เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ผมฟังข่าวเห็นว่าจะยกเลิกระบบซี  ของข้าราชการ เลยอยากรู้ว่าทีนี้เราจะให้ ข้าราชตำแหน่ง
  อะไรเซ็นรับรองล่ะครับ ถามเพื่อนๆพี่ๆด้วยครับ

เดี๋ยวก็คงมีทางออกครับ

ระบบใหม่ก็ยังสมารถเทียบกับระบบเก่าได้ครับ...

ทีทหาร/ตำรวจเขาไม่ได้ใช้ซียังรับรองได้เลยครับ...:D

จนถึงบัดนี้ผมยังไม่เข้าใจเลยว่ายกเลิกแล้วได้อะไร   ;D

ถ้าอธิบายไปก็จะไปเข้าเรื่องการเมืองครับ  (เหนื่อยใจแทนประเทศไทย)   ::004::

ช่วงนี้มีอะไรแปลกๆออกมาเยอะนะครับประเทศเรา

ก็นายอำเภอคนเดิม  แหละครับ

...คนที่อยู่ในระบบเขาน่าจะกังวลมากกว่าครับ  :)

คงใช้ตำแหน่งตั้งแต่ระดับ หัวหน้ากลุ่มงานขึ้นไปรับรองความประพฤติให้

ตอนผมขอ ป3. ล้าสุดก็ไม่มีระบบซี แล้ว แต่ตำแหน่งในระบบใหม่ยังเทียบเท่ากับซีในระบบเก่าอยู่ครับ ของผมใช้ครู คป.2 เทียบเท่า ซี7 ก็อนุมัิติครับ ไร้ปัญหา

น่าจะเป็น คศ.๒ ครับพี่  ไม่ใช่ คป.๒  ;D



ตอนแรก ๆ ของสายครู  เริ่มสตาร์ทที่ครูผู้ช่วย ซึ่งเทียบเท่า ซี๓    สมัยก่อนโน้นใน ๓ จชต. ครูหลายคนตอบคำถามและอธิบายเจ้าหน้าที่กันตั้งนานว่าเป็นข้าราชการ ไม่ใช่อัตราจ้าง  เนื่องจากทางสายงานครูไม่ได้แจ้งให้หน่วยงานข้างเคียงทราบ   :D

ลองอธิบายหน่อยครับ   ผมจะได้ทราบว่ามีข้อดีข้อด้อยอย่างไร   :)


เพราะถ้าอย่างที่เคยได้ยินว่ากลัวจะมีการวิ่งเต้นอัพซี  มันก็ไม่น่าจะใช่ประเด็นโดยตรง เพราะถ้าขั้นเงินเดือนถึงมันจะเขยิบให้เองโดยอัตโนมัติ ;D



แต่ผมคิดว่าทางฝ่ายทะเบียนปืน น่าจะมีการเทียบการเซ็นรับรองให้แน่นอน  เหมือนอย่างกรณีของตำรวจหรือทหารที่เป็นชั้นยศที่ว่ายศนี้เท่ากับซีเท่าไรในสมัยก่อน    แต่ว่าในต่างจังหวัดถ้าไม่ใช่ข้าราชการก็ให้ผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันเซ็นรับรองให้เหมือนเดิม  แต่ถ้าเป็นข้าราชการก็หัวหน้าหน่วยงานเหมือนเดิมเช่นกัน  เพราะฉะนั้นผมคิดว่าน่าจะไม่มีผลกระทบครับ

นักการเมืองเอาคนนอกของตัวเองมาเสียบได้ง่ายครับ พ่อค้า พรรคพวกตัว ที่ไม่เคยเป็นข้าราชการเลยจะได้เข้ามาเป็นระดับบริหารเลย เปรียบเสมือนมาคุมงานทำนอง รมต แต่งตั้ง แต่ที่จริงมาคุมนโยบายระดับปฏิบัติการ ตัวอย่างที่เขาเล็งไว้ก็อย่างทูต CEO ตามธรรมดาพวกนักการทูตอาชีพมักชอบแข็งข้อ ไม่ "ครับนายท่าน" ครั้นจะรีบตั้งพวกตัวก็ไม่ทันใจและดนคนในต่อต้าน

ที่นี้สมมติว่าเอาพวกพ่อค้าไก่ หรือระบบโทรศัพท์มาเป็นเอกอัครราชทูต ดำเนินความสัพันธ์กับประเทศไหน เจรจาเรื่องข้อตกลงการค้าอะไร ก็จะขายไก่ ขายไก่ ขายโทร ขายโทร อย่างเดียว เอาประเทศไปต่อรองหาเงินเข้ากระเป๋าส่วนตัวครับ

