เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งจะเข้ารับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2551 ที่สวีเดนในสัปดาห์นี้ เปิดเผยเมื่อวานว่า เศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินไปอีกอย่างน้อย 3 ปีโดยจะประสบภาวะถดถอยไปจนถึง 2554 และอาจจะยืดเยื้อไปนานกว่านั้นก็เป็นได้

สิ่งที่เขากลัวขณะนี้คือโลกทั้งหมดอาจประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแบบเดียวกับญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1990 โดยจะเห็นโลกมีอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อ 0% และไม่มีสัญญาณของการฟื้นตัว ซึ่งสถานการณ์แบบนี้จะยืดเยื้อไปนานมากๆ นอกจากนี้จะได้เห็นวิกฤติแบบรุนแรงที่สุดในหลายประเทศที่มีปัญหา โดยรากเหง้าของวิกฤติที่เกิดขึ้นในอาร์เจนตินาหรืออินโดนีเซียเมื่อหลายปีก่อน จะเกิดขึ้นในฝั่งยุโรป

ครุกแมน ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันและคอลัมน์นิสต์ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ เคยบอกก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใช้งบประมาณอย่างน้อย 6 แสนล้านดอลลาร์หรือราว 21 ล้านล้านบาท อย่างน้อย 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีภายในปีหน้า

แต่เขาบอกเมื่อวานว่าจำนวนเงินดังกล่าวไม่เพียงพอยับยั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจแล้ว โดยแค่ช่วยให้ชะลอตัวอย่างไม่รุนแรงนักเท่านั้น และคาดว่า อัตราการว่างงานของสหรัฐจะสูงถึง 10% หรือมากกว่านั้น หากไม่มีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ และแนะว่าเงินส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจควรมุ่งเน้นใช้จ่ายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะให้ผลประโยชน์ในระยะยาวแก่ประเทศ แม้ว่าจะทำให้ต้องประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณสูงมากในช่วงระยะสั้น



 ::012:: ::012:: ::012::

เมื่อเป็นแบบนี้ก็ควรมีการตั้งคำถามว่า หากนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลท่านนี้ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะทำงาน ของรัฐบาลกลางประเทศสหรัฐอเมริกา ท่านจะเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมอะไรบ้าง? และมีวิธีการหรือขั้นตอนในการดำเนินการตามแผนนั้นอย่างไร?

เห็นด้วยครับเฮีย...

ผมคิดว่าในไม่ช้า ท่านนี้จะต้องโดนตั้งคำถามแน่นอน ไม่น่ารอด...

แต่เกรงว่าจะได้คำตอบแบบที่ ไม่สามารถปฏิบัติได้จริงกับรูปแบบการบริหารปัจจุบันเนี่ยสิ

ไหนๆคุณเบิ้มก็หามาให้อ่านกันแล้ว ฝากตามบทสัมภาษณ์ที่อาจจะมีต่อด้วยนะขอรับ....  ;D ;D

คิดแบบคนพออยู่พอกินก็ไม่เดือดร้อนมาก    เราถอยมากไปน้ำขึ้นก็ตักไม่ทัน   โลภมากไปก็น้ำท่วมตาย

ฝรั่งมันเดือดร้อนเกินปี 54 แน่นอนครับ เพราะมันเป็นตัวก่อปัญหาและปัญหาก็เกิดที่จากที่บ้านมันนั่นแหละ
แต่ไทยเราอยู่รอบนอกของวิกฤต น่าจะฟื้นตัวเร็วกว่า เว้นแต่รัฐบาลยังหน้ามืดมัวแต่ไปพึ่งพาตลาดส่งออก
อยู่ที่เดิม แบบนี้ก็คงจะฟื้นช้าหน่อย

::002::

      เห็นด้วยครับ ..... แต่พวกนี้ชอบตามก้นฝรั่งด้วยสิ

      ทำตัวให้เล็กหลบพายุฝน ดีกว่ากร่างให้ตัวโตไปรับคลื่นลม

แค่ที่เป็นอยู่นี้ก็แทบกระอักแล้วครับน้าเบิ้ม :<<

ผมนึกถึงคอลัมนิสต์ไทยคนหนึ่ง....

