|
หัวข้อ: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ) เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ ธันวาคม 04, 2008, 10:25:07 PM ย้อนกลับไปนึกถึง..."วัยที่เพื่อนๆ..เป็นเด็กชั้นประถมกันครับ.."(จำกันได้มั๊ย..ไม่รู้..?)
และอีกอย่าง... เรามาดู..สำนวนภาษาเขียนในรูปแบบ.."ร้อยกรอง"..สวยๆร่วมกัน.. เผื่อจะ..ลดอุณหภูมิทางความคิด..อันร้อนแรงของเพื่อนๆบางท่าน..ได้บ้าง..! กำเนิดสุดสาคร เมื่อพระอภัยมณีได้นางเงือกแล้ว.. โถ! ...หม้อข้าวยังไม่ทันดำ....ก็จำต้องพรากจากกันไป.. เพราะบังเอิญนางสุวรรณมาลี.. ธิดาพระเจ้ากรุงผลึก....ได้ล่องเรือตามหาดวงแก้วในฝัน.. จนมาถึงเกาะแก้วพิสดาร ... พระอภัยมณีและสินสมุทร...จึงขอโดยสารเรือกลับไปด้วย... ๏ จะกล่าวถึงเงือกน้อยกลอยสวาท ซึ่งรองบาทพระอภัยไกลสถาน อยู่วลวังหลังเกาะแก้วพิสดาร ประมาณกาลสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา ๚ ๏ ให้เจ็บครรภ์ปั่นป่วนจวนจะคลอด ระทวยทอดลงกับแท่นที่แผ่นผา จะแลเหลียวเปลี่ยวใจไนยนา ไม่เห็นหน้าผู้ใดที่ไหนเลย ๚ หมายเหตุ : ตัวสะกดต่างๆ คัดลอกมาจากต้นฉบับของสุนทรภู่ ดังนั้นบางคำอาจต่างไปจากปัจจุบัน เช่นคำว่า ไนยนา สมัยนี้เขียนว่า นัยนา ก็ร่วมสองร้อยปีแล้วนะครับ วิวัฒนาการของภาษาก็เปลี่ยนไปบ้าง จากนั้นนางเงือก..ก็คลอดบุตรชายมาหนึ่งคน.. ชื่อว่า สุดสาคร ...มีม้า นิลมังกร เป็นม้าคู่ใจ.. สุดสาครได้เล่าเรียนวิชาต่างๆ.. จากพระโยคีจนเก่ง.. ถูกใจพระโยคี..จึงได้มอบไม้เท้ากายสิทธิ์ให้ .. พอสามขวบก็มาลาแม่.. เพื่อไปตามหาพระอภัยมณีผู้เป็นพ่อ.. นางเงือกก็แสนห่วงใยแต่ก็จำยอม.. ๏ เคยกินนมชมชื่นระรื่นรส พ่อจะอดนมหมองลอองสี ทั้งย่อมเยาว์เบาความได้สามปี เล็กเท่านี้จะไปกระไรเลย ๚ ลืมบอกไปว่า...สุดสาครนั้นได้บรรพชาเป็นมุนีน้อย.. เมื่อลาแม่แล้ว...ก็ออกเดินทางไปตามหาพ่อ... และแล้วก็มาพบกับชีเปลือย..."ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์".. หลอกเอาวิชา...และหลอกให้นั่งภาวนาบนปากเหว.. พอเผลอ...ก็ถูกถีบตกเหวจนสลบไสล.. แล้วเอา...ม้านิลมังกรและไม้เท้ากายสิทธิ์หนีไป.. เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ร้องไห้โฮ... นึกถึงพระเจ้าตา...ให้มาช่วยหนูด้วย..! " ฮือๆ หนูคิดถึงแม่ .. แง้! " ๏ โอ้เจ้าตาอาจารย์ของหลานเอ๋ย พระองค์เคยค่ำเช้าเฝ้าสั่งสอน มาครั้งนี้ชีวาตม์แทบขาดรอน พระอาจารย์มารดรไม่เห็นใจ เมื่อต่อตีผีดิบสักสิบโกฏิ พระมาโปรดหลานรักไม่ตักไษย โอ้ครั้งนี้มิรู้ด้วยอยู่ไกล ไม่มีใครบอกเล่าพระเจ้าตา ๚ ม้ามังกรหนีชีเปลือยมาได้.. ก็กลับมาหาสุดสาคร.. แล้วก็ช่วยแหกปากร้อง ..