ใช้เทียบเอาครับ     ก็ให้หัวหน้าในหน่วยงานคนเดิมที่ซี 8  เซ็นต์ให้นั่นแหละ

ถ้าจำไม่ผิด  ระบบใหม่ เป็นดังนี้ครับ

ซี 1-3 เรียกว่า ระดับผู้ปฏิบัติการ
ซี 4-6 เรียกว่า ระดับผู้บริหาร
ซี 7-8 เรียกว่า ระดับผู้บริหารระดับสูง
ซี 9 ขึ้นไป เรียกว่า ระดับผู้เชี่ยวชาญ

จำได้คร่าวๆนะครับ  ผมอาจจะไล่ผิดก็ได้   แต่ให้เข้าใจรูปแบบการแบ่งเกรดตามนั้น 

ซึ่งผมคิดว่า  การวิ่งเต้นมันก็มีอยู่ดี   ไม่มีซี แต่กลายมาเป็นระดับ   ซึ่งใครๆก็อยากเป็นผู้บริหารทั้งนั้น   

นึกแล้วเชียว ว่าต้องมีอะไรอยู่ในกอไผ่ สุดท้ายก็มีจริง ๆ ด้วย ::009::   หากเป็นเช่นนี้ ไม่มีการแก้ไข อนาคตประเทศไทยรุ่งริ่งแทนที่จะรุ่งโรจน์เป็นแน่แท้เชียว ::009:: ::009::

ระบบใหม่ครับ

ซี 1-2 จะเป็น ปฏิบัติงานสายทั่วไป เงินเดือน 4.6-18 เค

ซี 3-4 จะเป็น ปฏิบัติงานสายทั่วไป เงินเดือน 4.6-18 เค หรือ ปฏิบัติการสายวิชาการ/วิชาชีพ เงินเดือน 7.9-22 เค

ซี 5 จะเป็น ชำนาญงานสายทั่วไป เงินเดือน 10-33 เค หรือ ปฏิบัติการสายวิชาการ/วิชาชีพ เงินเดือน 7.9-22 เค

ซี 6 จะเป็น ชำนาญงานสายทั่วไป เงินเดือน 10-33 เค หรือ ชำนาญการสายวิชาการ/วิชาชีพ เงินเดือน 14-36 เค

ซี 7 จะเป็น อาวุโสสายทั่วไป เงินเดือน 15-47 เค หรือ ชำนาญการสายวิชาการ/วิชาชีพ เงินเดือน 14-36 เค

ซี 8 จะเป็น ทักษะพิเศษสายทั่วไป เงินเดือน 48-59 เค หรือ อำนวยการระดับต้น เงินเดือน 25-50 เค หรือ ชำนาญการพิเศษสายวิชาการ/วิชาชีพ เงินเดือน 21-50 เค

ซี 9 จะเป็น อำนวยการระดับสูง เงินเดือน 31-59 เค หรือ บริหารระดับต้น เงินเดือน 48-64 เค หรือ เชี่ยวชาญสายวิชาการ/วิชาชีพ เงินเดือน 29-59 เค

ซี 10 จะเป็น บริหารระดับต้น เงินเดือน 48-64 เค หรือ ทรงคุณวุฒิสายวิชาการ/วิชาชีพ เงินเดือน 41-66 เค

ซี 11 จะเป็น บริหารระดับสูง เงินเดือน 53-66 เค หรือ ทรงคุณวุฒิสายวิชาการ/วิชาชีพเงินเดือน 41-66 เค

ซ้ำซ้อนดีไหมครับ? ดังนั้นที่เดิม ซี เท่ากันก็จะมีหลายสาย จึงเกิดการ "เสียบ" ได้ เพราะใช้เหตุผลว่าเป็น คุณสมบัติพิเศษ อำนวยการเฉพาะด้าน ฯลฯ

ที่จะเกิดจริงคือเงินเดือนไม่ได้เลื่อนไหลเต็มที่ตามตำแหน่งใหม่ ก็เพราะเงินงบประมาณเงินเดือนของรัฐมีเท่าเดิม โครงสร้งงานก็เหมือนเดิม ดังนั้น ในแต่ละตำแหน่ง เช่น ชำนาญการพิเศษสายวิชาการวิชาชีพ ซึ่งมาจาก ซี 6-7 ก็จะมีโควต้าตำแหน่งปลีกย่อยอีกว่าขั้นไหน ต้องมีขั้นตอนขยับขึ้นคล้ายเดิม งายก็ทำเหมือนเดิม

สรุป ผมว่า เหล้าเก่าในขวดใหม่ครับ (แต่กว่าจะเปลี่ยนนี่ใ้ช้เงินประชุม สัมมนา อบรม เผยแพร่ ไปหลายบาทครับ)