แต่ก่อนเคยคิดว่ามีวิสัยทัศน์และวิจารณญาณ

แต่หลังๆ ออกแนว เก่งตลอด เก่งคนเดียว คนอื่นทำอะไรไม่เป็น

ถ้าอ่านคอลัมน์เขามักเขียนว่า  ถ้ารัฐบาลไทยทำนู่นทำนี่ ตั้งแต่ 10 ปี ก่อน ป่านนี้ เราไปเป็นผู้นำใน อัฟริกา รัสเซีย ฯลฯ

อยากรู้จริงๆว่า ในเมื่อคุณรู้ล่วงหน้ามา 10 ปี ได้เคยทำเอกสารวิจัย หรือ เสนอให้รัฐทำหรือไม่..

คุณรู้คุณเห็นอยู่คนเดียว โดยไม่เผยแพร่ พอ 10 ปี ผ่านไป มานั่งบ่นนู่นบ่นนี่......จะเกิดประโยชน์อะไร

พอนึกออกไหมครับว่าผมหมายถึงใคร

คุณโอ้ค  คอลัมนิสต์ ท่านนั้นผมดูออกตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว  แต่ตอนนั้นผมพูดคุยอธิบายกะญาติ ร่วมถึงเพื่อนบ้าน ต่างก็ยังไม่รู้เท่าทัน ช่วงนั้นเขาคลั่งแบบ คลั่งดารากันเลยนะ   แต่กาลเวลามันก็พิสูจน์ ออกมาแล้วว่าเขารับใช้มวลชน หรือกลุ่มบุคคลกันแน่

เขารับใช้กระเป๋าของเขาเองเป็นใหญ่ มีสารพัดบริษัทในเครือ

รับใช้กลุ่มบุคคลเป็นรอง  กรอกหูมวลชนเป็นหลัก

ก็ขนาดน้องชายเขาเอง ยังตัดญาติกับพี่ชายคนนี้......

นั่นแหละครับ เป็นประเด็นที่ผมมอง ;D

สมัยก่อน เปิดดูข่าวเศรษฐกิจช่องยูบีซีในตอนเช้า จะพบ รศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช แสดงความคิดเห็นแบบรายวัน (เหมือนคอลัมนิสต์บางคนของนายโอ๊ค ;D ) ไอ้กระผมก็นึกว่าเขาเก่งอย่างที่พูด แต่พอได้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กลับบริหารงานได้จนชาวบ้านส่ายหัว ;D

ตอนอยู่ข้างเวทีล่ะเป็นเซียน พอขึ้นเวทีกลายเป็นหมู ;D

     ใช่คนที่เอาลูกสาวมาทำรายการด้วยหรือเปล่าครับ ..... เที่ยวนี้ทำไมไม่ลงสมัคร ผว.กทม.นะ

คนนั้นน่านแหละครับน้าปู

หน้า 2 ของไทยรัฐใช่ไหมครับ  ??? ???

คนที่เปิดโรงเรียนติวเตอร์ เปิด บ.ทัวร์ เปิด บ.ทำรายการทีวี และอีกหลายๆ บ.

และในช่วงที่การเมืองรุนแรง เวปไซต์หมิ่นเบื้องสูงมากมาย คอลัมน์นี้ ไม่รู้ว่าทำคะแนนกับใคร หรือทำแต้มให้ตัวเอง...

จะมีคอลัมน์ การล่มสลายของราชวงศ์โมนอฟ การเติบโตของโคไมนี่ การสิ้นพระชนม์ของราชวงศ์เนปาล

การปฏิวัติฝรั่งเศส ฯลฯ....โผล่มาอีกมากมาย....

.
.

เรื่องจริงอีกมุมที่มีคนรู้น้อย ว่านักเรียนทุนต่างชาติคนนี้ เคยเรียนในร.ร.นายร้อย Officer Cadet  School, Portsea ออสเตรเลีย แต่ถูกให้ออกเนื่องจากฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์

หรือ เรื่องการเขียนด่านายทุนตัวเองออกสื่อ สุดท้าย...หุหุหุ

หรือ เรื่องนามสกุลเดิมคือ อยู่พร้อม ....

ช่วงแรกของการทำงานสื่อ ดูเหมือนมีอุดมการณ์แบบหนึ่ง.......แต่สุดท้ายก็ดีแตก....


ลองเซิร์ทข้อมูลเรื่อง ป้าเช็ง ดูครับ ได้ยินอะไรดีๆแน่ๆครับ แต่เตือนไว้ก่อนว่า แรงแน่นอน