จ๊าก! เอ๊ย! ฮี้ๆๆๆๆ.. เพื่อให้คนมาช่วย.. ทั้งคนทั้งม้าร้องจนป่าลั่น ......! ๏ บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นจนบนบรรพต แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันสิ้นสุดฦกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลิพันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน ๚ แค้นนี้ต้องชำระ ! สุดสาครเข้าไปตามหา..ชีเปลือยที่เมืองการเวก.. ไปแย่งไม้เท้าคืนมาได้ .. เฒ่าชีเปลือย..ตกใจกระโดดผลุงหนีไป.. ชาวเมืองวิ่งตามกันอลหม่าน.. เสียงดังเข้าไปในวัง .. กษัตริย์เมืองการเวกออกมาเจอสุดสาคร.. ในชุดมุนีน้อย..ก็รู้สึกรักใคร่เอ็นดูยิ่ง จึงตรัสถามว่า ... ๏ เป็นพงศ์เผ่าท้าวพระยาหรือพาณิช กะจิริดรู้ศรัทธาจะหาไหน พระมุนีมีนามกรใด ธุระไรจึงจะมาถึงธานี ๚ ๏ พระหน่อไทได้ฟังรับสั่งถาม จึงตอบความตามจริตกิจฤๅษี อาตมาอายุได้สามปี พระชนนีชื่อมัจฉาวิลาวรรณ์ ๚ อืมมม์ .... เพิ่งรู้เหมือนกันว่านางเงือกชื่อเพราะซะด้วย!.. สุดสาครก็เลยเล่าเรื่อง...ชีเปลือยไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์ให้ฟัง.. หลังจากนั้น..ก็ตามจับตัวมาไต่สวน.. กว่าจะจับได้ก็เหนื่อยนัก.. พวกข้าเฝ้าเข้ากลุ้มรุมกันฉุด แกดิ้นหลุดแพลงพลิกเข้าจิกหัว เมื่อโดนจับได้..แล้วแทนที่จะรับสารภาพ.. เฒ่าเจ้าเล่ห์กับทำปากแข็ง ..แถมยังกวนโอ๊ยอีก..! ๏ ฝ่ายชีเปลือยเหนื่อยอ่อนลงนอนนิ่ง ครั้นรับจริงกลัวจะสั่งให้สังหาร แกล้งบิดเบือนเหมือนเป็นไข้ไม่ให้การ ทำสะท้านเทิ้มเทิ้มระเริ้มริก เขาเตือนตีสีข้างผางถนัด ทำจุกอัดอั้นใจไม่กระดิก เขาจี้จิ้มทิ่มพุงสดุ้งพลิก หัวเราะริกรื้อกลับนั่งหลับตา ๚ พระเจ้ากรุงการเวกจึงสั่งให้นำไป..ผ่าอก..! แต่สุดสาคร ก็สงสาร.. จึงทัดทานทูลท้าวเจ้ากรุงศรี .. เมื่อสุดสาคร..ร้องขอชีวิตเจ้าชีเปลือย.. เจ้าเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่น..จึงรอดตายอย่างหวุดหวิด!!!.. พระเจ้ากรุงการเวก..มีธิดาน้อยองค์หนึ่ง.. ชื่อว่า เสาวคนธ์ ..แต่ไม่มีโอรส.. จึงโปรดสุดสาครนัก.. ทั้งกษัตริย์และมเหสี..ได้เรียก...พระธิดาเสาวคนธ์.. ให้มารู้จักสุดสาคร ...ให้เป็นพี่เป็นน้องกัน ... ๏ พระตรัสพลางทางเรียกธิดาราช มาร่วมอาสน์เนาวรัตน์แล้วตรัสสอน ให้อัญชลีพี่ยาสุดสาคร นางโอนอ่อนอภิวันท์จำนรรจา พี่จ๋าพี่พระแกลตุ๊กแกร้อง ทำบ่วงคล้องมันเสียทีเถิดพี่จ๋า กุมารอุ้มจุมพิตพระธิดา แล้วว่าอย่ากลัวตุ๊กแกเลยแม่น้อง ฉันจะตีที่หลังให้ดังผลุง น้องสดุ้งสรวลสันต์กันทั้งสอง น่าสงสารมารดรกรประคอง อุ้มให้สองทรามเชยเสวยนม สุดสาครนอนทับพระเพลาซ้าย แล้วดื่มสายโลหิตสนิทสนม จนอิ่มหนำฉ่ำชื่นรื่นอารมณ์ นางจูบเกล้าเผ้าผมเฝ้าชมเชย ๚ ชีวิตในวัยเด็กของสุดสาครก็น่ารักอย่างนี้แหละ.. มีขึ้นมีลง แต่ก็วาสนาดี .... "เพราะมีเมตตาธรรม".. ที่นางสุวรรณมาลี.....ล่องเรือมาจนถึงเกาะแก้วพิสดารนั้น.. เพราะนางเป็นคู่หมั้นของอุศเรน..