^
^
^
ที่จริงก็ไม่ใช่เอาซีมาแบ่งเหมือนกันหมดนะครับ  ยังมีปลีกย่อยกว่าการเอาซีมาแบ่งแท่ง(4แท่ง)
อย่างซี 6และ7 ของผม ก็ยังอยู่แท่ง 1 แท่งปฏิบัติการทั่วไปเลยครับ สมมตินะครับ
จพง.6,จนท.6,วิชาการ 6,บริหาร 6 ซี 6 เหมือนกัน แต่อยู่คนละแท่งครับ

รายละเอียดนั้น บานตะทัย
แต่ผมเห็นด้วยครับว่า ปรับแล้วได้อะไร เหมือนดีขึ้นนะ แต่วังวนเหมือนเดิม ตราบใดที่เราไม่มีระบบการตรวจสอบคุณภาพที่ดีพอ ศุกร์เมาเสาร์นอน อาทิตย์ถอน จันทร์ลา ได้ 2 ขั้นทุกปี มากมายไปครับ

สำหรับผมไม่คิดอะไรมาก ขอแค่ได้ทำงานช่วยเหลือประชาชนในอาชีพของผม ก็มีความสุขแล้วครับ

ตอบ จขกท.
ให้หัวหน้าน่วยงานเป็นคนรับรองครับ เพราะยังไงหน่วยงานก็ต้องมีลำดับชั้นในการบริหารงานอยู่แล้ว อันนี้ไม่เปลี่ยนไปไหนครับ

ยกเลิก C แล้ว ไม่รู้ว่าจะยกเลิกสวัสดิการด้วยรึเปล่า  ใครทราบบ้างครับ  ::014::

ที่ผมพอจะทราบเล็กน้อยก็คือ  การยกเลิกระบบซี  คือขั้นตอนหนึ่งของการปฏิรูประบบราชการครับ
เพราะระบบซี  คือการไต่เต้าตามขั้นเงินเดือน  อาจไม่ได้มองถึงเนื้องานหรือผลปฏิบัติงาน
แต่ระบบใหม่  คือจะมองถึงเนื้องานหรือผลปฏิบัติงานเป้นหลัก  แล้วจะพิจารณาขั้นเงินเดือน

ถึงอย่างไรผมต้องรบกวนท่านลองศึกษาเพิ่มเติมดูนะครับ
ที่ผมไม่สนใจเพราะว่าผมไม่ใช่ข้าราชการ  ผมประชาชนเต็มขั้นครับ

อนาคตนั้น สวัสดิการก็ลดลงอย่างแน่นอน ถึงตรงนั้น ข้าราชการคงไม่มีแล้วยกเว้นฝ่ายความมั่นคงของชาติ อาจมีบริษัทเข้ามารับทำหน้าที่นั้นๆแทนเรา ซึ่งเป็นแผนฯในระยะยาวหลายปี จะเป็นระบบประกันสังคมแทน อาจเพิ่มเงินเดือนตามเปอร์เซ็นต์ เพื่อซื้อประกันสุขภาพประกันตัวเองครับ


ครับปัจจุบันนี้เราก็ใช้ระบบประเมินผลงานเช่นกัน ข้าราชการทั่วไปย่อมทราบดี ปีละ 2 ครั้งโดยการให้คะแนน และจัดลำดับชั้น ซึ่งบางปี บางกระทรวงก็มี บ.ทิชส์(เอาคนอื่นมาประเมินเพื่อความเป็นกลาง) เข้ามาตรวจสอบประเมินผล เพื่อดูสมรรถนะ เอาผลงานเป็นหลัก
แต่ผลที่ได้ กลับออกมาเป็นว่า ปีนี้อยากให้ 2 ขั้นใคร ก็ให้คะแนนคนนั้นมากหน่อย ลำดับดีกว่าคนที่ไม่ได้ ซึ่งเป็นลิสส์ไว้อยุ่แล้ว สุดท้ายสมรรถนะเลยจอมปลอม และไม่ตรงไปตรงมา ผมคนหนึ่งครับขอสนับสนุนให้มีการประเมินผลแบบตรงไปตรงมา แต่ก็ยากครับที่คณะกรรมการจะมาคอยตรวจสอบเฝ้าดูข้าราชการทั้งประเทศ มันอยู่ที่จิตสามัญสำนึกของข้าราชการคนนั้นๆ ที่เป็นผู้ปฏิบัติ และผู้ประเมิน ...

