ่งไปและไม่ขยับอีก สุดท้ายรู้ข่าวมาว่าเธอกระโดดตึกฆ่าตัวตายจากหน้าต่างชั้น5 เพราะรับไม่ได้กับการติดF ...... วันรุ่งขึ้นหน้าต่างตั้งแต่ชั้นห้าถูกปิดสนิทด้วยการเจาะยึดด้วยน๊อต เพราะกลัวนักศึกษาจะกระโดดตึกอีก...... ผ่านมาครบอาทิตย์พอดีจากวันที่เธอกระโดดตึกฆ่าตัวตาย มีนักศึกษาหญิงอีกคนกระโดดตึกQฆ่าตัวตาย แต่คราวนี้เปิดหน้าต่างชั้น8กระโดดลงมา......ตกลงมาตายที่ระเบียงเดิม เรานั่งเรียนอยู่บนตึกQชั้น6พอมีคนเปิดห้องเข้ามาบอกว่ามีคนโดดตึกตายclassก็หยุดทันทีและทุกคนก็ไปมุงดูที่หน้าต่างมองมาที่ระเบียง.... ภาพที่เห็นถึงแม้จะค่อนข้างไกลแต่ไม่รู้ทำไมมันชัดเหลือเกิน เลือดแดงฉานไปทั่ว ร่างแน่นิ่งไม่ไหวติง หลังจากนั้นทุกชั้นไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้อีกเลย และไม่มีใครกล้าขึ้นไปดูบอร์ดตอนกลางคืนคนเดียว พอพี่เล่าเรื่องนี้แล้ว ผม นึกถึงเรื่องที่น้องชายผมเล่าให้ฟังน้องชายผมก้เรียนABACเหมือนกับพี่ครับ แต่อายุคงเป้นรุ่นน้องพี่หลายปี น้องชายผม เล่าให้ฟัง ว่ามีตึก อยุ่ตึกนึง ที่เวลาเย้นๆค่ำๆ จะไม่ค่อยมีใคร เข้าไปใกล้ ไม่รู้ว่าเป้นตึกเดียวกันกับพี่หรือ ปล่าว น้องบอกว่ากลางคืน มีคนเห้นบ่อยๆ ว่ามีผู้หญิง คน นึงชอบโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างของตึกชั้นบน ผมจำชั้นไม่ได้แล้ว แล้วปีนหน้าต่างแล้วกระโดด ลงมา ทีแรกนึกว่ามีคนโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่พอร่างผู้หญิงคนนั้นตกลงมาข้างล่างแล้ว ซักพัก ใน ขณะที่คนเห้นกำลังจะไปตาม คนมาช่วย ร่างผู้หญิง คนนั้น ก้ลุกขึ้น แล้วก้พยายามปืน ตะกายกลับขึ้นไปจนถึงหน้าต่าง บานเดิม แล้วหายเข้าไป ซักพัก เธอก้โผล่หน้าออกมาอีก เพื่อเตรียมปีนหน้า ต่าง ออกมาจะกระโดดอีก ซึ่งคนที่เห้น ก้ตัดสินใจวิ่ง ไม่คิดชีวิต ผมเอง คิดว่าน่าจะเป้น บ่วงกรรมที่คนฆ่าตัวตายต้องชดใช้วนเวียนใช้กรรมที่ตนก่อ ไม่จบสิ้นจนกว่าจะหมดกรรม ครับ ผมเองรู้ซึกอึ้งเหมือนกันที่เรื่องเล่าที่น้องชายผมเล่า ไปสอดคล้องกับเรื่องจริง ที่พี่แมวบ้าเจอมา ผมเอง ทีแรกยังนึกว่าเป้นเรื่องอำกันเล่นๆในหมู่ น.ศ. กันซะอีก หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: VENDY ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2008, 10:52:39 AM นอกจากเรื่องพิศวงก็มีเรื่องจำติดตา ตอน ตึกQ สมัยเรียนABACตึกQเป็นofficeของคณะengineerและเป็นตึกที่เราต้องใช้บ่อยที่สุดซึ่งofficeจะอยู่ชั้นสองลักษณะชั้นสองนี้จะมีระเบียงปูนยื่นออกมากันแดดกันฝนให้บันได กว้างยาวประมาณ5เมตร เย็นวันหนึ่งประมาณ 15:20 เลิกclassพอดีก็เดินลงบันไดจากชั้น8ไปofficeเพื่อไปดูประกาศบนบอร์ด ระหว่างเดินลงมาถึงชั้นห้าก็เริ่มแปลกใจว่ามีเสียงอื้ออึงคนคุยกันจับคำพูดไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ได้สนใจอะไรนึกว่ามุงดูเกรดหรือรออาจารย์ พอเดินลงมาถึงชั้นสองเริ่มแปลกใจมียามวิ่งกันเต็มไปหมด คนจับกลุ่มกันใกล้ๆบอร์ดเพียบเลย เราก็ไม่ได้สนใจคิดแต่จะดูบอร์ดก็ฝ่าฝูงชนเข้าไป..... ภาพที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ที่ระเบียง แขนขาพับผิดรูป มีเลือดไหลออกทางปากและจมูก มีอาการกระตุกเป็นช่วงๆ ....... เป็นครั้งแรกที่เห็นคนกำลังจะสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตา รู้สึกติดตามากกับอาการชีวิตกำลังจะออกจากร่าง และเพียงครู่เดียวเธอคนนั้นก็แน่นิ่งไปและไม่ขยับอีก สุดท้ายรู้ข่าวมาว่าเธอกระโดดตึกฆ่าตัวตายจากหน้าต่างชั้น5 เพราะรับไม่ได้กับการติดF ...... วันรุ่งขึ้นหน้าต่างตั้งแต่ชั้นห้าถูกปิดสนิทด้วยการเจาะยึดด้วยน๊อต เพราะกลัวนักศึกษาจะกระโดดตึกอีก...... ผ่านมาครบอาทิตย์พอดีจากวันที่เธอกระโดดตึกฆ่าตัวตาย มีนักศึกษาหญิงอีกคนกระโดดตึกQฆ่าตัวตาย แต่คราวนี้เปิดหน้าต่างชั้น8กระโดดลงมา......ตกลงมาตายที่ระเบียงเดิม เรานั่งเรียนอยู่บนตึกQชั้น6พอมีคนเปิดห้องเข้ามาบอกว่ามีคนโดดตึกตายclassก็หยุดทันทีและทุกคนก็ไปมุงดูที่หน้าต่างมองมาที่ระเบียง.... ภาพที่เห็นถึงแม้จะค่อนข้างไกลแต่ไม่รู้ทำไมมันชัดเหลือเกิน เลือดแดงฉานไปทั่ว ร่างแน่นิ่งไม่ไหวติง หลังจากนั้นทุกชั้นไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้อีกเลย และไม่มีใครกล้าขึ้นไปดูบอร์ดตอนกลางคืนคนเดียว จำได้ช่วงนึงเด็ก abac โดดตึกตายบ่อยเหมื่อนกันทั้งที่มหาลัยและข้างนอกไม่รู้พี่พร้อมอยู่ทัน abac 1 ตรงตึกร้างที่สร้างไม่เสร็จซักทีตรงนั้น ก็มีโดดมาคนนึง หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: STECON ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2008, 11:01:24 AM มาติดตามอ่านครับ ;D
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2008, 12:33:24 PM มีอยู่ครั้งเมื่อ5ปีก่อนไปเชียงราย ระหว่างที่ผ่านเขาค้อประมาณ5ทุ่ม เจอชาวเขาผู้หญิงผูกลูกไว้ข้างหลัง ยืนริมทางหน้าเฉยเมยผมก็ยังคิดมายืนดึกๆยังงี้ทำไมวะ มันมาแปลกอีตอนกลับประมาณตี2ก็เจออีกที่เดิม แต่ผมก็ไม่คิดว่าเป็นผีนะไม่งั้นคงยืนกันแทบทุกโค้ง ไม่อยากคิดมากเพราะขับอยู่คนเดียวเมียก็หลับ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2008, 03:54:58 PM ชอบอ่านอยู่เหมือนกันครับ.เรื่องแบบนี้.จริงๆก็ไม่ค่อยเชื่อครับ..แต่ก็กลัวครับ.. ;D
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: แมวบ้า(น) ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2008, 04:11:45 PM นอกจากเรื่องพิศวงก็มีเรื่องจำติดตา ตอน ตึกQ สมัยเรียนABACตึกQเป็นofficeของคณะengineerและเป็นตึกที่เราต้องใช้บ่อยที่สุดซึ่งofficeจะอยู่ชั้นสองลักษณะชั้นสองนี้จะมีระเบียงปูนยื่นออกมากันแดดกันฝนให้บันได กว้างยาวประมาณ5เมตร เย็นวันหนึ่งประมาณ 15:20 เลิกclassพอดีก็เดินลงบันไดจากชั้น8ไปofficeเพื่อไปดูประกาศบนบอร์ด ระหว่างเดินลงมาถึงชั้นห้าก็เริ่มแปลกใจว่ามีเสียงอื้ออึงคนคุยกันจับคำพูดไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ได้สนใจอะไรนึกว่ามุงดูเกรดหรือรออาจารย์ พอเดินลงมาถึงชั้นสองเริ่มแปลกใจมียามวิ่งกันเต็มไปหมด คนจับกลุ่มกันใกล้ๆบอร์ดเพียบเลย เราก็ไม่ได้สนใจคิดแต่จะดูบอร์ดก็ฝ่าฝูงชนเข้าไป..... ภาพที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ที่ระเบียง แขนขาพับผิดรูป มีเลือดไหลออกทางปากและจมูก มีอาการกระตุกเป็นช่วงๆ ....... เป็นครั้งแรกที่เห็นคนกำลังจะสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตา รู้สึกติดตามากกับอาการชีวิตกำลังจะออกจากร่าง และเพียงครู่เดียวเธอคนนั้นก็แน่นิ่งไปและไม่ขยับอีก สุดท้ายรู้ข่าวมาว่าเธอกระโดดตึกฆ่าตัวตายจากหน้าต่างชั้น5 เพราะรับไม่ได้กับการติดF ...... วันรุ่งขึ้นหน้าต่างตั้งแต่ชั้นห้าถูกปิดสนิทด้วยการเจาะยึดด้วยน๊อต เพราะกลัวนักศึกษาจะกระโดดตึกอีก...... ผ่านมาครบอาทิตย์พอดีจากวันที่เธอกระโดดตึกฆ่าตัวตาย มีนักศึกษาหญิงอีกคนกระโดดตึกQฆ่าตัวตาย แต่คราวนี้เปิดหน้าต่างชั้น8กระโดดลงมา......