เจ้ากรุงลังกา.. แต่นางไม่สนใจ.. ตอนหลังอุศเรน..โดนสินสมุทรฆ่าตาย (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) .. นางลเวงน้องสาวอุศเรนจึงแค้นใจ ..ยกทัพมาแก้แค้น .. แต่เห็นว่า...พระอภัยมณีหล่อ..ก็เลยแย่งซะเลย.. คือแย่งไปจากนางสุวรรณมาลี..ด้วยเสน่ห์ยาแฝด พระอภัยก็สมยอม.. ครั้นถึงรุ่นลูกเป็นวัยรุ่น.. สุดสาครไปตามหาพ่อ.. นางละเวงก็เลยแนะลูกสาว..ให้ทำกิจกรรมที่แม่ถนัด ..คือการจับผู้ชาย .. *** คงจำกันได้นะว่า...นางผีเสื้อสมุทรนั้นตายตอนไหน..? ตอนพระอภัยฯ อยู่บนเกาะแก้วพิสดารนั้น....นางผีเสื้อมารบกวนไม่ได้.. เพราะเกรงอิทธิฤทธิ์ของพระโยคี.. แต่เมื่อพระอภัยโดยสารสำเภาของนางสุวรรณมาลี..ออกมาจากเกาะแล้ว.. แม่ผีเสื้อก็โผล่มา .. แล้วท้ายที่สุด...ก็ตายเพราะเสียงปี่ของพระอภัยฯ.. ด้วยเพลง The End of The World รึเปล่าก็ไม่รู้นะ.. ระหว่างที่พระอภัยและสินสมุทร..กำลังติดหญิงอยู่ในกรุงลงกา เอ๊ย กรุงลังกานั้น.. นางสุวรรณมาลี พร้อมด้วยสุดสาคร เสาวคนธ์ (ธิดาเจ้าเมืองการเวก) .. และหัสไชย (น้องชายเสาวคนธ์ ซึ่งเกิดทีหลังที่เจ้าเมืองการเวกชุบเลี้ยงสุดสาคร).. ทั้งหมดนี้.....ก็ได้ยกทัพไปบุกเมืองลังกา..ของนางลเวงวัณฬาราช เพื่อจะชิงตัวพระอภัยฯ .. สุดสาครและหัสไชย (น้องชาย).. ก็ได้อาสานางสุวรรณมาลี.....เข้าไปดูพระอภัยในวังของนางลเวง. นางลเวงแสร้งทำยินดี..เตรียมต้อนรับสุดสาครและอนุชา.. แล้วก็แอบยุลูกสาว..ให้เผด็จศึกสุดสาครให้ได้.. แต่นางสุลาลีวัน ลูกสาวนางลเวง.. ไม่มีประสบการณ์..ก็เลยทำอิดออดอิดเอื้อนกระมิดกระเมี้ยน..! ๏ ด้วยไม่เคยเลยหม่อมฉันประทานโทษ อย่ากริ้วโกรธกึ่งตรึกนึกไฉน นางฟังคำร่ำปลอบให้ชอบใจ กลัวทำไมมีผัวอย่ากลัวเลย ไม่ลำบากยากเย็นเป็นแต่เขา เข้าคลึงเคล้าต้องถูกดอกลูกเอ๋ย ชื่นอะไรนั้นไม่รื่นเหมือนชื่นเชย กลัวจะเคยเสียหนักอีกอย่าหลีกตัว ๚ จากนั้นก็ปลุกเสกเลขยันต์กันขนานใหญ่.. แล้วก็อาบน้ำ..แต่งองค์ทรงเครื่อง..ออกไปต้อนรับสุดสาคร.. สุดสาครถึงจะรุ่นหนุ่มแล้ว.. แต่ก็ยังเป็นนักพรตรูปงาม.. สวมใส่หนังเสือเป็นอาภรณ์ดังเดิม.. ๏ สุดสาครค้อนเคืองชำเลืองพิศ ระรื่นฤทธิ์รสสุคนธ์ด้วยมนต์ขลัง ให้เสียวซาบปลาบปลื้มจนลืมชัง เห็นเปล่งปลั่งพรั่งพร้อมลม่อมลไม ๚ เมื่อรู้ว่า..สุดสาครต้องมนต์หลงเสน่ห์ตนแล้ว.. เมื่อได้โอกาส..นางสุลาลีวันจึงให้..สุดสาครปลดเครื่องนักพรต.. เพื่อมาถือเพศฝรั่ง..เมืองลังกาดูบ้าง.. จึงว่าพี่นี้ไม่ขัดหัทยา อยากเป็นฝาหรั่งเล่นเย็นเย็นใจ.. ทีนี้แหละ..