เวลาทำงานให้นึกถึงวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีไว้ครับ ที่เราให้คำสัจปฏิญานการเป็นข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ  ที่เราเปล่งเสียงดังฟังชัดว่าเราจะปฏิบัติตนอย่างไร.. ::014::

ตอนประเมิณ เห็น ว่า มีตัวโปรแกรมในการประเมิณ ชื่อ โปรแกรม เจ็ทโท้ อะไรนี่แหละ ครับ

นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ. กล่าววันนี้ (9 ธ.ค.) ว่า จากการประกาศใช้ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2551 และ บทเฉพาะกาลกำหนดให้แก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี โดยเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2551 สำนักงาน ก.พ. ได้แจ้งเวียนหนังสือเวียนที่ นร 1006/ว 6 เรื่องแนวทางปฏิบัติการกำหนดอัตรากำลังและแต่งตั้งข้าราชการในระหว่าง การปรับใช้ พ.ร.บ.ใหม่ เพื่อให้ข้าราชการคงกรอบอัตรากำลังเดิมไว้และชะลอการบรรจุแต่งตั้ง เมื่อตำแหน่งหยุด การเคลื่อนไหวในช่วงระยะเวลาหนึ่งจึงสามารถจัดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ เข้าประเภทตำแหน่ง สายงาน และระดับตำแหน่ง ตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งใหม่อย่างถูกต้องและเหมาะสม ให้แล้วเสร็จในวันที่ 11 ธันวาคม 2551 เพื่อให้การใช้บังคับตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ในทุกลักษณะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ขณะนี้การจัดทำบัญชีจัดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ ได้เสร็จแล้ว โดยแบ่งข้าราชการพลเรือนสามัญออกเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย บริหาร อำนวยการ วิชาการ และทั่วไป ซึ่งขั้นตอนจากนี้ไปทุกส่วนราชการจะต้องดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน สามัญให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

“ 11 ธ.ค. เป็นวันที่ ก.พ. จะประกาศบัญชีจัดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามกฎหมายใหม่เพื่อส่งให้ส่วนราชการ หรือเป็นวันที่จะประกาศว่าข้าราชการพลเรือนสามัญที่เดิมเคยอยู่ในตำแหน่งซี 1 ซี 2 ไปจนถึงซี 11 จะไปอยู่ในตำแหน่งประเภทใด ระดับใด ซึ่งมาวันนี้ถือได้ว่าพร้อมแล้ว หลังจากที่สำนักงาน ก.พ. และส่วนราชการได้ช่วยกันดำเนินการมาตั้งแต่เดือนม.ค.2551 หรือหลังจากที่ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีผลใช้บังคับ และบทเฉพาะกาลกำหนดให้แก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี โดยหลังจากนี้ส่วนราชการจะไปดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการให้แล้วเสร็จ ขณะที่สำนักงาน ก.พ.ก็จะเร่งออกกฎหมายลำดับรองให้เสร็จทันตามกำหนด” เลขาธิการ ก.พ. กล่าว

สำหรับ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ร่างขึ้นโดยยึดหลักการจัดระเบียบข้าราชการพลเรือน ต้องเป็นไปเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในภารกิจภาครัฐ มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า เป็นไปตามหลักคุณธรรม โดยข้าราชการต้องเป็นผู้ที่มีคุณภาพ คุณธรรม ตลอดจนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ขณะที่การจัดคนลงตำแหน่งนั้น ยึดหลักคือให้ข้าราชการทุกคนอยู่ในสถานะเดิม และคงในเรื่องสิทธิประโยชน์ ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลที่เกิดขึ้นนี้เอง มั่นใจว่าจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ รวมทั้ง การบริการประชาชน จากการบริหารงานภาครัฐที่มีความคล่องตัวขึ้น

“การประกาศใช้ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ซึ่งล่าสุด ก.พ.ได้กำหนดให้ การจัดคนลงตำแหน่งต้องเสร็จสิ้นในวันที่ 11 ธ.ค. จะทำให้การบริหารงานภาครัฐมีความคล่องตัวขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงในเรื่องค่าตอบแทน จากเดิมที่มีเพียงบัญชีเดียว แต่ต่อไป การแบ่งข้าราชการเป็น 4 ประเภท จะทำให้การปรับเปลี่ยนบัญชีเงินเดือนทำได้สะดวกขึ้น และค่าตอบแทนตามบัญชีก็จะใกล้เคียงกับราคาตลาดที่ปัจจุบันมีการแข่งขันกัน มากขึ้น” เลขาธิการ ก.พ.กล่าว

ว่ากันตามจริงนะครับ...

เปลี่ยนกันซักทีก็ดีครับ...

ขู่ผมมาหลายปีแล้ว...

จัดอบรมกันไปก็หลายรอบ...

รอมานานเข้าแท่งซักทีก็ดีครับ...:D

ไม่ถูกใจ เลย ระบบ แท่ง เนี่ย มันก็ คือเดิม
ระบบเส้นสาย ไม่แตกต่าง

ขอบคุณ เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่านนะครับที่เข้ามาตอบใจกระจ่างครับ ::002:: ::014::

สำหรับหน่วยงานของผม ระบบเดิมเอื้อให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่มากกว่าระบบแท่ง ครับ..

สุดท้ายก็เสียดาย ภาษี อีกแล้วครับ.... ::004::