ตกลงมาตายที่ระเบียงเดิม เรานั่งเรียนอยู่บนตึกQชั้น6พอมีคนเปิดห้องเข้ามาบอกว่ามีคนโดดตึกตายclassก็หยุดทันทีและทุกคนก็ไปมุงดูที่หน้าต่างมองมาที่ระเบียง.... ภาพที่เห็นถึงแม้จะค่อนข้างไกลแต่ไม่รู้ทำไมมันชัดเหลือเกิน เลือดแดงฉานไปทั่ว ร่างแน่นิ่งไม่ไหวติง หลังจากนั้นทุกชั้นไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้อีกเลย และไม่มีใครกล้าขึ้นไปดูบอร์ดตอนกลางคืนคนเดียว จำได้ช่วงนึงเด็ก abac โดดตึกตายบ่อยเหมื่อนกันทั้งที่มหาลัยและข้างนอกไม่รู้พี่พร้อมอยู่ทัน abac 1 ตรงตึกร้างที่สร้างไม่เสร็จซักทีตรงนั้น ก็มีโดดมาคนนึง เป็น condo ชื่อมโนกิจครับ ตั้งแต่ผมเข้าเรียนจนเรียนจบก้เห็นยังสร้างไม่เสร็จซะที ;D ใช่ครับที่มโนกิจก็มีคนโดดตอนนั้นผมก็ยังเรียนอยู่ครับ ช่วงผมเรียนจำไม่ได้เหมือนกันว่ามีโดดตึกตายไปกี่คน จำได้อีกคนก็ที่ Condo A ครับ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: ป๊อกแมน ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2008, 05:38:52 PM กระทู้นี้เยี่ยมครับ เดี๋ยวผมว่าง จะเข้ามาเล่าเรื่องของผมบ้างครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: แมวบ้า(น) ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2008, 06:10:12 PM นอกจากเรื่องพิศวงก็มีเรื่องจำติดตา ตอน ตึกQ สมัยเรียนABACตึกQเป็นofficeของคณะengineerและเป็นตึกที่เราต้องใช้บ่อยที่สุดซึ่งofficeจะอยู่ชั้นสองลักษณะชั้นสองนี้จะมีระเบียงปูนยื่นออกมากันแดดกันฝนให้บันได กว้างยาวประมาณ5เมตร เย็นวันหนึ่งประมาณ 15:20 เลิกclassพอดีก็เดินลงบันไดจากชั้น8ไปofficeเพื่อไปดูประกาศบนบอร์ด ระหว่างเดินลงมาถึงชั้นห้าก็เริ่มแปลกใจว่ามีเสียงอื้ออึงคนคุยกันจับคำพูดไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ได้สนใจอะไรนึกว่ามุงดูเกรดหรือรออาจารย์ พอเดินลงมาถึงชั้นสองเริ่มแปลกใจมียามวิ่งกันเต็มไปหมด คนจับกลุ่มกันใกล้ๆบอร์ดเพียบเลย เราก็ไม่ได้สนใจคิดแต่จะดูบอร์ดก็ฝ่าฝูงชนเข้าไป..... ภาพที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ที่ระเบียง แขนขาพับผิดรูป มีเลือดไหลออกทางปากและจมูก มีอาการกระตุกเป็นช่วงๆ ....... เป็นครั้งแรกที่เห็นคนกำลังจะสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตา รู้สึกติดตามากกับอาการชีวิตกำลังจะออกจากร่าง และเพียงครู่เดียวเธอคนนั้นก็แน่นิ่งไปและไม่ขยับอีก สุดท้ายรู้ข่าวมาว่าเธอกระโดดตึกฆ่าตัวตายจากหน้าต่างชั้น5 เพราะรับไม่ได้กับการติดF ...... วันรุ่งขึ้นหน้าต่างตั้งแต่ชั้นห้าถูกปิดสนิทด้วยการเจาะยึดด้วยน๊อต เพราะกลัวนักศึกษาจะกระโดดตึกอีก...... ผ่านมาครบอาทิตย์พอดีจากวันที่เธอกระโดดตึกฆ่าตัวตาย มีนักศึกษาหญิงอีกคนกระโดดตึกQฆ่าตัวตาย แต่คราวนี้เปิดหน้าต่างชั้น8กระโดดลงมา......ตกลงมาตายที่ระเบียงเดิม เรานั่งเรียนอยู่บนตึกQชั้น6พอมีคนเปิดห้องเข้ามาบอกว่ามีคนโดดตึกตายclassก็หยุดทันทีและทุกคนก็ไปมุงดูที่หน้าต่างมองมาที่ระเบียง.... ภาพที่เห็นถึงแม้จะค่อนข้างไกลแต่ไม่รู้ทำไมมันชัดเหลือเกิน เลือดแดงฉานไปทั่ว ร่างแน่นิ่งไม่ไหวติง หลังจากนั้นทุกชั้นไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้อีกเลย และไม่มีใครกล้าขึ้นไปดูบอร์ดตอนกลางคืนคนเดียว พอพี่เล่าเรื่องนี้แล้ว ผม นึกถึงเรื่องที่น้องชายผมเล่าให้ฟังน้องชายผมก้เรียนABACเหมือนกับพี่ครับ แต่อายุคงเป้นรุ่นน้องพี่หลายปี น้องชายผม เล่าให้ฟัง ว่ามีตึก อยุ่ตึกนึง ที่เวลาเย้นๆค่ำๆ จะไม่ค่อยมีใคร เข้าไปใกล้ ไม่รู้ว่าเป้นตึกเดียวกันกับพี่หรือ ปล่าว น้องบอกว่ากลางคืน มีคนเห้นบ่อยๆ ว่ามีผู้หญิง คน นึงชอบโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างของตึกชั้นบน ผมจำชั้นไม่ได้แล้ว แล้วปีนหน้าต่างแล้วกระโดด ลงมา ทีแรกนึกว่ามีคนโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่พอร่างผู้หญิงคนนั้นตกลงมาข้างล่างแล้ว ซักพัก ใน ขณะที่คนเห้นกำลังจะไปตาม คนมาช่วย ร่างผู้หญิง คนนั้น ก้ลุกขึ้น แล้วก้พยายามปืน ตะกายกลับขึ้นไปจนถึงหน้าต่าง บานเดิม แล้วหายเข้าไป ซักพัก เธอก้โผล่หน้าออกมาอีก เพื่อเตรียมปีนหน้า ต่าง ออกมาจะกระโดดอีก ซึ่งคนที่เห้น ก้ตัดสินใจวิ่ง ไม่คิดชีวิต ผมเอง คิดว่าน่าจะเป้น บ่วงกรรมที่คนฆ่าตัวตายต้องชดใช้วนเวียนใช้กรรมที่ตนก่อ ไม่จบสิ้นจนกว่าจะหมดกรรม ครับ ผมเองรู้ซึกอึ้งเหมือนกันที่เรื่องเล่าที่น้องชายผมเล่า ไปสอดคล้องกับเรื่องจริง ที่พี่แมวบ้าเจอมา ผมเอง ทีแรกยังนึกว่าเป้นเรื่องอำกันเล่นๆในหมู่ น.ศ. กันซะอีก ตอนผมยังเรียนอยู่ ยังไม่มีเรื่องเล่าของผีตึกQ คงเพราะพอเรื่องเกิดอีกไม่กี่ปีผมก็จบออกไปแล้ว แต่ตอนช่วงที่ผมเรียนอยู่จะมีข่าวลือเรื่องผีคริสมาสที่ตึกPครับ... ::008:: ::008:: แต่บังเอิญเป็นผีอีกแบบอ๊ะครับ เป็นผีผ้าห่มที่ยามเดินตรวจแล้วไปเจอในห้องเรียนครับ ::008:: หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: at75 ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2008, 08:40:57 PM นอกจากเรื่องพิศวงก็มีเรื่องจำติดตา ตอน ตึกQ สมัยเรียนABACตึกQเป็นofficeของคณะengineerและเป็นตึกที่เราต้องใช้บ่อยที่สุดซึ่งofficeจะอยู่ชั้นสองลักษณะชั้นสองนี้จะมีระเบียงปูนยื่นออกมากันแดดกันฝนให้บันได กว้างยาวประมาณ5เมตร เย็นวันหนึ่งประมาณ 15:20 เลิกclassพอดีก็เดินลงบันไดจากชั้น8ไปofficeเพื่อไปดูประกาศบนบอร์ด ระหว่างเดินลงมาถึงชั้นห้าก็เริ่มแปลกใจว่ามีเสียงอื้ออึงคนคุยกันจับคำพูดไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ได้สนใจอะไรนึกว่ามุงดูเกรดหรือรออาจารย์ พอเดินลงมาถึงชั้นสองเริ่มแปลกใจมียามวิ่งกันเต็มไปหมด คนจับกลุ่มกันใกล้ๆบอร์ดเพียบเลย เราก็ไม่ได้สนใจคิดแต่จะดูบอร์ดก็ฝ่าฝูงชนเข้าไป..... ภาพที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ที่ระเบียง แขนขาพับผิดรูป มีเลือดไหลออกทางปากและจมูก มีอาการกระตุกเป็นช่วงๆ ....... เป็นครั้งแรกที่เห็นคนกำลังจะสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตา รู้สึกติดตามากกับอาการชีวิตกำลังจะออกจากร่าง และเพียงครู่เดียวเธอคนนั้นก็แน่นิ่งไปและไม่ขยับอีก สุดท้ายรู้ข่าวมาว่าเธอกระโดดตึกฆ่าตัวตายจากหน้าต่างชั้น5 เพราะรับไม่ได้กับการติดF ...... วันรุ่งขึ้นหน้าต่างตั้งแต่ชั้นห้าถูกปิดสนิทด้วยการเจาะยึดด้วยน๊อต เพราะกลัวนักศึกษาจะกระโดดตึกอีก...... ผ่านมาครบอาทิตย์พอดีจากวันที่เธอกระโดดตึกฆ่าตัวตาย มีนักศึกษาหญิงอีกคนกระโดดตึกQฆ่าตัวตาย แต่คราวนี้เปิดหน้าต่างชั้น8กระโดดลงมา......