นางสุลาลีวันก็ทำกระแดะเล่นตัว.. ก็ยิ่งทำให้สุดสาคร ฟืดฟาด! ฟืดฟาด!... ๏ ห้ามเท่าไรไม่ยั้งไม่ฟังห้าม ตามเถิดตามบุญกรรมแกล้งทำเฉย พระกอดช้อนกรต้องประคองเชย ต่างไม่เคยขามเขินเผอิญเป็น กระดี้กระดิกพลิกเพลี่ยงเบือนเบี่ยงบิด เหมือนเรือติดตมตื้นจะขืนเข็น แต่สาวหนุ่มชุ่มชื่นระรื่นเย็น บังเกิดเป็นอัศจรรย์ไม่ทันรู้ ด้วยรวดเร็วเปลวไฟประไลยราค เหมือนขึ้นปากนกหินดินใส่หู พอลั่นฉับสับไกก็ไฟพรู เสียงฟุบฟู่ฟุ้งฟูมดังตูมตึง ต่างละเลิงเชิงชมภิรมย์รื่น อันรสอื่นหรือจะเปรียบประเทียบถึง นางเมียยั่วผัวเย้าเฝ้าเคล้าคลึง จนเหนื่อยจึงเคลิ้มหลับระงับไป ๚ โถ! ... สุดสาครจะมา รบทัพจับศึก กลับมาโดน ล้มทับจับสึก ซะแล้ว.. ต่ อ จ า ก นั้ น ก็ มี ก า ร ร บ พุ่ ง กั น อ ยู่ อี ก ห ล า ย ต ล บ ! ! ! .. จนกระทั่งพระฤๅษีจากเกาะแก้วพิสดาร มาเทศนาโปรดทัพทั้งสองให้เลิกแล้วต่อกัน จึงสงบศึกปรองดองกันได้ โดยนางลเวงได้เชิญนางสุวรรณมาลีและทัพกษัตริย์ทั้งหมดเข้าเมือง นอกจากนี้นางลเวงยังยอมให้นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชรในระหว่างชมสวนอีกด้วย ต่อมานางเสาวคนธ์.. ที่เคยเล่นตุ๊กแกที่พระแกล(หน้าต่าง)กับสุดสาครในวัยเด็ก.. ก็งอนเช้งหนีกลับไป .. สุดสาครรู้เข้า..ก็ชวนหัสไชย(อนุชาเสาวคนธ์).. ติดตามนางเสาวคนธ์..ไปง้องอนอย่างกระชั้นชิด แต่ก็ไม่เป็นผล.. จึงได้แต่พร่ำรำพึงเป็นบทกลอน.. ที่คุ้นหูและโดนใจคนหนุ่มในกลุ่มแห้วมาทุกยุคสมัยว่า .... จะเรียนร่ำทำอะไรไม่ลำบาก .... ให้ยอดยากอย่างเดียวเกี้ยวผู้หญิง แต่ถ้าเนื้อคู่แล้วย่อมไม่แคล้วคู่กัน.. หนีได้ก็หนีไป ..หนีอย่างไรก็ไม่พ้น.. เสาวคนธ์เดินหน้าต่อไป..หลายบทหลายตอน.. ทั้งแปลงกายเป็นฤๅษี...จนกระทั่งไปตีได้เมืองวาหุโลม.. แต่สุดสาคร...ก็ตามไปพบจนได้ ..แล้วก็ได้สุขสมอารมณ์หมาย.. ๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงแว่วเสียงตรัส กลับสงัดเงียบระงับหรือหลับไหล ค่อยแหวกม่านคลานแลอยู่แต่ไกล เห็นเนาในแท่นทองทั้งสององค์ นึกเอะใจใครหนอนอนคลอเคล้า พลางเคียงเข้าพินิจพิศวง สังเกตจำสำคัญได้มั่นคง รู้ว่าองค์เชษฐาสุดสาคร ๚ ครับ! เรื่องสุดสาครก็ขอจบลงเพียงตรงนี้ .. แต่ก็ขอสรุปเรื่องพระอภัยมณีลงไปด้วยเลยว่า.. ตอนจบนั้นพระอภัยมณีไปบวชเป็นฤๅษี.. โดยมีนางสุวรรณมาลีและนางลเวงตามไปบวชเป็นชีด้วย.. ส่วนศรีสุวรรณอนุชาของพระอภัยมณี..ก็กลับไป.. ครองเมืองรมจักร..ของนางเกษราผู้เป็นมเหสี.. ๏ สินสมุทรไปบำรุงกรุงผลึก ได้ปราบศึกสืบวงศ์เหล่าพงศา สุดสาครเสาวคนธ์สุมณฑา ครองลังกาผาสุกสนุกสบาย ๚ มีอีกหลายตอนครับ.. ถ้าเพื่อนๆ..ชอบ.. ไว้ผมจะ..นำมาลง..ในโอกาสต่อไปครับ.. (ปล.ทุกตัวอักษรที่เพื่อนได้อ่าน.. มีผู้ได้ร้อยเรียงไว้อยู่แล้ว.. ผู้โพล็ท..ทำหน้าที่เพียงแค่.. มาจัดตำแหน่งวรรคตอนของอักษรใหม่ และนำเสนอต่อ.. เพื่อให้..ง่ายต่อการอ่านและทำความเข้าใจ...ของเพื่อนๆครับ..) หัวข้อ: Re: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ) เริ่มหัวข้อโดย: KCK ที่ ธันวาคม 05, 2008, 12:32:38 AM ผมจำได้คร่าวๆแค่บทเดียว
บัดเดี๋ยวดังง่างเง้งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นจนบนบรรพต แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คตเหมือนหนึ่งน้ำใจคน มนุษย์นี้มีรักสองสถาน บิดามารดารักมักเห็นผล ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แก่กายตน เกิดเป็นคนเห็นด้วยจึ่งเจรจา ใครรักรักมั๊งชังชังตอบ ให้รอบคอบเรียนรู้นะหลานตา รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี หัวข้อ: Re: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ) เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ ธันวาคม 05, 2008, 12:57:28 AM เยี่ยมมากครับผม..
ที่จำบทนี้ได้.. บทนี้..เป็น..เป็นเหมือนแก่นในการระวัง.. และ..เตือนสติ..ให้ทุกคนที่อ่านและตีความหมายออก.. สามารถมาประยุกค์เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน.. เป็นกุสโลบายของท่านผู้ประพันธ์.. ในการฝากข้อคิด..ลงมา.. ผ่านทางบทประพันธ์ของตัวผู้ประพันธ์เอง.. ซึ่งก็ไม่น่าเชืออีกเหมือนกันว่า.. ถึงเวลาจะผ่านมา..สองร้อยกว่าปีแล้ว.. บทประพันธ์บทนี้.. ก็ยังสามารถ.. นำมาเป็นเป็นแนวคิดหรือหลักยึดถือปฏิบัติในปัจจุบันได้..เป็นอย่างดี..! หัวข้อ: Re: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ) เริ่มหัวข้อโดย: KCK ที่ ธันวาคม 05, 2008, 01:14:27 AM คุณtodsagun ครับ มีเรื่องรบกวนครับไม่ทราบพอจะรู้ไหมว่า กลอนบทนี้เต็มๆว่าอย่างไร ผมจำได้สั้นๆว่า
เจ็บเพราะลิ่มตอกต้นมันเอง ผมอ่านเจอนานแล้วจำทั้งบทไม่ได้ ได้แค่นี้แหละครับ ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ) เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ ธันวาคม 05, 2008, 01:32:57 AM คุณtodsagun ครับ มีเรื่องรบกวนครับไม่ทราบพอจะรู้ไหมว่า กลอนบทนี้เต็มๆว่าอย่างไร ผมจำได้สั้นๆว่า เจ็บเพราะลิ่มตอกตนมันเอง ผมอ่านเจอนานแล้วจำทั้งบทไม่ได้ ได้แค่นี้แหละครับ ขอบคุณครับ ไม่คุ้นเลยครับ.. ต้องรบกวนเพื่อนๆ..ที่พอรู้.. ช่วยอธิบาย..เพิ่มเติมให้ที.. ผมก็..อยากรู้เหมือนกันครับ.. เดาว่า..น่าจะ..(ไม่ขอยืนยันในความเห็นครับ) เป็นข้อคิดในการให้อภัย.. หรือปล่อยวางในเรื่องความแค้นหรืออิจฉาริษยาหรือเปล่า.. สำนวนเหมือนของพระภิกษุ...ฝากเป็นกลอนธรรมมะเตือนใจมากกว่า.. หัวข้อ: Re: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ) เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ ธันวาคม 05, 2008, 10:37:53 AM ผมชอบรามเกียรติ์ มากกว่าครับ สอนให้รู้ว่าคนชั่วยังไงก็แพ้คนดี ถึงจะมี 20 มือ ก็สู้คนดีไม่ได้ ;D
หัวข้อ: Re: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ) เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ ธันวาคม 05, 2008, 11:09:49 AM ก็หน้ายักษ์..นี่ครับ..