ตกลงมาตายที่ระเบียงเดิม เรานั่งเรียนอยู่บนตึกQชั้น6พอมีคนเปิดห้องเข้ามาบอกว่ามีคนโดดตึกตายclassก็หยุดทันทีและทุกคนก็ไปมุงดูที่หน้าต่างมองมาที่ระเบียง.... ภาพที่เห็นถึงแม้จะค่อนข้างไกลแต่ไม่รู้ทำไมมันชัดเหลือเกิน เลือดแดงฉานไปทั่ว ร่างแน่นิ่งไม่ไหวติง หลังจากนั้นทุกชั้นไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้อีกเลย และไม่มีใครกล้าขึ้นไปดูบอร์ดตอนกลางคืนคนเดียว พอพี่เล่าเรื่องนี้แล้ว ผม นึกถึงเรื่องที่น้องชายผมเล่าให้ฟังน้องชายผมก้เรียนABACเหมือนกับพี่ครับ แต่อายุคงเป้นรุ่นน้องพี่หลายปี น้องชายผม เล่าให้ฟัง ว่ามีตึก อยุ่ตึกนึง ที่เวลาเย้นๆค่ำๆ จะไม่ค่อยมีใคร เข้าไปใกล้ ไม่รู้ว่าเป้นตึกเดียวกันกับพี่หรือ ปล่าว น้องบอกว่ากลางคืน มีคนเห้นบ่อยๆ ว่ามีผู้หญิง คน นึงชอบโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างของตึกชั้นบน ผมจำชั้นไม่ได้แล้ว แล้วปีนหน้าต่างแล้วกระโดด ลงมา ทีแรกนึกว่ามีคนโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่พอร่างผู้หญิงคนนั้นตกลงมาข้างล่างแล้ว ซักพัก ใน ขณะที่คนเห้นกำลังจะไปตาม คนมาช่วย ร่างผู้หญิง คนนั้น ก้ลุกขึ้น แล้วก้พยายามปืน ตะกายกลับขึ้นไปจนถึงหน้าต่าง บานเดิม แล้วหายเข้าไป ซักพัก เธอก้โผล่หน้าออกมาอีก เพื่อเตรียมปีนหน้า ต่าง ออกมาจะกระโดดอีก ซึ่งคนที่เห้น ก้ตัดสินใจวิ่ง ไม่คิดชีวิต ผมเอง คิดว่าน่าจะเป้น บ่วงกรรมที่คนฆ่าตัวตายต้องชดใช้วนเวียนใช้กรรมที่ตนก่อ ไม่จบสิ้นจนกว่าจะหมดกรรม ครับ ผมเองรู้ซึกอึ้งเหมือนกันที่เรื่องเล่าที่น้องชายผมเล่า ไปสอดคล้องกับเรื่องจริง ที่พี่แมวบ้าเจอมา ผมเอง ทีแรกยังนึกว่าเป้นเรื่องอำกันเล่นๆในหมู่ น.ศ. กันซะอีก ตอนผมยังเรียนอยู่ ยังไม่มีเรื่องเล่าของผีตึกQ คงเพราะพอเรื่องเกิดอีกไม่กี่ปีผมก็จบออกไปแล้ว แต่ตอนช่วงที่ผมเรียนอยู่จะมีข่าวลือเรื่องผีคริสมาสที่ตึกPครับ... ::008:: ::008:: แต่บังเอิญเป็นผีอีกแบบอ๊ะครับ เป็นผีผ้าห่มที่ยามเดินตรวจแล้วไปเจอในห้องเรียนครับ ::008:: :D~ :D~ :D~ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2008, 11:22:38 PM นอกจากเรื่องพิศวงก็มีเรื่องจำติดตา ตอน ตึกQ สมัยเรียนABACตึกQเป็นofficeของคณะengineerและเป็นตึกที่เราต้องใช้บ่อยที่สุดซึ่งofficeจะอยู่ชั้นสองลักษณะชั้นสองนี้จะมีระเบียงปูนยื่นออกมากันแดดกันฝนให้บันได กว้างยาวประมาณ5เมตร เย็นวันหนึ่งประมาณ 15:20 เลิกclassพอดีก็เดินลงบันไดจากชั้น8ไปofficeเพื่อไปดูประกาศบนบอร์ด ระหว่างเดินลงมาถึงชั้นห้าก็เริ่มแปลกใจว่ามีเสียงอื้ออึงคนคุยกันจับคำพูดไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ได้สนใจอะไรนึกว่ามุงดูเกรดหรือรออาจารย์ พอเดินลงมาถึงชั้นสองเริ่มแปลกใจมียามวิ่งกันเต็มไปหมด คนจับกลุ่มกันใกล้ๆบอร์ดเพียบเลย เราก็ไม่ได้สนใจคิดแต่จะดูบอร์ดก็ฝ่าฝูงชนเข้าไป..... ภาพที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ที่ระเบียง แขนขาพับผิดรูป มีเลือดไหลออกทางปากและจมูก มีอาการกระตุกเป็นช่วงๆ ....... เป็นครั้งแรกที่เห็นคนกำลังจะสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตา รู้สึกติดตามากกับอาการชีวิตกำลังจะออกจากร่าง และเพียงครู่เดียวเธอคนนั้นก็แน่นิ่งไปและไม่ขยับอีก สุดท้ายรู้ข่าวมาว่าเธอกระโดดตึกฆ่าตัวตายจากหน้าต่างชั้น5 เพราะรับไม่ได้กับการติดF ...... วันรุ่งขึ้นหน้าต่างตั้งแต่ชั้นห้าถูกปิดสนิทด้วยการเจาะยึดด้วยน๊อต เพราะกลัวนักศึกษาจะกระโดดตึกอีก...... ผ่านมาครบอาทิตย์พอดีจากวันที่เธอกระโดดตึกฆ่าตัวตาย มีนักศึกษาหญิงอีกคนกระโดดตึกQฆ่าตัวตาย แต่คราวนี้เปิดหน้าต่างชั้น8กระโดดลงมา......ตกลงมาตายที่ระเบียงเดิม เรานั่งเรียนอยู่บนตึกQชั้น6พอมีคนเปิดห้องเข้ามาบอกว่ามีคนโดดตึกตายclassก็หยุดทันทีและทุกคนก็ไปมุงดูที่หน้าต่างมองมาที่ระเบียง.... ภาพที่เห็นถึงแม้จะค่อนข้างไกลแต่ไม่รู้ทำไมมันชัดเหลือเกิน เลือดแดงฉานไปทั่ว ร่างแน่นิ่งไม่ไหวติง หลังจากนั้นทุกชั้นไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้อีกเลย และไม่มีใครกล้าขึ้นไปดูบอร์ดตอนกลางคืนคนเดียว พอพี่เล่าเรื่องนี้แล้ว ผม นึกถึงเรื่องที่น้องชายผมเล่าให้ฟังน้องชายผมก้เรียนABACเหมือนกับพี่ครับ แต่อายุคงเป้นรุ่นน้องพี่หลายปี น้องชายผม เล่าให้ฟัง ว่ามีตึก อยุ่ตึกนึง ที่เวลาเย้นๆค่ำๆ จะไม่ค่อยมีใคร เข้าไปใกล้ ไม่รู้ว่าเป้นตึกเดียวกันกับพี่หรือ ปล่าว น้องบอกว่ากลางคืน มีคนเห้นบ่อยๆ ว่ามีผู้หญิง คน นึงชอบโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างของตึกชั้นบน ผมจำชั้นไม่ได้แล้ว แล้วปีนหน้าต่างแล้วกระโดด ลงมา ทีแรกนึกว่ามีคนโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่พอร่างผู้หญิงคนนั้นตกลงมาข้างล่างแล้ว ซักพัก ใน ขณะที่คนเห้นกำลังจะไปตาม คนมาช่วย ร่างผู้หญิง คนนั้น ก้ลุกขึ้น แล้วก้พยายามปืน ตะกายกลับขึ้นไปจนถึงหน้าต่าง บานเดิม แล้วหายเข้าไป ซักพัก เธอก้โผล่หน้าออกมาอีก เพื่อเตรียมปีนหน้า ต่าง ออกมาจะกระโดดอีก ซึ่งคนที่เห้น ก้ตัดสินใจวิ่ง ไม่คิดชีวิต ผมเอง คิดว่าน่าจะเป้น บ่วงกรรมที่คนฆ่าตัวตายต้องชดใช้วนเวียนใช้กรรมที่ตนก่อ ไม่จบสิ้นจนกว่าจะหมดกรรม ครับ ผมเองรู้ซึกอึ้งเหมือนกันที่เรื่องเล่าที่น้องชายผมเล่า ไปสอดคล้องกับเรื่องจริง ที่พี่แมวบ้าเจอมา ผมเอง ทีแรกยังนึกว่าเป้นเรื่องอำกันเล่นๆในหมู่ น.ศ. กันซะอีก ตอนผมยังเรียนอยู่ ยังไม่มีเรื่องเล่าของผีตึกQ คงเพราะพอเรื่องเกิดอีกไม่กี่ปีผมก็จบออกไปแล้ว แต่ตอนช่วงที่ผมเรียนอยู่จะมีข่าวลือเรื่องผีคริสมาสที่ตึกPครับ... ::008:: ::008:: แต่บังเอิญเป็นผีอีกแบบอ๊ะครับ เป็นผีผ้าห่มที่ยามเดินตรวจแล้วไปเจอในห้องเรียนครับ ::008:: :D~ :D~ :D~ หอพักใน มช. ก็มีเรื่องเล่า แต่ขอเรียบเรียงก่อนนะคะ :D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: at75 ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2008, 11:44:08 PM ผมเอง มีเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อ ซัก สิบกว่าปี ที่แล้ว อยากตั้งชื่อ ว่า เปิดประตูให้หน่อย นึกแล้วขนหัวลุก ยังจำได้ถึงทุกวันนี้เลยครับ ว่างๆจะเล่าให้ฟังครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: VENDY ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2008, 11:45:26 PM ผมเอง มีเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อ ซัก สิบกว่าปี ที่แล้ว อยากตั้งชื่อ ว่า เปิดประตูให้หน่อย นึกแล้วขนหัวลุก ยังจำได้ถึงทุกวันนี้เลยครับ ว่างๆจะเล่าให้ฟังครับ อยากฟังค่ะ :D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: at75 ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2008, 12:09:41 AM เมื่อซัก ซักสิบหกปีที่แล้ว ผมเอง เป้นนักเรียน เทคนิคแผนกช่างกล ของรัฐบาลแห่งหนึ่งใน ตจว ทุกเย็นหลังจากกลับจากข้างนอก บ้าน ผมเองจะนั่งปรังแต่ง ขัดสีฉวีวรรณ เจ้า มอเตอร์ ไซ คันเก่ง วันนั้น ผมเองกลับมาค่ำ กว่าทุกวันเลยต้องรีบหน่อย เดี๋ยวจะดึกมาก บ้านผมเองเป้นบ้านในซอย บริเวณ ปากซอยเป้นทางสามแพร่งที่สามารถ แยกไปจังหวัดต่างๆได้ สองทาง ในซอยที่บ้านสมัยนั้น มีบ้านอยุ่ไม่กี่หลังเท่านั้นเปลี่ยว จนใครๆไม่ค่อยกล้าผ่าน เพราะไฟ ทางก็ไม่มี หลังจากทำกิจวรรจประจำวันแล้ว ก้ออกกำลังอีก1ชั่วโมงก่อนดูทีวี แล้วเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อย มาสะดุ้ง ตื่นอีกครั้ง ตอนได้ยินเสียงเรียกเบาๆจากหน้าบ้าน ผมงัวเงียลุกขึ้นจากเตียง สนาม ในบ้านเดินเซไปมาเนื่องจากพึ่งตื่นนอน ยังตั้งสติไม่ได้หากุญแจบ้านพร้อมชำเลือง นาฬิกา ไปดูนฬิกาที่ฝาผนัง โอ ตี1แล้วใครนะมาเรียก ในใจก็คิดว่าเพื่อนบ้านที่สนิทกัน มาเรียก เพราะบางครั้งไฟดับหรืออ่ะไรฉุกเฉิน จะมาตามประจำ ด้วยใจไม่ได้คิดอ่ะไร ก้รีบวิงไปเปิดประตูหน้าบ้าน พอเปิดประตูออกไป ก้ต้อง งง เพราะผู้หญิง ที่ยืนอยุ่ที่ประตูรั้ว ไม่ใช่คนรู้จัก ตอนนั้นถนน ในซอยไม่มีไฟทาง มีเพียงแสงไฟหน้าบ้านผมส่องลอดออกไปแต่เป้นแค่แสงสลัวๆเท่านั้น ผมมองไม่เห้นหน้าผู้หญิงคนนั้นเห้นแต่เพียงว่า เธอใสเสื้อยืดสีขาวรัดรูป กางเกงยีนสีซีดๆและผมยาว หุ่นดีมาก แต่เองผมไม่รู้จักและเคยเห้นมาก่อน เลยร้องถามออกไป มาหาใครครับ สิ่งที่ตอบกลังมา คือ เปิดประตูให้หน่อย....เสียงช่างเย็นเข้าไปถึงขั้วหัวใจเลย อาการง่วงนอนหายไปเป้นปลิดทิ้ง ผมตั้งสติแล้ว ตะโกนถามใหม่ มาหาใครครับ มีอ่ะไรหรือปล่าว เธอยื่นมือลอดช่องประตูรั้วเข้ามา แล้วกวักมือเรียกผมอีกครั้ง เปิดประตูให้หน่อย....เย้นสันหลังวาบเลยครับทีนี้ เพราะมือ ของเธอที่ลอดเข้ามาสะท้องแสงไฟที่ลอดออกไปจากบ้าน ขาวซีดมาก ผมเองเริ่มคิดแล้วว่า ใครมาแกล้งแน่ๆ ฉุกคิดขึ้นได้ว่าข้างประตูบ้านมีไฟฉาย นี่หว่า พ่อ บอกไว้ ในขณะที่ผมมองแขกยามวิกาลไม่วางตา มือ ก็ความนหาไฟฉาย ที่พ่อแอบไว้ข้างประตู้ อ๊ะเจอแล้วเสร็จแน่ จะดูหน้าซิว่าใคร กันแน่ ที่นี้เธอร้องเรียกผมอีก ผมเลยดึงไฟฉายออกมาแล้วเปิดสวิททันที อ้าว มือสนิท เอาไงดีเนี่ย ผมคิดในใจเพราะเริ่มใจเสียแล้ว เพราะใจอีกใจก็ คิดว่าอาจเป้นนกต่อโจร รึปล่าว ผมเองรีบถอยหลังเข้าประตูบ้านรีบปิดล็อกประตูอย่างรวดเร้ว นึกได้ว่า มีหน้าต่างบานนึง ที่พ่อทำไว้เป้นกระจกที่มองเห้นเฉพาะคนในบ้านมองออกไปข้างนอก คนข้างนอกมองไม่เห้นเรา เอาเว้ย รีบวิ่งจากประตูบ้านไปหน้าต่างกระจกบานที่พ่อทำไว้เอาน่าเดี๋ยวต้องดูให้รู้ว่ายังไงกันแน่.....
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ ;) หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: tip1976 - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2008, 12:15:30 AM รอลุ้น
มีหักมุมรึเปล่า ;D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: big single ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2008, 04:22:17 AM ดูเค๊าทำซิเอ๊า...กำลังอ่านได้อารมณ์เลย แหม๊... :-\
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: at75 ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2008, 08:23:28 PM ขณะ ที่ผมกำลัง มองผ่านกระจก มองไปที่ผู้หญิง คนนั้นจากอีกมุมหนึ่งบ้าน ในใจก็คิดกระหยิ่มยิ้มย่อง ว่า จ้างก้ไม่รู้ ว่าเราอยุ่ตรงไหนไม่มีทางเห้นเราแน่ จะได้แอบดูว่า เดี่ยวจะมีใครโผล่ ออกมาอีกไม๊ จะได้ เล่นงานทั้งแก๊งเลย ในขณะที่ผมกำลัง แอบขำในใจ ปนกับอาการที่ยังตกใจอยู่บ้าง ผมเริ่มเห้น อ่ะไรแปลกๆ เกิดขึ้น ผู้หญิงคนนั้น เริ่มค่อยๆหันหน้าในทิศทางที่ผมแอบดุหยู่ ค่อยๆหันมาช้าๆ แต่พอสังเกตุได้ ผมเองมองไม่เห้น ชัดเท่าไหร่ ว่าตาเธอมองมาทางผมหรือไม่เพราะมืดอยุ่ แต่ ที่แน่ๆหน้าหันมาทางผมแน่ ยังคิดในแง่ดีว่า คงมองสำรวจไปรอบๆเท่านั้นแหล่ะน่า แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องคิดใหม่ คือ นอกจากหันหน้า มาแล้ว เธอยังค่อยๆยื่นแขน กวักมือเรียกผมอีกครั้ง มาเปิดประตูให้หน่อย....... คราวนี้หน้า เธอหันมาทางผมเต็มๆ เฮ้ย..มองเห้นตู้ได้ยังไงอ่ะเนี่ย อาการตัวแข็งเริ่มเกิดขึ้น ทั้งที่อากาศหนาวๆ แต่ตัวเริ่มร้อนมีเหงื่อผุดออกมาเป้นเม็ดๆ ตาย ห่ะแล้วกรู..มองเห้นได้ไงฟระ เนี่ย อาการเสียวสันหลังพุ่งปรี๊ดจากสันหลังขึ้นสู่สมองแบบฉับพลันเธอค่อยเลื่อนถอยหลังหายไป ที่มุมรั้วแล้วลับตาไปเลย ถ้าตอนนั้นไม่ตัดผมเกรียนแบบทหาร รับรองต้องมีผมฟูแน่ๆ หลังจากตกใจสุดขีด ผมมา รู้ตัวอีกครั้งก้วิ่งขึ้นชั้นสองมาถึงในห้องนอนซะแล้ว ในขณ่ะที่อาการตกใจและกลัว กำลังประทุอยุ่ในใจ มือก็ควานหา หมอน ผ้าห่ม แบบลวกๆ พอได้ครบก็ วิ่งออกจากห้องเข้าไปนอนห้องพระทัน ที นอนไปกลัวไป นึกบทสวดอ่ะไรได้ท่องหมด เป้นครั้งแรกที่รู้สึก หน่าวๆ ร้อนๆ แต่ดันมีเหงื่อ ออกตลอด ผมอ่านบทสวดมนต์ ท่องแล้วท่องอีก ซ้ำไปซ้ำมา จนค่อยๆเผลอหลับไป.......