ใครเห็น..เขาก็รู้ว่าเป็นฝ่ายไม่ดีแน่นอน.. สำหรับรามเกียรติ์.. ท่านลองทบทวน..ถึงตัวแสดงแต่ละตัว..ดูใหม่.. แล้วลอง..เขามาแสดงความเห็นอีกทีนะครับ.. ว่าตัวแสดง..ที่สวมหัวโขนหน้ายักษ์ในเรื่อง.. เป็นคนชั่วจริงหรือ..? หัวข้อ: Re: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ) เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ ธันวาคม 05, 2008, 11:51:41 AM ตอน พระอภัยมณีและศรีสุวรรณออกจากวัง
แต่ปางหลังยังมีกรุงกษัตริย์ สมมุติวงศ์ทรงนามท้าวสุทัศน์ ผ่านสมบัติรัตนานามธานี อันกรุงไกรใหญ่ยาวเก้าสิบโยชน์ ภูเขาโขดเป็นกำแพงบูรีศรี สพรึบพร้อมไพร่ฟ้าประชาชี ชาวบูรีหรรษาสถาวร มีเอกองค์นงลักษณ์อรรครราช พระนางนาฏนามประทุมเกสร สนมนางแสนสุรางคนิกร ดังกินนรน่ารักลักขณา มีโอรสสององค์ล้วนทรงลักษณ์ ประไพพักตรเพียงเทพเลขา ชื่ออภัยมณีเป็นพี่ยา พึ่งแรกรุ่นชัณษาสิบห้าปี อันกุมารศรีสุวรรณนั้นเป็นน้อง เนื้อดังทองนพคุณจำรุญศรี พึ่งโสกันต์ชัณษาสิบสามปี พระชนนีรักใคร่ดังไนยนา ๚ พระอภัยมณีเป็นโอรสองค์ใหญ่ของท้าวสุทัศน์.....(กษัตริย์เมืองรัตนา) มีพระอนุชาชื่อศรีสุวรรณ.. ทั้งสองเป็นเจ้าชาย..รูปงามน่ารักใคร่ .. ทั้งสองจากบ้านเมืองไป...เรียนวิชาจากทิศาปาโมกข์... เยี่ยงลูกกษัตริย์ทั้งหลาย .. พระอภัยมณีเรียนวิชาเป่าปี่ได้เป็นเอก.. อานุภาพของปี่นั้นพระอาจารย์บอกว่า.. ๏ ถ้าแม้นว่าข้าศึกมันโจมจับ จะรบรับสารพัดให้ขัดสน เอาปี่ป่าเล้าโลมน้ำใจคน ด้วยเล่ห์กลโลกาห้าประการ คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส เกิดกำหนัดลุ่มหลงในสงสาร ให้ใจอ่อนนอนหลับดังวายปราณ จึงคิดอ่านเอาไชยเหมือนใจจง ๚ ส่วนศรีสุวรรณเลือกเรียนวิชากระบี่กระบอง.........จนเป็นเลิศเช่นกัน.. ท้าวสุทัศน์ทราบเรื่อง..ก็โกรธมาก.. ขับไล่พี่น้องทั้งสองออกจากเมืองไป.. เจ้าชายทั้งสองตกใจมาก..จนสลบต่อหน้าพระที่นั่ง.. เมื่อฟื้นมาก็รีบออกจากเมือง.. ๏ เผื่อพบพานบ้านเมืองที่ไหนมั่ง พอประทังกายาอยู่อาไศรย มีความรู้อยู่กับตัวกลัวอะไร ชีวิตไม่ปลดลงคงได้ดี ๚ แล้วจะมาต่อให้ใหม่.....นะครับ... (โปรดติดตามตอนต่อไป..) หัวข้อ: Re: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ) เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ ธันวาคม 05, 2008, 12:35:14 PM ก็หน้ายักษ์..นี่ครับ.. ยักษ์ชั่วไม่หมดทุกตน ครับ แต่มีหัวหน้าที่ชั่วเลย ทำให้เมืองยักษ์ ต้องรับกับพระราม เลยเป็นเหตุให้ยักษ์ตายเป็นจำนวนมาก ;Dใครเห็น..เขาก็รู้ว่าเป็นฝ่ายไม่ดีแน่นอน.. สำหรับรามเกียรติ์.. ท่านลองทบทวน..ถึงตัวแสดงแต่ละตัว..ดูใหม่.. แล้วลอง..เขามาแสดงความเห็นอีกทีนะครับ.. ว่าตัวแสดง..ที่สวมหัวโขนหน้ายักษ์ในเรื่อง.. เป็นคนชั่วจริงหรือ..? หัวข้อ: Re: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ) เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ ธันวาคม 05, 2008, 02:35:03 PM โห...อาการนี้..มีนัยยะในข้อความแอบแฝงนะเนี่ย..!