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2008, 08:47:28 PM สงสัยว่า ที่สุด ต้องโดนไม้เรียวหรือเปล่า ที่จำคนรู้จัก กันไม่ได้ นะ. :)
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: fokbye ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2008, 10:11:00 AM เพื่อนผม ชื่อแอ้ ตายด้วยน้ำท่วมปอด หลังจากนั้นอีก 1 ปี ผมได้กลับไปเยี่ยมแม่ของแอ้ที่แฟลต แม่แอ้เล่าให้ฟ้งว่า หลังจากตายได้ 3วัน แม่เค้าฝันว่าแอ้มายืนหน้าห้อง บอกว่าหนาว และเข้าห้องไม่ได้ พอเช้ามาแม่เลยไปทำบุญและบริจากเสื่อผ้าให้แอ้ พอกลับมาถึงห้อง แม่เค้าก็แกะยันต์ และฮู้ของคนจีนที่แปะที่หน้าห้องออก แล้วคืนนั้นทั้งครอบครัวเค้าก็ได้ยินเสียงเปิดหนังสือทั้งคืน เพราะตอนที่ แอ้ มีชีวิตอยู่เค้าเรียนอยู่ธรรม.... และชอบอ่านหนังสือตอนกลางคืน แม่เค้าฝันว่า แอ้ มาบอกว่าไม่หนาวแล้ว เพราะได้เสื้อผ้าใหม่มาใส่ จนมาคืนที่ 7 แม่เค้าก็ฝันว่า แอ้ มาบอกว่า รู้แล้วหล่ะว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว ที่รู้เพราะว่า หน้ามือเค้าสลับเป็นหลังมือ และ หน้าตี .. สลับเป็นหลังตี.. และก็มาบอกลาแม่.....แต่ไม่ได้บอกนะครับว่า....ลาไปไหน...ตัวผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า เพื่อนรักของผมไปไหนต่อ ถึงเพื่อน....รักเสมอ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: at75 ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2008, 11:21:37 AM แสงแดดเริ่ม ส่องผ่านหน้าต่างห้องพระเข้ามา ทำให้ผมเริ่ม รู้สึกตัว อืม ต้องรีบ ไปเรียนหนังสือ ซะแล้วเพราะนิฬิกาบอกว่า 7.30น จะสายแล้วเว้ย หลังจาก เสร็จจากการทำธุระส่วนตัวแล้ว ก็เดินออกจากบ้าน ก่อนผ่านประตูบ้าน ตาก็เหลือบมองไฟฉาย ที่ข้างประตู ในใจก็ไม่ได้คิดอ่ะไรมากไปกว่า สงสัยว่าทำไมเมื่อคืน ไฟฉายไม่ติดหว่า เลยหยุดเวะตรวจดูไฟฉายอีกครั้ง เผื่อมีอ่ะไรเสียจะได้ซ่อม ลองเปิดสวิท ดู อ้าว ติดนี่หว่า ขนลุก อีกแล้ว รีบออกจากบ้านไปเรียนดีก่ว่า ผมขี่เจ้ามอไซคู่ชีพไม่นานนักก็ถึง วิทยาลัย พอถึงก็คุยกับเพื่อนสนิทหลายๆ คน ทุก คนให้ความเห้น ว่า น่าจะเป็น คนมาแกล้งมากกว่า ใจผมก็ค่อยชื้นขึ้น เมื่อได้คุยกับเพื่อน เอาวะ เริ่ม วางแผนใหม่ คืนนี้จะรับมือยังไง ผม ดูจากบ้านของผมเป็นบ้านสองชั้น ด้านบนมีระเบียง มีประตูเปิดออก ไปยืนดู ได้รอบบ้าน เออ ทำไมเมื่อคืน คิดไม่ออกนะ แล้วระเบียงก็ ติดกับห้องพระด้วย ถ้าเกิดอ่ะไรก็โดดเข้าห้องพระเลย(คิดแบบเด็กๆ) พอวางแผนเสร็จ ก็ตกลงใจว่า จะรอจนดึกเหมือยเมื่อคืน ถ้า มีเสียงคนมาเรียก เราไม่เปิดประตู เราจะวิ่งไปดูที่หน้าต่างก่อน ถ้าใช่คนเดิม เราจะวิ่งขึ้นชั้นสองพร้อมไฟฉาย เปิดประตู้ระเบียงออกไปแล้วเอาไฟฉายส่องหน้าเลย ฮ้า ฮ้าๆๆๆๆๆ ช่างเป็นความคิดที่เข้าท่าจริงๆ มีอ่ะไรจะฉลาดไปกว่านี้อีกไม๊ ฮิฮิฮิ พอช่วยกัน คิดเสร็จ ก็เอ่ย ก้เอ่ยปากชวนเพื่อนๆ ไปช่วนกันหน่อยเป้นไร แต่คำตอบของเพื่อนๆ บอกว่าไม่มีใคร ว่างเลย โห รักกันจริงๆเลยนะเพื่อนเรา เอาวะคืนนี้ลุยคนเดียวก็ไฟ วะ..... :~) :~) :~)
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2008, 12:04:37 AM วันนี้เพิ่งเจอ "เดจาวู " มา
คือ มีความรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่กำลังเจออยู่ตอนนี้ เราเคยพบ เคยทำ เคยเห็นมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเคยเจอตอนไหน ตอนที่กำลังล้างจานอยู่มันแวบขึ้นมา ว่าเดี๋ยวต้องเดินไปทางนี้ คุยกับคนนี้ เรื่องนี้ จะสะดุดกึก...เออ เราเคยทำแล้วนี่นา ??? จากเวบนึงเค้าบอกไว้ว่า " ทางการแพทย์เขาเรียกว่า การไหลของคลื่นกระแสไฟฟ้า ในสมองเกิดการผิดปกติครับ คือ ไหลไปยังไงไม่รู้ทำให้การกระทำที่เรากำลังทำอยู่ ณ ขณะนั้นคลับคล้ายว่าเคยเกิดมาก่อนหน้านี้มาแล้ว แต่ไม่สามารถจำเวลาได้...... แต่โดยความเชื่อของผมเองแล้วนั้น ที่เรียกว่าเดจาวู นี่เป็นประสบการณ์ทางจิต ที่เกิดได้กับทุก คนและทุกเวลาได้ คือมันเป็นทั้งโลกคู่ขนาน และเวลาที่ผ่านไปแล้วในอดีตอันยาวไกล ( ชาติก่อนๆโน้น ) คล้ายๆกับ ทฦษฎีสัมพันธภาพ ของไอน์สไตน์ล่ะครับ คือสิ่งใดก็ตามที่เคยเกิดไปแล้วในอดีต จะย้อนกลับมาเกิดซํ้าอีกเหมือนกับการที่ เรากลับชาติมาหลายๆชาติ นั่นแหละครับ " ไม่ทราบว่าใครเจอแบบนี้บ้าง แล้วรู้สึกยังไงคะ :D หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2008, 03:24:26 AM ไม่รู้สึกอะไรครับ มันเกิดเดี๋ยวเดียว ไม่เกิดบ่อยกับผม
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2008, 03:33:31 AM ผมไม่เคยเป็นแบบป้าแรมส์ว่าครับ อ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ หมายถึงเป็นโรคจิตหรือเปล่า หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2008, 12:35:31 PM ผมเคยเป็นอย่างคุณแรมส์ว่า แต่สมัยเด็กๆนะ ตอนนี้หายไปนานแล้ว
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: STECON ที่ กุมภาพันธ์ 29, 2008, 08:39:43 AM Copy มาให้อ่าน จะได้หายสงสัยว่า Deja vu คืออะไร :D
ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า เคยได้พบเห็นมาแล้ว เราทุกคนล้วนเคยมีประสบการณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้ นั่นคือ เมื่อได้พบบุคคลแปลกหน้า หรือเห็นภาพสถานที่บางแห่ง ก็หวนรำลึกขึ้นฉับพลันว่า เอ๊ะ...เราได้เคยเห็นเขาผู้นั้นหรือสถานที่นั้นมาก่อนนี่นา แต่จะเป็นเมื่อใด ที่ใด นึกไม่ออก ดูรางเลือนประหนึ่งฝันไป และที่สำคัญสำหรับบางคนก็คือ เมื่อได้เห็นภาพนั้นแล้ว ต่อมาก็ได้เกิดเหตุการณ์จริงๆ ขึ้นประจักษ์ตา ทุกสิ่งในเหตุการณ์ นั้นเหมือนกับที่ได้เห็นล่วงหน้ามาก่อนโดยไม่ผิดเพี้ยน ปรากฏการณ์เหล่านี้ไทยเราอาจเรียกว่าลางสังหรณ์ ภาพนิมิต ญาณบอกเหตุ แต่ทั่วโลกรู้จักกันดีในชื่อว่า เดจาวู (DEJA VU) ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า เคยได้พบเห็นมาแล้ว เดจาวูนั้น เกิดขึ้นได้ทั้งในความฝันหรือตอนเคลิบเคลิ้ม หรือในยามตื่นเต้น ดังมีหลักฐานอ้างอิงในเรื่องนี้หลายครั้งตั้งแต่อดีตกาลนานนับศตวรรษมาแล้ว เช่น ครั้งที่จักรพรรดินโปเลียนบุกรัสเซียในปี ค.ศ.1812 ภริยาของท่านเคานท์ตูชคอฟ นายพลรัสเซีย ได้ฝันว่า เธออยู่ในโรงเตี๊ยมของเมืองหนึ่ง ซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วบิดาของเธอก็เข้ามาในห้อง อุ้มลูกชายคนเล็กของเธอมาด้วย และบอกแก่เธออย่างเศร้าสร้อยว่า สามีของเธอเสียชีวิตในการศึกแล้ว ความสุขของลูกจบสิ้นแล้ว ผู้เป็นบิดากล่าว สามีของลูกได้ล้มลง และสิ้นใจที่โบโรดิโน ฝันนี้บังเกิดขึ้นแก่เธออีกสองครั้งจนเธอได้เล่าให้สามีฟัง ทั้งสองค้นหาดูในแผนที่ แต่ไม่พบเมืองโบโรดิโนแต่อย่างใด ทว่าในวันที่ 7 กันยายน 1812 ทัพรัสเซียได้ถอยร่นและต่อสู้กับฝรั่งเศสอย่างดุเดือดที่ตำบลเล็กๆชื่อโบโรดิโน ห่างทางตะวันตกของกรุงมอสโก 70 ไมล์ โดยเคาน์เตสส์ตูชคอฟกับครอบครัวพักอยู่ที่โรงเตี๊ยม ไม่ไกลจากแนวรบที่สามีของเธอเป็นผู้บัญชาการเท่าใดนัก เช้ารุ่งขึ้น บิดาได้อุ้มลูกชายคนเล็กของเธอเข้ามาในห้องและกล่าวว่า สามีของลูกได้ล้มลง และสิ้นใจที่โบโรดิโน นอกจากนี้ ก็ยังมีเดจาวูอื่นๆ ที่เราอาจเคยได้ยินได้ฟังกัน อย่างเช่นเมื่อได้พบใครเป็นครั้งแรกแล้วเกิดอาการ ปิ๊ง ขึ้นมาทันที...ใช่เลย เขาคนนี้แหละที่เคยปรากฏในจินตนาการของเรา หรือบางคนที่เคยเขียนภาพทิวทัศน์จากจินตนาการ แล้วก็ได้ไปพบทัศนียภาพนั้นตรงกับที่เขียนไว้เป๊ะๆ... เนินตรงนั้น...ต้นไม้ใหญ่ตรงนั้น...วัวกำลังยืนเคี้ยวเอื้องอยู่ตรงนั้น บางคนมีประสบการณ์เดจาวูที่น่าอกสั่นขวัญหาย นั่นคือได้เกิดเห็นภาพนิมิตเป็นอุบัติเหตุบนท้องถนน เห็นภาพรถพังพินาศ คนบาดเจ็บและตายเกลื่อนและแล้วต่อจากนั้นไม่นาน เขาก็ผ่านไปพบเห็นอุบัติเหตุกับตาจริงๆ ทุกอย่างตรงกับภาพนิมิตที่เขาได้เห็นล่วงหน้า มีผู้อธิบายถึงสาเหตุของการเกิดเดจาวูไว้ต่างๆกัน บางคนกล่าวว่า เป็นอาการประสาทเมื่อได้ สัมผัสกลิ่นหรือภาพหรือเสียงที่คุ้นเคยแล้วเกิดความสับสนว่าเป็นอดีตหรือปัจจุบันกันแน่ แพทย์บางคนอธิบายว่าเกิดจากสิ่งที่ฝังใจในสมองได้รับการกระตุ้นในบางครั้งบางครา นักจิตวิทยาบอกว่าเป็นจินตนาการที่ เติมเต็มในความปรารถนา ของผู้นั้นและชักนำไปสู่ความจริง ผู้มีศรัทธาในศาสนาชี้ว่าเป็นเสมือนการรำลึกชาติ ซึ่งจดจำสิ่งต่างๆในปางก่อนได้ และนักวิทยาศาสตร์ก็ชี้แจงว่าเป็นเรื่องมิติของเวลาที่ทับซ้อนกันอยู่ดังเช่น รูหนอน (worm hole) ในจักรวาลที่เป็นไทม์แมชีนสำหรับการเดินทางข้ามภพ นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบว่ากลไกการเกิดเดจาวูจริงๆ เป็นเช่นไรในตอนนี้ แต่ความเข้าใกล้ของทฤษฎีต่างๆ ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง นายซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) ผู้พัฒนาการวิเคราะห์เชิงจิตวิทยาได้เสนอว่า เดจาวูเกิดขึ้นเมื่อบุคคลหนึ่งระลึกถึงภาพต่างๆ ในช่วงที่ขาดสติไปเอง เนื่องจากขาดสติ รายละเอียดของภาพที่เกิดขึ้นจะถูกปิดกั้นจากความมีสติไป แต่ความรู้สึกที่คุ้นเคยจะเล็ดลอดออกมากและกลายเป็นเดจาวูนั่นเอง หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 29, 2008, 09:33:37 AM เคยอ่นเจอว่า เดจาวู เกิดจากกระแสไฟฟ้าช๊อตในสมองส่วนหน้าครับ อีกเล่มหนึ่งเขาว่าในสมองคนส่งสัญญษณโดยใช้กระแสไฟฟ้าประมาณ 30 วัตต์
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: amakig ที่ กุมภาพันธ์ 29, 2008, 10:43:15 AM มาอัพคับอ่านกะลังน่าติดตาม
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: BIGFISH ที่ พฤษภาคม 15, 2009, 01:59:25 PM ผมเชื่อในเรื่อง Only love is Real ในแง่ความรักความเมตตาที่พึงมีต่อกันเท่านั้นที่เป็นสิ่งจริงแท้ พระพุทธเจ้าสอนให้แผ่เมตตาไม่มีประมาณไปยังโจรที่กำลังเลื่อยตัดร่างกายของเราเพื่อประโยชน์อันยิ่งยวดต่อตัวเราเอง ผมเชื่อ
แต่ในทางปฏิบัติรู้ว่าไม่ยอมเป็นคนดีที่ต้องตาย โดยไม่ได้ต่อสู้ หรือหากจำเป็นต้องลงมือก่อนก็ทำ ความเชื่อที่ยังไม่มีกำลังพอที่ทำให้เปลี่ยนความเห็นหรือเกิดสติ มีเรื่องเก่ามาฝาก แต่เพิ่มคือผมได้โทรไปหาคุณเชาวลิต เจ้าของเรื่อง 0818153716 และได้ขออนุญาตนำหมายเลขโทรศัพท์มาลง ประเด็นสำคัญคือท่านอาจารย์ที่เป็นฆราวาสที่กล่าวถึงในเรื่องนี้ ท่านจะลงมาที่วัดดอน ยานนาวา วันที่ 22 -23 /05/2552 เวลา บ่ายโมง ท่านผู้ใดมีความสนใจไปพบบุคคลที่ควรนับถือ ควรไหว้ เชิญครับ ถูกรถชนตาย ๓๓ ปี เล่าเรื่อง : คุณเชาวลิต - คุณอรวิภา สาครวิมล จ.สมุทรสาคร รวบรวมโดย : เมตตาเจโตวิมุติ เรื่องที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เมื่อประมาณเดือนกันยายน พ.ศ. 2549 ที่จังหวัดสมุทรสาคร เรื่องมีอยู่ว่า มีวันหนึ่ง น้องชายซึ่งเป็นลูกของน้าสาวของข้าพเจ้า โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือ บอกว่าภรรยาเขามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ไปหาหมอรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร หมอได้ตรวจอย่างละเอียดเอ็กซ์เรย์ แล้วก็หาสาเหตุไม่พบ ได้แต่ฉีดยาบรรเทา ปวดเท่านั้น เป็นอย่างนี้มาร่วมเดือน เขาจึงอยากจะย้ายโรงพยาบาลแต่ไม่มีเงิน จึงโทรมาขอความช่วยเหลือ ข้าพเจ้ารับปากว่าจะช่วยเหลือ เรื่องเงินในการรักษา แต่พอดีข้าพเจ้าได้รู้จ ักและติดตามอาจารย์อยู่ท่านหนึ่ง มา เป็นเวลา 5-6 ปีแล้ว ท่านเป็นฆราวาส ที่รักษาศีลไหว้พระสวดมนต์อย่างเคร่งครัด สามารถรักษาคนเจ็บป่วยที่ไปรักษาหมอหลวงแล้วไม่หาย ถ้าผู้นั้นหมดกรรมได้รักษากับท่าน ผู้นั้นก็จะหายจากอาการเจ็บปวด หรือ ทุเลาลงได้แล้วแต่บุญ กรรม จึงแนะนำให้ภรรยาของน้องชายมาลองรักษากับอาจารย์ดูก่อน ถ้าไม่หายจริงๆ ค่อยย้ายโรงพยาบาล เมื่อมาพบอาจารย์ ภรรยาของเขาก็ได้แต่ร้องไห้ ตัวสั่น เมื่อเห็นดังนั้น ข้าพเจ้าก็คิดว่าในร่างกายของเขาคงไม่ได้เจ็บปวดธรรมดา ด้วยความสงสารและอยากช่วยเหลือ ข้าพเจ้าจึงถามเขาว่าอยากให้เราช่วยก็ขอให้สื่อสารออกมาให้รู้ ตอนหลังเขาก็ร้องไห้อย่างน่าเวทนา เหมือนคนกำลังทุกข์ทรมาน ข้าพเจ้าก็เอามือลูบหลังเขาด้วยความสงสาร บอกว่าจะช่วยเหลือเขาทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ยอมพูดกับใคร เพราะเขา กลัวคนมีวิชาจะดึงจิตเขาไปเป็นบริวาร เหมือนเขารู้ว่าเราจริงใจเขาจึงยอมบอก ตอนแร กคิดว่าเขาพูดไม่ได้จึงให้เขาเขียนใส่กระดาษทุวันนี้ยังเก็บไว้ เขาเขียนชื่อ นามสกุล บ้านเลขที่อย่างละเอียด ร้องไห้บอกว่าอยากกลับบ้านไปหาพี่อ แ ม่ พี่ น้อง เขาค่อยๆ เล่าหลายครั้งกว่าจะรวบรวมเรื่องราวให้ครบ เพราะเวลาเขามามีอาการเหมือนคนทุกข์ทรมาน รวมทั้งจะทำให้ภรรยาของน้องชายปวดท้องมากทุกครั้งที่เขามา เราจึงถามเขา เก็บข้อมูลทีละเล็กละน้อย สรุปได้ว่า เขาเป็นคนจังหวัดน่าน มาทำงานเป็นช่างไม้ สร้างวัดเกตุมวดี เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๕ โดยที่ทางบ้านไม่ทราบ ตอนนั้นเค้าอายุ ๑๗ ปี พอมา พ.ศ.๒๕๑๙ เขาโดนรถชนตายขณะยืนซื้อของอยู่ข้างทางหน้าวัดบางปิ้ง เขาเช่าบ้านอยู่แถวนั้น เขาเล่าว่า ตอนนั้นมืดแล้ว รถกะบะพุ่งชนเขาอย่างแรง โดนทับที่ท้องกลางลำตัว แหลกละเอียดตายคาที่ จึงเป็นเหตุให้ภรรยาของน้องช ายปวดท้อง เวลาเดินต้องเอามือกุมท้องเหมือนคนไส้จะไหลออกมาอย่างนั้น ทางบ้านก็ไม่ทราบว่าเขาตายแล้ว เพราะเขามาทำงานกับเพื่อน ๒ คนแต่แยกกันอยู่คนละที่ น ั ้นหมายถึงเขาตายไปแล้ว ๓๓ ปีถ้ายังมีชีวิตอยู่ตอนนี้เขาก็อายุประมาณ ๕๐ ปี และเขายังไม่หมดอายุขัย ที่สำคัญเขาบอกว่าตอนมีชีวิตอยู่ไม่ค่อยได้ทำบุญทำทานเอาไว้ จึงยังไม่ไปไหน เขาจึงทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด จากการโดนรถทับ วนเวียนอยู่จนมาอาศัยอยู่ที่สะพานท่าจีนใก ล้กับวัดกลางอ่างแก้ว ซึ่งภรรยาของน้องชายต้องผ่านไปมาทุกวัน เขายั งบอกอีกว่า เหตุที่อยากมาเจอข้าพเจ้ากับสามี เพราะเขาเคยได้รับอานิสงส์ผลบุญจากการ ' สวดมนต์เมตตาใหญ่ แบบพิสดาร ' แล้วแผ่เมตตาของข้าพเจ้ากับสามีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาเล่าให้ฟังอย่างน่าสงสารว่า เวลามีคนแผ่เมตตาส่งบุญมาให้ พวกเขาจะต้องแย่งกัน เขาบาดเจ็บแย่งไม่ไหว ก็ไม่ได้รับเขาบอกว่าทุกคนอยากได้ แต่จะไม่ได้กันทุกคน ต้องนั่งกอดเข่ารอ (เขาทำท่าประกอบด้วย) แล้วลุกขึ้นแย่งกันเวลาได้รับผลบุญจะเป็นแสงสีเหลืองทองส่องลงมาที่ตัวเขา ดังนั้น เขาจึงพยายามที่จะได้เจอข้าพเจ้ากับสามี โดยการเกาะมากับร่างของภรรยาของน้องชาย แล้วดลใจให้น้องชายโทรศัพท์หาข ้ าพเจ้าทั้งที่ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้ากับน้องชายคนนี้ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน ห ลังจากนั้นข้าพเจ้ากับสามีก็รับปากว่าจะพาเขาไปส่งกลับบ้าน แต่ขอให้เขารับปากว่า ถ้าถึงบ้านแล้วต้อง ทำให้ภรรยาของน้องชายหายจากอาการปวดท้องอย่างเด็ดขาด เขาก็รับปากระหว่างนั้น เขาได้มาเข้าฝันภรรยาของน้องชายว่าให้หาศาลพระภูมิไม้และรูปปั้นผู้ชายแล้วปิดทอง เพราะเมื่อกลับถึงบ้า นเขาจะได้อาศัยอยู่ในนั้น แล้วนำไปลอยน้ำ ที่ให้ปิดทองเพราะเขาบอกว่าไปอยู่ในน้ำจะได้สว่างไม่ต้องใช้เทียน เราก็ทำตามทุกอย่าง นอกจากนั้น เขายังให้จัดซื้อเสื้อผ่าพร้อมเงิน 90 บาท อธิษฐานให้จิตวิญญาณทั่วไปที่มีอีกมากมาย เพราะบางคนไม่มีเสื้อผ้าใส่หรือไม่ก็เก่ามากแล้ว แล้วนำไปบริจาคให้คนยากไร้ ช่วงเวลาที่ได้พูดคุยกับเขาได้รู้อะไรมากมาย เช่น คนจีนชอบเผากระดาษส่งของให้บรรพบุรุษเขาบอกว่าจริงๆ แล้ว เขาไม่ได้รับหรอกต้องไปซื้อหาสิ่งของที่จะส ่งให้ แล้วนำมาอธิฐาน เอ่ยชื่อให้คนรับนำไปถวายเป็นสังฆทาน แล้วนำไปบริจาคให้คนยากจนให้ได้ใช้ประโยชน์จริง บรรพบุรุษจึงจะ ได้รับ ใครทำความดี ทำบุญมากๆ สวดมนต์ภาวนา ผู้ทำจะมีเกราะเป็นแสงสีเหลืองทองสุกสว่างป้องกันตัว ไม่มีใครทำ อะไรได้ หลังจากนั้นประมาณ ๑ สัปดาห์ ข้าพเจ้ากับสามีและญาติๆ ก็ออกเดินทางไปจังหวัดน่าน ก่อนหน้านั้นจากการช่วยเหลือของลูกศิษย์ของอาจารย์ที่ข้าพเจ้านับถือ ได้เช็คข้อมูลของเขาก็ปรากฎว่ามีชื่อ นามสกุล บ้านเลขที่นั้นอยู่จริง แต่ไม่ได้ติดต่อกับทางราชการมานานแล้วจนกลายเป็นคนสาบสูญไปแล้ว จึงท ำให้พวกเรามั่นใจว่าเราคงไม่โดนเขาหลอกไปถึงจังหวัดน่าน ไปถึงประมาณบ่าย ๒ โมงกว่า วนหาบ้านเขาอยู่นาน เขาก็พยายามนึก เขาบอกว่าผ่านไป ๓๐ กว่าปีแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก พวกเรานัดกับลูกศิษย์กับอาจารย์ที่หน้าวัดภูมินทร์ เมื่อเขาเห็นวัด เขาทำท่าดีใจอยากจะลงไปกราบพระ เราก็พาลงไปแต่เขาเข้าโบสถ์ไม่ได้ ต้องให้อาจารย์อธิฐานขอพระประธานในโบสถ์ให้ เขาจึงเข้าไปกราบได้ ข้าพเจ้า ส่งเงินให้เขา ๑๐๐ บาท บอกว่ายกเงินให้เขาเอาไปหยอดตู้ทำบุญ จะได้มีผลบุญติดตัวกลับไป ลูกศิษย์อาจารย์ก็ช่วยขับรถนำพวกเราไปบ้านเขา พอใกล้จะเจอบ้านเขา เขาก็บอกว่าให้รีบพาเขาไปส่ง เพราะวันนั้นเป็นวันพระ เดี๋ยวท่านไม่ให้กลับเขาบอก เราจึงนิมนต์เพราะสงฆ์จากวัดพระธาตุแช่แห้งมาสวดส่งวิญญาณให้เขาตามที่เขาขอ พอทำพิธีเสร็จก็เอาศาลพระภูมิ พร้อมกับมอเตอร์ไซด์ (เด็กเล่น) ที่เขาอยากได้สมัยมีชีวิตอยู่ลอยลงไปในแม่น้ำน่าน ใกล้กับบ้านของเขาที่ตอนเล็กๆ เขาเคยว่ายน้ำเล่น จากนั้นเขาก็มาผ่านร่างภรรยาน้องชายอีกครั้ง เขาร้องไห้น้ำตาไหล บอกว่าดีใจมากที่ได้กลับบ้านและรู้สึกเสียใจที่จะไม่ได้เจอกับพ วกเราอีกแล้ว ข้าพเจ้าเองก็อดใจหายไม่ได้ ได้แต่บอกว่าจะทำบุญสวดมนต์อุทิศไปให้ คอยรับนะเกิดชาติหน้าค่อยมาเจอกันใหม่ก็แล้วกัน และบอกเขาอีกว่าทุกคนในที่นี้ดีใจที่ได้ช่วยเหลือเขา เขายกมือไหว้ขอบคุณทุกคน พร้อมกับร้องไห้ก้ม ลงกราบข้าพเจ้าที่ตัก ข้าพเจ้ารู้สึกตื้นตันใจมาก หันไปหาสามีของข้าพเจ้าแล้วบอกให้เขาขอบคุณเพราะเขาเป็นคนสำคัญที่สุด เป็นทั้งคนขับรถมาส่งจากมหาชัยจนถึง จ ังหวัดน่าน ภายในวันเดียวกัน แล้ว ยังออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยไม่ได้หวังผลตอบแทน เขาน้ำตาไหลก้มลงกราบที่เท้าของสามีของข้าพเจ้า ภาพนั้นทำให้ทุกคนอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้จริงๆ แล้วเขาก็ล้มลงที่ตักข้าพเจ้าแล้วจากไป นับจากวินาทีนั้นภรรยาของน้องชายก็มีความรู้สึกเบาเนื้อเบาตัว และที่สำคัญไม่ได้มีอาการปวดท้องอีกเลย นั่นคือสิ่งที่เขารับปากไว้แล้วทำตามจริงๆ จนถึงทุกวันนี้เวลาข้าพเจ้านึกถึงเหตุการณ์นั้นเมื่อไหร่ก็อดที่จะมีความรู้สึกอิ่มเอมใจเสียทุกครั้ง เพราะเชื่อว่าคงไม่เคยได้มีใครได้มีโอกาสช่วยเหลือจิตวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานมากกว่า ๓๐ ปีให้ได้กลับบ้านเกิด เรื่องทั้งหมดที่ท่านได้อ่านมานี้ อาจจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินจริง แต่ข้าพเจ้าขอรับรองว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และสาเหตุที่ข้าพเจ้านำมาเขียนบอกเล่ากับท่านให้หมั่นทำแต่ความดี ทำบุญทำทานสร้างกุศล ไหว้พระสวดมนต์เสียตั้งแต่ตอนมีชีวิตอยู่ แล้วแผ่เมตตาให้ตัวท่านเอง ให้แก่เทพ เทวาประจำตัวท่าน เทพเทวาจะได้มีบารมีสูงพอที่จะช่วยเหลือท่านในยามคับขัน ให้แก่ผู้อื่นตามแต่ใจท่าน ยิ่งแผ่ยิ่งเพิ่มพูนมากมายทวีคูณ ข้าพเจ้าขอให้อานิสงส์ผลบุญแห่งความดี ที่ท่านจะได้สร้างต่อไปนับจากนี้ ขอจงส่งถึงเจ้าของเรื่องโดยตรง คือนายสมบูรณ์ ภูมินทร์ จิตวิญญาณแห่งลุ่มน้ำน่าน ที่แม้เป็นเพียงจิตวิญญาณก็ยังรักษาคำพูดร่วมทั้งผู้เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือนายสมบูรณ์ ภูมินทร์ ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวผู้อ่านเอง เพราะแค่ท่านได้อ่าน ไม่ได้ประสพกับตัวเองจริงๆ ท่านยังเกิดแรงบันดาลใจในการทำความดี ดังนั้น ก็ขอให้สิ่งดีๆ ที่ท่านจะได้ทำต่อไปส่งผลให้ท่านพร้อมทั้งคนที่ท่านรักทุกคน มีแต่ความสุข ความเจริญ พบเจอแต่สิ่งดี คิดหวังสิ่งใดในทางที่ทีด ก็ขอให้สมปรารถนาทุกประการทั้งภพนี้ และภพหน้าด้วยเทอญ หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Earthworm ที่ พฤษภาคม 15, 2009, 04:23:44 PM ขอเล่าสองเรื่องครับ เจอมากับตัวเองจริงๆ เรื่องแรกนานมาแล้วครับ สมัยยังเป็นวัยรุ่นยี่สิบกว่าๆ เพื่อนชวนไปเที่ยวบ้าน สมัยนั้นยังเป็นจ.ปราจีนบุรีอยู่ ทุกวันนี้เป็นสระแก้วครับ จุดประสงค์ก็คือชวนเราไปสอนขับรถให้กับคนที่บ้านเขาครับ คือซื้อรถปิคอัพมาแต่ไม่มีใครขับเป็น ก็นั่งรถทัวร์กันไป ถึงตอนเกือบๆจะเย็นแล้วครับ ด้วยความที่เป็นวัยรุ่นและไม่เคยเชื่อเรื่องพระเรื่องผีเลย (แตเวลาผ่านศาลผ่านพระจะยกมือไหว้ทุกครั้งครับ) ตกค่ำก็เข้านอนกับเพื่อนครับ บ้านมันก็ ดี๊ ดี ไฟมีก็ไม่ค่อยจะเปิด เข้านอนได้ก็หลับเลยครับ กับเพื่อนสองคน ตกดึกครับ เอรู้สึกว่าเหมือนมีคนมาถอดกางเกงครับ ตื่นขึ้นมาดู เพื่อนก็หลับอยู่ เอ คงฝันไป ก็นอนต่อ อีกสักพัก เอาอีกครับ ลุกขึ้นมา เพื่อนผมก็ยังนิ่ง เป็นอยู่หลายครั้งจน สงสัยว่าเพื่อนแกล้งหรือเปล่า ก็เลย เอามือเปิดตามันดูครับ(วิธีการดูว่า หลับจริงหรือไม่จริงแบบผม) เอมันก็หลับนี่หว่า แล้วใครวะมาแกล้งผม ห้องก็ปิดประตูอย่างดี ก็เลยนึกได้เท่าที่รู้ครับ ตั้งนะโมสามจบแล้วบอกกับเจ้าที่เจ้าทางว่าเราขอมานอนแค่คืนสองคืนแล้วก็จะกลับแล้ว หลังจากนั้นก็หลับได้ด้วยดีไม่มีอะไรมากวนครับ จนมาตอนเช้าทุกอย่างก็กระจ่างเลยครับ เปิดประตูหน้าห้องมา ตรงเด๊ะกับประตูห้องเลยครับ หิ้งกุมารทองพร้อมของเล่นเต็มๆเลย โหถ้าเมื่อคืนมันเปิดไฟเสียหน่อย ก่อนเข้าห้องเรายกมือไหว้ก็คง ไม่มีอะไรแล้วเฮ้อ ก็ดีครับ ทำให้หลังจากนั้นเวลาไปไหนมาไหน เราก็จะบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางก่อน และไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้อีกเลยครับ........................จนกระทั่ง..............................