แถวบ้านผม..เขาเรียกว่า.. สกูรไซด์..สโล่ห์..ฟาดชิ่ง..ครับ ::005:: ::005:: ::005:: หัวข้อ: Re: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ) เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ ธันวาคม 05, 2008, 03:26:49 PM โห...อาการนี้..มีนัยยะในข้อความแอบแฝงนะเนี่ย..! ผมพูดถึงทศกัณฑ์ ยักษ์ชั่วครับ ::005::แถวบ้านผม..เขาเรียกว่า.. สกูรไซด์..สโล่ห์..ฟาดชิ่ง..ครับ ::005:: ::005:: ::005:: หัวข้อ: Re: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ) เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ ธันวาคม 05, 2008, 06:04:30 PM งั๊นเดี๋ยว..เรามารอชมภาคต่อไปดีกว่า..
หลังจากโดนหนุมาณ..เผากรุงไปแล้ว.. จะมาไม้ไหนอีก.. แต่ที่แน่ๆ... เรื่องนี้..ยาว..ชัวร์ เดื่อดร้อนกันทั้งยักษ์ทั้งลิงแหล่ะ..งานเนี๊ย..! หัวข้อ: Re: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ) เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ ธันวาคม 05, 2008, 06:46:09 PM ตอน : พบสามพราหมณ์และนางผีเสื้อสมุทร
พระอภัยมณีและศรีสุวรรณ.... เดินทางมาจนถึงชายฝั่งทะเล..... ได้พบกับพราหมณ์หนุ่มสามคน........ เมื่อพราหมณ์ทั้งสาม ทราบว่าเป็น.......ลูกกษัตริย์..... ก็แสดงความนอบน้อม...... ๏ ดรุณพราหมณ์สามคนได้แจ้งอรรถ ว่ากษัตริย์สุริยวงศ์ไม่สงสัย ประณตนั่งบังคมขออภัย พระอย่าได้ถือความข้าสามคน ซึ่งพระองค์สงสัยจึงไต่ถาม จะทูลความให้แจ้งแห่งนุสนธิ์ ข้าชื่อ วิเชียร โมรา เจ้าสานน ทั้งสามคนคู่ชีวิตเป็นมิตรกัน แสวงหาตั้งเพียรเพื่อเรียนรู้ ได้เป็นคู่ศึกษาวิชาขยัน ได้รู้เรียกลมฝนคือคนนั้น ข้าแข็ง ขันยิงธนู สู้ไพริน ยิงออกไป ได้ทีละเจ็ดลูก จะให้ถูกตรงไหน ก็ได้สิ้น คนนั้นผูกเรือยนต์แล่นบนดิน อยู่บ้าน อินทคาม ทั้งสามคน ๚ พราหมณ์ทั้งสามพอจะเข้าใจถึงประโยชน์... ของในวิชากระบี่กระบองที่ศรีสุวรรณร่ำเรียนมา.... แต่ยังสงสัยว่า.........เหตุใดพระอภัยมณีจึงไปเรียนการเป่าปี่..? พระอภัยมณีจึงตอบไปว่า....... อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์ ๏ ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช จตุบาทกลางป่าพณาสิณฑ์ แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา ๏ ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญา จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง ๚ จากนั้นพระอภัยมณีก็หยิบปี่ขึ้นมาเป่าให้พราหมณ์ทั้งสามฟัง.........! ๏ ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย ถึงร้อยรสบุบผาสุมาลัย จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่เลย ๚ ๏ พระจันทรจรสว่างกลางโพยม ไม่เทียบโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน ๚ ๏ เจ้าพราหมณ์ฟังวังเวงวะแว่วเสียง สำเนียงเพียงการเวกกังวานหวาน หวาดประหวัดสตรีฤดีดาล ให้ซาบซ่านเสียงสดับจนหลับไป ๚ ๏ ศรีสุวรรณนั้นนั่งอยู่ข้างพี่ ฟังเสียงปี่วาววับก็หลับไหล พระแกล้งเป่าแปลงเพลงวังเวงใจ เป็นความบวงสรวงพระไทรที่เนินทราย ๚ บริเวณใกล้เนินทรายใต้ต้นไทรนั้น มีผีเสื้อยักษ์อาศัยอยู่ใต้สมุทร....! ซึ่งนางกำลังออกหาอาหารในยามเย็น..... ได้ฟังเสียงปี่ก็ตามเสียงปี่มา... จนพบพระอภัยมณีเข้า...ก็หลงทันที... นางรำพันถึงถึงพระอภัยมณีว่า .... ๏ ทั้งทรวดทรงองค์เอวก็อ้อนแอ้น เป็นหนุ่มแน่นน่าชมประสมสอง ถ้าแม้นได้กับกูเป็นคู่ครอง จะตระกองกอดแอบไว้แนบเนื้อ น้อยหรือแก้มซ้ายขวาก็น่าจูบ ช่างสมรูปนี่กระไรวิไลเหลือ ทั้งลมปากเป่าปี่ไม่มีเครือ นางผีเสื้อตาดูทั้งหูฟัง ยิ่งปั่นป่วนรวนเรเสน่ห์รัก สุดจะหักวิญญาณ์เหมือนบ้าหลัง อุตลุดผุดทะลึ่งขึ้นตึงตัง โดยกำลังโลดโผนกระโจนโจม แล้วนางก็สะกดพระอภัยมณี.......แล้วลักพาไปไว้ในถ้ำใต้สมุทร..... จากนั้นก็แปลงกาย...........เป็นสาวสวยคอยรับใช้....คอยนวดเฟ้นอยู่.... เมื่อพระอภัยมณีฟื้นขึ้นมา....ก็รู้ว่านางไม่ใช่มนุษย์... เพราะนัยตาไม่มีแวว...! จึงบอกนางว่า......เรานั้นต่างเผ่าพันธุ์กันจะอยู่กันได้อย่างไร..? นางผีเสื้อได้ฟังน้ำเสียงของพระอภัยฯ... ก็เกิดหลงรักขึ้นมาอีก...จึงกล่าวว่า... ๏ อันน้องนี้ไร้คู่ที่สู่สม เป็นสาวพรหมจารีไม่มีผัว ถึงเป็นยักษ์ยังไม่มีราคีมัว พระมากลัวผู้หญิงด้วยสิ่งใด แม่เจ้าเอยคิดมาน่าหัวร่อ เห็นเค้าง้อแล้วยิ่งว่าไม่ปราศรัย พลางแกล้งทำสะบัดสะบิ้งทิ้งสไบ ร้อนเหมือนใจจะขาดประหลาดนัก แล้วแกล้งทำสำออยพูดอ้อยอิ่ง เข้าแอบอิงเอนทับลงกับตัก ยิ่งถอยหนีก็ยิ่งตามด้วยความรัก ยิ่งพลิกผลักก็ยิ่งแอบแนบอุรา ๚ พระอภัยมณีก็ตกใจและรำคาญเป็นอย่างมาก... จึงถีบนางยักษ์ตกจากแท่น.... แต่นางยักษ์ก็ไม่ยอมละความพยายาม........ตามตื้อจนถึงที่สุด... ๏ เกิดกุลาคว้าว่าวปักเป้าติด กระแซะชิดขากบกระทบเหนียง กุลาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแชะชิด กุลาโคลงไม่สู้คล่องกระพร่องกระแพร่ง ปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด จะแก้ไขก็ไม่หลุดสุดความคิด ประกบติดตกผางลงกลางดิน ๚ พระอภัยมณีจำต้องทนอยู่กินกับนางผีเสื้อ......จนมีลูกชายชื่อ...."สินสมุทร" ซึ่งต่อมาสินสมุทรก็จับเงือกมาให้พ่อเล่น.... แล้วพวกเงือกเหล่านั้น........ก็พาพระอภัยมณีและสินสมุทร์หนีนางผีเสื้อยักษ์ไปตั้งหลักที่ ..."เกาะแก้วพิสดาร" (โปรดติดตามตอนต่อไป...) |