เรื่องที่สอง สดๆร้อนๆเลยครับ เมื่อสักเดือนกว่าๆที่ผ่านมา ไปธุระเสร็จ ขับรถกลับบ้านโดยใช้ ทางด่วนขั้นที่หนึ่ง ลงบางนา หน้าไบเทค ครับ เวลาประมาณสองทุ่มนิดๆ รถไม่เยอะครับแต่ก็พอมีให้ต้องระมัดระวัง ช่วงทางลงทางด่วน บางนามุ่งหน้าไปชลบุรี ถ้าเพื่อนๆ เคยผ่านจะนึกออกนะครับ จะมีลักษณะเป็นโค้งเปิดกว้างครับ ส่วนขวามือเราก็เป็นคูหรือรางระบายน้ำ ที่มีตอม่อ ของทาด่วนบูรพาวิถีครับ ช่วงที่ผมกำลังขับลงมาจากทางด่วนนั้นก็ปกติครับ มองซ้ายมองขวาเพราะมีรถตีคู่มาด้วย พอตอนที่มองขวา(เราอยู่ขวาสุด วันนั้นรถที่ขับเป็นรถสูงครับ)ผ่านร่องน้ำตรงกลาง เห็นผู้หญิงผมยาวประบ่า ห่มสไบสีแดง เดินอยู่ในร่องน้ำครับ หลังจากพ้นโค้งและรถที่ตีคู่กันมาแล้ว ก็มองกระจกข้างอีกที ก็ไม่เห็นเสียแล้วครับ ได้แต่แผ่เมตตา(เมียสอนว่าเวลาขับรถเจอหมาแมวตายก็ให้ทำ)ให้เขาไป คิดว่าเออไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาตั้งนาน มาเจอเอาตอนนี้(ได้ยินมาว่าคนตอนดวงตกมักจะเจอแบบนี้)เอาไว้จะไปทำบุญให้ละกัน นอนแบบติดตาอยู่สองสามคืนไม่ได้เล่าให้ใครฟัง จนมาอีกครั้งหนึ่งที่ต้องลงทางด่วนบางนาอีกครั้งคราวนี้สิบโมงเช้า(ผมไม่ได้ลงทางนี้ประจำ เพราะบ้านเข้าได้หลายทางครับ) ก่อนจะถึงทางลงยังคิดอยู่ว่ายังไม่ได้ทำบุญไปให้สัมภเวสีตนนั้นเลยนี่นา วันนี้รถโล่ง มารถเก๋งเกียร์ออโต้ เดี๋ยวตอนผ่านค่อยชะลอ แผ่เมตตาให้อีกสักทีละกัน จนมาถึงจุดเกิดเหตุ เฮ้ย กลางวันแสกๆปรากฏตัวให้ตูเห็นแต่ไกลเลยหรือวะ ถอดแว่นกันแดดออก ชะลอรถดูให้แน่อีกที.............................................. ..................................คนบ้า ครับ สงสัยจะเป็นกระเทยด้วย เจ๊เล่นใส่สไบ เดินก้มหน้าก้มตากลางร่องน้ำครับ โหเล่นเอาไม่สบายใจไปตั้งหลายวัน นี่ถ้าจอดรถได้จะลงไปเขกกะโหลก เสียหน่อยถนนตั้งกี่เลน อุตส่าห์ข้ามมาตั้งรกราก เป็นเกาะส่วนตัวเชียวนะมรึง หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ พฤษภาคม 15, 2009, 10:18:07 PM แหม เล่นเอา ฮาป๊าดๆๆ นะท่าน chnon
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Tanate(รักในหลวง) ที่ พฤษภาคม 16, 2009, 12:24:40 AM อ่านหลายๆเรื่องจากหลายๆท่านแล้ว ...
ตอนนี้(๒๔.๐๔)กำลังจะไปอาบน้ำครับ รู้สึกกลัวๆ :~) หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: OldBoy ที่ พฤษภาคม 19, 2009, 05:29:54 PM สิบห้าปีก่อน คุณยายที่อยู่ปักษ์ใต้ ช๊อคหมดสติจากเบาหวาน ตอนอายุเกือบ 80 แต่คุณยายยังแข็งแรง หุงข้าวกินเองได้ ยายหลับหมดสติไป 3 วัน ญาติๆนำส่งโรงพยาบาลตั้งแต่เกิดเหตุ ผมพาคุณแม่เดินทางไปกันสองคน แต่ก่อนออกเดินทางพี่สาวที่ชอบนั่งสมาธิ ก็โทรให้แม่เตรียมพระพุทธรูป กับสายสิญธ์ไปด้วย โดยบอกว่ายายกลับเข้าร่างไม่ถูก ให้ตั้งจิตอธิฐาน ให้พระช่วยนำทางให้ด้วย ไปถึงแม่ก็วางพระพุทธรูปเหนือเตียงคนไข้ (ครบ 3 วันพอดี) นำสายสิญธ์พันรอบพระพุทธรูป แล้วโยงไปพันมือยายแล้วจุดธูปเทียน ประมาณครึ่งชัวโมงคุณยายฟื้น ลุกขึ้นนั่ง ขอน้ำกินแก้คอแห้ง แล้วเริ่มเล่าให้ฟังว่าไปไหนมา ท่านเล่านับตั้งแต่เห็นร่างตัวเองนอนสลบกับพื้น มีแสงส่องจากบนหัวลงมาดูดลอยขึ้นไป โดนดูดผ่านรูหนอน ไปโผล่อีกที่นึง เดินไม่มีจุดหมายแต่เดินไปพร้อมๆ กับคนที่ตายแล้ว บางคนก็รู้จัก แต่รู้ว่าเค้าตายไปแล้ว พบอาหารที่เคยใส่บาตร กินได้เมื่อหิว เฉพาะของใครของมัน จนกระทั้งก่อนฟื้นบอกว่าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว เดินไม่ได้หยุดเลย ก็มีพระมาร้องเรียกให้เดินตาม แยกออกจากกลุ่มคนอื่น และได้เห็นทุกคนยืนมุง รอบๆเตียง ก่อนคุณยายจะได้สติ ลูกหลานทุกคนฟังยายเล่ารอบเตียง โดยมีผมจะเป็นคนห้ามคนอื่นๆหากใครจะแย่งคุณยายพูด เพราะมันตรงกับหนังสือของฝรั่งมากๆ โดยยายผมไม่เคยอ่าน หนังสือพวกนั้นแน่ ดูทีวีก็ดูแต่ละครหัวค่ำ ขึ้นนอนก็ฟังวิทยุเพลงไทยเดิมทุกๆวัน จากที่เคยไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ หลังเหตุการณ์นั้นผมระมัดระวังในการใช้ชีวิตมากขึ้น เริ่มเชื่อแล้วครับว่ายังมีอะไรอีกหลังความตาย หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ พฤษภาคม 19, 2009, 09:54:40 PM เรื่องของคุณยายตรงกับเรืองของฝรั่งครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ พฤษภาคม 20, 2009, 08:57:59 AM เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 30 ปี ที่แล้ว ตอนนั้นผมไปเที่ยวงานบวชที่อำเภอระโนด ช่วงนั้นทางวัดมีงานก็เที่ยวกันจนเช้า พอสายๆเกิดง่วงนอน จึงเผลอหลับตรงศาลาในวัด จนกระทั่ง
งานบวชเสร็จจึงมีคนมาปลุกกลับบ้าน ตอนนั้นรู้สึกมึนๆหัวเหมือนเป็นใข้ ตัวหนักๆยังงัยพิกล พอตกบ่ายๆเริ่มเป็นใข้เพ้อหนัก ถึงขนาดเห็นตู้เย็นเดินได้หมาตัวเท่าช้าง คุณย่าเห็น ท่าไม่ดี จึงให้คุณแม่พาไปหาหมอ(นุ่งขาวห่มขาวถือศิลเหมือนพระ) พอเดินขึ้นบ้านหมอทักว่าโอ้โหขี่คอกันมาเลย เราก็เลยงงๆ หมอบอกว่าท่านเห็นผีขี่คอผมมา :OO หมอก็เริ่ม ทำพิธี โดยให้ตัวผมเองไปตักน้ำจากในโอ่ง ตอนที่ตักก็รู้สึกว่าน้ำมันเย็น จากนั้นก็นั่งลง หมอจึงยกน้ำที่อยู่ในถังราดหัวโครมลงมา จากเมื่อสักครู่น้ำที่เย็นกลายเป็นน้ำร้อนได้งัย พอราดเสร็จ จากความรู้สึกว่าตัวหนักกลับเบาเหวงไปเลย ตอนแรกๆเหมือนจะเป็นใข้ กลับหายเป็นปลิดทิ้ง ::014:: หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 20, 2009, 09:02:54 AM ตาจอยครับ ๓๐ ปีที่แล้ว ....... ตอนนั้นคง ๒๐ ปลายๆ ...... ตอนนี้อายุตาคงใกล้ ๖๐ หรือกว่าแล้วใช่ไหมครับตา หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ พฤษภาคม 20, 2009, 09:04:45 AM ตาจอยครับ ๓๐ ปีที่แล้ว ....... ตอนนั้นคง ๒๐ ปลายๆ ...... ตอนนี้อายุตาคงใกล้ ๖๐ หรือกว่าแล้วใช่ไหมครับตา หัวข้อ: Re: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Choro - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 21, 2009, 01:21:39 PM อ่านเพลินเลยครับ ;D บ้านผมมีแต่ตุ๊กตาทองหลวงพ่อแย้ม เล่นกันเจี้ยวเลยครับ ของเล่นดังทั้งวัน ทั้งคืน :VOV:
|